Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๘๘] ๘. มจฺฉุทฺทานชาตกวณฺณนา

    [288] 8. Macchuddānajātakavaṇṇanā

    อคฺฆนฺติ มจฺฉาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ กูฎวาณิชํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา กถิตเมวฯ

    Agghanti macchāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kūṭavāṇijaṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā kathitameva.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กุฎุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต กุฎุมฺพํ สณฺฐเปสิฯ กนิฎฺฐภาตาปิสฺส อตฺถิ, เตสํ อปรภาเค ปิตา กาลกโตฯ เต เอกทิวสํ ‘‘ปิตุ สนฺตกํ โวหารํ สาเธสฺสามา’’ติ เอกํ คามํ คนฺตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา อาคจฺฉนฺตา นทีติเตฺถ นาวํ ปฎิมาเนนฺตา ปุฎภตฺตํ ภุญฺชิํสุฯ โพธิสโตฺต อติเรกภตฺตํ คงฺคาย มจฺฉานํ ทตฺวา นทีเทวตาย ปตฺติํ อทาสิฯ เทวตา ปตฺติํ อนุโมทิตฺวาเยว ทิเพฺพน ยเสน วฑฺฒิตฺวา อตฺตโน ยสวุฑฺฒิํ อาวชฺชมานา ตํ การณํ อญฺญาสิฯ โพธิสโตฺตปิ วาลิกายํ อุตฺตราสงฺคํ ปตฺถริตฺวา นิปโนฺน นิทฺทํ โอกฺกมิ, กนิฎฺฐภาตา ปนสฺส โถกํ โจรปกติโกฯ โส เต กหาปเณ โพธิสตฺตสฺส อทตฺวา สยเมว คณฺหิตุกามตาย กหาปณภณฺฑิกสทิสํ เอกํ สกฺขรภณฺฑิกํ กตฺวา เทฺวปิ ภณฺฑิกา เอกโตว ฐเปสิฯ เตสํ นาวํ อภิรุหิตฺวา คงฺคามชฺฌคตานํ กนิโฎฺฐ นาวํ โขเภตฺวา ‘‘สกฺขรภณฺฑิกํ อุทเก ขิปิสฺสามี’’ติ สหสฺสภณฺฑิกํ ขิปิตฺวา ‘‘ภาติก, สหสฺสภณฺฑิกา อุทเก ปติตา, กินฺติ กโรมา’’ติ อาหฯ ‘‘อุทเก ปติตาย กิํ กริสฺสาม, มา จินฺตยี’’ติฯ นทีเทวตา จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ อิมินา ทินฺนปตฺติํ อนุโมทิตฺวา ทิพฺพยเสน วฑฺฒิตฺวา เอตสฺส สนฺตกํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ ภณฺฑิกํ เอกํ มหามจฺฉํ คิลาเปตฺวา สยํ อารกฺขํ คณฺหิฯ โสปิ โจโร เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ภาตา เม วญฺจิโต’’ติ ภณฺฑิกํ โมเจโนฺต สกฺขรา ปสฺสิตฺวา หทเยน สุสฺสเนฺตน มญฺจสฺส อฎนิํ อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kuṭumbikakule nibbattitvā viññutaṃ patto kuṭumbaṃ saṇṭhapesi. Kaniṭṭhabhātāpissa atthi, tesaṃ aparabhāge pitā kālakato. Te ekadivasaṃ ‘‘pitu santakaṃ vohāraṃ sādhessāmā’’ti ekaṃ gāmaṃ gantvā kahāpaṇasahassaṃ labhitvā āgacchantā nadītitthe nāvaṃ paṭimānentā puṭabhattaṃ bhuñjiṃsu. Bodhisatto atirekabhattaṃ gaṅgāya macchānaṃ datvā nadīdevatāya pattiṃ adāsi. Devatā pattiṃ anumoditvāyeva dibbena yasena vaḍḍhitvā attano yasavuḍḍhiṃ āvajjamānā taṃ kāraṇaṃ aññāsi. Bodhisattopi vālikāyaṃ uttarāsaṅgaṃ pattharitvā nipanno niddaṃ okkami, kaniṭṭhabhātā panassa thokaṃ corapakatiko. So te kahāpaṇe bodhisattassa adatvā sayameva gaṇhitukāmatāya kahāpaṇabhaṇḍikasadisaṃ ekaṃ sakkharabhaṇḍikaṃ katvā dvepi bhaṇḍikā ekatova ṭhapesi. Tesaṃ nāvaṃ abhiruhitvā gaṅgāmajjhagatānaṃ kaniṭṭho nāvaṃ khobhetvā ‘‘sakkharabhaṇḍikaṃ udake khipissāmī’’ti sahassabhaṇḍikaṃ khipitvā ‘‘bhātika, sahassabhaṇḍikā udake patitā, kinti karomā’’ti āha. ‘‘Udake patitāya kiṃ karissāma, mā cintayī’’ti. Nadīdevatā cintesi – ‘‘ahaṃ iminā dinnapattiṃ anumoditvā dibbayasena vaḍḍhitvā etassa santakaṃ rakkhissāmī’’ti attano ānubhāvena taṃ bhaṇḍikaṃ ekaṃ mahāmacchaṃ gilāpetvā sayaṃ ārakkhaṃ gaṇhi. Sopi coro gehaṃ gantvā ‘‘bhātā me vañcito’’ti bhaṇḍikaṃ mocento sakkharā passitvā hadayena sussantena mañcassa aṭaniṃ upagūhitvā nipajji.

    ตทา เกวฎฺฎา มจฺฉคหณตฺถาย ชาลํ ขิปิํสุฯ โส มโจฺฉ เทวตานุภาเวน ชาลํ ปาวิสิฯ เกวฎฺฎา ตํ คเหตฺวา วิกฺกิณิตุํ นครํ ปวิฎฺฐาฯ มนุสฺสา มหามจฺฉํ ทิสฺวา มูลํ ปุจฺฉนฺติฯ เกวฎฺฎา ‘‘กหาปณสหสฺสญฺจ สตฺต จ มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติ วทนฺติฯ มนุสฺสา ‘‘สหสฺสคฺฆนกมโจฺฉปิ โน ทิโฎฺฐ’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติฯ เกวฎฺฎา มจฺฉํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส ฆรทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ มจฺฉํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุฯ ‘‘กิมสฺส มูล’’นฺติ? ‘‘สตฺต มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติฯ ‘‘อเญฺญสํ ททมานา กถํ เทถา’’ติ? ‘‘อเญฺญสํ สหเสฺสน จ สตฺตหิ จ มาสเกหิ เทม, ตุเมฺห ปน สตฺต มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติฯ โส เตสํ สตฺต มาสเก ทตฺวา มจฺฉํ ภริยาย เปเสสิฯ สา มจฺฉสฺส กุจฺฉิํ ผาลยมานา สหสฺสภณฺฑิกํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิฯ โพธิสโตฺต ตํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ลญฺฉํ ทิสฺวา สกสนฺตกภาวํ ญตฺวา ‘‘อิทานิ อิเม เกวฎฺฎา อิมํ มจฺฉํ อเญฺญสํ ททมานา สหเสฺสน เจว สตฺตหิ จ มาสเกหิ เทนฺติ, อเมฺห ปน ปตฺวา สหสฺสสฺส อมฺหากํ สนฺตกตฺตา สเตฺตว มาสเก คเหตฺวา อทํสุ, อิทํ อนฺตรํ อชานนฺตํ น สกฺกา กญฺจิ สทฺทหาเปตุ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ปฐมํ คาถมาห –

    Tadā kevaṭṭā macchagahaṇatthāya jālaṃ khipiṃsu. So maccho devatānubhāvena jālaṃ pāvisi. Kevaṭṭā taṃ gahetvā vikkiṇituṃ nagaraṃ paviṭṭhā. Manussā mahāmacchaṃ disvā mūlaṃ pucchanti. Kevaṭṭā ‘‘kahāpaṇasahassañca satta ca māsake datvā gaṇhathā’’ti vadanti. Manussā ‘‘sahassagghanakamacchopi no diṭṭho’’ti parihāsaṃ karonti. Kevaṭṭā macchaṃ gahetvā bodhisattassa gharadvāraṃ gantvā ‘‘imaṃ macchaṃ gaṇhathā’’ti āhaṃsu. ‘‘Kimassa mūla’’nti? ‘‘Satta māsake datvā gaṇhathā’’ti. ‘‘Aññesaṃ dadamānā kathaṃ dethā’’ti? ‘‘Aññesaṃ sahassena ca sattahi ca māsakehi dema, tumhe pana satta māsake datvā gaṇhathā’’ti. So tesaṃ satta māsake datvā macchaṃ bhariyāya pesesi. Sā macchassa kucchiṃ phālayamānā sahassabhaṇḍikaṃ disvā bodhisattassa ārocesi. Bodhisatto taṃ oloketvā attano lañchaṃ disvā sakasantakabhāvaṃ ñatvā ‘‘idāni ime kevaṭṭā imaṃ macchaṃ aññesaṃ dadamānā sahassena ceva sattahi ca māsakehi denti, amhe pana patvā sahassassa amhākaṃ santakattā satteva māsake gahetvā adaṃsu, idaṃ antaraṃ ajānantaṃ na sakkā kañci saddahāpetu’’nti cintetvā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘อคฺฆนฺติ มจฺฉา อธิกํ สหสฺสํ, น โส อตฺถิ โย อิมํ สทฺทเหยฺย;

    ‘‘Agghanti macchā adhikaṃ sahassaṃ, na so atthi yo imaṃ saddaheyya;

    มยฺหญฺจ อสฺสุ อิธ สตฺต มาสา, อหมฺปิ ตํ มจฺฉุทฺทานํ กิเณยฺย’’นฺติฯ

    Mayhañca assu idha satta māsā, ahampi taṃ macchuddānaṃ kiṇeyya’’nti.

    ตตฺถ อธิกนฺติ อเญฺญหิ ปุจฺฉิตา เกวฎฺฎา ‘‘สตฺตมาสาธิกํ สหสฺสํ อคฺฆนฺตี’’ติ วทนฺติฯ น โส อตฺถิ โย อิมํ สทฺทเหยฺยาติ โส ปุริโส น อตฺถิ, โย อิมํ การณํ ปจฺจกฺขโต อชานโนฺต มม วจเนน สทฺทเหยฺย, เอตฺตกํ วา มจฺฉา อคฺฆนฺตีติ โย อิมํ สทฺทเหยฺย, โส นตฺถิ, ตสฺมาเยว เต อเญฺญหิ น คหิตาติปิ อโตฺถฯ มยฺหญฺจ อสฺสูติ มยฺหํ ปน สตฺต มาสกา อเหสุํฯ มจฺฉุทฺทานนฺติ มจฺฉวคฺคํฯ เตน หิ มเจฺฉน สทฺธิํ อเญฺญปิ มจฺฉา เอกโต พทฺธา ตํ สกลมฺปิ มจฺฉุทฺทานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ กิเณยฺยนฺติ กิณิํ, สเตฺตว มาสเก ทตฺวา เอตฺตกํ มจฺฉวคฺคํ คณฺหินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha adhikanti aññehi pucchitā kevaṭṭā ‘‘sattamāsādhikaṃ sahassaṃ agghantī’’ti vadanti. Na so atthi yo imaṃ saddaheyyāti so puriso na atthi, yo imaṃ kāraṇaṃ paccakkhato ajānanto mama vacanena saddaheyya, ettakaṃ vā macchā agghantīti yo imaṃ saddaheyya, so natthi, tasmāyeva te aññehi na gahitātipi attho. Mayhañca assūti mayhaṃ pana satta māsakā ahesuṃ. Macchuddānanti macchavaggaṃ. Tena hi macchena saddhiṃ aññepi macchā ekato baddhā taṃ sakalampi macchuddānaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Kiṇeyyanti kiṇiṃ, satteva māsake datvā ettakaṃ macchavaggaṃ gaṇhinti attho.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา อิทํ จิเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข นิสฺสาย มยา เอเต กหาปณา ลทฺธา’’ติ? ตสฺมิํ ขเณ นทีเทวตา อากาเส ทิสฺสมานรูเปน ฐตฺวา ‘‘อหํ, คงฺคาเทวตา, ตยา มจฺฉานํ อติเรกภตฺตํ ทตฺวา มยฺหํ ปตฺติ ทินฺนา, เตนาหํ ตว สนฺตกํ รกฺขนฺตี อาคตา’’ติ ทีปยมานา คาถมาห –

    Evañca pana vatvā idaṃ cintesi – ‘‘kiṃ nu kho nissāya mayā ete kahāpaṇā laddhā’’ti? Tasmiṃ khaṇe nadīdevatā ākāse dissamānarūpena ṭhatvā ‘‘ahaṃ, gaṅgādevatā, tayā macchānaṃ atirekabhattaṃ datvā mayhaṃ patti dinnā, tenāhaṃ tava santakaṃ rakkhantī āgatā’’ti dīpayamānā gāthamāha –

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘มจฺฉานํ โภชนํ ทตฺวา, มม ทกฺขิณมาทิสิ;

    ‘‘Macchānaṃ bhojanaṃ datvā, mama dakkhiṇamādisi;

    ตํ ทกฺขิณํ สรนฺติยา, กตํ อปจิติํ ตยา’’ติฯ

    Taṃ dakkhiṇaṃ sarantiyā, kataṃ apacitiṃ tayā’’ti.

    ตตฺถ ทกฺขิณนฺติ อิมสฺมิํ ฐาเน ปตฺติทานํ ทกฺขิณา นามฯ สรนฺติยา กตํ อปจิติํ ตยาติ ตํ ตยา มยฺหํ กตํ อปจิติํ สรนฺติยา มยา อิทํ ตว ธนํ รกฺขิตนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha dakkhiṇanti imasmiṃ ṭhāne pattidānaṃ dakkhiṇā nāma. Sarantiyā kataṃ apacitiṃ tayāti taṃ tayā mayhaṃ kataṃ apacitiṃ sarantiyā mayā idaṃ tava dhanaṃ rakkhitanti attho.

    อิทํ วตฺวา จ ปน สา เทวตา ตสฺส กนิเฎฺฐน กตกูฎกมฺมํ สพฺพํ กเถตฺวา ‘‘เอโส อิทานิ หทเยน สุสฺสเนฺตน นิปโนฺน, ทุฎฺฐจิตฺตสฺส วุฑฺฒิ นาม นตฺถิ, อหํ ปน ‘ตว สนฺตกํ มา นสฺสี’ติ ธนํ เต อาหริตฺวา อทาสิํ, อิทํ กนิฎฺฐโจรสฺส อทตฺวา สพฺพํ ตฺวเญฺญว คณฺหา’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

    Idaṃ vatvā ca pana sā devatā tassa kaniṭṭhena katakūṭakammaṃ sabbaṃ kathetvā ‘‘eso idāni hadayena sussantena nipanno, duṭṭhacittassa vuḍḍhi nāma natthi, ahaṃ pana ‘tava santakaṃ mā nassī’ti dhanaṃ te āharitvā adāsiṃ, idaṃ kaniṭṭhacorassa adatvā sabbaṃ tvaññeva gaṇhā’’ti vatvā tatiyaṃ gāthamāha –

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘ปทุฎฺฐจิตฺตสฺส น ผาติ โหติ, น จาปิ ตํ เทวตา ปูชยนฺติ;

    ‘‘Paduṭṭhacittassa na phāti hoti, na cāpi taṃ devatā pūjayanti;

    โย ภาตรํ เปตฺติกํ สาปเตยฺยํ, อวญฺจยี ทุกฺกฎกมฺมการี’’ติฯ

    Yo bhātaraṃ pettikaṃ sāpateyyaṃ, avañcayī dukkaṭakammakārī’’ti.

    ตตฺถ น ผาติ โหตีติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส อิธโลเก วา ปรโลเก วา วุฑฺฒิ นาม น โหติฯ น จาปิ ตนฺติ ตํ ปุคฺคลํ ตสฺส สนฺตกํ รกฺขมานา เทวตา น ปูชยนฺติฯ

    Tattha na phāti hotīti evarūpassa puggalassa idhaloke vā paraloke vā vuḍḍhi nāma na hoti. Na cāpi tanti taṃ puggalaṃ tassa santakaṃ rakkhamānā devatā na pūjayanti.

    อิติ เทวตา มิตฺตทุพฺภิโจรสฺส กหาปเณ อทาตุกามา เอวมาหฯ โพธิสโตฺต ปน ‘‘น สกฺกา เอวํ กาตุ’’นฺติ ตสฺสปิ ปญฺจ กหาปณสตานิ เปเสสิเยวฯ

    Iti devatā mittadubbhicorassa kahāpaṇe adātukāmā evamāha. Bodhisatto pana ‘‘na sakkā evaṃ kātu’’nti tassapi pañca kahāpaṇasatāni pesesiyeva.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน วาณิโช โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา กนิฎฺฐภาตา อิทานิ กูฎวาณิโช, เชฎฺฐภาตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne vāṇijo sotāpattiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā kaniṭṭhabhātā idāni kūṭavāṇijo, jeṭṭhabhātā pana ahameva ahosi’’nti.

    มจฺฉุทฺทานชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Macchuddānajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๘๘. มจฺฉุทฺทานชาตกํ • 288. Macchuddānajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact