Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๔. โลเก นตฺถิภาวปโญฺห
4. Loke natthibhāvapañho
๔. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ทิสฺสนฺติ โลเก พุทฺธา, ทิสฺสนฺติ ปเจฺจกพุทฺธา, ทิสฺสนฺติ ตถาคตสฺส สาวกา, ทิสฺสนฺติ จกฺกวตฺติราชาโน, ทิสฺสนฺติ ปเทสราชาโน, ทิสฺสนฺติ เทวมนุสฺสา, ทิสฺสนฺติ สธนา, ทิสฺสนฺติ อธนา, ทิสฺสนฺติ สุคตา, ทิสฺสนฺติ ทุคฺคตา, ทิสฺสติ ปุริสสฺส อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภูตํ, ทิสฺสติ อิตฺถิยา ปุริสลิงฺคํ ปาตุภูตํ, ทิสฺสติ สุกตํ ทุกฺกตํ กมฺมํ, ทิสฺสนฺติ กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากูปโภคิโน สตฺตา, อตฺถิ โลเก สตฺตา อณฺฑชา ชลาพุชา สํเสทชา โอปปาติกา, อตฺถิ สตฺตา อปทา ทฺวิปทา จตุปฺปทา พหุปฺปทา, อตฺถิ โลเก ยกฺขา รกฺขสา กุมฺภณฺฑา อสุรา ทานวา คนฺธพฺพา เปตา ปิสาจา, อตฺถิ กินฺนรา มโหรคา นาคา สุปณฺณา สิทฺธา วิชฺชาธรา, อตฺถิ หตฺถี อสฺสา คาโว มหิํสา 1 โอฎฺฐา คทฺรภา อชา เอฬกา มิคา สูกรา สีหา พฺยคฺฆา ทีปี อจฺฉา โกกา ตรจฺฉา โสณา สิงฺคาลา, อตฺถิ พหุวิธา สกุณา, อตฺถิ สุวณฺณํ รชตํ มุตฺตา มณิ สโงฺข สิลา ปวาฬํ โลหิตโงฺก มสารคลฺลํ เวฬุริโย วชิรํ ผลิกํ กาฬโลหํ ตมฺพโลหํ วฎฺฎโลหํ กํสโลหํ, อตฺถิ โขมํ โกเสยฺยํ กปฺปาสิกํ สาณํ ภงฺคํ กมฺพลํ, อตฺถิ สาลิ วีหิ ยโว กงฺคุ กุทฺรูโส วรโก โคธูโม มุโคฺค, มาโส ติลํ กุลตฺถํ, อตฺถิ มูลคโนฺธ สารคโนฺธ เผคฺคุคโนฺธ ตจคโนฺธ ปตฺตคโนฺธ ปุปฺผคโนฺธ ผลคโนฺธ สพฺพคโนฺธ, อตฺถิ ติณ ลตา คจฺฉ รุกฺข โอสธิ วนปฺปติ นที ปพฺพต สมุทฺท มจฺฉกจฺฉปา สพฺพํ โลเก อตฺถิฯ ยํ, ภเนฺต, โลเก นตฺถิ, ตํ เม กเถหี’’ติฯ
4. ‘‘Bhante nāgasena, dissanti loke buddhā, dissanti paccekabuddhā, dissanti tathāgatassa sāvakā, dissanti cakkavattirājāno, dissanti padesarājāno, dissanti devamanussā, dissanti sadhanā, dissanti adhanā, dissanti sugatā, dissanti duggatā, dissati purisassa itthiliṅgaṃ pātubhūtaṃ, dissati itthiyā purisaliṅgaṃ pātubhūtaṃ, dissati sukataṃ dukkataṃ kammaṃ, dissanti kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākūpabhogino sattā, atthi loke sattā aṇḍajā jalābujā saṃsedajā opapātikā, atthi sattā apadā dvipadā catuppadā bahuppadā, atthi loke yakkhā rakkhasā kumbhaṇḍā asurā dānavā gandhabbā petā pisācā, atthi kinnarā mahoragā nāgā supaṇṇā siddhā vijjādharā, atthi hatthī assā gāvo mahiṃsā 2 oṭṭhā gadrabhā ajā eḷakā migā sūkarā sīhā byagghā dīpī acchā kokā taracchā soṇā siṅgālā, atthi bahuvidhā sakuṇā, atthi suvaṇṇaṃ rajataṃ muttā maṇi saṅkho silā pavāḷaṃ lohitaṅko masāragallaṃ veḷuriyo vajiraṃ phalikaṃ kāḷalohaṃ tambalohaṃ vaṭṭalohaṃ kaṃsalohaṃ, atthi khomaṃ koseyyaṃ kappāsikaṃ sāṇaṃ bhaṅgaṃ kambalaṃ, atthi sāli vīhi yavo kaṅgu kudrūso varako godhūmo muggo, māso tilaṃ kulatthaṃ, atthi mūlagandho sāragandho pheggugandho tacagandho pattagandho pupphagandho phalagandho sabbagandho, atthi tiṇa latā gaccha rukkha osadhi vanappati nadī pabbata samudda macchakacchapā sabbaṃ loke atthi. Yaṃ, bhante, loke natthi, taṃ me kathehī’’ti.
‘‘ตีณิมานิ, มหาราช, โลเก นตฺถิฯ กตมานิ ตีณิ? สเจตนา วา อเจตนา วา อชรามรา โลเก นตฺถิ, สงฺขารานํ นิจฺจตา นตฺถิ, ปรมเตฺถน สตฺตูปลทฺธิ นตฺถิ, อิมานิ โข, มหาราช, ตีณิ โลเก นตฺถี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Tīṇimāni, mahārāja, loke natthi. Katamāni tīṇi? Sacetanā vā acetanā vā ajarāmarā loke natthi, saṅkhārānaṃ niccatā natthi, paramatthena sattūpaladdhi natthi, imāni kho, mahārāja, tīṇi loke natthī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
โลเก นตฺถิภาวปโญฺห จตุโตฺถฯ
Loke natthibhāvapañho catuttho.
Footnotes: