Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    ๕. อตฺถกามวโคฺค

    5. Atthakāmavaggo

    [๔๑] ๑. โลสกชาตกวณฺณนา

    [41] 1. Losakajātakavaṇṇanā

    โย อตฺถกามสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โลสกติสฺสเตฺถรํ นาม อารพฺภ กเถสิฯ โก ปเนส โลสกติสฺสเตฺถโร นามาติ? โกสลรเฎฺฐ เอโก อตฺตโน กุลนาสโก เกวฎฺฎปุตฺตโก อลาภี ภิกฺขุฯ โส กิร นิพฺพตฺตฎฺฐาเนตา จวิตฺวา โกสลรเฎฺฐ เอกสฺมิํ กุลสหสฺสวาเส เกวฎฺฎคาเม เอกิสฺสา เกวฎฺฎิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺส ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเส ตํ กุลสหสฺสํ ชาลหตฺถํ นทิยญฺจ ตฬากาทีสุ จ มเจฺฉ ปริเยสนฺตํ เอกํ ขุทฺทกมจฺฉมฺปิ นาลตฺถฯ ตโต ปฎฺฐาย จ เต เกวฎฺฎา ปริหายนฺติเยวฯ ตสฺมิญฺหิ กุจฺฉิคเตเยว เนสํ คาโม สตฺต วาเร อคฺคินา ทโฑฺฒ, สตฺต วาเร รญฺญา ทณฺฑิโตฯ เอวํ อนุกฺกเมน ทุคฺคตา ชาตาฯ เต จินฺตยิํสุ ‘‘ปุเพฺพ อมฺหากํ เอวรูปํ นตฺถิ, อิทานิ ปน ปริหายาม, อมฺหากํ อนฺตเร เอกาย กาฬกณฺณิยา ภวิตพฺพํ, เทฺว ภาคา โหมา’’ติ ปญฺจ ปญฺจ กุลสตานิ เอกโต อเหสุํฯ ตโต ยตฺถ ตสฺส มาตาปิตโร, โสว โกฎฺฐาโส ปริหายติ, อิตโร วฑฺฒติฯ เต ตมฺปิ โกฎฺฐาสํ ทฺวิธา, ตมฺปิ ทฺวิธาติ เอวํ ยาว ตเมว กุลํ เอกํ อโหสิ, ตาว วิภชิตฺวา เตสํ กาฬกณฺณิภาวํ ญตฺวา โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒิํสุฯ

    Yoatthakāmassāti idaṃ satthā jetavane viharanto losakatissattheraṃ nāma ārabbha kathesi. Ko panesa losakatissatthero nāmāti? Kosalaraṭṭhe eko attano kulanāsako kevaṭṭaputtako alābhī bhikkhu. So kira nibbattaṭṭhānetā cavitvā kosalaraṭṭhe ekasmiṃ kulasahassavāse kevaṭṭagāme ekissā kevaṭṭiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. Tassa paṭisandhiggahaṇadivase taṃ kulasahassaṃ jālahatthaṃ nadiyañca taḷākādīsu ca macche pariyesantaṃ ekaṃ khuddakamacchampi nālattha. Tato paṭṭhāya ca te kevaṭṭā parihāyantiyeva. Tasmiñhi kucchigateyeva nesaṃ gāmo satta vāre agginā daḍḍho, satta vāre raññā daṇḍito. Evaṃ anukkamena duggatā jātā. Te cintayiṃsu ‘‘pubbe amhākaṃ evarūpaṃ natthi, idāni pana parihāyāma, amhākaṃ antare ekāya kāḷakaṇṇiyā bhavitabbaṃ, dve bhāgā homā’’ti pañca pañca kulasatāni ekato ahesuṃ. Tato yattha tassa mātāpitaro, sova koṭṭhāso parihāyati, itaro vaḍḍhati. Te tampi koṭṭhāsaṃ dvidhā, tampi dvidhāti evaṃ yāva tameva kulaṃ ekaṃ ahosi, tāva vibhajitvā tesaṃ kāḷakaṇṇibhāvaṃ ñatvā pothetvā nikkaḍḍhiṃsu.

    อถสฺส มาตา กิเจฺฉน ชีวมานา ปริปเกฺก คเพฺภ เอกสฺมิํ ฐาเน วิชายิฯ ปจฺฉิมภวิกสตฺตํ น สกฺกา นาเสตุํ, อโนฺตฆเฎ ปทีโป วิย ตสฺส หทเย อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย ชลติฯ สา ตํ ทารกํ ปฎิชคฺคิตฺวา อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล เอกมสฺส กปาลกํ หเตฺถ ทตฺวา ‘‘ปุตฺต, เอตํ ฆรํ ปวิสา’’ติ เปเสตฺวา ปลาตาฯ โส ตโต ปฎฺฐาย เอกโกว หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา เอกสฺมิํ ฐาเน สยติ, น นฺหายติ, น สรีรํ ปฎิชคฺคติ, ปํสุปิสาจโก วิย กิเจฺฉน ชีวิกํ กเปฺปติฯ โส อนุกฺกเมน สตฺตวสฺสิโก หุตฺวา เอกสฺมิํ เคหทฺวาเร อุกฺขลิโธวนสฺส ฉฑฺฑิตฎฺฐาเน กาโก วิย เอเกกํ ภตฺตสิตฺถํ อุจฺจินิตฺวา ขาทติฯ

    Athassa mātā kicchena jīvamānā paripakke gabbhe ekasmiṃ ṭhāne vijāyi. Pacchimabhavikasattaṃ na sakkā nāsetuṃ, antoghaṭe padīpo viya tassa hadaye arahattassa upanissayo jalati. Sā taṃ dārakaṃ paṭijaggitvā ādhāvitvā paridhāvitvā vicaraṇakāle ekamassa kapālakaṃ hatthe datvā ‘‘putta, etaṃ gharaṃ pavisā’’ti pesetvā palātā. So tato paṭṭhāya ekakova hutvā tattha tattha bhikkhaṃ pariyesitvā ekasmiṃ ṭhāne sayati, na nhāyati, na sarīraṃ paṭijaggati, paṃsupisācako viya kicchena jīvikaṃ kappeti. So anukkamena sattavassiko hutvā ekasmiṃ gehadvāre ukkhalidhovanassa chaḍḍitaṭṭhāne kāko viya ekekaṃ bhattasitthaṃ uccinitvā khādati.

