Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๗. โลกายติกสุตฺตํ
7. Lokāyatikasuttaṃ
๓๘. อถ โข เทฺว โลกายติกา พฺราหฺมณา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต พฺราหฺมณา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
38. Atha kho dve lokāyatikā brāhmaṇā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te brāhmaṇā bhagavantaṃ etadavocuṃ –
‘‘ปูรโณ, โภ โคตม, กสฺสโป สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฎิชานาติ – ‘จรโต จ เม ติฎฺฐโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิต’นฺติฯ โส เอวมาห – ‘อหํ อนเนฺตน ญาเณน อนนฺตํ โลกํ ชานํ ปสฺสํ วิหรามี’ติฯ อยมฺปิ 1, โภ โคตม, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฎิชานาติ – ‘จรโต จ เม ติฎฺฐโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิต’นฺติฯ โส 2 เอวมาห – ‘อหํ อนเนฺตน ญาเณน อนนฺตํ โลกํ ชานํ ปสฺสํ วิหรามี’ติฯ อิเมสํ, โภ โคตม, อุภินฺนํ ญาณวาทานํ อุภินฺนํ อญฺญมญฺญํ วิปจฺจนีกวาทานํ โก สจฺจํ อาห โก มุสา’’ติ?
‘‘Pūraṇo, bho gotama, kassapo sabbaññū sabbadassāvī aparisesaṃ ñāṇadassanaṃ paṭijānāti – ‘carato ca me tiṭṭhato ca suttassa ca jāgarassa ca satataṃ samitaṃ ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhita’nti. So evamāha – ‘ahaṃ anantena ñāṇena anantaṃ lokaṃ jānaṃ passaṃ viharāmī’ti. Ayampi 3, bho gotama, nigaṇṭho nāṭaputto sabbaññū sabbadassāvī aparisesaṃ ñāṇadassanaṃ paṭijānāti – ‘carato ca me tiṭṭhato ca suttassa ca jāgarassa ca satataṃ samitaṃ ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhita’nti. So 4 evamāha – ‘ahaṃ anantena ñāṇena anantaṃ lokaṃ jānaṃ passaṃ viharāmī’ti. Imesaṃ, bho gotama, ubhinnaṃ ñāṇavādānaṃ ubhinnaṃ aññamaññaṃ vipaccanīkavādānaṃ ko saccaṃ āha ko musā’’ti?
‘‘อลํ, พฺราหฺมณา! ติฎฺฐเตตํ – ‘อิเมสํ อุภินฺนํ ญาณวาทานํ อุภินฺนํ อญฺญมญฺญํ วิปจฺจนีกวาทานํ โก สจฺจํ อาห โก มุสา’ติฯ ธมฺมํ โว, พฺราหฺมณา, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข เต พฺราหฺมณา ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Alaṃ, brāhmaṇā! Tiṭṭhatetaṃ – ‘imesaṃ ubhinnaṃ ñāṇavādānaṃ ubhinnaṃ aññamaññaṃ vipaccanīkavādānaṃ ko saccaṃ āha ko musā’ti. Dhammaṃ vo, brāhmaṇā, desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho te brāhmaṇā bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณา, จตฺตาโร ปุริสา จตุทฺทิสา ฐิตา ปรเมน ชเวน จ สมนฺนาคตา ปรเมน จ ปทวีติหาเรนฯ เต เอวรูเปน ชเวน สมนฺนาคตา อสฺสุ, เสยฺยถาปิ นาม ทฬฺหธมฺมา 5 ธนุคฺคโห สิกฺขิโต กตหโตฺถ กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรน ติริยํ ตาลจฺฉายํ 6 อติปาเตยฺย; เอวรูเปน จ ปทวีติหาเรน, เสยฺยถาปิ นาม ปุรตฺถิมา สมุทฺทา ปจฺฉิโม สมุโทฺท อถ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ฐิโต ปุริโส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ปาปุณิสฺสามี’ติฯ โส อญฺญเตฺรว อสิตปีตขายิตสายิตา อญฺญตฺร อุจฺจารปสฺสาวกมฺมา อญฺญตฺร นิทฺทากิลมถปฎิวิโนทนา วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี วสฺสสตํ คนฺตฺวา อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ อนฺตรา กาลํ กเรยฺยฯ อถ ปจฺฉิมาย ทิสาย…เป.… อถ อุตฺตราย ทิสาย… อถ ทกฺขิณาย ทิสาย ฐิโต ปุริโส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ปาปุณิสฺสามี’ติฯ โส อญฺญเตฺรว อสิตปีตขายิตสายิตา อญฺญตฺร อุจฺจารปสฺสาวกมฺมา อญฺญตฺร นิทฺทากิลมถปฎิวิโนทนา วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี วสฺสสตํ คนฺตฺวา อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ อนฺตรา กาลํ กเรยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? นาหํ, พฺราหฺมณา, เอวรูปาย สนฺธาวนิกาย โลกสฺส อนฺตํ ญาเตยฺยํ ทเฎฺฐยฺยํ ปเตฺตยฺยนฺติ วทามิฯ น จาหํ, พฺราหฺมณา, อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิฯ
‘‘Seyyathāpi, brāhmaṇā, cattāro purisā catuddisā ṭhitā paramena javena ca samannāgatā paramena ca padavītihārena. Te evarūpena javena samannāgatā assu, seyyathāpi nāma daḷhadhammā 7 dhanuggaho sikkhito katahattho katūpāsano lahukena asanena appakasirena tiriyaṃ tālacchāyaṃ 8 atipāteyya; evarūpena ca padavītihārena, seyyathāpi nāma puratthimā samuddā pacchimo samuddo atha puratthimāya disāya ṭhito puriso evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ gamanena lokassa antaṃ pāpuṇissāmī’ti. So aññatreva asitapītakhāyitasāyitā aññatra uccārapassāvakammā aññatra niddākilamathapaṭivinodanā vassasatāyuko vassasatajīvī vassasataṃ gantvā appatvāva lokassa antaṃ antarā kālaṃ kareyya. Atha pacchimāya disāya…pe… atha uttarāya disāya… atha dakkhiṇāya disāya ṭhito puriso evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ gamanena lokassa antaṃ pāpuṇissāmī’ti. So aññatreva asitapītakhāyitasāyitā aññatra uccārapassāvakammā aññatra niddākilamathapaṭivinodanā vassasatāyuko vassasatajīvī vassasataṃ gantvā appatvāva lokassa antaṃ antarā kālaṃ kareyya. Taṃ kissa hetu? Nāhaṃ, brāhmaṇā, evarūpāya sandhāvanikāya lokassa antaṃ ñāteyyaṃ daṭṭheyyaṃ patteyyanti vadāmi. Na cāhaṃ, brāhmaṇā, appatvāva lokassa antaṃ dukkhassa antakiriyaṃ vadāmi.
‘‘ปญฺจิเม, พฺราหฺมณา, กามคุณา อริยสฺส วินเย โลโกติ วุจฺจติฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา; โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา; อิเม โข, พฺราหฺมณา, ปญฺจ กามคุณา อริยสฺส วินเย โลโกติ วุจฺจติฯ
‘‘Pañcime, brāhmaṇā, kāmaguṇā ariyassa vinaye lokoti vuccati. Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā; sotaviññeyyā saddā…pe… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā; ime kho, brāhmaṇā, pañca kāmaguṇā ariyassa vinaye lokoti vuccati.
‘‘อิธ, พฺราหฺมณา, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณา, ‘ภิกฺขุ โลกสฺส อนฺตมาคมฺม, โลกสฺส อเนฺต วิหรติ’ฯ ตมเญฺญ เอวมาหํสุ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’ติฯ อหมฺปิ หิ 9, พฺราหฺมณา, เอวํ วทามิ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’’’ติฯ
‘‘Idha, brāhmaṇā, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, brāhmaṇā, ‘bhikkhu lokassa antamāgamma, lokassa ante viharati’. Tamaññe evamāhaṃsu – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’ti. Ahampi hi 10, brāhmaṇā, evaṃ vadāmi – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’’’ti.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณา, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณา, ‘ภิกฺขุ โลกสฺส อนฺตมาคมฺม โลกสฺส อเนฺต วิหรติ’ฯ ตมเญฺญ เอวมาหํสุ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’ติฯ อหมฺปิ หิ, พฺราหฺมณา, เอวํ วทามิ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇā, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, brāhmaṇā, ‘bhikkhu lokassa antamāgamma lokassa ante viharati’. Tamaññe evamāhaṃsu – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’ti. Ahampi hi, brāhmaṇā, evaṃ vadāmi – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’’’ti.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณา, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณา, ‘ภิกฺขุ โลกสฺส อนฺตมาคมฺม โลกสฺส อเนฺต วิหรติ’ฯ ตมเญฺญ เอวมาหํสุ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’ติ ฯ อหมฺปิ หิ, พฺราหฺมณา, เอวํ วทามิ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇā, bhikkhu sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, brāhmaṇā, ‘bhikkhu lokassa antamāgamma lokassa ante viharati’. Tamaññe evamāhaṃsu – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’ti . Ahampi hi, brāhmaṇā, evaṃ vadāmi – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’’’ti.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณา, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณา , ‘ภิกฺขุ โลกสฺส อนฺตมาคมฺม โลกสฺส อเนฺต วิหรติ’ฯ ตมเญฺญ เอวมาหํสุ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’ติฯ อหมฺปิ หิ, พฺราหฺมณา, เอวํ วทามิ – ‘อยมฺปิ โลกปริยาปโนฺน, อยมฺปิ อนิสฺสโฎ โลกมฺหา’’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇā, bhikkhu sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati…pe… sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati…pe… sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, brāhmaṇā , ‘bhikkhu lokassa antamāgamma lokassa ante viharati’. Tamaññe evamāhaṃsu – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’ti. Ahampi hi, brāhmaṇā, evaṃ vadāmi – ‘ayampi lokapariyāpanno, ayampi anissaṭo lokamhā’’’ti.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณา, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณา, ‘ภิกฺขุ โลกสฺส อนฺตมาคมฺม โลกสฺส อเนฺต วิหรติ ติโณฺณ โลเก วิสตฺติก’’’นฺติฯ สตฺตมํฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇā, bhikkhu sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati, brāhmaṇā, ‘bhikkhu lokassa antamāgamma lokassa ante viharati tiṇṇo loke visattika’’’nti. Sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. โลกายติกสุตฺตวณฺณนา • 7. Lokāyatikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. โลกายติกสุตฺตวณฺณนา • 7. Lokāyatikasuttavaṇṇanā