Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๘. ลิจฺฉวิกุมารกสุตฺตํ
8. Licchavikumārakasuttaṃ
๕๘. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ
58. Ekaṃ samayaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya vesāliṃ piṇḍāya pāvisi. Vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto mahāvanaṃ ajjhogāhetvā aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ลิจฺฉวิกุมารกา สชฺชานิ ธนูนิ อาทาย กุกฺกุรสงฺฆปริวุตา มหาวเน อนุจงฺกมมานา อนุวิจรมานา อทฺทสุ ภควนฺตํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ; ทิสฺวาน สชฺชานิ ธนูนิ นิกฺขิปิตฺวา กุกฺกุรสงฺฆํ เอกมนฺตํ อุโยฺยเชตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตา ปญฺชลิกา ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺติฯ
Tena kho pana samayena sambahulā licchavikumārakā sajjāni dhanūni ādāya kukkurasaṅghaparivutā mahāvane anucaṅkamamānā anuvicaramānā addasu bhagavantaṃ aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ; disvāna sajjāni dhanūni nikkhipitvā kukkurasaṅghaṃ ekamantaṃ uyyojetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā tuṇhībhūtā tuṇhībhūtā pañjalikā bhagavantaṃ payirupāsanti.
เตน โข ปน สมเยน มหานาโม ลิจฺฉวิ มหาวเน ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อทฺทส เต ลิจฺฉวิกุมารเก ตุณฺหีภูเต ตุณฺหีภูเต ปญฺชลิเก ภควนฺตํ ปยิรุปาสเนฺต; ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข มหานาโม ลิจฺฉวิ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘ภวิสฺสนฺติ วชฺชี, ภวิสฺสนฺติ วชฺชี’’’ติ!
Tena kho pana samayena mahānāmo licchavi mahāvane jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno addasa te licchavikumārake tuṇhībhūte tuṇhībhūte pañjalike bhagavantaṃ payirupāsante; disvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho mahānāmo licchavi udānaṃ udānesi – ‘bhavissanti vajjī, bhavissanti vajjī’’’ti!
‘‘กิํ ปน ตฺวํ, มหานาม, เอวํ วเทสิ – ‘ภวิสฺสนฺติ วชฺชี, ภวิสฺสนฺติ วชฺชี’’’ติ? ‘‘อิเม, ภเนฺต, ลิจฺฉวิกุมารกา จณฺฑา ผรุสา อปานุภา 1ฯ ยานิปิ ตานิ กุเลสุ ปเหณกานิ 2 ปหียนฺติ, อุจฺฉูติ วา พทราติ วา ปูวาติ วา โมทกาติ วา สํกุลิกาติ วา 3, ตานิ วิลุมฺปิตฺวา วิลุมฺปิตฺวา ขาทนฺติ; กุลิตฺถีนมฺปิ กุลกุมารีนมฺปิ ปจฺฉาลิยํ ขิปนฺติฯ เต ทานิเม ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตา ปญฺชลิกา ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺตี’’ติฯ
‘‘Kiṃ pana tvaṃ, mahānāma, evaṃ vadesi – ‘bhavissanti vajjī, bhavissanti vajjī’’’ti? ‘‘Ime, bhante, licchavikumārakā caṇḍā pharusā apānubhā 4. Yānipi tāni kulesu paheṇakāni 5 pahīyanti, ucchūti vā badarāti vā pūvāti vā modakāti vā saṃkulikāti vā 6, tāni vilumpitvā vilumpitvā khādanti; kulitthīnampi kulakumārīnampi pacchāliyaṃ khipanti. Te dānime tuṇhībhūtā tuṇhībhūtā pañjalikā bhagavantaṃ payirupāsantī’’ti.
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส ปญฺจ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ – ยทิ วา รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, ยทิ วา รฎฺฐิกสฺส เปตฺตนิกสฺส 7, ยทิ วา เสนาย เสนาปติกสฺส, ยทิ วา คามคามณิกสฺส, ยทิ วา ปูคคามณิกสฺส, เย วา ปน กุเลสุ ปเจฺจกาธิปจฺจํ กาเรนฺติ, วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yassa kassaci, mahānāma, kulaputtassa pañca dhammā saṃvijjanti – yadi vā rañño khattiyassa muddhāvasittassa, yadi vā raṭṭhikassa pettanikassa 8, yadi vā senāya senāpatikassa, yadi vā gāmagāmaṇikassa, yadi vā pūgagāmaṇikassa, ye vā pana kulesu paccekādhipaccaṃ kārenti, vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กตเม ปญฺจ? อิธ, มหานาม, กุลปุโตฺต อุฎฺฐานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิเตฺตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลเทฺธหิ มาตาปิตโร สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ ฯ ตเมนํ มาตาปิตโร สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติฯ มาตาปิตานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Katame pañca? Idha, mahānāma, kulaputto uṭṭhānavīriyādhigatehi bhogehi bāhābalaparicitehi sedāvakkhittehi dhammikehi dhammaladdhehi mātāpitaro sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti . Tamenaṃ mātāpitaro sakkatā garukatā mānitā pūjitā kalyāṇena manasā anukampanti – ‘ciraṃ jīva, dīghamāyuṃ pālehī’ti. Mātāpitānukampitassa, mahānāma, kulaputtassa vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุโตฺต อุฎฺฐานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิเตฺตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลเทฺธหิ ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส 9 สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติฯ ตเมนํ ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริสา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติฯ ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริสานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kulaputto uṭṭhānavīriyādhigatehi bhogehi bāhābalaparicitehi sedāvakkhittehi dhammikehi dhammaladdhehi puttadāradāsakammakaraporise 10 sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti. Tamenaṃ puttadāradāsakammakaraporisā sakkatā garukatā mānitā pūjitā kalyāṇena manasā anukampanti – ‘ciraṃ jīva, dīghamāyuṃ pālehī’ti. Puttadāradāsakammakaraporisānukampitassa, mahānāma, kulaputtassa vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุโตฺต อุฎฺฐานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิเตฺตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลเทฺธหิ เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสโพฺยหาเร สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติฯ ตเมนํ เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสโพฺยหารา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติฯ เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสโพฺยหารานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kulaputto uṭṭhānavīriyādhigatehi bhogehi bāhābalaparicitehi sedāvakkhittehi dhammikehi dhammaladdhehi khettakammantasāmantasabyohāre sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti. Tamenaṃ khettakammantasāmantasabyohārā sakkatā garukatā mānitā pūjitā kalyāṇena manasā anukampanti – ‘ciraṃ jīva, dīghamāyuṃ pālehī’ti. Khettakammantasāmantasabyohārānukampitassa, mahānāma, kulaputtassa vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุโตฺต อุฎฺฐานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิเตฺตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลเทฺธหิ ยาวตา พลิปฎิคฺคาหิกา เทวตา สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติฯ ตเมนํ พลิปฎิคฺคาหิกา เทวตา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติฯ เทวตานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kulaputto uṭṭhānavīriyādhigatehi bhogehi bāhābalaparicitehi sedāvakkhittehi dhammikehi dhammaladdhehi yāvatā balipaṭiggāhikā devatā sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti. Tamenaṃ balipaṭiggāhikā devatā sakkatā garukatā mānitā pūjitā kalyāṇena manasā anukampanti – ‘ciraṃ jīva, dīghamāyuṃ pālehī’ti. Devatānukampitassa, mahānāma, kulaputtassa vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุโตฺต อุฎฺฐานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิเตฺตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลเทฺธหิ สมณพฺราหฺมเณ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติฯ ตเมนํ สมณพฺราหฺมณา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติฯ สมณพฺราหฺมณานุกมฺปิตสฺส , มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahānāma, kulaputto uṭṭhānavīriyādhigatehi bhogehi bāhābalaparicitehi sedāvakkhittehi dhammikehi dhammaladdhehi samaṇabrāhmaṇe sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti. Tamenaṃ samaṇabrāhmaṇā sakkatā garukatā mānitā pūjitā kalyāṇena manasā anukampanti – ‘ciraṃ jīva, dīghamāyuṃ pālehī’ti. Samaṇabrāhmaṇānukampitassa , mahānāma, kulaputtassa vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส อิเม ปญฺจ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ – ยทิ วา รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, ยทิ วา รฎฺฐิกสฺส เปตฺตนิกสฺส , ยทิ วา เสนาย เสนาปติกสฺส, ยทิ วา คามคามณิกสฺส, ยทิ วา ปูคคามณิกสฺส, เย วา ปน กุเลสุ ปเจฺจกาธิปจฺจํ กาเรนฺติ, วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติฯ
‘‘Yassa kassaci, mahānāma, kulaputtassa ime pañca dhammā saṃvijjanti – yadi vā rañño khattiyassa muddhāvasittassa, yadi vā raṭṭhikassa pettanikassa , yadi vā senāya senāpatikassa, yadi vā gāmagāmaṇikassa, yadi vā pūgagāmaṇikassa, ye vā pana kulesu paccekādhipaccaṃ kārenti, vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihānī’’ti.
‘‘มาตาปิตุกิจฺจกโร, ปุตฺตทารหิโต สทา;
‘‘Mātāpitukiccakaro, puttadārahito sadā;
อโนฺตชนสฺส อตฺถาย, เย จสฺส อนุชีวิโนฯ
Antojanassa atthāya, ye cassa anujīvino.
‘‘อุภินฺนเญฺจว อตฺถาย, วทญฺญู โหติ สีลวา;
‘‘Ubhinnañceva atthāya, vadaññū hoti sīlavā;
‘‘สมณานํ พฺราหฺมณานํ, เทวตานญฺจ ปณฺฑิโต;
‘‘Samaṇānaṃ brāhmaṇānaṃ, devatānañca paṇḍito;
วิตฺติสญฺชนโน โหติ, ธเมฺมน ฆรมาวสํฯ
Vittisañjanano hoti, dhammena gharamāvasaṃ.
‘‘โส กริตฺวาน กลฺยาณํ, ปุโชฺช โหติ ปสํสิโย;
‘‘So karitvāna kalyāṇaṃ, pujjo hoti pasaṃsiyo;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สเคฺค ปโมทตี’’ติฯ อฎฺฐมํ;
Idheva naṃ pasaṃsanti, pecca sagge pamodatī’’ti. aṭṭhamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ลิจฺฉวิกุมารกสุตฺตวณฺณนา • 8. Licchavikumārakasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘-๑๐. ลิจฺฉวิกุมารกสุตฺตาทิวณฺณนา • 8-10. Licchavikumārakasuttādivaṇṇanā