Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๔. ลตาวิมานวณฺณนา
4. Latāvimānavaṇṇanā
ลตา จ สชฺชา ปวรา จ เทวตาติ ลตาวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน จ สมเยน สาวตฺถิวาสิโน อญฺญตรสฺส อุปาสกสฺส ธีตา ลตา นาม ปณฺฑิตา พฺยตฺตา เมธาวินี ปติกุลํ คตา ภตฺตุ สสฺสุสสุรานญฺจ มนาปจารินี ปิยวาทินี ปริชนสฺส สงฺคหกุสลา เคเห กุฎุมฺพภารสฺส นิตฺถรณสมตฺถา อโกฺกธนา สีลาจารสมฺปนฺนา ทานสํวิภาครตา อขณฺฑปญฺจสีลา อุโปสถรกฺขเณ จ อปฺปมตฺตา อโหสิฯ สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ ลตาเตฺวว นาเมนฯ อญฺญาปิ ตสฺสา สชฺชา, ปวรา, อจฺจิมตี, สุตาติ จตโสฺส ภคินิโย อเหสุํฯ ตา ปญฺจปิ สเกฺกน เทวราเชน อาเนตฺวา นาฎกิตฺถิภาเวน ปริจาริกฎฺฐาเน ฐปิตาฯ ลตา ปนสฺส นจฺจคีตาทีสุ เฉกตาย อิฎฺฐตรา อโหสิฯ
Latāca sajjā pavarā ca devatāti latāvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena ca samayena sāvatthivāsino aññatarassa upāsakassa dhītā latā nāma paṇḍitā byattā medhāvinī patikulaṃ gatā bhattu sassusasurānañca manāpacārinī piyavādinī parijanassa saṅgahakusalā gehe kuṭumbabhārassa nittharaṇasamatthā akkodhanā sīlācārasampannā dānasaṃvibhāgaratā akhaṇḍapañcasīlā uposatharakkhaṇe ca appamattā ahosi. Sā aparabhāge kālaṃ katvā vessavaṇassa mahārājassa dhītā hutvā nibbatti latātveva nāmena. Aññāpi tassā sajjā, pavarā, accimatī, sutāti catasso bhaginiyo ahesuṃ. Tā pañcapi sakkena devarājena ānetvā nāṭakitthibhāvena paricārikaṭṭhāne ṭhapitā. Latā panassa naccagītādīsu chekatāya iṭṭhatarā ahosi.
ตาสํ เอกโต สมาคนฺตฺวา สุขนิสชฺชาย นิสินฺนานํ สงฺคีตเนปุญฺญํ ปฎิจฺจ วิวาโท อุปฺปโนฺนฯ ตา สพฺพาปิ เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิํสุ ‘‘ตาต, กตมา อมฺหากํ นจฺจาทีสุ กุสลา’’ติ? โส เอวมาห ‘‘คจฺฉถ ธีตโร อโนตตฺตทหตีเร เทวสมาคเม สงฺคีตํ ปวเตฺตถ, ตตฺถ โว วิเสโส ปากโฎ ภวิสฺสตี’’ติฯ ตา ตถา อกํสุฯ ตตฺถ เทวปุตฺตา ลตาย นจฺจมานาย อตฺตโน สภาเวน ฐาตุํ นาสกฺขิํสุ, สญฺชาตปหาสา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา นิรนฺตรํ สาธุการํ เทนฺตา อุกฺกุฎฺฐิสเทฺท เจลุเกฺขเป จ ปวเตฺตนฺตา หิมวนฺตํ กมฺปยมานา วิย มหนฺตํ โกลาหลมกํสุฯ อิตราสุ ปน นจฺจนฺตีสุ สิสิรกาเล โกกิลา วิย ตุณฺหีภูตา นิสีทิํสุฯ เอวํ ตตฺถ สงฺคีเต ลตาย วิเสโส ปากโฎ อโหสิฯ
Tāsaṃ ekato samāgantvā sukhanisajjāya nisinnānaṃ saṅgītanepuññaṃ paṭicca vivādo uppanno. Tā sabbāpi vessavaṇassa mahārājassa santikaṃ gantvā pucchiṃsu ‘‘tāta, katamā amhākaṃ naccādīsu kusalā’’ti? So evamāha ‘‘gacchatha dhītaro anotattadahatīre devasamāgame saṅgītaṃ pavattetha, tattha vo viseso pākaṭo bhavissatī’’ti. Tā tathā akaṃsu. Tattha devaputtā latāya naccamānāya attano sabhāvena ṭhātuṃ nāsakkhiṃsu, sañjātapahāsā acchariyabbhutacittajātā nirantaraṃ sādhukāraṃ dentā ukkuṭṭhisadde celukkhepe ca pavattentā himavantaṃ kampayamānā viya mahantaṃ kolāhalamakaṃsu. Itarāsu pana naccantīsu sisirakāle kokilā viya tuṇhībhūtā nisīdiṃsu. Evaṃ tattha saṅgīte latāya viseso pākaṭo ahosi.
อถ ตาสํ เทวธีตานํ สุตาย เทวธีตาย เอตทโหสิ ‘‘กิํ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อยํ ลตา อเมฺห อภิภุยฺย ติฎฺฐติ วเณฺณน เจว ยสสา จ, ยํนูนาหํ ลตาย กตกมฺมํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ สา ตํ ปุจฺฉิฯ อิตราปิ ตสฺสา เอตมตฺถํ วิสฺสเชฺชสิฯ ตยิทํ สพฺพํ เวสฺสวณมหาราชา เทวจาริกวเสน อุปคตสฺส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อาจิกฺขิฯ เถโร ตมตฺถํ ปุจฺฉาย มูลการณโต ปฎฺฐาย ภควโต อาโรเจโนฺต –
Atha tāsaṃ devadhītānaṃ sutāya devadhītāya etadahosi ‘‘kiṃ nu kho kammaṃ katvā ayaṃ latā amhe abhibhuyya tiṭṭhati vaṇṇena ceva yasasā ca, yaṃnūnāhaṃ latāya katakammaṃ puccheyya’’nti. Sā taṃ pucchi. Itarāpi tassā etamatthaṃ vissajjesi. Tayidaṃ sabbaṃ vessavaṇamahārājā devacārikavasena upagatassa āyasmato mahāmoggallānassa ācikkhi. Thero tamatthaṃ pucchāya mūlakāraṇato paṭṭhāya bhagavato ārocento –
๓๑๖.
316.
‘‘ลตา จ สชฺชา ปวรา จ เทวตา, อจฺจิมตี ราชวรสฺส สิรีมโต;
‘‘Latā ca sajjā pavarā ca devatā, accimatī rājavarassa sirīmato;
สุตา จ รโญฺญ เวสฺสวณสฺส ธีตา, ราชีมตี ธมฺมคุเณหิ โสภถฯ
Sutā ca rañño vessavaṇassa dhītā, rājīmatī dhammaguṇehi sobhatha.
๓๑๗.
317.
‘‘ปเญฺจตฺถ นาริโย อาคมํสุ นฺหายิตุํ, สีโตทกํ อุปฺปลินิํ สิวํ นทิํ;
‘‘Pañcettha nāriyo āgamaṃsu nhāyituṃ, sītodakaṃ uppaliniṃ sivaṃ nadiṃ;
ตา ตตฺถ นฺหายิตฺวา รเมตฺวา เทวตา, นจฺจิตฺวา คายิตฺวา สุตา ลตํ พฺรวิฯ
Tā tattha nhāyitvā rametvā devatā, naccitvā gāyitvā sutā lataṃ bravi.
๓๑๘.