    อถ นํ ธมฺมเสนาปติ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรมาโน ทิสฺวา ‘‘อยํ สโตฺต อติการุญฺญปฺปโตฺต , กตรคามวาสิโก นุ โข’’ติ ตสฺมิํ เมตฺตจิตฺตํ วเฑฺฒตฺวา ‘‘เอหิ, เร’’ติ อาหฯ โส อาคนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถ นํ เถโร ‘‘กตรคามวาสิโกสิ, กหํ วา เต มาตาปิตโร’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อหํ, ภเนฺต, นิปฺปจฺจโย, มยฺหํ มาตาปิตโร มํ นิสฺสาย ‘กิลนฺตมฺหา’ติ มํ ฉเฑฺฑตฺวา ปลาตา’’ติฯ ‘‘อปิ ปน ปพฺพชิสฺสสี’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, อหํ ตาว ปพฺพเชยฺยํ, มาทิสํ ปน กปณํ โก ปพฺพาเชสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพาเชสฺสามี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต, ปพฺพาเชถา’’ติฯ เถโร ตสฺส ขาทนียโภชนียํ ทตฺวา ตํ วิหารํ เนตฺวา สหเตฺถเนว นฺหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา ปริปุณฺณวสฺสํ อุปสมฺปาเทสิฯ โส มหลฺลกกาเล ‘‘โลสกติสฺสเตฺถโร’’ติ ปญฺญายิตฺถ อปฺปปุโญฺญ อปฺปลาโภฯ เตน กิร อสทิสทาเนปิ กุจฺฉิปูโร น ลทฺธปุโพฺพ, ชีวิตฆฎนมตฺตเมว ลภติฯ ตสฺส หิ ปเตฺต เอกสฺมิํเยว ยาคุอุฬุเงฺก ทิเนฺน ปโตฺต สมติตฺติโก วิย หุตฺวา ปญฺญายติฯ อถ มนุสฺสา ‘‘อิมสฺส ปโตฺต ปูโร’’ติ เหฎฺฐา ยาคุํ เทนฺติฯ ตสฺส ปเตฺต ยาคุํ ทานกาเล มนุสฺสานํ ภาชเน ยาคุ อนฺตรธายตีติปิ วทนฺติฯ ขชฺชกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Atha naṃ dhammasenāpati sāvatthiyaṃ piṇḍāya caramāno disvā ‘‘ayaṃ satto atikāruññappatto , kataragāmavāsiko nu kho’’ti tasmiṃ mettacittaṃ vaḍḍhetvā ‘‘ehi, re’’ti āha. So āgantvā theraṃ vanditvā aṭṭhāsi. Atha naṃ thero ‘‘kataragāmavāsikosi, kahaṃ vā te mātāpitaro’’ti pucchi. ‘‘Ahaṃ, bhante, nippaccayo, mayhaṃ mātāpitaro maṃ nissāya ‘kilantamhā’ti maṃ chaḍḍetvā palātā’’ti. ‘‘Api pana pabbajissasī’’ti. ‘‘Bhante, ahaṃ tāva pabbajeyyaṃ, mādisaṃ pana kapaṇaṃ ko pabbājessasī’’ti? ‘‘Ahaṃ pabbājessāmī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante, pabbājethā’’ti. Thero tassa khādanīyabhojanīyaṃ datvā taṃ vihāraṃ netvā sahattheneva nhāpetvā pabbājetvā paripuṇṇavassaṃ upasampādesi. So mahallakakāle ‘‘losakatissatthero’’ti paññāyittha appapuñño appalābho. Tena kira asadisadānepi kucchipūro na laddhapubbo, jīvitaghaṭanamattameva labhati. Tassa hi patte ekasmiṃyeva yāguuḷuṅke dinne patto samatittiko viya hutvā paññāyati. Atha manussā ‘‘imassa patto pūro’’ti heṭṭhā yāguṃ denti. Tassa patte yāguṃ dānakāle manussānaṃ bhājane yāgu antaradhāyatītipi vadanti. Khajjakādīsupi eseva nayo.

    โส อปเรน สมเยน วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อคฺคผเล อรหเตฺต ปติฎฺฐิโตปิ อปฺปลาโภว อโหสิฯ อถสฺส อนุปุเพฺพน อายุสงฺขาเรสุ ปริหีเนสุ ปรินิพฺพานทิวโส สมฺปาปุณิฯ ธมฺมเสนาปติ อาวเชฺชโนฺต ตสฺส ปรินิพฺพานภาวํ ญตฺวา ‘‘อยํ โลสกติสฺสเตฺถโร อชฺช ปรินิพฺพายิสฺสติ, อชฺช มยา เอตสฺส ยาวทตฺถํ อาหารํ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ตํ อาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ เถโร ตํ นิสฺสาย ตาว พหุมนุสฺสาย สาวตฺถิยา หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนมตฺตมฺปิ นาลตฺถฯ อถ นํ เถโร ‘‘คจฺฉาวุโส, อาสนสาลาย นิสีทา’’ติ อุโยฺยเชตฺวา คโตฯ ตํ อาคตเมว มนุสฺสา ‘‘อโยฺย, อาคโต’’ติ อาสเน นิสีทาเปตฺวา โภเชสิฯ เถโรปิ ‘‘อิมํ โลสกสฺส เทถา’’ติ ลทฺธาหารํ เปเสสิฯ ตํ คเหตฺวา คตา โลสกติสฺสเตฺถรํ อสริตฺวา สยเมว ภุญฺชิํสุฯ อถ เถรสฺส อุฎฺฐาย วิหารํ คมนกาเล โลสกติสฺสเตฺถโร อาคนฺตฺวา เถรํ วนฺทิ, เถโร นิวตฺติตฺวา ฐิตโกว ‘‘ลทฺธํ เต, อาวุโส, ภตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ลภิสฺสาม โน, ภเนฺตติฯ เถโร สํเวคปโตฺต กาลํ โอโลเกสิ, กาโล อติกฺกโนฺตฯ เถโร ‘‘โหตาวุโส, อิเธว นิสีทา’’ติ โลสกเตฺถรํ อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา โกสลรโญฺญ นิเวสนํ อคมาสิฯ ราชา เถรสฺส ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ‘‘ภตฺตสฺส อกาโล’’ติ ปตฺตปูรํ จตุมธุรํ ทาเปสิฯ เถโร ตํ อาทาย คนฺตฺวา ‘‘เอหาวุโส, ติสฺส อิมํ จตุมธุรํ ภุญฺชา’’ติ วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ โส เถเร คารเวน ลชฺชโนฺต น ปริภุญฺชติฯ อถ นํ เถโร ‘‘เอหาวุโส ติสฺส, อหํ อิมํ ปตฺตํ คเหตฺวาว ฐสฺสามิ, ตฺวํ นิสีทิตฺวา ปริภุญฺชฯ สเจ อหํ ปตฺตํ หตฺถโต มุเญฺจยฺยํ, กิญฺจิ น ภเวยฺยา’’ติ อาหฯ อถายสฺมา โลสกติสฺสเตฺถโร อคฺคสาวเก ธมฺมเสนาปติมฺหิ ปตฺตํ คเหตฺวา ฐิเต จตุมธุรํ ปริภุญฺชิฯ ตํ เถรสฺส อริยิทฺธิพเลน ปริกฺขยํ น อคมาสิฯ ตทา โลสกติสฺสเตฺถโร ยาวทตฺถํ อุทรปูรํ กตฺวา ปริภุญฺชิ, ตํ ทิวสํเยว จ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ สนฺติเก ฐตฺวา สรีรนิเกฺขปํ กาเรสิ, ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ กริํสุฯ

    So aparena samayena vipassanaṃ vaḍḍhetvā aggaphale arahatte patiṭṭhitopi appalābhova ahosi. Athassa anupubbena āyusaṅkhāresu parihīnesu parinibbānadivaso sampāpuṇi. Dhammasenāpati āvajjento tassa parinibbānabhāvaṃ ñatvā ‘‘ayaṃ losakatissatthero ajja parinibbāyissati, ajja mayā etassa yāvadatthaṃ āhāraṃ dātuṃ vaṭṭatī’’ti taṃ ādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisi. Thero taṃ nissāya tāva bahumanussāya sāvatthiyā hatthaṃ pasāretvā vandanamattampi nālattha. Atha naṃ thero ‘‘gacchāvuso, āsanasālāya nisīdā’’ti uyyojetvā gato. Taṃ āgatameva manussā ‘‘ayyo, āgato’’ti āsane nisīdāpetvā bhojesi. Theropi ‘‘imaṃ losakassa dethā’’ti laddhāhāraṃ pesesi. Taṃ gahetvā gatā losakatissattheraṃ asaritvā sayameva bhuñjiṃsu. Atha therassa uṭṭhāya vihāraṃ gamanakāle losakatissatthero āgantvā theraṃ vandi, thero nivattitvā ṭhitakova ‘‘laddhaṃ te, āvuso, bhatta’’nti pucchi. Labhissāma no, bhanteti. Thero saṃvegapatto kālaṃ olokesi, kālo atikkanto. Thero ‘‘hotāvuso, idheva nisīdā’’ti losakattheraṃ āsanasālāyaṃ nisīdāpetvā kosalarañño nivesanaṃ agamāsi. Rājā therassa pattaṃ gāhāpetvā ‘‘bhattassa akālo’’ti pattapūraṃ catumadhuraṃ dāpesi. Thero taṃ ādāya gantvā ‘‘ehāvuso, tissa imaṃ catumadhuraṃ bhuñjā’’ti vatvā pattaṃ gahetvā aṭṭhāsi. So there gāravena lajjanto na paribhuñjati. Atha naṃ thero ‘‘ehāvuso tissa, ahaṃ imaṃ pattaṃ gahetvāva ṭhassāmi, tvaṃ nisīditvā paribhuñja. Sace ahaṃ pattaṃ hatthato muñceyyaṃ, kiñci na bhaveyyā’’ti āha. Athāyasmā losakatissatthero aggasāvake dhammasenāpatimhi pattaṃ gahetvā ṭhite catumadhuraṃ paribhuñji. Taṃ therassa ariyiddhibalena parikkhayaṃ na agamāsi. Tadā losakatissatthero yāvadatthaṃ udarapūraṃ katvā paribhuñji, taṃ divasaṃyeva ca anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi. Sammāsambuddho santike ṭhatvā sarīranikkhepaṃ kāresi, dhātuyo gahetvā cetiyaṃ kariṃsu.

    ตทา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, อโห โลสกติสฺสเตฺถโร อปฺปปุโญฺญ อปฺปลาภี, เอวรูเปน นาม อปฺปปุเญฺญน อปฺปลาภินา กถํ อริยธโมฺม ลโทฺธ’’ติ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิฯ เต ‘‘อิมาย นาม, ภเนฺต’’ติ อาโรจยิํสุฯ สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, เอโส ภิกฺขุ อตฺตโน อลาภิภาวญฺจ อริยธมฺมลาภิภาวญฺจ อตฺตนาว อกาสิฯ อยญฺหิ ปุเพฺพ ปเรสํ ลาภนฺตรายํ กตฺวา อปฺปลาภี ชาโต, ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนาย ยุตฺตภาวสฺส พเลน อริยธมฺมลาภี ชาโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Tadā bhikkhū dhammasabhāyaṃ sannipatitvā ‘‘āvuso, aho losakatissatthero appapuñño appalābhī, evarūpena nāma appapuññena appalābhinā kathaṃ ariyadhammo laddho’’ti kathentā nisīdiṃsu. Satthā dhammasabhaṃ gantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchi. Te ‘‘imāya nāma, bhante’’ti ārocayiṃsu. Satthā ‘‘bhikkhave, eso bhikkhu attano alābhibhāvañca ariyadhammalābhibhāvañca attanāva akāsi. Ayañhi pubbe paresaṃ lābhantarāyaṃ katvā appalābhī jāto, ‘‘aniccaṃ, dukkhaṃ, anattā’’ti vipassanāya yuttabhāvassa balena ariyadhammalābhī jāto’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อญฺญตโร ภิกฺขุ เอกํ กุฎุมฺพิกํ นิสฺสาย คามกาวาเส วสติ ปกตโตฺต สีลวา วิปสฺสนาย ยุตฺตปฺปยุโตฺตฯ อเถโก ขีณาสวเตฺถโร สมวตฺตวาสํ วสมาโน อนุปุเพฺพน ตสฺส ภิกฺขุโน อุปฎฺฐากกุฎุมฺพิกสฺส วสนคามํ สมฺปโตฺตฯ กุฎุมฺพิโก เถรสฺส อิริยาปเถเยว ปสีทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ฆรํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา โถกํ ธมฺมกถํ สุตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อมฺหากํ ธุรวิหารเมว คจฺฉถ, มยํ สายนฺหสมเย อาคนฺตฺวา ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาหฯ เถโร วิหารํ คนฺตฺวา เนวาสิกเตฺถรํ วนฺทิตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ โสปิ เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ลโทฺธ เต, อาวุโส, ภิกฺขาหาโร’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, ลโทฺธ’’ติฯ ‘‘กหํ ลโทฺธ’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ ธุรคาเม กุฎุมฺพิกฆเร’’ติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา อตฺตโน เสนาสนํ ปุจฺฉิตฺวา ปฎิชคฺคิตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฎิสาเมตฺวา ฌานสุเขน ผลสุเขน จ วีตินาเมโนฺต นิสีทิฯ

    Atīte kira kassapasammāsambuddhakāle aññataro bhikkhu ekaṃ kuṭumbikaṃ nissāya gāmakāvāse vasati pakatatto sīlavā vipassanāya yuttappayutto. Atheko khīṇāsavatthero samavattavāsaṃ vasamāno anupubbena tassa bhikkhuno upaṭṭhākakuṭumbikassa vasanagāmaṃ sampatto. Kuṭumbiko therassa iriyāpatheyeva pasīditvā pattaṃ ādāya gharaṃ pavesetvā sakkaccaṃ bhojetvā thokaṃ dhammakathaṃ sutvā theraṃ vanditvā ‘‘bhante, amhākaṃ dhuravihārameva gacchatha, mayaṃ sāyanhasamaye āgantvā passissāmā’’ti āha. Thero vihāraṃ gantvā nevāsikattheraṃ vanditvā āpucchitvā ekamantaṃ nisīdi. Sopi tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘laddho te, āvuso, bhikkhāhāro’’ti pucchi. ‘‘Āma, laddho’’ti. ‘‘Kahaṃ laddho’’ti? ‘‘Tumhākaṃ dhuragāme kuṭumbikaghare’’ti. Evañca pana vatvā attano senāsanaṃ pucchitvā paṭijaggitvā pattacīvaraṃ paṭisāmetvā jhānasukhena phalasukhena ca vītināmento nisīdi.

    โสปิ กุฎุมฺพิโก สายเนฺห คนฺธมาลเญฺจว ปทีเปยฺยญฺจ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เนวาสิกเตฺถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, เอโก อาคนฺตุกเตฺถโร อตฺถิ, อาคโต นุ โข’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, อาคโต’’ติฯ ‘‘อิทานิ กห’’นฺติฯ ‘‘อสุกเสนาสเน นามา’’ติฯ โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ธมฺมกถํ สุตฺวา สีตลเวลาย เจติยญฺจ โพธิญฺจ ปูเชตฺวา ทีเป ชาเลตฺวา อุโภปิ ชเน นิมเนฺตตฺวา คโตฯ เนวาสิกเตฺถโรปิ โข ‘‘อยํ กุฎุมฺพิโก ปริภิโนฺน, สจายํ ภิกฺขุ อิมสฺมิํ วิหาเร วสิสฺสติ, น มํ เอส กิสฺมิญฺจิ คณยิสฺสตี’’ติ เถเร อนตฺตมนตํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ วิหาเร เอตสฺส อวสนากาโร มยา กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ เตน อุปฎฺฐานเวลาย อาคเตน สทฺธิํ กิญฺจิ น กเถสิฯ ขีณาสวเตฺถโร ตสฺส อชฺฌาสยํ ชานิตฺวา ‘‘อยํ เถโร มม กุเล วา คเณ วา อปลิพุทฺธภาวํ น ชานาตี’’ติ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ฌานสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมสิฯ

    Sopi kuṭumbiko sāyanhe gandhamālañceva padīpeyyañca gāhāpetvā vihāraṃ gantvā nevāsikattheraṃ vanditvā ‘‘bhante, eko āgantukatthero atthi, āgato nu kho’’ti pucchi. ‘‘Āma, āgato’’ti. ‘‘Idāni kaha’’nti. ‘‘Asukasenāsane nāmā’’ti. So tassa santikaṃ gantvā vanditvā ekamantaṃ nisinno dhammakathaṃ sutvā sītalavelāya cetiyañca bodhiñca pūjetvā dīpe jāletvā ubhopi jane nimantetvā gato. Nevāsikattheropi kho ‘‘ayaṃ kuṭumbiko paribhinno, sacāyaṃ bhikkhu imasmiṃ vihāre vasissati, na maṃ esa kismiñci gaṇayissatī’’ti there anattamanataṃ āpajjitvā ‘‘imasmiṃ vihāre etassa avasanākāro mayā kātuṃ vaṭṭatī’’ti tena upaṭṭhānavelāya āgatena saddhiṃ kiñci na kathesi. Khīṇāsavatthero tassa ajjhāsayaṃ jānitvā ‘‘ayaṃ thero mama kule vā gaṇe vā apalibuddhabhāvaṃ na jānātī’’ti attano vasanaṭṭhānaṃ gantvā jhānasukhena phalasukhena vītināmesi.

    เนวาสิโกปิ ปุนทิวเส นขปิเฎฺฐน คณฺฑิํ ปหริตฺวา นเขน ทฺวารํ อาโกเฎตฺวา กุฎุมฺพิกสฺส เคหํ อคมาสิฯ โส ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ‘‘อาคนฺตุกเตฺถโร กหํ, ภเนฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘นาหํ ตว กุลูปกสฺส ปวตฺติํ ชานามิ, คณฺฑิํ ปหรโนฺตปิ ทฺวารํ อาโกเฎโนฺตปิ ปโพเธตุํ นาสกฺขิํ, หิโยฺย ตว เคเห ปณีตโภชนํ ภุญฺชิตฺวา ชีราเปตุํ อสโกฺกโนฺต อิทานิ นิทฺทํ โอกฺกโนฺตเยว ภวิสฺสติ, ตฺวํ ปสีทมาโน เอวรูเปสุเยว ฐาเนสุ ปสีทสี’’ติ อาห – ‘‘ขีณาสวเตฺถโรปิ อตฺตโน ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลเกฺขตฺวา สรีรํ ปฎิชคฺคิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อากาเส อุปฺปติตฺวา อญฺญตฺถ อคมาสิฯ โส กุฎุมฺพิโก เนวาสิกเตฺถรํ สปฺปิมธุสกฺขราภิสงฺขตํ ปายาสํ ปาเยตฺวา ปตฺตํ คนฺธจุเณฺณหิ อุพฺพเฎฺฎตฺวา ปุน ปูเรตฺวา ‘‘ภเนฺต, โส เถโร มคฺคกิลโนฺต ภวิสฺสติ, อิทมสฺส หรถา’’ติ อทาสิฯ อิตโร อปฎิกฺขิปิตฺวาว คเหตฺวา คจฺฉโนฺต ‘‘สเจ โส ภิกฺขุ อิมํ ปายาสํ ปิวิสฺสติ, คีวายํ คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒิยมาโนปิ น คมิสฺสติฯ สเจ ปนาหํ อิมํ ปายาสํ มนุสฺสานํ ทสฺสามิ, ปากฎํ เม กมฺมํ ภวิสฺสติฯ สเจ อุทเก โอปิลาเปสฺสามิ, อุทกปิเฎฺฐ สปฺปิ ปญฺญายิสฺสติ ฯ สเจ ภูมิยํ ฉเฑฺฑสฺสามิ, กากสนฺนิปาเตน ปญฺญายิสฺสติฯ กตฺถ นุ โข อิมํ ฉเฑฺฑยฺย’’นฺติ อุปธาเรโนฺต เอกํ ฌามเกฺขตฺตํ ทิสฺวา องฺคาเร วิยูหิตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปิตฺวา อุปริ องฺคาเรหิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา วิหารํ คโต ตํ ภิกฺขุํ อทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อทฺธา โส ภิกฺขุ ขีณาสโว มม อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อญฺญตฺถ คโต ภวิสฺสติ, อโห มยา อุทรเหตุ อยุตฺตํ กต’’นฺติ ตาวเทวสฺส มหนฺตํ โทมนสฺสํ อุทปาทิฯ ตโต ปฎฺฐาเยว จ มนุสฺสเปโต หุตฺวา น จิรเสฺสว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติฯ

    Nevāsikopi punadivase nakhapiṭṭhena gaṇḍiṃ paharitvā nakhena dvāraṃ ākoṭetvā kuṭumbikassa gehaṃ agamāsi. So tassa pattaṃ gahetvā paññattāsane nisīdāpetvā ‘‘āgantukatthero kahaṃ, bhante’’ti pucchi. ‘‘Nāhaṃ tava kulūpakassa pavattiṃ jānāmi, gaṇḍiṃ paharantopi dvāraṃ ākoṭentopi pabodhetuṃ nāsakkhiṃ, hiyyo tava gehe paṇītabhojanaṃ bhuñjitvā jīrāpetuṃ asakkonto idāni niddaṃ okkantoyeva bhavissati, tvaṃ pasīdamāno evarūpesuyeva ṭhānesu pasīdasī’’ti āha – ‘‘khīṇāsavattheropi attano bhikkhācāravelaṃ sallakkhetvā sarīraṃ paṭijaggitvā pattacīvaramādāya ākāse uppatitvā aññattha agamāsi. So kuṭumbiko nevāsikattheraṃ sappimadhusakkharābhisaṅkhataṃ pāyāsaṃ pāyetvā pattaṃ gandhacuṇṇehi ubbaṭṭetvā puna pūretvā ‘‘bhante, so thero maggakilanto bhavissati, idamassa harathā’’ti adāsi. Itaro apaṭikkhipitvāva gahetvā gacchanto ‘‘sace so bhikkhu imaṃ pāyāsaṃ pivissati, gīvāyaṃ gahetvā nikkaḍḍhiyamānopi na gamissati. Sace panāhaṃ imaṃ pāyāsaṃ manussānaṃ dassāmi, pākaṭaṃ me kammaṃ bhavissati. Sace udake opilāpessāmi, udakapiṭṭhe sappi paññāyissati . Sace bhūmiyaṃ chaḍḍessāmi, kākasannipātena paññāyissati. Kattha nu kho imaṃ chaḍḍeyya’’nti upadhārento ekaṃ jhāmakkhettaṃ disvā aṅgāre viyūhitvā tattha pakkhipitvā upari aṅgārehi paṭicchādetvā vihāraṃ gato taṃ bhikkhuṃ adisvā cintesi ‘‘addhā so bhikkhu khīṇāsavo mama ajjhāsayaṃ viditvā aññattha gato bhavissati, aho mayā udarahetu ayuttaṃ kata’’nti tāvadevassa mahantaṃ domanassaṃ udapādi. Tato paṭṭhāyeva ca manussapeto hutvā na cirasseva kālaṃ katvā niraye nibbatti.

    โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน ปฎิปาฎิยา ปญฺจชาติสเตสุ ยโกฺข หุตฺวา เอกทิวสมฺปิ อุทรปูรํ อาหารํ น ลภิฯ เอกทิวสํ ปน คพฺภมลํ อุทรปูรํ ลภิฯ ปุน ปญฺจชาติสเตสุ สุนโข อโหสิฯ ตทาปิ เอกทิวสํ ภตฺตวมนํ อุทรปูรํ ลภิ, เสสกาเล ปน เตน อุทรปูโร อาหาโร นาม น ลทฺธปุโพฺพฯ สุนขโยนิโต ปน จวิตฺวา กาสิรเฎฺฐ เอกสฺมิํ คาเม ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติฯ ตสฺส นิพฺพตฺติโต ปฎฺฐาย ตํ กุลํ ปรมทุคฺคตเมว ชาตํ, ชาติโต อุทฺธํ อุทกกญฺชิกามตฺตมฺปิ น ลภิฯ ตสฺส ปน ‘‘มิตฺตวินฺทโก’’ติ นามํ อโหสิฯ มาตาปิตโร ฉาตกทุกฺขํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกนฺตา ‘‘คจฺฉ กาฬกณฺณี’’ติ ตํ โปเถตฺวา นีหริํสุฯ โส อปฎิสรโณ วิจรโนฺต พาราณสิํ อคมาสิฯ ตทา โพธิสโตฺต พาราณสิยํ ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย หุตฺวา ปญฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ วาเจติฯ ตทา พาราณสิวาสิโน ทุคฺคตานํ ปริพฺพยํ ทตฺวา สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติฯ อยมฺปิ มิตฺตวินฺทโก โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขติฯ โส ผรุโส อโนวาทกฺขโม ตํ ตํ ปหรโนฺต วิจรติ, โพธิสเตฺตน โอวทิยมาโนปิ โอวาทํ น คณฺหาติฯ ตํ นิสฺสาย อาโยปิสฺส มโนฺท ชาโตฯ

    So bahūni vassasatasahassāni niraye paccitvā pakkāvasesena paṭipāṭiyā pañcajātisatesu yakkho hutvā ekadivasampi udarapūraṃ āhāraṃ na labhi. Ekadivasaṃ pana gabbhamalaṃ udarapūraṃ labhi. Puna pañcajātisatesu sunakho ahosi. Tadāpi ekadivasaṃ bhattavamanaṃ udarapūraṃ labhi, sesakāle pana tena udarapūro āhāro nāma na laddhapubbo. Sunakhayonito pana cavitvā kāsiraṭṭhe ekasmiṃ gāme duggatakule nibbatti. Tassa nibbattito paṭṭhāya taṃ kulaṃ paramaduggatameva jātaṃ, jātito uddhaṃ udakakañjikāmattampi na labhi. Tassa pana ‘‘mittavindako’’ti nāmaṃ ahosi. Mātāpitaro chātakadukkhaṃ adhivāsetuṃ asakkontā ‘‘gaccha kāḷakaṇṇī’’ti taṃ pothetvā nīhariṃsu. So apaṭisaraṇo vicaranto bārāṇasiṃ agamāsi. Tadā bodhisatto bārāṇasiyaṃ disāpāmokkho ācariyo hutvā pañca māṇavakasatāni sippaṃ vāceti. Tadā bārāṇasivāsino duggatānaṃ paribbayaṃ datvā sippaṃ sikkhāpenti. Ayampi mittavindako bodhisattassa santike sippaṃ sikkhati. So pharuso anovādakkhamo taṃ taṃ paharanto vicarati, bodhisattena ovadiyamānopi ovādaṃ na gaṇhāti. Taṃ nissāya āyopissa mando jāto.

    อถ โส มาณวเกหิ สทฺธิํ ภณฺฑิตฺวา โอวาทํ อคฺคณฺหโนฺต ตโต ปลายิตฺวา อาหิณฺฑโนฺต เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ภติํ กตฺวา ชีวติฯ โส ตตฺถ เอกาย ทุคฺคติตฺถิยา สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปสิฯ สา ตํ นิสฺสาย เทฺว ทารเก วิชายิฯ คามวาสิโน ‘‘อมฺหากํ สุสาสนํ ทุสฺสาสนํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ มิตฺตวินฺทกสฺส ภติํ ทตฺวา ตํ คามทฺวาเร กุฎิกาย วสาเปสุํฯ ตํ ปน มิตฺตวินฺทกํ นิสฺสาย เต ปจฺจนฺตคามวาสิโน สตฺตกฺขตฺตุํ ราชทณฺฑํ อคมํสุ, สตฺตกฺขตฺตุํ เนสํ เคหานิ ฌายิํสุ, สตฺตกฺขตฺตุํ ตฬากํ ภิชฺชิฯ เต จินฺตยิํสุ ‘‘อมฺหากํ ปุเพฺพ อิมสฺส มิตฺตวินฺทกสฺส อนาคมนกาเล เอวรูปํ นตฺถิ, อิทานิ ปนสฺส อาคตกาลโต ปฎฺฐาย ปริหายามา’’ติ ตํ โปเถตฺวา นีหริํสุฯ

    Atha so māṇavakehi saddhiṃ bhaṇḍitvā ovādaṃ aggaṇhanto tato palāyitvā āhiṇḍanto ekaṃ paccantagāmaṃ patvā bhatiṃ katvā jīvati. So tattha ekāya duggatitthiyā saddhiṃ saṃvāsaṃ kappesi. Sā taṃ nissāya dve dārake vijāyi. Gāmavāsino ‘‘amhākaṃ susāsanaṃ dussāsanaṃ āroceyyāsī’’ti mittavindakassa bhatiṃ datvā taṃ gāmadvāre kuṭikāya vasāpesuṃ. Taṃ pana mittavindakaṃ nissāya te paccantagāmavāsino sattakkhattuṃ rājadaṇḍaṃ agamaṃsu, sattakkhattuṃ nesaṃ gehāni jhāyiṃsu, sattakkhattuṃ taḷākaṃ bhijji. Te cintayiṃsu ‘‘amhākaṃ pubbe imassa mittavindakassa anāgamanakāle evarūpaṃ natthi, idāni panassa āgatakālato paṭṭhāya parihāyāmā’’ti taṃ pothetvā nīhariṃsu.

    โส อตฺตโน ทารเก คเหตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉโนฺต เอกํ อมนุสฺสปริคฺคหํ อฎวิํ ปาวิสิฯ ตตฺถสฺส อมนุสฺสา ทารเก จ ภริยญฺจ มาเรตฺวา มํสํ ขาทิํสุฯ โส ตโต ปลายิตฺวา ตโต ตโต อาหิณฺฑโนฺต เอกํ คมฺภีรํ นาม ปฎฺฎนคามํ นาวาวิสฺสชฺชนทิวเสเยว ปตฺวา กมฺมการโก หุตฺวา นาวํ อภิรุหิฯ นาวา สมุทฺทปิเฎฺฐ สตฺตาหํ คนฺตฺวา สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทมเชฺฌ อาโกเฎตฺวา ฐปิตา วิย อฎฺฐาสิฯ เต กาฬกณฺณิสลากํ จาเรสุํ, สตฺตกฺขตฺตุํ มิตฺตวินฺทกเสฺสว ปาปุณิฯ มนุสฺสา ตเสฺสกํ เวฬุกลาปํ ทตฺวา หเตฺถ คเหตฺวา สมุทฺทปิเฎฺฐ ขิปิํสุ, ตสฺมิํ ขิตฺตมเตฺต นาวา อคมาสิฯ มิตฺตวินฺทโก เวฬุกลาเป นิปชฺชิตฺวา สมุทฺทปิเฎฺฐ คจฺฉโนฺต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล รกฺขิตสีลสฺส ผเลน สมุทฺทปิเฎฺฐ เอกสฺมิํ ผลิกวิมาเน จตโสฺส เทวธีตโร ปฎิลภิตฺวา ตาสํ สนฺติเก สุขํ อนุภวมาโน สตฺตาหํ วสิฯ ตา ปน วิมานเปติโย สตฺตาหํ สุขํ อนุภวนฺติ, สตฺตาหํ ทุกฺขํฯ สตฺตาหํ ทุกฺขํ อนุภวิตุํ คจฺฉมานา ‘‘ยาว มยํ อาคจฺฉาม, ตาว อิเธว โหหี’’ติ วตฺวา อคมํสุฯ

    So attano dārake gahetvā aññattha gacchanto ekaṃ amanussapariggahaṃ aṭaviṃ pāvisi. Tatthassa amanussā dārake ca bhariyañca māretvā maṃsaṃ khādiṃsu. So tato palāyitvā tato tato āhiṇḍanto ekaṃ gambhīraṃ nāma paṭṭanagāmaṃ nāvāvissajjanadivaseyeva patvā kammakārako hutvā nāvaṃ abhiruhi. Nāvā samuddapiṭṭhe sattāhaṃ gantvā sattame divase samuddamajjhe ākoṭetvā ṭhapitā viya aṭṭhāsi. Te kāḷakaṇṇisalākaṃ cāresuṃ, sattakkhattuṃ mittavindakasseva pāpuṇi. Manussā tassekaṃ veḷukalāpaṃ datvā hatthe gahetvā samuddapiṭṭhe khipiṃsu, tasmiṃ khittamatte nāvā agamāsi. Mittavindako veḷukalāpe nipajjitvā samuddapiṭṭhe gacchanto kassapasammāsambuddhakāle rakkhitasīlassa phalena samuddapiṭṭhe ekasmiṃ phalikavimāne catasso devadhītaro paṭilabhitvā tāsaṃ santike sukhaṃ anubhavamāno sattāhaṃ vasi. Tā pana vimānapetiyo sattāhaṃ sukhaṃ anubhavanti, sattāhaṃ dukkhaṃ. Sattāhaṃ dukkhaṃ anubhavituṃ gacchamānā ‘‘yāva mayaṃ āgacchāma, tāva idheva hohī’’ti vatvā agamaṃsu.

    มิตฺตวินฺทโก ตาสํ คตกาเล เวฬุกลาเป นิปชฺชิตฺวา ปุรโต คจฺฉโนฺต รชตวิมาเน อฎฺฐ เทวธีตโร ลภิฯ ตโตปิ ปรํ คจฺฉโนฺต มณิวิมาเน โสฬส, กนกวิมาเน ทฺวตฺติํส เทวธีตโร ลภิฯ ตาสมฺปิ วจนํ อกตฺวา ปรโต คจฺฉโนฺต อนฺตรทีปเก เอกํ ยกฺขนครํ อทฺทสฯ ตเตฺถกา ยกฺขินี อชรูเปน วิจรติฯ มิตฺตวินฺทโก ตสฺสา ยกฺขินิภาวํ อชานโนฺต ‘‘อชมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ ตํ ปาเท อคฺคเหสิ, สา ยกฺขานุภาเวน ตํ อุกฺขิปิตฺวา ขิปิฯ โส ตาย ขิโตฺต สมุทฺทมตฺถเกน คนฺตฺวา พาราณสิยํ ปริขาปิเฎฺฐ เอกสฺมิํ กณฺฎกคุมฺพมตฺถเก ปติตฺวา ปวฎฺฎมาโน ภูมิยํ ปติฎฺฐาสิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย ตสฺมิํ ปริขาปิเฎฺฐ รโญฺญ อชิกา จรมานา โจรา หรนฺติฯ อชิกโคปกา ‘‘โจเร คณฺหิสฺสามา’’ติ เอกมนฺตํ นิลีนา อฎฺฐํสุฯ มิตฺตวินฺทโก ปวฎฺฎิตฺวา ภูมิยํ ฐิโต ตา อชิกา ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อหํ สมุเทฺท เอกสฺมิํ ทีปเก อชิกํ ปาเท คเหตฺวา ตาย ขิโตฺต อิธ ปติโตฯ สเจ อิทานิ เอกํ อชิกํ ปาเท คเหสฺสามิ, สา มํ ปรโต สมุทฺทปิเฎฺฐ วิมานเทวตานํ สนฺติเก ขิปิสฺสตี’’ติฯ โส เอวํ อโยนิโส มนสิกริตฺวา อชิกํ ปาเท คณฺหิ, สา คหิตมตฺตา วิรวิฯ อชิกโคปกา อิโต จิโต จ อาคนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ราชกุเล อชิกขาทโก เอส โจโร’’ติ ตํ โกเฎฺฎตฺวา พนฺธิตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ เนนฺติฯ

    Mittavindako tāsaṃ gatakāle veḷukalāpe nipajjitvā purato gacchanto rajatavimāne aṭṭha devadhītaro labhi. Tatopi paraṃ gacchanto maṇivimāne soḷasa, kanakavimāne dvattiṃsa devadhītaro labhi. Tāsampi vacanaṃ akatvā parato gacchanto antaradīpake ekaṃ yakkhanagaraṃ addasa. Tatthekā yakkhinī ajarūpena vicarati. Mittavindako tassā yakkhinibhāvaṃ ajānanto ‘‘ajamaṃsaṃ khādissāmī’’ti taṃ pāde aggahesi, sā yakkhānubhāvena taṃ ukkhipitvā khipi. So tāya khitto samuddamatthakena gantvā bārāṇasiyaṃ parikhāpiṭṭhe ekasmiṃ kaṇṭakagumbamatthake patitvā pavaṭṭamāno bhūmiyaṃ patiṭṭhāsi. Tasmiñca samaye tasmiṃ parikhāpiṭṭhe rañño ajikā caramānā corā haranti. Ajikagopakā ‘‘core gaṇhissāmā’’ti ekamantaṃ nilīnā aṭṭhaṃsu. Mittavindako pavaṭṭitvā bhūmiyaṃ ṭhito tā ajikā disvā cintesi ‘‘ahaṃ samudde ekasmiṃ dīpake ajikaṃ pāde gahetvā tāya khitto idha patito. Sace idāni ekaṃ ajikaṃ pāde gahessāmi, sā maṃ parato samuddapiṭṭhe vimānadevatānaṃ santike khipissatī’’ti. So evaṃ ayoniso manasikaritvā ajikaṃ pāde gaṇhi, sā gahitamattā viravi. Ajikagopakā ito cito ca āgantvā taṃ gahetvā ‘‘ettakaṃ kālaṃ rājakule ajikakhādako esa coro’’ti taṃ koṭṭetvā bandhitvā rañño santikaṃ nenti.

    ตสฺมิํ ขเณ โพธิสโตฺต ปญฺจสตมาณวกปริวุโต นครา นิกฺขมฺม นฺหายิตุํ คจฺฉโนฺต มิตฺตวินฺทกํ ทิสฺวา สญฺชานิตฺวา เต มนุเสฺส อาห – ‘‘ตาตา, อยํ อมฺหากํ อเนฺตวาสิโก, กสฺมา นํ คณฺหถา’’ติ? ‘‘อชิกโจรโก, อยฺย, เอกํ อชิกํ ปาเท คณฺหิ, ตสฺมา คหิโต’’ติฯ ‘‘เตน เหตํ อมฺหากํ ทาสํ กตฺวา เทถ, อเมฺห นิสฺสาย ชีวิสฺสตี’’ติฯ เต, ‘‘สาธุ อยฺยา’’ติ ตํ วิสฺสเชฺชตฺวา อคมํสุฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ‘‘มิตฺตวินฺทก, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ กหํ วสี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส สพฺพํ อตฺตนา กตกมฺมํ อาโรเจสิฯ โพธิสโตฺต ‘‘อตฺถกามานํ วจนํ อกโรโนฺต เอวํ ทุกฺขํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Tasmiṃ khaṇe bodhisatto pañcasatamāṇavakaparivuto nagarā nikkhamma nhāyituṃ gacchanto mittavindakaṃ disvā sañjānitvā te manusse āha – ‘‘tātā, ayaṃ amhākaṃ antevāsiko, kasmā naṃ gaṇhathā’’ti? ‘‘Ajikacorako, ayya, ekaṃ ajikaṃ pāde gaṇhi, tasmā gahito’’ti. ‘‘Tena hetaṃ amhākaṃ dāsaṃ katvā detha, amhe nissāya jīvissatī’’ti. Te, ‘‘sādhu ayyā’’ti taṃ vissajjetvā agamaṃsu. Atha naṃ bodhisatto ‘‘mittavindaka, tvaṃ ettakaṃ kālaṃ kahaṃ vasī’’ti pucchi. So sabbaṃ attanā katakammaṃ ārocesi. Bodhisatto ‘‘atthakāmānaṃ vacanaṃ akaronto evaṃ dukkhaṃ pāpuṇātī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๔๑.

    41.

    ‘‘โย อตฺถกามสฺส หิตานุกมฺปิโน, โอวชฺชมาโน น กโรติ สาสนํ;

    ‘‘Yo atthakāmassa hitānukampino, ovajjamāno na karoti sāsanaṃ;

    อชิยา ปาทโมลมฺพ, มิตฺตโก วิย โสจตี’’ติฯ

    Ajiyā pādamolamba, mittako viya socatī’’ti.

    ตตฺถ อตฺถกามสฺสาติ วุฑฺฒิํ อิจฺฉนฺตสฺสฯ หิตานุกมฺปิโนติ หิเตน อนุกมฺปมานสฺสฯ โอวชฺชมาโนติ มุทุเกน หิตจิเตฺตน โอวทิยมาโนฯ น กโรติ สาสนนฺติ อนุสิฎฺฐํ น กโรติ, ทุพฺพโจ อโนวาทโก โหติฯ มิตฺตโก วิย โสจตีติ ยถายํ มิตฺตวินฺทโก อชิกาย ปาทํ คเหตฺวา โสจติ กิลมติ, เอวํ นิจฺจกาลํ โสจตีติ อิมาย คาถาย โพธิสโตฺต ธมฺมํ เทเสสิฯ

    Tattha atthakāmassāti vuḍḍhiṃ icchantassa. Hitānukampinoti hitena anukampamānassa. Ovajjamānoti mudukena hitacittena ovadiyamāno. Na karoti sāsananti anusiṭṭhaṃ na karoti, dubbaco anovādako hoti. Mittako viya socatīti yathāyaṃ mittavindako ajikāya pādaṃ gahetvā socati kilamati, evaṃ niccakālaṃ socatīti imāya gāthāya bodhisatto dhammaṃ desesi.

    เอวํ เตน เถเรน เอตฺตเก อทฺธาเน ตีสุเยว อตฺตภาเวสุ กุจฺฉิปูโร ลทฺธปุโพฺพฯ ยเกฺขน หุตฺวา เอกทิวสํ คพฺภมลํ ลทฺธํ, สุนเขน หุตฺวา เอกทิวสํ ภตฺตวมนํ, ปรินิพฺพานทิวเส ธมฺมเสนาปติสฺสานุภาเวน จตุมธุรํ ลทฺธํฯ เอวํ ปรสฺส ลาภนฺตรายกรณํ นาม มหาโทสนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺมิํ ปน กาเล โสปิ อาจริโย มิตฺตวินฺทโกปิ ยถากมฺมํ คโตฯ

    Evaṃ tena therena ettake addhāne tīsuyeva attabhāvesu kucchipūro laddhapubbo. Yakkhena hutvā ekadivasaṃ gabbhamalaṃ laddhaṃ, sunakhena hutvā ekadivasaṃ bhattavamanaṃ, parinibbānadivase dhammasenāpatissānubhāvena catumadhuraṃ laddhaṃ. Evaṃ parassa lābhantarāyakaraṇaṃ nāma mahādosanti veditabbaṃ. Tasmiṃ pana kāle sopi ācariyo mittavindakopi yathākammaṃ gato.

    สตฺถา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อตฺตโน อปฺปลาภิภาวญฺจ อริยธมฺมลาภิภาวญฺจ สยเมว เอส อกาสี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก โลสกติสฺสเตฺถโร อโหสิ, ทิสาปาโมกฺขาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā ‘‘evaṃ, bhikkhave, attano appalābhibhāvañca ariyadhammalābhibhāvañca sayameva esa akāsī’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā mittavindako losakatissatthero ahosi, disāpāmokkhācariyo pana ahameva ahosi’’nti.

    โลสกชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ

    Losakajātakavaṇṇanā paṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๑. โลสกชาตกํ • 41. Losakajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact