Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๙. โลณกปลฺลสุตฺตํ

    9. Loṇakapallasuttaṃ

    ๑๐๑. ‘‘โย 1, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถายํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตํ ปฎิสํเวทิยตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, โอกาโส น ปญฺญายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย ฯ โย จ โข, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถา เวทนียํ อยํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถาสฺส วิปากํ ปฎิสํเวทิยตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส โหติ, โอกาโส ปญฺญายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายฯ อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ 2 กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นา’ณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    101. ‘‘Yo 3, bhikkhave, evaṃ vadeyya – ‘yathā yathāyaṃ puriso kammaṃ karoti tathā tathā taṃ paṭisaṃvediyatī’ti, evaṃ santaṃ, bhikkhave, brahmacariyavāso na hoti, okāso na paññāyati sammā dukkhassa antakiriyāya . Yo ca kho, bhikkhave, evaṃ vadeyya – ‘yathā yathā vedanīyaṃ ayaṃ puriso kammaṃ karoti tathā tathāssa vipākaṃ paṭisaṃvediyatī’ti, evaṃ santaṃ, bhikkhave, brahmacariyavāso hoti, okāso paññāyati sammā dukkhassa antakiriyāya. Idha, bhikkhave, ekaccassa puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ 4 kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti. Idha pana, bhikkhave, ekaccassa puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nā’ṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิโตฺต อภาวิตปโญฺญ ปริโตฺต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa, bhikkhave, puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti? Idha pana, bhikkhave, ekacco puggalo abhāvitakāyo hoti abhāvitasīlo abhāvitacitto abhāvitapañño paritto appātumo appadukkhavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti.

    ‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นา’ณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิโตฺต ภาวิตปโญฺญ อปริโตฺต มหโตฺต 5 อปฺปมาณวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nā’ṇupi khāyati, kiṃ bahudeva? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo bhāvitakāyo hoti bhāvitasīlo bhāvitacitto bhāvitapañño aparitto mahatto 6 appamāṇavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ปุริโส โลณกปลฺลํ 7 ปริเตฺต อุทกมลฺลเก 8 ปกฺขิเปยฺยฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตํ ปริตฺตํ อุทกํ 9 อมุนา โลณกปเลฺลน โลณํ อสฺส อเปยฺย’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุญฺหิ, ภเนฺต, ปริตฺตํ อุทกกปลฺลเก อุทกํ, ตํ อมุนา โลณกปเลฺลน โลณํ อสฺส อเปยฺย’’นฺติฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส โลณกปลฺลกํ คงฺคาย นทิยา ปกฺขิเปยฺยฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ สา คงฺคา นที อมุนา โลณกปเลฺลน โลณํ อสฺส อเปยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, ภเนฺต, คงฺคาย นทิยา มหา อุทกกฺขโนฺธ โส อมุนา โลณกปเลฺลน โลโณ น อสฺส อเปโยฺย’’ติ 10

    ‘‘Seyyathāpi , bhikkhave, puriso loṇakapallaṃ 11 paritte udakamallake 12 pakkhipeyya. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu taṃ parittaṃ udakaṃ 13 amunā loṇakapallena loṇaṃ assa apeyya’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Aduñhi, bhante, parittaṃ udakakapallake udakaṃ, taṃ amunā loṇakapallena loṇaṃ assa apeyya’’nti. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso loṇakapallakaṃ gaṅgāya nadiyā pakkhipeyya. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu sā gaṅgā nadī amunā loṇakapallena loṇaṃ assa apeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Asu hi, bhante, gaṅgāya nadiyā mahā udakakkhandho so amunā loṇakapallena loṇo na assa apeyyo’’ti 14.

    ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    ‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, idhekaccassa puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti. Idha, bhikkhave, ekaccassa puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิโตฺต อภาวิตปโญฺญ ปริโตฺต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa, bhikkhave, puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo abhāvitakāyo hoti abhāvitasīlo abhāvitacitto abhāvitapañño paritto appātumo appadukkhavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti.

    ‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิโตฺต ภาวิตปโญฺญ อปริโตฺต มหโตฺต อปฺปมาณวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo bhāvitakāyo hoti bhāvitasīlo bhāvitacitto bhāvitapañño aparitto mahatto appamāṇavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘อิธ , ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติฯ อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติฯ

    ‘‘Idha , bhikkhave, ekacco aḍḍhakahāpaṇenapi bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇenapi bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇasatenapi bandhanaṃ nigacchati. Idha, bhikkhave, ekacco aḍḍhakahāpaṇenapi na bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇenapi na bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇasatenapi na bandhanaṃ nigacchati.

    ‘‘กถํรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ทลิโทฺท โหติ อปฺปสฺสโก อปฺปโภโคฯ เอวรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpo, bhikkhave, aḍḍhakahāpaṇenapi bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇenapi bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇasatenapi bandhanaṃ nigacchati? Idha, bhikkhave, ekacco daliddo hoti appassako appabhogo. Evarūpo, bhikkhave, aḍḍhakahāpaṇenapi bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇenapi bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇasatenapi bandhanaṃ nigacchati.

    ‘‘กถํรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อโฑฺฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโคฯ เอวรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํฯ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ อิธ , ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    ‘‘Kathaṃrūpo, bhikkhave, aḍḍhakahāpaṇenapi na bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇenapi na bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇasatenapi na bandhanaṃ nigacchati? Idha, bhikkhave, ekacco aḍḍho hoti mahaddhano mahābhogo. Evarūpo, bhikkhave, aḍḍhakahāpaṇenapi na bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇenapi na bandhanaṃ nigacchati, kahāpaṇasatenapi na bandhanaṃ nigacchati. Evamevaṃ kho, bhikkhave, idhekaccassa puggalassa appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ. Tamenaṃ nirayaṃ upaneti. Idha , bhikkhave, ekaccassa puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิโตฺต อภาวิตปโญฺญ ปริโตฺต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa, bhikkhave, puggalassa appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ, tamenaṃ nirayaṃ upaneti? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo abhāvitakāyo hoti abhāvitasīlo abhāvitacitto abhāvitapañño paritto appātumo appadukkhavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti.

    ‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิโตฺต ภาวิตปโญฺญ อปริโตฺต มหโตฺต อปฺปมาณวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo bhāvitakāyo hoti bhāvitasīlo bhāvitacitto bhāvitapañño aparitto mahatto appamāṇavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘อิธ , ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิโตฺต ภาวิตปโญฺญ อปริโตฺต มหโตฺต อปฺปมาณวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อเปฺปกจฺจํ อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ, อเปฺปกจฺจํ อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํฯ

    ‘‘Idha , bhikkhave, ekacco puggalo bhāvitakāyo hoti bhāvitasīlo bhāvitacitto bhāvitapañño aparitto mahatto appamāṇavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva. Seyyathāpi, bhikkhave, orabbhiko vā urabbhaghātako vā appekaccaṃ urabbhaṃ adinnaṃ ādiyamānaṃ pahoti hantuṃ vā bandhituṃ vā jāpetuṃ vā yathāpaccayaṃ vā kātuṃ, appekaccaṃ urabbhaṃ adinnaṃ ādiyamānaṃ nappahoti hantuṃ vā bandhituṃ vā jāpetuṃ vā yathāpaccayaṃ vā kātuṃ.

    ‘‘กถํรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ทลิโทฺท โหติ อปฺปสฺสโก อปฺปโภโคฯ เอวรูปํ , ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhikkhave, orabbhiko vā urabbhaghātako vā urabbhaṃ adinnaṃ ādiyamānaṃ pahoti hantuṃ vā bandhituṃ vā jāpetuṃ vā yathāpaccayaṃ vā kātuṃ? Idha, bhikkhave, ekacco daliddo hoti appassako appabhogo. Evarūpaṃ , bhikkhave, orabbhiko vā urabbhaghātako vā urabbhaṃ adinnaṃ ādiyamānaṃ pahoti hantuṃ vā bandhituṃ vā jāpetuṃ vā yathāpaccayaṃ vā kātuṃ.

    ‘‘กถํรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ ฯ อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อโฑฺฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค ราชา วา ราชมหามโตฺต วาฯ เอวรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํฯ อญฺญทตฺถุ ปญฺชลิโกว 15 นํ 16 ยาจติ – ‘เทหิ เม, มาริส, อุรพฺภํ วา อุรพฺภธนํ วา’ติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    ‘‘Kathaṃrūpaṃ, bhikkhave, orabbhiko vā urabbhaghātako vā urabbhaṃ adinnaṃ ādiyamānaṃ nappahoti hantuṃ vā bandhituṃ vā jāpetuṃ vā yathāpaccayaṃ vā kātuṃ . Idha, bhikkhave, ekacco aḍḍho hoti mahaddhano mahābhogo rājā vā rājamahāmatto vā. Evarūpaṃ, bhikkhave, orabbhiko vā urabbhaghātako vā urabbhaṃ adinnaṃ ādiyamānaṃ nappahoti hantuṃ vā bandhituṃ vā jāpetuṃ vā yathāpaccayaṃ vā kātuṃ. Aññadatthu pañjalikova 17 naṃ 18 yācati – ‘dehi me, mārisa, urabbhaṃ vā urabbhadhanaṃ vā’ti. Evamevaṃ kho, bhikkhave, idhekaccassa puggalassa tādisaṃyeva appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti. Idha pana, bhikkhave, ekaccassa puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิโตฺต อภาวิตปโญฺญ ปริโตฺต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa, bhikkhave, puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo abhāvitakāyo hoti abhāvitasīlo abhāvitacitto abhāvitapañño paritto appātumo appadukkhavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa appamattakampi pāpakammaṃ kataṃ tamenaṃ nirayaṃ upaneti.

    ‘‘กถํรูปสฺส , ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิโตฺต ภาวิตปโญฺญ อปริโตฺต มหโตฺต อปฺปมาณวิหารีฯ เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กิํ พหุเทวฯ

    ‘‘Kathaṃrūpassa , bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo bhāvitakāyo hoti bhāvitasīlo bhāvitacitto bhāvitapañño aparitto mahatto appamāṇavihārī. Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa tādisaṃyeva appamattakaṃ pāpakammaṃ kataṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, nāṇupi khāyati, kiṃ bahudeva.

    ‘‘โย, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถายํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตํ ปฎิสํเวเทตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, โอกาโส น ปญฺญายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายฯ โย จ โข, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถา เวทนียํ อยํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตสฺส วิปากํ ปฎิสํเวเทตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส โหติ, โอกาโส ปญฺญายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติฯ นวมํฯ

    ‘‘Yo, bhikkhave, evaṃ vadeyya – ‘yathā yathāyaṃ puriso kammaṃ karoti tathā tathā taṃ paṭisaṃvedetī’ti, evaṃ santaṃ, bhikkhave, brahmacariyavāso na hoti, okāso na paññāyati sammā dukkhassa antakiriyāya. Yo ca kho, bhikkhave, evaṃ vadeyya – ‘yathā yathā vedanīyaṃ ayaṃ puriso kammaṃ karoti tathā tathā tassa vipākaṃ paṭisaṃvedetī’ti, evaṃ santaṃ, bhikkhave, brahmacariyavāso hoti, okāso paññāyati sammā dukkhassa antakiriyāyā’’ti. Navamaṃ.







    Footnotes:
    1. โย โข (สฺยา. กํ.), โย จ โข (ก.)
    2. ปาปํ กมฺมํ (สี. ปี.)
    3. yo kho (syā. kaṃ.), yo ca kho (ka.)
    4. pāpaṃ kammaṃ (sī. pī.)
    5. มหตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. mahattā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    7. โลณผลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    8. อุทกกปลฺลเก (ก.)
    9. อุทกมลฺลเก อุทกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    10. โลณํ เนวสฺส อเปยฺยนฺติ (สี.), น โลโณ อสฺส อเปโยฺยติ (ปี.)
    11. loṇaphalaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    12. udakakapallake (ka.)
    13. udakamallake udakaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    14. loṇaṃ nevassa apeyyanti (sī.), na loṇo assa apeyyoti (pī.)
    15. ปญฺชลิโก (ก.)
    16. ปรํ (ก.)
    17. pañjaliko (ka.)
    18. paraṃ (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา • 9. Loṇakapallasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา • 9. Loṇakapallasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact