Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๗๕] ๕. มจฺฉชาตกวณฺณนา
[75] 5. Macchajātakavaṇṇanā
อภิตฺถนย ปชฺชุนฺนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อตฺตนา วสฺสาปิตวสฺสํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิํ กิร สมเย โกสลรเฎฺฐ เทโว น วสฺสิ, สสฺสานิ มิลายนฺติ, เตสุ เตสุ ฐาเนสุ ตฬากโปกฺขรณิสรานิ สุสฺสนฺติฯ เชตวนทฺวารโกฎฺฐกสมีเป เชตวนโปกฺขรณิยาปิ อุทกํ ฉิชฺชิฯ กลลคหนํ ปวิสิตฺวา นิปเนฺน มจฺฉกจฺฉเป กากกุลลาทโย กณยคฺคสทิเสหิ ตุเณฺฑหิ โกเฎฺฎตฺวา นีหริตฺวา นีหริตฺวา วิปฺผนฺทมาเน ขาทนฺติฯ
Abhitthanayapajjunnāti idaṃ satthā jetavane viharanto attanā vassāpitavassaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiṃ kira samaye kosalaraṭṭhe devo na vassi, sassāni milāyanti, tesu tesu ṭhānesu taḷākapokkharaṇisarāni sussanti. Jetavanadvārakoṭṭhakasamīpe jetavanapokkharaṇiyāpi udakaṃ chijji. Kalalagahanaṃ pavisitvā nipanne macchakacchape kākakulalādayo kaṇayaggasadisehi tuṇḍehi koṭṭetvā nīharitvā nīharitvā vipphandamāne khādanti.
สตฺถา มจฺฉกจฺฉปานํ ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา มหากรุณาย อุสฺสาหิตหทโย ‘‘อชฺช มยา เทวํ วสฺสาเปตุํ วฎฺฎตี’’ติ ปภาตาย รตฺติยา สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลเกฺขตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต พุทฺธลีลาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต สาวตฺถิโต วิหารํ คจฺฉโนฺต เชตวนโปกฺขรณิยา โสปาเน ฐตฺวา อานนฺทเตฺถรํ อามเนฺตสิ ‘‘อานนฺท, อุทกสาฎิกํ อาหร, เชตวนโปกฺขรณิยํ นฺหายิสฺสามี’’ติฯ ‘‘นนุ, ภเนฺต, เชตวนโปกฺขรณิยํ อุทกํ ฉินฺนํ, กลลมตฺตเมว อวสิฎฺฐ’’นฺติ? ‘‘อานนฺท, พุทฺธพลํ นาม มหนฺตํ, อาหร ตฺวํ อุทกสาฎิก’’นฺติฯ เถโร อาหริตฺวา อทาสิฯ สตฺถา เอเกนเนฺตน อุทกสาฎิกํ นิวาเสตฺวา เอเกนเนฺตน สรีรํ ปารุปิตฺวา ‘‘เชตวนโปกฺขรณิยํ นฺหายิสฺสามี’’ติ โสปาเน อฎฺฐาสิฯ ตงฺขณเญฺญว สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทเสฺสสิฯ โส ‘‘กิํ นุ โข’’ติ อาวเชฺชโนฺต ตํ การณํ ญตฺวา วสฺสวลาหกเทวราชานํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, สตฺถา ‘เชตวนโปกฺขรณิยํ นฺหายิสฺสามี’ติ ธุรโสปาเน ฐิโต, ขิปฺปํ สกลโกสลรฎฺฐํ เอกเมฆํ กตฺวา วสฺสาเปหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เอกํ วลาหกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เมฆคีตํ คายโนฺต ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข ปกฺขนฺทิฯ ปาจีนทิสาภาเค ขลมณฺฑลมตฺตํ เอกํ เมฆปฎลํ อุฎฺฐาย สตปฎลํ สหสฺสปฎลํ หุตฺวา อภิตฺถนนฺตํ วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺตํ อโธมุขํ ฐปิตอุทกกุมฺภากาเรน วสฺสมานํ สกลโกสลรฎฺฐํ มโหเฆน วิย อโชฺฌตฺถริฯ เทโว อจฺฉินฺนธารํ วสฺสโนฺต มุหุเตฺตเนว เชตวนโปกฺขรณิํ ปูเรสิ, ธุรโสปานํ อาหจฺจ อุทกํ อฎฺฐาสิฯ
Satthā macchakacchapānaṃ taṃ byasanaṃ disvā mahākaruṇāya ussāhitahadayo ‘‘ajja mayā devaṃ vassāpetuṃ vaṭṭatī’’ti pabhātāya rattiyā sarīrapaṭijagganaṃ katvā bhikkhācāravelaṃ sallakkhetvā mahābhikkhusaṅghaparivuto buddhalīlāya sāvatthiyaṃ piṇḍāya pavisitvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto sāvatthito vihāraṃ gacchanto jetavanapokkharaṇiyā sopāne ṭhatvā ānandattheraṃ āmantesi ‘‘ānanda, udakasāṭikaṃ āhara, jetavanapokkharaṇiyaṃ nhāyissāmī’’ti. ‘‘Nanu, bhante, jetavanapokkharaṇiyaṃ udakaṃ chinnaṃ, kalalamattameva avasiṭṭha’’nti? ‘‘Ānanda, buddhabalaṃ nāma mahantaṃ, āhara tvaṃ udakasāṭika’’nti. Thero āharitvā adāsi. Satthā ekenantena udakasāṭikaṃ nivāsetvā ekenantena sarīraṃ pārupitvā ‘‘jetavanapokkharaṇiyaṃ nhāyissāmī’’ti sopāne aṭṭhāsi. Taṅkhaṇaññeva sakkassa paṇḍukambalasilāsanaṃ uṇhākāraṃ dassesi. So ‘‘kiṃ nu kho’’ti āvajjento taṃ kāraṇaṃ ñatvā vassavalāhakadevarājānaṃ pakkosāpetvā ‘‘tāta, satthā ‘jetavanapokkharaṇiyaṃ nhāyissāmī’ti dhurasopāne ṭhito, khippaṃ sakalakosalaraṭṭhaṃ ekameghaṃ katvā vassāpehī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā ekaṃ valāhakaṃ nivāsetvā ekaṃ pārupitvā meghagītaṃ gāyanto pācīnalokadhātuabhimukho pakkhandi. Pācīnadisābhāge khalamaṇḍalamattaṃ ekaṃ meghapaṭalaṃ uṭṭhāya satapaṭalaṃ sahassapaṭalaṃ hutvā abhitthanantaṃ vijjulatā nicchārentaṃ adhomukhaṃ ṭhapitaudakakumbhākārena vassamānaṃ sakalakosalaraṭṭhaṃ mahoghena viya ajjhotthari. Devo acchinnadhāraṃ vassanto muhutteneva jetavanapokkharaṇiṃ pūresi, dhurasopānaṃ āhacca udakaṃ aṭṭhāsi.
สตฺถา โปกฺขรณิยํ นฺหายิตฺวา สุรตฺตทุปฎฺฎํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สุคตมหาจีวรํ เอกํสํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คนฺตฺวา คนฺธกุฎิปริเวเณ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ภิกฺขุสเงฺฆน วเตฺต ทสฺสิเต อุฎฺฐาย มณิโสปานผลเก ฐตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทํ ทตฺวา อุโยฺยเชตฺวา สุรภิคนฺธกุฎิํ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปตฺวา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, ทสพลสฺส ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปตฺติํ, วิวิธสเสฺสสุ มิลายเนฺตสุ นานาชลาสเยสุ สุสฺสเนฺตสุ มจฺฉกจฺฉเปสุ มหาทุกฺขํ ปาปุณเนฺตสุ การุญฺญํ ปฎิจฺจ ‘มหาชนํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’ติ อุทกสาฎิกํ นิวาเสตฺวา เชตวนโปกฺขรณิยา ธุรโสปาเน ฐตฺวา มุหุเตฺตน สกลโกสลรฎฺฐํ มโหเฆน โอปิลาเปโนฺต วิย เทวํ วสฺสาเปตฺวา มหาชนํ กายิกเจตสิกทุกฺขโต โมเจตฺวา วิหารํ ปวิโฎฺฐ’’ติ กถาย วตฺตมานาย คนฺธกุฎิโต นิกฺขมิตฺวา ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาชเน กิลมเนฺต เทวํ วสฺสาเปติ, ปุเพฺพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มจฺฉราชกาเลปิ วสฺสาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Satthā pokkharaṇiyaṃ nhāyitvā surattadupaṭṭaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā sugatamahācīvaraṃ ekaṃsaṃ katvā bhikkhusaṅghaparivuto gantvā gandhakuṭipariveṇe paññattavarabuddhāsane nisīditvā bhikkhusaṅghena vatte dassite uṭṭhāya maṇisopānaphalake ṭhatvā bhikkhusaṅghassa ovādaṃ datvā uyyojetvā surabhigandhakuṭiṃ pavisitvā dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappetvā sāyanhasamaye dhammasabhāyaṃ sannipatitānaṃ bhikkhūnaṃ ‘‘passathāvuso, dasabalassa khantimettānuddayasampattiṃ, vividhasassesu milāyantesu nānājalāsayesu sussantesu macchakacchapesu mahādukkhaṃ pāpuṇantesu kāruññaṃ paṭicca ‘mahājanaṃ dukkhā mocessāmī’ti udakasāṭikaṃ nivāsetvā jetavanapokkharaṇiyā dhurasopāne ṭhatvā muhuttena sakalakosalaraṭṭhaṃ mahoghena opilāpento viya devaṃ vassāpetvā mahājanaṃ kāyikacetasikadukkhato mocetvā vihāraṃ paviṭṭho’’ti kathāya vattamānāya gandhakuṭito nikkhamitvā dhammasabhaṃ āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, tathāgato idāneva mahājane kilamante devaṃ vassāpeti, pubbe tiracchānayoniyaṃ nibbattitvā maccharājakālepi vassāpesiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต อิมสฺมิํเยว โกสลรเฎฺฐ อิมิสฺสา สาวตฺถิยา อิมสฺมิํเยว เชตวนโปกฺขรณิฎฺฐาเน เอกา วลฺลิคหนปริกฺขิตฺตา กนฺทรา อโหสิฯ ตทา โพธิสโตฺต มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มจฺฉคณปริวุโต ตตฺถ ปฎิวสติฯ ยถา ปน อิทานิ, เอวเมว ตทาปิ ตสฺมิํ รเฎฺฐ เทโว น วสฺสิ, มนุสฺสานํ สสฺสานิ มิลายิํสุ, วาปิตฬากกนฺทราทีสุ อุทกํ ฉิชฺชิ, มจฺฉกจฺฉปา กลลคหนํ ปวิสิํสุฯ อิมิสฺสาปิ กนฺทราย มจฺฉกจฺฉปา กลลคหนํ ปวิสิตฺวา ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน นิลียิํสุฯ กากาทโย ตุเณฺฑน โกเฎฺฎตฺวา นีหริตฺวา ขาทิํสุฯ
Atīte imasmiṃyeva kosalaraṭṭhe imissā sāvatthiyā imasmiṃyeva jetavanapokkharaṇiṭṭhāne ekā valligahanaparikkhittā kandarā ahosi. Tadā bodhisatto macchayoniyaṃ nibbattitvā macchagaṇaparivuto tattha paṭivasati. Yathā pana idāni, evameva tadāpi tasmiṃ raṭṭhe devo na vassi, manussānaṃ sassāni milāyiṃsu, vāpitaḷākakandarādīsu udakaṃ chijji, macchakacchapā kalalagahanaṃ pavisiṃsu. Imissāpi kandarāya macchakacchapā kalalagahanaṃ pavisitvā tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne nilīyiṃsu. Kākādayo tuṇḍena koṭṭetvā nīharitvā khādiṃsu.
