Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. มจฺฉริสุตฺตวณฺณนา
2. Maccharisuttavaṇṇanā
๓๒. ทุติเย มเจฺฉรา จ ปมาทา จาติ อตฺตสมฺปตฺตินิคูหนลกฺขเณน มเจฺฉเรน เจว สติวิปฺปวาสลกฺขเณน ปมาเทน จฯ เอกโจฺจ หิ ‘อิทํ เม เทนฺตสฺส ปริกฺขยํ คมิสฺสติ, มยฺหํ วา ฆรมานุสกานํ วา น ภวิสฺสตี’’ติ มจฺฉริเยน ทานํ น เทติฯ เอกโจฺจ ขิฑฺฑาทิปสุตตฺตา ‘ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติฯ เอวํ ทานํ น ทียตีติ เอวเมตํ ยสทายกํ สิรีทายกํ สมฺปตฺติทายกํ สุขทายกํ ทานํ นาม น ทียตีติอาทินา การณํ กเถสิฯ ปุญฺญํ อากงฺขมาเนนาติ ปุพฺพเจตนาทิเภทํ ปุญฺญํ อิจฺฉมาเนนฯ เทยฺยํ โหติ วิชานตาติ อตฺถิ ทานสฺส ผลนฺติ ชานเนฺตน ทาตพฺพเมวาติ วทติฯ
32. Dutiye maccherā ca pamādā cāti attasampattinigūhanalakkhaṇena maccherena ceva sativippavāsalakkhaṇena pamādena ca. Ekacco hi ‘idaṃ me dentassa parikkhayaṃ gamissati, mayhaṃ vā gharamānusakānaṃ vā na bhavissatī’’ti macchariyena dānaṃ na deti. Ekacco khiḍḍādipasutattā ‘dānaṃ dātabba’’nti cittampi na uppādeti. Evaṃ dānaṃ na dīyatīti evametaṃ yasadāyakaṃ sirīdāyakaṃ sampattidāyakaṃ sukhadāyakaṃ dānaṃ nāma na dīyatītiādinā kāraṇaṃ kathesi. Puññaṃ ākaṅkhamānenāti pubbacetanādibhedaṃ puññaṃ icchamānena. Deyyaṃ hoti vijānatāti atthi dānassa phalanti jānantena dātabbamevāti vadati.
ตเมว พาลํ ผุสตีติ ตํเยว พาลํ อิธโลกปรโลเกสุ ชิฆจฺฉา จ ปิปาสา จ ผุสติ อนุพนฺธติ น วิชหติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ตเมว ผุสติ, ตสฺมาฯ วิเนยฺย มเจฺฉรนฺติ มเจฺฉรมลํ วิเนตฺวาฯ ทชฺชา ทานํ มลาภิภูติ มลาภิภู หุตฺวา ตํ มเจฺฉรมลํ อภิภวิตฺวา ทานํ ทเทยฺยฯ
Tameva bālaṃ phusatīti taṃyeva bālaṃ idhalokaparalokesu jighacchā ca pipāsā ca phusati anubandhati na vijahati. Tasmāti yasmā tameva phusati, tasmā. Vineyya maccheranti maccheramalaṃ vinetvā. Dajjā dānaṃ malābhibhūti malābhibhū hutvā taṃ maccheramalaṃ abhibhavitvā dānaṃ dadeyya.
เต มเตสุ น มียนฺตีติ อทานสีลตาย มรเณน มเตสุ น มียนฺติฯ ยถา หิ มโต สมฺปริวาเรตฺวา ฐปิเต พหุมฺหิปิ อนฺนปานาทิมฺหิ ‘‘อิทํ อิมสฺส โหตุ, อิทํ อิมสฺสา’’ติ อุฎฺฐหิตฺวา สํวิภาคํ น กโรติ, เอวํ อทานสีโลปีติ มตกสฺส จ อทานสีลสฺส จ โภคา สมสมา นาม โหนฺติฯ เตน ทานสีลา เอวรูเปสุ มเตสุ น มียนฺตีติ อโตฺถฯ ปนฺถานํว สห วชํ, อปฺปสฺมิํ เย ปเวจฺฉนฺตีติ ยถา อทฺธานํ กนฺตารมคฺคํ สห วชนฺตา ปถิกา สห วชนฺตานํ ปถิกานํ อปฺปสฺมิํ ปาเถเยฺย สํวิภาคํ กตฺวา ปเวจฺฉนฺติ ททนฺติเยว, เอวเมวํ เย ปน อนมตคฺคํ สํสารกนฺตารํ สห วชนฺตา สห วชนฺตานํ อปฺปสฺมิมฺปิ เทยฺยธเมฺม สํวิภาคํ กตฺวา ททนฺติเยว, เต มเตสุ น มียนฺติฯ
Te matesu na mīyantīti adānasīlatāya maraṇena matesu na mīyanti. Yathā hi mato samparivāretvā ṭhapite bahumhipi annapānādimhi ‘‘idaṃ imassa hotu, idaṃ imassā’’ti uṭṭhahitvā saṃvibhāgaṃ na karoti, evaṃ adānasīlopīti matakassa ca adānasīlassa ca bhogā samasamā nāma honti. Tena dānasīlā evarūpesu matesu na mīyantīti attho. Panthānaṃva saha vajaṃ, appasmiṃ ye pavecchantīti yathā addhānaṃ kantāramaggaṃ saha vajantā pathikā saha vajantānaṃ pathikānaṃ appasmiṃ pātheyye saṃvibhāgaṃ katvā pavecchanti dadantiyeva, evamevaṃ ye pana anamataggaṃ saṃsārakantāraṃ saha vajantā saha vajantānaṃ appasmimpi deyyadhamme saṃvibhāgaṃ katvā dadantiyeva, te matesu na mīyanti.
เอส ธโมฺม สนนฺตโนติ เอส โปราณโก ธโมฺม, สนนฺตนานํ วา ปณฺฑิตานํ เอส ธโมฺมติฯ อปฺปเสฺมเกติ อปฺปสฺมิํ เทยฺยธเมฺม เอเกฯ ปเวจฺฉนฺตีติ ททนฺติฯ พหุเนเก น ทิจฺฉเรติ พหุนาปิ โภเคน สมนฺนาคตา เอกเจฺจ น ททนฺติฯ สหเสฺสน สมํ มิตาติ สหเสฺสน สทฺธิํ มิตา, สหสฺส ทานสทิสา โหติฯ
Esa dhammo sanantanoti esa porāṇako dhammo, sanantanānaṃ vā paṇḍitānaṃ esa dhammoti. Appasmeketi appasmiṃ deyyadhamme eke. Pavecchantīti dadanti. Bahuneke na dicchareti bahunāpi bhogena samannāgatā ekacce na dadanti. Sahassena samaṃ mitāti sahassena saddhiṃ mitā, sahassa dānasadisā hoti.
ทุรนฺวโยติ ทุรนุคมโน, ทุปฺปูโรติ อโตฺถฯ ธมฺมํ จเรติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ จรติฯ โยปิ สมุญฺชกญฺจเรติ โย อปิ ขลมณฺฑลาทิโสธนปลาลโปฐนาทิวเสน สมุญฺชกญฺจรติฯ ทารญฺจ โปสนฺติ ทารญฺจ โปสโนฺตฯ ททํ อปฺปกสฺมินฺติ อปฺปกสฺมิํ ปณฺณสากมตฺตสฺมิมฺปิ สํวิภาคํ กตฺวา ททโนฺตว โส ธมฺมํ จรติฯ สตํ สหสฺสานนฺติ สหสฺสํ สหสฺสํ กตฺวา คณิตานํ ปุริสานํ สตํ, สตสหสฺสนฺติ อโตฺถฯ สหสฺสยาคินนฺติ ภิกฺขุสหสฺสสฺส วา ยาโค กหาปณสหเสฺสน วา นิพฺพตฺติโต ยาโคปิ สหสฺสยาโคฯ โส เอเตสํ อตฺถีติ สหสฺสยาคิโน, เตสํ สหสฺสยาคินํฯ เอเตน ทสนฺนํ วา ภิกฺขุโกฎีนํ ทสนฺนํ วา กหาปณโกฎีนํ ปิณฺฑปาโต ทสฺสิโต โหติฯ เย เอตฺตกํ ททนฺติ, เต กลมฺปิ นคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺสาติ อาหฯ ยฺวายํ สมุญฺชกํ จรโนฺตปิ ธมฺมํ จรติ, ทารํ โปเสโนฺตปิ, อปฺปกสฺมิํ ททโนฺตปิ, ตถาวิธสฺส เอเต สหสฺสยาคิโน กลมฺปิ นคฺฆนฺติฯ ยํ เตน ทลิเทฺทน เอกปฎิวีสกมตฺตมฺปิ สลากภตฺตมตฺตมฺปิ วา ทินฺนํ, ตสฺส ทานสฺส สเพฺพสมฺปิ เตสํ ทานํ กลํ นคฺฆตีติฯ กลํ นาม โสฬสภาโคปิ สตภาโคปิ สหสฺสภาโคปิฯ อิธ สตภาโค คหิโตฯ ยํ เตน ทานํ ทินฺนํ, ตสฺมิํ สตธา วิภเตฺต อิตเรสํ ทสโกฎิสหสฺสทานํ ตโต เอกโกฎฺฐาสมฺปิ นคฺฆตีติ อาหฯ
Duranvayoti duranugamano, duppūroti attho. Dhammaṃ careti dasakusalakammapathadhammaṃ carati. Yopi samuñjakañcareti yo api khalamaṇḍalādisodhanapalālapoṭhanādivasena samuñjakañcarati. Dārañca posanti dārañca posanto. Dadaṃ appakasminti appakasmiṃ paṇṇasākamattasmimpi saṃvibhāgaṃ katvā dadantova so dhammaṃ carati. Sataṃ sahassānanti sahassaṃ sahassaṃ katvā gaṇitānaṃ purisānaṃ sataṃ, satasahassanti attho. Sahassayāginanti bhikkhusahassassa vā yāgo kahāpaṇasahassena vā nibbattito yāgopi sahassayāgo. So etesaṃ atthīti sahassayāgino, tesaṃ sahassayāginaṃ. Etena dasannaṃ vā bhikkhukoṭīnaṃ dasannaṃ vā kahāpaṇakoṭīnaṃ piṇḍapāto dassito hoti. Ye ettakaṃ dadanti, te kalampi nagghanti tathāvidhassāti āha. Yvāyaṃ samuñjakaṃ carantopi dhammaṃ carati, dāraṃ posentopi, appakasmiṃ dadantopi, tathāvidhassa ete sahassayāgino kalampi nagghanti. Yaṃ tena daliddena ekapaṭivīsakamattampi salākabhattamattampi vā dinnaṃ, tassa dānassa sabbesampi tesaṃ dānaṃ kalaṃ nagghatīti. Kalaṃ nāma soḷasabhāgopi satabhāgopi sahassabhāgopi. Idha satabhāgo gahito. Yaṃ tena dānaṃ dinnaṃ, tasmiṃ satadhā vibhatte itaresaṃ dasakoṭisahassadānaṃ tato ekakoṭṭhāsampi nagghatīti āha.
เอวํ ตถาคเต ทานสฺส อคฺฆํ กโรเนฺต สมีเป ฐิตา เทวตา จิเนฺตสิ – ‘‘เอวํ ภควา มหนฺตํ ทานํ ปาเทน ปวเฎฺฎตฺวา รตนสติเก วิย นรเก ปกฺขิปโนฺต อิทํ เอวํ ปริตฺตกํ ทานํ จนฺทมณฺฑเล ปหรโนฺต วิย อุกฺขิปติ, กถํ นุ โข เอตํ มหปฺผลตร’’นฺติ ชานนตฺถํ คาถาย อชฺฌภาสิฯ ตตฺถ เกนาติ เกน การเณนฯ มหคฺคโตติ มหตฺตํ คโต, วิปุลเสฺสตํ เววจนํฯ สเมน ทินฺนสฺสาติ สเมน ทินฺนสฺส ทานสฺสฯ อถสฺสา ภควา ทานํ วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต ททนฺติ เหเกติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิสเม นิวิฎฺฐาติ วิสเม กายวจีมโนกเมฺม ปติฎฺฐิตา หุตฺวาฯ เฉตฺวาติ โปเถตฺวาฯ วธิตฺวาติ มาเรตฺวาฯ โสจยิตฺวาติ ปรํ โสกสมปฺปิตํ กตฺวาฯ อสฺสุมุขาติ อสฺสุมุขสมฺมิสฺสาฯ ปรํ โรทาเปตฺวา ทินฺนทานญฺหิ อสฺสุมุขทานนฺติ วุจฺจติฯ สทณฺฑาติ ทเณฺฑน ตเชฺชตฺวา ปหริตฺวา ทินฺนทกฺขิณา สทณฺฑาติ วุจฺจติฯ เอวนฺติ นาหํ สมฺมาสมฺพุทฺธตาย มหาทานํ คเหตฺวา อปฺปผลํ นาม กาตุํ สโกฺกมิ ปริตฺตกทานํ วา มหปฺผลํ นามฯ อิทํ ปน มหาทานํ อตฺตโน อุปฺปตฺติยา อปริสุทฺธตาย เอวํ อปฺปผลํ นาม โหติ, อิตรํ ปริตฺตทานํ อตฺตโน อุปฺปตฺติยา ปริสุทฺธตาย เอวํ มหปฺผลํ นามาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต เอวนฺติอาทิมาหาติฯ ทุติยํฯ
Evaṃ tathāgate dānassa agghaṃ karonte samīpe ṭhitā devatā cintesi – ‘‘evaṃ bhagavā mahantaṃ dānaṃ pādena pavaṭṭetvā ratanasatike viya narake pakkhipanto idaṃ evaṃ parittakaṃ dānaṃ candamaṇḍale paharanto viya ukkhipati, kathaṃ nu kho etaṃ mahapphalatara’’nti jānanatthaṃ gāthāya ajjhabhāsi. Tattha kenāti kena kāraṇena. Mahaggatoti mahattaṃ gato, vipulassetaṃ vevacanaṃ. Samena dinnassāti samena dinnassa dānassa. Athassā bhagavā dānaṃ vibhajitvā dassento dadanti heketiādimāha. Tattha visame niviṭṭhāti visame kāyavacīmanokamme patiṭṭhitā hutvā. Chetvāti pothetvā. Vadhitvāti māretvā. Socayitvāti paraṃ sokasamappitaṃ katvā. Assumukhāti assumukhasammissā. Paraṃ rodāpetvā dinnadānañhi assumukhadānanti vuccati. Sadaṇḍāti daṇḍena tajjetvā paharitvā dinnadakkhiṇā sadaṇḍāti vuccati. Evanti nāhaṃ sammāsambuddhatāya mahādānaṃ gahetvā appaphalaṃ nāma kātuṃ sakkomi parittakadānaṃ vā mahapphalaṃ nāma. Idaṃ pana mahādānaṃ attano uppattiyā aparisuddhatāya evaṃ appaphalaṃ nāma hoti, itaraṃ parittadānaṃ attano uppattiyā parisuddhatāya evaṃ mahapphalaṃ nāmāti imamatthaṃ dassento evantiādimāhāti. Dutiyaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. มจฺฉริสุตฺตํ • 2. Maccharisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. มจฺฉริสุตฺตวณฺณนา • 2. Maccharisuttavaṇṇanā