318.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ อุปฺปลมาลธารินิ, อาเวฬินิ กญฺจนสนฺนิภตฺตเจ;
‘‘Pucchāmi taṃ uppalamāladhārini, āveḷini kañcanasannibhattace;
ติมิรตมฺพกฺขิ นเภว โสภเน, ทีฆายุกี เกน กโต ยโส ตวฯ
Timiratambakkhi nabheva sobhane, dīghāyukī kena kato yaso tava.
๓๑๙.
319.
‘‘เกนาสิ ภเทฺท ปติโน ปิยตรา, วิสิฎฺฐกลฺยาณิตรสฺสุ รูปโต;
‘‘Kenāsi bhadde patino piyatarā, visiṭṭhakalyāṇitarassu rūpato;
ปทกฺขิณา นจฺจนคีตวาทิเต, อาจิกฺข โน ตฺวํ นรนาริปุจฺฉิตา’’ติฯ –
Padakkhiṇā naccanagītavādite, ācikkha no tvaṃ naranāripucchitā’’ti. –
สุตาย ปุจฺฉาฯ
Sutāya pucchā.
๓๒๐.
320.
‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, อุฬารโภเค กุเล สุณิสา อโหสิํ;
‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūtā, uḷārabhoge kule suṇisā ahosiṃ;
อโกฺกธนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี, อุโปสเถ อปฺปมตฺตา อโหสิํฯ
Akkodhanā bhattu vasānuvattinī, uposathe appamattā ahosiṃ.
๓๒๑.
321.
‘‘มนุสฺสภูตา ทหรา อปาปิกา, ปสนฺนจิตฺตา ปติมาภิราธยิํ;
‘‘Manussabhūtā daharā apāpikā, pasannacittā patimābhirādhayiṃ;
สเทวรํ สสฺสสุรํ สทาสกํ, อภิราธยิํ ตมฺหิ กโต ยโส มมฯ
Sadevaraṃ sassasuraṃ sadāsakaṃ, abhirādhayiṃ tamhi kato yaso mama.
๓๒๒.
322.
‘‘สาหํ เตน กุสเลน กมฺมุนา, จตุพฺภิ ฐาเนหิ วิเสสมชฺฌคา;
‘‘Sāhaṃ tena kusalena kammunā, catubbhi ṭhānehi visesamajjhagā;
อายุญฺจ วณฺณญฺจ สุขํ พลญฺจ, ขิฑฺฑารติํ ปจฺจนุโภมนปฺปกํฯ
Āyuñca vaṇṇañca sukhaṃ balañca, khiḍḍāratiṃ paccanubhomanappakaṃ.
๓๒๓.
323.
‘‘สุตํ นุ ตํ ภาสติ ยํ อยํ ลตา, ยํ โน อปุจฺฉิมฺห อกิตฺตยี โน;
‘‘Sutaṃ nu taṃ bhāsati yaṃ ayaṃ latā, yaṃ no apucchimha akittayī no;
ปติโน กิรมฺหากํ วิสิฎฺฐ นารีนํ, คตี จ ตาสํ ปวรา จ เทวตาฯ
Patino kiramhākaṃ visiṭṭha nārīnaṃ, gatī ca tāsaṃ pavarā ca devatā.
๓๒๔.
324.
‘‘ปตีสุ ธมฺมํ ปจราม สพฺพา, ปติพฺพตา ยตฺถ ภวนฺติ อิตฺถิโย;
‘‘Patīsu dhammaṃ pacarāma sabbā, patibbatā yattha bhavanti itthiyo;
ปตีสุ ธมฺมํ ปจริตฺวา สพฺพา, ลจฺฉามเส ภาสติ ยํ อยํ ลตาฯ
Patīsu dhammaṃ pacaritvā sabbā, lacchāmase bhāsati yaṃ ayaṃ latā.
๓๒๕.
325.
‘‘สีโห ยถา ปพฺพตสานุโคจโร, มหินฺธรํ ปพฺพตมาวสิตฺวา;
‘‘Sīho yathā pabbatasānugocaro, mahindharaṃ pabbatamāvasitvā;
ปสยฺห หนฺตฺวา อิตเร จตุปฺปเท, ขุเทฺท มิเค ขาทติ มํสโภชโนฯ
Pasayha hantvā itare catuppade, khudde mige khādati maṃsabhojano.
๓๒๖.
326.
‘‘ตเถว สทฺธา อิธ อริยสาวิกา, ภตฺตารํ นิสฺสาย ปติํ อนุพฺพตา;
‘‘Tatheva saddhā idha ariyasāvikā, bhattāraṃ nissāya patiṃ anubbatā;
โกธํ วธิตฺวา อภิภุยฺย มจฺฉรํ, สคฺคมฺหิ สา โมทติ ธมฺมจารินี’’ติฯ –
Kodhaṃ vadhitvā abhibhuyya maccharaṃ, saggamhi sā modati dhammacārinī’’ti. –
ลตาย วิสฺสชฺชนนฺติ อาหฯ
Latāya vissajjananti āha.
๓๑๖. ตตฺถ ลตา จ สชฺชา ปวรา อจฺจิมตี สุตาติ ตาสํ นามํฯ จ-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ ราชวรสฺสาติ จตุนฺนํ มหาราชานํ วรสฺส เสฎฺฐสฺส เทวราชสฺสฯ สกฺกสฺส ปริจาริกาติ อธิปฺปาโยฯ รโญฺญติ มหาราชสฺสฯ เตนาห ‘‘เวสฺสวณสฺส ธีตา’’ติ, อิทํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํ, วจนวิปลฺลาโส วา, ธีตโรติ อโตฺถฯ ราชติ วิโชฺชตตีติ ราชี, ราชีติ มตา ปญฺญาตา ราชีมตี, อิทํ ตาสํ สพฺพาสํ วิเสสนํฯ นามเมว เอตํ เอกิสฺสา เทวตายาติ เกจิ, เตสํ มเตน ‘‘ปวรา’’ติ สพฺพาสํ วิเสสนเมวฯ ธมฺมคุเณหีติ ธมฺมิเยหิ ธมฺมโต อนเปเตหิ คุเณหิ, ยถาภุจฺจคุเณหีติ อโตฺถฯ โสภถาติ วิโรจถฯ
316. Tattha latā ca sajjā pavarā accimatī sutāti tāsaṃ nāmaṃ. Ca-saddo samuccayattho. Rājavarassāti catunnaṃ mahārājānaṃ varassa seṭṭhassa devarājassa. Sakkassa paricārikāti adhippāyo. Raññoti mahārājassa. Tenāha ‘‘vessavaṇassa dhītā’’ti, idaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ, vacanavipallāso vā, dhītaroti attho. Rājati vijjotatīti rājī, rājīti matā paññātā rājīmatī, idaṃ tāsaṃ sabbāsaṃ visesanaṃ. Nāmameva etaṃ ekissā devatāyāti keci, tesaṃ matena ‘‘pavarā’’ti sabbāsaṃ visesanameva. Dhammaguṇehīti dhammiyehi dhammato anapetehi guṇehi, yathābhuccaguṇehīti attho. Sobhathāti virocatha.
๓๑๗. ปเญฺจตฺถ นาริโยติ ปญฺจ ยถาวุตฺตนามา เทวธีตโร เอตฺถ อิมสฺมิํ หิมวนฺตปเทเสฯ สีโตทกํ อุปฺปลินิํ สิวํ นทินฺติ อโนตตฺตทหโต นิกฺขนฺตนทิมุขํ สนฺธาย วทติฯ นจฺจิตฺวา คายิตฺวาติ ปิตุ เวสฺสวณสฺส อาณาย เทวสมาคเม ตาหิ กตสฺส นจฺจคีตสฺส วเสน วุตฺตํฯ สุตา ลตํ พฺรวีติ สุตา เทวธีตา ลตํ อตฺตโน ภคินิํ กเถสิฯ ‘‘สุตา ลตํ พฺรวุ’’นฺติปิ ปฐนฺติ, สุตา ธีตโร เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ลตํ กเถสุนฺติ อโตฺถฯ
317.Pañcettha nāriyoti pañca yathāvuttanāmā devadhītaro ettha imasmiṃ himavantapadese. Sītodakaṃ uppaliniṃ sivaṃ nadinti anotattadahato nikkhantanadimukhaṃ sandhāya vadati. Naccitvā gāyitvāti pitu vessavaṇassa āṇāya devasamāgame tāhi katassa naccagītassa vasena vuttaṃ. Sutā lataṃ bravīti sutā devadhītā lataṃ attano bhaginiṃ kathesi. ‘‘Sutā lataṃ bravu’’ntipi paṭhanti, sutā dhītaro vessavaṇassa mahārājassa lataṃ kathesunti attho.
๓๑๘. ติมิรตมฺพกฺขีติ นิจุลเกสรภาสสทิเสหิ ตมฺพราชีหิ สมนฺนาคตกฺขิฯ นเภว โสภเนติ นภํ วิย โสภมาเน, สรทสมเย อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ นภํ วิย สุวิสุทฺธงฺคปจฺจงฺคตาย วิราชมาเนติ อโตฺถฯ อถ วา นเภวาติ นเภ เอว, สมุจฺจยโตฺถ เอว-สโทฺท, อากาสฎฺฐวิมาเนสุ หิมวนฺตยุคนฺธราทิภูมิปฎิพทฺธฎฺฐาเนสุ จาติ สพฺพเตฺถว โสภมาเนติ อโตฺถฯ เกน กโตติ เกน กีทิเสน ปุเญฺญน นิพฺพตฺติโตฯ ยโสติ ปริวารสมฺปตฺติ กิตฺติสโทฺท จฯ กิตฺติสทฺทคฺคหเณน จ กิตฺติสทฺทเหตุภูตา คุณา คยฺหนฺติฯ
318.Timiratambakkhīti niculakesarabhāsasadisehi tambarājīhi samannāgatakkhi. Nabheva sobhaneti nabhaṃ viya sobhamāne, saradasamaye abbhamahikādiupakkilesavimuttaṃ nabhaṃ viya suvisuddhaṅgapaccaṅgatāya virājamāneti attho. Atha vā nabhevāti nabhe eva, samuccayattho eva-saddo, ākāsaṭṭhavimānesu himavantayugandharādibhūmipaṭibaddhaṭṭhānesu cāti sabbattheva sobhamāneti attho. Kena katoti kena kīdisena puññena nibbattito. Yasoti parivārasampatti kittisaddo ca. Kittisaddaggahaṇena ca kittisaddahetubhūtā guṇā gayhanti.
๓๑๙. ปติโน ปิยตราติ สามิโน ปิยตรา สามิวลฺลภาฯ เตนสฺสา สุภคตํ ทเสฺสติฯ วิสิฎฺฐกลฺยาณิตรสฺสู รูปโตติ รูปสมฺปตฺติยา วิสิฎฺฐา อุตฺตมา กลฺยาณิตรา สุนฺทรตรา, อสฺสูติ นิปาตมตฺตํฯ ‘‘วิสิฎฺฐกลฺยาณิตราสิ รูปโต’’ติ จ ปฐนฺติฯ ปทกฺขิณาติ ปกาเรหิ, วิเสเสน วา ทกฺขิณา กุสลาฯ นจฺจนคีตวาทิเตติ เอตฺถ นจฺจนาติ วิภตฺติโลโป กโต, นเจฺจ จ คีเต จ วาทิเต จาติ อโตฺถฯ นรนาริปุจฺฉิตาติ เทวปุเตฺตหิ เทวธีตาหิ จ ‘‘กหํ ลตา, กิํ กโรติ ลตา’’ติ รูปทสฺสนตฺถเญฺจว สิปฺปทสฺสนตฺถญฺจ ปุจฺฉิตาฯ
319.Patino piyatarāti sāmino piyatarā sāmivallabhā. Tenassā subhagataṃ dasseti. Visiṭṭhakalyāṇitarassū rūpatoti rūpasampattiyā visiṭṭhā uttamā kalyāṇitarā sundaratarā, assūti nipātamattaṃ. ‘‘Visiṭṭhakalyāṇitarāsi rūpato’’ti ca paṭhanti. Padakkhiṇāti pakārehi, visesena vā dakkhiṇā kusalā. Naccanagītavāditeti ettha naccanāti vibhattilopo kato, nacce ca gīte ca vādite cāti attho. Naranāripucchitāti devaputtehi devadhītāhi ca ‘‘kahaṃ latā, kiṃ karoti latā’’ti rūpadassanatthañceva sippadassanatthañca pucchitā.
๓๒๑. นิจฺจํ กาเยน อสํสฎฺฐตาย เทโว วิย รเมติ, ทุติโย วโรติ วา เทวโร, ภตฺตุ กนิฎฺฐภาตา, สห เทวเรนาติ สเทวรํฯ สสฺสุ จ สสุโร จ สสุรา, สห สสุเรหีติ สสฺสสุรํฯ สห ทาเสหิ ทาสีหิ จาติ สทาสกํ ปติมาภิราธยินฺติ สมฺพโนฺธฯ ตมฺหิ กโตติ ตมฺหิ กุเล, กาเล วา สุณิสากาเล กโต ยโส ตนฺนิพฺพตฺตกปุญฺญสฺส นิพฺพตฺตเนนาติ อธิปฺปาโยฯ มมาติ อิทํ ‘‘กโต’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘มยา’’ติ ปริณาเมตพฺพํฯ
321. Niccaṃ kāyena asaṃsaṭṭhatāya devo viya rameti, dutiyo varoti vā devaro, bhattu kaniṭṭhabhātā, saha devarenāti sadevaraṃ. Sassu ca sasuro ca sasurā, saha sasurehīti sassasuraṃ. Saha dāsehi dāsīhi cāti sadāsakaṃ patimābhirādhayinti sambandho. Tamhi katoti tamhi kule, kāle vā suṇisākāle kato yaso tannibbattakapuññassa nibbattanenāti adhippāyo. Mamāti idaṃ ‘‘kato’’ti padaṃ apekkhitvā ‘‘mayā’’ti pariṇāmetabbaṃ.
๓๒๒. จตุพฺภิ ฐาเนหีติ จตูหิ การเณหิ, จตูสุ วา ฐาเนสุ นิมิตฺตภูเตสุฯ วิเสสมชฺฌคาติ อญฺญาหิ อติสยํ อธิคตาฯ อายุญฺจ วณฺณญฺจ สุขํ พลญฺจาติ ‘‘จตูหิ ฐาเนหี’’ติ วุตฺตานํ สรูปโต ทสฺสนํฯ อายุอาทโย เอว หิสฺสา อญฺญาหิ วิสิฎฺฐสภาวตาย วิเสสา ตสฺสา ตถา สมฺภาวนาวเสน คเหตพฺพตาย เหตุภาวโต ‘‘ฐาน’’นฺติ จ วุตฺตํฯ วิเสสมชฺฌคาฯ กีทิสํ? อายุญฺจ วณฺณญฺจ สุขญฺจ พลญฺจาติ โยชนาฯ
322.Catubbhiṭhānehīti catūhi kāraṇehi, catūsu vā ṭhānesu nimittabhūtesu. Visesamajjhagāti aññāhi atisayaṃ adhigatā. Āyuñca vaṇṇañca sukhaṃ balañcāti ‘‘catūhi ṭhānehī’’ti vuttānaṃ sarūpato dassanaṃ. Āyuādayo eva hissā aññāhi visiṭṭhasabhāvatāya visesā tassā tathā sambhāvanāvasena gahetabbatāya hetubhāvato ‘‘ṭhāna’’nti ca vuttaṃ. Visesamajjhagā. Kīdisaṃ? Āyuñca vaṇṇañca sukhañca balañcāti yojanā.
๓๒๓. สุตํ นุ ตํ ภาสติ ยํ อยํ ลตาติ อยํ ลตา อมฺหากํ เชฎฺฐภคินี ยํ ภาสติ, ตํ ตุเมฺหหิ สุตํ นุ กิํ อสุต’’นฺติ อิตรา ติโสฺส ภคินิโย ปุจฺฉติฯ ยํ โนติ ยํ อมฺหากํ สํสยิตํฯ โนติ นิปาตมตฺตํ, ปุน โนติ อมฺหากํ, อวธารเณ วา ‘‘น โน สมํ อตฺถี’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วิย, เตน อกิตฺตยิเยว, อวิปรีตํ พฺยากาสิเยวาติ อโตฺถฯ ปติโน กิรมฺหากํ วิสิฎฺฐ นารีนํ, คตี จ ตาสํ ปวรา จ เทวตาติ อนตฺถโต ปาลนโต ปติโน สามิกา นา อมฺหากํ นารีนํ อิตฺถีนํ วิสิฎฺฐา คติ จ ตาสํ ปฎิสรณญฺจ, ตาสํ มาตุคามานํ สรณโต ปวรา อุตฺตมา เทวตา จ สมฺมเทว อาราธิตา สมฺปติ อายติญฺจ หิตสุขาวหาติ อโตฺถฯ
323.Sutaṃnu taṃ bhāsati yaṃ ayaṃ latāti ayaṃ latā amhākaṃ jeṭṭhabhaginī yaṃ bhāsati, taṃ tumhehi sutaṃ nu kiṃ asuta’’nti itarā tisso bhaginiyo pucchati. Yaṃ noti yaṃ amhākaṃ saṃsayitaṃ. Noti nipātamattaṃ, puna noti amhākaṃ, avadhāraṇe vā ‘‘na no samaṃ atthī’’tiādīsu (khu. pā. 6.3; su. ni. 226) viya, tena akittayiyeva, aviparītaṃ byākāsiyevāti attho. Patino kiramhākaṃ visiṭṭha nārīnaṃ, gatī ca tāsaṃ pavarā ca devatāti anatthato pālanato patino sāmikā nā amhākaṃ nārīnaṃ itthīnaṃ visiṭṭhā gati ca tāsaṃ paṭisaraṇañca, tāsaṃ mātugāmānaṃ saraṇato pavarā uttamā devatā ca sammadeva ārādhitā sampati āyatiñca hitasukhāvahāti attho.
๓๒๔. ปตีสุ ธมฺมํ ปจราม สพฺพาติ สพฺพาว มยํ ปตีสุ อตฺตโน สามิเกสุ ปุพฺพุฎฺฐานาทิกํ จริตพฺพธมฺมํ ปจรามฯ ยตฺถาติ ยํ นิมิตฺตํ, ยสฺมิํ วา ปตีสุ จริตพฺพธเมฺม จริยมาเน อิตฺถิโย ปติพฺพตา นาม ภวนฺติฯ ลจฺฉามเส ภาสติ ยํ อยํ ลตาติ อยํ ลตา ยํ สมฺปตฺติํ เอตรหิ ลภตีติ ภาสติ, ตํ สมฺปตฺติํ ปตีสุ ธมฺมํ ปจริตฺวาติ ลภิสฺสามฯ
324.Patīsu dhammaṃ pacarāma sabbāti sabbāva mayaṃ patīsu attano sāmikesu pubbuṭṭhānādikaṃ caritabbadhammaṃ pacarāma. Yatthāti yaṃ nimittaṃ, yasmiṃ vā patīsu caritabbadhamme cariyamāne itthiyo patibbatā nāma bhavanti. Lacchāmase bhāsati yaṃ ayaṃ latāti ayaṃ latā yaṃ sampattiṃ etarahi labhatīti bhāsati, taṃ sampattiṃ patīsu dhammaṃ pacaritvāti labhissāma.
๓๒๕. ปพฺพตสานุโคจโรติ ปพฺพตวนสณฺฑจารีฯ มหินฺธรํ ปพฺพตมาวสิตฺวาติ มหิํ ธาเรตีติ มหินฺธรนามกํ ปพฺพตํ อจลํ อาวสิตฺวา อธิวสิตฺวา, ตตฺถ วสโนฺตติ อโตฺถฯ ‘‘อาวสิตฺวา’’ติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ภุมฺมเตฺถ เจตํ อุปโยควจนํฯ ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวาฯ ขุเทฺทติ พลวเสนนิหีเน ปมาณโต ปน มหเนฺต หตฺถิอาทิเกปิ มิเค โส หนฺติเยวฯ
325.Pabbatasānugocaroti pabbatavanasaṇḍacārī. Mahindharaṃ pabbatamāvasitvāti mahiṃ dhāretīti mahindharanāmakaṃ pabbataṃ acalaṃ āvasitvā adhivasitvā, tattha vasantoti attho. ‘‘Āvasitvā’’ti hi padaṃ apekkhitvā bhummatthe cetaṃ upayogavacanaṃ. Pasayhāti abhibhavitvā. Khuddeti balavasenanihīne pamāṇato pana mahante hatthiādikepi mige so hantiyeva.
๓๒๖. ตเถวาติ คาถาย อยํ อุปมาสํสนฺทเนน สทฺธิํ อตฺถโยชนา – ยถา สีโห อตฺตโน นิวาสโคจรฎฺฐานภูตํ ปพฺพตํ นิสฺสาย วสโนฺต อตฺตโน ยถิจฺฉิตมตฺถํ สาเธติ, เอวเมว สา สทฺธา ปสนฺนา อริยสาวิกา ฆาสจฺฉาทนาทีหิ ภรณโต โปสนโต ภตฺตารํ ปติํ สามิกํ นิสฺสาย วสนฺตี สพฺพตฺถาปิ ปติอนุกูลตาสงฺขาเตน วเตน ตํ อนุพฺพตา ปริชนาทีสุ อุปฺปชฺชนกํ โกธํ วธิตฺวา ปชหิตฺวา ปริคฺคหวตฺถูสุ อุปฺปชฺชนกํ มเจฺฉรํ อภิภุยฺย อภิภวิตฺวา อนุปฺปาเทตฺวา ปติพฺพตาธมฺมสฺส จ อุปาสิกาธมฺมสฺส จ สมฺมเทว จรณโต ธมฺมจารินี สา สคฺคมฺหิ เทวโลเก โมทติ, ปโมทํ อาปชฺชตีติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
326.Tathevāti gāthāya ayaṃ upamāsaṃsandanena saddhiṃ atthayojanā – yathā sīho attano nivāsagocaraṭṭhānabhūtaṃ pabbataṃ nissāya vasanto attano yathicchitamatthaṃ sādheti, evameva sā saddhā pasannā ariyasāvikā ghāsacchādanādīhi bharaṇato posanato bhattāraṃ patiṃ sāmikaṃ nissāya vasantī sabbatthāpi patianukūlatāsaṅkhātena vatena taṃ anubbatā parijanādīsu uppajjanakaṃ kodhaṃ vadhitvā pajahitvā pariggahavatthūsu uppajjanakaṃ maccheraṃ abhibhuyya abhibhavitvā anuppādetvā patibbatādhammassa ca upāsikādhammassa ca sammadeva caraṇato dhammacārinī sā saggamhi devaloke modati, pamodaṃ āpajjatīti. Sesaṃ vuttanayameva.
ลตาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Latāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๔. ลตาวิมานวตฺถุ • 4. Latāvimānavatthu