Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๔. โลมสกงฺคิยภเทฺทกรตฺตสุตฺตํ
4. Lomasakaṅgiyabhaddekarattasuttaṃ
๒๘๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา โลมสกงฺคิโย 1 สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข จนฺทโน เทวปุโตฺต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ นิโคฺรธารามํ โอภาเสตฺวา เยนายสฺมา โลมสกงฺคิโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข จนฺทโน เทวปุโตฺต อายสฺมนฺตํ โลมสกงฺคิยํ เอตทโวจ – ‘‘ธาเรสิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’’ติ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’’ติ? ‘‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ธาเรสิ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’’ติ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’’ติ? ‘‘ธาเรมิ โข อหํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, อาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’’ติ? ‘‘เอกมิทํ, ภิกฺขุ, สมยํ ภควา เทเวสุ ตาวติํเสสุ วิหรติ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํฯ ตตฺร ภควา เทวานํ ตาวติํสานํ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ อภาสิ –
286. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā lomasakaṅgiyo 2 sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho candano devaputto abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ nigrodhārāmaṃ obhāsetvā yenāyasmā lomasakaṅgiyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho candano devaputto āyasmantaṃ lomasakaṅgiyaṃ etadavoca – ‘‘dhāresi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’’ti? ‘‘Ahampi kho, bhikkhu, na dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Dhāresi pana tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattiyo gāthā’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattiyo gāthā. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattiyo gāthā’’ti? ‘‘Dhāremi kho ahaṃ, bhikkhu, bhaddekarattiyo gāthā’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana tvaṃ, āvuso, dhāresi bhaddekarattiyo gāthā’’ti? ‘‘Ekamidaṃ, bhikkhu, samayaṃ bhagavā devesu tāvatiṃsesu viharati pāricchattakamūle paṇḍukambalasilāyaṃ. Tatra bhagavā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca abhāsi –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฎิกเงฺข อนาคตํ;
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya, nappaṭikaṅkhe anāgataṃ;
ยทตีตํ ปหีนํ ตํ, อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํฯ
Yadatītaṃ pahīnaṃ taṃ, appattañca anāgataṃ.
‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;
‘‘Paccuppannañca yo dhammaṃ, tattha tattha vipassati;
อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ
Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, taṃ vidvā manubrūhaye.
‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนาฯ
Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā.
‘‘เอวํ วิหาริํ อาตาปิํ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
‘‘Evaṃ vihāriṃ ātāpiṃ, ahorattamatanditaṃ;
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
‘‘เอวํ โข อหํ, ภิกฺขุ, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาฯ อุคฺคณฺหาหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ปริยาปุณาหิ ตฺวํ , ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ธาเรหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ อตฺถสํหิโต, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทโส จ วิภโงฺค จ อาทิพฺรหฺมจริยโก’’ติฯ อิทมโวจ จนฺทโน เทวปุโตฺตฯ อิทํ วตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ
‘‘Evaṃ kho ahaṃ, bhikkhu, dhāremi bhaddekarattiyo gāthā. Uggaṇhāhi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; pariyāpuṇāhi tvaṃ , bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; dhārehi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Atthasaṃhito, bhikkhu, bhaddekarattassa uddeso ca vibhaṅgo ca ādibrahmacariyako’’ti. Idamavoca candano devaputto. Idaṃ vatvā tatthevantaradhāyi.
๒๘๗. อถ โข อายสฺมา โลมสกงฺคิโย ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา โลมสกงฺคิโย ภควนฺตํ เอตทโวจ –
287. Atha kho āyasmā lomasakaṅgiyo tassā rattiyā accayena senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya yena sāvatthi tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena sāvatthi jetavanaṃ anāthapiṇḍikassa ārāmo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā lomasakaṅgiyo bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘เอกมิทาหํ, ภเนฺต, สมยํ สเกฺกสุ วิหรามิ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข, ภเนฺต, อญฺญตโร เทวปุโตฺต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ นิโคฺรธารามํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข, ภเนฺต, โส เทวปุโตฺต มํ เอตทโวจ – ‘ธาเรสิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’ติ? เอวํ วุเตฺต อหํ, ภเนฺต, ตํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’ติ? ‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ธาเรสิ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’ติ? ‘ธาเรมิ โข อหํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’ติฯ ‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, อาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’ติ? เอกมิทํ, ภิกฺขุ, สมยํ ภควา เทเวสุ ตาวติํเสสุ วิหรติ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ ฯ ตตฺร โข ภควา เทวานํ ตาวติํสานํ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ อภาสิ –
‘‘Ekamidāhaṃ, bhante, samayaṃ sakkesu viharāmi kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho, bhante, aññataro devaputto abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ nigrodhārāmaṃ obhāsetvā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho, bhante, so devaputto maṃ etadavoca – ‘dhāresi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’ti? Evaṃ vutte ahaṃ, bhante, taṃ devaputtaṃ etadavocaṃ – ‘na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’ti? ‘Ahampi kho, bhikkhu, na dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Dhāresi pana tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattiyo gāthā’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattiyo gāthā. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattiyo gāthā’ti? ‘Dhāremi kho ahaṃ, bhikkhu, bhaddekarattiyo gāthā’ti. ‘Yathā kathaṃ pana tvaṃ, āvuso, dhāresi bhaddekarattiyo gāthā’ti? Ekamidaṃ, bhikkhu, samayaṃ bhagavā devesu tāvatiṃsesu viharati pāricchattakamūle paṇḍukambalasilāyaṃ . Tatra kho bhagavā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca abhāsi –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย…เป.…
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya…pe…
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
‘‘เอวํ โข อหํ, ภิกฺขุ, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาฯ อุคฺคณฺหาหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ปริยาปุณาหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ธาเรหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ อตฺถสํหิโต, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทโส จ วิภโงฺค จ อาทิพฺรหฺมจริยโก’ติฯ อิทมโวจ, ภเนฺต, โส เทวปุโตฺต; อิทํ วตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ เทเสตู’’ติฯ
‘‘Evaṃ kho ahaṃ, bhikkhu, dhāremi bhaddekarattiyo gāthā. Uggaṇhāhi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; pariyāpuṇāhi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; dhārehi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Atthasaṃhito, bhikkhu, bhaddekarattassa uddeso ca vibhaṅgo ca ādibrahmacariyako’ti. Idamavoca, bhante, so devaputto; idaṃ vatvā tatthevantaradhāyi. Sādhu me, bhante, bhagavā bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca desetū’’ti.
๒๘๘. ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตํ เทวปุตฺต’’นฺติ? ‘‘น โข อหํ, ภเนฺต, ชานามิ ตํ เทวปุตฺต’’นฺติฯ ‘‘จนฺทโน นาม โส, ภิกฺขุ, เทวปุโตฺตฯ จนฺทโน, ภิกฺขุ, เทวปุโตฺต อฎฺฐิํ กตฺวา 3 มนสิกตฺวา สพฺพเจตสา 4 สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติฯ เตน หิ, ภิกฺขุ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา โลมสกงฺคิโย ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
288. ‘‘Jānāsi pana tvaṃ, bhikkhu, taṃ devaputta’’nti? ‘‘Na kho ahaṃ, bhante, jānāmi taṃ devaputta’’nti. ‘‘Candano nāma so, bhikkhu, devaputto. Candano, bhikkhu, devaputto aṭṭhiṃ katvā 5 manasikatvā sabbacetasā 6 samannāharitvā ohitasoto dhammaṃ suṇāti. Tena hi, bhikkhu, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā lomasakaṅgiyo bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฎิกเงฺข อนาคตํ;
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya, nappaṭikaṅkhe anāgataṃ;
ยทตีตํ ปหีนํ ตํ, อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํฯ
Yadatītaṃ pahīnaṃ taṃ, appattañca anāgataṃ.
‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;
‘‘Paccuppannañca yo dhammaṃ, tattha tattha vipassati;
อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ
Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, taṃ vidvā manubrūhaye.
‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา;
Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā;
‘‘เอวํ วิหาริํ อาตาปิํ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
‘‘Evaṃ vihāriṃ ātāpiṃ, ahorattamatanditaṃ;
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนิ’’ฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate muni’’.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขุ, อตีตํ อนฺวาคเมติ…เป.… เอวํ โข, ภิกฺขุ, อตีตํ อนฺวาคเมติฯ กถญฺจ , ภิกฺขุ, อตีตํ นานฺวาคเมติ…เป.… เอวํ โข, ภิกฺขุ, อตีตํ นานฺวาคเมติฯ กถญฺจ, ภิกฺขุ, อนาคตํ ปฎิกงฺขติ…เป.… เอวํ โข, ภิกฺขุ, อนาคตํ ปฎิกงฺขติฯ กถญฺจ, ภิกฺขุ, อนาคตํ นปฺปฎิกงฺขติ…เป.… เอวํ โข, ภิกฺขุ, อนาคตํ นปฺปฎิกงฺขติฯ กถญฺจ, ภิกฺขุ, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรติ…เป.… เอวํ โข, ภิกฺขุ, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรติฯ กถญฺจ, ภิกฺขุ, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ น สํหีรติ…เป.… เอวํ โข, ภิกฺขุ, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ น สํหีรติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhu, atītaṃ anvāgameti…pe… evaṃ kho, bhikkhu, atītaṃ anvāgameti. Kathañca , bhikkhu, atītaṃ nānvāgameti…pe… evaṃ kho, bhikkhu, atītaṃ nānvāgameti. Kathañca, bhikkhu, anāgataṃ paṭikaṅkhati…pe… evaṃ kho, bhikkhu, anāgataṃ paṭikaṅkhati. Kathañca, bhikkhu, anāgataṃ nappaṭikaṅkhati…pe… evaṃ kho, bhikkhu, anāgataṃ nappaṭikaṅkhati. Kathañca, bhikkhu, paccuppannesu dhammesu saṃhīrati…pe… evaṃ kho, bhikkhu, paccuppannesu dhammesu saṃhīrati. Kathañca, bhikkhu, paccuppannesu dhammesu na saṃhīrati…pe… evaṃ kho, bhikkhu, paccuppannesu dhammesu na saṃhīrati.
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฎิกเงฺข อนาคตํ;
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya, nappaṭikaṅkhe anāgataṃ;
ยทตีตํ ปหีนํ ตํ, อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํฯ
Yadatītaṃ pahīnaṃ taṃ, appattañca anāgataṃ.
‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;
‘‘Paccuppannañca yo dhammaṃ, tattha tattha vipassati;
อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ
Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, taṃ vidvā manubrūhaye.
‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนาฯ
Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā.
‘‘เอวํ วิหาริํ อาตาปิํ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
‘‘Evaṃ vihāriṃ ātāpiṃ, ahorattamatanditaṃ;
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา โลมสกงฺคิโย ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā lomasakaṅgiyo bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
โลมสกงฺคิยภเทฺทกรตฺตสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Lomasakaṅgiyabhaddekarattasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. โลมสกงฺคิยภเทฺทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา • 4. Lomasakaṅgiyabhaddekarattasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. โลมสกกงฺคิยภเทฺทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา • 4. Lomasakakaṅgiyabhaddekarattasuttavaṇṇanā