Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā |
๖. มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถา
6. Macchamaṃsavinicchayakathā
๓๘. มจฺฉมํเสสุ ปน มจฺฉคฺคหเณน สพฺพมฺปิ ชลชํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิฯ มํเสสุ ปน มนุสฺสหตฺถิอสฺสสุนขอหิสีหพฺยคฺฆทีปิอจฺฉตรจฺฉานํ วเสน ทส มํสานิ อกปฺปิยานิฯ ตตฺถ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, เสเสสุ ทุกฺกฎํฯ อิติ อิเมสํ มนุสฺสาทีนํ ทสนฺนํ มํสมฺปิ อฎฺฐิปิ โลหิตมฺปิ จมฺมมฺปิ โลมมฺปิ สพฺพํ น วฎฺฎติฯ วสาสุ ปน เอกา มนุสฺสวสาว น วฎฺฎติฯ ขีราทีสุ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิฯ อิเมสุ ปน อกปฺปิยมํเสสุ อฎฺฐิอาทีสุ วา ยํ กิญฺจิ ญตฺวา วา อญตฺวา วา ขาทนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ ยทา ชานาติ, ตทา เทเสตพฺพาฯ ‘‘อปุจฺฉิตฺวาว ขาทิสฺสามี’’ติ คณฺหโต ปฎิคฺคหเณปิ ทุกฺกฎํ, ‘‘ปุจฺฉิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ คณฺหโต อนาปตฺติฯ อุทฺทิสฺสกตํ ปน ชานิตฺวา ขาทนฺตเสฺสว อาปตฺติ, ปจฺฉา ชานโนฺต อาปตฺติยา น กาเรตโพฺพ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๘๑)ฯ
38.Macchamaṃsesu pana macchaggahaṇena sabbampi jalajaṃ vuttaṃ. Tattha akappiyaṃ nāma natthi. Maṃsesu pana manussahatthiassasunakhaahisīhabyagghadīpiacchataracchānaṃ vasena dasa maṃsāni akappiyāni. Tattha manussamaṃse thullaccayaṃ, sesesu dukkaṭaṃ. Iti imesaṃ manussādīnaṃ dasannaṃ maṃsampi aṭṭhipi lohitampi cammampi lomampi sabbaṃ na vaṭṭati. Vasāsu pana ekā manussavasāva na vaṭṭati. Khīrādīsu akappiyaṃ nāma natthi. Imesu pana akappiyamaṃsesu aṭṭhiādīsu vā yaṃ kiñci ñatvā vā añatvā vā khādantassa āpattiyeva. Yadā jānāti, tadā desetabbā. ‘‘Apucchitvāva khādissāmī’’ti gaṇhato paṭiggahaṇepi dukkaṭaṃ, ‘‘pucchitvā khādissāmī’’ti gaṇhato anāpatti. Uddissakataṃ pana jānitvā khādantasseva āpatti, pacchā jānanto āpattiyā na kāretabbo (mahāva. aṭṭha. 281).
ตตฺถ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๑๐) อุทฺทิสฺสกตํ นาม ภิกฺขูนํ อตฺถาย วธิตฺวา สมฺปาทิตํ มจฺฉมํสํฯ อุภยมฺปิ หิ อุทฺทิสฺสกตํ น วฎฺฎติฯ ตมฺปิ อทิฎฺฐํ อสุตํ อปริสงฺกิตํ วฎฺฎติฯ ติโกฎิปริสุทฺธญฺหิ มจฺฉมํสํ ภควตา อนุญฺญาตํ อทิฎฺฐํ อสุตํ อปริสงฺกิตํฯ ตตฺถ อทิฎฺฐํ นาม ภิกฺขูนํ อตฺถาย มิคมเจฺฉ วธิตฺวา คยฺหมานํ อทิฎฺฐํฯ อสุตํ นาม ภิกฺขูนํ อตฺถาย มิคมเจฺฉ วธิตฺวา คหิตนฺติ อสุตํฯ อปริสงฺกิตํ ปน ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ สุตปริสงฺกิตํ ตทุภยวินิมุตฺตปริสงฺกิตญฺจ ญตฺวา ตพฺพิปกฺขโต ชานิตพฺพํฯ กถํ? อิธ ภิกฺขู ปสฺสนฺติ มนุเสฺส ชาลวาคุราทิหเตฺถ คามโต วา นิกฺขมเนฺต อรเญฺญ วา วิจรเนฺตฯ ทุติยทิวเส จ เนสํ ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐานํ สมจฺฉมํสํ ปิณฺฑปาตํ อภิหรนฺติฯ เต เตน ทิเฎฺฐน ปริสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อตฺถาย กต’’นฺติ, อิทํ ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ, เอตํ คเหตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ เอวํ อปริสงฺกิตํ, ตํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน เต มนุสฺสา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นยิทํ, ภเนฺต, ภิกฺขูนํ อตฺถาย กตํ, อเมฺหหิ อตฺตโน อตฺถาย วา ราชยุตฺตาทีนํ วา อตฺถาย กต’’นฺติ วทนฺติ, กปฺปติฯ
Tattha (pārā. aṭṭha. 2.410) uddissakataṃ nāma bhikkhūnaṃ atthāya vadhitvā sampāditaṃ macchamaṃsaṃ. Ubhayampi hi uddissakataṃ na vaṭṭati. Tampi adiṭṭhaṃ asutaṃ aparisaṅkitaṃ vaṭṭati. Tikoṭiparisuddhañhi macchamaṃsaṃ bhagavatā anuññātaṃ adiṭṭhaṃ asutaṃ aparisaṅkitaṃ. Tattha adiṭṭhaṃ nāma bhikkhūnaṃ atthāya migamacche vadhitvā gayhamānaṃ adiṭṭhaṃ. Asutaṃ nāma bhikkhūnaṃ atthāya migamacche vadhitvā gahitanti asutaṃ. Aparisaṅkitaṃ pana diṭṭhaparisaṅkitaṃ sutaparisaṅkitaṃ tadubhayavinimuttaparisaṅkitañca ñatvā tabbipakkhato jānitabbaṃ. Kathaṃ? Idha bhikkhū passanti manusse jālavāgurādihatthe gāmato vā nikkhamante araññe vā vicarante. Dutiyadivase ca nesaṃ taṃ gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhānaṃ samacchamaṃsaṃ piṇḍapātaṃ abhiharanti. Te tena diṭṭhena parisaṅkanti ‘‘bhikkhūnaṃ nu kho atthāya kata’’nti, idaṃ diṭṭhaparisaṅkitaṃ, etaṃ gahetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ evaṃ aparisaṅkitaṃ, taṃ vaṭṭati. Sace pana te manussā ‘‘kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā ‘‘nayidaṃ, bhante, bhikkhūnaṃ atthāya kataṃ, amhehi attano atthāya vā rājayuttādīnaṃ vā atthāya kata’’nti vadanti, kappati.
น เหว โข ภิกฺขู ปสฺสนฺติ, อปิจ โข สุณนฺติ ‘‘มนุสฺสา กิร ชาลวาคุราทิหตฺถา คามโต วา นิกฺขมนฺติ, อรเญฺญ วา วิจรนฺตี’’ติฯ ทุติยทิวเส จ เตสํ ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐานํ สมจฺฉมํสํ ปิณฺฑปาตํ อภิหรนฺติฯ เต เตน สุเตน ปริสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อตฺถาย กต’’นฺติ, อิทํ สุตปริสงฺกิตํ นาม, เอตํ คเหตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ เอวํ อปริสงฺกิตํ, ตํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน เต มนุสฺสา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นยิทํ, ภเนฺต, ภิกฺขูนํ อตฺถาย กตํ, อเมฺหหิ อตฺตโน อตฺถาย วา ราชยุตฺตาทีนํ วา อตฺถาย กต’’นฺติ วทนฺติ, กปฺปติฯ
Na heva kho bhikkhū passanti, apica kho suṇanti ‘‘manussā kira jālavāgurādihatthā gāmato vā nikkhamanti, araññe vā vicarantī’’ti. Dutiyadivase ca tesaṃ taṃ gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhānaṃ samacchamaṃsaṃ piṇḍapātaṃ abhiharanti. Te tena sutena parisaṅkanti ‘‘bhikkhūnaṃ nu kho atthāya kata’’nti, idaṃ sutaparisaṅkitaṃ nāma, etaṃ gahetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ evaṃ aparisaṅkitaṃ, taṃ vaṭṭati. Sace pana te manussā ‘‘kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā ‘‘nayidaṃ, bhante, bhikkhūnaṃ atthāya kataṃ, amhehi attano atthāya vā rājayuttādīnaṃ vā atthāya kata’’nti vadanti, kappati.
น เหว โข ปน ภิกฺขู ปสฺสนฺติ น สุณนฺติ, อปิจ โข เตสํ ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐานํ ปตฺตํ คเหตฺวา สมจฺฉมํสํ ปิณฺฑปาตํ อภิสงฺขริตฺวา อภิหรนฺติฯ เต ปริสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อตฺถาย กต’’นฺติ, อิทํ ตทุภยวินิมุตฺตปริสงฺกิตํ นาม, เอตมฺปิ คเหตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ เอวํ อปริสงฺกิตํ, ตํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน เต มนุสฺสา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นยิทํ, ภเนฺต, ภิกฺขูนํ อตฺถาย กตํ, อเมฺหหิ อตฺตโน อตฺถาย วา ราชยุตฺตาทีนํ วา อตฺถาย กตํ, ปวตฺตมํสํ วา กปฺปิยเมว ลภิตฺวา ภิกฺขูนํ อตฺถาย สมฺปาทิต’’นฺติ วทนฺติ, กปฺปติฯ มตานํ เปตกิจฺจตฺถาย มงฺคลาทีนํ วา อตฺถาย กเตปิ เอเสว นโยฯ ยํ ยญฺหิ ภิกฺขูนํเยว อตฺถาย อกตํ, ยตฺถ จ นิเพฺพมติโก โหติ, ตํ สพฺพํ กปฺปติฯ
Na heva kho pana bhikkhū passanti na suṇanti, apica kho tesaṃ taṃ gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhānaṃ pattaṃ gahetvā samacchamaṃsaṃ piṇḍapātaṃ abhisaṅkharitvā abhiharanti. Te parisaṅkanti ‘‘bhikkhūnaṃ nu kho atthāya kata’’nti, idaṃ tadubhayavinimuttaparisaṅkitaṃ nāma, etampi gahetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ evaṃ aparisaṅkitaṃ, taṃ vaṭṭati. Sace pana te manussā ‘‘kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā ‘‘nayidaṃ, bhante, bhikkhūnaṃ atthāya kataṃ, amhehi attano atthāya vā rājayuttādīnaṃ vā atthāya kataṃ, pavattamaṃsaṃ vā kappiyameva labhitvā bhikkhūnaṃ atthāya sampādita’’nti vadanti, kappati. Matānaṃ petakiccatthāya maṅgalādīnaṃ vā atthāya katepi eseva nayo. Yaṃ yañhi bhikkhūnaṃyeva atthāya akataṃ, yattha ca nibbematiko hoti, taṃ sabbaṃ kappati.
๓๙. สเจ ปน เอกสฺมิํ วิหาเร ภิกฺขูนํ อุทฺทิสฺสกตํ โหติ, เต จ อตฺตโน อตฺถาย กตภาวํ น ชานนฺติ, อเญฺญ ชานนฺติฯ เย ชานนฺติ, เตสํ น วฎฺฎติ, อิตเรสํ ปน วฎฺฎติฯ อเญฺญ น ชานนฺติ, เตเยว ชานนฺติ, เตสํเยว น วฎฺฎติ, อเญฺญสํ วฎฺฎติฯ เตปิ ‘‘อมฺหากํ อตฺถาย กต’’นฺติ ชานนฺติ, อเญฺญปิ ‘‘เอเตสํ อตฺถาย กต’’นฺติ ชานนฺติ, สเพฺพสมฺปิ น วฎฺฎติฯ สเพฺพ น ชานนฺติ, สเพฺพสมฺปิ วฎฺฎติฯ ปญฺจสุ หิ สหธมฺมิเกสุ ยสฺส วา ตสฺส วา อตฺถาย อุทฺทิสฺสกตํ สเพฺพสํ น กปฺปติฯ
39. Sace pana ekasmiṃ vihāre bhikkhūnaṃ uddissakataṃ hoti, te ca attano atthāya katabhāvaṃ na jānanti, aññe jānanti. Ye jānanti, tesaṃ na vaṭṭati, itaresaṃ pana vaṭṭati. Aññe na jānanti, teyeva jānanti, tesaṃyeva na vaṭṭati, aññesaṃ vaṭṭati. Tepi ‘‘amhākaṃ atthāya kata’’nti jānanti, aññepi ‘‘etesaṃ atthāya kata’’nti jānanti, sabbesampi na vaṭṭati. Sabbe na jānanti, sabbesampi vaṭṭati. Pañcasu hi sahadhammikesu yassa vā tassa vā atthāya uddissakataṃ sabbesaṃ na kappati.
สเจ ปน โกจิ เอกํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส ปาณํ วธิตฺวา ตสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา เทติ, โส จ อตฺตโน อตฺถาย กตภาวํ ชานํเยว คเหตฺวา อญฺญสฺส ภิกฺขุโน เทติ, โส ตํ ตสฺส สทฺธาย ปริภุญฺชติ, กสฺส อาปตฺตีติ? ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติฯ ยญฺหิ อุทฺทิสฺส กตํ, ตสฺส อภุตฺตตาย อนาปตฺติ, อิตรสฺส อชานนตายฯ กปฺปิยมํสสฺส หิ ปฎิคฺคหเณ อาปตฺติ นตฺถิ, อุทฺทิสฺสกตญฺจ อชานิตฺวา ภุตฺตสฺส ปจฺฉา ญตฺวา อาปตฺติเทสนากิจฺจํ นาม นตฺถิฯ อกปฺปิยมํสํ ปน อชานิตฺวา ภุเตฺตน ปจฺฉา ญตฺวาปิ อาปตฺติ เทเสตพฺพาฯ อุทฺทิสฺสกตญฺหิ ญตฺวา ภุญฺชโตว อาปตฺติ, อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภุญฺชนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยว, ตสฺมา อาปตฺติภีรุเกน รูปํ สลฺลเกฺขเนฺตนปิ ปุจฺฉิตฺวาว มํสํ ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ ปริโภคกาเล ‘‘ปุจฺฉิตฺวา ปริภุญฺชิสฺสามี’’ติ วา คเหตฺวา ปุจฺฉิตฺวาว ปริภุญฺชิตพฺพํฯ กสฺมา? ทุวิเญฺญยฺยตฺตาฯ อจฺฉมํสมฺปิ หิ สูกรมํสสทิสํ โหติ, ทีปิมํสาทีนิ จ มิคมํสาทิสทิสานิ, ตสฺมา ปุจฺฉิตฺวา คหณเมว วตฺตนฺติ วทนฺติฯ
Sace pana koci ekaṃ bhikkhuṃ uddissa pāṇaṃ vadhitvā tassa pattaṃ pūretvā deti, so ca attano atthāya katabhāvaṃ jānaṃyeva gahetvā aññassa bhikkhuno deti, so taṃ tassa saddhāya paribhuñjati, kassa āpattīti? Dvinnampi anāpatti. Yañhi uddissa kataṃ, tassa abhuttatāya anāpatti, itarassa ajānanatāya. Kappiyamaṃsassa hi paṭiggahaṇe āpatti natthi, uddissakatañca ajānitvā bhuttassa pacchā ñatvā āpattidesanākiccaṃ nāma natthi. Akappiyamaṃsaṃ pana ajānitvā bhuttena pacchā ñatvāpi āpatti desetabbā. Uddissakatañhi ñatvā bhuñjatova āpatti, akappiyamaṃsaṃ ajānitvā bhuñjantassapi āpattiyeva, tasmā āpattibhīrukena rūpaṃ sallakkhentenapi pucchitvāva maṃsaṃ paṭiggahetabbaṃ. Paribhogakāle ‘‘pucchitvā paribhuñjissāmī’’ti vā gahetvā pucchitvāva paribhuñjitabbaṃ. Kasmā? Duviññeyyattā. Acchamaṃsampi hi sūkaramaṃsasadisaṃ hoti, dīpimaṃsādīni ca migamaṃsādisadisāni, tasmā pucchitvā gahaṇameva vattanti vadanti.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe
มจฺฉมํสวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ
Macchamaṃsavinicchayakathā samattā.