Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๙๔] ๔. โลมหํสชาตกวณฺณนา
[94] 4. Lomahaṃsajātakavaṇṇanā
โสตโตฺต โสสิโนฺน เจวาติ อิทํ สตฺถา เวสาลิํ อุปนิสฺสาย ปาฎิการาเม วิหรโนฺต สุนกฺขตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย สุนกฺขโตฺต สตฺถุ อุปฎฺฐาโก หุตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วิจรมาโน โกรกฺขตฺติยสฺส ธมฺมํ โรเจโนฺต ทสพลสฺส ปตฺตจีวรํ นิยฺยาเทตฺวา โกรกฺขตฺติยํ นิสฺสาย วสติฯ ตสฺส กาลกญฺชิกอสุรโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเล คิหิ หุตฺวา ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฎิภานํฯ ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธโมฺม เทสิโต, น โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๖) เวสาลิยํ ติณฺณํ ปาการานํ อนฺตเร วิจรโนฺต สตฺถุ อวณฺณํ ภาสติฯ
Sotattososinno cevāti idaṃ satthā vesāliṃ upanissāya pāṭikārāme viharanto sunakkhattaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi samaye sunakkhatto satthu upaṭṭhāko hutvā pattacīvaramādāya vicaramāno korakkhattiyassa dhammaṃ rocento dasabalassa pattacīvaraṃ niyyādetvā korakkhattiyaṃ nissāya vasati. Tassa kālakañjikaasurayoniyaṃ nibbattakāle gihi hutvā ‘‘natthi samaṇassa gotamassa uttari manussadhammā alamariyañāṇadassanaviseso, takkapariyāhataṃ samaṇo gotamo dhammaṃ deseti vīmaṃsānucaritaṃ sayaṃpaṭibhānaṃ. Yassa ca khvāssa atthāya dhammo desito, na so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’’ti (ma. ni. 1.146) vesāliyaṃ tiṇṇaṃ pākārānaṃ antare vicaranto satthu avaṇṇaṃ bhāsati.
อถายสฺมา สาริปุโตฺต ปิณฺฑาย จรโนฺต ตเสฺสวํ อวณฺณํ ภาสนฺตสฺส สุตฺวา ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ‘‘โกธโน, สาริปุตฺต, สุนกฺขโตฺต โมฆปุริโส, โกธวเสเนวมาห, โกธวเสนาปิ ปน ‘น โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ วทโนฺต อชานิตฺวาปิ มยฺหํ คุณเมว ภาสติฯ น โข ปน โส โมฆปุริโส มยฺหํ คุณํ ชานาติฯ มยฺหญฺหิ, สาริปุตฺต, ฉ อภิญฺญา นาม อตฺถิ, อยมฺปิ เม อุตฺตริมนุสฺสธโมฺมวฯ ทสพลญาณานิ อตฺถิ, จตุเวสารชฺชญาณํ อตฺถิ, จตุโยนิปริเจฺฉทกญาณํ อตฺถิ, ปญฺจคติปริเจฺฉทกญาณํ อตฺถิ, อยมฺปิ เม อุตฺตริมนุสฺสธโมฺมวฯ เอวํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสมนฺนาคตํ ปน มํ โย เอวํ วเทยฺย ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธโมฺม’ติ, โส ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิโตฺต เอวํ นิรเย’’ติ เอวํ อตฺตโน วิชฺชมานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส คุณํ กเถตฺวา ‘‘สุนกฺขโตฺต กิร, สาริปุตฺต, โกรกฺขตฺติยสฺส ทุกฺกรการิกาย มิจฺฉาตเป ปสโนฺน, มิจฺฉาตเป ปสีทเนฺตน ปน มยิ เอว ปสีทิตุํ วฎฺฎติฯ อหญฺหิ อิโต เอกนวุติกปฺปมตฺถเก ‘อตฺถิ นุ โข เอตฺถ สาโร’ติ พาหิรกํ มิจฺฉาตปํ วีมํสโนฺต จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยวาสํ วสิํ, ตปสฺสี สุทํ โหมิ ปรมตปสฺสี, ลูโข สุทํ โหมิ ปรมลูโข, เชคุจฺฉี สุทํ โหมิ ปรมเชคุจฺฉี, ปวิวิโตฺต สุทํ โหมิ ปรมปวิวิโตฺต’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Athāyasmā sāriputto piṇḍāya caranto tassevaṃ avaṇṇaṃ bhāsantassa sutvā piṇḍapātapaṭikkanto tamatthaṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā ‘‘kodhano, sāriputta, sunakkhatto moghapuriso, kodhavasenevamāha, kodhavasenāpi pana ‘na so niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’ti vadanto ajānitvāpi mayhaṃ guṇameva bhāsati. Na kho pana so moghapuriso mayhaṃ guṇaṃ jānāti. Mayhañhi, sāriputta, cha abhiññā nāma atthi, ayampi me uttarimanussadhammova. Dasabalañāṇāni atthi, catuvesārajjañāṇaṃ atthi, catuyoniparicchedakañāṇaṃ atthi, pañcagatiparicchedakañāṇaṃ atthi, ayampi me uttarimanussadhammova. Evaṃ uttarimanussadhammasamannāgataṃ pana maṃ yo evaṃ vadeyya ‘natthi samaṇassa gotamassa uttarimanussadhammo’ti, so taṃ vācaṃ appahāya taṃ cittaṃ appahāya taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissajjitvā yathābhataṃ nikkhitto evaṃ niraye’’ti evaṃ attano vijjamānaṃ uttarimanussadhammassa guṇaṃ kathetvā ‘‘sunakkhatto kira, sāriputta, korakkhattiyassa dukkarakārikāya micchātape pasanno, micchātape pasīdantena pana mayi eva pasīdituṃ vaṭṭati. Ahañhi ito ekanavutikappamatthake ‘atthi nu kho ettha sāro’ti bāhirakaṃ micchātapaṃ vīmaṃsanto caturaṅgasamannāgataṃ brahmacariyavāsaṃ vasiṃ, tapassī sudaṃ homi paramatapassī, lūkho sudaṃ homi paramalūkho, jegucchī sudaṃ homi paramajegucchī, pavivitto sudaṃ homi paramapavivitto’’ti vatvā therena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต เอกนวุติกปฺปมตฺถเก โพธิสโตฺต ‘‘พาหิรกตปํ วีมํสิสฺสามี’’ติ อาชีวกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อเจลโก อโหสิ รโชชลฺลิโก, ปวิวิโตฺต อโหสิ เอกวิหารีฯ มนุเสฺส ทิสฺวา มิโค วิย ปลายิ, มหาวิกติโภชโน อโหสิ, วจฺฉกโคมยาทีนิ ปริภุญฺชิ, อปฺปมาทวิหารตฺถาย อรเญฺญ เอกสฺมิํ ภิํสนเก วนสเณฺฑ วิหาสิฯ ตสฺมิมฺปิ วิหรโนฺต หิมปาตสมเย อนฺตรฎฺฐเก รตฺติํ วนสณฺฑา นิกฺขมิตฺวา อโพฺภกาเส วิหริตฺวา สูริเย อุคฺคเต วนสณฺฑํ ปวิสติฯ โส ยถา รตฺติํ อโพฺภกาเส หิโมทเกน ติโนฺต, ตเถว ทิวา วนสณฺฑโต ปคฺฆรเนฺตหิ อุทกพินฺทูหิ เตมยิฯ เอวํ อโหรตฺตํ สีตทุกฺขํ อนุโภติฯ คิมฺหานํ ปน ปจฺฉิเม มาเส ทิวา อโพฺภกาเส วิหริตฺวา รตฺติํ วนสณฺฑํ ปวิสติฯ โส ยถา ทิวา อโพฺภกาเส อาตเปน ปริฬาหปฺปโตฺต, ตเถว รตฺติํ นิวาเต วนสเณฺฑ ปริฬาหํ ปาปุณาติ, สรีรา เสทธารา มุจฺจนฺติฯ อถสฺส ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพา อยํ คาถา ปฎิภาสิ –
Atīte ekanavutikappamatthake bodhisatto ‘‘bāhirakatapaṃ vīmaṃsissāmī’’ti ājīvakapabbajjaṃ pabbajitvā acelako ahosi rajojalliko, pavivitto ahosi ekavihārī. Manusse disvā migo viya palāyi, mahāvikatibhojano ahosi, vacchakagomayādīni paribhuñji, appamādavihāratthāya araññe ekasmiṃ bhiṃsanake vanasaṇḍe vihāsi. Tasmimpi viharanto himapātasamaye antaraṭṭhake rattiṃ vanasaṇḍā nikkhamitvā abbhokāse viharitvā sūriye uggate vanasaṇḍaṃ pavisati. So yathā rattiṃ abbhokāse himodakena tinto, tatheva divā vanasaṇḍato paggharantehi udakabindūhi temayi. Evaṃ ahorattaṃ sītadukkhaṃ anubhoti. Gimhānaṃ pana pacchime māse divā abbhokāse viharitvā rattiṃ vanasaṇḍaṃ pavisati. So yathā divā abbhokāse ātapena pariḷāhappatto, tatheva rattiṃ nivāte vanasaṇḍe pariḷāhaṃ pāpuṇāti, sarīrā sedadhārā muccanti. Athassa pubbe assutapubbā ayaṃ gāthā paṭibhāsi –
๙๔.
94.
‘‘โสตโตฺต โสสิโนฺน เจว, เอโก ภิํสนเก วเน;
‘‘Sotatto sosinno ceva, eko bhiṃsanake vane;
นโคฺค น จคฺคิมาสีโน, เอสนาปสุโต มุนี’’ติฯ
Naggo na caggimāsīno, esanāpasuto munī’’ti.
ตตฺถ โสตโตฺตติ สูริยสนฺตาเปน สุฎฺฐุ ตโตฺตฯ โสสิโนฺนติ หิโมทเกน สุสิโนฺน สุฎฺฐุ ติโนฺตฯ เอโก ภิํสนเก วเนติ ยตฺถ ปวิฎฺฐานํ เยภุเยฺยน โลมานิ หํสนฺติ, ตถารูเป ภิํสนเกวนสเณฺฑ เอโก อทุติโยว อโหสินฺติ ทีเปติฯ นโคฺค น จคฺคิมาสีโนติ นโคฺค จ น จ อคฺคิมาสีโนฯ ตถา สีเตน ปีฬิยมาโนปิ เนว นิวาสนปารุปนํ วา อาทิยิํ, น จ อคฺคิํ อาคมฺม นิสีทินฺติ ทีเปติฯ เอสนาปสุโตติ อพฺรหฺมจริเยปิ ตสฺมิํ พฺรหฺมจริยสญฺญี หุตฺวา ‘‘พฺรหฺมจริยเมเวตํ เอสนา คเวสนา อุปาโย พฺรหฺมโลกสฺสา’’ติ เอวํ ตาย พฺรหฺมจริเยสนาย ปสุโต อนุยุโตฺต อุสฺสุกฺกํ อาปโนฺน อโหสินฺติ ทเสฺสติฯ มุนีติ ‘‘มุนิ โข เอส โมนตฺถาย ปฎิปโนฺน’’ติ เอวํ โลเกน สมฺภาวิโต อโหสินฺติ ทีเปติฯ
Tattha sotattoti sūriyasantāpena suṭṭhu tatto. Sosinnoti himodakena susinno suṭṭhu tinto. Eko bhiṃsanake vaneti yattha paviṭṭhānaṃ yebhuyyena lomāni haṃsanti, tathārūpe bhiṃsanakevanasaṇḍe eko adutiyova ahosinti dīpeti. Naggo na caggimāsīnoti naggo ca na ca aggimāsīno. Tathā sītena pīḷiyamānopi neva nivāsanapārupanaṃ vā ādiyiṃ, na ca aggiṃ āgamma nisīdinti dīpeti. Esanāpasutoti abrahmacariyepi tasmiṃ brahmacariyasaññī hutvā ‘‘brahmacariyamevetaṃ esanā gavesanā upāyo brahmalokassā’’ti evaṃ tāya brahmacariyesanāya pasuto anuyutto ussukkaṃ āpanno ahosinti dasseti. Munīti ‘‘muni kho esa monatthāya paṭipanno’’ti evaṃ lokena sambhāvito ahosinti dīpeti.
เอวํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา โพธิสโตฺต มรณกาเล อุปฎฺฐิตํ นิรยนิมิตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ วตสมาทานํ นิรตฺถก’’นฺติ ญตฺวา ตงฺขณเญฺญว ตํ ลทฺธิํ ภินฺทิตฺวา สมฺมาทิฎฺฐิํ คเหตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติฯ
Evaṃ caturaṅgasamannāgataṃ brahmacariyaṃ caritvā bodhisatto maraṇakāle upaṭṭhitaṃ nirayanimittaṃ disvā ‘‘idaṃ vatasamādānaṃ niratthaka’’nti ñatvā taṅkhaṇaññeva taṃ laddhiṃ bhinditvā sammādiṭṭhiṃ gahetvā devaloke nibbatti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘อหํ เตน สมเยน โส อาชีวโก อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘ahaṃ tena samayena so ājīvako ahosi’’nti.
โลมหํสชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Lomahaṃsajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๙๔. โลมหํสชาตกํ • 94. Lomahaṃsajātakaṃ