โพธิสโตฺต ญาติสงฺฆสฺส ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ เตสํ ทุกฺขํ ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ โมเจตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, สจฺจกิริยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตฺวา ญาตเก มรณทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ กาฬวณฺณํ กทฺทมํ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อญฺชนรุกฺขสารฆฎิกวโณฺณ มหามโจฺฉ สุโธตโลหิตงฺคมณิคุฬสทิสานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อากาสํ อุโลฺลเกตฺวา ปชฺชุนฺนเทวราชสฺส สทฺทํ ทตฺวา ‘‘โภ ปชฺชุนฺน, อหํ ญาตเก นิสฺสาย ทุกฺขิโต, ตฺวํ มยิ สีลวเนฺต กิลมเนฺต กสฺมา เทวํ น วสฺสาเปสิ? มยา สมานชาติกานํ ขาทนฎฺฐาเน นิพฺพตฺติตฺวา ตณฺฑุลปฺปมาณมฺปิ มจฺฉํ อาทิํ กตฺวา ขาทิตปุโพฺพ นาม นตฺถิ, อโญฺญปิ เม ปาโณ ชีวิตา น โวโรปิตปุโพฺพ, อิมินา สเจฺจน เทวํ วสฺสาเปตฺวา ญาติสงฺฆํ เม ทุกฺขา โมเจหี’’ติ วตฺวา ปริจารกเจฎกํ อาณาเปโนฺต วิย ปชฺชุนฺนเทวราชานํ อาลปโนฺต อิมํ คาถมาห –
Bodhisatto ñātisaṅghassa taṃ byasanaṃ disvā ‘‘imaṃ tesaṃ dukkhaṃ ṭhapetvā maṃ añño mocetuṃ samattho nāma natthi, saccakiriyaṃ katvā devaṃ vassāpetvā ñātake maraṇadukkhā mocessāmī’’ti kāḷavaṇṇaṃ kaddamaṃ dvidhā viyūhitvā nikkhamitvā añjanarukkhasāraghaṭikavaṇṇo mahāmaccho sudhotalohitaṅgamaṇiguḷasadisāni akkhīni ummīletvā ākāsaṃ ulloketvā pajjunnadevarājassa saddaṃ datvā ‘‘bho pajjunna, ahaṃ ñātake nissāya dukkhito, tvaṃ mayi sīlavante kilamante kasmā devaṃ na vassāpesi? Mayā samānajātikānaṃ khādanaṭṭhāne nibbattitvā taṇḍulappamāṇampi macchaṃ ādiṃ katvā khāditapubbo nāma natthi, aññopi me pāṇo jīvitā na voropitapubbo, iminā saccena devaṃ vassāpetvā ñātisaṅghaṃ me dukkhā mocehī’’ti vatvā paricārakaceṭakaṃ āṇāpento viya pajjunnadevarājānaṃ ālapanto imaṃ gāthamāha –
๗๕.
75.
‘‘อภิตฺถนย ปชฺชุนฺน, นิธิํ กากสฺส นาสย;
‘‘Abhitthanaya pajjunna, nidhiṃ kākassa nāsaya;
กากํ โสกาย รเนฺธหิ, มญฺจ โสกา ปโมจยา’’ติฯ
Kākaṃ sokāya randhehi, mañca sokā pamocayā’’ti.
ตตฺถ อภิตฺถนย ปชฺชุนฺนาติ ปชฺชุโนฺน วุจฺจติ เมโฆ, อยํ ปน เมฆวเสน ลทฺธนามํ วสฺสวลาหกเทวราชานํ อาลปติฯ อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – เทโว นาม อนภิตฺถนโนฺต วิชฺชุลตา อนิจฺฉาเรโนฺต วสฺสโนฺตปิ น โสภติ, ตสฺมา ตฺวํ อภิตฺถนโนฺต วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรโนฺต วสฺสาเปหีติฯ นิธิํ กากสฺส นาสยาติ กากา กลลํ ปวิสิตฺวา ฐิเต มเจฺฉ ตุเณฺฑน โกเฎฺฎตฺวา นีหริตฺวา ขาทนฺติ, ตสฺมา เตสํ อโนฺตกลเล มจฺฉา ‘‘นิธี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตํ กากสงฺฆสฺส นิธิํ เทวํ วสฺสาเปโนฺต อุทเกน ปฎิจฺฉาเทตฺวา นาเสหีติฯ กากํ โสกาย รเนฺธหีติ กากสโงฺฆ อิมิสฺสา กนฺทราย อุทเกน ปุณฺณาย มเจฺฉ อลภมาโน โสจิสฺสติ, ตํ กากคณํ ตฺวํ อิมํ กนฺทรํ ปูเรโนฺต โสกาย รเนฺธหิ, โสกสฺสตฺถาย มจฺฉสฺส อสฺสาสตฺถาย เทวํ วสฺสาเปหิฯ ยถา อโนฺตนิชฺฌานลกฺขณํ โสกํ ปาปุณาติ, เอวํ กโรหีติ อโตฺถ, มญฺจ โสกา ปโมจยาติ เอตฺถ จ-กาโร สมฺปิณฺฑนโตฺถ, มญฺจ มม ญาตเก จ สเพฺพว อิมมฺหา มรณโสกา โมเจหีติฯ
Tattha abhitthanaya pajjunnāti pajjunno vuccati megho, ayaṃ pana meghavasena laddhanāmaṃ vassavalāhakadevarājānaṃ ālapati. Ayaṃ kirassa adhippāyo – devo nāma anabhitthananto vijjulatā anicchārento vassantopi na sobhati, tasmā tvaṃ abhitthananto vijjulatā nicchārento vassāpehīti. Nidhiṃ kākassa nāsayāti kākā kalalaṃ pavisitvā ṭhite macche tuṇḍena koṭṭetvā nīharitvā khādanti, tasmā tesaṃ antokalale macchā ‘‘nidhī’’ti vuccanti, taṃ kākasaṅghassa nidhiṃ devaṃ vassāpento udakena paṭicchādetvā nāsehīti. Kākaṃ sokāya randhehīti kākasaṅgho imissā kandarāya udakena puṇṇāya macche alabhamāno socissati, taṃ kākagaṇaṃ tvaṃ imaṃ kandaraṃ pūrento sokāya randhehi, sokassatthāya macchassa assāsatthāya devaṃ vassāpehi. Yathā antonijjhānalakkhaṇaṃ sokaṃ pāpuṇāti, evaṃ karohīti attho, mañca sokā pamocayāti ettha ca-kāro sampiṇḍanattho, mañca mama ñātake ca sabbeva imamhā maraṇasokā mocehīti.
เอวํ โพธิสโตฺต ปริจารกเจฎกํ อาณาเปโนฺต วิย ปชฺชุนฺนํ อาลปิตฺวา สกลโกสลรเฎฺฐ มหาวสฺสํ วสฺสาเปตฺวา มหาชนํ มรณทุกฺขา โมเจตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโตฯ
Evaṃ bodhisatto paricārakaceṭakaṃ āṇāpento viya pajjunnaṃ ālapitvā sakalakosalaraṭṭhe mahāvassaṃ vassāpetvā mahājanaṃ maraṇadukkhā mocetvā jīvitapariyosāne yathākammaṃ gato.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว เทวํ วสฺสาเปติ, ปุเพฺพ มจฺฉโยนิยํ นิพฺพโตฺตปิ วสฺสาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มจฺฉคณา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ปชฺชุนฺนเทวราชา อานโนฺท, มจฺฉราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā ‘‘na, bhikkhave, tathāgato idāneva devaṃ vassāpeti, pubbe macchayoniyaṃ nibbattopi vassāpesiyevā’’ti vatvā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā macchagaṇā buddhaparisā ahesuṃ, pajjunnadevarājā ānando, maccharājā pana ahameva ahosi’’nti.
มจฺฉชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Macchajātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๗๕. มจฺฉชาตกํ • 75. Macchajātakaṃ