Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๗. โลมสกงฺคิยเตฺถรคาถาวณฺณนา

    7. Lomasakaṅgiyattheragāthāvaṇṇanā

    ทพฺพํ กุสนฺติ อายสฺมโต โลมสกงฺคิยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกนวุเต กเปฺป วิปสฺสิํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส นานาปุเปฺผหิ ปูเชตฺวา เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก นิพฺพโตฺต ปุน อปราปรํ ปุญฺญานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติฯ เตน จ สมเยน สตฺถารา ภเทฺทกรตฺตปฎิปทาย กถิตาย อญฺญตโร ภิกฺขุ ภเทฺทกรตฺตสุตฺตวเสน เตน สากจฺฉํ กโรติฯ โส ตํ น สมฺปายาสิฯ อสมฺปายโนฺต ‘‘อหํ อนาคเต ตุยฺหํ ภเทฺทกรตฺตํ กเถตุํ สมโตฺถ ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิ, อิตโร ‘‘ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ เอเตสุ ปฐโม เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุสฺมิํ สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติฯ ตสฺส สุขุมาลภาเวน โสณสฺส วิย ปาทตเลสุ โลมานิ ชาตานิ, เตนสฺส โลมสกงฺคิโยติ นามํ อโหสิฯ อิตโร เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา จนฺทโนติ ปญฺญายิตฺถฯ โลมสกงฺคิโย อนุรุทฺธาทีสุ สกฺยกุมาเรสุ ปพฺพชเนฺตสุ ปพฺพชิตุํ น อิจฺฉิฯ อถ นํ สํเวเชตุํ จนฺทโน เทวปุโตฺต อุปสงฺกมิตฺวา ภเทฺทกรตฺตํ ปุจฺฉิฯ อิตโร ‘‘น ชานามี’’ติฯ ปุน เทวปุโตฺต ‘‘อถ กสฺมา ตยา ‘ภเทฺทกรตฺตํ กเถยฺย’นฺติ สงฺคโร กโต, อิทานิ ปน นามมตฺตมฺปิ น ชานาสี’’ติ โจเทสิฯ อิตโร เตน สทฺธิํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มยา กิร, ภเนฺต, ปุเพฺพ ‘อิมสฺส ภเทฺทกรตฺตํ กเถสฺสามี’ติ สงฺคโร กโต’’ติ ปุจฺฉิฯ ภควา ‘‘อาม, กุลปุตฺต, กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ตยา เอวํ กต’’นฺติ อาหฯ สฺวายมโตฺถ อุปริปณฺณาสเก อาคตนเยน วิตฺถารโต เวทิตโพฺพฯ อถ โลมสกงฺคิโย ‘‘เตน หิ, ภเนฺต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาหฯ ภควา ‘‘น, โข, ตถาคตา มาตาปิตูหิ อนนุญฺญาตํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ โส มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อนุชานาหิ มํ, อมฺม, ปพฺพชิตุํ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ วตฺวา, มาตรา ‘‘ตาต, สุขุมาโล ตฺวํ กถํ ปพฺพชิสฺสสี’’ติ วุเตฺต, ‘‘อตฺตโน ปริสฺสยสหนภาวํ ปกาเสโนฺต ‘‘ทพฺพํ กุสํ โปฎกิล’’นฺติ คาถํ อภาสิฯ

    Dabbaṃkusanti āyasmato lomasakaṅgiyattherassa gāthā. Kā uppatti? So kira ito ekanavute kappe vipassiṃ bhagavantaṃ passitvā pasannamānaso nānāpupphehi pūjetvā tena puññakammena devaloke nibbatto puna aparāparaṃ puññāni katvā sugatīsuyeva saṃsaranto kassapassa bhagavato sāsane pabbajitvā samaṇadhammaṃ karoti. Tena ca samayena satthārā bhaddekarattapaṭipadāya kathitāya aññataro bhikkhu bhaddekarattasuttavasena tena sākacchaṃ karoti. So taṃ na sampāyāsi. Asampāyanto ‘‘ahaṃ anāgate tuyhaṃ bhaddekarattaṃ kathetuṃ samattho bhaveyya’’nti paṇidhānaṃ akāsi, itaro ‘‘puccheyya’’nti. Etesu paṭhamo ekaṃ buddhantaraṃ devamanussesu saṃsaritvā amhākaṃ bhagavato kāle kapilavatthusmiṃ sākiyarājakule nibbatti. Tassa sukhumālabhāvena soṇassa viya pādatalesu lomāni jātāni, tenassa lomasakaṅgiyoti nāmaṃ ahosi. Itaro devaloke nibbattitvā candanoti paññāyittha. Lomasakaṅgiyo anuruddhādīsu sakyakumāresu pabbajantesu pabbajituṃ na icchi. Atha naṃ saṃvejetuṃ candano devaputto upasaṅkamitvā bhaddekarattaṃ pucchi. Itaro ‘‘na jānāmī’’ti. Puna devaputto ‘‘atha kasmā tayā ‘bhaddekarattaṃ katheyya’nti saṅgaro kato, idāni pana nāmamattampi na jānāsī’’ti codesi. Itaro tena saddhiṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā, ‘‘mayā kira, bhante, pubbe ‘imassa bhaddekarattaṃ kathessāmī’ti saṅgaro kato’’ti pucchi. Bhagavā ‘‘āma, kulaputta, kassapassa bhagavato kāle tayā evaṃ kata’’nti āha. Svāyamattho uparipaṇṇāsake āgatanayena vitthārato veditabbo. Atha lomasakaṅgiyo ‘‘tena hi, bhante, pabbājetha ma’’nti āha. Bhagavā ‘‘na, kho, tathāgatā mātāpitūhi ananuññātaṃ puttaṃ pabbājentī’’ti paṭikkhipi. So mātu santikaṃ gantvā ‘‘anujānāhi maṃ, amma, pabbajituṃ, pabbajissāmaha’’nti vatvā, mātarā ‘‘tāta, sukhumālo tvaṃ kathaṃ pabbajissasī’’ti vutte, ‘‘attano parissayasahanabhāvaṃ pakāsento ‘‘dabbaṃ kusaṃ poṭakila’’nti gāthaṃ abhāsi.

    ๒๗. ตตฺถ ทพฺพนฺติ ทพฺพติณมาห, ยํ ‘‘สทฺทุโล’’ติปิ วุจฺจติฯ กุสนฺติ กุสติณํ, โย ‘‘กาโส’’ติ วุจฺจติฯ โปฎกิลนฺติ สกณฺฎกํ อกณฺฎกญฺจ คจฺฉํฯ อิธ ปน สกณฺฎกเมว อธิเปฺปตํฯ อุสีราทีนิ สุวิเญฺญยฺยานิฯ ทพฺพาทีนิ ติณานิ พีรณติณานิ ปาเทหิ อกฺกนฺตสฺสาปิ ทุกฺขชนกานิ คมนนฺตรายกรานิ จ, ตานิ จ ปนาหํ อุรสา ปนุทิสฺสามิ อุรสาปิ อปเนสฺสามิฯ เอวํ อปเนโนฺต ตํ นิมิตฺตํ ทุกฺขํ สหโนฺต อรญฺญายตเน คุมฺพนฺตรํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสามิฯ โก ปน วาโท ปาเทหิ อกฺกมเนติ ทเสฺสติฯ วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ กายวิเวกํ จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกญฺจ อนุพฺรูหยโนฺตฯ คณสงฺคณิกญฺหิ ปหาย กายวิเวกํ อนุพฺรูหยนฺตเสฺสว อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ สมาทหนฺตสฺส จิตฺตวิเวโก, น สงฺคณิการตสฺสฯ สมาหิตเสฺสว วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตสฺส สมถวิปสฺสนญฺจ ยุคนทฺธํ กโรนฺตสฺส กิเลสานํ เขปเนน อุปธิวิเวกาธิคโม, น อสมาหิตสฺสฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ กายวิเวกํ จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกญฺจ อนุพฺรูหยโนฺต’’ติฯ เอวํ ปน ปุเตฺตน วุเตฺต มาตา ‘‘เตน หิ, ตาต, ปพฺพชา’’ติ อนุชานิฯ โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิฯ ตํ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา อรญฺญํ ปวิสนฺตํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวํ สุขุมาโล กิํ สกฺขิสฺสสิ อรเญฺญ วสิตุ’’นฺติฯ โส เตสมฺปิ ตเมว คาถํ วตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ภาวนํ อนุยุญฺชโนฺต นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๒๓-๒๗) –

    27. Tattha dabbanti dabbatiṇamāha, yaṃ ‘‘saddulo’’tipi vuccati. Kusanti kusatiṇaṃ, yo ‘‘kāso’’ti vuccati. Poṭakilanti sakaṇṭakaṃ akaṇṭakañca gacchaṃ. Idha pana sakaṇṭakameva adhippetaṃ. Usīrādīni suviññeyyāni. Dabbādīni tiṇāni bīraṇatiṇāni pādehi akkantassāpi dukkhajanakāni gamanantarāyakarāni ca, tāni ca panāhaṃ urasā panudissāmi urasāpi apanessāmi. Evaṃ apanento taṃ nimittaṃ dukkhaṃ sahanto araññāyatane gumbantaraṃ pavisitvā samaṇadhammaṃ kātuṃ sakkhissāmi. Ko pana vādo pādehi akkamaneti dasseti. Vivekamanubrūhayanti kāyavivekaṃ cittavivekaṃ upadhivivekañca anubrūhayanto. Gaṇasaṅgaṇikañhi pahāya kāyavivekaṃ anubrūhayantasseva aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu yattha katthaci cittaṃ samādahantassa cittaviveko, na saṅgaṇikāratassa. Samāhitasseva vipassanāya kammaṃ karontassa samathavipassanañca yuganaddhaṃ karontassa kilesānaṃ khepanena upadhivivekādhigamo, na asamāhitassa. Tena vuttaṃ ‘‘vivekamanubrūhayanti kāyavivekaṃ cittavivekaṃ upadhivivekañca anubrūhayanto’’ti. Evaṃ pana puttena vutte mātā ‘‘tena hi, tāta, pabbajā’’ti anujāni. So bhagavantaṃ upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Taṃ satthā pabbājesi. Taṃ pabbajitvā katapubbakiccaṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvā araññaṃ pavisantaṃ bhikkhū āhaṃsu – ‘‘āvuso, tvaṃ sukhumālo kiṃ sakkhissasi araññe vasitu’’nti. So tesampi tameva gāthaṃ vatvā araññaṃ pavisitvā bhāvanaṃ anuyuñjanto nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.52.23-27) –

    ‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฎิคฺคหํ;

    ‘‘Suvaṇṇavaṇṇaṃ sambuddhaṃ, āhutīnaṃ paṭiggahaṃ;

    รถิยํ ปฎิปชฺชนฺตํ, นานาปุเปฺผหิ ปูชยิํฯ

    Rathiyaṃ paṭipajjantaṃ, nānāpupphehi pūjayiṃ.

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยิํ;

    ‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ pupphamabhipūjayiṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ตํเยว คาถํ อภาสีติฯ

    Arahattaṃ pana patvā thero aññaṃ byākaronto taṃyeva gāthaṃ abhāsīti.

    โลมสกงฺคิยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Lomasakaṅgiyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๗. โลมสกงฺคิยเตฺถรคาถา • 7. Lomasakaṅgiyattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact