Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๕. ปปาตวโคฺค
5. Papātavaggo
๑. โลกจินฺตาสุตฺตํ
1. Lokacintāsuttaṃ
๑๑๑๑. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อญฺญตโร ปุริโส ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ‘โลกจินฺตํ จิเนฺตสฺสามี’ติ เยน สุมาคธา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สุมาคธาย โปกฺขรณิยา ตีเร นิสีทิ โลกจินฺตํ จิเนฺตโนฺตฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส สุมาคธาย โปกฺขรณิยา ตีเร จตุรงฺคินิํ เสนํ 1 ภิสมุฬาลํ 2 ปวิสนฺตํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘อุมฺมโตฺตสฺมิ นามาหํ, วิเจโตสฺมิ นามาหํ! ยํ โลเก นตฺถิ ตํ มยา ทิฎฺฐ’’’นฺติฯ
1111. Ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave, aññataro puriso rājagahā nikkhamitvā ‘lokacintaṃ cintessāmī’ti yena sumāgadhā pokkharaṇī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā sumāgadhāya pokkharaṇiyā tīre nisīdi lokacintaṃ cintento. Addasā kho, bhikkhave, so puriso sumāgadhāya pokkharaṇiyā tīre caturaṅginiṃ senaṃ 3 bhisamuḷālaṃ 4 pavisantaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘ummattosmi nāmāhaṃ, vicetosmi nāmāhaṃ! Yaṃ loke natthi taṃ mayā diṭṭha’’’nti.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส นครํ ปวิสิตฺวา มหาชนกายสฺส อาโรเจสิ – ‘อุมฺมโตฺตสฺมิ นามาหํ, ภเนฺต, วิเจโตสฺมิ นามาหํ, ภเนฺต! ยํ โลเก นตฺถิ ตํ มยา ทิฎฺฐ’’’นฺติฯ ‘‘กถํ ปน ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, อุมฺมโตฺต กถํ วิเจโต? กิญฺจ โลเก นตฺถิ ยํ ตยา ทิฎฺฐ’’นฺติ? ‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ‘โลกจินฺตํ จิเนฺตสฺสามี’ติ เยน สุมาคธา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา สุมาคธาย โปกฺขรณิยา ตีเร นิสีทิํ โลกจินฺตํ จิเนฺตโนฺตฯ อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภเนฺต, สุมาคธาย โปกฺขรณิยา ตีเร จตุรงฺคินิํ เสนํ ภิสมุฬาลํ ปวิสนฺตํฯ เอวํ ขฺวาหํ, ภเนฺต, อุมฺมโตฺต เอวํ วิเจโตฯ อิทญฺจ โลเก นตฺถิ ยํ มยา ทิฎฺฐ’’นฺติฯ ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, อุมฺมโตฺต ตคฺฆ วิเจโตฯ อิทญฺจ โลเก นตฺถิ ยํ ตยา ทิฎฺฐ’’นฺติฯ
‘‘Atha kho so, bhikkhave, puriso nagaraṃ pavisitvā mahājanakāyassa ārocesi – ‘ummattosmi nāmāhaṃ, bhante, vicetosmi nāmāhaṃ, bhante! Yaṃ loke natthi taṃ mayā diṭṭha’’’nti. ‘‘Kathaṃ pana tvaṃ, ambho purisa, ummatto kathaṃ viceto? Kiñca loke natthi yaṃ tayā diṭṭha’’nti? ‘‘Idhāhaṃ, bhante, rājagahā nikkhamitvā ‘lokacintaṃ cintessāmī’ti yena sumāgadhā pokkharaṇī tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā sumāgadhāya pokkharaṇiyā tīre nisīdiṃ lokacintaṃ cintento. Addasaṃ khvāhaṃ, bhante, sumāgadhāya pokkharaṇiyā tīre caturaṅginiṃ senaṃ bhisamuḷālaṃ pavisantaṃ. Evaṃ khvāhaṃ, bhante, ummatto evaṃ viceto. Idañca loke natthi yaṃ mayā diṭṭha’’nti. ‘‘Taggha tvaṃ, ambho purisa, ummatto taggha viceto. Idañca loke natthi yaṃ tayā diṭṭha’’nti.
‘‘ตํ โข ปน, ภิกฺขเว, โส ปุริโส ภูตํเยว อทฺทส, โน อภูตํฯ ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูโฬฺห อโหสิฯ ตสฺมิํ โข ปน, ภิกฺขเว, สงฺคาเม เทวา ชินิํสุ, อสุรา ปราชินิํสุฯ ปราชิตา จ โข, ภิกฺขเว, อสุรา ภีตา ภิสมุฬาเลน อสุรปุรํ ปวิสิํสุ เทวานํเยว โมหยมานาฯ
‘‘Taṃ kho pana, bhikkhave, so puriso bhūtaṃyeva addasa, no abhūtaṃ. Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, devāsurasaṅgāmo samupabyūḷho ahosi. Tasmiṃ kho pana, bhikkhave, saṅgāme devā jiniṃsu, asurā parājiniṃsu. Parājitā ca kho, bhikkhave, asurā bhītā bhisamuḷālena asurapuraṃ pavisiṃsu devānaṃyeva mohayamānā.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, มา โลกจินฺตํ จิเนฺตถ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อนฺตวา โลโก’ติ วา ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีร’นฺติ วา, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เนสา, ภิกฺขเว, จินฺตา อตฺถสํหิตา นาทิพฺรหฺมจริยกา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ
‘‘Tasmātiha, bhikkhave, mā lokacintaṃ cintetha – ‘sassato loko’ti vā ‘asassato loko’ti vā, ‘antavā loko’ti vā ‘anantavā loko’ti vā, ‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’nti vā ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīra’nti vā, ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā, ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā, ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā. Taṃ kissa hetu? Nesā, bhikkhave, cintā atthasaṃhitā nādibrahmacariyakā na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati.
‘‘จิเนฺตนฺตา โข ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ จิเนฺตยฺยาถ…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ จิเนฺตยฺยาถฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอสา, ภิกฺขเว, จินฺตา อตฺถสํหิตา เอสา อาทิพฺรหฺมจริยกา เอสา นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ
‘‘Cintentā kho tumhe, bhikkhave, ‘idaṃ dukkha’nti cinteyyātha…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti cinteyyātha. Taṃ kissa hetu? Esā, bhikkhave, cintā atthasaṃhitā esā ādibrahmacariyakā esā nibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ โยโค กรณีโย…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ โยโค กรณีโย’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Tasmātiha, bhikkhave, ‘idaṃ dukkha’nti yogo karaṇīyo…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yogo karaṇīyo’’ti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. โลกจินฺตาสุตฺตวณฺณนา • 1. Lokacintāsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. โลกจินฺตาสุตฺตวณฺณนา • 1. Lokacintāsuttavaṇṇanā