Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. ลฎุกิโกปมสุตฺตวณฺณนา

    6. Laṭukikopamasuttavaṇṇanā

    ๑๔๘. เอวํ เม สุตนฺติ ลฎุกิโกปมสุตฺตํฯ ตตฺถ เยน โส วนสโณฺฑติ อยมฺปิ มหาอุทายิเตฺถโร ภควตา สทฺธิํเยว ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา สทฺธิํ ปฎิกฺกมิฯ ตสฺมา เยน โส ภควตา อุปสงฺกมโนฺต วนสโณฺฑ เตนุปสงฺกมีติ เวทิตโพฺพฯ อปหตฺตาติ อปหารโกฯ อุปหตฺตาติ อุปหารโกฯ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐิโตฯ

    148.Evaṃme sutanti laṭukikopamasuttaṃ. Tattha yena so vanasaṇḍoti ayampi mahāudāyitthero bhagavatā saddhiṃyeva piṇḍāya pavisitvā saddhiṃ paṭikkami. Tasmā yena so bhagavatā upasaṅkamanto vanasaṇḍo tenupasaṅkamīti veditabbo. Apahattāti apahārako. Upahattāti upahārako. Paṭisallānā vuṭṭhitoti phalasamāpattito vuṭṭhito.

    ๑๔๙. ยํ ภควาติ ยสฺมิํ สมเย ภควาฯ อิงฺฆาติ อาณตฺติยํ นิปาโตฯ อญฺญถตฺตนฺติ จิตฺตสฺส อญฺญถตฺตํฯ ตญฺจ โข น ภควนฺตํ ปฎิจฺจ, เอวรูปํ ปน ปณีตโภชนํ อลภนฺตา กถํ ยาเปสฺสามาติ เอวํ ปณีตโภชนํ ปฎิจฺจ อโหสีติ เวทิตพฺพํฯ ภูตปุพฺพนฺติ อิมินา รตฺติโภชนสฺส ปณีตภาวํ ทเสฺสติฯ สูเปยฺยนฺติ สูเปน อุปเนตพฺพํ มจฺฉมํสกฬีราทิฯ สมคฺคา ภุญฺชิสฺสามาติ เอกโต ภุญฺชิสฺสามฯ สงฺขติโยติ อภิสงฺขาริกขาทนียานิฯ สพฺพา ตา รตฺตินฺติ สพฺพา ตา สงฺขติโย รตฺติํเยว โหนฺติ, ทิวา ปน อปฺปา ปริตฺตา โถกิกา โหนฺตีติฯ มนุสฺสา หิ ทิวา ยาคุกญฺชิยาทีหิ ยาเปตฺวาปิ รตฺติํ ยถาสตฺติ ยถาปณีตเมว ภุญฺชนฺติฯ

    149.Yaṃbhagavāti yasmiṃ samaye bhagavā. Iṅghāti āṇattiyaṃ nipāto. Aññathattanti cittassa aññathattaṃ. Tañca kho na bhagavantaṃ paṭicca, evarūpaṃ pana paṇītabhojanaṃ alabhantā kathaṃ yāpessāmāti evaṃ paṇītabhojanaṃ paṭicca ahosīti veditabbaṃ. Bhūtapubbanti iminā rattibhojanassa paṇītabhāvaṃ dasseti. Sūpeyyanti sūpena upanetabbaṃ macchamaṃsakaḷīrādi. Samaggā bhuñjissāmāti ekato bhuñjissāma. Saṅkhatiyoti abhisaṅkhārikakhādanīyāni. Sabbā tā rattinti sabbā tā saṅkhatiyo rattiṃyeva honti, divā pana appā parittā thokikā hontīti. Manussā hi divā yāgukañjiyādīhi yāpetvāpi rattiṃ yathāsatti yathāpaṇītameva bhuñjanti.

    ปุน ภูตปุพฺพนฺติ อิมินา รตฺติ วิกาลโภชเน อาทีนวํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ อนฺธการติมิสายนฺติ พหลนฺธกาเรฯ มาณเวหีติ โจเรหิฯ กตกเมฺมหีติ กตโจรกเมฺมหิฯ โจรา กิร กตกมฺมา ยํ เนสํ เทวตํ อายาจิตฺวา กมฺมํ นิปฺผนฺนํ, ตสฺส อุปหารตฺถาย มนุเสฺส มาเรตฺวา คลโลหิตาทีนิ คณฺหนฺติฯ เต อเญฺญสุ มนุเสฺสสุ มาริยมาเนสุ โกลาหลา อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, ปพฺพชิตํ ปริเยสโนฺต นาม นตฺถีติ มญฺญมานา ภิกฺขู คเหตฺวา มาเรนฺติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ อกตกเมฺมหีติ อฎวิโต คามํ อาคมนกาเล กมฺมนิปฺผนฺนตฺถํ ปุเรตรํ พลิกมฺมํ กาตุกาเมหิฯ อสทฺธเมฺมน นิมเนฺตตีติ ‘‘เอหิ ภิกฺขุ อเชฺชกรตฺติํ อิเธว ภุญฺชิตฺวา อิธ วสิตฺวา สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา เสฺว คมิสฺสสี’’ติ เมถุนธเมฺมน นิมเนฺตติฯ

    Puna bhūtapubbanti iminā ratti vikālabhojane ādīnavaṃ dasseti. Tattha andhakāratimisāyanti bahalandhakāre. Māṇavehīti corehi. Katakammehīti katacorakammehi. Corā kira katakammā yaṃ nesaṃ devataṃ āyācitvā kammaṃ nipphannaṃ, tassa upahāratthāya manusse māretvā galalohitādīni gaṇhanti. Te aññesu manussesu māriyamānesu kolāhalā uppajjissanti, pabbajitaṃ pariyesanto nāma natthīti maññamānā bhikkhū gahetvā mārenti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Akatakammehīti aṭavito gāmaṃ āgamanakāle kammanipphannatthaṃ puretaraṃ balikammaṃ kātukāmehi. Asaddhammena nimantetīti ‘‘ehi bhikkhu ajjekarattiṃ idheva bhuñjitvā idha vasitvā sampattiṃ anubhavitvā sve gamissasī’’ti methunadhammena nimanteti.

    ปุน ภูตปุพฺพนฺติ อิมินา อตฺตนา ทิฎฺฐการณํ กเถติฯ วิชฺชนฺตริกายาติ วิชฺชุวิโชฺชตนกฺขเณ ฯ วิสฺสรมกาสีติ มหาสทฺทมกาสิฯ อภุเมฺมติ ภู’ติ วฑฺฒิ, อภู’ติ อวฑฺฒิ, วินาโส มยฺหนฺติ อโตฺถฯ ปิสาโจ วต มนฺติ ปิสาโจ มํ ขาทิตุํ อาคโต วตฯ อาตุมารี มาตุมารีติ เอตฺถ อาตูติ ปิตา, มาตูติ มาตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺส ปิตา วา มาตา วา อตฺถิ, ตํ มาตาปิตโร อมฺหากํ ปุตฺตโกติ ยถา ตถา วา อุปฺปาเทตฺวา ยํกิญฺจิ ขาทนียโภชนียํ ทตฺวา เอกสฺมิํ ฐาเน สยาเปนฺติฯ โส เอวํ รตฺติํ ปิณฺฑาย น จรติฯ ตุยฺหํ ปน มาตาปิตโร มตา มเญฺญ, เตน เอวํ จรสีติฯ

    Puna bhūtapubbanti iminā attanā diṭṭhakāraṇaṃ katheti. Vijjantarikāyāti vijjuvijjotanakkhaṇe . Vissaramakāsīti mahāsaddamakāsi. Abhummeti bhū’ti vaḍḍhi, abhū’ti avaḍḍhi, vināso mayhanti attho. Pisāco vata manti pisāco maṃ khādituṃ āgato vata. Ātumārī mātumārīti ettha ātūti pitā, mātūti mātā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yassa pitā vā mātā vā atthi, taṃ mātāpitaro amhākaṃ puttakoti yathā tathā vā uppādetvā yaṃkiñci khādanīyabhojanīyaṃ datvā ekasmiṃ ṭhāne sayāpenti. So evaṃ rattiṃ piṇḍāya na carati. Tuyhaṃ pana mātāpitaro matā maññe, tena evaṃ carasīti.

    ๑๕๐. เอวเมวาติ เอวเมว กิญฺจิ อานิสํสํ อปสฺสนฺตา นิกฺการเณเนวฯ เอวมาหํสูติ ครหโนฺต อาหฯ ตตฺถ อาหํสูติ วทนฺติฯ กิํ ปนิมสฺสาติ อิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส เหตุ กิํ วตฺตพฺพํ นาม, นนุ อปสฺสเนฺตน วิย อสุณเนฺตน วิย ภวิตพฺพนฺติฯ โอรมตฺตกสฺสาติ ปริตฺตมตฺตกสฺสฯ อธิสลฺลิขเตวายนฺติ อยํ สมโณ นวนีตํ ปิสโนฺต วิย ปทุมนาฬสุตฺตํ กกเจน โอกฺกนฺตโนฺต วิย อติสเลฺลขติ, อติวายามํ กโรติฯ สิกฺขากามาติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย วิย สิกฺขากามา, เตสุ จ อปฺปจฺจยํ อุปฎฺฐเปนฺติฯ เตสญฺหิ เอวํ โหติ ‘‘สเจ เอเต ‘อปฺปมตฺตกเมตํ, หรถ ภควา’ติ วเทยฺยุํ, กิํ สตฺถา น หเรยฺยฯ เอวํ ปน อวตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ‘เอวํ ภควา, สาธุ ภควา, ปญฺญเปถ ภควา’ติ อติเรกตรํ อุสฺสาหํ ปฎิลภนฺตี’’ติฯ ตสฺมา เตสุ อปฺปจฺจยํ อุปฎฺฐเปนฺติฯ

    150.Evamevāti evameva kiñci ānisaṃsaṃ apassantā nikkāraṇeneva. Evamāhaṃsūti garahanto āha. Tattha āhaṃsūti vadanti. Kiṃ panimassāti imassa appamattakassa hetu kiṃ vattabbaṃ nāma, nanu apassantena viya asuṇantena viya bhavitabbanti. Oramattakassāti parittamattakassa. Adhisallikhatevāyanti ayaṃ samaṇo navanītaṃ pisanto viya padumanāḷasuttaṃ kakacena okkantanto viya atisallekhati, ativāyāmaṃ karoti. Sikkhākāmāti sāriputtamoggallānādayo viya sikkhākāmā, tesu ca appaccayaṃ upaṭṭhapenti. Tesañhi evaṃ hoti ‘‘sace ete ‘appamattakametaṃ, haratha bhagavā’ti vadeyyuṃ, kiṃ satthā na hareyya. Evaṃ pana avatvā bhagavantaṃ parivāretvā nisinnā ‘evaṃ bhagavā, sādhu bhagavā, paññapetha bhagavā’ti atirekataraṃ ussāhaṃ paṭilabhantī’’ti. Tasmā tesu appaccayaṃ upaṭṭhapenti.

    เตสนฺติ เตสํ เอกจฺจานํ โมฆปุริสานํฯ นฺติ ตํ อปฺปมตฺตกํ ปหาตพฺพํฯ ถูโล กลิงฺคโรติ คเล พทฺธํ มหากฎฺฐํ วิย โหติฯ ลฎุกิกา สกุณิกาติ จาตกสกุณิกาฯ สา กิร รวสตํ รวิตฺวา นจฺจสตํ นจฺจิตฺวา สกิํ โคจรํ คณฺหาติฯ อากาสโต ภูมิยํ ปติฎฺฐิตํ ปน นํ ทิสฺวา วจฺฉปาลกาทโย กีฬนตฺถํ ปูติลตาย พนฺธนฺติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ อาคเมตีติ อุเปติฯ ตญฺหิ ตสฺสาติ ตํ ปูติลตาพนฺธนํ ตสฺสา อปฺปสรีรตาย เจว อปฺปถามตาย จ พลวพนฺธนํ นาม, มหนฺตํ นาฬิเกรรชฺชุ วิย ทุจฺฉิชฺชํ โหติฯ เตสนฺติ เตสํ โมฆปุริสานํ สทฺธามนฺทตาย จ ปญฺญามนฺทตาย จ พลวํ พนฺธนํ นาม, ทุกฺกฎวตฺถุมตฺตกมฺปิ มหนฺตํ ปาราชิกวตฺถุ วิย ทุปฺปชหํ โหติฯ

    Tesanti tesaṃ ekaccānaṃ moghapurisānaṃ. Tanti taṃ appamattakaṃ pahātabbaṃ. Thūlo kaliṅgaroti gale baddhaṃ mahākaṭṭhaṃ viya hoti. Laṭukikā sakuṇikāti cātakasakuṇikā. Sā kira ravasataṃ ravitvā naccasataṃ naccitvā sakiṃ gocaraṃ gaṇhāti. Ākāsato bhūmiyaṃ patiṭṭhitaṃ pana naṃ disvā vacchapālakādayo kīḷanatthaṃ pūtilatāya bandhanti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Āgametīti upeti. Tañhi tassāti taṃ pūtilatābandhanaṃ tassā appasarīratāya ceva appathāmatāya ca balavabandhanaṃ nāma, mahantaṃ nāḷikerarajju viya ducchijjaṃ hoti. Tesanti tesaṃ moghapurisānaṃ saddhāmandatāya ca paññāmandatāya ca balavaṃ bandhanaṃ nāma, dukkaṭavatthumattakampi mahantaṃ pārājikavatthu viya duppajahaṃ hoti.

    ๑๕๑. สุกฺกปเกฺข ปหาตพฺพสฺสาติ กิํ อิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส ปหาตพฺพสฺส เหตุ ภควตา วตฺตพฺพํ อตฺถิ, ยสฺส โน ภควา ปหานมาหฯ นนุ เอวํ ภควโต อธิปฺปายํ ญตฺวาปิ ปหาตพฺพเมวาติ อโตฺถฯ อโปฺปสฺสุกฺกาติ อนุสฺสุกฺกาฯ ปนฺนโลมาติ ปติตโลมา, น ตสฺส ปหาตพฺพภเยน อุทฺธคฺคโลมาฯ ปรทตฺตวุตฺตาติ ปเรหิ ทินฺนวุตฺติโน, ปรโต ลเทฺธน ยาเปนฺตาติ อโตฺถฯ มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺตีติ อปจฺจาสีสนปเกฺข ฐิตา หุตฺวา วิหรนฺติฯ มิโค หิ ปหารํ ลภิตฺวา มนุสฺสาวาสํ คนฺตฺวา เภสชฺชํ วา วณเตลํ วา ลภิสฺสามีติ อชฺฌาสยํ อกตฺวา ปหารํ ลภิตฺวาว อคามกํ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ปหฎฎฺฐานํ เหฎฺฐา กตฺวา นิปติตฺวา ผาสุภูตกาเล อุฎฺฐาย คจฺฉติฯ เอวํ มิคา อปจฺจาสีสนปเกฺข ฐิตาฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺตี’’ติฯ ตญฺหิ ตสฺสาติ ตํ วรตฺตพนฺธนํ ตสฺส หตฺถินาคสฺส มหาสรีรตาย เจว มหาถามตาย จ ทุพฺพลพนฺธนํ นามฯ ปูติลตา วิย สุฉิชฺชํ โหติฯ เตสํ ตนฺติ เตสํ ตํ กุลปุตฺตานํ สทฺธามหนฺตตาย จ ปญฺญามหนฺตตาย จ มหนฺตํ ปาราชิกวตฺถุปิ ทุกฺกฎวตฺถุมตฺตกํ วิย สุปฺปชหํ โหติฯ

    151. Sukkapakkhe pahātabbassāti kiṃ imassa appamattakassa pahātabbassa hetu bhagavatā vattabbaṃ atthi, yassa no bhagavā pahānamāha. Nanu evaṃ bhagavato adhippāyaṃ ñatvāpi pahātabbamevāti attho. Appossukkāti anussukkā. Pannalomāti patitalomā, na tassa pahātabbabhayena uddhaggalomā. Paradattavuttāti parehi dinnavuttino, parato laddhena yāpentāti attho. Migabhūtena cetasā viharantīti apaccāsīsanapakkhe ṭhitā hutvā viharanti. Migo hi pahāraṃ labhitvā manussāvāsaṃ gantvā bhesajjaṃ vā vaṇatelaṃ vā labhissāmīti ajjhāsayaṃ akatvā pahāraṃ labhitvāva agāmakaṃ araññaṃ pavisitvā pahaṭaṭṭhānaṃ heṭṭhā katvā nipatitvā phāsubhūtakāle uṭṭhāya gacchati. Evaṃ migā apaccāsīsanapakkhe ṭhitā. Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘migabhūtena cetasā viharantī’’ti. Tañhi tassāti taṃ varattabandhanaṃ tassa hatthināgassa mahāsarīratāya ceva mahāthāmatāya ca dubbalabandhanaṃ nāma. Pūtilatā viya suchijjaṃ hoti. Tesaṃ tanti tesaṃ taṃ kulaputtānaṃ saddhāmahantatāya ca paññāmahantatāya ca mahantaṃ pārājikavatthupi dukkaṭavatthumattakaṃ viya suppajahaṃ hoti.

    ๑๕๒. ทลิโทฺทติ ทาลิทฺทิเยน สมนฺนาคโตฯ อสฺสโกติ นิสฺสโกฯ อนาฬฺหิโยติ อนโฑฺฒฯ อคารกนฺติ ขุทฺทกเคหํฯ โอลุคฺควิลุคฺคนฺติ ยสฺส เคหยฎฺฐิโย ปิฎฺฐิวํสโต มุจฺจิตฺวา มณฺฑเล ลคฺคา, มณฺฑลโต มุจฺจิตฺวา ภูมิยํ ลคฺคาฯ กากาติทายินฺติ ยตฺถ กิญฺจิเทว ภุญฺชิสฺสามาติ อโนฺต นิสินฺนกาเล วิสุํ ทฺวารกิจฺจํ นาม นตฺถิ, ตโต ตโต กากา ปวิสิตฺวา ปริวาเรนฺติฯ สูรกากา หิ ปลายนกาเล จ ยถาสมฺมุขฎฺฐาเนเนว นิกฺขมิตฺวา ปลายนฺติฯ นปรมรูปนฺติ น ปุญฺญวนฺตานํ เคหํ วิย อุตฺตมรูปํฯ ขโฎปิกาติ วิลีวมญฺจโกฯ โอลุคฺควิลุคฺคาติ โอณตุณฺณตาฯ ธญฺญสมวาปกนฺติ ธญฺญญฺจ สมวาปกญฺจฯ ตตฺถ ธญฺญํ นาม กุทฺรูสโกฯ สมวาปกนฺติ ลาพุพีชกุมฺภณฺฑพีชกาทิ พีชชาตํฯ นปรมรูปนฺติ ยถา ปุญฺญวนฺตานํ คนฺธสาลิพีชาทิ ปริสุทฺธํ พีชํ, น เอวรูปํฯ ชายิกาติ กปณชายาฯ นปรมรูปาติ ปจฺฉิสีสา ลมฺพตฺถนี มโหทรา ปิสาจา วิย พีภจฺฉาฯ สามญฺญนฺติ สมณภาโวฯ โส วตสฺสํ, โยหนฺติ โส วตาหํ ปุริโส นาม อสฺสํ, โย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพเชยฺยนฺติฯ

    152.Daliddoti dāliddiyena samannāgato. Assakoti nissako. Anāḷhiyoti anaḍḍho. Agārakanti khuddakagehaṃ. Oluggavilugganti yassa gehayaṭṭhiyo piṭṭhivaṃsato muccitvā maṇḍale laggā, maṇḍalato muccitvā bhūmiyaṃ laggā. Kākātidāyinti yattha kiñcideva bhuñjissāmāti anto nisinnakāle visuṃ dvārakiccaṃ nāma natthi, tato tato kākā pavisitvā parivārenti. Sūrakākā hi palāyanakāle ca yathāsammukhaṭṭhāneneva nikkhamitvā palāyanti. Naparamarūpanti na puññavantānaṃ gehaṃ viya uttamarūpaṃ. Khaṭopikāti vilīvamañcako. Oluggaviluggāti oṇatuṇṇatā. Dhaññasamavāpakanti dhaññañca samavāpakañca. Tattha dhaññaṃ nāma kudrūsako. Samavāpakanti lābubījakumbhaṇḍabījakādi bījajātaṃ. Naparamarūpanti yathā puññavantānaṃ gandhasālibījādi parisuddhaṃ bījaṃ, na evarūpaṃ. Jāyikāti kapaṇajāyā. Naparamarūpāti pacchisīsā lambatthanī mahodarā pisācā viya bībhacchā. Sāmaññanti samaṇabhāvo. So vatassaṃ, yohanti so vatāhaṃ puriso nāma assaṃ, yo kesamassuṃ ohāretvā pabbajeyyanti.

    โส น สกฺกุเณยฺยาติ โส เอวํ จิเนฺตตฺวาปิ เคหํ คนฺตฺวา – ‘‘ปพฺพชฺชา นาม ลาภครุกา ทุกฺกรา ทุราสทา, สตฺตปิ อฎฺฐปิ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ยถาโธเตเนว ปเตฺตน อาคนฺตพฺพมฺปิ โหติ , เอวํ ยาเปตุํ อสโกฺกนฺตสฺส เม ปุน อาคตสฺส วสนฎฺฐานํ อิจฺฉิตพฺพํ, ติณวลฺลิทพฺพสมฺภารา นาม ทุสฺสโมธานิยา, กินฺติ กโรมี’’ติ วีมํสติฯ อถสฺส ตํ อคารกํ เวชยนฺตปาสาโท วิย อุปฎฺฐาติฯ อถสฺส ขโฎปิกํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยิ คเต อิมํ วิสงฺขริตฺวา อุทฺธนาลาตํ กริสฺสนฺติ, ปุน อฎฺฎนิปาทวิลีวาทีนิ ลทฺธพฺพานิ โหนฺติ, กินฺติ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตติฯ อถสฺส สา สิริสยนํ วิย อุปฎฺฐาติฯ ตโต ธญฺญกุมฺภิํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยิ คเต อยํ ฆรณี อิมํ ธญฺญํ เตน เตน สทฺธิํ ภุญฺชิสฺสติฯ ปุน อาคเตน ชีวิตวุตฺติ นาม ลทฺธพฺพา โหติ, กินฺติ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตติฯ อถสฺส สา อฑฺฒเตฬสานิ โกฎฺฐาคารสตานิ วิย อุปฎฺฐาติฯ ตโต มาตุคามํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยิ คเต อิมํ หตฺถิโคปโก วา อสฺสโคปโก วา โย โกจิ ปโลเภสฺสติ, ปุน อาคเตน ภตฺตปาจิกา นาม ลทฺธพฺพา โหติ, กินฺติ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตติฯ อถสฺส สา รูปินี เทวี วิย อุปฎฺฐาติฯ อิทํ สนฺธาย ‘‘โส น สกฺกุเณยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    So na sakkuṇeyyāti so evaṃ cintetvāpi gehaṃ gantvā – ‘‘pabbajjā nāma lābhagarukā dukkarā durāsadā, sattapi aṭṭhapi gāme piṇḍāya caritvā yathādhoteneva pattena āgantabbampi hoti , evaṃ yāpetuṃ asakkontassa me puna āgatassa vasanaṭṭhānaṃ icchitabbaṃ, tiṇavallidabbasambhārā nāma dussamodhāniyā, kinti karomī’’ti vīmaṃsati. Athassa taṃ agārakaṃ vejayantapāsādo viya upaṭṭhāti. Athassa khaṭopikaṃ oloketvā – ‘‘mayi gate imaṃ visaṅkharitvā uddhanālātaṃ karissanti, puna aṭṭanipādavilīvādīni laddhabbāni honti, kinti karissāmī’’ti cinteti. Athassa sā sirisayanaṃ viya upaṭṭhāti. Tato dhaññakumbhiṃ oloketvā – ‘‘mayi gate ayaṃ gharaṇī imaṃ dhaññaṃ tena tena saddhiṃ bhuñjissati. Puna āgatena jīvitavutti nāma laddhabbā hoti, kinti karissāmī’’ti cinteti. Athassa sā aḍḍhateḷasāni koṭṭhāgārasatāni viya upaṭṭhāti. Tato mātugāmaṃ oloketvā – ‘‘mayi gate imaṃ hatthigopako vā assagopako vā yo koci palobhessati, puna āgatena bhattapācikā nāma laddhabbā hoti, kinti karissāmī’’ti cinteti. Athassa sā rūpinī devī viya upaṭṭhāti. Idaṃ sandhāya ‘‘so na sakkuṇeyyā’’tiādi vuttaṃ.

    ๑๕๓. นิกฺขคณานนฺติ สุวณฺณนิกฺขสตานํฯ จโยติ สนฺตานโต กตสนฺนิจโยฯ ธญฺญคณานนฺติ ธญฺญสกฎสตานํฯ

    153.Nikkhagaṇānanti suvaṇṇanikkhasatānaṃ. Cayoti santānato katasannicayo. Dhaññagaṇānanti dhaññasakaṭasatānaṃ.

    ๑๕๔. จตฺตาโรเม, อุทายิ, ปุคฺคลาติ อิธ กิํ ทเสฺสติ? เหฎฺฐา ‘‘เต ตเญฺจว ปชหนฺติ, เต ตเญฺจว นปฺปชหนฺตี’’ติ ปชหนกา จ อปฺปชหนกา จ ราสิวเสน ทสฺสิตา, น ปาฎิเยกฺกํ วิภตฺตาฯ อิทานิ ยถา นาม ทพฺพสมฺภารตฺถํ คโต ปุริโส ปฎิปาฎิยา รุเกฺข ฉินฺทิตฺวา ปุน นิวตฺติตฺวา วงฺกญฺจ ปหาย กเมฺม อุปเนตพฺพยุตฺตกเมว คณฺหาติ, เอวเมว อปฺปชหนเก ฉเฑฺฑตฺวา อโพฺพหาริเก กตฺวา ปชหนกปุคฺคลา จตฺตาโร โหนฺตีติ ทเสฺสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิฯ

    154.Cattārome, udāyi, puggalāti idha kiṃ dasseti? Heṭṭhā ‘‘te tañceva pajahanti, te tañceva nappajahantī’’ti pajahanakā ca appajahanakā ca rāsivasena dassitā, na pāṭiyekkaṃ vibhattā. Idāni yathā nāma dabbasambhāratthaṃ gato puriso paṭipāṭiyā rukkhe chinditvā puna nivattitvā vaṅkañca pahāya kamme upanetabbayuttakameva gaṇhāti, evameva appajahanake chaḍḍetvā abbohārike katvā pajahanakapuggalā cattāro hontīti dassetuṃ imaṃ desanaṃ ārabhi.

    อุปธิปหานายาติ ขนฺธุปธิกิเลสุปธิอภิสงฺขารุปธิกามคุณูปธีติ อิเมสํ อุปธีนํ ปหานายฯ อุปธิปฎิสํยุตฺตาติ อุปธิอนุธาวนกาฯ สรสงฺกปฺปาติ เอตฺถ สรนฺติ ธาวนฺตีติ สราฯ สงฺกเปฺปนฺตีติ สงฺกปฺปาฯ ปททฺวเยนปิ วิตกฺกาเยว วุตฺตาฯ สมุทาจรนฺตีติ อภิภวนฺติ อโชฺฌตฺถริตฺวา วตฺตนฺติฯ สํยุโตฺตติ กิเลเสหิ สํยุโตฺตฯ อินฺทฺริยเวมตฺตตาติ อินฺทฺริยนานตฺตตา ฯ กทาจิ กรหจีติ พหุกาลํ วีติวเตฺตตฺวาฯ สติสโมฺมสาติ สติสโมฺมเสนฯ นิปาโตติ อโยกฎาหมฺหิ ปตนํฯ เอตฺตาวตา ‘‘นปฺปชหติ, ปชหติ, ขิปฺปํ ปชหตี’’ติ ตโย ราสโย ทสฺสิตาฯ เตสุ จตฺตาโร ชนา นปฺปชหนฺติ นาม, จตฺตาโร ปชหนฺติ นาม, จตฺตาโร ขิปฺปํ ปชหนฺติ นามฯ

    Upadhipahānāyāti khandhupadhikilesupadhiabhisaṅkhārupadhikāmaguṇūpadhīti imesaṃ upadhīnaṃ pahānāya. Upadhipaṭisaṃyuttāti upadhianudhāvanakā. Sarasaṅkappāti ettha saranti dhāvantīti sarā. Saṅkappentīti saṅkappā. Padadvayenapi vitakkāyeva vuttā. Samudācarantīti abhibhavanti ajjhottharitvā vattanti. Saṃyuttoti kilesehi saṃyutto. Indriyavemattatāti indriyanānattatā . Kadāci karahacīti bahukālaṃ vītivattetvā. Satisammosāti satisammosena. Nipātoti ayokaṭāhamhi patanaṃ. Ettāvatā ‘‘nappajahati, pajahati, khippaṃ pajahatī’’ti tayo rāsayo dassitā. Tesu cattāro janā nappajahanti nāma, cattāro pajahanti nāma, cattāro khippaṃ pajahanti nāma.

    ตตฺถ ปุถุชฺชโน โสตาปโนฺน สกทาคามี อนาคามีติ อิเม จตฺตาโร ชนา นปฺปชหนฺติ นามฯ ปุถุชฺชนาทโย ตาว มา ปชหนฺตุ, อนาคามี กถํ น ปชหตีติ? โสปิ หิ ยาวเทวสฺส ภวโลโภ อตฺถิ, ตาว อโหสุขํ อโหสุขนฺติ อภินนฺทติฯ ตสฺมา นปฺปชหติ นามฯ เอเตเยว ปน จตฺตาโร ชนา ปชหนฺติ นามฯ โสตาปนฺนาทโย ตาว ปชหนฺตุ, ปุถุชฺชโน กถํ ปชหตีติ? อารทฺธวิปสฺสโก หิ สติสโมฺมเสน สหสา กิเลเส อุปฺปเนฺน ‘‘มาทิสสฺส นาม ภิกฺขุโน กิเลโส อุปฺปโนฺน’’ติ สํเวคํ กตฺวา วีริยํ ปคฺคยฺห วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา มเคฺคน กิเลเส สมุคฺฆาเตติฯ อิติ โส ปชหติ นามฯ เตเยว จตฺตาโร ขิปฺปํ ปชหนฺติ นามฯ ตตฺถ อิมสฺมิํ สุเตฺต, มหาหตฺถิปโทปเม (ม. นิ. ๑.๒๘๘ อาทโย), อินฺทฺริยภาวเนติ (ม. นิ. ๓.๔๕๓ อาทโย) อิเมสุ สุเตฺตสุ กิญฺจาปิ ตติยวาโร คหิโต, ปโญฺห ปน ทุติยวาเรเนว กถิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Tattha puthujjano sotāpanno sakadāgāmī anāgāmīti ime cattāro janā nappajahanti nāma. Puthujjanādayo tāva mā pajahantu, anāgāmī kathaṃ na pajahatīti? Sopi hi yāvadevassa bhavalobho atthi, tāva ahosukhaṃ ahosukhanti abhinandati. Tasmā nappajahati nāma. Eteyeva pana cattāro janā pajahanti nāma. Sotāpannādayo tāva pajahantu, puthujjano kathaṃ pajahatīti? Āraddhavipassako hi satisammosena sahasā kilese uppanne ‘‘mādisassa nāma bhikkhuno kileso uppanno’’ti saṃvegaṃ katvā vīriyaṃ paggayha vipassanaṃ vaḍḍhetvā maggena kilese samugghāteti. Iti so pajahati nāma. Teyeva cattāro khippaṃ pajahanti nāma. Tattha imasmiṃ sutte, mahāhatthipadopame (ma. ni. 1.288 ādayo), indriyabhāvaneti (ma. ni. 3.453 ādayo) imesu suttesu kiñcāpi tatiyavāro gahito, pañho pana dutiyavāreneva kathitoti veditabbo.

    อุปธิ ทุกฺขสฺส มูลนฺติ เอตฺถ ปญฺจ ขนฺธา อุปธิ นามฯ ตํ ทุกฺขสฺส มูลนฺติ อิติ วิทิตฺวา กิเลสุปธินา นิรุปธิ โหติ, นิคฺคหโณ นิตโณฺหติ อโตฺถฯ อุปธิสงฺขเย วิมุโตฺตติ ตณฺหกฺขเย นิพฺพาเน อารมฺมณโต วิมุโตฺตฯ

    Upadhidukkhassa mūlanti ettha pañca khandhā upadhi nāma. Taṃ dukkhassa mūlanti iti viditvā kilesupadhinā nirupadhi hoti, niggahaṇo nitaṇhoti attho. Upadhisaṅkhaye vimuttoti taṇhakkhaye nibbāne ārammaṇato vimutto.

    ๑๕๕. เอวํ จตฺตาโร ปุคฺคเล วิตฺถาเรตฺวา อิทานิ เย ปชหนฺติ, เต ‘‘อิเม นาม เอตฺตเก กิเลเส ปชหนฺติ’’ฯ เย นปฺปชหนฺติ, เตปิ ‘‘อิเม นาม เอตฺตเก กิเลเส นปฺปชหนฺตี’’ติ ทเสฺสตุํ ปญฺจ โข อิเม อุทายิ กามคุณาติอาทิมาหฯ ตตฺถ มิฬฺหสุขนฺติ อสุจิสุขํฯ อนริยสุขนฺติ อนริเยหิ เสวิตสุขํฯ ภายิตพฺพนฺติ เอตสฺส สุขสฺส ปฎิลาภโตปิ วิปากโตปิ ภายิตพฺพํฯ เนกฺขมฺมสุขนฺติ กามโต นิกฺขนฺตสุขํฯ ปวิเวกสุขนฺติ คณโตปิ กิเลสโตปิ ปวิวิตฺตสุขํฯ อุปสมสุขนฺติ ราคาทิวูปสมตฺถาย สุขํฯ สโมฺพธสุขนฺติ มคฺคสงฺขาตสฺส สโมฺพธสฺส นิพฺพตฺตนตฺถาย สุขํฯ น ภายิตพฺพนฺติ เอตสฺส สุขสฺส ปฎิลาภโตปิ วิปากโตปิ น ภายิตพฺพํ, ภาเวตพฺพเมเวตํฯ

    155. Evaṃ cattāro puggale vitthāretvā idāni ye pajahanti, te ‘‘ime nāma ettake kilese pajahanti’’. Ye nappajahanti, tepi ‘‘ime nāma ettake kilese nappajahantī’’ti dassetuṃ pañca kho ime udāyi kāmaguṇātiādimāha. Tattha miḷhasukhanti asucisukhaṃ. Anariyasukhanti anariyehi sevitasukhaṃ. Bhāyitabbanti etassa sukhassa paṭilābhatopi vipākatopi bhāyitabbaṃ. Nekkhammasukhanti kāmato nikkhantasukhaṃ. Pavivekasukhanti gaṇatopi kilesatopi pavivittasukhaṃ. Upasamasukhanti rāgādivūpasamatthāya sukhaṃ. Sambodhasukhanti maggasaṅkhātassa sambodhassa nibbattanatthāya sukhaṃ. Na bhāyitabbanti etassa sukhassa paṭilābhatopi vipākatopi na bhāyitabbaṃ, bhāvetabbamevetaṃ.

    ๑๕๖. อิญฺชิตสฺมิํ วทามีติ อิญฺชนํ จลนํ ผนฺทนนฺติ วทามิฯ กิญฺจ ตตฺถ อิญฺชิตสฺมินฺติ กิญฺจ ตตฺถ อิญฺชิตํฯ อิทํ ตตฺถ อิญฺชิตสฺมินฺติ เย เอเต อนิรุทฺธา วิตกฺกวิจารา, อิทํ ตตฺถ อิญฺชิตํฯ ทุติยตติยชฺฌาเนสุปิ เอเสว นโยฯ อนิญฺชิตสฺมิํ วทามีติ อิทํ จตุตฺถชฺฌานํ อนิญฺชนํ อจลนํ นิปฺผนฺทนนฺติ วทามิฯ

    156.Iñjitasmiṃvadāmīti iñjanaṃ calanaṃ phandananti vadāmi. Kiñca tattha iñjitasminti kiñca tattha iñjitaṃ. Idaṃ tattha iñjitasminti ye ete aniruddhā vitakkavicārā, idaṃ tattha iñjitaṃ. Dutiyatatiyajjhānesupi eseva nayo. Aniñjitasmiṃ vadāmīti idaṃ catutthajjhānaṃ aniñjanaṃ acalanaṃ nipphandananti vadāmi.

    อนลนฺติ วทามีติ อกตฺตพฺพอาลยนฺติ วทามิ, ตณฺหาลโย เอตฺถ น อุปฺปาเทตโพฺพติ ทเสฺสติฯ อถ วา อนลํ อปริยตฺตํ, น เอตฺตาวตา อลเมตนฺติ สนฺนิฎฺฐานํ กาตพฺพนฺติ วทามิฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺสาปีติ เอวรูปายปิ สนฺตาย สมาปตฺติยา ปหานเมว วทามิฯ อณุํ วา ถูลํ วาติ ขุทฺทกํ วา มหนฺตํ วา อปฺปสาวชฺชํ วา มหาสาวชฺชํ วาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ เทสนา ปน เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน อรหตฺตนิกูเฎเนว นิฎฺฐาปิตาติฯ

    Analanti vadāmīti akattabbaālayanti vadāmi, taṇhālayo ettha na uppādetabboti dasseti. Atha vā analaṃ apariyattaṃ, na ettāvatā alametanti sanniṭṭhānaṃ kātabbanti vadāmi. Nevasaññānāsaññāyatanassāpīti evarūpāyapi santāya samāpattiyā pahānameva vadāmi. Aṇuṃ vā thūlaṃ vāti khuddakaṃ vā mahantaṃ vā appasāvajjaṃ vā mahāsāvajjaṃ vā. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Desanā pana neyyapuggalassa vasena arahattanikūṭeneva niṭṭhāpitāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    ลฎุกิโกปมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Laṭukikopamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. ลฎุกิโกปมสุตฺตํ • 6. Laṭukikopamasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. ลฎุกิโกปมสุตฺตวณฺณนา • 6. Laṭukikopamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact