Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๔] ๔. มจฺฉชาตกวณฺณนา
[34] 4. Macchajātakavaṇṇanā
น มํ สีตํ น มํ อุณฺหนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ ‘‘เกนาสิ อุกฺกณฺฐาปิโต’’ติ? ‘‘ปุราณทุติยิกา เม, ภเนฺต มธุรหตฺถรสา, ตํ ชหิตุํ น สโกฺกมี’’ติฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ เอสา อิตฺถี ตว อนตฺถการิกา , ปุเพฺพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย มรณํ ปาปุณโนฺต มํ อาคมฺม มรณา มุโตฺต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Na maṃ sītaṃ na maṃ uṇhanti idaṃ satthā jetavane viharanto purāṇadutiyikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Tadā hi satthā taṃ bhikkhuṃ ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ukkaṇṭhitosī’’ti pucchi. ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. ‘‘Kenāsi ukkaṇṭhāpito’’ti? ‘‘Purāṇadutiyikā me, bhante madhurahattharasā, taṃ jahituṃ na sakkomī’’ti. Atha naṃ satthā ‘‘bhikkhu esā itthī tava anatthakārikā , pubbepi tvaṃ etaṃ nissāya maraṇaṃ pāpuṇanto maṃ āgamma maraṇā mutto’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิฯ ตทา เกวฎฺฎา นทิยํ ชาลํ ขิปิํสุฯ อเถโก มหามโจฺฉ รติวเสน อตฺตโน มจฺฉิยา สทฺธิํ กีฬมาโน อาคจฺฉติฯ ตสฺส สา มจฺฉี ปุรโต คจฺฉมานา ชาลคนฺธํ ฆายิตฺวา ชาลํ ปริหรมานา คตาฯ โส ปน กามคิโทฺธ โลลมโจฺฉ ชาลกุจฺฉิเมว ปวิโฎฺฐฯ เกวฎฺฎา ตสฺส ชาลํ ปวิฎฺฐภาวํ ญตฺวา ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา มจฺฉํ คเหตฺวา อมาเรตฺวาว วาลิกาปิเฎฺฐ ขิปิตฺวา ‘‘อิมํ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ องฺคาเร กโรนฺติ, สูลํ ตเจฺฉนฺติฯ มโจฺฉ ‘‘เอตํ องฺคารตาปนํ วา สูลวิชฺฌนํ วา อญฺญํ วา ปน ทุกฺขํ น มํ กิลเมติ, ยํ ปเนสา มจฺฉี ‘อญฺญํ โส นูน รติยา คโต’ติ มยิ โทมนสฺสํ อาปชฺชติ, ตเมว มํ พาธตี’’ติ ปริเทวมาโน อิมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa purohito ahosi. Tadā kevaṭṭā nadiyaṃ jālaṃ khipiṃsu. Atheko mahāmaccho rativasena attano macchiyā saddhiṃ kīḷamāno āgacchati. Tassa sā macchī purato gacchamānā jālagandhaṃ ghāyitvā jālaṃ pariharamānā gatā. So pana kāmagiddho lolamaccho jālakucchimeva paviṭṭho. Kevaṭṭā tassa jālaṃ paviṭṭhabhāvaṃ ñatvā jālaṃ ukkhipitvā macchaṃ gahetvā amāretvāva vālikāpiṭṭhe khipitvā ‘‘imaṃ aṅgāresu pacitvā khādissāmā’’ti aṅgāre karonti, sūlaṃ tacchenti. Maccho ‘‘etaṃ aṅgāratāpanaṃ vā sūlavijjhanaṃ vā aññaṃ vā pana dukkhaṃ na maṃ kilameti, yaṃ panesā macchī ‘aññaṃ so nūna ratiyā gato’ti mayi domanassaṃ āpajjati, tameva maṃ bādhatī’’ti paridevamāno imaṃ gāthamāha –
๓๔.
34.
‘‘น มํ สีตํ น มํ อุณฺหํ, น มํ ชาลสฺมิ พาธนํ;
‘‘Na maṃ sītaṃ na maṃ uṇhaṃ, na maṃ jālasmi bādhanaṃ;
ยญฺจ มํ มญฺญเต มจฺฉี, อญฺญํ โส รติยา คโต’’ติฯ
Yañca maṃ maññate macchī, aññaṃ so ratiyā gato’’ti.
ตตฺถ น มํ สีตํ น มํ อุณฺหนฺติ มจฺฉานํ อุทกา นีหฎกาเล สีตํ โหติ, ตสฺมิํ วิคเต อุณฺหํ โหติ, ตทุภยมฺปิ สนฺธาย ‘‘น มํ สีตํ น มํ อุณฺหํ พาธตี’’ติ ปริเทวติฯ ยมฺปิ องฺคาเรสุ ปจฺจนมูลกํ ทุกฺขํ ภวิสฺสติ, ตมฺปิ สนฺธาย ‘‘น มํ อุณฺห’’นฺติ ปริเทวเตวฯ น มํ ชาลสฺมิ พาธนนฺติ ยมฺปิ เม ชาลสฺมิํ พาธนํ อโหสิ, ตมฺปิ มํ น พาเธตีติ ปริเทวติฯ ‘‘ยญฺจ ม’’นฺติอาทีสุ อยํ ปิณฺฑโตฺถ – สา มจฺฉี มม ชาเล ปติตสฺส อิเมหิ เกวเฎฺฎหิ คหิตภาวํ อชานนฺตี มํ อปสฺสมานา ‘‘โส มโจฺฉ อิทานิ อญฺญํ มจฺฉิํ กามรติยา คโต ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตติ, ตํ ตสฺสา โทมนสฺสปฺปตฺตาย จินฺตนํ มํ พาธตีติ วาลิกาปิเฎฺฐ นิปโนฺน ปริเทวติฯ
Tattha na maṃ sītaṃ na maṃ uṇhanti macchānaṃ udakā nīhaṭakāle sītaṃ hoti, tasmiṃ vigate uṇhaṃ hoti, tadubhayampi sandhāya ‘‘na maṃ sītaṃ na maṃ uṇhaṃ bādhatī’’ti paridevati. Yampi aṅgāresu paccanamūlakaṃ dukkhaṃ bhavissati, tampi sandhāya ‘‘na maṃ uṇha’’nti paridevateva. Na maṃ jālasmi bādhananti yampi me jālasmiṃ bādhanaṃ ahosi, tampi maṃ na bādhetīti paridevati. ‘‘Yañca ma’’ntiādīsu ayaṃ piṇḍattho – sā macchī mama jāle patitassa imehi kevaṭṭehi gahitabhāvaṃ ajānantī maṃ apassamānā ‘‘so maccho idāni aññaṃ macchiṃ kāmaratiyā gato bhavissatī’’ti cinteti, taṃ tassā domanassappattāya cintanaṃ maṃ bādhatīti vālikāpiṭṭhe nipanno paridevati.
ตสฺมิํ สมเย ปุโรหิโต ทาสปริวุโต นฺหานตฺถาย นทีตีรํ อาคโตฯ โส ปน สพฺพรุตญฺญู โหติฯ เตนสฺส มจฺฉปริเทวนํ สุตฺวา เอตทโหสิ ‘‘อยํ มโจฺฉ กิเลสวเสน ปริเทวติ, เอวํ อาตุรจิโตฺต โข ปเนส มียมาโน นิรเยเยว นิพฺพตฺติสฺสติ, อหมสฺส อวสฺสโย ภวิสฺสามี’’ติ เกวฎฺฎานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อโมฺภ ตุเมฺห อมฺหากํ เอกทิวสมฺปิ พฺยญฺชนตฺถาย มจฺฉํ น เทถา’’ติ อาหฯ เกวฎฺฎา ‘‘กิํ วเทถ, สามิ, ตุมฺหากํ รุจฺจนกมจฺฉํ คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาหํสุฯ ‘‘อมฺหากํ อเญฺญน กมฺมํ นตฺถิ, อิมเญฺญว เทถา’’ติฯ ‘‘คณฺหถ สามี’’ติฯ โพธิสโตฺต ตํ อุโภหิ หเตฺถหิ คเหตฺวา นทีตีเร นิสีทิตฺวา ‘‘อโมฺภ มจฺฉ, สเจ ตาหํ อชฺช น ปเสฺสยฺยํ, ชีวิตกฺขยํ ปาปุเณยฺยาสิ, อิทานิ อิโต ปฎฺฐาย มา กิเลสวสิโก อโหสี’’ติ โอวทิตฺวา อุทเก วิสฺสเชฺชตฺวา นฺหตฺวา นครํ ปาวิสิฯ
Tasmiṃ samaye purohito dāsaparivuto nhānatthāya nadītīraṃ āgato. So pana sabbarutaññū hoti. Tenassa macchaparidevanaṃ sutvā etadahosi ‘‘ayaṃ maccho kilesavasena paridevati, evaṃ āturacitto kho panesa mīyamāno nirayeyeva nibbattissati, ahamassa avassayo bhavissāmī’’ti kevaṭṭānaṃ santikaṃ gantvā ‘‘ambho tumhe amhākaṃ ekadivasampi byañjanatthāya macchaṃ na dethā’’ti āha. Kevaṭṭā ‘‘kiṃ vadetha, sāmi, tumhākaṃ ruccanakamacchaṃ gaṇhitvā gacchathā’’ti āhaṃsu. ‘‘Amhākaṃ aññena kammaṃ natthi, imaññeva dethā’’ti. ‘‘Gaṇhatha sāmī’’ti. Bodhisatto taṃ ubhohi hatthehi gahetvā nadītīre nisīditvā ‘‘ambho maccha, sace tāhaṃ ajja na passeyyaṃ, jīvitakkhayaṃ pāpuṇeyyāsi, idāni ito paṭṭhāya mā kilesavasiko ahosī’’ti ovaditvā udake vissajjetvā nhatvā nagaraṃ pāvisi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ สตฺถาปิ อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มจฺฉี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, มโจฺฉ อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Satthāpi anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā macchī purāṇadutiyikā ahosi, maccho ukkaṇṭhitabhikkhu purohito pana ahameva ahosi’’nti.
มจฺฉชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Macchajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๔. มจฺฉชาตกํ • 34. Macchajātakaṃ