Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๓. โลกสุตฺตวณฺณนา

    3. Lokasuttavaṇṇanā

    ๒๓. ตติเย โลโกติ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกฯ อตฺถโต ปุริมสฺมิํ อริยสจฺจทฺวยํ, อิธ ปน ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เวทิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘โลโกติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติฯ วิสํยุโตฺตติ วิสํสโฎฺฐ น ปฎิพโทฺธ, สเพฺพสํ สํโยชนานํ สมฺมเทว สมุจฺฉินฺนตฺตา ตโต วิปฺปมุโตฺตติ อโตฺถฯ โลกสมุทโยติ สุตฺตนฺตนเยน ตณฺหา, อภิธมฺมนเยน ปน อภิสงฺขาเรหิ สทฺธิํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํฯ โลกนิโรโธติ นิพฺพานํฯ สจฺฉิกโตติ อตฺตปจฺจโกฺข กโตฯ โลกนิโรธคามินี ปฎิปทาติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคโห อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ โส หิ โลกนิโรธํ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ, ตทตฺถํ อริเยหิ ปฎิปชฺชียติ จาติ โลกนิโรธคามินี ปฎิปทาติ วุจฺจติฯ

    23. Tatiye lokoti lujjanapalujjanaṭṭhena loko. Atthato purimasmiṃ ariyasaccadvayaṃ, idha pana dukkhaṃ ariyasaccaṃ veditabbaṃ. Tenāha ‘‘lokoti dukkhasacca’’nti. Visaṃyuttoti visaṃsaṭṭho na paṭibaddho, sabbesaṃ saṃyojanānaṃ sammadeva samucchinnattā tato vippamuttoti attho. Lokasamudayoti suttantanayena taṇhā, abhidhammanayena pana abhisaṅkhārehi saddhiṃ diyaḍḍhakilesasahassaṃ. Lokanirodhoti nibbānaṃ. Sacchikatoti attapaccakkho kato. Lokanirodhagāminī paṭipadāti sīlādikkhandhattayasaṅgaho ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. So hi lokanirodhaṃ nibbānaṃ gacchati adhigacchati, tadatthaṃ ariyehi paṭipajjīyati cāti lokanirodhagāminī paṭipadāti vuccati.

    เอตฺตาวตา ตถานิ อภิสมฺพุโทฺธ ยาถาวโต คโตติ ตถาคโตติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ จตฺตาริ หิ อริยสจฺจานิ ตถานิ นามฯ ยถาห –

    Ettāvatā tathāni abhisambuddho yāthāvato gatoti tathāgatoti ayamattho dassito hoti. Cattāri hi ariyasaccāni tathāni nāma. Yathāha –

    ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนญฺญถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐; ปฎิ. ม. ๒.๘) วิตฺถาโรฯ

    ‘‘Cattārimāni, bhikkhave, tathāni avitathāni anaññathāni. Katamāni cattāri? Idaṃ dukkhanti, bhikkhave, tathametaṃ avitathametaṃ anaññathameta’’nti (saṃ. ni. 5.1090; paṭi. ma. 2.8) vitthāro.

    อปิจ ตถาย คโตติ ตถาคโต, คโตติ จ อวคโต อตีโต ปโตฺต ปฎิปโนฺนติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ภควา สกลโลกํ ตีรณปริญฺญาย ตถาย อวิปรีตาย คโต อวคโต, ตสฺมา โลโก ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโตฯ โลกสมุทยํ ปหานปริญฺญาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโตฯ โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปโตฺตติ ตถาคโตฯ โลกนิโรธคามินิํ ปฎิปทํ ตถํ อวิปรีตํ คโต ปฎิปโนฺนติ ตถาคโตติฯ เอวํ อิมิสฺสา ปาฬิยา ตถาคตภาวทีปนวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Apica tathāya gatoti tathāgato, gatoti ca avagato atīto patto paṭipannoti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – yasmā bhagavā sakalalokaṃ tīraṇapariññāya tathāya aviparītāya gato avagato, tasmā loko tathāgatena abhisambuddhoti tathāgato. Lokasamudayaṃ pahānapariññāya tathāya gato atītoti tathāgato. Lokanirodhaṃ sacchikiriyāya tathāya gato pattoti tathāgato. Lokanirodhagāminiṃ paṭipadaṃ tathaṃ aviparītaṃ gato paṭipannoti tathāgatoti. Evaṃ imissā pāḷiyā tathāgatabhāvadīpanavasena attho veditabbo.

    อิติ ภควา จตุสจฺจาภิสโมฺพธวเสน อตฺตโน ตถาคตภาวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ทิฎฺฐาทิอภิสโมฺพธวเสนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘จตูหิ สเจฺจหิ อตฺตโน พุทฺธภาวํ กเถตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตถาคตสทฺทพุทฺธสทฺทานํ อตฺถโต นินฺนานากรณตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตถา เจว หิ ปาฬิ ปวตฺตาติฯ ทิฎฺฐนฺติ รูปายตนํ ทฎฺฐพฺพโตฯ เตน ยํ ทิฎฺฐํ ยํ ทิสฺสติ, ยํ ทกฺขติ, ยํ สมวาเย ปเสฺสยฺย, ตํ สพฺพํ ทิฎฺฐเนฺตว คหิตํ กาลวิเสสสฺส อนามฎฺฐภาวโต ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ ทเสฺสติฯ สุตนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สุตนฺติ สทฺทายตนํ โสตพฺพโตฯ มุตนฺติ สนิสฺสเย อินฺทฺริเย นิสฺสยํ มุญฺจิตฺวา ปาปุณิตฺวา คเหตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ปตฺวา คเหตพฺพโต’’ติฯ วิญฺญาตนฺติ วิชานิตพฺพํฯ ตํ ปน ทิฎฺฐาทิวินิมุตฺตํ วิเญฺญยฺยนฺติ อาห ‘‘สุขทุกฺขาทิ ธมฺมารมฺมณ’’นฺติฯ ปตฺตนฺติ ยถา ตถา ปตฺวา หตฺถคตํ, อธิคตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา’’ติฯ ปริเยสิตนฺติ ปตฺติยา อตฺถํ ปริยิฎฺฐํฯ ตํ ปน ปตฺตํ วา สิยา อปฺปตฺตํ วา, อุภยถาปิ ปริเยสิตเมวาติ อาห ‘‘ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา’’ติฯ ทฺวเยนปิ ทฺวิปฺปการมฺปิ ปตฺตํ ทฺวิปฺปการมฺปิ ปริเยสิตํ เตน เตน ปกาเรน ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธนฺติ ทเสฺสติฯ จิเตฺตน อนุสญฺจริตนฺติ เต ปน อปาเปตฺวา จิเตฺตเนว อนุ อนุ สญฺจริตํ, วิปริตกฺกิตนฺติ อโตฺถฯ

    Iti bhagavā catusaccābhisambodhavasena attano tathāgatabhāvaṃ pakāsetvā idāni tattha diṭṭhādiabhisambodhavasenapi taṃ dassetuṃ ‘‘yaṃ, bhikkhave’’tiādimāha. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘catūhi saccehi attano buddhabhāvaṃ kathetvā’’ti vuttaṃ, taṃ tathāgatasaddabuddhasaddānaṃ atthato ninnānākaraṇataṃ dassetuṃ vuttaṃ. Tathā ceva hi pāḷi pavattāti. Diṭṭhanti rūpāyatanaṃ daṭṭhabbato. Tena yaṃ diṭṭhaṃ yaṃ dissati, yaṃ dakkhati, yaṃ samavāye passeyya, taṃ sabbaṃ diṭṭhanteva gahitaṃ kālavisesassa anāmaṭṭhabhāvato yathā ‘‘duddha’’nti dasseti. Sutantiādīsupi eseva nayo. Sutanti saddāyatanaṃ sotabbato. Mutanti sanissaye indriye nissayaṃ muñcitvā pāpuṇitvā gahetabbaṃ. Tenāha ‘‘patvā gahetabbato’’ti. Viññātanti vijānitabbaṃ. Taṃ pana diṭṭhādivinimuttaṃ viññeyyanti āha ‘‘sukhadukkhādi dhammārammaṇa’’nti. Pattanti yathā tathā patvā hatthagataṃ, adhigatanti attho. Tenāha ‘‘pariyesitvā vā apariyesitvā vā’’ti. Pariyesitanti pattiyā atthaṃ pariyiṭṭhaṃ. Taṃ pana pattaṃ vā siyā appattaṃ vā, ubhayathāpi pariyesitamevāti āha ‘‘pattaṃ vā appattaṃ vā’’ti. Dvayenapi dvippakārampi pattaṃ dvippakārampi pariyesitaṃ tena tena pakārena tathāgatena abhisambuddhanti dasseti. Cittena anusañcaritanti te pana apāpetvā citteneva anu anu sañcaritaṃ, viparitakkitanti attho.

    ปีตกนฺติอาทีติ อาทิสเทฺทน โลหิตโอทาตาทิสพฺพํ รูปารมฺมณภาคํ สงฺคณฺหาติฯ สุมโนติ ราควเสน โลภวเสน สทฺธาทิวเสน วา สุมโนฯ ทุมฺมโนติ พฺยาปาทวิตกฺกวเสน วา วิหิํสาวิตกฺกวเสน วา ทุมฺมโนฯ มชฺฌโตฺตติ อญฺญาณวเสน, ญาณวเสน วา มชฺฌโตฺตฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ ตตฺถ อาทิสเทฺทน สงฺขสโทฺท, ปณวสโทฺท, ปตฺตคโนฺธ, ปุปฺผคโนฺธ, ปุปฺผรโส, ผลรโส, อุปาทินฺนํ, อนุปาทินฺนํ, มชฺฌตฺตเวทนา กุสลกมฺมํ อกุสลกมฺมนฺติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อปฺปตฺตนฺติ ญาเณน อสมฺปตฺตํ, อวิทิตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ญาเณน อสจฺฉิกต’’นฺติฯ โลเกน คตนฺติ โลเกน ญาตํฯ ตเถว คตตฺตาติ ตเถว ญาตตฺตา อภิสมฺพุทฺธตฺตา , คตสเทฺทน เอกตฺตํ พุทฺธิอตฺถนฺติ อโตฺถฯ คติอโตฺถ หิ ธาตโว พุทฺธิอตฺถา ภวนฺตีติ อกฺขรจินฺตกาฯ

    Pītakantiādīti ādisaddena lohitaodātādisabbaṃ rūpārammaṇabhāgaṃ saṅgaṇhāti. Sumanoti rāgavasena lobhavasena saddhādivasena vā sumano. Dummanoti byāpādavitakkavasena vā vihiṃsāvitakkavasena vā dummano. Majjhattoti aññāṇavasena, ñāṇavasena vā majjhatto. Esa nayo sabbattha. Tattha ādisaddena saṅkhasaddo, paṇavasaddo, pattagandho, pupphagandho, puppharaso, phalaraso, upādinnaṃ, anupādinnaṃ, majjhattavedanā kusalakammaṃ akusalakammanti evamādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Appattanti ñāṇena asampattaṃ, aviditanti attho. Tenāha ‘‘ñāṇena asacchikata’’nti. Lokena gatanti lokena ñātaṃ. Tatheva gatattāti tatheva ñātattā abhisambuddhattā , gatasaddena ekattaṃ buddhiatthanti attho. Gatiattho hi dhātavo buddhiatthā bhavantīti akkharacintakā.

    ยญฺจ, ภิกฺขเว, รติํ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌตีติ ยสฺสญฺจ วิสาขปุณฺณมาย รตฺติยํ ตถาอาคตตฺตาทิอเตฺถน ตถาคโต ภควา โพธิมเณฺฑ อปราชิตปลฺลเงฺก นิสิโนฺน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อาสวกฺขยญาเณน สทฺธิํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ อธิคจฺฉติฯ ยญฺจ รตฺติํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายตีติ ยสฺสญฺจ วิสาขปุณฺณมาย รตฺติยํเยว กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติฯ ยํ เอตสฺมิํ อนฺตเรติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานธาตูนํ มเชฺฌ ปญฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาเล ปฐมโพธิยมฺปิ มชฺฌิมโพธิยมฺปิ ปจฺฉิมโพธิยมฺปิ ยํ สุตฺตเคยฺยาทิปฺปเภทํ ธมฺมํ ภาสติ นิทสฺสนวเสน, ลปติ อุทฺทิสนวเสน, นิทฺทิสติ ปรินิทฺทิสนวเสนฯ สพฺพํ ตํ ตเถว โหตีติ ตํ เอตฺถนฺตเร เทสิตํ สพฺพํ สุตฺตเคยฺยาทินวงฺคํ พุทฺธวจนํ อตฺถโต พฺยญฺชนโต จ อนูนํ อนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ โทสมทนิมฺมทนํ โมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ, เอกมุทฺทิกาย ลญฺฉิตํ วิย เอกาย นาฬิยา มิตํ วิย เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ ตํ ตเถว โหติ ยสฺสตฺถาย ภาสิตํ, เอกเนฺตเนว ตสฺส สาธนโต, โน อญฺญถา, ตสฺมา ตถํ อวิตถํ อนญฺญถํฯ เอเตน ตถาวาทิตาย ตถาคโตติ ทเสฺสติฯ คทอโตฺถ อยํ คตสโทฺท ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา, ตสฺมา ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ อโตฺถฯ อถ วา อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อโตฺถฯ ตโต อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ

    Yañca, bhikkhave, ratiṃ tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhatīti yassañca visākhapuṇṇamāya rattiyaṃ tathāāgatattādiatthena tathāgato bhagavā bodhimaṇḍe aparājitapallaṅke nisinno tiṇṇaṃ mārānaṃ matthakaṃ madditvā uttaritarābhāvato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ āsavakkhayañāṇena saddhiṃ sabbaññutaññāṇaṃ adhigacchati. Yañca rattiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyatīti yassañca visākhapuṇṇamāya rattiyaṃyeva kusinārāyaṃ upavattane mallānaṃ sālavane yamakasālānamantare anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyati. Yaṃ etasmiṃ antareti imāsaṃ dvinnaṃ saupādisesaanupādisesanibbānadhātūnaṃ majjhe pañcacattālīsavassaparimāṇakāle paṭhamabodhiyampi majjhimabodhiyampi pacchimabodhiyampi yaṃ suttageyyādippabhedaṃ dhammaṃ bhāsati nidassanavasena, lapati uddisanavasena, niddisati pariniddisanavasena. Sabbaṃ taṃ tatheva hotīti taṃ etthantare desitaṃ sabbaṃ suttageyyādinavaṅgaṃ buddhavacanaṃ atthato byañjanato ca anūnaṃ anadhikaṃ sabbākāraparipuṇṇaṃ rāgamadanimmadanaṃ dosamadanimmadanaṃ mohamadanimmadanaṃ, natthi tattha vālaggamattampi avakkhalitaṃ, ekamuddikāya lañchitaṃ viya ekāya nāḷiyā mitaṃ viya ekatulāya tulitaṃ viya ca taṃ tatheva hoti yassatthāya bhāsitaṃ, ekanteneva tassa sādhanato, no aññathā, tasmā tathaṃ avitathaṃ anaññathaṃ. Etena tathāvāditāya tathāgatoti dasseti. Gadaattho ayaṃ gatasaddo da-kārassa ta-kāraṃ katvā, tasmā tathaṃ gadatīti tathāgatoti attho. Atha vā āgadanaṃ āgado, vacananti attho. Tato aviparīto āgado assāti da-kārassa ta-kāraṃ katvā tathāgatoti evamettha padasiddhi veditabbā.

    ยถาวาทีติ เย ธเมฺม ภควา ‘‘อิเม ธมฺมา อกุสลา สาวชฺชา วิญฺญุครหิตา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสโนฺต วทติ, เต ธเมฺม เอกเนฺตเนว สยํ ปหาสิฯ เย ปน ธเมฺม ภควา – ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา อนวชฺชา วิญฺญุปฺปสตฺถา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วทติ, เต ธเมฺม เอกเนฺตเนว สยํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตสฺมา ยถาวาที ภควา ตถาการีติ เวทิตโพฺพฯ ตถา สมฺมเทว สีลาทิปริปูรณวเสน สมฺมาปฎิปทายํ ยถาการี ภควา, ตเถว ธมฺมเทสนาย ปเรสํ ตตฺถ ปติฎฺฐาปนวเสน ตถาวาทีฯ ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติฯ เอวํภูตสฺส จ ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวโตฺตฯ ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ อโตฺถฯ

    Yathāvādīti ye dhamme bhagavā ‘‘ime dhammā akusalā sāvajjā viññugarahitā samattā samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattantī’’ti paresaṃ dhammaṃ desento vadati, te dhamme ekanteneva sayaṃ pahāsi. Ye pana dhamme bhagavā – ‘‘ime dhammā kusalā anavajjā viññuppasatthā samattā samādinnā hitāya sukhāya saṃvattantī’’ti vadati, te dhamme ekanteneva sayaṃ upasampajja viharati, tasmā yathāvādī bhagavā tathākārīti veditabbo. Tathā sammadeva sīlādiparipūraṇavasena sammāpaṭipadāyaṃ yathākārī bhagavā, tatheva dhammadesanāya paresaṃ tattha patiṭṭhāpanavasena tathāvādī. Bhagavato hi vācāya kāyo anulometi, kāyassapi vācā, tasmā yathāvādī tathākārī, yathākārī tathāvādī ca hoti. Evaṃbhūtassa ca yathā vācā, kāyopi tathā gato pavatto. Yathā ca kāyo, vācāpi tathā gatā pavattāti attho.

    อภิภู อนภิภูโตติ อุปริ ภวคฺคํ, เหฎฺฐา อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ ภควา สพฺพสเตฺต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปญฺญายปิ วิมุตฺติยาปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิฯ อสโม อสมสโม อปฺปฎิโม อปฺปฎิภาโค อปฺปฎิปุคฺคโล อตุโล อปฺปเมโยฺย อนุตฺตโร ธมฺมราชา เทวเทโว สกฺกานํ อติสโกฺก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา, ตโต เอว อยํ น เกนจิ อภิภูโตฯ ทกฺขตีติ สพฺพํ ปสฺสติฯ วิเสสวจนิจฺฉายปิ อภาวโต อนวเสสวิสโย ทสสโทฺทฯ เตน ยํ กิญฺจิ เนยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย ปสฺสตีติ ทีเปติฯ อวิปรีตํ อาสยาทิอวโพเธน หิตูปสํหาราทินา จ สเตฺต, ภาวญฺญตฺถตฺตูปนยวเสน สงฺขาเร, สพฺพากาเรน สุจิณฺณวสิตาย สมาปตฺติโย, จิตฺตญฺจ วเส วเตฺตตีติ วสวตฺตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Abhibhū anabhibhūtoti upari bhavaggaṃ, heṭṭhā avīcinirayaṃ pariyantaṃ katvā tiriyaṃ aparimāṇāsu lokadhātūsu bhagavā sabbasatte abhibhavati sīlenapi samādhināpi paññāyapi vimuttiyāpi, na tassa tulā vā pamāṇaṃ vā atthi. Asamo asamasamo appaṭimo appaṭibhāgo appaṭipuggalo atulo appameyyo anuttaro dhammarājā devadevo sakkānaṃ atisakko brahmānaṃ atibrahmā, tato eva ayaṃ na kenaci abhibhūto. Dakkhatīti sabbaṃ passati. Visesavacanicchāyapi abhāvato anavasesavisayo dasasaddo. Tena yaṃ kiñci neyyaṃ nāma, sabbaṃ taṃ hatthatale āmalakaṃ viya passatīti dīpeti. Aviparītaṃ āsayādiavabodhena hitūpasaṃhārādinā ca satte, bhāvaññatthattūpanayavasena saṅkhāre, sabbākārena suciṇṇavasitāya samāpattiyo, cittañca vase vattetīti vasavattīti evamettha attho daṭṭhabbo.

    วิสํยุโตฺตติ จตูหิ โยเคหิ วิสํยุโตฺตฯ เตนาห ‘‘จตุนฺนํ โยคานํ ปหาเนน วิสํยุโตฺต’’ติฯ ตณฺหาทิฎฺฐิอุปเยหิ วิรหิโตติ สพฺพสฺมิมฺปิ โลเก ตณฺหาทิฎฺฐิสงฺขาเตหิ อุปเยหิ วิรหิโตฯ

    Visaṃyuttoti catūhi yogehi visaṃyutto. Tenāha ‘‘catunnaṃ yogānaṃ pahānena visaṃyutto’’ti. Taṇhādiṭṭhiupayehi virahitoti sabbasmimpi loke taṇhādiṭṭhisaṅkhātehi upayehi virahito.

    อภิภวิตฺวา ฐิโตติ ตพฺพิสยกิเลสปฺปหาเนน อภิภุยฺย อติกฺกมิตฺวา ฐิโตฯ จตฺตาโรปิ คเนฺถ โมเจตฺวา ฐิโตติ สเพฺพ อภิชฺฌากายคนฺถาทิเก สกสนฺตานโต โมเจตฺวา ฐิโตฯ เวเนยฺยสนฺตาเน วา อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เตสํ ปโมจโนติ สพฺพคนฺถปฺปโมจโนฯ ผุฎฺฐสฺส ปรมา สนฺตีติ อสฺส อเนน ขีณาสเวน พุเทฺธน ปรมา สนฺติ ญาณผุสเนน ผุฎฺฐาติ เอวเมตฺถ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘ผุฎฺฐสฺสา’’ติอาทิฯ นิพฺพาเน กุโตจิ ภยํ นตฺถีติ กุโตจิ ภยการณโต นิพฺพาเน ภยํ นตฺถิ อสงฺขตภาเวน สพฺพโส เขมตฺตาฯ เตนาห ภควา – ‘‘เขมญฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ เขมคามินิญฺจ ปฎิปท’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๓๗๙-๔๐๘)ฯ นิพฺพานปฺปตฺตสฺส วา กุโตจิ ภยํ นตฺถีติ นิพฺพานํ อกุโตภยนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, น กุโตจิ ภยํ เอตฺถ เอตสฺมิํ อธิคเตติ อกุโตภยํ, นิพฺพานนฺติ เอวเมตฺถ นิพฺพจนญฺจ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Abhibhavitvā ṭhitoti tabbisayakilesappahānena abhibhuyya atikkamitvā ṭhito. Cattāropi ganthe mocetvā ṭhitoti sabbe abhijjhākāyaganthādike sakasantānato mocetvā ṭhito. Veneyyasantāne vā attano desanāvilāsena tesaṃ pamocanoti sabbaganthappamocano. Phuṭṭhassa paramā santīti assa anena khīṇāsavena buddhena paramā santi ñāṇaphusanena phuṭṭhāti evamettha sambandho veditabbo. Tenāha ‘‘phuṭṭhassā’’tiādi. Nibbāne kutoci bhayaṃ natthīti kutoci bhayakāraṇato nibbāne bhayaṃ natthi asaṅkhatabhāvena sabbaso khemattā. Tenāha bhagavā – ‘‘khemañca vo, bhikkhave, dhammaṃ desessāmi khemagāminiñca paṭipada’’ntiādi (saṃ. ni. 4.379-408). Nibbānappattassa vā kutoci bhayaṃ natthīti nibbānaṃ akutobhayanti evamettha attho daṭṭhabbo, na kutoci bhayaṃ ettha etasmiṃ adhigateti akutobhayaṃ, nibbānanti evamettha nibbacanañca daṭṭhabbaṃ.

    อนีโฆ นิทฺทุโกฺขฯ สพฺพกมฺมกฺขยํ ปโตฺตติ สเพฺพสํ กมฺมานํ ขยํ ปริโยสานํ อจฺจนฺตภาวํ ปโตฺตฯ อุปธี สมฺมเทว ขียนฺติ เอตฺถาติ อุปธิสงฺขโย, นิพฺพานนฺติ อาห ‘‘อุปธิสงฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน’’ติฯ จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํฯ ปวตฺตยีติ เตปริวฎฺฎํ ทฺวาทสาการํ ปวเตฺตสิ ฯ มหเนฺตหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺตํฯ วีตสารทนฺติ จตุเวสารชฺชโยเคน วีตสารทํฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Anīgho niddukkho. Sabbakammakkhayaṃ pattoti sabbesaṃ kammānaṃ khayaṃ pariyosānaṃ accantabhāvaṃ patto. Upadhī sammadeva khīyanti etthāti upadhisaṅkhayo, nibbānanti āha ‘‘upadhisaṅkhayasaṅkhāte nibbāne’’ti. Cakkanti dhammacakkaṃ. Pavattayīti teparivaṭṭaṃ dvādasākāraṃ pavattesi . Mahantehi sīlādiguṇehi samannāgatattā mahantaṃ. Vītasāradanti catuvesārajjayogena vītasāradaṃ. Sesaṃ uttānameva.

    โลกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Lokasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. โลกสุตฺตํ • 3. Lokasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. โลกสุตฺตวณฺณนา • 3. Lokasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact