Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
โลกุตฺตรกุสลวณฺณนา
Lokuttarakusalavaṇṇanā
๒๗๗. เอวํ ภวตฺตยสมฺปตฺตินิพฺพตฺตกํ กุสลํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สพฺพภวสมติกฺกมนาย โลกุตฺตรกุสลํ ทเสฺสตุํ ปุน กตเม ธมฺมา กุสลาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ โลกุตฺตรนฺติ เกนเฎฺฐน โลกุตฺตรํ? โลกํ ตรตีติ, โลกุตฺตรํ โลกํ อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ; โลกํ สมติกฺกมฺม อภิภุยฺย ติฎฺฐตีติ โลกุตฺตรํ (ปฎิ. ม. ๒.๔๓)ฯ ฌานํ ภาเวตีติ เอกจิตฺตกฺขณิกํ อปฺปนาฌานํ ภาเวติ ชเนติ วเฑฺฒติฯ
277. Evaṃ bhavattayasampattinibbattakaṃ kusalaṃ dassetvā idāni sabbabhavasamatikkamanāya lokuttarakusalaṃ dassetuṃ puna katame dhammā kusalātiādi āraddhaṃ. Tattha lokuttaranti kenaṭṭhena lokuttaraṃ? Lokaṃ taratīti, lokuttaraṃ lokaṃ uttaratīti lokuttaraṃ; lokaṃ samatikkamma abhibhuyya tiṭṭhatīti lokuttaraṃ (paṭi. ma. 2.43). Jhānaṃ bhāvetīti ekacittakkhaṇikaṃ appanājhānaṃ bhāveti janeti vaḍḍheti.
โลกโต นิยฺยาติ วฎฺฎโต นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกํฯ นิยฺยาติ วา เอเตนาติ นิยฺยานิกํฯ ตํสมงฺคี หิ ปุคฺคโล ทุกฺขํ ปริชานโนฺต นิยฺยาติ, สมุทยํ ปชหโนฺต นิยฺยาติ, นิโรธํ สจฺฉิกโรโนฺต นิยฺยาติ, มคฺคํ ภาเวโนฺต นิยฺยาติฯ ยถา จ ปน เตภูมกกุสลํ วฎฺฎสฺมิํ จุติปฎิสนฺธิโย อาจินาติ วเฑฺฒตีติ อาจยคามี นาม โหติ, น ตถา อิทํฯ อิทํ ปน ยถา เอกสฺมิํ ปุริเส อฎฺฐารสหตฺถํ ปาการํ จินเนฺต อปโร มหามุคฺครํ คเหตฺวา เตน จิตจิตฎฺฐานํ อปจินโนฺต วิทฺธํเสโนฺต เอว คเจฺฉยฺย, เอวเมว เตภูมกกุสเลน จิตา จุติปฎิสนฺธิโย ปจฺจยเวกลฺลกรเณน อปจินนฺตํ วิทฺธํเสนฺตํ คจฺฉตีติ อปจยคามิฯ
Lokato niyyāti vaṭṭato niyyātīti niyyānikaṃ. Niyyāti vā etenāti niyyānikaṃ. Taṃsamaṅgī hi puggalo dukkhaṃ parijānanto niyyāti, samudayaṃ pajahanto niyyāti, nirodhaṃ sacchikaronto niyyāti, maggaṃ bhāvento niyyāti. Yathā ca pana tebhūmakakusalaṃ vaṭṭasmiṃ cutipaṭisandhiyo ācināti vaḍḍhetīti ācayagāmī nāma hoti, na tathā idaṃ. Idaṃ pana yathā ekasmiṃ purise aṭṭhārasahatthaṃ pākāraṃ cinante aparo mahāmuggaraṃ gahetvā tena citacitaṭṭhānaṃ apacinanto viddhaṃsento eva gaccheyya, evameva tebhūmakakusalena citā cutipaṭisandhiyo paccayavekallakaraṇena apacinantaṃ viddhaṃsentaṃ gacchatīti apacayagāmi.
ทิฎฺฐิคตานํ ปหานายาติ, เอตฺถ ทิฎฺฐิโย เอว ทิฎฺฐิคตานิ, คูถคตํ มุตฺตคตนฺติอาทีนิ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิยฯ ทฺวาสฎฺฐิยา วา ทิฎฺฐีนํ อโนฺตคธตฺตา ทิฎฺฐีสุ คตานีติปิ ทิฎฺฐิคตานิฯ ทิฎฺฐิยา วา คตํ เอเตสนฺติปิ ทิฎฺฐิคตานิฯ ทิฎฺฐิสทิสคมนานิ ทิฎฺฐิสทิสปฺปวตฺตานีติ อโตฺถฯ กานิ ปน ตานีติ? สสมฺปยุตฺตานิ สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสอปายคมนียราคโทสโมหากุสลานิฯ ตานิ หิ ยาว ปฐมมคฺคภาวนา ตาว ปวตฺติสพฺภาวโต ทิฎฺฐิสทิสคมนานีติ วุจฺจนฺติฯ อิติ ทิฎฺฐิโย จ ทิฎฺฐิคตานิ จ ทิฎฺฐิคตานิฯ เตสํ ทิฎฺฐิคตานํฯ ปหานายาติ สมุเจฺฉทวเสเนว ปชหนตฺถายฯ ปฐมายาติ คณนวเสนปิ ปฐมุปฺปตฺติวเสนปิ ปฐมายฯ ภูมิยาติ ‘‘อนนฺตรหิตาย ภูมิยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๗; ม. นิ. ๒.๒๙๖) ตาว อยํ มหาปถวี ภูมีติ วุจฺจติฯ ‘‘สุขภูมิยํ กามาวจเร’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๙๘๘) จิตฺตุปฺปาโทฯ อิธ ปน สามญฺญผลํ อธิเปฺปตํฯ ตญฺหิ สมฺปยุตฺตานํ นิสฺสยภาวโต เต ธมฺมา ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมิฯ ยสฺมา วา สมาเนปิ โลกุตฺตรภาเว สยมฺปิ ภวติ อุปฺปชฺชติ, น นิพฺพานํ วิย อปาตุภาวํ, ตสฺมาปิ ภูมีติ วุจฺจติ; ตสฺสา ปฐมาย ภูมิยาฯ ปตฺติยาติ โสตาปตฺติผลสงฺขาตสฺส ปฐมสฺส สามญฺญผลสฺส ปตฺตตฺถาย ปฎิลาภตฺถายาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วิวิจฺจาติ สมุเจฺฉทวิเวกวเสน วิวิจฺจิตฺวา, วินา หุตฺวาฯ
Diṭṭhigatānaṃ pahānāyāti, ettha diṭṭhiyo eva diṭṭhigatāni, gūthagataṃ muttagatantiādīni (a. ni. 9.11) viya. Dvāsaṭṭhiyā vā diṭṭhīnaṃ antogadhattā diṭṭhīsu gatānītipi diṭṭhigatāni. Diṭṭhiyā vā gataṃ etesantipi diṭṭhigatāni. Diṭṭhisadisagamanāni diṭṭhisadisappavattānīti attho. Kāni pana tānīti? Sasampayuttāni sakkāyadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsaapāyagamanīyarāgadosamohākusalāni. Tāni hi yāva paṭhamamaggabhāvanā tāva pavattisabbhāvato diṭṭhisadisagamanānīti vuccanti. Iti diṭṭhiyo ca diṭṭhigatāni ca diṭṭhigatāni. Tesaṃ diṭṭhigatānaṃ. Pahānāyāti samucchedavaseneva pajahanatthāya. Paṭhamāyāti gaṇanavasenapi paṭhamuppattivasenapi paṭhamāya. Bhūmiyāti ‘‘anantarahitāya bhūmiyā’’tiādīsu (pārā. 27; ma. ni. 2.296) tāva ayaṃ mahāpathavī bhūmīti vuccati. ‘‘Sukhabhūmiyaṃ kāmāvacare’’tiādīsu (dha. sa. 988) cittuppādo. Idha pana sāmaññaphalaṃ adhippetaṃ. Tañhi sampayuttānaṃ nissayabhāvato te dhammā bhavanti etthāti bhūmi. Yasmā vā samānepi lokuttarabhāve sayampi bhavati uppajjati, na nibbānaṃ viya apātubhāvaṃ, tasmāpi bhūmīti vuccati; tassā paṭhamāya bhūmiyā. Pattiyāti sotāpattiphalasaṅkhātassa paṭhamassa sāmaññaphalassa pattatthāya paṭilābhatthāyāti evamettha attho veditabbo. Viviccāti samucchedavivekavasena viviccitvā, vinā hutvā.
อิทานิ กิญฺจาปิ โลกิยชฺฌานมฺปิ น วินา ปฎิปทาย อิชฺฌติ, เอวํ สเนฺตปิ อิธ สุทฺธิกนยํ ปหาย โลกุตฺตรชฺฌานํ ปฎิปทาย สทฺธิํเยว ครุํ กตฺวา เทเสตุกามตาย ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญนฺติอาทิมาหฯ
Idāni kiñcāpi lokiyajjhānampi na vinā paṭipadāya ijjhati, evaṃ santepi idha suddhikanayaṃ pahāya lokuttarajjhānaṃ paṭipadāya saddhiṃyeva garuṃ katvā desetukāmatāya dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññantiādimāha.
ตตฺถ โย อาทิโตว กิเลเส วิกฺขเมฺภโนฺต ทุเกฺขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมโนฺต วิกฺขเมฺภติ ตสฺส ทุกฺขา ปฎิปทา โหติ; โย ปน วิกฺขมฺภิต กิเลโส วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคปาตุภาวํ ปาปุณาติ ตสฺส ทนฺธาภิญฺญา โหติฯ อิติ โย โกจิ วาโร ทุกฺขปฎิปททนฺธาภิโญฺญ นาม กโตฯ
Tattha yo āditova kilese vikkhambhento dukkhena sasaṅkhārena sappayogena kilamanto vikkhambheti tassa dukkhā paṭipadā hoti; yo pana vikkhambhita kileso vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggapātubhāvaṃ pāpuṇāti tassa dandhābhiññā hoti. Iti yo koci vāro dukkhapaṭipadadandhābhiñño nāma kato.
กตมํ ปน วารํ โรเจสุนฺติ? ยตฺถ สกิํ วิกฺขมฺภิตา กิเลสา สมุทาจริตฺวา ทุติยมฺปิ วิกฺขมฺภิตา ปุน สมุทาจรนฺติ, ตติยํ วิกฺขมฺภิเต ปน ตถาวิกฺขมฺภิเตว กตฺวา มเคฺคน สมุคฺฆาตํ ปาเปติ, อิมํ วารํ โรเจสุํฯ อิมสฺส วารสฺส ทุกฺขาปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญาติ นามํ กตํฯ เอตฺตเกน ปน น ปากฎํ โหติฯ ตสฺมา เอวเมตฺถ อาทิโต ปฎฺฐาย วิภาวนา เวทิตพฺพา – โย หิ จตฺตาริ มหาภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา อุปาทารูปํ ปริคฺคณฺหาติ, อรูปํ ปริคฺคณฺหาติ, ‘รูปารูปํ’ ปน ปริคฺคณฺหโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปริคฺคเหตุํ สโกฺกติ, ตสฺส ทุกฺขา ปฎิปทา นาม โหติฯ ปริคฺคหิตรูปารูปสฺส ปน วิปสฺสนาปริวาเส มคฺคปาตุภาวทนฺธตาย ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ
Katamaṃ pana vāraṃ rocesunti? Yattha sakiṃ vikkhambhitā kilesā samudācaritvā dutiyampi vikkhambhitā puna samudācaranti, tatiyaṃ vikkhambhite pana tathāvikkhambhiteva katvā maggena samugghātaṃ pāpeti, imaṃ vāraṃ rocesuṃ. Imassa vārassa dukkhāpaṭipadā dandhābhiññāti nāmaṃ kataṃ. Ettakena pana na pākaṭaṃ hoti. Tasmā evamettha ādito paṭṭhāya vibhāvanā veditabbā – yo hi cattāri mahābhūtāni pariggahetvā upādārūpaṃ pariggaṇhāti, arūpaṃ pariggaṇhāti, ‘rūpārūpaṃ’ pana pariggaṇhanto dukkhena kasirena kilamanto pariggahetuṃ sakkoti, tassa dukkhā paṭipadā nāma hoti. Pariggahitarūpārūpassa pana vipassanāparivāse maggapātubhāvadandhatāya dandhābhiññā nāma hoti.
โยปิ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา ‘นามรูปํ’ ววตฺถเปโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ววตฺถเปติ, ววตฺถาปิเต จ นามรูเป วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทตุํ สโกฺกติ, ตสฺสาปิ ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ
Yopi rūpārūpaṃ pariggahetvā ‘nāmarūpaṃ’ vavatthapento dukkhena kasirena kilamanto vavatthapeti, vavatthāpite ca nāmarūpe vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādetuṃ sakkoti, tassāpi dukkhā paṭipadā dandhābhiññā nāma hoti.
อปโร นามรูปมฺปิ ววตฺถเปตฺวา ‘ปจฺจเย’ ปริคฺคณฺหโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปริคฺคณฺหาติ, ปจฺจเย จ ปริคฺคเหตฺวา วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ
Aparo nāmarūpampi vavatthapetvā ‘paccaye’ pariggaṇhanto dukkhena kasirena kilamanto pariggaṇhāti, paccaye ca pariggahetvā vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādeti, evampi dukkhā paṭipadā dandhābhiññā nāma hoti.
อปโร ปจฺจเยปิ ปริคฺคเหตฺวา ‘ลกฺขณานิ’ ปฎิวิชฺฌโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปฎิวิชฺฌติ, ปฎิวิทฺธลกฺขโณ จ วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ
Aparo paccayepi pariggahetvā ‘lakkhaṇāni’ paṭivijjhanto dukkhena kasirena kilamanto paṭivijjhati, paṭividdhalakkhaṇo ca vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādeti, evampi dukkhā paṭipadā dandhābhiññā nāma hoti.
อปโร ลกฺขณานิปิ ปฎิวิชฺฌิตฺวา วิปสฺสนาญาเณ ติเกฺข สูเร ปสเนฺน วหเนฺต อุปฺปนฺนํ ‘วิปสฺสนานิกนฺติํ’ ปริยาทิยมาโน ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปริยาทิยติ, นิกนฺติญฺจ ปริยาทิยิตฺวา วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ อิมํ วารํ โรเจสุํฯ อิมสฺส วารสฺส เอตํ นามํ กตํฯ อิมินาว อุปาเยน ปรโต ติโสฺส ปฎิปทา เวทิตพฺพาฯ
Aparo lakkhaṇānipi paṭivijjhitvā vipassanāñāṇe tikkhe sūre pasanne vahante uppannaṃ ‘vipassanānikantiṃ’ pariyādiyamāno dukkhena kasirena kilamanto pariyādiyati, nikantiñca pariyādiyitvā vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādeti, evampi dukkhā paṭipadā dandhābhiññā nāma hoti. Imaṃ vāraṃ rocesuṃ. Imassa vārassa etaṃ nāmaṃ kataṃ. Imināva upāyena parato tisso paṭipadā veditabbā.
ผโสฺส โหตีติอาทีสุ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมาอาชีโวติ จตฺตาริ ปทานิ อธิกานิฯ นิเทฺทสวาเร จ วิตกฺกาทินิเทฺทเสสุ ‘มคฺคงฺค’นฺติอาทีนิ ปทานิ อธิกานิฯ เสสํ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตสทิสเมวฯ ภูมนฺตรวเสน ปน โลกุตฺตรตาว อิธ วิเสโสฯ
Phasso hotītiādīsu anaññātaññassāmītindriyaṃ, sammāvācā, sammākammanto, sammāājīvoti cattāri padāni adhikāni. Niddesavāre ca vitakkādiniddesesu ‘maggaṅga’ntiādīni padāni adhikāni. Sesaṃ sabbaṃ heṭṭhā vuttasadisameva. Bhūmantaravasena pana lokuttaratāva idha viseso.
ตตฺถ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยนฺติ ‘อนมตเคฺค สํสารวเฎฺฎ อนญฺญาตํ อมตํ ปทํ จตุสจฺจธมฺมเมว วา ชานิสฺสามี’ติ ปฎิปนฺนสฺส อิมินา ปุพฺพาโภเคน อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํฯ ลกฺขณาทีนิ ปนสฺส เหฎฺฐา ปญฺญินฺทฺริเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
Tattha anaññātaññassāmītindriyanti ‘anamatagge saṃsāravaṭṭe anaññātaṃ amataṃ padaṃ catusaccadhammameva vā jānissāmī’ti paṭipannassa iminā pubbābhogena uppannaṃ indriyaṃ. Lakkhaṇādīni panassa heṭṭhā paññindriye vuttanayeneva veditabbāni.
สุนฺทรา ปสตฺถา วา วาจา สมฺมาวาจาฯ วจีทุจฺจริตสมุคฺฆาฎิกาย มิจฺฉาวาจาวิรติยา เอตํ อธิวจนํฯ สา ปริคฺคหลกฺขณา วิรมณรสา มิจฺฉาวาจปฺปหานปจฺจุปฎฺฐานาฯ สุนฺทโร ปสโตฺถ วา กมฺมโนฺต สมฺมากมฺมโนฺตฯ มิจฺฉากมฺมนฺตสมุเจฺฉทิกาย ปาณาติปาตาทิวิรติยา เอตํ นามํฯ โส สมุฎฺฐานลกฺขโณ วิรมณรโส มิจฺฉากมฺมนฺตปฺปหานปจฺจุปฎฺฐาโนฯ สุนฺทโร ปสโตฺถ วา อาชีโว สมฺมาอาชีโวฯ มิจฺฉาชีววิรติยา เอตํ อธิวจนํฯ โส โวทานลกฺขโณ ญายาชีวปฺปวตฺติรโส มิจฺฉาชีวปฺปหานปจฺจุปฎฺฐาโนฯ
Sundarā pasatthā vā vācā sammāvācā. Vacīduccaritasamugghāṭikāya micchāvācāviratiyā etaṃ adhivacanaṃ. Sā pariggahalakkhaṇā viramaṇarasā micchāvācappahānapaccupaṭṭhānā. Sundaro pasattho vā kammanto sammākammanto. Micchākammantasamucchedikāya pāṇātipātādiviratiyā etaṃ nāmaṃ. So samuṭṭhānalakkhaṇo viramaṇaraso micchākammantappahānapaccupaṭṭhāno. Sundaro pasattho vā ājīvo sammāājīvo. Micchājīvaviratiyā etaṃ adhivacanaṃ. So vodānalakkhaṇo ñāyājīvappavattiraso micchājīvappahānapaccupaṭṭhāno.
อปิจ เหฎฺฐา วิรติตฺตเย วุตฺตวเสนเปตฺถ ลกฺขณาทีนิ เวทิตพฺพานิฯ อิติ อิเมสํ ติณฺณํ ธมฺมานํ วเสน เหฎฺฐา วุตฺตํ มคฺคปญฺจกํ อิธ มคฺคฎฺฐกํ เวทิตพฺพํฯ เยวาปนเกสุ จ อิเมสํ อภาโวฯ ตถา กรุณามุทิตานํฯ อิเม หิ ตโย ธมฺมา อิธ ปาฬิยํ อาคตตฺตาว เยวาปนเกสุ น คหิตาฯ กรุณามุทิตา ปน สตฺตารมฺมณา, อิเม ธมฺมา นิพฺพานารมฺมณาติ ตาเปตฺถ น คหิตาฯ อยํ ตาว อุเทฺทสวาเร วิเสสโตฺถฯ
Apica heṭṭhā viratittaye vuttavasenapettha lakkhaṇādīni veditabbāni. Iti imesaṃ tiṇṇaṃ dhammānaṃ vasena heṭṭhā vuttaṃ maggapañcakaṃ idha maggaṭṭhakaṃ veditabbaṃ. Yevāpanakesu ca imesaṃ abhāvo. Tathā karuṇāmuditānaṃ. Ime hi tayo dhammā idha pāḷiyaṃ āgatattāva yevāpanakesu na gahitā. Karuṇāmuditā pana sattārammaṇā, ime dhammā nibbānārammaṇāti tāpettha na gahitā. Ayaṃ tāva uddesavāre visesattho.
๒๘๓. นิเทฺทสวาเร ปน มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนนฺติ เอตฺถ ตาว มคฺคสฺส องฺคนฺติ มคฺคงฺคํ; มคฺคโกฎฺฐาโสติ อโตฺถฯ ยถา ปน อรเญฺญ ปริยาปนฺนํ อรญฺญปริยาปนฺนํ นาม โหติ, เอวํ มเคฺค ปริยาปนฺนนฺติ มคฺคปริยาปนฺนํฯ มคฺคสนฺนิสฺสิตนฺติ อโตฺถฯ
283. Niddesavāre pana maggaṅgaṃ maggapariyāpannanti ettha tāva maggassa aṅganti maggaṅgaṃ; maggakoṭṭhāsoti attho. Yathā pana araññe pariyāpannaṃ araññapariyāpannaṃ nāma hoti, evaṃ magge pariyāpannanti maggapariyāpannaṃ. Maggasannissitanti attho.
๒๘๕. ปีติสโมฺพชฺฌโงฺคติ เอตฺถ ปีติ เอว สโมฺพชฺฌโงฺคติ ปีติสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ตตฺถ โพธิยา โพธิสฺส วา อโงฺคติ โพชฺฌโงฺคฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา อยํ ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฎฺฐานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุเจฺฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฎิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌตีติ กตฺวา โพธีติ วุจฺจติฯ พุชฺฌตีติ กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฎฺฐหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรติฯ ตสฺสา ธมฺมสามคฺคีสงฺขาตาย โพธิยา อโงฺคติปิ โพชฺฌโงฺค, ฌานงฺคมคฺคงฺคาทีนิ วิยฯ โยเปส ยถาวุตฺตปฺปการาย เอตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก โพธีติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส อโงฺคติปิ โพชฺฌโงฺค; เสนงฺครถงฺคาทโย วิยฯ เตนาหุ อฎฺฐกถาจริยา – ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ วา โพชฺฌงฺคา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๔๖๖; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๑๘๒)ฯ
285. Pītisambojjhaṅgoti ettha pīti eva sambojjhaṅgoti pītisambojjhaṅgo. Tattha bodhiyā bodhissa vā aṅgoti bojjhaṅgo. Idaṃ vuttaṃ hoti – yā ayaṃ dhammasāmaggī yāya lokuttaramaggakkhaṇe uppajjamānāya līnuddhaccapatiṭṭhānāyūhanakāmasukhattakilamathānuyogaucchedasassatābhinivesādīnaṃ anekesaṃ upaddavānaṃ paṭipakkhabhūtāya satidhammavicayavīriyapītipassaddhisamādhiupekkhāsaṅkhātāya dhammasāmaggiyā ariyasāvako bujjhatīti katvā bodhīti vuccati. Bujjhatīti kilesasantānaniddāya uṭṭhahati, cattāri vā ariyasaccāni paṭivijjhati, nibbānameva vā sacchikaroti. Tassā dhammasāmaggīsaṅkhātāya bodhiyā aṅgotipi bojjhaṅgo, jhānaṅgamaggaṅgādīni viya. Yopesa yathāvuttappakārāya etāya dhammasāmaggiyā bujjhatīti katvā ariyasāvako bodhīti vuccati, tassa bodhissa aṅgotipi bojjhaṅgo; senaṅgarathaṅgādayo viya. Tenāhu aṭṭhakathācariyā – ‘‘bujjhanakassa puggalassa aṅgāti vā bojjhaṅgā’’ti (vibha. aṭṭha. 466; saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.182).
อปิจ ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนเฎฺฐน โพชฺฌงฺคา? โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฎิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (ปฎิ. ม. ๒.๑๗) อิมินา ปฎิสมฺภิทานเยนาปิ โพชฺฌงฺคโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปสโตฺถ สุนฺทโร วา โพชฺฌโงฺคติ สโมฺพชฺฌโงฺคฯ เอวํ ปีติ เอว สโมฺพชฺฌโงฺค ปีติสโมฺพชฺฌโงฺคติฯ จิเตฺตกคฺคตานิเทฺทสาทีสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Apica ‘‘bojjhaṅgāti kenaṭṭhena bojjhaṅgā? Bodhāya saṃvattantīti bojjhaṅgā, bujjhantīti bojjhaṅgā, anubujjhantīti bojjhaṅgā, paṭibujjhantīti bojjhaṅgā, sambujjhantīti bojjhaṅgā’’ti (paṭi. ma. 2.17) iminā paṭisambhidānayenāpi bojjhaṅgattho veditabbo. Pasattho sundaro vā bojjhaṅgoti sambojjhaṅgo. Evaṃ pīti eva sambojjhaṅgo pītisambojjhaṅgoti. Cittekaggatāniddesādīsupi imināva nayena attho veditabbo.
๒๙๖. เตสํ ธมฺมานนฺติ เย ตสฺมิํ สมเย ปฎิเวธํ คจฺฉนฺติ จตุสจฺจธมฺมา, เตสํ ธมฺมานํฯ อนญฺญาตานนฺติ กิญฺจาปิ ปฐมมเคฺคน เต ธมฺมา ญาตา นาม โหนฺติ, ยถา ปน ปกติยา อนาคตปุพฺพํ วิหารํ อาคนฺตฺวา วิหารมเชฺฌ ฐิโตปิ ปุคฺคโล ปกติยา อนาคตภาวํ อุปาทาย ‘อนาคตปุพฺพํ ฐานํ อาคโตมฺหี’ติ วทติ, ยถา จ ปกติยา อปิฬนฺธปุพฺพํ มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา, อนิวตฺถปุพฺพํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา, อภุตฺตปุพฺพํ โภชนํ ภุญฺชิตฺวา, ปกติยา อภุตฺตภาวํ อุปาทาย อภุตฺตปุพฺพํ โภชนํ ภุโตฺตมฺหีติ วทติ, เอวมิธาปิ ยสฺมา ปกติยา อิมินา ปุคฺคเลน อิเม ธมฺมา น ญาตปุพฺพา ตสฺมา อนญฺญาตานนฺติ วุตฺตํฯ อทิฎฺฐาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ อทิฎฺฐานนฺติ อิโต ปุเพฺพ ปญฺญาจกฺขุนา อทิฎฺฐานํฯ อปฺปตฺตานนฺติ อธิคมนวเสน อปฺปตฺตานํฯ อวิทิตานนฺติ ญาเณน อปากฎกตานํฯ อสจฺฉิกตานนฺติ อปจฺจกฺขกตานํฯ สจฺฉิกิริยายาติ ปจฺจกฺขกรณตฺถํฯ ยถา จ อิมินา ปเทน, เอวํ เสเสหิปิ สทฺธิํ อนญฺญาตานํ ญาณาย, อทิฎฺฐานํ ทสฺสนาย, อปฺปตฺตานํ ปตฺติยา, อวิทิตานํ เวทายาติ โยชนา กาตพฺพาฯ
296. Tesaṃ dhammānanti ye tasmiṃ samaye paṭivedhaṃ gacchanti catusaccadhammā, tesaṃ dhammānaṃ. Anaññātānanti kiñcāpi paṭhamamaggena te dhammā ñātā nāma honti, yathā pana pakatiyā anāgatapubbaṃ vihāraṃ āgantvā vihāramajjhe ṭhitopi puggalo pakatiyā anāgatabhāvaṃ upādāya ‘anāgatapubbaṃ ṭhānaṃ āgatomhī’ti vadati, yathā ca pakatiyā apiḷandhapubbaṃ mālaṃ piḷandhitvā, anivatthapubbaṃ vatthaṃ nivāsetvā, abhuttapubbaṃ bhojanaṃ bhuñjitvā, pakatiyā abhuttabhāvaṃ upādāya abhuttapubbaṃ bhojanaṃ bhuttomhīti vadati, evamidhāpi yasmā pakatiyā iminā puggalena ime dhammā na ñātapubbā tasmā anaññātānanti vuttaṃ. Adiṭṭhādīsupi eseva nayo. Tattha adiṭṭhānanti ito pubbe paññācakkhunā adiṭṭhānaṃ. Appattānanti adhigamanavasena appattānaṃ. Aviditānanti ñāṇena apākaṭakatānaṃ. Asacchikatānanti apaccakkhakatānaṃ. Sacchikiriyāyāti paccakkhakaraṇatthaṃ. Yathā ca iminā padena, evaṃ sesehipi saddhiṃ anaññātānaṃ ñāṇāya, adiṭṭhānaṃ dassanāya, appattānaṃ pattiyā, aviditānaṃ vedāyāti yojanā kātabbā.
๒๙๙. จตูหิ วจีทุจฺจริเตหีติอาทีสุ วจีติ วจีวิญฺญตฺติ เวทิตพฺพาฯ ติณฺณํ โทสานํ เยน เกนจิ ทุฎฺฐานิ จริตานีติ ทุจฺจริตานิฯ วจีโต ปวตฺตานิ ทุจฺจริตานิ วจีทุจฺจริตานิ, วจิยา วา นิปฺผาทิตานิ ทุจฺจริตานิ วจีทุจฺจริตานิฯ เตหิ วจีทุจฺจริเตหิฯ อารกา รมตีติ อารติฯ วินา เตหิ รมตีติ วิรติฯ ตโต ตโต ปฎินิวตฺตาว หุตฺวา เตหิ วินา รมตีติ ปฎิวิรติฯ อุปสคฺควเสน วา ปทํ วฑฺฒิตํฯ สพฺพมิทํ โอรมณภาวเสฺสวาธิวจนํฯ เวรํ มณติ, วินาเสตีติ เวรมณีฯ อิทมฺปิ โอรมณเสฺสว เววจนํฯ ยาย ปน เจตนาย มุสาวาทาทีนิ ภาสมาโน กโรติ นาม, อยํ โลกุตฺตรมคฺควิรติฯ อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ กิริยํ กาตุํ น เทติ, กิริยาปถํ ปจฺฉินฺทตีติ อกิริยาฯ ตถา ตํ กรณํ กาตุํ น เทติ, กรณปถํ ปจฺฉินฺทตีติ อกรณํฯ ยาย จ เจตนาย จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ ภาสมาโน อชฺฌาปชฺชติ นาม, อยํ อุปฺปชฺชิตฺวา ตถา อชฺฌาปชฺชิตุํ น เทตีติ อนชฺฌาปตฺติฯ
299. Catūhi vacīduccaritehītiādīsu vacīti vacīviññatti veditabbā. Tiṇṇaṃ dosānaṃ yena kenaci duṭṭhāni caritānīti duccaritāni. Vacīto pavattāni duccaritāni vacīduccaritāni, vaciyā vā nipphāditāni duccaritāni vacīduccaritāni. Tehi vacīduccaritehi. Ārakā ramatīti ārati. Vinā tehi ramatīti virati. Tato tato paṭinivattāva hutvā tehi vinā ramatīti paṭivirati. Upasaggavasena vā padaṃ vaḍḍhitaṃ. Sabbamidaṃ oramaṇabhāvassevādhivacanaṃ. Veraṃ maṇati, vināsetīti veramaṇī. Idampi oramaṇasseva vevacanaṃ. Yāya pana cetanāya musāvādādīni bhāsamāno karoti nāma, ayaṃ lokuttaramaggavirati. Uppajjitvā taṃ kiriyaṃ kātuṃ na deti, kiriyāpathaṃ pacchindatīti akiriyā. Tathā taṃ karaṇaṃ kātuṃ na deti, karaṇapathaṃ pacchindatīti akaraṇaṃ. Yāya ca cetanāya catubbidhaṃ vacīduccaritaṃ bhāsamāno ajjhāpajjati nāma, ayaṃ uppajjitvā tathā ajjhāpajjituṃ na detīti anajjhāpatti.
เวลาอนติกฺกโมติ เอตฺถ ‘‘ตาย เวลายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๕๔; มหาว. ๑-๓; อุทา. ๑ อาทโย) ตาว กาโล เวลาติ อาคโตฯ ‘‘อุรุเวลายํ วิหรตี’’ติ (มหาว. ๑; สํ. นิ. ๑.๑๓๗) เอตฺถ ราสิฯ ‘‘ฐิตธโมฺม เวลํ นาติวตฺตตี’’ติ (จูฬว. ๓๘๔; อ. นิ. ๘.๑๙; อุทา. ๔๕) เอตฺถ สีมาฯ อิธาปิ สีมาวฯ อนติกฺกมนียเฎฺฐน หิ จตฺตาริ วจีสุจริตานิ เวลาติ อธิเปฺปตานิฯ อิติ ยาย เจตนาย จตฺตาริ วจีทุจฺจริตานิ ภาสมาโน เวลํ อติกฺกมติ นาม, อยํ อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ เวลํ อติกฺกมิตุํ น เทตีติ เวลาอนติกฺกโมติ วุตฺตาฯ เวลายตีติ วา เวลา, จลยติ วิทฺธํเสตีติ อโตฺถฯ กิํ เวลายติ? จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํฯ อิติ เวลายนโต ‘เวลา’ฯ ปุริสสฺส ปน หิตสุขํ อนติกฺกมิตฺวา วตฺตตีติ ‘อนติกฺกโม’ฯ เอวเมตฺถ ปททฺวยวเสนาปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Velāanatikkamoti ettha ‘‘tāya velāyā’’tiādīsu (dī. ni. 2.154; mahāva. 1-3; udā. 1 ādayo) tāva kālo velāti āgato. ‘‘Uruvelāyaṃ viharatī’’ti (mahāva. 1; saṃ. ni. 1.137) ettha rāsi. ‘‘Ṭhitadhammo velaṃ nātivattatī’’ti (cūḷava. 384; a. ni. 8.19; udā. 45) ettha sīmā. Idhāpi sīmāva. Anatikkamanīyaṭṭhena hi cattāri vacīsucaritāni velāti adhippetāni. Iti yāya cetanāya cattāri vacīduccaritāni bhāsamāno velaṃ atikkamati nāma, ayaṃ uppajjitvā taṃ velaṃ atikkamituṃ na detīti velāanatikkamoti vuttā. Velāyatīti vā velā, calayati viddhaṃsetīti attho. Kiṃ velāyati? Catubbidhaṃ vacīduccaritaṃ. Iti velāyanato ‘velā’. Purisassa pana hitasukhaṃ anatikkamitvā vattatīti ‘anatikkamo’. Evamettha padadvayavasenāpi attho veditabbo.
เสตุํ หนตีติ เสตุฆาโต; จตุนฺนํ วจีทุจฺจริตานํ ปทฆาโต ปจฺจยฆาโตติ อโตฺถฯ ปจฺจโย หิ อิธ เสตูติ อธิเปฺปโตฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – ราคาทิโก จตุนฺนํ วจีทุจฺจริตานํ ปจฺจโย วฎฺฎสฺมิํ ปุคฺคลํ สิโนติ พนฺธตีติ เสตุฯ เสตุสฺส ฆาโต เสตุฆาโตฯ วจีทุจฺจริตปจฺจยสมุคฺฆาฎิกาย วิรติยา เอตํ อธิวจนํฯ อยํ ปน สมฺมาวาจาสงฺขาตา วิรติ ปุพฺพภาเค นานาจิเตฺตสุ ลพฺภติฯ อเญฺญเนว หิ จิเตฺตน มุสาวาทา วิรมติ, อเญฺญน เปสุญฺญาทีหิฯ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกจิตฺตสฺมิํเยว ลพฺภติฯ จตุพฺพิธาย หิ วจีทุจฺจริตเจตนาย ปทปเจฺฉทํ กุรุมานา มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว วิรติ อุปฺปชฺชติฯ
Setuṃ hanatīti setughāto; catunnaṃ vacīduccaritānaṃ padaghāto paccayaghātoti attho. Paccayo hi idha setūti adhippeto. Tatrāyaṃ vacanattho – rāgādiko catunnaṃ vacīduccaritānaṃ paccayo vaṭṭasmiṃ puggalaṃ sinoti bandhatīti setu. Setussa ghāto setughāto. Vacīduccaritapaccayasamugghāṭikāya viratiyā etaṃ adhivacanaṃ. Ayaṃ pana sammāvācāsaṅkhātā virati pubbabhāge nānācittesu labbhati. Aññeneva hi cittena musāvādā viramati, aññena pesuññādīhi. Lokuttaramaggakkhaṇe pana ekacittasmiṃyeva labbhati. Catubbidhāya hi vacīduccaritacetanāya padapacchedaṃ kurumānā maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva virati uppajjati.
๓๐๐. กายทุจฺจริเตหีติ กายโต ปวเตฺตหิ กาเยน วา นิปฺผาทิเตหิ ปาณาติปาตาทีหิ ทุจฺจริเตหิฯ เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อยมฺปิ สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรติ ปุพฺพภาเค นานาจิเตฺตสุ ลพฺภติฯ อเญฺญเนว หิ จิเตฺตน ปาณาติปาตา วิรมติ, อเญฺญน อทินฺนาทานมิจฺฉาจาเรหิฯ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกจิตฺตสฺมิํเยว ลพฺภติฯ ติวิธาย หิ กายทุจฺจริตเจตนาย ปทปเจฺฉทํ กุรุมานา มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว วิรติ อุปฺปชฺชติฯ
300. Kāyaduccaritehīti kāyato pavattehi kāyena vā nipphāditehi pāṇātipātādīhi duccaritehi. Sesaṃ purimanayeneva veditabbaṃ. Ayampi sammākammantasaṅkhātā virati pubbabhāge nānācittesu labbhati. Aññeneva hi cittena pāṇātipātā viramati, aññena adinnādānamicchācārehi. Lokuttaramaggakkhaṇe pana ekacittasmiṃyeva labbhati. Tividhāya hi kāyaduccaritacetanāya padapacchedaṃ kurumānā maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva virati uppajjati.
๓๐๑. สมฺมาอาชีวนิเทฺทเส อกิริยาติอาทีสุ ยาย เจตนาย มิจฺฉาชีวํ อาชีวมาโน กิริยํ กโรติ นาม, อยํ อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ กิริยํ กาตุํ น เทตีติ อกิริยาติฯ อิมินา นเยน โยชนา เวทิตพฺพาฯ อาชีโว จ นาเมส ปาฎิเยโกฺก นตฺถิ, วาจากมฺมเนฺตสุ คหิเตสุ คหิโตว โหติ, ตปฺปกฺขิกตฺตาฯ ธุวปฎิเสวนวเสน ปนายํ ตโต นีหริตฺวา ทสฺสิโตติฯ เอวํ สเนฺต สมฺมาอาชีโว สกิจฺจโก น โหติ , อฎฺฐ มคฺคงฺคานิ น ปริปูเรนฺติ, ตสฺมา สมฺมาอาชีโว สกิจฺจโก กาตโพฺพ, อฎฺฐ มคฺคงฺคานิ ปริปูเรตพฺพานีติฯ ตตฺรายํ นโย – อาชีโว นาม ภิชฺชมาโน กายวจีทฺวาเรสุเยว ภิชฺชติฯ มโนทฺวาเร อาชีวเภโท นาม นตฺถิฯ ปูรยมาโนปิ ตสฺมิํเยว ทฺวารทฺวเย ปูรติฯ มโนทฺวาเร อาชีวปูรณํ นาม นตฺถิฯ กายทฺวาเร ปน วีติกฺกโม อาชีวเหตุโกปิ อตฺถิ นอาชีวเหตุโกปิฯ ตถา วจีทฺวาเรฯ
301. Sammāājīvaniddese akiriyātiādīsu yāya cetanāya micchājīvaṃ ājīvamāno kiriyaṃ karoti nāma, ayaṃ uppajjitvā taṃ kiriyaṃ kātuṃ na detīti akiriyāti. Iminā nayena yojanā veditabbā. Ājīvo ca nāmesa pāṭiyekko natthi, vācākammantesu gahitesu gahitova hoti, tappakkhikattā. Dhuvapaṭisevanavasena panāyaṃ tato nīharitvā dassitoti. Evaṃ sante sammāājīvo sakiccako na hoti , aṭṭha maggaṅgāni na paripūrenti, tasmā sammāājīvo sakiccako kātabbo, aṭṭha maggaṅgāni paripūretabbānīti. Tatrāyaṃ nayo – ājīvo nāma bhijjamāno kāyavacīdvāresuyeva bhijjati. Manodvāre ājīvabhedo nāma natthi. Pūrayamānopi tasmiṃyeva dvāradvaye pūrati. Manodvāre ājīvapūraṇaṃ nāma natthi. Kāyadvāre pana vītikkamo ājīvahetukopi atthi naājīvahetukopi. Tathā vacīdvāre.
ตตฺถ ยํ ราชราชมหามตฺตา ขิฑฺฑาปสุตา สูรภาวํ ทเสฺสนฺตา มิควธํ วา ปนฺถทุหนํ วา ปรทารวีติกฺกมํ วา กโรนฺติ, อิทํ อกุสลํ กายกมฺมํ นามฯ ตโต วิรติปิ ‘สมฺมากมฺมโนฺต’ นามฯ ยํ ปน นอาชีวเหตุกํ จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ ภาสนฺติ, อิทํ อกุสลํ วจีกมฺมํ นามฯ ตโต วิรติปิ ‘สมฺมาวาจา’ นามฯ
Tattha yaṃ rājarājamahāmattā khiḍḍāpasutā sūrabhāvaṃ dassentā migavadhaṃ vā panthaduhanaṃ vā paradāravītikkamaṃ vā karonti, idaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ nāma. Tato viratipi ‘sammākammanto’ nāma. Yaṃ pana naājīvahetukaṃ catubbidhaṃ vacīduccaritaṃ bhāsanti, idaṃ akusalaṃ vacīkammaṃ nāma. Tato viratipi ‘sammāvācā’ nāma.
ยํ ปน อาชีวเหตุ เนสาทมจฺฉพนฺธาทโย ปาณํ หนนฺติ, อทินฺนํ อาทิยนฺติ, มิจฺฉาจารํ จรนฺติ, อยํ มิจฺฉาชีโว นามฯ ตโต วิรติ ‘สมฺมาอาชีโว’ นามฯ ยมฺปิ ลญฺชํ คเหตฺวา มุสา ภณนฺติ, เปสุญฺญผรุสสมฺผปฺปลาเป ปวเตฺตนฺติ, อยมฺปิ มิจฺฉาชีโว นามฯ ตโต วิรติ สมฺมาอาชีโว นามฯ
Yaṃ pana ājīvahetu nesādamacchabandhādayo pāṇaṃ hananti, adinnaṃ ādiyanti, micchācāraṃ caranti, ayaṃ micchājīvo nāma. Tato virati ‘sammāājīvo’ nāma. Yampi lañjaṃ gahetvā musā bhaṇanti, pesuññapharusasamphappalāpe pavattenti, ayampi micchājīvo nāma. Tato virati sammāājīvo nāma.
มหาสีวเตฺถโร ปนาห – ‘กายวจีทฺวาเรสุปิ วีติกฺกโม อาชีวเหตุโก วา โหตุ โน วา อาชีวเหตุโก, อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมเนฺตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ตโต วิรติปิ สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาวาจาเตฺวว วุจฺจตี’ติฯ ‘อาชีโว กุหิ’นฺติ วุเตฺต ปน ‘ตีณิ กุหนวตฺถูนิ นิสฺสาย จตฺตาโร ปจฺจเย อุปฺปาเทตฺวา เตสํ ปริโภโค’ติ อาหฯ อยํ ปน โกฎิปฺปโตฺต มิจฺฉาชีโวฯ ตโต วิรติ สมฺมาอาชีโว นามฯ
Mahāsīvatthero panāha – ‘kāyavacīdvāresupi vītikkamo ājīvahetuko vā hotu no vā ājīvahetuko, akusalaṃ kāyakammaṃ vacīkammantveva saṅkhyaṃ gacchati. Tato viratipi sammākammanto sammāvācātveva vuccatī’ti. ‘Ājīvo kuhi’nti vutte pana ‘tīṇi kuhanavatthūni nissāya cattāro paccaye uppādetvā tesaṃ paribhogo’ti āha. Ayaṃ pana koṭippatto micchājīvo. Tato virati sammāājīvo nāma.
อยมฺปิ สมฺมาอาชีโว ปุพฺพภาเค นานาจิเตฺตสุ ลพฺภติ, อเญฺญเนว หิ จิเตฺตน กายทฺวารวีติกฺกมา วิรมติ, อเญฺญน วจีทฺวารวีติกฺกมาฯ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกจิตฺตสฺมิํเยว ลพฺภติฯ กายวจีทฺวาเรสุ หิ สตฺตกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนาย มิจฺฉาชีวสงฺขาตาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทปเจฺฉทํ กุรุมานา มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว วิรติ อุปฺปชฺชตีติฯ อยํ นิเทฺทสวาเร วิเสโสฯ
Ayampi sammāājīvo pubbabhāge nānācittesu labbhati, aññeneva hi cittena kāyadvāravītikkamā viramati, aññena vacīdvāravītikkamā. Lokuttaramaggakkhaṇe pana ekacittasmiṃyeva labbhati. Kāyavacīdvāresu hi sattakammapathavasena uppannāya micchājīvasaṅkhātāya dussīlyacetanāya padapacchedaṃ kurumānā maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva virati uppajjatīti. Ayaṃ niddesavāre viseso.
ยํ ปเนตํ อินฺทฺริเยสุ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ วฑฺฒิตํ, มคฺคเงฺคสุ จ สมฺมาวาจาทีนิ, เตสํ วเสน สงฺคหวาเร ‘‘นวินฺทฺริยานิ, อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติ วุตฺตํฯ สุญฺญตวาโร ปากติโกเยวาติฯ อยํ ตาว สุทฺธิกปฎิปทาย วิเสโสฯ
Yaṃ panetaṃ indriyesu anaññātaññassāmītindriyaṃ vaḍḍhitaṃ, maggaṅgesu ca sammāvācādīni, tesaṃ vasena saṅgahavāre ‘‘navindriyāni, aṭṭhaṅgiko maggo’’ti vuttaṃ. Suññatavāro pākatikoyevāti. Ayaṃ tāva suddhikapaṭipadāya viseso.
๓๔๓. อิโต ปรํ สุทฺธิกสุญฺญตา สุญฺญตปฎิปทา สุทฺธิกอปฺปณิหิตา อปฺปณิหิตปฎิปทาติ อยํ เทสนาเภโท โหติฯ ตตฺถ สุญฺญตนฺติ โลกุตฺตรมคฺคสฺส นามํฯ โส หิ อาคมนโต สคุณโต อารมฺมณโตติ ตีหิ การเณหิ นามํ ลภติฯ กถํ? อิธ ภิกฺขุ อนตฺตโต อภินิวิสิตฺวา อนตฺตโต สงฺขาเร ปสฺสติฯ ยสฺมา ปน อนตฺตโต ทิฎฺฐมเตฺตเนว มคฺควุฎฺฐานํ นาม น โหติ, อนิจฺจโตปิ ทุกฺขโตปิ ทฎฺฐุเมว วฎฺฎติ, ตสฺมา ‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ ติวิธํ อนุปสฺสนํ อาโรเปตฺวา สมฺมสโนฺต จรติฯ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา ปนสฺส เตภูมเกปิ สงฺขาเร สุญฺญโตว ปสฺสติฯ อยํ วิปสฺสนา สุญฺญตา นาม โหติฯ สา อาคมนียฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส ‘สุญฺญต’นฺติ นามํ เทติฯ เอวํ มโคฺค ‘อาคมนโต’ สุญฺญตนามํ ลภติฯ ยสฺมา ปน โส ราคาทีหิ สุโญฺญ ตสฺมา ‘สคุเณเนว’ สุญฺญตนามํ ลภติฯ นิพฺพานมฺปิ ราคาทีหิ สุญฺญตฺตา สุญฺญตนฺติ วุจฺจติฯ ตํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนตฺตา มโคฺค ‘อารมฺมณโต’ สุญฺญตนามํ ลภติฯ
343. Ito paraṃ suddhikasuññatā suññatapaṭipadā suddhikaappaṇihitā appaṇihitapaṭipadāti ayaṃ desanābhedo hoti. Tattha suññatanti lokuttaramaggassa nāmaṃ. So hi āgamanato saguṇato ārammaṇatoti tīhi kāraṇehi nāmaṃ labhati. Kathaṃ? Idha bhikkhu anattato abhinivisitvā anattato saṅkhāre passati. Yasmā pana anattato diṭṭhamatteneva maggavuṭṭhānaṃ nāma na hoti, aniccatopi dukkhatopi daṭṭhumeva vaṭṭati, tasmā ‘aniccaṃ dukkhamanattā’ti tividhaṃ anupassanaṃ āropetvā sammasanto carati. Vuṭṭhānagāminivipassanā panassa tebhūmakepi saṅkhāre suññatova passati. Ayaṃ vipassanā suññatā nāma hoti. Sā āgamanīyaṭṭhāne ṭhatvā attano maggassa ‘suññata’nti nāmaṃ deti. Evaṃ maggo ‘āgamanato’ suññatanāmaṃ labhati. Yasmā pana so rāgādīhi suñño tasmā ‘saguṇeneva’ suññatanāmaṃ labhati. Nibbānampi rāgādīhi suññattā suññatanti vuccati. Taṃ ārammaṇaṃ katvā uppannattā maggo ‘ārammaṇato’ suññatanāmaṃ labhati.
ตตฺถ สุตฺตนฺติกปริยาเยน สคุณโตปิ อารมฺมณโตปิ นามํ ลภติฯ ปริยายเทสนา เหสาฯ อภิธมฺมกถา ปน นิปฺปริยายเทสนาฯ ตสฺมา อิธ สคุณโต วา อารมฺมณโต วา นามํ น ลภติ, อาคมนโตว ลภติฯ อาคมนเมว หิ ธุรํฯ ตํ ทุวิธํ โหติ – วิปสฺสนาคมนํ มคฺคาคมนนฺติฯ ตตฺถ มคฺคสฺส อาคตฎฺฐาเน วิปสฺสนาคมนํ ธุรํ, ผลสฺส อาคตฎฺฐาเน มคฺคาคมนํ ธุรํฯ อิธ มคฺคสฺส อาคตตฺตา วิปสฺสนาคมนเมว ธุรํ ชาตํฯ
Tattha suttantikapariyāyena saguṇatopi ārammaṇatopi nāmaṃ labhati. Pariyāyadesanā hesā. Abhidhammakathā pana nippariyāyadesanā. Tasmā idha saguṇato vā ārammaṇato vā nāmaṃ na labhati, āgamanatova labhati. Āgamanameva hi dhuraṃ. Taṃ duvidhaṃ hoti – vipassanāgamanaṃ maggāgamananti. Tattha maggassa āgataṭṭhāne vipassanāgamanaṃ dhuraṃ, phalassa āgataṭṭhāne maggāgamanaṃ dhuraṃ. Idha maggassa āgatattā vipassanāgamanameva dhuraṃ jātaṃ.
๓๕๐. อปฺปณิหิตนฺติ, เอตฺถาปิ อปฺปณิหิตนฺติ มคฺคเสฺสว นามํฯ อิทมฺปิ นามํ มโคฺค ตีเหว การเณหิ ลภติฯ กถํ? อิธ ภิกฺขุ อาทิโตว ทุกฺขโต อภินิวิสิตฺวา ทุกฺขโตว สงฺขาเร ปสฺสติฯ ยสฺมา ปน ทุกฺขโต ทิฎฺฐมเตฺตเนว มคฺควุฎฺฐานํ นาม น โหติ, อนิจฺจโตปิ อนตฺตโตปิ ทฎฺฐุเมว วฎฺฎติ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ ติวิธํ อนุปสฺสนํ อาโรเปตฺวา สมฺมสโนฺต จรติฯ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา ปนสฺส เตภูมกสงฺขาเรสุ ปณิธิํ โสเสตฺวา ปริยาทิยิตฺวา วิสฺสเชฺชติฯ อยํ วิปสฺสนา อปฺปณิหิตา นาม โหติฯ สา อาคมนียฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส ‘อปฺปณิหิต’นฺติ นามํ เทติฯ เอวํ มโคฺค ‘อาคมนโต’ อปฺปณิหิตนามํ ลภติฯ ยสฺมา ปน ตตฺถ ราคโทสโมหปณิธโย นตฺถิ, ตสฺมา ‘สคุเณเนว’ อปฺปณิหิตนามํ ลภติฯ นิพฺพานมฺปิ เตสํ ปณิธีนํ อภาวา อปฺปณิหิตนฺติ วุจฺจติฯ ตํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนตฺตา มโคฺค อปฺปณิหิตนามํ ลภติฯ
350. Appaṇihitanti, etthāpi appaṇihitanti maggasseva nāmaṃ. Idampi nāmaṃ maggo tīheva kāraṇehi labhati. Kathaṃ? Idha bhikkhu āditova dukkhato abhinivisitvā dukkhatova saṅkhāre passati. Yasmā pana dukkhato diṭṭhamatteneva maggavuṭṭhānaṃ nāma na hoti, aniccatopi anattatopi daṭṭhumeva vaṭṭati, tasmā aniccaṃ dukkhamanattā’ti tividhaṃ anupassanaṃ āropetvā sammasanto carati. Vuṭṭhānagāminivipassanā panassa tebhūmakasaṅkhāresu paṇidhiṃ sosetvā pariyādiyitvā vissajjeti. Ayaṃ vipassanā appaṇihitā nāma hoti. Sā āgamanīyaṭṭhāne ṭhatvā attano maggassa ‘appaṇihita’nti nāmaṃ deti. Evaṃ maggo ‘āgamanato’ appaṇihitanāmaṃ labhati. Yasmā pana tattha rāgadosamohapaṇidhayo natthi, tasmā ‘saguṇeneva’ appaṇihitanāmaṃ labhati. Nibbānampi tesaṃ paṇidhīnaṃ abhāvā appaṇihitanti vuccati. Taṃ ārammaṇaṃ katvā uppannattā maggo appaṇihitanāmaṃ labhati.
ตตฺถ สุตฺตนฺติกปริยาเยน สคุณโตปิ อารมฺมณโตปิ นามํ ลภติฯ ปริยายเทสนา เหสา ฯ อภิธมฺมกถา ปน นิปฺปริยายเทสนาฯ ตสฺมา อิธ สคุณโต วา อารมฺมณโต วา นามํ น ลภติ, อาคมนโตว ลภติฯ อาคมนเมว หิ ธุรํฯ ตํ ทุวิธํ โหติ – วิปสฺสนาคมนํ มคฺคาคมนนฺติฯ ตตฺถ มคฺคสฺส อาคตฎฺฐาเน วิปสฺสนาคมนํ ธุรํ, ผลสฺส อาคตฎฺฐาเน มคฺคาคมนํ ธุรํฯ อิธ มคฺคสฺส อาคตตฺตา วิปสฺสนาคมนเมว ธุรํ ชาตํฯ
Tattha suttantikapariyāyena saguṇatopi ārammaṇatopi nāmaṃ labhati. Pariyāyadesanā hesā . Abhidhammakathā pana nippariyāyadesanā. Tasmā idha saguṇato vā ārammaṇato vā nāmaṃ na labhati, āgamanatova labhati. Āgamanameva hi dhuraṃ. Taṃ duvidhaṃ hoti – vipassanāgamanaṃ maggāgamananti. Tattha maggassa āgataṭṭhāne vipassanāgamanaṃ dhuraṃ, phalassa āgataṭṭhāne maggāgamanaṃ dhuraṃ. Idha maggassa āgatattā vipassanāgamanameva dhuraṃ jātaṃ.
นนุ จ สุญฺญโต อนิมิโตฺต อปฺปณิหิโตติ ตีณิ มคฺคสฺส นามานิ? ยถาห – ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, วิโมกฺขา – สุญฺญโต วิโมโกฺข, อนิมิโตฺต วิโมโกฺข, อปฺปณิหิโต วิโมโกฺข’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๒๐๙)ฯ เตสุ อิธ เทฺว มเคฺค คเหตฺวา อนิมิโตฺต กสฺมา น คหิโตติ? อาคมนาภาวโตฯ อนิมิตฺตวิปสฺสนา หิ สยํ อาคมนียฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ ทาตุํ น สโกฺกติฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปน อตฺตโน ปุตฺตสฺส ราหุลเตฺถรสฺสฯ
Nanu ca suññato animitto appaṇihitoti tīṇi maggassa nāmāni? Yathāha – ‘‘tayome, bhikkhave, vimokkhā – suññato vimokkho, animitto vimokkho, appaṇihito vimokkho’’ti (paṭi. ma. 1.209). Tesu idha dve magge gahetvā animitto kasmā na gahitoti? Āgamanābhāvato. Animittavipassanā hi sayaṃ āgamanīyaṭṭhāne ṭhatvā attano maggassa nāmaṃ dātuṃ na sakkoti. Sammāsambuddho pana attano puttassa rāhulattherassa.
‘‘อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
‘‘Animittañca bhāvehi, mānānusayamujjaha;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสโนฺต จริสฺสสี’’ติฯ (สุ. นิ. ๓๔๔);
Tato mānābhisamayā, upasanto carissasī’’ti. (su. ni. 344);
อนิมิตฺตวิปสฺสนํ กเถสิฯ วิปสฺสนา หิ นิจฺจนิมิตฺตํ ธุวนิมิตฺตํ สุขนิมิตฺตํ อตฺตนิมิตฺตญฺจ อุคฺฆาเฎติฯ ตสฺมา อนิมิตฺตาติ กถิตาฯ สา จ กิญฺจาปิ ตํ นิมิตฺตํ อุคฺฆาเฎติ, สยํ ปน นิมิตฺตธเมฺมสุ จรตีติ สนิมิตฺตาว โหติฯ ตสฺมา สยํ อาคมนียฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ ทาตุํ น สโกฺกติฯ
Animittavipassanaṃ kathesi. Vipassanā hi niccanimittaṃ dhuvanimittaṃ sukhanimittaṃ attanimittañca ugghāṭeti. Tasmā animittāti kathitā. Sā ca kiñcāpi taṃ nimittaṃ ugghāṭeti, sayaṃ pana nimittadhammesu caratīti sanimittāva hoti. Tasmā sayaṃ āgamanīyaṭṭhāne ṭhatvā attano maggassa nāmaṃ dātuṃ na sakkoti.
อปโร นโย – อภิธโมฺม นาม ปรมตฺถเทสนาฯ อนิมิตฺตมคฺคสฺส จ ปรมตฺถโต เหตุเวกลฺลเมว โหติฯ กถํ? อนิจฺจานุปสฺสนาย หิ วเสน อนิมิตฺตวิโมโกฺข กถิโตฯ เตน จ วิโมเกฺขน สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติฯ ตํ อริยมเคฺค เอกงฺคมฺปิ น โหติ, อมคฺคงฺคตฺตา อตฺตโน มคฺคสฺส ปรมตฺถโต นามํ ทาตุํ น สโกฺกติฯ อิตเรสุ ปน ทฺวีสุ อนตฺตานุปสฺสนาย ตาว วเสน สุญฺญตวิโมโกฺข, ทุกฺขานุปสฺสนาย วเสน อปฺปณิหิตวิโมโกฺข กถิโตฯ เตสุ สุญฺญตวิโมเกฺขน ปญฺญินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, อปฺปณิหิตวิโมเกฺขน สมาธินฺทฺริยํฯ ตานิ อริยมคฺคสฺส องฺคตฺตา อตฺตโน มคฺคสฺส ปรมตฺถโต นามํ ทาตุํ สโกฺกนฺติฯ มคฺคารมฺมณตฺติเกปิ หิ มคฺคาธิปติธมฺมวิภชเน ฉนฺทจิตฺตานํ อธิปติกาเล เตสํ ธมฺมานํ อมคฺคงฺคตฺตาว มคฺคาธิปติภาโว น วุโตฺตฯ เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพนฺติฯ อยเมตฺถ อฎฺฐกถามุตฺตโก เอกสฺส อาจริยสฺส มติวินิจฺฉโยฯ
Aparo nayo – abhidhammo nāma paramatthadesanā. Animittamaggassa ca paramatthato hetuvekallameva hoti. Kathaṃ? Aniccānupassanāya hi vasena animittavimokkho kathito. Tena ca vimokkhena saddhindriyaṃ adhimattaṃ hoti. Taṃ ariyamagge ekaṅgampi na hoti, amaggaṅgattā attano maggassa paramatthato nāmaṃ dātuṃ na sakkoti. Itaresu pana dvīsu anattānupassanāya tāva vasena suññatavimokkho, dukkhānupassanāya vasena appaṇihitavimokkho kathito. Tesu suññatavimokkhena paññindriyaṃ adhimattaṃ hoti, appaṇihitavimokkhena samādhindriyaṃ. Tāni ariyamaggassa aṅgattā attano maggassa paramatthato nāmaṃ dātuṃ sakkonti. Maggārammaṇattikepi hi maggādhipatidhammavibhajane chandacittānaṃ adhipatikāle tesaṃ dhammānaṃ amaggaṅgattāva maggādhipatibhāvo na vutto. Evaṃsampadamidaṃ veditabbanti. Ayamettha aṭṭhakathāmuttako ekassa ācariyassa mativinicchayo.
เอวํ สพฺพถาปิ อนิมิตฺตวิปสฺสนา สยํ อาคมนียฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ ทาตุํ น สโกฺกตีติ อนิมิตฺตมโคฺค น คหิโตฯ เกจิ ปน ‘อนิมิตฺตมโคฺค อาคมนโต นามํ อลภโนฺตปิ สุตฺตนฺตปริยาเยน สคุณโต จ อารมฺมณโต จ นามํ ลภตี’ติ อาหํสุฯ เต อิทํ วตฺวา ปฎิกฺขิตฺตา – อนิมิตฺตมเคฺค สคุณโต จ อารมฺมณโต จ นามํ ลภเนฺต สุญฺญตอปฺปณิหิตมคฺคาปิ สคุณโตเยว อารมฺมณโตเยว จ อิธ นามํ ลเภยฺยุํฯ น ปน ลภนฺติฯ กิํ การณา? อยญฺหิ มโคฺค นาม ทฺวีหิ การเณหิ นามํ ลภติ – สรสโต จ ปจฺจนีกโต จ; สภาวโต จ ปฎิปกฺขโต จาติ อโตฺถฯ ตตฺถ สุญฺญตอปฺปณิหิตมคฺคา สรสโตปิ ปจฺจนีกโตปิ นามํ ลภนฺติฯ สุญฺญตอปฺปณิหิตมคฺคา หิ ราคาทีหิ สุญฺญา, ราคปณิธิอาทีหิ จ อปฺปณิหิตาติ เอวํ ‘สรสโต’ นามํ ลภนฺติฯ สุญฺญโต จ อตฺตาภินิเวสสฺส ปฎิปโกฺข, อปฺปณิหิโต ปณิธิสฺสาติ เอวํ ‘ปจฺจนีกโต’ นามํ ลภนฺติฯ อนิมิตฺตมโคฺค ปน ราคาทินิมิตฺตานํ นิจฺจนิมิตฺตาทีนญฺจ อภาเวน สรสโตว นามํ ลภติ, โน ปจฺจนีกโตฯ น หิ โส สงฺขารนิมิตฺตารมฺมณาย อนิจฺจานุปสฺสนาย ปฎิปโกฺขฯ อนิจฺจานุปสฺสนา ปนสฺส อนุโลมภาเว ฐิตาติฯ สพฺพถาปิ อภิธมฺมปริยาเยน อนิมิตฺตมโคฺค นาม นตฺถีติฯ
Evaṃ sabbathāpi animittavipassanā sayaṃ āgamanīyaṭṭhāne ṭhatvā attano maggassa nāmaṃ dātuṃ na sakkotīti animittamaggo na gahito. Keci pana ‘animittamaggo āgamanato nāmaṃ alabhantopi suttantapariyāyena saguṇato ca ārammaṇato ca nāmaṃ labhatī’ti āhaṃsu. Te idaṃ vatvā paṭikkhittā – animittamagge saguṇato ca ārammaṇato ca nāmaṃ labhante suññataappaṇihitamaggāpi saguṇatoyeva ārammaṇatoyeva ca idha nāmaṃ labheyyuṃ. Na pana labhanti. Kiṃ kāraṇā? Ayañhi maggo nāma dvīhi kāraṇehi nāmaṃ labhati – sarasato ca paccanīkato ca; sabhāvato ca paṭipakkhato cāti attho. Tattha suññataappaṇihitamaggā sarasatopi paccanīkatopi nāmaṃ labhanti. Suññataappaṇihitamaggā hi rāgādīhi suññā, rāgapaṇidhiādīhi ca appaṇihitāti evaṃ ‘sarasato’ nāmaṃ labhanti. Suññato ca attābhinivesassa paṭipakkho, appaṇihito paṇidhissāti evaṃ ‘paccanīkato’ nāmaṃ labhanti. Animittamaggo pana rāgādinimittānaṃ niccanimittādīnañca abhāvena sarasatova nāmaṃ labhati, no paccanīkato. Na hi so saṅkhāranimittārammaṇāya aniccānupassanāya paṭipakkho. Aniccānupassanā panassa anulomabhāve ṭhitāti. Sabbathāpi abhidhammapariyāyena animittamaggo nāma natthīti.
สุตฺตนฺติกปริยาเยน ปเนส เอวํ อาหริตฺวา ทีปิโต – ยสฺมิญฺหิ วาเร มคฺควุฎฺฐานํ โหติ, ตีณิ ลกฺขณานิ เอกาวชฺชเนน วิย อาปาถมาคจฺฉนฺติ, ติณฺณญฺจ เอกโต อาปาถคมนํ นาม นตฺถิฯ กมฺมฎฺฐานสฺส ปน วิภูตภาวทีปนตฺถํ เอวํ วุตฺตํฯ อาทิโต หิ ยตฺถ กตฺถจิ อภินิเวโส โหตุ, วุฎฺฐานคามินี ปน วิปสฺสนา ยํ ยํ สมฺมสิตฺวา วุฎฺฐาติ ตสฺส ตเสฺสว วเสน อาคมนียฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ เทติฯ กถํ? อนิจฺจาทีสุ หิ ยตฺถ กตฺถจิ อภินิวิสิตฺวา อิตรมฺปิ ลกฺขณทฺวยํ ทฎฺฐุํ วฎฺฎติ เอวฯ เอกลกฺขณทสฺสนมเตฺตเนว หิ มคฺควุฎฺฐานํ นาม น โหติ, ตสฺมา อนิจฺจโต อภินิวิโฎฺฐ ภิกฺขุ น เกวลํ อนิจฺจโตว วุฎฺฐาติ, ทุกฺขโตปิ อนตฺตโตปิ วุฎฺฐาติเยวฯ ทุกฺขโต อนตฺตโต อภินิวิเฎฺฐปิ เอเสว นโยฯ อิติ อาทิโต ยตฺถ กตฺถจิ อภินิเวโส โหตุ, วุฎฺฐานคามินี ปน วิปสฺสนา ยํ ยํ สมฺมสิตฺวา วุฎฺฐาติ ตสฺส ตเสฺสว วเสน อาคมนียฎฺฐาเน ฐตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ เทติฯ ตตฺถ อนิจฺจโต วุฎฺฐหนฺตสฺส มโคฺค อนิมิโตฺต นาม โหติ, ทุกฺขโต วุฎฺฐหนฺตสฺส อปฺปณิหิโต, อนตฺตโต วุฎฺฐหนฺตสฺส สุญฺญโตติฯ เอวํ สุตฺตนฺตปริยาเยน อาหริตฺวา ทีปิโตฯ
Suttantikapariyāyena panesa evaṃ āharitvā dīpito – yasmiñhi vāre maggavuṭṭhānaṃ hoti, tīṇi lakkhaṇāni ekāvajjanena viya āpāthamāgacchanti, tiṇṇañca ekato āpāthagamanaṃ nāma natthi. Kammaṭṭhānassa pana vibhūtabhāvadīpanatthaṃ evaṃ vuttaṃ. Ādito hi yattha katthaci abhiniveso hotu, vuṭṭhānagāminī pana vipassanā yaṃ yaṃ sammasitvā vuṭṭhāti tassa tasseva vasena āgamanīyaṭṭhāne ṭhatvā attano maggassa nāmaṃ deti. Kathaṃ? Aniccādīsu hi yattha katthaci abhinivisitvā itarampi lakkhaṇadvayaṃ daṭṭhuṃ vaṭṭati eva. Ekalakkhaṇadassanamatteneva hi maggavuṭṭhānaṃ nāma na hoti, tasmā aniccato abhiniviṭṭho bhikkhu na kevalaṃ aniccatova vuṭṭhāti, dukkhatopi anattatopi vuṭṭhātiyeva. Dukkhato anattato abhiniviṭṭhepi eseva nayo. Iti ādito yattha katthaci abhiniveso hotu, vuṭṭhānagāminī pana vipassanā yaṃ yaṃ sammasitvā vuṭṭhāti tassa tasseva vasena āgamanīyaṭṭhāne ṭhatvā attano maggassa nāmaṃ deti. Tattha aniccato vuṭṭhahantassa maggo animitto nāma hoti, dukkhato vuṭṭhahantassa appaṇihito, anattato vuṭṭhahantassa suññatoti. Evaṃ suttantapariyāyena āharitvā dīpito.
วุฎฺฐานคามินี ปน วิปสฺสนา กิมารมฺมณาติ? ลกฺขณารมฺมณาติฯ ลกฺขณํ นาม ปญฺญตฺติคติกํ น วตฺตพฺพธมฺมภูตํฯ โย ปน อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ ตีณิ ลกฺขณานิ สลฺลเกฺขติ, ตสฺส ปญฺจกฺขนฺธา กเณฺฐ พทฺธกุณปํ วิย โหนฺติฯ สงฺขารารมฺมณเมว ญาณํ สงฺขารโต วุฎฺฐาติฯ ยถา หิ เอโก ภิกฺขุ ปตฺตํ กิณิตุกาโม ปตฺตวาณิเชน ปตฺตํ อาภตํ ทิสฺวา หฎฺฐปหโฎฺฐ คณฺหิสฺสามีติ จิเนฺตตฺวา วีมํสมาโน ตีณิ ฉิทฺทานิ ปเสฺสยฺย, โส น ฉิเทฺทสุ นิราลโย โหติ, ปเตฺต ปน นิราลโย โหติ; เอวเมว ตีณิ ลกฺขณานิ สลฺลเกฺขตฺวา สงฺขาเรสุ นิราลโย โหติฯ สงฺขารารมฺมเณเนว ญาเณน สงฺขารโต วุฎฺฐาตีติ เวทิตพฺพํฯ ทุโสฺสปมายปิ เอเสว นโยฯ
Vuṭṭhānagāminī pana vipassanā kimārammaṇāti? Lakkhaṇārammaṇāti. Lakkhaṇaṃ nāma paññattigatikaṃ na vattabbadhammabhūtaṃ. Yo pana aniccaṃ dukkhamanattāti tīṇi lakkhaṇāni sallakkheti, tassa pañcakkhandhā kaṇṭhe baddhakuṇapaṃ viya honti. Saṅkhārārammaṇameva ñāṇaṃ saṅkhārato vuṭṭhāti. Yathā hi eko bhikkhu pattaṃ kiṇitukāmo pattavāṇijena pattaṃ ābhataṃ disvā haṭṭhapahaṭṭho gaṇhissāmīti cintetvā vīmaṃsamāno tīṇi chiddāni passeyya, so na chiddesu nirālayo hoti, patte pana nirālayo hoti; evameva tīṇi lakkhaṇāni sallakkhetvā saṅkhāresu nirālayo hoti. Saṅkhārārammaṇeneva ñāṇena saṅkhārato vuṭṭhātīti veditabbaṃ. Dussopamāyapi eseva nayo.
อิติ ภควา โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเชโนฺต สุทฺธิกปฎิปทาย จตุกฺกนยํ ปญฺจกนยนฺติ เทฺวปิ นเย อาหริฯ ตถา สุทฺธิกสุญฺญตาย สุญฺญตปฎิปทาย สุทฺธิกอปฺปณิหิตาย อปฺปณิหิตปฎิปทายาติฯ กสฺมา เอวํ อาหรีติ? ปุคฺคลชฺฌาสเยน เจว เทสนาวิลาเสน จฯ ตทุภยมฺปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เอวํ โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวตีติ เอตฺถ สุทฺธิกปฎิปทาย จตุกฺกปญฺจกวเสน เทฺว นยา, ตถา เสเสสูติ สเพฺพสุปิ ปญฺจสุ โกฎฺฐาเสสุ ทส นยา ภาชิตาฯ
Iti bhagavā lokuttaraṃ jhānaṃ bhājento suddhikapaṭipadāya catukkanayaṃ pañcakanayanti dvepi naye āhari. Tathā suddhikasuññatāya suññatapaṭipadāya suddhikaappaṇihitāya appaṇihitapaṭipadāyāti. Kasmā evaṃ āharīti? Puggalajjhāsayena ceva desanāvilāsena ca. Tadubhayampi heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Evaṃ lokuttaraṃ jhānaṃ bhāvetīti ettha suddhikapaṭipadāya catukkapañcakavasena dve nayā, tathā sesesūti sabbesupi pañcasu koṭṭhāsesu dasa nayā bhājitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / โลกุตฺตรกุสลํ • Lokuttarakusalaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / โลกุตฺตรกุสลวณฺณนา • Lokuttarakusalavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / โลกุตฺตรกุสลวณฺณนา • Lokuttarakusalavaṇṇanā