Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā

    ๑๐. มจฺฉราชจริยาวณฺณนา

    10. Maccharājacariyāvaṇṇanā

    ๘๓. ทสเม ยทา โหมิ, มจฺฉราชา มหาสเรติ อตีเต มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา โกสลรเฎฺฐ สาวตฺถิยํ เชตวเน โปกฺขรณิฎฺฐาเน วลฺลิคหนปริกฺขิเตฺต เอกสฺมิํ มหาสเร มจฺฉานํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รญฺชนโต ยทา อหํ ราชา โหมิ, มจฺฉคณปริวุโต ตตฺถ ปฎิวสามิ ตทาฯ อุเณฺหติ อุณฺหกาเล คิมฺหสมเยฯ สูริยสนฺตาเปติ อาทิจฺจสนฺตาเปนฯ สเร อุทก ขียถาติ ตสฺมิํ สเร อุทกํ ขียิตฺถ ฉิชฺชิตฺถฯ ตสฺมิญฺหิ รเฎฺฐ ตทา เทโว น วสฺสิ, สสฺสานิ มิลายิํสุ, วาปิอาทีสุ อุทกํ ปริกฺขยํ ปริยาทานํ อคมาสิ, มจฺฉกจฺฉปา กลลคหนํ ปวิสิํสุฯ ตสฺมิมฺปิ สเร มจฺฉา กทฺทมคหนํ ปวิสิตฺวา ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน นิลียิํสุฯ

    83. Dasame yadā homi, maccharājā mahāsareti atīte macchayoniyaṃ nibbattitvā kosalaraṭṭhe sāvatthiyaṃ jetavane pokkharaṇiṭṭhāne valligahanaparikkhitte ekasmiṃ mahāsare macchānaṃ catūhi saṅgahavatthūhi rañjanato yadā ahaṃ rājā homi, macchagaṇaparivuto tattha paṭivasāmi tadā. Uṇheti uṇhakāle gimhasamaye. Sūriyasantāpeti ādiccasantāpena. Sare udaka khīyathāti tasmiṃ sare udakaṃ khīyittha chijjittha. Tasmiñhi raṭṭhe tadā devo na vassi, sassāni milāyiṃsu, vāpiādīsu udakaṃ parikkhayaṃ pariyādānaṃ agamāsi, macchakacchapā kalalagahanaṃ pavisiṃsu. Tasmimpi sare macchā kaddamagahanaṃ pavisitvā tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne nilīyiṃsu.

    ๘๔. ตโตติ ตโต อุทกปริกฺขยโต อปรภาเคฯ กุลลเสนกาติ กุลลาเจว เสนา จฯ ภกฺขยนฺติ ทิวารตฺติํ, มเจฺฉ อุปนิสีทิยาติ ตตฺถ ตตฺถ กลลปิเฎฺฐ อุปนิสีทิตฺวา กลลคหนํ ปวิสิตฺวา นิปเนฺน มเจฺฉ กากา วา อิตเร วา ทิวา เจว รตฺติญฺจ กณยคฺคสทิเสหิ ตุเณฺฑหิ โกเฎฺฎตฺวา โกเฎฺฎตฺวา นีหริตฺวา วิปฺผนฺทมาเน ภกฺขยนฺติฯ

    84.Tatoti tato udakaparikkhayato aparabhāge. Kulalasenakāti kulalāceva senā ca. Bhakkhayanti divārattiṃ, macche upanisīdiyāti tattha tattha kalalapiṭṭhe upanisīditvā kalalagahanaṃ pavisitvā nipanne macche kākā vā itare vā divā ceva rattiñca kaṇayaggasadisehi tuṇḍehi koṭṭetvā koṭṭetvā nīharitvā vipphandamāne bhakkhayanti.

    ๘๕. อถ มหาสโตฺต มจฺฉานํ ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา มหากรุณาย สมุสฺสาหิตหทโย ‘‘ฐเปตฺวา มํ อิเม มม ญาตเก อิมสฺมา ทุกฺขา โมเจตุํ สมโตฺถ นาม อโญฺญ นตฺถิ, เกน นุ โข อหํ อุปาเยน เต อิโต ทุกฺขโต โมเจยฺย’’นฺติ จิเนฺตโนฺต ‘‘ยํนูนาหํ ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณํ มยิ จ สํวิชฺชมานํ สจฺจธมฺมํ นิสฺสาย สจฺจกิริยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตฺวา มม ญาติสงฺฆสฺส ชีวิตทานํ ทเทยฺยํ, เตน จ สกลสฺสาปิ อาหารูปชีวิโน สตฺตโลกสฺส มหาอุปกาโร สมฺปาทิโต มยา’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตุํ สจฺจกิริยํ อกาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ จิเนฺตสห’’นฺติอาทิฯ

    85. Atha mahāsatto macchānaṃ taṃ byasanaṃ disvā mahākaruṇāya samussāhitahadayo ‘‘ṭhapetvā maṃ ime mama ñātake imasmā dukkhā mocetuṃ samattho nāma añño natthi, kena nu kho ahaṃ upāyena te ito dukkhato moceyya’’nti cintento ‘‘yaṃnūnāhaṃ pubbakehi mahesīhi āciṇṇasamāciṇṇaṃ mayi ca saṃvijjamānaṃ saccadhammaṃ nissāya saccakiriyaṃ katvā devaṃ vassāpetvā mama ñātisaṅghassa jīvitadānaṃ dadeyyaṃ, tena ca sakalassāpi āhārūpajīvino sattalokassa mahāupakāro sampādito mayā’’ti nicchayaṃ katvā devaṃ vassāpetuṃ saccakiriyaṃ akāsi. Tena vuttaṃ ‘‘evaṃ cintesaha’’ntiādi.

    ตตฺถ สห ญาตีหิ ปีฬิโตติ มยฺหํ ญาตีหิ สทฺธิํ เตน อุทกปริกฺขเยน ปีฬิโตฯ สหาติ วา นิปาตมตฺตํฯ มหาการุณิกตาย เตน พฺยสเนน ทุกฺขิเตหิ ญาตีหิ การณภูเตหิ ปีฬิโต, ญาติสงฺฆทุกฺขทุกฺขิโตติ อโตฺถฯ

    Tattha saha ñātīhi pīḷitoti mayhaṃ ñātīhi saddhiṃ tena udakaparikkhayena pīḷito. Sahāti vā nipātamattaṃ. Mahākāruṇikatāya tena byasanena dukkhitehi ñātīhi kāraṇabhūtehi pīḷito, ñātisaṅghadukkhadukkhitoti attho.

    ๘๖. ธมฺมตฺถนฺติ ธมฺมภูตํ อตฺถํ, ธมฺมโต วา อนเปตํ อตฺถํฯ กิํ ตํ? สจฺจํฯ อทฺทสปสฺสยนฺติ มยฺหํ ญาตีนญฺจ อปสฺสยํ อทฺทสํฯ อติกฺขยนฺติ มหาวินาสํฯ

    86.Dhammatthanti dhammabhūtaṃ atthaṃ, dhammato vā anapetaṃ atthaṃ. Kiṃ taṃ? Saccaṃ. Addasapassayanti mayhaṃ ñātīnañca apassayaṃ addasaṃ. Atikkhayanti mahāvināsaṃ.

    ๘๗. สทฺธมฺมนฺติ สตํ สาธูนํ พุทฺธาทีนํ เอกสฺสาปิ ปาณิโน อหิํสนสงฺขาตํ ธมฺมํฯ อนุสฺสริตฺวาฯ ปรมตฺถํ วิจินฺตยนฺติ ตํ โข ปน ปรมตฺถํ สจฺจํ อวิปรีตสภาวํ กตฺวา จินฺตยโนฺตฯ ยํ โลเก ธุวสสฺสตนฺติ ยเทตํ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกานํ เอกสฺสาปิ ปาณิโน อหิํสนํ, ตํ สพฺพกาลํ ตถภาเวน ธุวํ สสฺสตํ วิจินฺตยํ สจฺจกิริยํ อกาสินฺติ สมฺพโนฺธฯ

    87.Saddhammanti sataṃ sādhūnaṃ buddhādīnaṃ ekassāpi pāṇino ahiṃsanasaṅkhātaṃ dhammaṃ. Anussaritvā. Paramatthaṃ vicintayanti taṃ kho pana paramatthaṃ saccaṃ aviparītasabhāvaṃ katvā cintayanto. Yaṃ loke dhuvasassatanti yadetaṃ buddhapaccekabuddhasāvakānaṃ ekassāpi pāṇino ahiṃsanaṃ, taṃ sabbakālaṃ tathabhāvena dhuvaṃ sassataṃ vicintayaṃ saccakiriyaṃ akāsinti sambandho.

    ๘๘. อิทานิ ตํ ธมฺมํ มหาสโตฺต อตฺตนิ วิชฺชมานํ คเหตฺวา สจฺจวจนํ ปโยเชตุกาโม กาลวณฺณํ กทฺทมํ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา อญฺชนรุกฺขสารฆฎิกวณฺณมหาสรีโร สุโธตโลหิตกมณิสทิสานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อากาสํ อุโลฺลเกโนฺต ‘‘ยโต สรามิ อตฺตาน’’นฺติ คาถมาหฯ

    88. Idāni taṃ dhammaṃ mahāsatto attani vijjamānaṃ gahetvā saccavacanaṃ payojetukāmo kālavaṇṇaṃ kaddamaṃ dvidhā viyūhitvā añjanarukkhasāraghaṭikavaṇṇamahāsarīro sudhotalohitakamaṇisadisāni akkhīni ummīletvā ākāsaṃ ullokento ‘‘yato sarāmi attāna’’nti gāthamāha.

    ตตฺถ ยโต สรามิ อตฺตานนฺติ ยโต ปฎฺฐาย อหํ อตฺตภาวสงฺขาตํ อตฺตานํ สรามิ อนุสฺสรามิฯ ยโต ปโตฺตสฺมิ วิญฺญุตนฺติ ยโต ปฎฺฐาย ตาสุ ตาสุ อิติกตฺตพฺพตาสุ วิญฺญุตํ วิชานนภาวํ ปโตฺตสฺมิ, อุทฺธํ อาโรหนวเสน อิโต ยาว มยฺหํ กายวจีกมฺมานํ อนุสฺสรณสมตฺถตา วิญฺญุตปฺปตฺติ เอว, เอตฺถนฺตเร สมานชาติกานํ ขาทนฎฺฐาเน นิพฺพโตฺตปิ ตณฺฑุลกณปฺปมาณมฺปิ มจฺฉํ มยา น ขาทิตปุพฺพํ, อญฺญมฺปิ กญฺจิ ปาณํ สญฺจิจฺจ หิํสิตํ พาธิตํ นาภิชานามิ, ปเคว ชีวิตา โวโรปิตํฯ

    Tattha yato sarāmi attānanti yato paṭṭhāya ahaṃ attabhāvasaṅkhātaṃ attānaṃ sarāmi anussarāmi. Yato pattosmi viññutanti yato paṭṭhāya tāsu tāsu itikattabbatāsu viññutaṃ vijānanabhāvaṃ pattosmi, uddhaṃ ārohanavasena ito yāva mayhaṃ kāyavacīkammānaṃ anussaraṇasamatthatā viññutappatti eva, etthantare samānajātikānaṃ khādanaṭṭhāne nibbattopi taṇḍulakaṇappamāṇampi macchaṃ mayā na khāditapubbaṃ, aññampi kañci pāṇaṃ sañcicca hiṃsitaṃ bādhitaṃ nābhijānāmi, pageva jīvitā voropitaṃ.

    ๘๙. เอเตน สจฺจวเชฺชนาติ ‘‘ยเทตํ มยา กสฺสจิ ปาณสฺส อหิํสนํ วุตฺตํ, สเจ เอตํ สจฺจํ ตถํ อวิปรีตํ, เอเตน สจฺจวจเนน ปชฺชุโนฺน เมโฆ อภิวสฺสตุ, ญาติสงฺฆํ เม ทุกฺขา ปโมเจตู’’ติ วตฺวา ปุน อตฺตโน ปริจาริกเจฎกํ อาณาเปโนฺต วิย ปชฺชุนฺนํ เทวราชานํ อาลปโนฺต ‘‘อภิตฺถนยา’’ติ คาถมาหฯ

    89.Etena saccavajjenāti ‘‘yadetaṃ mayā kassaci pāṇassa ahiṃsanaṃ vuttaṃ, sace etaṃ saccaṃ tathaṃ aviparītaṃ, etena saccavacanena pajjunno megho abhivassatu, ñātisaṅghaṃ me dukkhā pamocetū’’ti vatvā puna attano paricārikaceṭakaṃ āṇāpento viya pajjunnaṃ devarājānaṃ ālapanto ‘‘abhitthanayā’’ti gāthamāha.

    ตตฺถ อภิตฺถนย ปชฺชุนฺนาติ ปชฺชุโนฺน วุจฺจติ เมโฆ, อยํ ปน เมฆวเสน ลทฺธนามํ วสฺสวลาหกเทวราชานํ อาลปติฯ อยํ หิสฺส อธิปฺปาโย – เทโว นาม อนภิตฺถนยโนฺต วิชฺชุลตา อนิจฺฉาเรโนฺต ปวสฺสโนฺตปิ น โสภติ, ตสฺมา ตฺวํ อภิตฺถนยโนฺต วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรโนฺต วสฺสาเปหีติฯ นิธิํ กากสฺส นาสยาติ กากา กลลํ ปวิสิตฺวา ฐิเต มเจฺฉ ตุเณฺฑน โกเฎฺฎตฺวา นีหริตฺวา ขาทนฺติ , ตสฺมา เตสํ อโนฺตกลเล มจฺฉา ‘‘นิธี’’ติ วุจฺจนฺติฯ ตํ กากสงฺฆสฺส นิธิํ เทวํ วสฺสาเปโนฺต อุทเกน ปฎิจฺฉาเทตฺวา นาเสหิฯ กากํ โสกาย รเนฺธหีติ กากสโงฺฆ อิมสฺมิํ มหาสเร อุทเกน ปุเณฺณ มเจฺฉ อลภมาโน โสจิสฺสติ, ตํ กากคณํ ตฺวํ อิมํ กทฺทมํ ปูเรโนฺต โสกาย รเนฺธหิ, โสกสฺสตฺถาย ปน วสฺสาปยถ, ยถา อโนฺตนิชฺฌานลกฺขณํ โสกํ ปาปุณาติ, เอวํ กโรหีติ อโตฺถฯ มเจฺฉ โสกา ปโมจยาติ มม ญาตเก สเพฺพว มเจฺฉ อิมมฺหา มรณโสกา ปโมเจหิฯ ‘‘มญฺจ โสกา ปโมจยา’’ติ (ชา. ๑.๑.๗๕) ชาตเก ปฐนฺติฯ ตตฺถ -กาโร สมฺปิณฺฑนโตฺถ, มญฺจ มม ญาตเก จาติ สเพฺพว มรณโสกา ปโมเจหิ (ชา. อฎฺฐ. ๑.๑.๗๕)ฯ มจฺฉานญฺหิ อนุทกภาเวน ปจฺจตฺถิกานํ ฆาสภาวํ คจฺฉามาติ มหามรณโสโก, มหาสตฺตสฺส ปน เตสํ อนยพฺยสนํ ปฎิจฺจ กรุณายโต กรุณาปติรูปมุเขน โสกสมฺภโว เวทิตโพฺพฯ

    Tattha abhitthanaya pajjunnāti pajjunno vuccati megho, ayaṃ pana meghavasena laddhanāmaṃ vassavalāhakadevarājānaṃ ālapati. Ayaṃ hissa adhippāyo – devo nāma anabhitthanayanto vijjulatā anicchārento pavassantopi na sobhati, tasmā tvaṃ abhitthanayanto vijjulatā nicchārento vassāpehīti. Nidhiṃ kākassa nāsayāti kākā kalalaṃ pavisitvā ṭhite macche tuṇḍena koṭṭetvā nīharitvā khādanti , tasmā tesaṃ antokalale macchā ‘‘nidhī’’ti vuccanti. Taṃ kākasaṅghassa nidhiṃ devaṃ vassāpento udakena paṭicchādetvā nāsehi. Kākaṃ sokāya randhehīti kākasaṅgho imasmiṃ mahāsare udakena puṇṇe macche alabhamāno socissati, taṃ kākagaṇaṃ tvaṃ imaṃ kaddamaṃ pūrento sokāya randhehi, sokassatthāya pana vassāpayatha, yathā antonijjhānalakkhaṇaṃ sokaṃ pāpuṇāti, evaṃ karohīti attho. Macche sokā pamocayāti mama ñātake sabbeva macche imamhā maraṇasokā pamocehi. ‘‘Mañca sokā pamocayā’’ti (jā. 1.1.75) jātake paṭhanti. Tattha ca-kāro sampiṇḍanattho, mañca mama ñātake cāti sabbeva maraṇasokā pamocehi (jā. aṭṭha. 1.1.75). Macchānañhi anudakabhāvena paccatthikānaṃ ghāsabhāvaṃ gacchāmāti mahāmaraṇasoko, mahāsattassa pana tesaṃ anayabyasanaṃ paṭicca karuṇāyato karuṇāpatirūpamukhena sokasambhavo veditabbo.

    เอวํ โพธิสโตฺต อตฺตโน ปริจาริกเจฎกํ อาณาเปโนฺต วิย ปชฺชุนฺนํ อาลปิตฺวา สกเล โกสลรเฎฺฐ มหาวสฺสํ วสฺสาเปสิฯ มหาสตฺตสฺส หิ สีลเตเชน สจฺจกิริยาย สมกาลเมว สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทเสฺสสิฯ โส ‘‘กิํ นุ โข’’ติ อาวเชฺชโนฺต ตํ การณํ ญตฺวา วสฺสวลาหกเทวราชานํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, มหาปุริโส มจฺฉราชา ญาตีนํ มรณโสเกน วสฺสาปนํ อิจฺฉติ, สกลํ โกสลรฎฺฐํ เอกเมฆํ กตฺวา วสฺสาเปหี’’ติ อาหฯ

    Evaṃ bodhisatto attano paricārikaceṭakaṃ āṇāpento viya pajjunnaṃ ālapitvā sakale kosalaraṭṭhe mahāvassaṃ vassāpesi. Mahāsattassa hi sīlatejena saccakiriyāya samakālameva sakkassa paṇḍukambalasilāsanaṃ uṇhākāraṃ dassesi. So ‘‘kiṃ nu kho’’ti āvajjento taṃ kāraṇaṃ ñatvā vassavalāhakadevarājānaṃ pakkosāpetvā ‘‘tāta, mahāpuriso maccharājā ñātīnaṃ maraṇasokena vassāpanaṃ icchati, sakalaṃ kosalaraṭṭhaṃ ekameghaṃ katvā vassāpehī’’ti āha.

    โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เอกํ วลาหกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เมฆคีตํ คายโนฺต ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข ปกฺขนฺทิฯ ปาจีนทิสาภาเค ขลมณฺฑลมตฺตํ เอกํ เมฆมณฺฑลํ อุฎฺฐาย สตปฎลํ สหสฺสปฎลํ หุตฺวา อภิตฺถนยนฺตํ วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺตํ อโธมุขฐปิตอุทกกุมฺภากาเรน วิสฺสนฺทมานํ สกลํ โกสลรฎฺฐํ มโหเฆน อโชฺฌตฺถริฯ เทโว อจฺฉินฺนธารํ วสฺสโนฺต มุหุเตฺตเนว ตํ มหาสรํ ปูเรสิฯ มจฺฉา มรณภยโต มุจฺจิํสุฯ กากาทโย อปติฎฺฐา อเหสุํฯ น เกวลํ มจฺฉา เอว, มนุสฺสาปิ วิวิธสสฺสานิ สมฺปาเทนฺตา จตุปฺปทาทโยปีติ สเพฺพปิ วสฺสูปชีวิโน กายิกเจตสิกทุกฺขโต มุจฺจิํสุฯ เตน วุตฺตํ –

    So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā ekaṃ valāhakaṃ nivāsetvā ekaṃ pārupitvā meghagītaṃ gāyanto pācīnalokadhātuabhimukho pakkhandi. Pācīnadisābhāge khalamaṇḍalamattaṃ ekaṃ meghamaṇḍalaṃ uṭṭhāya satapaṭalaṃ sahassapaṭalaṃ hutvā abhitthanayantaṃ vijjulatā nicchārentaṃ adhomukhaṭhapitaudakakumbhākārena vissandamānaṃ sakalaṃ kosalaraṭṭhaṃ mahoghena ajjhotthari. Devo acchinnadhāraṃ vassanto muhutteneva taṃ mahāsaraṃ pūresi. Macchā maraṇabhayato mucciṃsu. Kākādayo apatiṭṭhā ahesuṃ. Na kevalaṃ macchā eva, manussāpi vividhasassāni sampādentā catuppadādayopīti sabbepi vassūpajīvino kāyikacetasikadukkhato mucciṃsu. Tena vuttaṃ –

    ๙๐.

    90.

    ‘‘สห กเต สจฺจวเร, ปชฺชุโนฺน อภิคชฺชิย;

    ‘‘Saha kate saccavare, pajjunno abhigajjiya;

    ถลํ นินฺนญฺจ ปูเรโนฺต, ขเณน อภิวสฺสถา’’ติฯ

    Thalaṃ ninnañca pūrento, khaṇena abhivassathā’’ti.

    ตตฺถ ขเณน อภิวสฺสถาติ อทนฺธายิตฺวา สจฺจกิริยขเณเนว อภิวสฺสิฯ

    Tattha khaṇena abhivassathāti adandhāyitvā saccakiriyakhaṇeneva abhivassi.

    ๙๑. กตฺวา วีริยมุตฺตมนฺติ เทเว อวสฺสเนฺต กิํ กาตพฺพนฺติ โกสชฺชํ อนาปชฺชิตฺวา ญาตตฺถจริยาสมฺปาทนมุเขน มหโต สตฺตนิกายสฺส หิตสุขนิปฺผาทนํ อุตฺตมํ วีริยํ กตฺวาฯ สจฺจเตชพลสฺสิโต มม สจฺจานุภาวพลสนฺนิสฺสิโต หุตฺวา ตทา มหาเมฆํ วสฺสาเปสิํฯ ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา ‘‘สเจฺจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ มหามจฺฉราชกาเล อตฺตโน สจฺจปารมิยา อนญฺญสาธารณภาวํ ทเสฺสสิ ธมฺมราชาฯ

    91.Katvā vīriyamuttamanti deve avassante kiṃ kātabbanti kosajjaṃ anāpajjitvā ñātatthacariyāsampādanamukhena mahato sattanikāyassa hitasukhanipphādanaṃ uttamaṃ vīriyaṃ katvā. Saccatejabalassito mama saccānubhāvabalasannissito hutvā tadā mahāmeghaṃ vassāpesiṃ. Yasmā cetadevaṃ, tasmā ‘‘saccena me samo natthi, esā me saccapāramī’’ti mahāmaccharājakāle attano saccapāramiyā anaññasādhāraṇabhāvaṃ dassesi dhammarājā.

    เอวํ มหาสโตฺต มหากรุณาย สมุสฺสาหิตหทโย สกลรเฎฺฐ มหาวสฺสํ วสฺสาปนวเสน มหาชนํ มรณทุกฺขโต โมเจตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโตฯ

    Evaṃ mahāsatto mahākaruṇāya samussāhitahadayo sakalaraṭṭhe mahāvassaṃ vassāpanavasena mahājanaṃ maraṇadukkhato mocetvā jīvitapariyosāne yathākammaṃ gato.

    ตทา ปชฺชุโนฺน อานนฺทเตฺถโร อโหสิ, มจฺฉคณา พุทฺธปริสา, มจฺฉราชา โลกนาโถฯ

    Tadā pajjunno ānandatthero ahosi, macchagaṇā buddhaparisā, maccharājā lokanātho.

    ตสฺส เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา อตฺตโน สมานชาติกานํ ขาทนฎฺฐาเน มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตณฺฑุลกณมตฺตมฺปิ มจฺฉํ อาทิํ กตฺวา กสฺสจิปิ ปาณิโน อขาทนํ, ติฎฺฐตุ ขาทนํ เอกสตฺตสฺสปิ อวิเหฐนํ, ตถา สจฺจกรเณน เทวสฺส วสฺสาปนํ, อุทเก ปริกฺขีเณ กลลคหเน นิมุชฺชนวเสน อตฺตนา อนุภวมานํ ทุกฺขํ วีรภาเวน อคเณตฺวา ญาติสงฺฆเสฺสว ตํ ทุกฺขํ อตฺตโน หทเย กตฺวา อสหนฺตสฺส สพฺพภาเวน กรุณายนา, ตถา จ ปฎิปตฺตีติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติฯ

    Tassa heṭṭhā vuttanayeneva sesapāramiyopi niddhāretabbā. Tathā attano samānajātikānaṃ khādanaṭṭhāne macchayoniyaṃ nibbattitvā taṇḍulakaṇamattampi macchaṃ ādiṃ katvā kassacipi pāṇino akhādanaṃ, tiṭṭhatu khādanaṃ ekasattassapi aviheṭhanaṃ, tathā saccakaraṇena devassa vassāpanaṃ, udake parikkhīṇe kalalagahane nimujjanavasena attanā anubhavamānaṃ dukkhaṃ vīrabhāvena agaṇetvā ñātisaṅghasseva taṃ dukkhaṃ attano hadaye katvā asahantassa sabbabhāvena karuṇāyanā, tathā ca paṭipattīti evamādayo guṇānubhāvā vibhāvetabbāti.

    มจฺฉราชจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Maccharājacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๑๐. มจฺฉราชจริยา • 10. Maccharājacariyā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact