Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๖. ลฎุกิโกปมสุตฺตวณฺณนา

    6. Laṭukikopamasuttavaṇṇanā

    ๑๔๘. มหาอุทายิเตฺถโรติ กาฬุทายิลาฬุทายิเตฺถเรหิ อโญฺญ มหาเทหตาย มหาอุทายีติ สาสเน ปญฺญาโต เถโรฯ อปหริ อปหรติ อปหริสฺสตีติ อปหตฺตาฯ เตกาลิโก หิ อยํ สโทฺทฯ อุปหตฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อปหารโกติ อปเนตาฯ อุปหารโกติ อุปเนตาฯ

    148.Mahāudāyittheroti kāḷudāyilāḷudāyittherehi añño mahādehatāya mahāudāyīti sāsane paññāto thero. Apahari apaharati apaharissatīti apahattā. Tekāliko hi ayaṃ saddo. Upahattāti etthāpi eseva nayo. Apahārakoti apanetā. Upahārakoti upanetā.

    ๑๔๙. นฺติ ภุมฺมเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํ, เตน จ อนนฺตรนิทฺทิฎฺฐสมโย ปจฺจามโฎฺฐติ อาห ‘‘ยสฺมิํ สมเย’’ติฯ น ภควนฺตํ ปฎิจฺจาติ น ภควนฺตํ อารมฺมณํ กตฺวาฯ

    149.Yanti bhummatthe paccattavacanaṃ, tena ca anantaraniddiṭṭhasamayo paccāmaṭṭhoti āha ‘‘yasmiṃ samaye’’ti. Na bhagavantaṃ paṭiccāti na bhagavantaṃ ārammaṇaṃ katvā.

    กมฺมนิปฺผนฺนตฺถนฺติ อตฺตนา อายาจิยมานกมฺมสิทฺธิอตฺถํฯ ภวตีติ ภู, น ภูติ อภู, ภยวเสน ปน สา อิตฺถี ‘‘อภุ’’นฺติ อาหฯ อาตุ มาตูติ เอตฺถ ยถา –

    Kammanipphannatthanti attanā āyāciyamānakammasiddhiatthaṃ. Bhavatīti bhū, na bhūti abhū, bhayavasena pana sā itthī ‘‘abhu’’nti āha. Ātu mātūti ettha yathā –

    ‘‘องฺคา องฺคา สมฺภวสิ, หทยา อธิชายเส;

    ‘‘Aṅgā aṅgā sambhavasi, hadayā adhijāyase;

    อตฺตา เอว ปุตฺต นามาสิ, ส ชีว สรโทสต’’นฺติฯ –

    Attā eva putta nāmāsi, sa jīva saradosata’’nti. –

    อาทีสุ ปุโตฺต ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ กุลวเสน สนฺตาเน ปวตฺตนโตฯ เอวํ ปิตาปิ ‘‘ปุตฺตสฺส อตฺตา’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺมา ‘‘ภิกฺขุสฺส อตฺตา มาตา’’ติ วตฺถุกามา ภยวเสน ‘‘อาตุ มาตู’’ติ อาหฯ เตนาห ‘‘อาตูติ ปิตา’’ติอาทิฯ

    Ādīsu putto ‘‘attā’’ti vuccati kulavasena santāne pavattanato. Evaṃ pitāpi ‘‘puttassa attā’’ti vuccati. Yasmā ‘‘bhikkhussa attā mātā’’ti vatthukāmā bhayavasena ‘‘ātu mātū’’ti āha. Tenāha ‘‘ātūti pitā’’tiādi.

    ๑๕๐. เอวเมวนฺติ อิทํ ครหตฺถโชตนนิปาตปทนฺติ วุตฺตํ ‘‘ครหโนฺต อาหา’’ติฯ ตถา หิ นํ วาจกสเทฺทเนว ทเสฺสโนฺต ‘‘อิเธกเจฺจ โมฆปุริสา’’ติ อาหฯ อาหํสูติ เตสํ ตถา วจนสฺส อวิเจฺฉเทน ปวตฺติทีปนนฺติ อาห ‘‘วทนฺตี’’ติฯ กิํ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺสาติ ปหาตพฺพวตฺถุํ อวมญฺญมาเนหิ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘กิํ ปนา’’ติฯ เหตุมฺหิ โชเตตเพฺพ เจตํ สามิวจนํ ยถา ‘‘อนุสฺสวสฺส เหตุ, อเชฺฌนสฺส เหตู’’ติฯ เตนาห ‘‘อปฺปมตฺตกสฺส เหตู’’ติฯ นนุ อปสฺสเนฺตน วิย อสุณเนฺตน วิย ภวิตพฺพนฺติ? สตฺถารา นาม อปฺปมตฺตเกสุ โทเสสุ อปสฺสเนฺตน วิย จ อสุณเนฺตน วิย จ ภวิตพฺพนฺติ เตสํ อธิปฺปาเยน วิวรณํฯ เตสุ จาติ สิกฺขากาเมสุ จฯ อปฺปจฺจยํ อุปฎฺฐาเปนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ เตสนฺติ เย ‘‘โมฆปุริสา’’ติ วุตฺตา ปุคฺคลา, เตสํฯ คเล พทฺธํ มหากฎฺฐนฺติ คเล โอลเมฺพตฺวา พทฺธํ รุกฺขทณฺฑมาหฯ ปูติลตายาติ คโลจิยาฯ ปาราชิกวตฺถุ วิย ทุปฺปชหํ โหตีติ ฉนฺทกปฺปหานวเสน ตํ ปชหิตุํ น สโกฺกติฯ

    150.Evamevanti idaṃ garahatthajotananipātapadanti vuttaṃ ‘‘garahanto āhā’’ti. Tathā hi naṃ vācakasaddeneva dassento ‘‘idhekacce moghapurisā’’ti āha. Āhaṃsūti tesaṃ tathā vacanassa avicchedena pavattidīpananti āha ‘‘vadantī’’ti. Kiṃ panimassa appamattakassāti pahātabbavatthuṃ avamaññamānehi vuttaṃ. Tenāha ‘‘kiṃ panā’’ti. Hetumhi jotetabbe cetaṃ sāmivacanaṃ yathā ‘‘anussavassa hetu, ajjhenassa hetū’’ti. Tenāha ‘‘appamattakassa hetū’’ti. Nanu apassantena viya asuṇantena viya bhavitabbanti? Satthārā nāma appamattakesu dosesu apassantena viya ca asuṇantena viya ca bhavitabbanti tesaṃ adhippāyena vivaraṇaṃ. Tesu cāti sikkhākāmesu ca. Appaccayaṃ upaṭṭhāpentīti ānetvā sambandhitabbanti dasseti. Tesanti ye ‘‘moghapurisā’’ti vuttā puggalā, tesaṃ. Gale baddhaṃ mahākaṭṭhanti gale olambetvā baddhaṃ rukkhadaṇḍamāha. Pūtilatāyāti galociyā. Pārājikavatthu viya duppajahaṃ hotīti chandakappahānavasena taṃ pajahituṃ na sakkoti.

    ๑๕๑. อนุสฺสุกฺกาติ ตสฺส ปหาตพฺพสฺส ปหาเน อุสฺสุกฺกรหิตาฯ อปจฺจาสีสนปเกฺขติ ตาย ปรทตฺตวุตฺติตาย กสฺสจิ ปจฺจยสฺส กุโตจิ อปจฺจาสีสกปเกฺข ฐิตา หุตฺวา สุปฺปชหํ โหติ, น ตสฺส ปหาเน ภาริยํ อตฺถิฯ

    151.Anussukkāti tassa pahātabbassa pahāne ussukkarahitā. Apaccāsīsanapakkheti tāya paradattavuttitāya kassaci paccayassa kutoci apaccāsīsakapakkhe ṭhitā hutvā suppajahaṃ hoti, na tassa pahāne bhāriyaṃ atthi.

    ๑๕๒. ทลิโทฺท ทุคฺคโตฯ อสฺสโกติ อสาปเตโยฺยฯ เคหยฎฺฐิโยติ เคหฉทนสฺส อาธารา, ตา อุชุกํ ติริยํ ฐเปตพฺพทณฺฑาฯ สมนฺตโต ภิตฺติปาเทสุ ฐเปตพฺพทณฺฑา มณฺฑลาฯ กากาติทายินฺติ อิโต จิโต กาเกหิ อติปาตวเสน อุเฑฺฑตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ยตฺถ กิญฺจิเทวา’’ติอาทิฯ สูรกากาติ กากานํ อุเฑฺฑปนาการมาหฯ นปรมรูปนฺติ หีนรูปํฯ วิลีวมญฺจโกติ ตาลเวตฺตกาทีหิ วีตมญฺจโกฯ สา ปนสฺส สนฺตานานํ ฉินฺนภินฺนตาย โอลุคฺควิลุคฺคตา, ตถา สติ สา วิสมรูปา โหตีติ อาห ‘‘โอณตา’’ติอาทิฯ โส ปุคฺคโล ลูขโภชี โหตีติ อาห ‘‘ธญฺญํ นาม กุทฺรูสโก’’ติฯ สมกาลํ วปิตพฺพตาย สมวาปกํ, ยถาอุตุ วปิตพฺพพีชํฯ ชายิกาติ กุจฺฉิตา ภริยา, สพฺพตฺถ ครหายํ ก-สโทฺทฯ โส วตาหํ ปพฺพเชยฺยนฺติ โสหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพเชยฺยํ, โยหํ ปุริโส นาม อสฺสํ วตาติ ปพฺพชฺชาวเสน อตฺตโน ปุริสํ โพเธยฺยฯ ตํสภาเว ฐิตสฺส โพธา น ตุ ทุกฺกรา, สา ขโฎปิกาฯ สา กุมฺภีฯ เมณฺฑกเสฎฺฐิโน อฑฺฒเตฬสานิ โกฎฺฐาคารสตานิ วิย

    152.Daliddo duggato. Assakoti asāpateyyo. Gehayaṭṭhiyoti gehachadanassa ādhārā, tā ujukaṃ tiriyaṃ ṭhapetabbadaṇḍā. Samantato bhittipādesu ṭhapetabbadaṇḍā maṇḍalā. Kākātidāyinti ito cito kākehi atipātavasena uḍḍetabbaṃ. Tenāha ‘‘yattha kiñcidevā’’tiādi. Sūrakākāti kākānaṃ uḍḍepanākāramāha. Naparamarūpanti hīnarūpaṃ. Vilīvamañcakoti tālavettakādīhi vītamañcako. Sā panassa santānānaṃ chinnabhinnatāya oluggaviluggatā, tathā sati sā visamarūpā hotīti āha ‘‘oṇatā’’tiādi. So puggalo lūkhabhojī hotīti āha ‘‘dhaññaṃ nāma kudrūsako’’ti. Samakālaṃ vapitabbatāya samavāpakaṃ, yathāutu vapitabbabījaṃ. Jāyikāti kucchitā bhariyā, sabbattha garahāyaṃ ka-saddo. So vatāhaṃ pabbajeyyanti sohaṃ kesamassuṃ ohāretvā pabbajeyyaṃ, yohaṃ puriso nāma assaṃ vatāti pabbajjāvasena attano purisaṃ bodheyya. Taṃsabhāve ṭhitassa bodhā na tu dukkarā, sā khaṭopikā. Sā kumbhī. Meṇḍakaseṭṭhino aḍḍhateḷasāni koṭṭhāgārasatāni viya.

    ๑๕๓. สุวณฺณนิกฺขสตานนฺติ อเนเกสํ สุวณฺณนิกฺขสตานํฯ จโยติ สนฺตาเนหิ นิจโย อวีจิ นิจฺจปฺปพนฺธนิจโยฯ เตนาห ‘‘สนฺตานโต กตสนฺนิจโย’’ติฯ

    153.Suvaṇṇanikkhasatānanti anekesaṃ suvaṇṇanikkhasatānaṃ. Cayoti santānehi nicayo avīci niccappabandhanicayo. Tenāha ‘‘santānato katasannicayo’’ti.

    ๑๕๔. เหฎฺฐา กิญฺจาปิ อปฺปชหนกา ปฐมํ ทสฺสิตา, ปชหนกา ปธานา, เตสญฺจ วเสเนตฺถ ปุคฺคลจตุกฺกํ ทสฺสิตํฯ เต ตเญฺจว ปชหนฺตีติ ปชหนกา ปฐมํ คหิตาฯ ราสิวเสนาติ ‘‘อิธุทายิ เอกโจฺจ ปุคฺคโล’’ติอาทินา จตุเกฺก อาคตวิภาคํ อนามสิตฺวา ‘‘เต เต’’ติ ปจุรวเสน วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘น ปาฎิเยกฺกํ วิภตฺตา’’ติฯ อวิภาเคน คหิตวตฺถูสุ วิภาคโต คหณํ โลกสิทฺธเมตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปชหนกปุคฺคลาติ ‘‘เต ตเญฺจว ปชหนฺตี’’ติ เอวํ ปชหนกปุคฺคลา เอวฯ

    154. Heṭṭhā kiñcāpi appajahanakā paṭhamaṃ dassitā, pajahanakā padhānā, tesañca vasenettha puggalacatukkaṃ dassitaṃ. Te tañceva pajahantīti pajahanakā paṭhamaṃ gahitā. Rāsivasenāti ‘‘idhudāyi ekacco puggalo’’tiādinā catukke āgatavibhāgaṃ anāmasitvā ‘‘te te’’ti pacuravasena vuttaṃ. Tenāha ‘‘na pāṭiyekkaṃ vibhattā’’ti. Avibhāgena gahitavatthūsu vibhāgato gahaṇaṃ lokasiddhametanti dassetuṃ ‘‘yathā nāmā’’tiādi vuttaṃ. Pajahanakapuggalāti ‘‘te tañceva pajahantī’’ti evaṃ pajahanakapuggalā eva.

    อุปธิอนุธาวนกาติ อุปธีสุ อนุอนุธาวนกา อุปธิโย อารพฺภ ปวตฺตนกาฯ วิตกฺกาเยวาติ กามสงฺกปฺปาทิวิตกฺกาเยวฯ อินฺทฺริยนานตฺตตาติ วิมุตฺติปริปาจกานํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํฯ ตสฺส หิ วเสเนว เต จตฺตาโร ปุคฺคลา ชาตาฯ อคฺคมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ยาว น ตํ มเคฺคน สมุคฺฆาเตนฺติ, ตาว นปฺปชหนฺติ นามฯ อิติ เหฎฺฐิมา ตโยปิ อริยา อปฺปหีนสฺส กิเลสสฺส วเสน ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ วุตฺตา, ปเคว ปุถุชฺชนาฯ วุตฺตนเยน ปน วิปสฺสนํ มเคฺคน ฆเฎนฺตา เต จตฺตาโร ชนา อคฺคมคฺคกฺขเณ ปชหนฺติ นามฯ เต เอว ตตฺถ สีฆการิโน ขิปฺปํ ปชหนฺติ นาม, เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ

    Upadhianudhāvanakāti upadhīsu anuanudhāvanakā upadhiyo ārabbha pavattanakā. Vitakkāyevāti kāmasaṅkappādivitakkāyeva. Indriyanānattatāti vimuttiparipācakānaṃ indriyānaṃ paropariyattaṃ. Tassa hi vaseneva te cattāro puggalā jātā. Aggamaggatthāya vipassanaṃ ussukkāpetvā yāva na taṃ maggena samugghātenti, tāva nappajahanti nāma. Iti heṭṭhimā tayopi ariyā appahīnassa kilesassa vasena ‘‘nappajahantī’’ti vuttā, pageva puthujjanā. Vuttanayena pana vipassanaṃ maggena ghaṭentā te cattāro janā aggamaggakkhaṇe pajahanti nāma. Te eva tattha sīghakārino khippaṃ pajahanti nāma, tenāha ‘‘tatthā’’tiādi.

    สํเวคํ กตฺวา อคฺคิํ อกฺกนฺตปุริโส วิยฯ มเคฺคนาติ อนุกฺกมาคเตน อคฺคมเคฺคนฯ มหาหตฺถิปโทปเมติ มหาหตฺถิปโทปมสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย)ฯ ตตฺถ หิ ‘‘ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ อธิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๒) เอตฺถ อติติกฺขนาติติกฺข-นาติมนฺทอติมนฺท-ปุคฺคลวเสน อฎฺฐกถายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๐๒) ตโย วารา อุทฺธฎา, ตตฺถ มชฺฌิมวเสเนว ปโญฺห กถิโตฯ อินฺทฺริยภาวเนติ อินฺทฺริยภาวนาสุเตฺต, ตตฺถาปิ มชฺฌิมนเยเนว ปโญฺห กถิโตฯ เตนาห ‘‘อิเมสู’’ติอาทิฯ

    Saṃvegaṃ katvā aggiṃ akkantapuriso viya. Maggenāti anukkamāgatena aggamaggena. Mahāhatthipadopameti mahāhatthipadopamasutte (ma. ni. 1.300 ādayo). Tattha hi ‘‘tassa dhātārammaṇameva cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati adhimuccatī’’ti (ma. ni. 1.302) ettha atitikkhanātitikkha-nātimandaatimanda-puggalavasena aṭṭhakathāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 2.302) tayo vārā uddhaṭā, tattha majjhimavaseneva pañho kathito. Indriyabhāvaneti indriyabhāvanāsutte, tatthāpi majjhimanayeneva pañho kathito. Tenāha ‘‘imesū’’tiādi.

    นฺติ ‘‘อุปธี’’ติ วุตฺตํ ขนฺธปญฺจกํฯ ทุกฺขสฺส มูลนฺติ สพฺพสฺสปิ วฎฺฎทุกฺขสฺส การณํฯ นิคฺคหโณติ นิรุปาทาโนฯ เตนาห ‘‘นิตฺตโณฺห’’ติฯ

    Tanti ‘‘upadhī’’ti vuttaṃ khandhapañcakaṃ. Dukkhassa mūlanti sabbassapi vaṭṭadukkhassa kāraṇaṃ. Niggahaṇoti nirupādāno. Tenāha ‘‘nittaṇho’’ti.

    ๑๕๕. เย ปชหนฺตีติ ‘‘เต ตเญฺจว ปชหนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตปุคฺคลาฯ เต อิเม นาม เอตฺตเก กิเลเส ปชหนฺตีติ เย เต ปุถุชฺชนา ลาภิโน จ ปญฺจ กามคุเณ เอตฺตเก ตํตํฌานาทิวตฺถุเก จ ตํตํมคฺควชฺฌตาย ปริจฺฉินฺนตฺตา เอตฺตเก กิเลเส ปชหนฺติฯ เย นปฺปชหนฺตีติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อสุจิสุขํ กายาสุจิสนฺนิสฺสิตตฺตาฯ อนริเยหีติ อปริสุเทฺธหิฯ ปฎิลาภโต ภายิตพฺพํ กิเลสทุกฺขคติกตฺตาฯ วิปากโต ภายิตพฺพํ อปายทุกฺขคติกตฺตาฯ คณโตปิ กิเลสโตปิ วิวิตฺตสุขนฺติ คณสงฺคณิกโต จ กิเลสสงฺคณิกโต จ วิวิตฺตสุขํฯ ราคาทิวูปสมตฺถายาติ ราคาทิวูปสมาวหํ สุขํฯ น ภายิตพฺพํ สมฺปติ อายติญฺจ เอกนฺตหิตภาวโตฯ

    155.Ye pajahantīti ‘‘te tañceva pajahantī’’ti evaṃ vuttapuggalā. Te ime nāma ettake kilese pajahantīti ye te puthujjanā lābhino ca pañca kāmaguṇe ettake taṃtaṃjhānādivatthuke ca taṃtaṃmaggavajjhatāya paricchinnattā ettake kilese pajahanti. Ye nappajahantīti ettha vuttanayānusārena attho veditabbo. Asucisukhaṃ kāyāsucisannissitattā. Anariyehīti aparisuddhehi. Paṭilābhato bhāyitabbaṃ kilesadukkhagatikattā. Vipākato bhāyitabbaṃ apāyadukkhagatikattā. Gaṇatopi kilesatopi vivittasukhanti gaṇasaṅgaṇikato ca kilesasaṅgaṇikato ca vivittasukhaṃ. Rāgādivūpasamatthāyāti rāgādivūpasamāvahaṃ sukhaṃ. Na bhāyitabbaṃ sampati āyatiñca ekantahitabhāvato.

    ๑๕๖. อิญฺชิตสฺมินฺติ ปจฺจเตฺต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘อิญฺชน’’นฺติอาทิฯ อิญฺชติ เตนาติ อิญฺชิตํ, ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส โขภกรํ โอฬาริกํ ฌานงฺคํฯ จตุตฺถชฺฌานํ อนิญฺชนํ สนฺนิสินฺนาภาวโตฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖; ปารา. ๑๒-๑๓)ฯ

    156.Iñjitasminti paccatte bhummavacananti āha ‘‘iñjana’’ntiādi. Iñjati tenāti iñjitaṃ, tassa tassa jhānassa khobhakaraṃ oḷārikaṃ jhānaṅgaṃ. Catutthajjhānaṃ aniñjanaṃ sannisinnābhāvato. Tathā hi vuttaṃ ‘‘ṭhite āneñjappatte’’ti (dī. ni. 1.244-245; ma. ni. 1.384-386; pārā. 12-13).

    อลํ-สโทฺท ยุตฺตโตฺถปิ โหติ – ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุํ, อลํ วิมุจฺจิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓), ตสฺมา อนลํ อนุสงฺคํ กาตุํ อยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อกตฺตพฺพอาลยนฺติ วทามี’’ติฯ สนฺนิฎฺฐานนฺติ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อลํ เอตฺตาวตาติ อุสฺสาหปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน สนฺนิฎฺฐานํ น กาตพฺพนฺติ โยชนาฯ อุทฺธมฺภาคิยสญฺญิตํ อณุํ วา โอรมฺภาคิยสญฺญิตํ ถูลํ วา, รูปราโคติ เอวรูปํ อณุํ วา กามาสโว ปฎิฆนฺติ เอวรูปํ ถูลํ วา, มุทุนา ปวตฺติอาการวิเสเสน อปฺปสาวชฺชํ, กมฺมพนฺธนเฎฺฐน วา อปฺปสาวชฺชํ, ตพฺพิปริยายโต มหาสาวชฺชํ เวทิตพฺพํฯ นาติติกฺขปญฺญสฺส วเสน เทสนาย ปวตฺตตฺตา ‘‘เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสนา’’ติ วุตฺตํฯ สพฺพโส หิ ปริยาทินฺนนิกนฺติกสฺส อริยปุคฺคลสฺส วเสน สญฺญาเวทยิตนิโรธสฺส อาคตตฺตา ‘‘อรหตฺตนิกูเฎเนว นิฎฺฐาปิตา’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Alaṃ-saddo yuttatthopi hoti – ‘‘alameva nibbindituṃ, alaṃ vimuccitu’’ntiādīsu (dī. ni. 2.272; saṃ. ni. 2.124, 128, 134, 143), tasmā analaṃ anusaṅgaṃ kātuṃ ayuttanti attho. Tenāha ‘‘akattabbaālayanti vadāmī’’ti. Sanniṭṭhānanti sammāpaṭipattiyaṃ alaṃ ettāvatāti ussāhapaṭippassambhanavasena sanniṭṭhānaṃ na kātabbanti yojanā. Uddhambhāgiyasaññitaṃ aṇuṃ vā orambhāgiyasaññitaṃ thūlaṃ vā, rūparāgoti evarūpaṃ aṇuṃ vā kāmāsavo paṭighanti evarūpaṃ thūlaṃ vā, mudunā pavattiākāravisesena appasāvajjaṃ, kammabandhanaṭṭhena vā appasāvajjaṃ, tabbipariyāyato mahāsāvajjaṃ veditabbaṃ. Nātitikkhapaññassa vasena desanāya pavattattā ‘‘neyyapuggalassa vasenā’’ti vuttaṃ. Sabbaso hi pariyādinnanikantikassa ariyapuggalassa vasena saññāvedayitanirodhassa āgatattā ‘‘arahattanikūṭeneva niṭṭhāpitā’’ti vuttaṃ. Yaṃ panettha atthato na vibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    ลฎุกิโกปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Laṭukikopamasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. ลฎุกิโกปมสุตฺตํ • 6. Laṭukikopamasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. ลฎุกิโกปมสุตฺตวณฺณนา • 6. Laṭukikopamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact