Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๕๗] ๗. ลฎุกิกชาตกวณฺณนา
[357] 7. Laṭukikajātakavaṇṇanā
วนฺทามิ ตํ กุญฺชร สฎฺฐิหายนนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, สเตฺตสุ กรุณามตฺตมฺปิสฺส นตฺถี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส นิกฺกรุโณเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Vandāmi taṃ kuñjara saṭṭhihāyananti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi divase bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, devadatto kakkhaḷo pharuso sāhasiko, sattesu karuṇāmattampissa natthī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa nikkaruṇoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปาสาทิโก มหากาโย อสีติสหสฺสวารณปริวาโร ยูถปติ หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหาสิฯ ตทา เอกา ลฎุกิกา สกุณิกา หตฺถีนํ วิจรณฎฺฐาเน อณฺฑานิ นิกฺขิปิ, ตานิ ปริณตานิ ภินฺทิตฺวา สกุณโปตกา นิกฺขมิํสุฯ เตสุ อวิรุฬฺหปเกฺขสุ อุปฺปติตุํ อสโกฺกเนฺตสุเยว มหาสโตฺต อสีติสหสฺสวารณปริวุโต โคจราย จรโนฺต ตํ ปเทสํ ปโตฺตฯ ตํ ทิสฺวา ลฎุกิกา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ หตฺถิราชา มม โปตเก มทฺทิตฺวา มาเรสฺสติ, หนฺท นํ ปุตฺตกานํ ปริตฺตาณตฺถาย ธมฺมิการกฺขํ ยาจามี’’ติฯ สา อุโภ ปเกฺข เอกโต กตฺวา ตสฺส ปุรโต ฐตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto hatthiyoniyaṃ nibbattitvā vayappatto pāsādiko mahākāyo asītisahassavāraṇaparivāro yūthapati hutvā himavantapadese vihāsi. Tadā ekā laṭukikā sakuṇikā hatthīnaṃ vicaraṇaṭṭhāne aṇḍāni nikkhipi, tāni pariṇatāni bhinditvā sakuṇapotakā nikkhamiṃsu. Tesu aviruḷhapakkhesu uppatituṃ asakkontesuyeva mahāsatto asītisahassavāraṇaparivuto gocarāya caranto taṃ padesaṃ patto. Taṃ disvā laṭukikā cintesi ‘‘ayaṃ hatthirājā mama potake madditvā māressati, handa naṃ puttakānaṃ parittāṇatthāya dhammikārakkhaṃ yācāmī’’ti. Sā ubho pakkhe ekato katvā tassa purato ṭhatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๓๙.
39.
‘‘วนฺทามิ ตํ กุญฺชร สฎฺฐิหายนํ, อารญฺญกํ ยูถปติํ ยสสฺสิํ;
‘‘Vandāmi taṃ kuñjara saṭṭhihāyanaṃ, āraññakaṃ yūthapatiṃ yasassiṃ;
ปเกฺขหิ ตํ ปญฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติฯ
Pakkhehi taṃ pañjalikaṃ karomi, mā me vadhī puttake dubbalāyā’’ti.
ตตฺถ สฎฺฐิหายนนฺติ สฎฺฐิวสฺสกาเล หายนพลํฯ ยสสฺสินฺติ ปริวารสมฺปนฺนํฯ ปเกฺขหิ ตํ ปญฺจลิกํ กโรมีติ อหํ ปเกฺขหิ ตํ อญฺชลิกํ กโรมีติ อโตฺถฯ
Tattha saṭṭhihāyananti saṭṭhivassakāle hāyanabalaṃ. Yasassinti parivārasampannaṃ. Pakkhehi taṃ pañcalikaṃ karomīti ahaṃ pakkhehi taṃ añjalikaṃ karomīti attho.
มหาสโตฺต ‘‘มา จินฺตยิ ลฎุกิเก, อหํ เต ปุตฺตเก รกฺขิสฺสามี’’ติ สกุณโปตกานํ อุปริ ฐตฺวา อสีติยา หตฺถิสหเสฺสสุ คเตสุ ลฎุกิกํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ลฎุกิเก อมฺหากํ ปจฺฉโต เอโก เอกจาริโก หตฺถี อาคจฺฉติ, โส อมฺหากํ วจนํ น กริสฺสติ, ตสฺมิํ อาคเต ตมฺปิ ยาจิตฺวา ปุตฺตกานํ โสตฺถิภาวํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิฯ สาปิ ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อุโภหิ ปเกฺขหิ อญฺชลิํ กตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Mahāsatto ‘‘mā cintayi laṭukike, ahaṃ te puttake rakkhissāmī’’ti sakuṇapotakānaṃ upari ṭhatvā asītiyā hatthisahassesu gatesu laṭukikaṃ āmantetvā ‘‘laṭukike amhākaṃ pacchato eko ekacāriko hatthī āgacchati, so amhākaṃ vacanaṃ na karissati, tasmiṃ āgate tampi yācitvā puttakānaṃ sotthibhāvaṃ kareyyāsī’’ti vatvā pakkāmi. Sāpi tassa paccuggamanaṃ katvā ubhohi pakkhehi añjaliṃ katvā dutiyaṃ gāthamāha –
๔๐.
40.
‘‘วนฺทามิ ตํ กุญฺชร เอกจาริํ, อารญฺญกํ ปพฺพตสานุโคจรํ;
‘‘Vandāmi taṃ kuñjara ekacāriṃ, āraññakaṃ pabbatasānugocaraṃ;
ปเกฺขหิ ตํ ปญฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติฯ
Pakkhehi taṃ pañjalikaṃ karomi, mā me vadhī puttake dubbalāyā’’ti.
ตตฺถ ปพฺพตสานุโคจรนฺติ ฆนเสลปพฺพเตสุ จ ปํสุปพฺพเตสุ จ โคจรํ คณฺหนฺตํฯ
Tattha pabbatasānugocaranti ghanaselapabbatesu ca paṃsupabbatesu ca gocaraṃ gaṇhantaṃ.
โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตติยํ คาถมาห –
So tassā vacanaṃ sutvā tatiyaṃ gāthamāha –
๔๑.
41.
‘‘วธิสฺสามิ เต ลฎุกิเก ปุตฺตกานิ, กิํ เม ตุวํ กาหสิ ทุพฺพลาสิ;
‘‘Vadhissāmi te laṭukike puttakāni, kiṃ me tuvaṃ kāhasi dubbalāsi;
สตํ สหสฺสานิปิ ตาทิสีนํ, วาเมน ปาเทน ปโปถเยยฺย’’นฺติฯ
Sataṃ sahassānipi tādisīnaṃ, vāmena pādena papothayeyya’’nti.
ตตฺถ วธิสฺสามิ เตติ ตฺวํ กสฺมา มม วิจรณมเคฺค ปุตฺตกานิ ฐเปสิ, ยสฺมา ฐเปสิ, ตสฺมา วธิสฺสามิ เต ปุตฺตกานีติ วทติฯ กิํ เม ตุวํ กาหสีติ มยฺหํ มหาถามสฺส ตฺวํ ทุพฺพลา กิํ กริสฺสสิฯ ปโปถเยยฺยนฺติ อหํ ตาทิสานํ ลฎุกิกานํ สตสหสฺสมฺปิ วาเมน ปาเทน สญฺจุเณฺณยฺยํ, ทกฺขิณปาเทน ปน กถาว นตฺถีติฯ
Tattha vadhissāmi teti tvaṃ kasmā mama vicaraṇamagge puttakāni ṭhapesi, yasmā ṭhapesi, tasmā vadhissāmi te puttakānīti vadati. Kiṃ me tuvaṃ kāhasīti mayhaṃ mahāthāmassa tvaṃ dubbalā kiṃ karissasi. Papothayeyyanti ahaṃ tādisānaṃ laṭukikānaṃ satasahassampi vāmena pādena sañcuṇṇeyyaṃ, dakkhiṇapādena pana kathāva natthīti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา โส ตสฺสา ปุตฺตเก ปาเทน สญฺจุเณฺณตฺวา มุเตฺตน ปวาเหตฺวา นทโนฺตว ปกฺกามิฯ ลฎุกิกา รุกฺขสาขาย นิลียิตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว วารณ นทโนฺต คจฺฉสิ, กติปาเหเนว เม กิริยํ ปสฺสิสฺสสิ, กายพลโต ญาณพลสฺส มหนฺตภาวํ น ชานาสิ, โหตุ, ชานาเปสฺสามิ น’’นฺติ ตํ สนฺตชฺชยมานาว จตุตฺถํ คาถมาห –
Evañca pana vatvā so tassā puttake pādena sañcuṇṇetvā muttena pavāhetvā nadantova pakkāmi. Laṭukikā rukkhasākhāya nilīyitvā ‘‘idāni tāva vāraṇa nadanto gacchasi, katipāheneva me kiriyaṃ passissasi, kāyabalato ñāṇabalassa mahantabhāvaṃ na jānāsi, hotu, jānāpessāmi na’’nti taṃ santajjayamānāva catutthaṃ gāthamāha –
๔๒.
42.
‘‘น เหว สพฺพตฺถ พเลน กิจฺจํ, พลญฺหิ พาลสฺส วธาย โหติ;
‘‘Na heva sabbattha balena kiccaṃ, balañhi bālassa vadhāya hoti;
กริสฺสามิ เต นาคราชา อนตฺถํ, โย เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติฯ
Karissāmi te nāgarājā anatthaṃ, yo me vadhī puttake dubbalāyā’’ti.
ตตฺถ พเลนาติ กายพเลนฯ อนตฺถนฺติ อวุฑฺฒิํฯ โย เมติ โย ตฺวํ มม ทุพฺพลาย ปุตฺตเก วธี ฆาเตสิฯ
Tattha balenāti kāyabalena. Anatthanti avuḍḍhiṃ. Yo meti yo tvaṃ mama dubbalāya puttake vadhī ghātesi.
สา เอวํ วตฺวา กติปาหํ เอกํ กากํ อุปฎฺฐหิตฺวา เตน ตุเฎฺฐน ‘‘กิํ เต กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘สามิ, อญฺญํ เม กาตพฺพํ นตฺถิ, เอกสฺส ปน เอกจาริกวารณสฺส ตุเณฺฑน ปหริตฺวา ตุเมฺหหิ อกฺขีนิ ภินฺนานิ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาหฯ สา เตน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตา เอกํ นีลมกฺขิกํ อุปฎฺฐหิฯ ตายปิ ‘‘กิํ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘อิมินา กาเกน เอกจาริกวารณสฺส อกฺขีสุ ภิเนฺนสุ ตุเมฺหหิ ตตฺถ อาสาฎิกํ ปาเตตุํ อิจฺฉามี’’ติ วตฺวา ตายปิ ‘‘สาธู’’ติ วุเตฺต เอกํ มณฺฑูกํ อุปฎฺฐหิตฺวา เตน ‘‘กิํ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘ยทา เอกจาริกวารโณ อโนฺธ หุตฺวา ปานียํ ปริเยสติ, ตทา ปพฺพตมตฺถเก ฐิโต สทฺทํ กตฺวา ตสฺมิํ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหเนฺต โอตริตฺวา ปปาเต สทฺทํ กเรยฺยาถ, อหํ ตุมฺหากํ สนฺติกา เอตฺตกํ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาหฯ โสปิ ตสฺสา วจนํ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ
Sā evaṃ vatvā katipāhaṃ ekaṃ kākaṃ upaṭṭhahitvā tena tuṭṭhena ‘‘kiṃ te karomī’’ti vuttā ‘‘sāmi, aññaṃ me kātabbaṃ natthi, ekassa pana ekacārikavāraṇassa tuṇḍena paharitvā tumhehi akkhīni bhinnāni paccāsīsāmī’’ti āha. Sā tena ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitā ekaṃ nīlamakkhikaṃ upaṭṭhahi. Tāyapi ‘‘kiṃ te, karomī’’ti vuttā ‘‘iminā kākena ekacārikavāraṇassa akkhīsu bhinnesu tumhehi tattha āsāṭikaṃ pātetuṃ icchāmī’’ti vatvā tāyapi ‘‘sādhū’’ti vutte ekaṃ maṇḍūkaṃ upaṭṭhahitvā tena ‘‘kiṃ te, karomī’’ti vuttā ‘‘yadā ekacārikavāraṇo andho hutvā pānīyaṃ pariyesati, tadā pabbatamatthake ṭhito saddaṃ katvā tasmiṃ pabbatamatthakaṃ abhiruhante otaritvā papāte saddaṃ kareyyātha, ahaṃ tumhākaṃ santikā ettakaṃ paccāsīsāmī’’ti āha. Sopi tassā vacanaṃ ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi.
อเถกทิวสํ กาโก วารณสฺส เทฺวปิ อกฺขีนิ ตุเณฺฑน ภินฺทิ, นีลมกฺขิกา อาสาฎิกํ ปาเตสิฯ โส ปุฬเวหิ ขชฺชโนฺต เวทนาปฺปโตฺต ปิปาสาภิภูโต ปานียํ ปริเยสมาโน วิจริฯ ตสฺมิํ กาเล มณฺฑูโก ปพฺพตมตฺถเก ฐตฺวา สทฺทมกาสิฯ วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิฯ อถ มณฺฑูโก โอตริตฺวา ปปาเต ฐตฺวา สทฺทมกาสิฯ วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปปาตาภิมุโข คจฺฉโนฺต ปริคฬิตฺวา ปพฺพตปาเท ปติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ ลฎุกิกา ตสฺส มตภาวํ ญตฺวา ‘‘ทิฎฺฐา เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฎฺฐี’’ติ หฎฺฐตุฎฺฐา ตสฺส ขเนฺธ จงฺกมิตฺวา ยถากมฺมํ คตาฯ
Athekadivasaṃ kāko vāraṇassa dvepi akkhīni tuṇḍena bhindi, nīlamakkhikā āsāṭikaṃ pātesi. So puḷavehi khajjanto vedanāppatto pipāsābhibhūto pānīyaṃ pariyesamāno vicari. Tasmiṃ kāle maṇḍūko pabbatamatthake ṭhatvā saddamakāsi. Vāraṇo ‘‘ettha pānīyaṃ bhavissatī’’ti pabbatamatthakaṃ abhiruhi. Atha maṇḍūko otaritvā papāte ṭhatvā saddamakāsi. Vāraṇo ‘‘ettha pānīyaṃ bhavissatī’’ti papātābhimukho gacchanto parigaḷitvā pabbatapāde patitvā jīvitakkhayaṃ pāpuṇi. Laṭukikā tassa matabhāvaṃ ñatvā ‘‘diṭṭhā me paccāmittassa piṭṭhī’’ti haṭṭhatuṭṭhā tassa khandhe caṅkamitvā yathākammaṃ gatā.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เกนจิ สทฺธิํ เวรํ นาม กาตพฺพํ, เอวํ พลสมฺปนฺนมฺปิ วารณํ อิเม จตฺตาโร ชนา เอกโต หุตฺวา วารณสฺส ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุ’’นฺติ –
Satthā ‘‘na, bhikkhave, kenaci saddhiṃ veraṃ nāma kātabbaṃ, evaṃ balasampannampi vāraṇaṃ ime cattāro janā ekato hutvā vāraṇassa jīvitakkhayaṃ pāpesu’’nti –
๔๓.
43.
‘‘กากญฺจ ปสฺส ลฎุกิกํ, มณฺฑูกํ นีลมกฺขิกํ;
‘‘Kākañca passa laṭukikaṃ, maṇḍūkaṃ nīlamakkhikaṃ;
เอเต นาคํ อฆาเตสุํ, ปสฺส เวรสฺส เวรินํ;
Ete nāgaṃ aghātesuṃ, passa verassa verinaṃ;
ตสฺมา หิ เวรํ น กยิราถ, อปฺปิเยนปิ เกนจี’’ติฯ –
Tasmā hi veraṃ na kayirātha, appiyenapi kenacī’’ti. –
อิมํ อภิสมฺพุทฺธคาถํ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิฯ
Imaṃ abhisambuddhagāthaṃ vatvā jātakaṃ samodhānesi.
ตตฺถ ปสฺสาติ อนิยามิตาลปนเมตํ, ภิกฺขู ปน สนฺธาย วุตฺตตฺตา ปสฺสถ ภิกฺขเวติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตติ เอเต จตฺตาโร เอกโต หุตฺวาฯ อฆาเตสุนฺติ ตํ วธิํสุฯ ปสฺส เวรสฺส เวรินนฺติ ปสฺสถ เวริกานํ เวรสฺส คตินฺติ อโตฺถฯ
Tattha passāti aniyāmitālapanametaṃ, bhikkhū pana sandhāya vuttattā passatha bhikkhaveti vuttaṃ hoti. Eteti ete cattāro ekato hutvā. Aghātesunti taṃ vadhiṃsu. Passa verassa verinanti passatha verikānaṃ verassa gatinti attho.
ตทา เอกจาริกหตฺถี เทวทโตฺต อโหสิ, ยูถปติ ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Tadā ekacārikahatthī devadatto ahosi, yūthapati pana ahameva ahosinti.
ลฎุกิกชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ
Laṭukikajātakavaṇṇanā sattamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๕๗. ลฎุกิกชาตกํ • 357. Laṭukikajātakaṃ