Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
โลกุตฺตรกุสลํ ปกิณฺณกกถา
Lokuttarakusalaṃ pakiṇṇakakathā
ตตฺริทํ ปกิณฺณกํ –
Tatridaṃ pakiṇṇakaṃ –
อชฺฌตฺตญฺจ พหิทฺธา จ, รูปารูเปสุ ปญฺจสุ;
Ajjhattañca bahiddhā ca, rūpārūpesu pañcasu;
สตฺตฎฺฐงฺคปริณามํ, นิมิตฺตํ ปฎิปทาปตีติฯ
Sattaṭṭhaṅgapariṇāmaṃ, nimittaṃ paṭipadāpatīti.
โลกุตฺตรมโคฺค หิ อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐาติ , อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา วุฎฺฐาติ, พหิทฺธา อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา วุฎฺฐาติ, พหิทฺธา อภินิวิสิตฺวา อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐาติฯ รูเป อภินิวิสิตฺวา รูปา วุฎฺฐาติ, รูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา วุฎฺฐาติฯ อรูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา วุฎฺฐาติ, อรูเป อภินิวิสิตฺวา รูปา วุฎฺฐาติ, เอกปฺปหาเรเนว ปญฺจหิ ขเนฺธหิ วุฎฺฐาติฯ
Lokuttaramaggo hi ajjhattaṃ abhinivisitvā ajjhattaṃ vuṭṭhāti , ajjhattaṃ abhinivisitvā bahiddhā vuṭṭhāti, bahiddhā abhinivisitvā bahiddhā vuṭṭhāti, bahiddhā abhinivisitvā ajjhattaṃ vuṭṭhāti. Rūpe abhinivisitvā rūpā vuṭṭhāti, rūpe abhinivisitvā arūpā vuṭṭhāti. Arūpe abhinivisitvā arūpā vuṭṭhāti, arūpe abhinivisitvā rūpā vuṭṭhāti, ekappahāreneva pañcahi khandhehi vuṭṭhāti.
‘สตฺตฎฺฐงฺคปริณาม’นฺติ โส ปเนส มโคฺค อฎฺฐงฺคิโกปิ โหติ สตฺตงฺคิโกปิฯ โพชฺฌงฺคาปิ สตฺต วา โหนฺติ ฉ วาฯ ฌานํ ปน ปญฺจงฺคิกํ วา โหติ จตุรงฺคิกํ วา; ติวงฺคิกํ วา ทุวงฺคิกํ วาฯ เอวํ สตฺตอฎฺฐาทีนํ องฺคานํ ปริณาโม เวทิตโพฺพติ อโตฺถฯ
‘Sattaṭṭhaṅgapariṇāma’nti so panesa maggo aṭṭhaṅgikopi hoti sattaṅgikopi. Bojjhaṅgāpi satta vā honti cha vā. Jhānaṃ pana pañcaṅgikaṃ vā hoti caturaṅgikaṃ vā; tivaṅgikaṃ vā duvaṅgikaṃ vā. Evaṃ sattaaṭṭhādīnaṃ aṅgānaṃ pariṇāmo veditabboti attho.
‘นิมิตฺตํ ปฎิปทาปตี’ติ นิมิตฺตนฺติ ยโต วุฎฺฐานํ โหติ; ‘ปฎิปทาปตี’ติ ปฎิปทาย จ อธิปติโน จ จลนาจลนํ เวทิตพฺพํฯ
‘Nimittaṃ paṭipadāpatī’ti nimittanti yato vuṭṭhānaṃ hoti; ‘paṭipadāpatī’ti paṭipadāya ca adhipatino ca calanācalanaṃ veditabbaṃ.
ตตฺถ อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐาตีติอาทีสุ ตาว อิเธกโจฺจ อาทิโตว อชฺฌตฺตํ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อภินิวิสติ, อภินิวิสิตฺวา เต อนิจฺจาทิโต ปสฺสติ, ยสฺมา ปน น สุทฺธอชฺฌตฺตทสฺสนมเตฺตเนว มคฺควุฎฺฐานํ โหติ, พหิทฺธาปิ ทฎฺฐพฺพเมว, ตสฺมา ปรสฺส ขเนฺธปิ อนุปาทินฺนสงฺขาเรปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ ปสฺสติฯ โส กาเลน อชฺฌตฺตํ สมฺมสติ กาเลน พหิทฺธาติฯ ตเสฺสวํ สมฺมสโต อชฺฌตฺตํ สมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มเคฺคน สทฺธิํ ฆฎิยติฯ เอวํ อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐาติ นามฯ สเจ ปนสฺส พหิทฺธา สมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มเคฺคน สทฺธิํ ฆฎิยติ, เอวํ อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา วุฎฺฐาติ นามฯ เอเสว นโย พหิทฺธา อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา จ อชฺฌตฺตญฺจ วุฎฺฐาเนปิฯ
Tattha ajjhattaṃ abhinivisitvā ajjhattaṃ vuṭṭhātītiādīsu tāva idhekacco āditova ajjhattaṃ pañcasu khandhesu abhinivisati, abhinivisitvā te aniccādito passati, yasmā pana na suddhaajjhattadassanamatteneva maggavuṭṭhānaṃ hoti, bahiddhāpi daṭṭhabbameva, tasmā parassa khandhepi anupādinnasaṅkhārepi aniccaṃ dukkhamanattāti passati. So kālena ajjhattaṃ sammasati kālena bahiddhāti. Tassevaṃ sammasato ajjhattaṃ sammasanakāle vipassanā maggena saddhiṃ ghaṭiyati. Evaṃ ajjhattaṃ abhinivisitvā ajjhattaṃ vuṭṭhāti nāma. Sace panassa bahiddhā sammasanakāle vipassanā maggena saddhiṃ ghaṭiyati, evaṃ ajjhattaṃ abhinivisitvā bahiddhā vuṭṭhāti nāma. Eseva nayo bahiddhā abhinivisitvā bahiddhā ca ajjhattañca vuṭṭhānepi.
อปโร อาทิโตว รูเป อภินิวิสติ อภินิวิสิตฺวา ภูตรูปญฺจ อุปาทารูปญฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนิจฺจาทิโต ปสฺสติ, ยสฺมา ปน น สุทฺธรูปทสฺสนมเตฺตเนว วุฎฺฐานํ โหติ อรูปมฺปิ ทฎฺฐพฺพเมว, ตสฺมา ตํ รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนํ เวทนํ สญฺญํ สงฺขาเร วิญฺญาณญฺจ อิทํ อรูปนฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนิจฺจาทิโต ปสฺสติฯ โส กาเลน รูปํ สมฺมสติ กาเลน อรูปํฯ ตเสฺสวํ สมฺมสโต รูปสมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มเคฺคน สทฺธิํ ฆฎิยติฯ เอวํ รูเป อภินิวิสิตฺวา รูปา วุฎฺฐาติ นามฯ สเจ ปนสฺส อรูปสมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มเคฺคน สทฺธิํ ฆฎิยติ, เอวํ รูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา วุฎฺฐาติ นามฯ เอส นโย อรูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา จ รูปา จ วุฎฺฐาเนปิฯ
Aparo āditova rūpe abhinivisati abhinivisitvā bhūtarūpañca upādārūpañca paricchinditvā aniccādito passati, yasmā pana na suddharūpadassanamatteneva vuṭṭhānaṃ hoti arūpampi daṭṭhabbameva, tasmā taṃ rūpaṃ ārammaṇaṃ katvā uppannaṃ vedanaṃ saññaṃ saṅkhāre viññāṇañca idaṃ arūpanti paricchinditvā aniccādito passati. So kālena rūpaṃ sammasati kālena arūpaṃ. Tassevaṃ sammasato rūpasammasanakāle vipassanā maggena saddhiṃ ghaṭiyati. Evaṃ rūpe abhinivisitvā rūpā vuṭṭhāti nāma. Sace panassa arūpasammasanakāle vipassanā maggena saddhiṃ ghaṭiyati, evaṃ rūpe abhinivisitvā arūpā vuṭṭhāti nāma. Esa nayo arūpe abhinivisitvā arūpā ca rūpā ca vuṭṭhānepi.
‘‘ยํกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (มหาว. ๑๖; ที. นิ. ๑.๒๙๘) เอวํ อภินิวิสิตฺวา เอวเมว วุฎฺฐานกาเล ปน เอกปฺปหาเรน ปญฺจหิ ขเนฺธหิ วุฎฺฐาติ นามาติฯ อยํ ติกฺขวิปสฺสกสฺส มหาปญฺญสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนาฯ
‘‘Yaṃkiñci samudayadhammaṃ sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti (mahāva. 16; dī. ni. 1.298) evaṃ abhinivisitvā evameva vuṭṭhānakāle pana ekappahārena pañcahi khandhehi vuṭṭhāti nāmāti. Ayaṃ tikkhavipassakassa mahāpaññassa bhikkhuno vipassanā.
ยถา หิ ฉาตชฺฌตฺตสฺส ปุริสสฺส มเชฺฌ คูถปิณฺฑํ ฐเปตฺวา นานคฺครสโภชนปุณฺณํ ปาติํ อุปเนยฺยุํ, โส พฺยญฺชนํ หเตฺถน วิยูหโนฺต ตํ คูถปิณฺฑํ ทิสฺวา ‘กิมิท’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา คูถปิโณฺฑติ วุเตฺต ‘ธิ ธิ, อปเนถา’ติ ภเตฺตปิ ปาติยมฺปิ นิราลโย โหติฯ เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Yathā hi chātajjhattassa purisassa majjhe gūthapiṇḍaṃ ṭhapetvā nānaggarasabhojanapuṇṇaṃ pātiṃ upaneyyuṃ, so byañjanaṃ hatthena viyūhanto taṃ gūthapiṇḍaṃ disvā ‘kimida’nti pucchitvā gūthapiṇḍoti vutte ‘dhi dhi, apanethā’ti bhattepi pātiyampi nirālayo hoti. Evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ.
โภชนปาติทสฺสนสฺมิญฺหิ ตสฺส อตฺตมนกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน พาลปุถุชฺชนกาเล ปญฺจกฺขเนฺธ ‘อหํ มมา’ติ คหิตกาโลฯ คูถปิณฺฑสฺส ทิฎฺฐกาโล วิย ติณฺณํ ลกฺขณานํ สลฺลกฺขิตกาโลฯ ภเตฺตปิ ปาติยมฺปิ นิราลยกาโล วิย ติกฺขวิปสฺสกสฺส มหาปญฺญสฺส ภิกฺขุโน ‘‘ยํกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ ปญฺจหิ ขเนฺธหิ เอกปฺปหาเรน วุฎฺฐิตกาโล เวทิตโพฺพฯ
Bhojanapātidassanasmiñhi tassa attamanakālo viya imassa bhikkhuno bālaputhujjanakāle pañcakkhandhe ‘ahaṃ mamā’ti gahitakālo. Gūthapiṇḍassa diṭṭhakālo viya tiṇṇaṃ lakkhaṇānaṃ sallakkhitakālo. Bhattepi pātiyampi nirālayakālo viya tikkhavipassakassa mahāpaññassa bhikkhuno ‘‘yaṃkiñci samudayadhammaṃ sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti pañcahi khandhehi ekappahārena vuṭṭhitakālo veditabbo.
‘สตฺตฎฺฐงฺคปริณาม’นฺติ เอตฺถ อยํ วุตฺตปฺปเภโท องฺคปริณาโม ยถา โหติ ตถา เวทิตโพฺพฯ สงฺขารุเปกฺขาญาณเมว หิ อริยมคฺคสฺส โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺควิเสสํ นิยเมติฯ เกจิ ปน เถรา ‘โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺควิเสสํ ปาทกชฺฌานํ นิยเมตี’ติ วทนฺติฯ เกจิ ‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’ติ วทนฺติฯ เกจิ ‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตี’ติ วทนฺติฯ เตสมฺปิ วาเทสุ อยํ สงฺขารุเปกฺขาสงฺขาตา ปุพฺพภาคา วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาว นิยเมตีติ เวทิตพฺพาฯ
‘Sattaṭṭhaṅgapariṇāma’nti ettha ayaṃ vuttappabhedo aṅgapariṇāmo yathā hoti tathā veditabbo. Saṅkhārupekkhāñāṇameva hi ariyamaggassa bojjhaṅgamaggaṅgajhānaṅgavisesaṃ niyameti. Keci pana therā ‘bojjhaṅgamaggaṅgajhānaṅgavisesaṃ pādakajjhānaṃ niyametī’ti vadanti. Keci ‘vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā niyamentī’ti vadanti. Keci ‘puggalajjhāsayo niyametī’ti vadanti. Tesampi vādesu ayaṃ saṅkhārupekkhāsaṅkhātā pubbabhāgā vuṭṭhānagāminivipassanāva niyametīti veditabbā.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพีกถา – วิปสฺสนานิยเมน หิ สุกฺขวิปสฺสกสฺส อุปฺปนฺนมโคฺคปิ สมาปตฺติลาภิโน ฌานํ ปาทกํ อกตฺวา อุปฺปนฺนมโคฺคปิ ปฐมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา ปกิณฺณกสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมโคฺคปิ ปฐมชฺฌานิโกว โหติฯ สเพฺพสุ สตฺต โพชฺฌงฺคานิ อฎฺฐ มคฺคงฺคานิ ปญฺจ ฌานงฺคานิ โหนฺติฯ เตสญฺหิ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาปิ อุเปกฺขาสหคตาปิ หุตฺวา วุฎฺฐานกาเล สงฺขารุเปกฺขาภาวํ ปตฺตา โสมนสฺสสหคตาว โหติฯ
Tatrāyaṃ anupubbīkathā – vipassanāniyamena hi sukkhavipassakassa uppannamaggopi samāpattilābhino jhānaṃ pādakaṃ akatvā uppannamaggopi paṭhamajjhānaṃ pādakaṃ katvā pakiṇṇakasaṅkhāre sammasitvā uppāditamaggopi paṭhamajjhānikova hoti. Sabbesu satta bojjhaṅgāni aṭṭha maggaṅgāni pañca jhānaṅgāni honti. Tesañhi pubbabhāgavipassanā somanassasahagatāpi upekkhāsahagatāpi hutvā vuṭṭhānakāle saṅkhārupekkhābhāvaṃ pattā somanassasahagatāva hoti.
ปญฺจกนเย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา อุปฺปาทิตมเคฺคสุ ยถากฺกเมเนว ฌานํ จตุรงฺคิกํ ติวงฺคิกํ ทุวงฺคิกญฺจ โหติฯ สเพฺพสุ ปน สตฺต มคฺคงฺคานิ โหนฺติ, จตุเตฺถ ฉ โพชฺฌงฺคานิฯ อยํ วิเสโส ปาทกชฺฌานนิยเมน เจว วิปสฺสนานิยเมน จ โหติฯ เตสมฺปิ หิ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาปิ อุเปกฺขาสหคตาปิ โหติฯ วุฎฺฐานคามินี โสมนสฺสสหคตาวฯ
Pañcakanaye dutiyatatiyacatutthajjhānāni pādakāni katvā uppāditamaggesu yathākkameneva jhānaṃ caturaṅgikaṃ tivaṅgikaṃ duvaṅgikañca hoti. Sabbesu pana satta maggaṅgāni honti, catutthe cha bojjhaṅgāni. Ayaṃ viseso pādakajjhānaniyamena ceva vipassanāniyamena ca hoti. Tesampi hi pubbabhāgavipassanā somanassasahagatāpi upekkhāsahagatāpi hoti. Vuṭṭhānagāminī somanassasahagatāva.
ปญฺจมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา นิพฺพตฺติตมเคฺค ปน อุเปกฺขาจิเตฺตกคฺคตาวเสน เทฺว ฌานงฺคานิ โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคานิ ฉ สตฺต เจวฯ อยมฺปิ วิเสโส อุภยนิยมวเสน โหติฯ อิมสฺมิญฺหิ นเย ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตา วา อุเปกฺขาสหคตา วา โหติ, วุฎฺฐานคามินี อุเปกฺขาสหคตาวฯ อรูปชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา อุปฺปาทิตมเคฺคปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ปาทกชฺฌานโต วุฎฺฐาย เย เกจิ สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา นิพฺพตฺติตมคฺคสฺส อาสนฺนปเทเส วุฎฺฐิตา สมาปตฺติ อตฺตนา สทิสภาวํ กโรติ, ภูมิวโณฺณ วิย โคธาวณฺณสฺสฯ
Pañcamajjhānaṃ pādakaṃ katvā nibbattitamagge pana upekkhācittekaggatāvasena dve jhānaṅgāni bojjhaṅgamaggaṅgāni cha satta ceva. Ayampi viseso ubhayaniyamavasena hoti. Imasmiñhi naye pubbabhāgavipassanā somanassasahagatā vā upekkhāsahagatā vā hoti, vuṭṭhānagāminī upekkhāsahagatāva. Arūpajjhānāni pādakāni katvā uppāditamaggepi eseva nayo. Evaṃ pādakajjhānato vuṭṭhāya ye keci saṅkhāre sammasitvā nibbattitamaggassa āsannapadese vuṭṭhitā samāpatti attanā sadisabhāvaṃ karoti, bhūmivaṇṇo viya godhāvaṇṇassa.
ทุติยเตฺถรวาเท ปน ยโต ยโต สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย เย เย สมาปตฺติธเมฺม สมฺมสิตฺวา มโคฺค นิพฺพตฺติโต โหติ ตํตํสมาปตฺติสทิโสว โหติ, สมฺมสิตสมาปตฺติสทิโสติ อโตฺถฯ สเจ ปน กามาวจรธเมฺม สมฺมสติ ปฐมชฺฌานิโกว โหติฯ ตตฺราปิ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Dutiyattheravāde pana yato yato samāpattito vuṭṭhāya ye ye samāpattidhamme sammasitvā maggo nibbattito hoti taṃtaṃsamāpattisadisova hoti, sammasitasamāpattisadisoti attho. Sace pana kāmāvacaradhamme sammasati paṭhamajjhānikova hoti. Tatrāpi vipassanāniyamo vuttanayeneva veditabbo.
ตติยเตฺถรวาเท ‘อโห วตาหํ สตฺตงฺคิกํ มคฺคํ ปาปุเณยฺยํ, อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ปาปุเณยฺย’นฺติ อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูเปน ยํ ยํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา เย วา เย วา ฌานธเมฺม สมฺมสิตฺวา มโคฺค นิพฺพตฺติโต ตํตํฌานสทิโสว โหติฯ ปาทกชฺฌานํ ปน สมฺมสิตชฺฌานํ วา วินา, อชฺฌาสยมเตฺตเนว ตํ น อิชฺฌติฯ สฺวายมโตฺถ นนฺทโกวาทสุเตฺตน ทีเปตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Tatiyattheravāde ‘aho vatāhaṃ sattaṅgikaṃ maggaṃ pāpuṇeyyaṃ, aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ pāpuṇeyya’nti attano ajjhāsayānurūpena yaṃ yaṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā ye vā ye vā jhānadhamme sammasitvā maggo nibbattito taṃtaṃjhānasadisova hoti. Pādakajjhānaṃ pana sammasitajjhānaṃ vā vinā, ajjhāsayamatteneva taṃ na ijjhati. Svāyamattho nandakovādasuttena dīpetabbo. Vuttañhetaṃ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส น โหติ พหุโน ชนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา ‘อูโน นุ โข จโนฺท ปุโณฺณ นุ โข จโนฺท’ติ, อถ โข ปุโณฺณ จโนฺทเตฺวว โหติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตา ภิกฺขุนิโย นนฺทกสฺส ธมฺมเทสนาย อตฺตมนา เจว ปริปุณฺณสงฺกปฺปา จฯ ตาสํ, ภิกฺขเว, ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุนิสตานํ ยา ปจฺฉิมิกา ภิกฺขุนี สา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณา’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๑๕)ฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, tadahuposathe pannarase na hoti bahuno janassa kaṅkhā vā vimati vā ‘ūno nu kho cando puṇṇo nu kho cando’ti, atha kho puṇṇo candotveva hoti, evameva kho, bhikkhave, tā bhikkhuniyo nandakassa dhammadesanāya attamanā ceva paripuṇṇasaṅkappā ca. Tāsaṃ, bhikkhave, pañcannaṃ bhikkhunisatānaṃ yā pacchimikā bhikkhunī sā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā’’ti (ma. ni. 3.415).
ตาสุ หิ ยสฺสา ภิกฺขุนิยา โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสโย, สา โสตาปตฺติผเลเนว ปริปุณฺณสงฺกปฺปา อโหสิ…เป.… ยสฺสา อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย สา อรหเตฺตเนวฯ เอวเมว อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูเปน ยํ ยํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา เย วา เย วา ฌานธเมฺม สมฺมสิตฺวา มโคฺค นิพฺพตฺติโต ตํตํฌานสทิโสว โส โหติฯ ปาทกชฺฌานํ ปน สมฺมสิตชฺฌานํ วา วินา, อชฺฌาสยมเตฺตเนว ตํ น อิชฺฌตีติฯ เอตฺถาปิ จ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Tāsu hi yassā bhikkhuniyā sotāpattiphalassa upanissayo, sā sotāpattiphaleneva paripuṇṇasaṅkappā ahosi…pe… yassā arahattassa upanissayo sā arahatteneva. Evameva attano ajjhāsayānurūpena yaṃ yaṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā ye vā ye vā jhānadhamme sammasitvā maggo nibbattito taṃtaṃjhānasadisova so hoti. Pādakajjhānaṃ pana sammasitajjhānaṃ vā vinā, ajjhāsayamatteneva taṃ na ijjhatīti. Etthāpi ca vipassanāniyamo vuttanayeneva veditabbo.
ตตฺถ ‘ปาทกชฺฌานเมว นิยเมตี’ติ เอวํวาทิํ ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรํ อเนฺตวาสิกา อาหํสุ – ‘ภเนฺต, ยตฺถ ตาว ปาทกชฺฌานํ อตฺถิ ตตฺถ ตํ นิยเมตุ; ยสฺมิํ ปน ปาทกชฺฌานํ นตฺถิ, ตสฺมิํ อรูปภเว กิํ นิยเมตี’ติ? ‘อาวุโส, ตตฺถปิ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติฯ โย หิ ภิกฺขุ อฎฺฐสมาปตฺติลาภี ปฐมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา โสตาปตฺติมคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา อรูปภเว นิพฺพโตฺต, ปฐมชฺฌานิกาย โสตาปตฺติผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐาย วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อุปริ ตีณิ มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตติ, ตสฺส ตานิ ปฐมชฺฌานิกาเนว โหนฺติฯ ทุติยชฺฌานิกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อรูเป ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ, ตญฺจ โข โลกุตฺตรํ น โลกิยํฯ เอวํ ตตฺถาปิ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติ อาวุโส’ติฯ ‘สุกถิโต, ภเนฺต, ปโญฺห’ติฯ
Tattha ‘pādakajjhānameva niyametī’ti evaṃvādiṃ tipiṭakacūḷanāgattheraṃ antevāsikā āhaṃsu – ‘bhante, yattha tāva pādakajjhānaṃ atthi tattha taṃ niyametu; yasmiṃ pana pādakajjhānaṃ natthi, tasmiṃ arūpabhave kiṃ niyametī’ti? ‘Āvuso, tatthapi pādakajjhānameva niyameti. Yo hi bhikkhu aṭṭhasamāpattilābhī paṭhamajjhānaṃ pādakaṃ katvā sotāpattimaggaphalāni nibbattetvā aparihīnajjhāno kālaṃ katvā arūpabhave nibbatto, paṭhamajjhānikāya sotāpattiphalasamāpattiyā vuṭṭhāya vipassanaṃ paṭṭhapetvā upari tīṇi maggaphalāni nibbatteti, tassa tāni paṭhamajjhānikāneva honti. Dutiyajjhānikādīsupi eseva nayo. Arūpe tikacatukkajjhānaṃ uppajjati, tañca kho lokuttaraṃ na lokiyaṃ. Evaṃ tatthāpi pādakajjhānameva niyameti āvuso’ti. ‘Sukathito, bhante, pañho’ti.
‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺติ; ยํ ยํ หิ ปญฺจกฺขนฺธํ สมฺมสิตฺวา วุฎฺฐาติ ตํตํสทิโสว มโคฺค โหตี’ติ วาทิํ โมรวาปิวาสิมหาทตฺตเตฺถรมฺปิ อเนฺตวาสิกา อาหํสุ ‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ วาเท โทโส ปญฺญายติ – รูปํ สมฺมสิตฺวา วุฎฺฐิตภิกฺขุโน หิ รูปสทิเสน อพฺยากเตน มเคฺคน ภวิตพฺพํ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นยโต ปริคฺคเหตฺวา วุฎฺฐิตสฺส ตํสทิเสเนว เนวสญฺญานาสญฺญาภาวปฺปเตฺตน มเคฺคน ภวิตพฺพ’นฺติฯ ‘น, อาวุโส, เอวํ โหติฯ โลกุตฺตรมโคฺค หิ อปฺปนํ อปฺปโตฺต นาม นตฺถิ, ตสฺมา รูปํ สมฺมสิตฺวา วุฎฺฐิตสฺส อฎฺฐงฺคิโก โสมนสฺสสหคตมโคฺค โหติ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมฺมสิตฺวา วุฎฺฐิตสฺสปิ น สพฺพากาเรน ตาทิโส โหติ, สตฺตงฺคิโก ปน อุเปกฺขาสหคตมโคฺค โหตี’ติฯ
‘Vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā niyamenti; yaṃ yaṃ hi pañcakkhandhaṃ sammasitvā vuṭṭhāti taṃtaṃsadisova maggo hotī’ti vādiṃ moravāpivāsimahādattattherampi antevāsikā āhaṃsu ‘bhante, tumhākaṃ vāde doso paññāyati – rūpaṃ sammasitvā vuṭṭhitabhikkhuno hi rūpasadisena abyākatena maggena bhavitabbaṃ, nevasaññānāsaññāyatanaṃ nayato pariggahetvā vuṭṭhitassa taṃsadiseneva nevasaññānāsaññābhāvappattena maggena bhavitabba’nti. ‘Na, āvuso, evaṃ hoti. Lokuttaramaggo hi appanaṃ appatto nāma natthi, tasmā rūpaṃ sammasitvā vuṭṭhitassa aṭṭhaṅgiko somanassasahagatamaggo hoti, nevasaññānāsaññāyatanaṃ sammasitvā vuṭṭhitassapi na sabbākārena tādiso hoti, sattaṅgiko pana upekkhāsahagatamaggo hotī’ti.
‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตี’ติวาทิโน จูฬาภยเตฺถรสฺสาปิ วาทํ อาหริตฺวา ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรสฺส กถยิํสุฯ โส อาห – ‘ยสฺส ตาว ปาทกชฺฌานํ อตฺถิ ตสฺส ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตุ, ยสฺส ตํ นตฺถิ ตสฺส กตรชฺฌาสโย นิยเมสฺสติ นิทฺธนสฺส วุฑฺฒิคเวสนกาโล วิย โหตี’ติฯ
‘Puggalajjhāsayo niyametī’tivādino cūḷābhayattherassāpi vādaṃ āharitvā tipiṭakacūḷanāgattherassa kathayiṃsu. So āha – ‘yassa tāva pādakajjhānaṃ atthi tassa puggalajjhāsayo niyametu, yassa taṃ natthi tassa katarajjhāsayo niyamessati niddhanassa vuḍḍhigavesanakālo viya hotī’ti.
ตํ กถํ อาหริตฺวา ติปิฎกจูฬาภยเตฺถรสฺส ปุน กถยิํสุฯ โส ‘ปาทกชฺฌานวโต อิทํ กถิตํ อาวุโส’ติ อาหฯ ยถา ปน ปาทกชฺฌานวโต, สมฺมสิตชฺฌานวโตปิ ตเถว เวทิตพฺพํฯ ปญฺจมชฺฌานโต วุฎฺฐาย หิ ปฐมาทีนิ สมฺมสโต อุปฺปนฺนมโคฺค ปฐมเตฺถรวาเทน ปญฺจมชฺฌานิโกฯ ทุติยวาเทน ปฐมาทิชฺฌานิโก อาปชฺชตีติ เทฺวปิ วาทา วิรุชฺฌนฺติฯ ตติยวาเทน ปเนตฺถ ‘ยํ อิจฺฉติ ตชฺฌานิโก โหตี’ติ เต จ วาทา น วิรุชฺฌนฺติ, อชฺฌาสโย จ สาตฺถโก โหตีติฯ เอวํ ตโยปิ เถรา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา พุทฺธิสมฺปนฺนาว ฯ เตน เตสํ วาทํ ตนฺติํ กตฺวา ฐปยิํสุฯ อิธ ปน อตฺถเมว อุทฺธริตฺวา ตโยเปเต วาเท วิปสฺสนาว นิยเมตีติ ทสฺสิตํฯ
Taṃ kathaṃ āharitvā tipiṭakacūḷābhayattherassa puna kathayiṃsu. So ‘pādakajjhānavato idaṃ kathitaṃ āvuso’ti āha. Yathā pana pādakajjhānavato, sammasitajjhānavatopi tatheva veditabbaṃ. Pañcamajjhānato vuṭṭhāya hi paṭhamādīni sammasato uppannamaggo paṭhamattheravādena pañcamajjhāniko. Dutiyavādena paṭhamādijjhāniko āpajjatīti dvepi vādā virujjhanti. Tatiyavādena panettha ‘yaṃ icchati tajjhāniko hotī’ti te ca vādā na virujjhanti, ajjhāsayo ca sātthako hotīti. Evaṃ tayopi therā paṇḍitā byattā buddhisampannāva . Tena tesaṃ vādaṃ tantiṃ katvā ṭhapayiṃsu. Idha pana atthameva uddharitvā tayopete vāde vipassanāva niyametīti dassitaṃ.
อิทานิ ‘นิมิตฺตํ ปฎิปทาปตี’ติ เอตฺถ เอวํ องฺคปริณามวโต มคฺคสฺส อุปฺปาทกาเล โคตฺรภุ กุโต วุฎฺฐาติ? มโคฺค กุโตติ? โคตฺรภุ ตาว นิมิตฺตโต วุฎฺฐาติ, ปวตฺตํ เฉตฺตุํ น สโกฺกติ, เอกโตวุฎฺฐาโน เหสฯ มโคฺค นิมิตฺตโต วุฎฺฐาติ, ปวตฺตมฺปิ ฉินฺทติ อุภโตวุฎฺฐาโน เหสฯ เตสํ อยํ อุปฺปตฺตินโย – ยสฺมิญฺหิ วาเร มคฺควุฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมิํ อนุโลมํ เนว เอกํ โหติ, น ปญฺจมํฯ เอกญฺหิ อาเสวนํ น ลภติ, ปญฺจมํ ภวงฺคสฺส อาสนฺนตฺตา ปเวธติฯ ตทา หิ ชวนํ ปติตํ นาม โหติฯ ตสฺมา เนว เอกํ โหติ น ปญฺจมํฯ มหาปญฺญสฺส ปน เทฺว อนุโลมานิ โหนฺติ, ตติยํ โคตฺรภุ, จตุตฺถํ มคฺคจิตฺตํ, ตีณิ ผลานิ, ตโต ภวโงฺคตรณํฯ มชฺฌิมปญฺญสฺส ตีณิ อนุโลมานิ โหนฺติ, จตุตฺถํ โคตฺรภุ, ปญฺจมํ มคฺคจิตฺตํ, เทฺว ผลานิ, ตโต ภวโงฺคตรณํฯ มนฺทปญฺญสฺส จตฺตาริ อนุโลมานิ, โหนฺติ ปญฺจมํ โคตฺรภุ, ฉฎฺฐํ มคฺคจิตฺตํ, สตฺตมํ ผลํ, ตโต ภวโงฺคตรณํฯ ตตฺร มหาปญฺญมนฺทปญฺญานํ วเสน อกเถตฺวา มชฺฌิมปญฺญสฺส วเสน กเถตพฺพํฯ
Idāni ‘nimittaṃ paṭipadāpatī’ti ettha evaṃ aṅgapariṇāmavato maggassa uppādakāle gotrabhu kuto vuṭṭhāti? Maggo kutoti? Gotrabhu tāva nimittato vuṭṭhāti, pavattaṃ chettuṃ na sakkoti, ekatovuṭṭhāno hesa. Maggo nimittato vuṭṭhāti, pavattampi chindati ubhatovuṭṭhāno hesa. Tesaṃ ayaṃ uppattinayo – yasmiñhi vāre maggavuṭṭhānaṃ hoti, tasmiṃ anulomaṃ neva ekaṃ hoti, na pañcamaṃ. Ekañhi āsevanaṃ na labhati, pañcamaṃ bhavaṅgassa āsannattā pavedhati. Tadā hi javanaṃ patitaṃ nāma hoti. Tasmā neva ekaṃ hoti na pañcamaṃ. Mahāpaññassa pana dve anulomāni honti, tatiyaṃ gotrabhu, catutthaṃ maggacittaṃ, tīṇi phalāni, tato bhavaṅgotaraṇaṃ. Majjhimapaññassa tīṇi anulomāni honti, catutthaṃ gotrabhu, pañcamaṃ maggacittaṃ, dve phalāni, tato bhavaṅgotaraṇaṃ. Mandapaññassa cattāri anulomāni, honti pañcamaṃ gotrabhu, chaṭṭhaṃ maggacittaṃ, sattamaṃ phalaṃ, tato bhavaṅgotaraṇaṃ. Tatra mahāpaññamandapaññānaṃ vasena akathetvā majjhimapaññassa vasena kathetabbaṃ.
ยสฺมิญฺหิ วาเร มคฺควุฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมิํ กิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ อุเปกฺขาสหคตา มโนทฺวาราวชฺชนํ หุตฺวา วิปสฺสนาโคจเร ขเนฺธ อารมฺมณํ กตฺวา ภวงฺคํ อาวเฎฺฎติฯ ตทนนฺตรํ เตเนว อาวชฺชเนน คหิตกฺขเนฺธ คเหตฺวา อุปฺปชฺชติ ปฐมํ ชวนํ อนุโลมญาณํฯ ตํ เตสุ ขเนฺธสุ อนิจฺจาติ วา ทุกฺขาติ วา อนตฺตาติ วา ปวตฺติตฺวา โอฬาริกํ โอฬาริกํ สจฺจปฎิจฺฉาทกตมํ วิโนเทตฺวา ตีณิ ลกฺขณานิ ภิโยฺย ภิโยฺย ปากฎานิ กตฺวา นิรุชฺฌติฯ ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชติ ทุติยานุโลมํฯ เตสุ ปุริมํ อนาเสวนํฯ ทุติยสฺส ปุริมํ อาเสวนํ โหติฯ ตมฺปิ ลทฺธาเสวนตฺตา ติกฺขํ สูรํ ปสนฺนํ หุตฺวา ตสฺมิํเยวารมฺมเณ เตเนวากาเรน ปวตฺติตฺวา มชฺฌิมปฺปมาณํ สจฺจปฎิจฺฉาทกตมํ วิโนเทตฺวา ตีณิ ลกฺขณานิ ภิโยฺย ภิโยฺย ปากฎานิ กตฺวา นิรุชฺฌติฯ ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชติ ตติยานุโลมํฯ ตสฺส ทุติยํ อาเสวนํ โหติฯ ตมฺปิ ลทฺธาเสวนตฺตา ติกฺขํ สูรํ ปสนฺนํ หุตฺวา ตสฺมิํเยวารมฺมเณ เตเนวากาเรน ปวตฺติตฺวา ตทวเสสํ อณุสหคตํ สจฺจปฎิจฺฉาทกตมํ วิโนเทตฺวา นิรวเสสํ กตฺวา ตีณิ ลกฺขณานิ ภิโยฺย ภิโยฺย ปากฎานิ กตฺวา นิรุชฺฌติฯ เอวํ ตีหิ อนุโลเมหิ สจฺจปฎิจฺฉาทกตเม วิโนทิเต ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชติ โคตฺรภุญฺญาณํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กุรุมานํฯ
Yasmiñhi vāre maggavuṭṭhānaṃ hoti, tasmiṃ kiriyāhetukamanoviññāṇadhātu upekkhāsahagatā manodvārāvajjanaṃ hutvā vipassanāgocare khandhe ārammaṇaṃ katvā bhavaṅgaṃ āvaṭṭeti. Tadanantaraṃ teneva āvajjanena gahitakkhandhe gahetvā uppajjati paṭhamaṃ javanaṃ anulomañāṇaṃ. Taṃ tesu khandhesu aniccāti vā dukkhāti vā anattāti vā pavattitvā oḷārikaṃ oḷārikaṃ saccapaṭicchādakatamaṃ vinodetvā tīṇi lakkhaṇāni bhiyyo bhiyyo pākaṭāni katvā nirujjhati. Tadanantaraṃ uppajjati dutiyānulomaṃ. Tesu purimaṃ anāsevanaṃ. Dutiyassa purimaṃ āsevanaṃ hoti. Tampi laddhāsevanattā tikkhaṃ sūraṃ pasannaṃ hutvā tasmiṃyevārammaṇe tenevākārena pavattitvā majjhimappamāṇaṃ saccapaṭicchādakatamaṃ vinodetvā tīṇi lakkhaṇāni bhiyyo bhiyyo pākaṭāni katvā nirujjhati. Tadanantaraṃ uppajjati tatiyānulomaṃ. Tassa dutiyaṃ āsevanaṃ hoti. Tampi laddhāsevanattā tikkhaṃ sūraṃ pasannaṃ hutvā tasmiṃyevārammaṇe tenevākārena pavattitvā tadavasesaṃ aṇusahagataṃ saccapaṭicchādakatamaṃ vinodetvā niravasesaṃ katvā tīṇi lakkhaṇāni bhiyyo bhiyyo pākaṭāni katvā nirujjhati. Evaṃ tīhi anulomehi saccapaṭicchādakatame vinodite tadanantaraṃ uppajjati gotrabhuññāṇaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ kurumānaṃ.
ตตฺรายํ อุปมา – เอโก กิร จกฺขุมา ปุริโส นกฺขตฺตโยคํ ชานิสฺสามีติ รตฺติภาเค นิกฺขมิตฺวา จนฺทํ ปสฺสิตุํ อุทฺธํ อุโลฺลเกสิฯ ตสฺส วลาหเกหิ ปฎิจฺฉนฺนตฺตา จโนฺท น ปญฺญายิตฺถฯ อเถโก วาโต อุฎฺฐหิตฺวา ถูลถูเล วลาหเก วิทฺธํเสสิฯ อปโร มชฺฌิเมฯ อปโร สุขุเมฯ ตโต โส ปุริโส วิคตวลาหเก นเภ จนฺทํ ทิสฺวา นกฺขตฺตโยคํ อญฺญาสิฯ
Tatrāyaṃ upamā – eko kira cakkhumā puriso nakkhattayogaṃ jānissāmīti rattibhāge nikkhamitvā candaṃ passituṃ uddhaṃ ullokesi. Tassa valāhakehi paṭicchannattā cando na paññāyittha. Atheko vāto uṭṭhahitvā thūlathūle valāhake viddhaṃsesi. Aparo majjhime. Aparo sukhume. Tato so puriso vigatavalāhake nabhe candaṃ disvā nakkhattayogaṃ aññāsi.
ตตฺถ ตโย วลาหกา วิย สจฺจปฎิจฺฉาทกถูลมชฺฌิมสุขุมกิเลสนฺธการาฯ ตโย วาตา วิย ตีณิ อนุโลมจิตฺตานิฯ จกฺขุมา ปุริโส วิย โคตฺรภุญฺญาณํฯ จโนฺท วิย นิพฺพานํฯ เอเกกสฺส วาตสฺส ยถากฺกเมน วลาหกตฺตยวิทฺธํสนํ วิย เอเกกสฺส อนุโลมจิตฺตสฺส สจฺจปฎิจฺฉาทกตมวิโนทนํฯ วิคตวลาหเก นเภ ตสฺส ปุริสสฺส วิสุทฺธจนฺททสฺสนํ วิย วิคเต สจฺจปฎิจฺฉาทเก ตเม โคตฺรภุญฺญาณสฺส สุวิสุทฺธนิพฺพานารมฺมณกรณํฯ
Tattha tayo valāhakā viya saccapaṭicchādakathūlamajjhimasukhumakilesandhakārā. Tayo vātā viya tīṇi anulomacittāni. Cakkhumā puriso viya gotrabhuññāṇaṃ. Cando viya nibbānaṃ. Ekekassa vātassa yathākkamena valāhakattayaviddhaṃsanaṃ viya ekekassa anulomacittassa saccapaṭicchādakatamavinodanaṃ. Vigatavalāhake nabhe tassa purisassa visuddhacandadassanaṃ viya vigate saccapaṭicchādake tame gotrabhuññāṇassa suvisuddhanibbānārammaṇakaraṇaṃ.
ยเถว หิ ตโย วาตา จนฺทปฎิจฺฉาทเก วลาหเกเยว วิทฺธํเสตุํ สโกฺกนฺติ, น จนฺทํ ทฎฺฐุํ, เอวํ อนุโลมานิ สจฺจปฎิจฺฉาทกตเมเยว วิโนเทตุํ สโกฺกนฺติ, น นิพฺพานํ อารมฺมณํ กาตุํ ฯ ยถา โส ปุริโส จนฺทเมว ทฎฺฐุํ สโกฺกติ น วลาหเก วิทฺธํเสตุํ, เอวํ โคตฺรภุญฺญาณํ นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กาตุํ สโกฺกติ น กิเลสตมํ วิโนเทตุํฯ เอวํ อนุโลมํ สงฺขารารมฺมณํ โหติ, โคตฺรภุ นิพฺพานารมฺมณํฯ
Yatheva hi tayo vātā candapaṭicchādake valāhakeyeva viddhaṃsetuṃ sakkonti, na candaṃ daṭṭhuṃ, evaṃ anulomāni saccapaṭicchādakatameyeva vinodetuṃ sakkonti, na nibbānaṃ ārammaṇaṃ kātuṃ . Yathā so puriso candameva daṭṭhuṃ sakkoti na valāhake viddhaṃsetuṃ, evaṃ gotrabhuññāṇaṃ nibbānameva ārammaṇaṃ kātuṃ sakkoti na kilesatamaṃ vinodetuṃ. Evaṃ anulomaṃ saṅkhārārammaṇaṃ hoti, gotrabhu nibbānārammaṇaṃ.
ยทิ หิ โคตฺรภุ อนุโลเมน คหิตารมฺมณํ คเณฺหยฺย ปุน อนุโลมํ ตํ อนุพเนฺธยฺยาติ มคฺควุฎฺฐานเมว น ภเวยฺยฯ โคตฺรภุญฺญาณํ ปน อนุโลมสฺส อารมฺมณํ อคฺคเหตฺวา ตํ อปจฺฉโตปวตฺติกํ กตฺวา สยํ อนาวชฺชนมฺปิ สมานํ อาวชฺชนฎฺฐาเน ฐตฺวา เอวํ นิพฺพตฺตาหีติ มคฺคสฺส สญฺญํ ทตฺวา วิย นิรุชฺฌติฯ มโคฺคปิ เตน ทินฺนสญฺญํ อมุญฺจิตฺวาว อวีจิสนฺตติวเสน ตํ ญาณํ อนุพนฺธมาโน อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ โทสกฺขนฺธํ โมหกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌมาโนว ปทาลยมาโนว นิพฺพตฺตติฯ
Yadi hi gotrabhu anulomena gahitārammaṇaṃ gaṇheyya puna anulomaṃ taṃ anubandheyyāti maggavuṭṭhānameva na bhaveyya. Gotrabhuññāṇaṃ pana anulomassa ārammaṇaṃ aggahetvā taṃ apacchatopavattikaṃ katvā sayaṃ anāvajjanampi samānaṃ āvajjanaṭṭhāne ṭhatvā evaṃ nibbattāhīti maggassa saññaṃ datvā viya nirujjhati. Maggopi tena dinnasaññaṃ amuñcitvāva avīcisantativasena taṃ ñāṇaṃ anubandhamāno anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ lobhakkhandhaṃ dosakkhandhaṃ mohakkhandhaṃ nibbijjhamānova padālayamānova nibbattati.
ตตฺรายํ อุปมา – เอโก กิร อิสฺสาโส ธนุสตมตฺถเก ผลกสตํ ฐปาเปตฺวา วเตฺถน มุขํ เวเฐตฺวา สรํ สนฺนยฺหิตฺวา จกฺกยเนฺต อฎฺฐาสิฯ อโญฺญ ปุริโส จกฺกยนฺตํ อาวญฺฉิตฺวา ยทา อิสฺสาสสฺส ผลกสตํ อภิมุขํ โหติ ตทา ตตฺถ ทณฺฑเกน สญฺญํ เทติ, อิสฺสาโส ทณฺฑกสญฺญํ อมุญฺจิตฺวาว สรํ ขิปิตฺวา ผลกสตํ นิพฺพิชฺฌติฯ ตตฺถ ทณฺฑกสญฺญา วิย โคตฺรภุญฺญาณํฯ อิสฺสาโส วิย มคฺคญาณํฯ อิสฺสาสสฺส ทณฺฑกสญฺญํ อมุญฺจิตฺวาว ผลกสตนิพฺพิชฺฌนํ วิย มคฺคญาณสฺส โคตฺรภุญฺญาเณน ทินฺนสญฺญํ อมุญฺจิตฺวาว นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อนิพฺพิทฺธปุพฺพอปทาลิตปุพฺพานํ โลภกฺขนฺธาทีนํ นิพฺพิชฺฌนปทาลนํฯ ภูมิลทฺธวฎฺฎเสตุสมุคฺฆาตกรณนฺติปิ เอตเทวฯ มคฺคสฺส หิ เอกเมว กิจฺจํ อนุสยปฺปชหนํฯ อิติ โส อนุสเย ปชหโนฺต นิมิตฺตา วุฎฺฐาติ นาม, ปวตฺตํ ฉินฺทติ นามฯ ‘นิมิตฺต’นฺติ รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณนิมิตฺตํฯ ‘ปวตฺต’มฺปิ รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณปวตฺตเมวฯ ตํ ทุวิธํ โหติ – อุปาทินฺนกํ อนุปาทินฺนกนฺติฯ เตสุ มคฺคสฺส อนุปาทินฺนกโต วุฎฺฐานจฺฉายา ทิสฺสตีติ วตฺวา อนุปาทินฺนกโต วุฎฺฐาตีติ วทิํสุฯ
Tatrāyaṃ upamā – eko kira issāso dhanusatamatthake phalakasataṃ ṭhapāpetvā vatthena mukhaṃ veṭhetvā saraṃ sannayhitvā cakkayante aṭṭhāsi. Añño puriso cakkayantaṃ āvañchitvā yadā issāsassa phalakasataṃ abhimukhaṃ hoti tadā tattha daṇḍakena saññaṃ deti, issāso daṇḍakasaññaṃ amuñcitvāva saraṃ khipitvā phalakasataṃ nibbijjhati. Tattha daṇḍakasaññā viya gotrabhuññāṇaṃ. Issāso viya maggañāṇaṃ. Issāsassa daṇḍakasaññaṃ amuñcitvāva phalakasatanibbijjhanaṃ viya maggañāṇassa gotrabhuññāṇena dinnasaññaṃ amuñcitvāva nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā anibbiddhapubbaapadālitapubbānaṃ lobhakkhandhādīnaṃ nibbijjhanapadālanaṃ. Bhūmiladdhavaṭṭasetusamugghātakaraṇantipi etadeva. Maggassa hi ekameva kiccaṃ anusayappajahanaṃ. Iti so anusaye pajahanto nimittā vuṭṭhāti nāma, pavattaṃ chindati nāma. ‘Nimitta’nti rūpavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇanimittaṃ. ‘Pavatta’mpi rūpavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇapavattameva. Taṃ duvidhaṃ hoti – upādinnakaṃ anupādinnakanti. Tesu maggassa anupādinnakato vuṭṭhānacchāyā dissatīti vatvā anupādinnakato vuṭṭhātīti vadiṃsu.
โสตาปตฺติมเคฺคน หิ จตฺตาริ ทิฎฺฐิคตสมฺปยุตฺตานิ วิจิกิจฺฉาสหคตนฺติ ปญฺจ จิตฺตานิ ปหียนฺติฯ ตานิ รูปํ สมุฎฺฐาเปนฺติฯ ตํ อนุปาทินฺนกรูปกฺขโนฺธฯ ตานิ จิตฺตานิ วิญฺญาณกฺขโนฺธฯ ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา สญฺญา สงฺขารา ตโย อรูปกฺขนฺธาฯ ตตฺถ สเจ โสตาปนฺนสฺส โสตาปตฺติมโคฺค อภาวิโต อภวิสฺส ตานิ ปญฺจ จิตฺตานิ ฉสุ อารมฺมเณสุ ปริยุฎฺฐานํ ปาปุเณยฺยุํฯ โสตาปตฺติมโคฺค ปน เตสํ ปริยุฎฺฐาเนนปฺปตฺติํ วารยมาโน เสตุสมุคฺฆาตํ อภพฺพุปฺปตฺติกภาวํ กุรุมาโน อนุปาทินฺนกโต วุฎฺฐาติ นามฯ
Sotāpattimaggena hi cattāri diṭṭhigatasampayuttāni vicikicchāsahagatanti pañca cittāni pahīyanti. Tāni rūpaṃ samuṭṭhāpenti. Taṃ anupādinnakarūpakkhandho. Tāni cittāni viññāṇakkhandho. Taṃsampayuttā vedanā saññā saṅkhārā tayo arūpakkhandhā. Tattha sace sotāpannassa sotāpattimaggo abhāvito abhavissa tāni pañca cittāni chasu ārammaṇesu pariyuṭṭhānaṃ pāpuṇeyyuṃ. Sotāpattimaggo pana tesaṃ pariyuṭṭhānenappattiṃ vārayamāno setusamugghātaṃ abhabbuppattikabhāvaṃ kurumāno anupādinnakato vuṭṭhāti nāma.
สกทาคามิมเคฺคน จตฺตาริ ทิฎฺฐิคตวิปฺปยุตฺตานิ เทฺว โทมนสฺสสหคตานีติ โอฬาริกกามราคพฺยาปาทวเสน ฉ จิตฺตานิ ปหียนฺติฯ อนาคามิมเคฺคน อณุสหคตกามราคพฺยาปาทวเสน ตานิ เอว ฉ จิตฺตานิ ปหียนฺติฯ อรหตฺตมเคฺคน จตฺตาริ ทิฎฺฐิคตวิปฺปยุตฺตานิ อุทฺธจฺจสหคตญฺจาติ ปญฺจ อกุสลจิตฺตานิ ปหียนฺติฯ ตตฺถ สเจ เตสํ อริยานํ เต มคฺคา อภาวิตา อสฺสุ, ตานิ จิตฺตานิ ฉสุ อารมฺมเณสุ ปริยุฎฺฐานํ ปาปุเณยฺยุํฯ เต ปน เตสํ มคฺคา ปริยุฎฺฐานปฺปตฺติํ วารยมานา เสตุสมุคฺฆาตํ อภพฺพุปฺปตฺติกภาวํ กุรุมานา อนุปาทินฺนกโต วุฎฺฐหนฺติ นามฯ
Sakadāgāmimaggena cattāri diṭṭhigatavippayuttāni dve domanassasahagatānīti oḷārikakāmarāgabyāpādavasena cha cittāni pahīyanti. Anāgāmimaggena aṇusahagatakāmarāgabyāpādavasena tāni eva cha cittāni pahīyanti. Arahattamaggena cattāri diṭṭhigatavippayuttāni uddhaccasahagatañcāti pañca akusalacittāni pahīyanti. Tattha sace tesaṃ ariyānaṃ te maggā abhāvitā assu, tāni cittāni chasu ārammaṇesu pariyuṭṭhānaṃ pāpuṇeyyuṃ. Te pana tesaṃ maggā pariyuṭṭhānappattiṃ vārayamānā setusamugghātaṃ abhabbuppattikabhāvaṃ kurumānā anupādinnakato vuṭṭhahanti nāma.
อุปาทินฺนกโต วุฎฺฐานจฺฉายา ทิสฺสตีติ วตฺวา อุปาทินฺนกโต วุฎฺฐาตีติปิ วทิํสุฯ สเจ หิ โสตาปนฺนสฺส โสตาปตฺติมโคฺค อภาวิโต อภวิสฺส, ฐเปตฺวา สตฺต ภเว อนมตเคฺค สํสารวเฎฺฎ อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ ปวเตฺตยฺยฯ กสฺมา? ตสฺส ปวตฺติยา เหตูนํ อตฺถิตายฯ ตีณิ สํโยชนานิ ทิฎฺฐานุสโย วิจิกิจฺฉานุสโยติ อิเม ปน ปญฺจ กิเลเส โสตาปตฺติมโคฺค อุปฺปชฺชมาโนว สมุคฺฆาเตติฯ อิทานิ กุโต โสตาปนฺนสฺส สตฺต ภเว ฐเปตฺวา อนมตเคฺค สํสารวเฎฺฎ อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ ปวตฺติสฺสติ? เอวํ โสตาปตฺติมโคฺค อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ อปฺปวตฺตํ กุรุมาโน อุปาทินฺนกโต วุฎฺฐาติ นามฯ
Upādinnakato vuṭṭhānacchāyā dissatīti vatvā upādinnakato vuṭṭhātītipi vadiṃsu. Sace hi sotāpannassa sotāpattimaggo abhāvito abhavissa, ṭhapetvā satta bhave anamatagge saṃsāravaṭṭe upādinnakappavattaṃ pavatteyya. Kasmā? Tassa pavattiyā hetūnaṃ atthitāya. Tīṇi saṃyojanāni diṭṭhānusayo vicikicchānusayoti ime pana pañca kilese sotāpattimaggo uppajjamānova samugghāteti. Idāni kuto sotāpannassa satta bhave ṭhapetvā anamatagge saṃsāravaṭṭe upādinnakappavattaṃ pavattissati? Evaṃ sotāpattimaggo upādinnakappavattaṃ appavattaṃ kurumāno upādinnakato vuṭṭhāti nāma.
สเจ สกทาคามิสฺส สกทาคามิมโคฺค อภาวิโต อภวิสฺส, ฐเปตฺวา เทฺว ภเว ปญฺจสุ ภเวสุ อุปาทินฺนกปวตฺตํ ปวเตฺตยฺยฯ กสฺมา? ตสฺส ปวตฺติยา เหตูนํ อตฺถิตายฯ โอฬาริกานิ กามราคปฎิฆสํโยชนานิ โอฬาริโก กามราคานุสโย ปฎิฆานุสโยติ อิเม ปน จตฺตาโร กิเลเส โส มโคฺค อุปฺปชฺชมาโนว สมุคฺฆาเตติฯ อิทานิ กุโต สกทาคามิสฺส เทฺว ภเว ฐเปตฺวา ปญฺจสุ ภเวสุ อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ ปวตฺติสฺสติ? เอวํ สกทาคามิมโคฺค อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ อปฺปวตฺตํ กุรุมาโน อุปาทินฺนกโต วุฎฺฐาติ นามฯ
Sace sakadāgāmissa sakadāgāmimaggo abhāvito abhavissa, ṭhapetvā dve bhave pañcasu bhavesu upādinnakapavattaṃ pavatteyya. Kasmā? Tassa pavattiyā hetūnaṃ atthitāya. Oḷārikāni kāmarāgapaṭighasaṃyojanāni oḷāriko kāmarāgānusayo paṭighānusayoti ime pana cattāro kilese so maggo uppajjamānova samugghāteti. Idāni kuto sakadāgāmissa dve bhave ṭhapetvā pañcasu bhavesu upādinnakappavattaṃ pavattissati? Evaṃ sakadāgāmimaggo upādinnakappavattaṃ appavattaṃ kurumāno upādinnakato vuṭṭhāti nāma.
สเจ อนาคามิสฺส อนาคามิมโคฺค อภาวิโต อภวิสฺส, ฐเปตฺวา เอกํ ภวํ ทุติยภเว อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ ปวเตฺตยฺยฯ กสฺมา? ตสฺส ปวตฺติยา เหตูนํ อตฺถิตายฯ อณุสหคตานิ กามราคปฎิฆสํโยชนานิ อณุสหคโต กามราคานุสโย ปฎิฆานุสโยติ อิเม ปน จตฺตาโร กิเลเส โส มโคฺค อุปฺปชฺชมาโนว สมุคฺฆาเตติฯ อิทานิ กุโต อนาคามิสฺส เอกํ ภวํ ฐเปตฺวา ทุติยภเว อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ ปวตฺติสฺสติ? เอวํ อนาคามิมโคฺค อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ อปฺปวตฺตํ กุรุมาโน อุปาทินฺนกโต วุฎฺฐาติ นามฯ
Sace anāgāmissa anāgāmimaggo abhāvito abhavissa, ṭhapetvā ekaṃ bhavaṃ dutiyabhave upādinnakappavattaṃ pavatteyya. Kasmā? Tassa pavattiyā hetūnaṃ atthitāya. Aṇusahagatāni kāmarāgapaṭighasaṃyojanāni aṇusahagato kāmarāgānusayo paṭighānusayoti ime pana cattāro kilese so maggo uppajjamānova samugghāteti. Idāni kuto anāgāmissa ekaṃ bhavaṃ ṭhapetvā dutiyabhave upādinnakappavattaṃ pavattissati? Evaṃ anāgāmimaggo upādinnakappavattaṃ appavattaṃ kurumāno upādinnakato vuṭṭhāti nāma.
สเจ อรหโต อรหตฺตมโคฺค อภาวิโต อภวิสฺส, รูปารูปภเวสุ อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ ปวเตฺตยฺยฯ กสฺมา? ตสฺส ปวตฺติยา เหตูนํ อตฺถิตาย ฯ รูปราโค อรูปราโค มาโน อุทฺธจฺจํ อวิชฺชา มานานุสโย ภวราคานุสโย อวิชฺชานุสโยติ อิเม ปน อฎฺฐ กิเลเส โส มโคฺค อุปฺปชฺชมาโนว สมุคฺฆาเตติฯ อิทานิ กุโต ขีณาสวสฺส ปุนพฺภเว อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ ปวตฺติสฺสติ? เอวํ อรหตฺตมโคฺค อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ อปฺปวตฺตํ กุรุมาโน อุปาทินฺนกโต วุฎฺฐาติ นามฯ
Sace arahato arahattamaggo abhāvito abhavissa, rūpārūpabhavesu upādinnakappavattaṃ pavatteyya. Kasmā? Tassa pavattiyā hetūnaṃ atthitāya . Rūparāgo arūparāgo māno uddhaccaṃ avijjā mānānusayo bhavarāgānusayo avijjānusayoti ime pana aṭṭha kilese so maggo uppajjamānova samugghāteti. Idāni kuto khīṇāsavassa punabbhave upādinnakappavattaṃ pavattissati? Evaṃ arahattamaggo upādinnakappavattaṃ appavattaṃ kurumāno upādinnakato vuṭṭhāti nāma.
โสตาปตฺติมโคฺค เจตฺถ อปายภวโต วุฎฺฐาติ, สกทาคามิมโคฺค สุคติกามภเวกเทสโต, อนาคามิมโคฺค กามภวโต, อรหตฺตมโคฺค รูปารูปภวโต สพฺพภเวหิปิ วุฎฺฐาติ เอวาติ วทนฺติฯ
Sotāpattimaggo cettha apāyabhavato vuṭṭhāti, sakadāgāmimaggo sugatikāmabhavekadesato, anāgāmimaggo kāmabhavato, arahattamaggo rūpārūpabhavato sabbabhavehipi vuṭṭhāti evāti vadanti.
อิมสฺส ปนตฺถสฺส วิภาวนตฺถํ อยํ ปาฬิ – ‘‘โสตาปตฺติมคฺคญาเณน อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส นิโรเธน สตฺต ภเว ฐเปตฺวา อนมตเคฺค สํสารวเฎฺฎ เย อุปฺปเชฺชยฺยุํ, นามญฺจ รูปญฺจ เอเตฺถเต นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อตฺถํ คจฺฉนฺติ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ
Imassa panatthassa vibhāvanatthaṃ ayaṃ pāḷi – ‘‘sotāpattimaggañāṇena abhisaṅkhāraviññāṇassa nirodhena satta bhave ṭhapetvā anamatagge saṃsāravaṭṭe ye uppajjeyyuṃ, nāmañca rūpañca etthete nirujjhanti vūpasamanti atthaṃ gacchanti paṭippassambhanti.
‘สกทาคามิมคฺคญาเณน อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส นิโรเธน เทฺว ภเว ฐเปตฺวา ปญฺจสุ ภเวสุ เย อุปฺปเชฺชยฺยุํ, นามญฺจ รูปญฺจ เอเตฺถเต นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อตฺถํ คจฺฉนฺติ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ
‘Sakadāgāmimaggañāṇena abhisaṅkhāraviññāṇassa nirodhena dve bhave ṭhapetvā pañcasu bhavesu ye uppajjeyyuṃ, nāmañca rūpañca etthete nirujjhanti vūpasamanti atthaṃ gacchanti paṭippassambhanti.
‘อนาคามิมคฺคญาเณน อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส นิโรเธน เอกํ ภวํ ฐเปตฺวา กามธาตุยา ทฺวีสุ ภเวสุ เย อุปฺปเชฺชยฺยุํ, นามญฺจ รูปญฺจ เอเตฺถเต นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อตฺถํ คจฺฉนฺติ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ
‘Anāgāmimaggañāṇena abhisaṅkhāraviññāṇassa nirodhena ekaṃ bhavaṃ ṭhapetvā kāmadhātuyā dvīsu bhavesu ye uppajjeyyuṃ, nāmañca rūpañca etthete nirujjhanti vūpasamanti atthaṃ gacchanti paṭippassambhanti.
‘อรหตฺตมคฺคญาเณน อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส นิโรเธน รูปธาตุยา วา อรูปธาตุยา วา เย อุปฺปเชฺชยฺยุํ , นามญฺจ รูปญฺจ เอเตฺถเต นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อตฺถํ คจฺฉนฺติ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ อรหโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายนฺตสฺส จริมวิญฺญาณสฺส นิโรเธน ปญฺญา จ สติ จ นามญฺจ รูปญฺจ เอเตฺถเต นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อตฺถํ คจฺฉนฺติ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตี’’ติ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๖)ฯ อยํ ตาว นิมิเตฺต วินิจฺฉโยฯ
‘Arahattamaggañāṇena abhisaṅkhāraviññāṇassa nirodhena rūpadhātuyā vā arūpadhātuyā vā ye uppajjeyyuṃ , nāmañca rūpañca etthete nirujjhanti vūpasamanti atthaṃ gacchanti paṭippassambhanti. Arahato anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyantassa carimaviññāṇassa nirodhena paññā ca sati ca nāmañca rūpañca etthete nirujjhanti vūpasamanti atthaṃ gacchanti paṭippassambhantī’’ti (cūḷani. ajitamāṇavapucchāniddesa 6). Ayaṃ tāva nimitte vinicchayo.
‘ปฎิปทาปตี’ติ – เอตฺถ ปน ปฎิปทา จลติ น จลตีติ? จลติฯ ตถาคตสฺส หิ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส จ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา อเหสุํฯ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส ปฐมมโคฺค สุขปฎิปโท ขิปฺปาภิโญฺญ, อุปริ ตโย มคฺคา ทุกฺขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญาฯ กสฺมา? นิทฺทาภิภูตตฺตาฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ กิร สตฺตาหํ ทหรกุมารกํ วิย เถรํ ปริหริฯ เถโรปิ เอกทิวสํ นิทฺทายมาโน นิสีทิฯ อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปจลายสิ โน ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ปจลายสิ โน ตฺวํ โมคฺคลฺลานา’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๑)ฯ เอวรูปสฺสปิ มหาภิญฺญปฺปตฺตสฺส สาวกสฺส ปฎิปทา จลติ, เสสานํ กิํ น จลิสฺสติ? เอกจฺจสฺส หิ ภิกฺขุโน จตฺตาโรปิ มคฺคา ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา โหนฺติ, เอกจฺจสฺส ทุกฺขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา, เอกจฺจสฺส สุขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, เอกจฺจสฺส สุขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญาฯ เอกจฺจสฺส ปฐมมโคฺค ทุกฺขปฎิปโท ทนฺธาภิโญฺญ โหติ, ทุติยมโคฺค ทุกฺขปฎิปโท ขิปฺปาภิโญฺญ, ตติยมโคฺค สุขปฎิปโท ทนฺธาภิโญฺญ, จตุตฺถมโคฺค สุขปฎิปโท ขิปฺปาภิโญฺญติฯ
‘Paṭipadāpatī’ti – ettha pana paṭipadā calati na calatīti? Calati. Tathāgatassa hi sāriputtattherassa ca cattāropi maggā sukhapaṭipadā khippābhiññā ahesuṃ. Mahāmoggallānattherassa paṭhamamaggo sukhapaṭipado khippābhiñño, upari tayo maggā dukkhapaṭipadā khippābhiññā. Kasmā? Niddābhibhūtattā. Sammāsambuddho kira sattāhaṃ daharakumārakaṃ viya theraṃ parihari. Theropi ekadivasaṃ niddāyamāno nisīdi. Atha naṃ satthā āha – ‘‘pacalāyasi no tvaṃ, moggallāna, pacalāyasi no tvaṃ moggallānā’’ti (a. ni. 7.61). Evarūpassapi mahābhiññappattassa sāvakassa paṭipadā calati, sesānaṃ kiṃ na calissati? Ekaccassa hi bhikkhuno cattāropi maggā dukkhapaṭipadā dandhābhiññā honti, ekaccassa dukkhapaṭipadā khippābhiññā, ekaccassa sukhapaṭipadā dandhābhiññā, ekaccassa sukhapaṭipadā khippābhiññā. Ekaccassa paṭhamamaggo dukkhapaṭipado dandhābhiñño hoti, dutiyamaggo dukkhapaṭipado khippābhiñño, tatiyamaggo sukhapaṭipado dandhābhiñño, catutthamaggo sukhapaṭipado khippābhiññoti.
ยถา จ ปฎิปทา เอวํ อธิปติปิ จลติ เอวฯ เอกจฺจสฺส หิ ภิกฺขุโน จตฺตาโรปิ มคฺคา ฉนฺทาธิปเตยฺยา โหนฺติ, เอกจฺจสฺส วีริยาธิปเตยฺยา, เอกจฺจสฺส จิตฺตาธิปเตยฺยา, เอกจฺจสฺส วีมํสาธิปเตยฺยาฯ เอกจฺจสฺส ปน ปฐมมโคฺค ฉนฺทาธิปเตโยฺย โหติ, ทุติโย วีริยาธิปเตโยฺย, ตติโย จิตฺตาธิปเตโยฺย, จตุโตฺถ วีมํสาธิปเตโยฺยติฯ
Yathā ca paṭipadā evaṃ adhipatipi calati eva. Ekaccassa hi bhikkhuno cattāropi maggā chandādhipateyyā honti, ekaccassa vīriyādhipateyyā, ekaccassa cittādhipateyyā, ekaccassa vīmaṃsādhipateyyā. Ekaccassa pana paṭhamamaggo chandādhipateyyo hoti, dutiyo vīriyādhipateyyo, tatiyo cittādhipateyyo, catuttho vīmaṃsādhipateyyoti.
ปกิณฺณกกถา นิฎฺฐิตาฯ
Pakiṇṇakakathā niṭṭhitā.