Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๙. โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา
9. Loṇakapallasuttavaṇṇanā
๑๐๑. นวเม ยถา ยถายนฺติ ยถา ยถา อยํฯ ตถา ตถา ตนฺติ ตถา ตถา ตํ กมฺมํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย เอวํ วเทยฺย – ‘‘ยถา ยถา กมฺมํ กโรติ, ตถา ตถาสฺส วิปากํ ปฎิสํเวทิยเตวฯ น หิ สกฺกา กตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฎิเสเธตุํฯ ตสฺมา ยตฺตกํ กมฺมํ กโรติ, ตตฺตกสฺส วิปากํ ปฎิสํเวทิยเตวา’’ติฯ เอวํ สนฺตนฺติ เอวํ สเนฺตฯ พฺรหฺมจริยวาโส น โหตีติ ยํ มคฺคภาวนโต ปุเพฺพ อุปปชฺชเวทนียํ กมฺมํ กตํ, ตสฺส อวสฺสํ ปฎิสํเวทนียตฺตา พฺรหฺมจริยํ วุตฺถมฺปิ อวุตฺถเมว โหติฯ โอกาโส น ปญฺญายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายาติ ยสฺมา จ เอวํ สเนฺต เตน กมฺมายูหนเญฺจว วิปากานุภวนา จ โหติ, ตสฺมา เหตุนา นเยน วฎฺฎทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย โอกาโส น ปญฺญายติ นามฯ
101. Navame yathā yathāyanti yathā yathā ayaṃ. Tathā tathā tanti tathā tathā taṃ kammaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo evaṃ vadeyya – ‘‘yathā yathā kammaṃ karoti, tathā tathāssa vipākaṃ paṭisaṃvediyateva. Na hi sakkā katassa kammassa vipākaṃ paṭisedhetuṃ. Tasmā yattakaṃ kammaṃ karoti, tattakassa vipākaṃ paṭisaṃvediyatevā’’ti. Evaṃ santanti evaṃ sante. Brahmacariyavāso na hotīti yaṃ maggabhāvanato pubbe upapajjavedanīyaṃ kammaṃ kataṃ, tassa avassaṃ paṭisaṃvedanīyattā brahmacariyaṃ vutthampi avutthameva hoti. Okāso na paññāyati sammā dukkhassa antakiriyāyāti yasmā ca evaṃ sante tena kammāyūhanañceva vipākānubhavanā ca hoti, tasmā hetunā nayena vaṭṭadukkhassa antakiriyāya okāso na paññāyati nāma.
ยถา ยถา เวทนียนฺติ เยน เยนากาเรน เวทิตพฺพํฯ ตถา ตถาสฺส วิปากํ ปฎิสํเวทิยตีติ เตน เตนากาเรน อสฺส วิปากํ ปจฺจนุโภติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยเทตํ สตฺตสุ ชวเนสุ ปฐมชวนกมฺมํ สติ ปจฺจเย วิปากวารํ ลภนฺตเมว ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, อสติ อโหสิกมฺมํ นามฯ ยญฺจ สตฺตมชวนกมฺมํ สติ ปจฺจเย อุปปชฺชเวทนียํ โหติ, อสติ อโหสิกมฺมํ นามฯ ยญฺจ มเชฺฌ ปญฺจชวนกมฺมํ ยาว สํสารปฺปวตฺติ, ตาว อปรปริยายเวทนียํ นาม โหติฯ เอเตสุ อากาเรสุ เยน เยนากาเรน เวทิตพฺพํ กมฺมํ อยํ ปุริโส กโรติ, เตน เตเนวสฺส วิปากํ ปฎิสํเวทิยติ นามฯ อฎฺฐกถายญฺหิ ลทฺธวิปากวารเมว กมฺมํ ยถาเวทนียํ กมฺมํ นามาติ วุตฺตํฯ เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส โหตีติ กมฺมกฺขยกรสฺส พฺรหฺมจริยสฺส เขเปตพฺพกมฺมสมฺภวโต วาโส นาม โหติ, วุตฺถํ สุวุตฺถเมว โหตีติ อโตฺถฯ โอกาโส ปญฺญายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายาติ ยสฺมา เอวํ สเนฺต เตน เตน มเคฺคน อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส นิโรเธน เตสุ เตสุ ภเวสุ อายติํ วฎฺฎทุกฺขํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา โอกาโส ปญฺญายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายฯ
Yathā yathā vedanīyanti yena yenākārena veditabbaṃ. Tathātathāssa vipākaṃ paṭisaṃvediyatīti tena tenākārena assa vipākaṃ paccanubhoti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadetaṃ sattasu javanesu paṭhamajavanakammaṃ sati paccaye vipākavāraṃ labhantameva diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, asati ahosikammaṃ nāma. Yañca sattamajavanakammaṃ sati paccaye upapajjavedanīyaṃ hoti, asati ahosikammaṃ nāma. Yañca majjhe pañcajavanakammaṃ yāva saṃsārappavatti, tāva aparapariyāyavedanīyaṃ nāma hoti. Etesu ākāresu yena yenākārena veditabbaṃ kammaṃ ayaṃ puriso karoti, tena tenevassa vipākaṃ paṭisaṃvediyati nāma. Aṭṭhakathāyañhi laddhavipākavārameva kammaṃ yathāvedanīyaṃ kammaṃ nāmāti vuttaṃ. Evaṃ santaṃ, bhikkhave, brahmacariyavāso hotīti kammakkhayakarassa brahmacariyassa khepetabbakammasambhavato vāso nāma hoti, vutthaṃ suvutthameva hotīti attho. Okāso paññāyati sammā dukkhassa antakiriyāyāti yasmā evaṃ sante tena tena maggena abhisaṅkhāraviññāṇassa nirodhena tesu tesu bhavesu āyatiṃ vaṭṭadukkhaṃ na uppajjati, tasmā okāso paññāyati sammā dukkhassa antakiriyāya.
อิทานิ ตํ ยถาเวทนียกมฺมสภาวํ ทเสฺสโนฺต อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺสาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อปฺปมตฺตกนฺติ ปริตฺตํ โถกํ มนฺทํ ลามกํฯ ตาทิสํเยวาติ ตํสริกฺขกเมวฯ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียนฺติ ตสฺมิํ กเมฺมเยว ทิฎฺฐธเมฺม วิปจฺจิตพฺพํ วิปากวารํ ลภนฺตํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติฯ นาณุปิ ขายตีติ ทุติเย อตฺตภาเว อณุปิ น ขายติ, อณุมตฺตมฺปิ ทุติเย อตฺตภาเว วิปากํ น เทตีติ อโตฺถฯ พหุเทวาติ พหุกํ ปน วิปากํ กิเมว ทสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ อภาวิตกาโยติอาทีหิ กายภาวนารหิโต วฎฺฎคามี ปุถุชฺชโน ทสฺสิโตฯ ปริโตฺตติ ปริตฺตคุโณฯ อปฺปาตุโมติ อาตุมา วุจฺจติ อตฺตภาโว, ตสฺมิํ มหเนฺตปิ คุณปริตฺตตาย อปฺปาตุโมเยวฯ อปฺปทุกฺขวิหารีติ อปฺปเกนปิ ปาเปน ทุกฺขวิหารีฯ ภาวิตกาโยติอาทีหิ ขีณาสโว ทสฺสิโตฯ โส หิ กายานุปสฺสนาสงฺขาตาย กายภาวนาย ภาวิตกาโย นามฯ กายสฺส วา วฑฺฒิตตฺตา ภาวิตกาโยฯ ภาวิตสีโลติ วฑฺฒิตสีโลฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ปญฺจทฺวารภาวนาย วา ภาวิตกาโยฯ เอเตน อินฺทฺริยสํวรสีลํ วุตฺตํ, ภาวิตสีโลติ อิมินา เสสานิ ตีณิ สีลานิฯ อปริโตฺตติ น ปริตฺตคุโณฯ มหโตฺตติ อตฺตภาเว ปริเตฺตปิ คุณมหนฺตตาย มหโตฺตฯ อปฺปมาณวิหารีติ ขีณาสวเสฺสตํ นามเมวฯ โส หิ ปมาณกรานํ ราคาทีนํ อภาเวน อปฺปมาณวิหารี นามฯ
Idāni taṃ yathāvedanīyakammasabhāvaṃ dassento idha, bhikkhave, ekaccassātiādimāha. Tattha appamattakanti parittaṃ thokaṃ mandaṃ lāmakaṃ. Tādisaṃyevāti taṃsarikkhakameva. Diṭṭhadhammavedanīyanti tasmiṃ kammeyeva diṭṭhadhamme vipaccitabbaṃ vipākavāraṃ labhantaṃ diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti. Nāṇupi khāyatīti dutiye attabhāve aṇupi na khāyati, aṇumattampi dutiye attabhāve vipākaṃ na detīti attho. Bahudevāti bahukaṃ pana vipākaṃ kimeva dassatīti adhippāyo. Abhāvitakāyotiādīhi kāyabhāvanārahito vaṭṭagāmī puthujjano dassito. Parittoti parittaguṇo. Appātumoti ātumā vuccati attabhāvo, tasmiṃ mahantepi guṇaparittatāya appātumoyeva. Appadukkhavihārīti appakenapi pāpena dukkhavihārī. Bhāvitakāyotiādīhi khīṇāsavo dassito. So hi kāyānupassanāsaṅkhātāya kāyabhāvanāya bhāvitakāyo nāma. Kāyassa vā vaḍḍhitattā bhāvitakāyo. Bhāvitasīloti vaḍḍhitasīlo. Sesapadadvayepi eseva nayo. Pañcadvārabhāvanāya vā bhāvitakāyo. Etena indriyasaṃvarasīlaṃ vuttaṃ, bhāvitasīloti iminā sesāni tīṇi sīlāni. Aparittoti na parittaguṇo. Mahattoti attabhāve parittepi guṇamahantatāya mahatto. Appamāṇavihārīti khīṇāsavassetaṃ nāmameva. So hi pamāṇakarānaṃ rāgādīnaṃ abhāvena appamāṇavihārī nāma.
ปริเตฺตติ ขุทฺทเกฯ อุทกมลฺลเกติ อุทกสราเวฯ โอรพฺภิโกติ อุรพฺภสามิโกฯ อุรพฺภฆาตโกติ สูนกาโรฯ ชาเปตุํ วาติ ธนชานิยา ชาเปตุํฯ ฌาเปตุนฺติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ ยถาปจฺจยํ วา กาตุนฺติ ยถา อิจฺฉติ, ตถา กาตุํฯ อุรพฺภธนนฺติ เอฬกอคฺฆนกมูลํฯ โส ปนสฺส สเจ อิจฺฉติ, เทติฯ โน เจ อิจฺฉติ, คีวายํ คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒาเปติฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต วฎฺฎวิวฎฺฎํ กถิตนฺติฯ
Paritteti khuddake. Udakamallaketi udakasarāve. Orabbhikoti urabbhasāmiko. Urabbhaghātakoti sūnakāro. Jāpetuṃ vāti dhanajāniyā jāpetuṃ. Jhāpetuntipi pāṭho, ayamevattho. Yathāpaccayaṃ vā kātunti yathā icchati, tathā kātuṃ. Urabbhadhananti eḷakaagghanakamūlaṃ. So panassa sace icchati, deti. No ce icchati, gīvāyaṃ gahetvā nikkaḍḍhāpeti. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Imasmiṃ pana sutte vaṭṭavivaṭṭaṃ kathitanti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๙. โลณกปลฺลสุตฺตํ • 9. Loṇakapallasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา • 9. Loṇakapallasuttavaṇṇanā