Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๓. โลกสุตฺตวณฺณนา
3. Lokasuttavaṇṇanā
๒๓. ตติเย โลโกติ ทุกฺขสจฺจํฯ อภิสมฺพุโทฺธติ ญาโต ปจฺจโกฺข กโตฯ โลกสฺมาติ ทุกฺขสจฺจโตฯ ปหีโนติ มหาโพธิมเณฺฑ อรหตฺตมคฺคญาเณน ปหีโนฯ ตถาคตสฺส ภาวิตาติ ตถาคเตน ภาวิตาฯ
23. Tatiye lokoti dukkhasaccaṃ. Abhisambuddhoti ñāto paccakkho kato. Lokasmāti dukkhasaccato. Pahīnoti mahābodhimaṇḍe arahattamaggañāṇena pahīno. Tathāgatassa bhāvitāti tathāgatena bhāvitā.
เอวํ เอตฺตเกน ฐาเนน จตูหิ สเจฺจหิ อตฺตโน พุทฺธภาวํ กเถตฺวา อิทานิ ตถาคตภาวํ กเถตุํ ยํ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทิฎฺฐนฺติ รูปายตนํฯ สุตนฺติ สทฺทายตนํฯ มุตนฺติ ปตฺวา คเหตพฺพโต คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฎฺฐพฺพายตนํฯ วิญฺญาตนฺติ สุขทุกฺขาทิ ธมฺมารมฺมณํฯ ปตฺตนฺติ ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา ปตฺตํฯ ปริเยสิตนฺติ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ปริเยสิตํฯ อนุวิจริตํ มนสาติ จิเตฺตน อนุสญฺจริตํฯ
Evaṃ ettakena ṭhānena catūhi saccehi attano buddhabhāvaṃ kathetvā idāni tathāgatabhāvaṃ kathetuṃ yaṃ, bhikkhavetiādimāha. Tattha diṭṭhanti rūpāyatanaṃ. Sutanti saddāyatanaṃ. Mutanti patvā gahetabbato gandhāyatanaṃ rasāyatanaṃ phoṭṭhabbāyatanaṃ. Viññātanti sukhadukkhādi dhammārammaṇaṃ. Pattanti pariyesitvā vā apariyesitvā vā pattaṃ. Pariyesitanti pattaṃ vā appattaṃ vā pariyesitaṃ. Anuvicaritaṃ manasāti cittena anusañcaritaṃ.
ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธนฺติ อิมินา เอตํ ทเสฺสติ – ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส นีลํ ปีตกนฺติอาทิ รูปารมฺมณํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, ‘‘อยํ สโตฺต อิมสฺมิํ ขเณ อิมํ นาม รูปารมฺมณํ ทิสฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌโตฺต วา ชาโต’’ติ สพฺพํ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํฯ ตถา ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส เภริสโทฺท มุทิงฺคสโทฺทติอาทิ สทฺทารมฺมณํ โสตทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, มูลคโนฺธ ตจคโนฺธติอาทิ คนฺธารมฺมณํ ฆานทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, มูลรโส ขนฺธรโสติอาทิ รสารมฺมณํ ชิวฺหาทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, กกฺขฬํ มุทุกนฺติอาทิ ปถวีธาตุเตโชธาตุวาโยธาตุเภทํ โผฎฺฐพฺพารมฺมณํ กายทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, ‘‘อยํ สโตฺต อิมสฺมิํ ขเณ อิมํ นาม โผฎฺฐพฺพารมฺมณํ ผุสิตฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌโตฺต วา ชาโต’’ติ สพฺพํ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํฯ ตถา ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส สุขทุกฺขาทิเภทํ ธมฺมารมฺมณํ มโนทฺวารสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ‘‘อยํ สโตฺต อิมสฺมิํ ขเณ อิมํ นาม ธมฺมารมฺมณํ วิชานิตฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌโตฺต วา ชาโต’’ติ สพฺพํ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํฯ ยญฺหิ, ภิกฺขเว, อิเมสํ สพฺพสตฺตานํ ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ, ตตฺถ ตถาคเตน อทิฎฺฐํ วา อสุตํ วา อมุตํ วา อวิญฺญาตํ วา นตฺถิ, อิมสฺส ปน มหาชนสฺส ปริเยสิตฺวา อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ, ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, สพฺพมฺปิ ตถาคตสฺส อปฺปตฺตํ นาม นตฺถิ ญาเณน อสจฺฉิกตํฯ
Tathāgatenaabhisambuddhanti iminā etaṃ dasseti – yaṃ aparimāṇāsu lokadhātūsu imassa sadevakassa lokassa nīlaṃ pītakantiādi rūpārammaṇaṃ cakkhudvāre āpāthaṃ āgacchati, ‘‘ayaṃ satto imasmiṃ khaṇe imaṃ nāma rūpārammaṇaṃ disvā sumano vā dummano vā majjhatto vā jāto’’ti sabbaṃ tathāgatassa evaṃ abhisambuddhaṃ. Tathā yaṃ aparimāṇāsu lokadhātūsu imassa sadevakassa lokassa bherisaddo mudiṅgasaddotiādi saddārammaṇaṃ sotadvāre āpāthaṃ āgacchati, mūlagandho tacagandhotiādi gandhārammaṇaṃ ghānadvāre āpāthaṃ āgacchati, mūlaraso khandharasotiādi rasārammaṇaṃ jivhādvāre āpāthaṃ āgacchati, kakkhaḷaṃ mudukantiādi pathavīdhātutejodhātuvāyodhātubhedaṃ phoṭṭhabbārammaṇaṃ kāyadvāre āpāthaṃ āgacchati, ‘‘ayaṃ satto imasmiṃ khaṇe imaṃ nāma phoṭṭhabbārammaṇaṃ phusitvā sumano vā dummano vā majjhatto vā jāto’’ti sabbaṃ tathāgatassa evaṃ abhisambuddhaṃ. Tathā yaṃ aparimāṇāsu lokadhātūsu imassa sadevakassa lokassa sukhadukkhādibhedaṃ dhammārammaṇaṃ manodvārassa āpāthaṃ āgacchati, ‘‘ayaṃ satto imasmiṃ khaṇe imaṃ nāma dhammārammaṇaṃ vijānitvā sumano vā dummano vā majjhatto vā jāto’’ti sabbaṃ tathāgatassa evaṃ abhisambuddhaṃ. Yañhi, bhikkhave, imesaṃ sabbasattānaṃ diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ, tattha tathāgatena adiṭṭhaṃ vā asutaṃ vā amutaṃ vā aviññātaṃ vā natthi, imassa pana mahājanassa pariyesitvā appattampi atthi, apariyesitvā appattampi atthi, pariyesitvā pattampi atthi, apariyesitvā pattampi atthi, sabbampi tathāgatassa appattaṃ nāma natthi ñāṇena asacchikataṃ.
ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ ยํ ยถา โลเกน คตํ, ตสฺส ตเถว คตตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ ฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อภิสมฺพุทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ คตสเทฺทน เอกตฺถํฯ อิมินา นเยน สพฺพวาเรสุ ตถาคโตติ นิคมสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตสฺส ยุตฺติ เอกปุคฺคลวณฺณนายํ ตถาคตสทฺทวิตฺถาเร วุตฺตาเยวฯ อปิเจตฺถ อญฺญทตฺถูติ เอกํสเตฺถ นิปาโตฯ ทกฺขตีติ ทโสฯ วสํ วเตฺตตีติ วสวตฺตีฯ
Tasmā tathāgatoti vuccatīti yaṃ yathā lokena gataṃ, tassa tatheva gatattā tathāgatoti vuccati . Pāḷiyaṃ pana ‘‘abhisambuddha’’nti vuttaṃ, taṃ gatasaddena ekatthaṃ. Iminā nayena sabbavāresu tathāgatoti nigamassa attho veditabbo. Tassa yutti ekapuggalavaṇṇanāyaṃ tathāgatasaddavitthāre vuttāyeva. Apicettha aññadatthūti ekaṃsatthe nipāto. Dakkhatīti daso. Vasaṃ vattetīti vasavattī.
สพฺพํ โลกํ อภิญฺญาติ เตธาตุกํ โลกสนฺนิวาสํ ชานิตฺวาฯ สพฺพํ โลเก ยถาตถนฺติ ตสฺมิํ เตธาตุกโลกสนฺนิวาเส ยํกิญฺจิ เนยฺยํ, สพฺพํ ตํ ยถาตถํ อวิปรีตํ ชานิตฺวาฯ วิสํยุโตฺตติ จตุนฺนํ โยคานํ ปหาเนน วิสํยุโตฺตฯ อนูปโยติ ตณฺหาทิฎฺฐิอุปเยหิ วิรหิโตฯ สพฺพาภิภูติ รูปาทีนิ สพฺพารมฺมณานิ อภิภวิตฺวา ฐิโตฯ ธีโรติ ธิติสมฺปโนฺนฯ สพฺพคนฺถปฺปโมจโนติ สเพฺพ จตฺตาโรปิ คเนฺถ โมเจตฺวา ฐิโตฯ ผุฎฺฐสฺสาติ ผุฎฺฐา อสฺสฯ อิทญฺจ กรณเตฺถ สามิวจนํฯ ปรมา สนฺตีติ นิพฺพานํฯ ตญฺหิ เตน ญาณผุสเนน ผุฎฺฐํฯ เตเนวาห – นิพฺพานํ อกุโตภยนฺติฯ อถ วา ปรมาสนฺตีติ อุตฺตมา สนฺติฯ กตรา สาติ? นิพฺพานํฯ ยสฺมา ปน นิพฺพาเน กุโตจิ ภยํ นตฺถิ, ตสฺมา ตํ อกุโตภยนฺติ วุจฺจติฯ วิมุโตฺต อุปธิสงฺขเยติ อุปธิสงฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา วิมุโตฺตฯ สีโห อนุตฺตโรติ ปริสฺสยานํ สหนเฎฺฐน กิเลสานญฺจ หิํสนเฎฺฐน ตถาคโต อนุตฺตโร สีโห นามฯ พฺรหฺมนฺติ เสฎฺฐํฯ อิตีติ เอวํ ตถาคตสฺส คุเณ ชานิตฺวาฯ สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวาฯ ตํ นมสฺสนฺตีติ ตํ ตถาคตํ เต สรณํ คตา นมสฺสนฺติฯ อิทานิ ยํ วทนฺตา เต นมสฺสนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ ทโนฺตติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Sabbaṃ lokaṃ abhiññāti tedhātukaṃ lokasannivāsaṃ jānitvā. Sabbaṃ loke yathātathanti tasmiṃ tedhātukalokasannivāse yaṃkiñci neyyaṃ, sabbaṃ taṃ yathātathaṃ aviparītaṃ jānitvā. Visaṃyuttoti catunnaṃ yogānaṃ pahānena visaṃyutto. Anūpayoti taṇhādiṭṭhiupayehi virahito. Sabbābhibhūti rūpādīni sabbārammaṇāni abhibhavitvā ṭhito. Dhīroti dhitisampanno. Sabbaganthappamocanoti sabbe cattāropi ganthe mocetvā ṭhito. Phuṭṭhassāti phuṭṭhā assa. Idañca karaṇatthe sāmivacanaṃ. Paramā santīti nibbānaṃ. Tañhi tena ñāṇaphusanena phuṭṭhaṃ. Tenevāha – nibbānaṃ akutobhayanti. Atha vā paramāsantīti uttamā santi. Katarā sāti? Nibbānaṃ. Yasmā pana nibbāne kutoci bhayaṃ natthi, tasmā taṃ akutobhayanti vuccati. Vimutto upadhisaṅkhayeti upadhisaṅkhayasaṅkhāte nibbāne tadārammaṇāya phalavimuttiyā vimutto. Sīho anuttaroti parissayānaṃ sahanaṭṭhena kilesānañca hiṃsanaṭṭhena tathāgato anuttaro sīho nāma. Brahmanti seṭṭhaṃ. Itīti evaṃ tathāgatassa guṇe jānitvā. Saṅgammāti samāgantvā. Taṃ namassantīti taṃ tathāgataṃ te saraṇaṃ gatā namassanti. Idāni yaṃ vadantā te namassanti, taṃ dassetuṃ dantotiādi vuttaṃ. Taṃ uttānatthamevāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. โลกสุตฺตํ • 3. Lokasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. โลกสุตฺตวณฺณนา • 3. Lokasuttavaṇṇanā