Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๑๘
The Middle-Length Suttas Collection 18
มธุปิณฺฑิกสุตฺต
The Honey-Cake
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิโคฺรธาราเมฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying in the land of the Sakyans, near Kapilavatthu in the Banyan Tree Monastery.
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ กปิลวตฺถุสฺมึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เพลุวลฏฺฐิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ
Then the Buddha robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Kapilavatthu for alms. He wandered for alms in Kapilavatthu. After the meal, on his return from almsround, he went to the Great Wood, plunged deep into it, and sat at the root of a young wood apple tree for the day’s meditation.
ทณฺฑปาณิปิ โข สกฺโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิฯ มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฏฺฐิกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ทณฺฑปาณิ สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ: “กึวาที สมโณ กิมกฺขายี”ติ?
Daṇḍapāṇi the Sakyan, while going for a walk, plunged deep into the Great Wood. He approached the Buddha and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he stood to one side leaning on his staff, and said to the Buddha, “What does the ascetic teach? What does he explain?”
“ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺฐติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถงฺกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สญฺญา นานุเสนฺติ—เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี”ติฯ
“Sir, my teaching is such that one does not conflict with anyone in this world with its gods, Māras, and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, its gods and humans. And it is such that perceptions do not underlie the brahmin who lives detached from sensual pleasures, without doubting, stripped of worry, and rid of craving for rebirth in this or that state. That’s what I teach, and that’s what I explain.”
เอวํ วุตฺเต, ทณฺฑปาณิ สกฺโก สีสํ โอกมฺเปตฺวา, ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฏิกํ นลาเฏ วุฏฺฐาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามิฯ
When he had spoken, Daṇḍapāṇi shook his head, waggled his tongue, raised his eyebrows until his brow puckered in three furrows, and he departed leaning on his staff.
อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต เยน นิโคฺรธาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “อิธาหํ, ภิกฺขเว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสึฯ กปิลวตฺถุสฺมึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมึ ทิวาวิหารายฯ มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เพลุวลฏฺฐิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทึฯ ทณฺฑปาณิปิ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิฯ มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฏฺฐิกา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สกฺโก มํ เอตทโวจ: ‘กึวาที สมโณ กิมกฺขายี'ติ?
Then in the late afternoon, the Buddha came out of retreat and went to the Banyan Tree Monastery, sat down on the seat spread out, and told the bhikkhus what had happened.
เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณึ สกฺกํ เอตทโวจํ: ‘ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺฐติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถงฺกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สญฺญา นานุเสนฺติ—เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี'ติฯ เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สกฺโก สีสํ โอกมฺเปตฺวา, ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฏิกํ นลาเฏ วุฏฺฐาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามี”ติฯ
เอวํ วุตฺเต, อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “กึวาที ปน, ภนฺเต, ภควา สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺฐติ? กถญฺจ ปน, ภนฺเต, ภควนฺตํ กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถงฺกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สญฺญา นานุเสนฺตี”ติ?
When he had spoken, one of the bhikkhus said to him, “But sir, what is the teaching such that the Buddha does not conflict with anyone in this world with its gods, Māras, and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, its gods and humans? And how is it that perceptions do not underlie the Buddha, the brahmin who lives detached from sensual pleasures, without indecision, stripped of worry, and rid of craving for rebirth in this or that state?”
“ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํฯ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทิฏฺฐานุสยานํ, เอเสวนฺโต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวนฺโต มานานุสยานํ, เอเสวนฺโต ภวราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทานํฯ เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี”ติฯ
“Bhikkhu, a person is beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions. If they don’t find anything worth approving, welcoming, or getting attached to in the source from which these arise, just this is the end of the underlying tendencies to desire, repulsion, views, doubt, conceit, the desire to be reborn, and ignorance. This is the end of taking up the rod and the sword, the end of quarrels, arguments, and disputes, of accusations, divisive speech, and lies. This is where these bad, unskillful qualities cease without anything left over.”
อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ
That is what the Buddha said. When he had spoken, the Holy One got up from his seat and entered his dwelling.
อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ: “อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา, อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํฯ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ …เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี'ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา”ติ?
Soon after the Buddha left, those bhikkhus considered, “The Buddha gave this brief passage for recitation, then entered his dwelling without explaining the meaning in detail. Who can explain in detail the meaning of this brief passage for recitation given by the Buddha?”
อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ: “อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยนฺนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา”ติฯ
Then those bhikkhus thought, “This Venerable Mahākaccāna is praised by the Buddha and esteemed by his sensible spiritual companions. He is capable of explaining in detail the meaning of this brief passage for recitation given by the Buddha. Let’s go to him, and ask him about this matter.”
อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธึ สมฺโมทึสุฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจุํ: “อิทํ โข โน, อาวุโส กจฺจาน, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํฯ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ …เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี'ติฯ เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ: ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: “ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํฯ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ …เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี”'ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยาติ? เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ เอตทโหสิ: ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยนฺนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา'ติฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน”ติฯ
Then those bhikkhus went to Mahākaccāna, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, they sat down to one side. They told him what had happened, and said: “May Venerable Mahākaccāna please explain this.”
“เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว มูลํ, อติกฺกมฺม ขนฺธํ, สาขาปลาเส สารํ ปริเยสิตพฺพํ มญฺเญยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ อายสฺมนฺตานํ สตฺถริ สมฺมุขีภูเต, ตํ ภควนฺตํ อติสิตฺวา, อเมฺห เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ มญฺญถฯ โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถฯ ยถา โว ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาถา”ติฯ
“Friends, suppose there was a person in need of heartwood. And while wandering in search of heartwood he’d come across a large tree standing with heartwood. But he’d pass over the roots and trunk, imagining that the heartwood should be sought in the branches and leaves. Such is the consequence for the venerables. Though you were face to face with the Buddha, you overlooked him, imagining that you should ask me about this matter. For he is the Buddha, who knows and sees. He is vision, he is knowledge, he is the manifestation of principle, he is the manifestation of divinity. He is the teacher, the proclaimer, the elucidator of meaning, the bestower of the deathless, the lord of truth, the Realized One. That was the time to approach the Buddha and ask about this matter. You should have remembered it in line with the Buddha’s answer.”
“อทฺธาวุโส กจฺจาน, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามฯ ยถา โน ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยามฯ อปิ จายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน อครุํ กตฺวา”ติฯ
“Certainly he is the Buddha, who knows and sees. He is vision, he is knowledge, he is the manifestation of principle, he is the manifestation of divinity. He is the teacher, the proclaimer, the elucidator of meaning, the bestower of the deathless, the lord of truth, the Realized One. That was the time to approach the Buddha and ask about this matter. We should have remembered it in line with the Buddha’s answer. Still, Mahākaccāna is praised by the Buddha and esteemed by his sensible spiritual companions. You are capable of explaining in detail the meaning of this brief passage for recitation given by the Buddha. Please explain this, if it’s no trouble.”
“เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, friends, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวมาวุโส”ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหากจฺจาโน เอตทโวจ:
“Yes, friend,” they replied. Venerable Mahākaccāna said this:
“ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ, เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ …เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี'ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ—
“Friends, the Buddha gave this brief passage for recitation, then entered his dwelling without explaining the meaning in detail: ‘A person is beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions. If they don’t find anything worth approving, welcoming, or getting attached to in the source from which these arise … This is where these bad, unskillful qualities cease without anything left over.’ This is how I understand the detailed meaning of this passage for recitation.
จกฺขุญฺจาวุโส, ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สญฺชานาติ, ยํ สญฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปญฺเจติ, ยํ ปปญฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ จกฺขุวิญฺเญเยฺยสุ รูเปสุฯ
Eye consciousness arises dependent on the eye and sights. The meeting of the three is contact. Contact is a condition for feeling. What you feel, you perceive. What you perceive, you think about. What you think about, you proliferate. What you proliferate about is the source from which a person is beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions. This occurs with respect to sights known by the eye in the past, future, and present.
โสตญฺจาวุโส, ปฏิจฺจ สทฺเท จ อุปฺปชฺชติ โสตวิญฺญาณํ …เป…
Ear consciousness arises dependent on the ear and sounds. …
ฆานญฺจาวุโส, ปฏิจฺจ คนฺเธ จ อุปฺปชฺชติ ฆานวิญฺญาณํ …เป…
Nose consciousness arises dependent on the nose and smells. …
ชิวฺหญฺจาวุโส, ปฏิจฺจ รเส จ อุปฺปชฺชติ ชิวฺหาวิญฺญาณํ …เป…
Tongue consciousness arises dependent on the tongue and tastes. …
กายญฺจาวุโส, ปฏิจฺจ โผฏฺฐพฺเพ จ อุปฺปชฺชติ กายวิญฺญาณํ …เป…
Body consciousness arises dependent on the body and touches. …
มนญฺจาวุโส, ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สญฺชานาติ, ยํ สญฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปญฺเจติ, ยํ ปปญฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ มโนวิญฺเญเยฺยสุ ธมฺเมสุฯ
Mind consciousness arises dependent on the mind and thoughts. The meeting of the three is contact. Contact is a condition for feeling. What you feel, you perceive. What you perceive, you think about. What you think about, you proliferate. What you proliferate about is the source from which a person is beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions. This occurs with respect to thoughts known by the mind in the past, future, and present.
โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมึ สติ รูเป สติ จกฺขุวิญฺญาเณ สติ ผสฺสปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา สติ เวทนาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา สติ สญฺญาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา สติ วิตกฺกปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา สติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ
When there is the eye, sights, and eye consciousness, it’s possible to point out what’s known as ‘contact’. When there is what’s known as contact, it’s possible to point out what’s known as ‘feeling’. When there is what’s known as feeling, it’s possible to point out what’s known as ‘perception’. When there is what’s known as perception, it’s possible to point out what’s known as ‘thought’. When there is what’s known as thought, it’s possible to point out what’s known as ