Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi

    โลหิตุปฺปาทกกมฺมํ

    Lohituppādakakammaṃ

    ๓๔๑. เตน โข ปน สมเยน ภควา คิชฺฌกูฎสฺส ปพฺพตสฺส ฉายายํ จงฺกมติฯ อถ โข เทวทโตฺต คิชฺฌกูฎํ ปพฺพตํ อารุหิตฺวา มหติํ สิลํ ปวิชฺฌิ – อิมาย สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามีติฯ เทฺว ปพฺพตกูฎา สมาคนฺตฺวา ตํ สิลํ สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ ตโต ปปติกา อุปฺปติตฺวา ภควโต ปาเท รุหิรํ อุปฺปาเทสิฯ อถ โข ภควา อุทฺธํ อุโลฺลเกตฺวา เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พหุํ ตยา, โมฆปุริส, อปุญฺญํ ปสุตํ, ยํ ตฺวํ ทุฎฺฐจิโตฺต วธกจิโตฺต ตถาคตสฺส รุหิรํ อุปฺปาเทสี’’ติฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิทํ, ภิกฺขเว, เทวทเตฺตน ปฐมํ อานนฺตริยํ กมฺมํ อุปจิตํ, ยํ ทุฎฺฐจิเตฺตน วธกจิเตฺตน ตถาคตสฺส รุหิรํ อุปฺปาทิต’’นฺติฯ

    341. Tena kho pana samayena bhagavā gijjhakūṭassa pabbatassa chāyāyaṃ caṅkamati. Atha kho devadatto gijjhakūṭaṃ pabbataṃ āruhitvā mahatiṃ silaṃ pavijjhi – imāya samaṇaṃ gotamaṃ jīvitā voropessāmīti. Dve pabbatakūṭā samāgantvā taṃ silaṃ sampaṭicchiṃsu. Tato papatikā uppatitvā bhagavato pāde ruhiraṃ uppādesi. Atha kho bhagavā uddhaṃ ulloketvā devadattaṃ etadavoca – ‘‘bahuṃ tayā, moghapurisa, apuññaṃ pasutaṃ, yaṃ tvaṃ duṭṭhacitto vadhakacitto tathāgatassa ruhiraṃ uppādesī’’ti. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘idaṃ, bhikkhave, devadattena paṭhamaṃ ānantariyaṃ kammaṃ upacitaṃ, yaṃ duṭṭhacittena vadhakacittena tathāgatassa ruhiraṃ uppādita’’nti.

    อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู – ‘‘เทวทเตฺตน กิร ภควโต วโธ ปยุโตฺต’’ติฯ เต จ ภิกฺขู ภควโต วิหารสฺส ปริโต ปริโต จงฺกมนฺติ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา สชฺฌายํ กโรนฺตา, ภควโต รกฺขาวรณคุตฺติยาฯ อโสฺสสิ โข ภควา อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ สชฺฌายสทฺทํฯ สุตฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข โส, อานนฺท, อุจฺจาสโทฺท มหาสโทฺท สชฺฌายสโทฺท’’ติ? ‘‘อโสฺสสุํ โข, ภเนฺต, ภิกฺขู – ‘เทวทเตฺตน กิร ภควโต วโธ ปยุโตฺต’ติฯ เต จ 1, ภเนฺต, ภิกฺขู ภควโต วิหารสฺส ปริโต ปริโต จงฺกมนฺติ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา สชฺฌายํ กโรนฺตา, ภควโต รกฺขาวรณคุตฺติยาฯ โส เอโส, ภควา, อุจฺจาสโทฺท มหาสโทฺท สชฺฌายสโทฺท’’ติฯ ‘‘เตน หานนฺท, มม วจเนน เต ภิกฺขู อามเนฺตหิ – สตฺถา อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข เต ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ –

    Assosuṃ kho bhikkhū – ‘‘devadattena kira bhagavato vadho payutto’’ti. Te ca bhikkhū bhagavato vihārassa parito parito caṅkamanti uccāsaddā mahāsaddā sajjhāyaṃ karontā, bhagavato rakkhāvaraṇaguttiyā. Assosi kho bhagavā uccāsaddaṃ mahāsaddaṃ sajjhāyasaddaṃ. Sutvāna āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho so, ānanda, uccāsaddo mahāsaddo sajjhāyasaddo’’ti? ‘‘Assosuṃ kho, bhante, bhikkhū – ‘devadattena kira bhagavato vadho payutto’ti. Te ca 2, bhante, bhikkhū bhagavato vihārassa parito parito caṅkamanti uccāsaddā mahāsaddā sajjhāyaṃ karontā, bhagavato rakkhāvaraṇaguttiyā. So eso, bhagavā, uccāsaddo mahāsaddo sajjhāyasaddo’’ti. ‘‘Tena hānanda, mama vacanena te bhikkhū āmantehi – satthā āyasmante āmantetī’’ti. ‘‘Evaṃ bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā yena te bhikkhū tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘satthā āyasmante āmantetī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato ānandassa paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho te bhikkhū bhagavā etadavoca –

    ‘‘อฎฺฐานเมตํ , ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺยฯ อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติฯ

    ‘‘Aṭṭhānametaṃ , bhikkhave, anavakāso, yaṃ parūpakkamena tathāgataṃ jīvitā voropeyya. Anupakkamena, bhikkhave, tathāgatā parinibbāyanti.

    3 ‘‘ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, สตฺถาโร สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม ปญฺจ? ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฎิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฎฺฐ’นฺติ จฯ ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฎิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฎฺฐ’นฺติ จฯ มยเญฺจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํฯ ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปญฺญายิสฺสตี’ติ ฯ เอวรูปํ โข, ภิกฺขเว, สตฺถารํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติฯ

    4 ‘‘Pañcime, bhikkhave, satthāro santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame pañca? ‘‘Idha, bhikkhave, ekacco satthā aparisuddhasīlo samāno ‘parisuddhasīlomhī’ti paṭijānāti ‘parisuddhaṃ me sīlaṃ pariyodātaṃ asaṃkiliṭṭha’nti ca. Tamenaṃ sāvakā evaṃ jānanti – ‘ayaṃ kho bhavaṃ satthā aparisuddhasīlo samāno ‘parisuddhasīlomhī’ti paṭijānāti ‘parisuddhaṃ me sīlaṃ pariyodātaṃ asaṃkiliṭṭha’nti ca. Mayañceva kho pana gihīnaṃ āroceyyāma, nāssassa manāpaṃ. Yaṃ kho panassa amanāpaṃ, kathaṃ naṃ mayaṃ tena samudācareyyāma? Sammannati kho pana cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārena – yaṃ tumo karissati, tumova tena paññāyissatī’ti . Evarūpaṃ kho, bhikkhave, satthāraṃ sāvakā sīlato rakkhanti; evarūpo ca pana satthā sāvakehi sīlato rakkhaṃ paccāsīsati.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ สตฺถา อปริสุทฺธอาชีโว สมาโน…เป.… อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน…เป.… อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน…เป.… อปริสุทฺธญาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธญาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฎิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม ญาณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฎฺฐ’นฺติ จฯ ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธญาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธญาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฎิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม ญาณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฎฺฐ’นฺติ จฯ มยเญฺจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํฯ ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ น มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปญฺญายิสฺสตี’ติฯ เอวรูปํ โข, ภิกฺขเว, สตฺถารํ สาวกา ญาณทสฺสนโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ ญาณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ สตฺถาโร สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ ‘‘อหํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฎิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฎฺฐ’นฺติ จฯ น จ มํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; น จาหํ สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิฯ อหํ โข ปน ภิกฺขเว ปริสุทฺธาชีโว สมาโน…เป.… ปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน…เป.… ปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน…เป.… ปริสุทฺธญาณทสฺสโน สมาโน ‘‘ปริสุทฺธญาณทสฺสโนมฺหี’’ติ ปฎิชานามิ ‘‘ปริสุทฺธํ เม ญาณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฎฺฐ’’นฺติ จ, น จ มํ สาวกา ญาณทสฺสนโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ ญาณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิฯ ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺยฯ อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติฯ คจฺฉถ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ยถาวิหารํฯ อรกฺขิยา, ภิกฺขเว, ตถาคตา’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, idhekacco satthā aparisuddhaājīvo samāno…pe… aparisuddhadhammadesano samāno…pe… aparisuddhaveyyākaraṇo samāno…pe… aparisuddhañāṇadassano samāno ‘parisuddhañāṇadassanomhī’ti paṭijānāti ‘parisuddhaṃ me ñāṇadassanaṃ pariyodātaṃ asaṃkiliṭṭha’nti ca. Tamenaṃ sāvakā evaṃ jānanti – ‘ayaṃ kho bhavaṃ satthā aparisuddhañāṇadassano samāno ‘parisuddhañāṇadassanomhī’ti paṭijānāti ‘parisuddhaṃ me ñāṇadassanaṃ pariyodātaṃ asaṃkiliṭṭha’nti ca. Mayañceva kho pana gihīnaṃ āroceyyāma, nāssassa manāpaṃ. Yaṃ kho panassa amanāpaṃ, kathaṃ na mayaṃ tena samudācareyyāma? Sammannati kho pana cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārena – yaṃ tumo karissati, tumova tena paññāyissatī’ti. Evarūpaṃ kho, bhikkhave, satthāraṃ sāvakā ñāṇadassanato rakkhanti; evarūpo ca pana satthā sāvakehi ñāṇadassanato rakkhaṃ paccāsīsati. Ime kho, bhikkhave, pañca satthāro santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. ‘‘Ahaṃ kho pana, bhikkhave, parisuddhasīlo samāno ‘parisuddhasīlomhī’ti paṭijānāmi ‘parisuddhaṃ me sīlaṃ pariyodātaṃ asaṃkiliṭṭha’nti ca. Na ca maṃ sāvakā sīlato rakkhanti; na cāhaṃ sāvakehi sīlato rakkhaṃ paccāsīsāmi. Ahaṃ kho pana bhikkhave parisuddhājīvo samāno…pe… parisuddhadhammadesano samāno…pe… parisuddhaveyyākaraṇo samāno…pe… parisuddhañāṇadassano samāno ‘‘parisuddhañāṇadassanomhī’’ti paṭijānāmi ‘‘parisuddhaṃ me ñāṇadassanaṃ pariyodātaṃ asaṃkiliṭṭha’’nti ca, na ca maṃ sāvakā ñāṇadassanato rakkhanti, na cāhaṃ sāvakehi ñāṇadassanato rakkhaṃ paccāsīsāmi. ‘‘Aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ parūpakkamena tathāgataṃ jīvitā voropeyya. Anupakkamena, bhikkhave, tathāgatā parinibbāyanti. Gacchatha tumhe, bhikkhave, yathāvihāraṃ. Arakkhiyā, bhikkhave, tathāgatā’’ti.







    Footnotes:
    1. เตธ (สี.)
    2. tedha (sī.)
    3. จูฬว. ๓๓๔; อ. นิ. ๕.๑๐๐
    4. cūḷava. 334; a. ni. 5.100



    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Chasakyapabbajjākathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact