Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๔. มจฺจุปาสมุตฺติปโญฺห

    4. Maccupāsamuttipañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา –

    4. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā –

    ‘‘‘น อนฺตลิเกฺข น สมุทฺทมเชฺฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

    ‘‘‘Na antalikkhe na samuddamajjhe, na pabbatānaṃ vivaraṃ pavissa;

    น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฎฺฐิโต มุเจฺจยฺย มจฺจุปาสา’ติฯ

    Na vijjatī so jagatippadeso, yatthaṭṭhito mucceyya maccupāsā’ti.

    ‘‘ปุน ภควตา ปริตฺตา จ อุทฺทิฎฺฐาฯ เสยฺยถิทํ, รตนสุตฺตํ เมตฺตสุตฺตํ ขนฺธปริตฺตํ โมรปริตฺตํ ธชคฺคปริตฺตํ อาฎานาฎิยปริตฺตํ องฺคุลิมาลปริตฺตํฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, อากาสคโตปิ สมุทฺทมชฺฌคโตปิ ปาสาทกุฎิเลณคุหาปพฺภารทริพิลคิริ วิวรปพฺพตนฺตรคโตปิ น มุจฺจติ มจฺจุปาสา, เตน หิ ปริตฺตกมฺมํ มิจฺฉาฯ ยทิ ปริตฺตกรเณน มจฺจุปาสา ปริมุตฺติ ภวติ, เตน หิ ‘น อนฺตลิเกฺข…เป.… มจฺจุปาสา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห คณฺฐิโตปิ คณฺฐิตโร ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ

    ‘‘Puna bhagavatā parittā ca uddiṭṭhā. Seyyathidaṃ, ratanasuttaṃ mettasuttaṃ khandhaparittaṃ moraparittaṃ dhajaggaparittaṃ āṭānāṭiyaparittaṃ aṅgulimālaparittaṃ. Yadi, bhante nāgasena, ākāsagatopi samuddamajjhagatopi pāsādakuṭileṇaguhāpabbhāradaribilagiri vivarapabbatantaragatopi na muccati maccupāsā, tena hi parittakammaṃ micchā. Yadi parittakaraṇena maccupāsā parimutti bhavati, tena hi ‘na antalikkhe…pe… maccupāsā’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho gaṇṭhitopi gaṇṭhitaro tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.

    ‘‘ภาสิตเมฺปตํ , มหาราช, ภควตา ‘น อนฺตลิเกฺข…เป.… มจฺจุปาสา’ติ, ปริตฺตา จ ภควตา อุทฺทิฎฺฐา, ตญฺจ ปน สาวเสสายุกสฺส วยสมฺปนฺนสฺส อเปตกมฺมาวรณสฺส, นตฺถิ, มหาราช, ขีณายุกสฺส ฐิติยา กิริยา วา อุปกฺกโม วาฯ

    ‘‘Bhāsitampetaṃ , mahārāja, bhagavatā ‘na antalikkhe…pe… maccupāsā’ti, parittā ca bhagavatā uddiṭṭhā, tañca pana sāvasesāyukassa vayasampannassa apetakammāvaraṇassa, natthi, mahārāja, khīṇāyukassa ṭhitiyā kiriyā vā upakkamo vā.

    ‘‘ยถา มหาราช มตสฺส รุกฺขสฺส สุกฺขสฺส โกฬาปสฺส นิเสฺนหสฺส อุปรุทฺธชีวิตสฺส คตายุสงฺขารสฺส กุมฺภสหเสฺสนปิ อุทเก อากิรเนฺต อลฺลตฺตํ วา ปลฺลวิตหริตภาโว วา น ภเวยฺยฯ เอวเมว โข, มหาราช, เภสชฺชปริตฺตกเมฺมน นตฺถิ ขีณายุกสฺส ฐิติยา กิริยา วา อุปกฺกโม วา, ยานิ ตานิ, มหาราช, มหิยา โอสธานิ เภสชฺชานิ, ตานิปิ ขีณายุกสฺส อกิจฺจกรานิ ภวนฺติฯ สาวเสสายุกํ, มหาราช, วยสมฺปนฺนํ อเปตกมฺมาวรณํ ปริตฺตํ รกฺขติ โคเปติ, ตสฺสตฺถาย ภควตา ปริตฺตา อุทฺทิฎฺฐาฯ

    ‘‘Yathā mahārāja matassa rukkhassa sukkhassa koḷāpassa nisnehassa uparuddhajīvitassa gatāyusaṅkhārassa kumbhasahassenapi udake ākirante allattaṃ vā pallavitaharitabhāvo vā na bhaveyya. Evameva kho, mahārāja, bhesajjaparittakammena natthi khīṇāyukassa ṭhitiyā kiriyā vā upakkamo vā, yāni tāni, mahārāja, mahiyā osadhāni bhesajjāni, tānipi khīṇāyukassa akiccakarāni bhavanti. Sāvasesāyukaṃ, mahārāja, vayasampannaṃ apetakammāvaraṇaṃ parittaṃ rakkhati gopeti, tassatthāya bhagavatā parittā uddiṭṭhā.

    ‘‘ยถา, มหาราช, กสฺสโก ปริปเกฺก ธเญฺญ มเต สสฺสนาเฬ อุทกปฺปเวสนํ วาเรยฺย, ยํ ปน สสฺสํ ตรุณํ เมฆสนฺนิภํ วยสมฺปนฺนํ, ตํ อุทกวฑฺฒิยา วฑฺฒติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ขีณายุกสฺส เภสชฺชปริตฺตกิริยา ฐปิตา ปฎิกฺขิตฺตา , เย ปน เต มนุสฺสา สาวเสสายุกา วยสมฺปนฺนา, เตสํ อตฺถาย ปริตฺตเภสชฺชานิ ภณิตานิ, เต ปริตฺตเภสเชฺชหิ วฑฺฒนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, kassako paripakke dhaññe mate sassanāḷe udakappavesanaṃ vāreyya, yaṃ pana sassaṃ taruṇaṃ meghasannibhaṃ vayasampannaṃ, taṃ udakavaḍḍhiyā vaḍḍhati. Evameva kho, mahārāja, khīṇāyukassa bhesajjaparittakiriyā ṭhapitā paṭikkhittā , ye pana te manussā sāvasesāyukā vayasampannā, tesaṃ atthāya parittabhesajjāni bhaṇitāni, te parittabhesajjehi vaḍḍhantī’’ti.

    ‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ขีณายุโก มรติ, สาวเสสายุโก ชีวติ, เตน หิ ปริตฺตเภสชฺชานิ นิรตฺถกานิ โหนฺตี’’ติ? ‘‘ทิฎฺฐปุโพฺพ ปน ตยา, มหาราช, โกจิ โรโค เภสเชฺชหิ ปฎินิวตฺติโต’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, อเนกสตานิ ทิฎฺฐานี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ‘ปริตฺตเภสชฺชกิริยา นิรตฺถกา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภวตี’’ติฯ

    ‘‘Yadi, bhante nāgasena, khīṇāyuko marati, sāvasesāyuko jīvati, tena hi parittabhesajjāni niratthakāni hontī’’ti? ‘‘Diṭṭhapubbo pana tayā, mahārāja, koci rogo bhesajjehi paṭinivattito’’ti? ‘‘Āma, bhante, anekasatāni diṭṭhānī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, ‘parittabhesajjakiriyā niratthakā’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā bhavatī’’ti.

    ‘‘ทิสฺสนฺติ , ภเนฺต นาคเสน, เวชฺชานํ อุปกฺกมา เภสชฺชปานานุเลปา, เตน เตสํ อุปกฺกเมน โรโค ปฎินิวตฺตตี’’ติฯ ‘‘ปริตฺตานมฺปิ, มหาราช, ปวตฺตียมานานํ สโทฺท สุยฺยติ, ชิวฺหา สุกฺขติ, หทยํ พฺยาวฎฺฎติ, กโณฺฐ อาตุรติฯ เตน เตสํ ปวเตฺตน สเพฺพ พฺยาธโย วูปสมนฺติ, สพฺพา อีติโย อปคจฺฉนฺตีติฯ

    ‘‘Dissanti , bhante nāgasena, vejjānaṃ upakkamā bhesajjapānānulepā, tena tesaṃ upakkamena rogo paṭinivattatī’’ti. ‘‘Parittānampi, mahārāja, pavattīyamānānaṃ saddo suyyati, jivhā sukkhati, hadayaṃ byāvaṭṭati, kaṇṭho āturati. Tena tesaṃ pavattena sabbe byādhayo vūpasamanti, sabbā ītiyo apagacchantīti.

    ‘‘ทิฎฺฐปุโพฺพ ปน ตยา, มหาราช, โกจิ อหินา ทโฎฺฐ มนฺตปเทน วิสํ ปาตียมาโน วิสํ จิกฺขสฺสโนฺต อุทฺธมโธ อาจมยมาโน’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต , อเชฺชตรหิปิ ตํ โลเก วตฺตตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ‘ปริตฺตเภสชฺชกิริยา นิรตฺถกา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภวติฯ กตปริตฺตญฺหิ, มหาราช, ปุริสํ ฑํสิตุกาโม อหิ น ฑํสติ, วิวฎํ มุขํ ปิทหติ, โจรานํ อุกฺขิตฺตลคุฬมฺปิ น สมฺภวติ, เต ลคุฬํ มุญฺจิตฺวา เปมํ กโรนฺติ, กุปิโตปิ หตฺถินาโค สมาคนฺตฺวา อุปรมติ, ปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขโนฺธปิ อุปคนฺตฺวา นิพฺพายติ, วิสํ หลาหลมฺปิ ขายิตํ อคทํ สมฺปชฺชติ, อาหารตฺถํ วา ผรติ, วธกา หนฺตุกามา อุปคนฺตฺวา ทาสภูตา สมฺปชฺชนฺติ, อกฺกโนฺตปิ ปาโส น สํวรติ 1

    ‘‘Diṭṭhapubbo pana tayā, mahārāja, koci ahinā daṭṭho mantapadena visaṃ pātīyamāno visaṃ cikkhassanto uddhamadho ācamayamāno’’ti? ‘‘Āma, bhante , ajjetarahipi taṃ loke vattatī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, ‘parittabhesajjakiriyā niratthakā’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā bhavati. Kataparittañhi, mahārāja, purisaṃ ḍaṃsitukāmo ahi na ḍaṃsati, vivaṭaṃ mukhaṃ pidahati, corānaṃ ukkhittalaguḷampi na sambhavati, te laguḷaṃ muñcitvā pemaṃ karonti, kupitopi hatthināgo samāgantvā uparamati, pajjalitamahāaggikkhandhopi upagantvā nibbāyati, visaṃ halāhalampi khāyitaṃ agadaṃ sampajjati, āhāratthaṃ vā pharati, vadhakā hantukāmā upagantvā dāsabhūtā sampajjanti, akkantopi pāso na saṃvarati 2.

    ‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘โมรสฺส กตปริตฺตสฺส สตฺตวสฺสสตานิ ลุทฺทโก นาสกฺขิ ปาสํ อุปเนตุํ, อกตปริตฺตสฺส ตํ เยว ทิวสํ ปาสํ อุปเนสี’’ติ ? ‘‘อาม, ภเนฺต, สุยฺยติ, อพฺภุคฺคโต โส สโทฺท สเทวเก โลเก’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช ‘ปริตฺตเภสชฺชกิริยา นิรตฺถกา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภวติฯ

    ‘‘Sutapubbaṃ pana tayā, mahārāja, ‘morassa kataparittassa sattavassasatāni luddako nāsakkhi pāsaṃ upanetuṃ, akataparittassa taṃ yeva divasaṃ pāsaṃ upanesī’’ti ? ‘‘Āma, bhante, suyyati, abbhuggato so saddo sadevake loke’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja ‘parittabhesajjakiriyā niratthakā’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā bhavati.

    ‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘ทานโว ภริยํ ปริรกฺขโนฺต สมุเคฺค ปกฺขิปิตฺวา คิลิตฺวา กุจฺฉินา ปริหรติ, อเถโก วิชฺชาธโร ตสฺส ทานวสฺส มุเขน ปวิสิตฺวา ตาย สทฺธิํ อภิรมติ, ยทา โส ทานโว อญฺญาสิ, อถ สมุคฺคํ วมิตฺวา วิวริ, สห สมุเคฺค วิวเฎ วิชฺชาธโร ยถากามํ 3 ปกฺกามี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, สุยฺยติ, อพฺภุคฺคโต โสปิ สโทฺท สเทวเก โลเก’’ติฯ ‘‘นนุ โส, มหาราช, วิชฺชาธโร ปริตฺตพเลน 4 คหณา มุโตฺต’’ติฯ ‘‘อาม ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, อตฺถิ ปริตฺตพลํฯ

    ‘‘Sutapubbaṃ pana tayā, mahārāja, ‘dānavo bhariyaṃ parirakkhanto samugge pakkhipitvā gilitvā kucchinā pariharati, atheko vijjādharo tassa dānavassa mukhena pavisitvā tāya saddhiṃ abhiramati, yadā so dānavo aññāsi, atha samuggaṃ vamitvā vivari, saha samugge vivaṭe vijjādharo yathākāmaṃ 5 pakkāmī’’ti? ‘‘Āma, bhante, suyyati, abbhuggato sopi saddo sadevake loke’’ti. ‘‘Nanu so, mahārāja, vijjādharo parittabalena 6 gahaṇā mutto’’ti. ‘‘Āma bhante’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, atthi parittabalaṃ.

    ‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘อปโรปิ วิชฺชาธโร พาราณสิรโญฺญ อเนฺตปุเร มเหสิยา สทฺธิํ สมฺปทุโฎฺฐ 7 คหณปฺปโตฺต สมาโน ขเณน อทสฺสนํ คโต มนฺตพเลนา’’ติฯ ‘‘อาม, ภเนฺต, สุยฺยตี’’ติฯ ‘‘นนุ โส, มหาราช, วิชฺชาธโร ปริตฺตพเลน คหณา มุโตฺต’’ติ? ‘‘อาม ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, อตฺถิ ปริตฺตพล’’นฺติฯ

    ‘‘Sutapubbaṃ pana tayā, mahārāja, ‘aparopi vijjādharo bārāṇasirañño antepure mahesiyā saddhiṃ sampaduṭṭho 8 gahaṇappatto samāno khaṇena adassanaṃ gato mantabalenā’’ti. ‘‘Āma, bhante, suyyatī’’ti. ‘‘Nanu so, mahārāja, vijjādharo parittabalena gahaṇā mutto’’ti? ‘‘Āma bhante’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, atthi parittabala’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ‘กิํ สเพฺพ เยว ปริตฺตํ รกฺขตี’ติ? ‘‘เอกเจฺจ, มหาราช, รกฺขติ, เอกเจฺจ น รกฺขตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภเนฺต นาคเสน, ปริตฺตํ น สพฺพตฺถิก’’นฺติ? ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, โภชนํ สเพฺพสํ ชีวิตํ รกฺขตี’’ติ? ‘‘เอกเจฺจ, ภเนฺต , รกฺขติ, เอกเจฺจ น รกฺขตี’’ติฯ ‘‘กิํ การณา’’ติฯ ‘‘ยโต, ภเนฺต, เอกเจฺจ ตํ เยว โภชนํ อติภุญฺชิตฺวา วิสูจิกาย มรนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, โภชนํ น สเพฺพสํ ชีวิตํ รกฺขตี’’ติ? ‘‘ทฺวีหิ, ภเนฺต นาคเสน, การเณหิ โภชนํ ชีวิตํ หรติ อติภุเตฺตน วา อุสฺมาทุพฺพลตาย วา, อายุททํ, ภเนฺต นาคเสน, โภชนํ ทุรุปจาเรน ชีวิตํ หรตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ปริตฺตํ เอกเจฺจ รกฺขติ, เอกเจฺจ น รกฺขติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, ‘kiṃ sabbe yeva parittaṃ rakkhatī’ti? ‘‘Ekacce, mahārāja, rakkhati, ekacce na rakkhatī’’ti. ‘‘Tena hi, bhante nāgasena, parittaṃ na sabbatthika’’nti? ‘‘Api nu kho, mahārāja, bhojanaṃ sabbesaṃ jīvitaṃ rakkhatī’’ti? ‘‘Ekacce, bhante , rakkhati, ekacce na rakkhatī’’ti. ‘‘Kiṃ kāraṇā’’ti. ‘‘Yato, bhante, ekacce taṃ yeva bhojanaṃ atibhuñjitvā visūcikāya marantī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, bhojanaṃ na sabbesaṃ jīvitaṃ rakkhatī’’ti? ‘‘Dvīhi, bhante nāgasena, kāraṇehi bhojanaṃ jīvitaṃ harati atibhuttena vā usmādubbalatāya vā, āyudadaṃ, bhante nāgasena, bhojanaṃ durupacārena jīvitaṃ haratī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, parittaṃ ekacce rakkhati, ekacce na rakkhati.

    ‘‘ตีหิ, มหาราช, การเณหิ ปริตฺตํ น รกฺขติ กมฺมาวรเณน, กิเลสาวรเณน, อสทฺทหนตายฯ สตฺตานุรกฺขณํ, มหาราช, ปริตฺตํ อตฺตนา กเตน อารกฺขํ ชหติ, ยถา, มหาราช, มาตา ปุตฺตํ กุจฺฉิคตํ โปเสติ, หิเตน อุปจาเรน ชเนติ, ชนยิตฺวา อสุจิมลสิงฺฆาณิกมปเนตฺวา อุตฺตมวรสุคนฺธํ อุปลิมฺปติ, โส อปเรน สมเยน ปเรสํ ปุเตฺต อโกฺกสเนฺต วา ปหรเนฺต วา ปหารํ เทติฯ เต ตสฺส กุชฺฌิตฺวา ปริสาย อากฑฺฒิตฺวา ตํ คเหตฺวา สามิโน อุปเนนฺติ, ยทิ ปน ตสฺสา ปุโตฺต อปรโทฺธ โหติ เวลาติวโตฺตฯ อถ นํ สามิโน มนุสฺสา อากฑฺฒยมานา ทณฺฑมุคฺครชาณุมุฎฺฐีหิ ตาเฬนฺติ โปเถนฺติ, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส มาตา ลภติ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนํ คาหํ สามิโน อุปนยนํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เกน การเณน, มหาราชา’’ติฯ ‘‘อตฺตโน, ภเนฺต, อปราเธนา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สตฺตานํ อารกฺขํ ปริตฺตํ อตฺตโน อปราเธน วญฺฌํ กโรตี’’ติ 9ฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, สุวินิจฺฉิโต ปโญฺห, คหนํ อคหนํ กตํ, อนฺธกาโร อาโลโก กโต, วินิเวฐิตํ ทิฎฺฐิชาลํ, ตฺวํ คณิวรปวรมาสชฺชา’’ติฯ

    ‘‘Tīhi, mahārāja, kāraṇehi parittaṃ na rakkhati kammāvaraṇena, kilesāvaraṇena, asaddahanatāya. Sattānurakkhaṇaṃ, mahārāja, parittaṃ attanā katena ārakkhaṃ jahati, yathā, mahārāja, mātā puttaṃ kucchigataṃ poseti, hitena upacārena janeti, janayitvā asucimalasiṅghāṇikamapanetvā uttamavarasugandhaṃ upalimpati, so aparena samayena paresaṃ putte akkosante vā paharante vā pahāraṃ deti. Te tassa kujjhitvā parisāya ākaḍḍhitvā taṃ gahetvā sāmino upanenti, yadi pana tassā putto aparaddho hoti velātivatto. Atha naṃ sāmino manussā ākaḍḍhayamānā daṇḍamuggarajāṇumuṭṭhīhi tāḷenti pothenti, api nu kho, mahārāja, tassa mātā labhati ākaḍḍhanaparikaḍḍhanaṃ gāhaṃ sāmino upanayanaṃ kātu’’nti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Kena kāraṇena, mahārājā’’ti. ‘‘Attano, bhante, aparādhenā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, sattānaṃ ārakkhaṃ parittaṃ attano aparādhena vañjhaṃ karotī’’ti 10. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, suvinicchito pañho, gahanaṃ agahanaṃ kataṃ, andhakāro āloko kato, viniveṭhitaṃ diṭṭhijālaṃ, tvaṃ gaṇivarapavaramāsajjā’’ti.

    มจฺจุปาสมุตฺติปโญฺห จตุโตฺถฯ

    Maccupāsamuttipañho catuttho.







    Footnotes:
    1. น สํจรติ (สี.)
    2. na saṃcarati (sī.)
    3. เยน กามํ (ก.)
    4. มนฺตพเลน (?)
    5. yena kāmaṃ (ka.)
    6. mantabalena (?)
    7. สํสโฎฺฐ (สี.)
    8. saṃsaṭṭho (sī.)
    9. กาเรตีติ (สี.)
    10. kāretīti (sī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact