Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๓. มจฺจุภายนาภายนปโญฺห
3. Maccubhāyanābhāyanapañho
๓. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ, ปุน ภณิตํ ‘อรหา สพฺพภยมติกฺกโนฺต’ติฯ กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, อรหา ทณฺฑภยา ตสติ , นิรเย วา เนรยิกา สตฺตา ชลิตา กุถิตา ตตฺตา สนฺตตฺตา ตมฺหา ชลิตคฺคิชาลกา มหานิรยา จวมานา มจฺจุโน ภายนฺติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ, เตน หิ ‘อรหา สพฺพภยมติกฺกโนฺต’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ภควตา ภณิตํ ‘อรหา สพฺพภยมติกฺกโนฺต’ติ, เตน หิ ‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยํ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
3. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’ti, puna bhaṇitaṃ ‘arahā sabbabhayamatikkanto’ti. Kiṃ nu kho, bhante nāgasena, arahā daṇḍabhayā tasati , niraye vā nerayikā sattā jalitā kuthitā tattā santattā tamhā jalitaggijālakā mahānirayā cavamānā maccuno bhāyanti. Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’ti, tena hi ‘arahā sabbabhayamatikkanto’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi bhagavatā bhaṇitaṃ ‘arahā sabbabhayamatikkanto’ti, tena hi ‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayaṃ ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘เนตํ, มหาราช, วจนํ ภควตา อรหเนฺต อุปาทาย ภณิตํ ‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติฯ ฐปิโต อรหา ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ, สมูหโต ภยเหตุ อรหโตฯ เย เต, มหาราช, สตฺตา สกิเลสา, เยสญฺจ อธิมตฺตา อตฺตานุทิฎฺฐิ, เย จ สุขทุเกฺขสุ อุนฺนตาวนตา, เต อุปาทาย ภควตา ภณิตํ ‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติฯ อรหโต, มหาราช, สพฺพคติ อุปจฺฉินฺนา, โยนิ วิทฺธํสิตา, ปฎิสนฺธิ อุปหตา, ภคฺคา ผาสุกา, สมูหตา สพฺพภวาลยา, สมุจฺฉินฺนา สพฺพสงฺขารา, หตํ กุสลากุสลํ, วิหตา อวิชฺชา, อพีชํ วิญฺญาณํ กตํ, ทฑฺฒา สพฺพกิเลสา, อติวตฺตา โลกธมฺมา, ตสฺมา อรหา น ตสติ สพฺพภเยหิฯ
‘‘Netaṃ, mahārāja, vacanaṃ bhagavatā arahante upādāya bhaṇitaṃ ‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’ti. Ṭhapito arahā tasmiṃ vatthusmiṃ, samūhato bhayahetu arahato. Ye te, mahārāja, sattā sakilesā, yesañca adhimattā attānudiṭṭhi, ye ca sukhadukkhesu unnatāvanatā, te upādāya bhagavatā bhaṇitaṃ ‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’ti. Arahato, mahārāja, sabbagati upacchinnā, yoni viddhaṃsitā, paṭisandhi upahatā, bhaggā phāsukā, samūhatā sabbabhavālayā, samucchinnā sabbasaṅkhārā, hataṃ kusalākusalaṃ, vihatā avijjā, abījaṃ viññāṇaṃ kataṃ, daḍḍhā sabbakilesā, ativattā lokadhammā, tasmā arahā na tasati sabbabhayehi.
‘‘อิธ, มหาราช, รโญฺญ จตฺตาโร มหามตฺตา ภเวยฺยุํ อนุรกฺขา ลทฺธยสา วิสฺสาสิกา ฐปิตา มหติ อิสฺสริเย ฐาเนฯ อถ ราชา กิสฺมิญฺจิ เทว กรณีเย สมุปฺปเนฺน ยาวตา สกวิชิเต สพฺพชนสฺส อาณาเปยฺย ‘สเพฺพว เม พลิํ กโรนฺตุ, สาเธถ ตุเมฺห จตฺตาโร มหามตฺตา ตํ กรณีย’นฺติฯ อปิ นุ โข, มหาราช, เตสํ จตุนฺนํ มหามตฺตานํ พลิภยา สนฺตาโส อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติฯ ‘‘ฐปิตา เต, ภเนฺต, รญฺญา อุตฺตมฎฺฐาเน, นตฺถิ เตสํ พลิ, สมติกฺกนฺตพลิโน เต, อวเสเส อุปาทาย รญฺญา อาณาปิตํ ‘สเพฺพว เม พลิํ กโรนฺตู’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, เนตํ วจนํ ภควตา อรหเนฺต อุปาทาย ภณิตํ, ฐปิโต อรหา ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ, สมูหโต ภยเหตุ อรหโต, เย เต, มหาราช, สตฺตา สกิเลสา, เยสญฺจ อธิมตฺตา อตฺตานุทิฎฺฐิ, เย จ สุขทุเกฺขสุ อุนฺนตาวนตา , เต อุปาทาย ภควตา ภณิตํ ‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติฯ ตสฺมา อรหา น ตสติ สพฺพภเยหี’’ติฯ
‘‘Idha, mahārāja, rañño cattāro mahāmattā bhaveyyuṃ anurakkhā laddhayasā vissāsikā ṭhapitā mahati issariye ṭhāne. Atha rājā kismiñci deva karaṇīye samuppanne yāvatā sakavijite sabbajanassa āṇāpeyya ‘sabbeva me baliṃ karontu, sādhetha tumhe cattāro mahāmattā taṃ karaṇīya’nti. Api nu kho, mahārāja, tesaṃ catunnaṃ mahāmattānaṃ balibhayā santāso uppajjeyyā’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Kena kāraṇena mahārājā’’ti. ‘‘Ṭhapitā te, bhante, raññā uttamaṭṭhāne, natthi tesaṃ bali, samatikkantabalino te, avasese upādāya raññā āṇāpitaṃ ‘sabbeva me baliṃ karontū’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, netaṃ vacanaṃ bhagavatā arahante upādāya bhaṇitaṃ, ṭhapito arahā tasmiṃ vatthusmiṃ, samūhato bhayahetu arahato, ye te, mahārāja, sattā sakilesā, yesañca adhimattā attānudiṭṭhi, ye ca sukhadukkhesu unnatāvanatā , te upādāya bhagavatā bhaṇitaṃ ‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’ti. Tasmā arahā na tasati sabbabhayehī’’ti.
‘‘เนตํ, ภเนฺต นาคเสน, วจนํ สาวเสสํ, นิรวเสสวจนเมตํ ‘สเพฺพ’ติฯ ตตฺถ เม อุตฺตริํ การณํ พฺรูหิ ตํ วจนํ ปติฎฺฐาเปตุ’’นฺติฯ
‘‘Netaṃ, bhante nāgasena, vacanaṃ sāvasesaṃ, niravasesavacanametaṃ ‘sabbe’ti. Tattha me uttariṃ kāraṇaṃ brūhi taṃ vacanaṃ patiṭṭhāpetu’’nti.
‘‘อิธ, มหาราช, คาเม คามสฺสามิโก อาณาปกํ อาณาเปยฺย ‘เอหิ, โภ อาณาปก, ยาวตา คาเม คามิกา, เต สเพฺพ สีฆํ มม สนฺติเก สนฺนิปาเตหี’ติฯ โส ‘สาธุ สามี’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา คามมเชฺฌ ฐตฺวา ติกฺขตฺตุํ สทฺทมนุสฺสาเวยฺย ‘ยาวตา คาเม คามิกา, เต สเพฺพ สีฆสีฆํ สามิโน สนฺติเก สนฺนิปตนฺตู’ติฯ ตโต เต คามิกา อาณาปกสฺส วจเนน ตุริตตุริตา สนฺนิปติตฺวา คามสฺสามิกสฺส อาโรเจนฺติ ‘สนฺนิปติตา, สามิ, สเพฺพ คามิกา, ยํ เต กรณียํ ตํ กโรหี’ติฯ อิติ โส, มหาราช, คามสฺสามิโก กุฎิปุริเส สนฺนิปาเตโนฺต สเพฺพ คามิเก อาณาเปติ, เต จ อาณตฺตา น สเพฺพ สนฺนิปตนฺติ, กุฎิปุริสา เยว สนฺนิปตนฺติ, ‘เอตฺตกา เยว เม คามิกา’ติ คามสฺสามิโก จ ตถา สมฺปฎิจฺฉติ, อเญฺญ พหุตรา อนาคตา อิตฺถิปุริสา ทาสิทาสา ภตกา กมฺมกรา คามิกา คิลานา โคมหิํสา อเชฬกา สุวานา, เย อนาคตา, สเพฺพ เต อคณิตา, กุฎิปุริเส เยว อุปาทาย อาณาปิตตฺตา ‘สเพฺพ สนฺนิปตนฺตู’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, เนตํ วจนํ ภควตา อรหเนฺต อุปาทาย ภณิตํ, ฐปิโต อรหา ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ, สมูหโต ภยเหตุ อรหโต, เย เต, มหาราช, สตฺตา สกิเลสา, เยสญฺจ อธิมตฺตา อตฺตานุทิฎฺฐิ, เย จ สุขทุเกฺขสุ อุนฺนตาวนตา, เต อุปาทาย ภควตา ภณิตํ ‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ ฯ ตสฺมา อรหา น ตสติ สพฺพภเยหิฯ
‘‘Idha, mahārāja, gāme gāmassāmiko āṇāpakaṃ āṇāpeyya ‘ehi, bho āṇāpaka, yāvatā gāme gāmikā, te sabbe sīghaṃ mama santike sannipātehī’ti. So ‘sādhu sāmī’ti sampaṭicchitvā gāmamajjhe ṭhatvā tikkhattuṃ saddamanussāveyya ‘yāvatā gāme gāmikā, te sabbe sīghasīghaṃ sāmino santike sannipatantū’ti. Tato te gāmikā āṇāpakassa vacanena turitaturitā sannipatitvā gāmassāmikassa ārocenti ‘sannipatitā, sāmi, sabbe gāmikā, yaṃ te karaṇīyaṃ taṃ karohī’ti. Iti so, mahārāja, gāmassāmiko kuṭipurise sannipātento sabbe gāmike āṇāpeti, te ca āṇattā na sabbe sannipatanti, kuṭipurisā yeva sannipatanti, ‘ettakā yeva me gāmikā’ti gāmassāmiko ca tathā sampaṭicchati, aññe bahutarā anāgatā itthipurisā dāsidāsā bhatakā kammakarā gāmikā gilānā gomahiṃsā ajeḷakā suvānā, ye anāgatā, sabbe te agaṇitā, kuṭipurise yeva upādāya āṇāpitattā ‘sabbe sannipatantū’ti. Evameva kho, mahārāja, netaṃ vacanaṃ bhagavatā arahante upādāya bhaṇitaṃ, ṭhapito arahā tasmiṃ vatthusmiṃ, samūhato bhayahetu arahato, ye te, mahārāja, sattā sakilesā, yesañca adhimattā attānudiṭṭhi, ye ca sukhadukkhesu unnatāvanatā, te upādāya bhagavatā bhaṇitaṃ ‘sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno’ti . Tasmā arahā na tasati sabbabhayehi.
‘‘อตฺถิ, มหาราช, สาวเสสํ วจนํ สาวเสโส อโตฺถ, อตฺถิ สาวเสสํ วจนํ นิรวเสโส อโตฺถ, อตฺถิ นิรวเสสํ วจนํ สาวเสโส อโตฺถ, อตฺถิ นิรวเสสํ วจนํ นิรวเสโส อโตฺถฯ เตน เตน อโตฺถ สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ
‘‘Atthi, mahārāja, sāvasesaṃ vacanaṃ sāvaseso attho, atthi sāvasesaṃ vacanaṃ niravaseso attho, atthi niravasesaṃ vacanaṃ sāvaseso attho, atthi niravasesaṃ vacanaṃ niravaseso attho. Tena tena attho sampaṭicchitabbo.
‘‘ปญฺจวิเธหิ, มหาราช, การเณหิ อโตฺถ สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพ อาหจฺจปเทน รเสน อาจริยวํเสน 1 อธิปฺปายา การณุตฺตริยตายฯ เอตฺถ หิ อาหจฺจปทนฺติ สุตฺตํ อธิเปฺปตํฯ รโสติ สุตฺตานุโลมํฯ อาจริยวํโสติ อาจริยวาโทฯ อธิปฺปาโยติ อตฺตโน มติฯ การณุตฺตริยตาติ อิเมหิ จตูหิ สเมนฺตํ 2 การณํฯ อิเมหิ โข, มหาราช, ปญฺจหิ การเณหิ อโตฺถ สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ เอวเมโส ปโญฺห สุวินิจฺฉิโต โหตี’’ติฯ
‘‘Pañcavidhehi, mahārāja, kāraṇehi attho sampaṭicchitabbo āhaccapadena rasena ācariyavaṃsena 3 adhippāyā kāraṇuttariyatāya. Ettha hi āhaccapadanti suttaṃ adhippetaṃ. Rasoti suttānulomaṃ. Ācariyavaṃsoti ācariyavādo. Adhippāyoti attano mati. Kāraṇuttariyatāti imehi catūhi samentaṃ 4 kāraṇaṃ. Imehi kho, mahārāja, pañcahi kāraṇehi attho sampaṭicchitabbo. Evameso pañho suvinicchito hotī’’ti.
‘‘โหตุ, ภเนฺต นาคเสน, ตถา ตํ สมฺปฎิจฺฉามิฯ ฐปิโต โหตุ อรหา ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ, ตสนฺตุ อวเสสา สตฺตา, นิรเย ปน เนรยิกา สตฺตา ทุกฺขา ติพฺพา กฎุกา เวทนา เวทยมานา ชลิตปชฺชลิตสพฺพงฺคปจฺจงฺคา รุณฺณการุญฺญกนฺทิตปริเทวิตลาลปฺปิตมุขา อสยฺหติพฺพทุกฺขาภิภูตา อตาณา อสรณา อสรณีภูตา อนปฺปโสกาตุรา อนฺติมปจฺฉิมคติกา เอกนฺตโสกปรายณา อุณฺหติขิณจณฺฑขรตปนเตชวโนฺต ภีมภยชนกนินาทมหาสทฺทา สํสิพฺพิตฉพฺพิธชาลามาลากุลา สมนฺตา สตโยชนานุผรณจฺจิเวคา กทริยา ตปนา มหานิรยา จวมานา มจฺจุโน ภายนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ
‘‘Hotu, bhante nāgasena, tathā taṃ sampaṭicchāmi. Ṭhapito hotu arahā tasmiṃ vatthusmiṃ, tasantu avasesā sattā, niraye pana nerayikā sattā dukkhā tibbā kaṭukā vedanā vedayamānā jalitapajjalitasabbaṅgapaccaṅgā ruṇṇakāruññakanditaparidevitalālappitamukhā asayhatibbadukkhābhibhūtā atāṇā asaraṇā asaraṇībhūtā anappasokāturā antimapacchimagatikā ekantasokaparāyaṇā uṇhatikhiṇacaṇḍakharatapanatejavanto bhīmabhayajanakaninādamahāsaddā saṃsibbitachabbidhajālāmālākulā samantā satayojanānupharaṇaccivegā kadariyā tapanā mahānirayā cavamānā maccuno bhāyantī’’ti? ‘‘Āma, mahārājā’’ti.
‘‘นนุ, ภเนฺต นาคเสน, นิรโย เอกนฺตทุกฺขเวทนีโย, กิสฺส ปน เต เนรยิกา สตฺตา เอกนฺตทุกฺขเวทนียา นิรยา จวมานา มจฺจุโน ภายนฺติ, กิสฺส นิรเย รมนฺตี’’ติ? ‘‘น เต, มหาราช, เนรยิกา สตฺตา นิรเย รมนฺติ, มุญฺจิตุกามาว เต นิรยาฯ มรณเสฺสว โส 5, มหาราช, อานุภาโว, เยน เตสํ สนฺตาโส อุปฺปชฺชตี’’ติฯ ‘‘เอตํ โข, ภเนฺต นาคเสน, น สทฺทหามิ, ยํ มุจฺจิตุกามานํ จุติยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชตีติ, หาสนียํ , ภเนฺต นาคเสน, ตํ ฐานํ, ยํ เต ปตฺถิตํ ลภนฺติ, การเณน มํ สญฺญาเปหี’’ติฯ
‘‘Nanu, bhante nāgasena, nirayo ekantadukkhavedanīyo, kissa pana te nerayikā sattā ekantadukkhavedanīyā nirayā cavamānā maccuno bhāyanti, kissa niraye ramantī’’ti? ‘‘Na te, mahārāja, nerayikā sattā niraye ramanti, muñcitukāmāva te nirayā. Maraṇasseva so 6, mahārāja, ānubhāvo, yena tesaṃ santāso uppajjatī’’ti. ‘‘Etaṃ kho, bhante nāgasena, na saddahāmi, yaṃ muccitukāmānaṃ cutiyā santāso uppajjatīti, hāsanīyaṃ , bhante nāgasena, taṃ ṭhānaṃ, yaṃ te patthitaṃ labhanti, kāraṇena maṃ saññāpehī’’ti.
‘‘มรณนฺติ โข, มหาราช, เอตํ อทิฎฺฐสจฺจานํ ตาสนียฎฺฐานํ, เอตฺถายํ ชโน ตสติ จ อุพฺพิชฺชติ จฯ โย จ, มหาราช, กณฺหสปฺปสฺส ภายติ, โส มรณสฺส ภายโนฺต กณฺหสปฺปสฺส ภายติฯ โย จ หตฺถิสฺส ภายติ…เป.… สีหสฺส…เป.… พฺยคฺฆสฺส…เป.… ทีปิสฺส…เป.… อจฺฉสฺส…เป.… ตรจฺฉสฺส…เป.… มหิํสสฺส…เป.… ควยสฺส…เป.… อคฺคิสฺส…เป.… อุทกสฺส…เป.… ขาณุกสฺส…เป.… กณฺฎกสฺส ภายติฯ โย จ สตฺติยา ภายติ, โส มรณสฺส ภายโนฺต สตฺติยา ภายติฯ มรณเสฺสว โส 7, มหาราช, สรสสภาวเตโช 8, ตสฺส สรสสภาวเตเชน สกิเลสา สตฺตา มรณสฺส ตสนฺติ ภายนฺติ, มุจฺจิตุกามาปิ, มหาราช, เนรยิกา สตฺตา มรณสฺส ตสนฺติ ภายนฺติฯ
‘‘Maraṇanti kho, mahārāja, etaṃ adiṭṭhasaccānaṃ tāsanīyaṭṭhānaṃ, etthāyaṃ jano tasati ca ubbijjati ca. Yo ca, mahārāja, kaṇhasappassa bhāyati, so maraṇassa bhāyanto kaṇhasappassa bhāyati. Yo ca hatthissa bhāyati…pe… sīhassa…pe… byagghassa…pe… dīpissa…pe… acchassa…pe… taracchassa…pe… mahiṃsassa…pe… gavayassa…pe… aggissa…pe… udakassa…pe… khāṇukassa…pe… kaṇṭakassa bhāyati. Yo ca sattiyā bhāyati, so maraṇassa bhāyanto sattiyā bhāyati. Maraṇasseva so 9, mahārāja, sarasasabhāvatejo 10, tassa sarasasabhāvatejena sakilesā sattā maraṇassa tasanti bhāyanti, muccitukāmāpi, mahārāja, nerayikā sattā maraṇassa tasanti bhāyanti.
‘‘อิธ, มหาราช, ปุริสสฺส กาเย เมโท คณฺฐิ อุปฺปเชฺชยฺยฯ โส เตน โรเคน ทุกฺขิโต อุปทฺทวา ปริมุจฺจิตุกาโม ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อามนฺตาเปยฺยฯ ตสฺส วจนํ โส ภิสโกฺก สลฺลกโตฺต สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตสฺส โรคสฺส อุทฺธรณาย อุปกรณํ อุปฎฺฐาเปยฺย, สตฺถกํ ติขิณํ กเรยฺย , ยมกสลากา 11 อคฺคิมฺหิ ปกฺขิเปยฺย, ขารลวณํ นิสทาย ปิสาเปยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส อาตุรสฺส ติขิณสตฺถกเจฺฉทเนน ยมกสลากาทหเนน ขารโลณปฺปเวสเนน ตาโส อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘อาม ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อิติ, มหาราช, ตสฺส อาตุรสฺส โรคา มุจฺจิตุกามสฺสาปิ เวทนาภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติฯ เอวเมว โข, มหาราช, นิรยา มุจฺจิตุกามานมฺปิ เนรยิกานํ สตฺตานํ มรณภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติฯ
‘‘Idha, mahārāja, purisassa kāye medo gaṇṭhi uppajjeyya. So tena rogena dukkhito upaddavā parimuccitukāmo bhisakkaṃ sallakattaṃ āmantāpeyya. Tassa vacanaṃ so bhisakko sallakatto sampaṭicchitvā tassa rogassa uddharaṇāya upakaraṇaṃ upaṭṭhāpeyya, satthakaṃ tikhiṇaṃ kareyya , yamakasalākā 12 aggimhi pakkhipeyya, khāralavaṇaṃ nisadāya pisāpeyya, api nu kho, mahārāja, tassa āturassa tikhiṇasatthakacchedanena yamakasalākādahanena khāraloṇappavesanena tāso uppajjeyyā’’ti? ‘‘Āma bhante’’ti. ‘‘Iti, mahārāja, tassa āturassa rogā muccitukāmassāpi vedanābhayā santāso uppajjati. Evameva kho, mahārāja, nirayā muccitukāmānampi nerayikānaṃ sattānaṃ maraṇabhayā santāso uppajjati.
‘‘อิธ, มหาราช, ปุริโส อิสฺสราปราธิโก พโทฺธ สงฺขลิกพนฺธเนน คเพฺภ ปกฺขิโตฺต ปริมุจฺจิตุกาโม อสฺส, ตเมนํ โส อิสฺสโร โมเจตุกาโม ปโกฺกสาเปยฺยฯ อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส อิสฺสราปราธิกสฺส ปุริสสฺส ‘กตโทโส อห’นฺติ ชานนฺตสฺส อิสฺสรทสฺสเนน สนฺตาโส อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘อาม ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อิติ, มหาราช, ตสฺส อิสฺสราปราธิกสฺส ปุริสสฺส ปริมุจฺจิตุกามาสฺสาปิ อิสฺสรภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติฯ เอวเมว โข, มหาราช, นิรยา มุจฺจิตุกามานมฺปิ เนรยิกานํ สตฺตานํ มรณภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Idha, mahārāja, puriso issarāparādhiko baddho saṅkhalikabandhanena gabbhe pakkhitto parimuccitukāmo assa, tamenaṃ so issaro mocetukāmo pakkosāpeyya. Api nu kho, mahārāja, tassa issarāparādhikassa purisassa ‘katadoso aha’nti jānantassa issaradassanena santāso uppajjeyyā’’ti? ‘‘Āma bhante’’ti. ‘‘Iti, mahārāja, tassa issarāparādhikassa purisassa parimuccitukāmāssāpi issarabhayā santāso uppajjati. Evameva kho, mahārāja, nirayā muccitukāmānampi nerayikānaṃ sattānaṃ maraṇabhayā santāso uppajjatī’’ti.
‘‘อปรมฺปิ , ภเนฺต, อุตฺตริํ การณํ พฺรูหิ, เยนาหํ การเณน โอกเปฺปยฺย’’นฺติฯ ‘‘อิธ, มหาราช, ปุริโส ทฎฺฐวิเสน อาสีวิเสน ทโฎฺฐ ภเวยฺย, โส เตน วิสวิกาเรน ปเตยฺย อุปฺปเตยฺย วเฎฺฎยฺย ปวเฎฺฎยฺย, อถญฺญตโร ปุริโส พลวเนฺตน มนฺตปเทน ตํ ทฎฺฐวิสํ อาสีวิสํ อาเนตฺวา ตํ ทฎฺฐวิสํ ปจฺจาจมาเปยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส วิสคตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมิํ ทฎฺฐวิเส สเปฺป โสตฺถิเหตุ อุปคจฺฉเนฺต สนฺตาโส อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘อาม ภเนฺต’’ติฯ อิติ, มหาราช, ตถารูเป อหิมฺหิ โสตฺถิเหตุปิ อุปคจฺฉเนฺต ตสฺส สนฺตาโส อุปฺปชฺชติฯ เอวเมว โข, มหาราช, นิรยา มุจฺจิตุกามานมฺปิ เนรยิกานํ สนฺตานํ มรณภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติฯ อนิฎฺฐํ, มหาราช, สพฺพสตฺตานํ มรณํ, ตสฺมา เนรยิกา สตฺตา นิรยา ปริมุจฺจิตุกามาปิ มจฺจุโน ภายนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Aparampi , bhante, uttariṃ kāraṇaṃ brūhi, yenāhaṃ kāraṇena okappeyya’’nti. ‘‘Idha, mahārāja, puriso daṭṭhavisena āsīvisena daṭṭho bhaveyya, so tena visavikārena pateyya uppateyya vaṭṭeyya pavaṭṭeyya, athaññataro puriso balavantena mantapadena taṃ daṭṭhavisaṃ āsīvisaṃ ānetvā taṃ daṭṭhavisaṃ paccācamāpeyya, api nu kho, mahārāja, tassa visagatassa purisassa tasmiṃ daṭṭhavise sappe sotthihetu upagacchante santāso uppajjeyyā’’ti? ‘‘Āma bhante’’ti. Iti, mahārāja, tathārūpe ahimhi sotthihetupi upagacchante tassa santāso uppajjati. Evameva kho, mahārāja, nirayā muccitukāmānampi nerayikānaṃ santānaṃ maraṇabhayā santāso uppajjati. Aniṭṭhaṃ, mahārāja, sabbasattānaṃ maraṇaṃ, tasmā nerayikā sattā nirayā parimuccitukāmāpi maccuno bhāyantī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
มจฺจุภายนาภายนปโญฺห ตติโยฯ
Maccubhāyanābhāyanapañho tatiyo.
Footnotes: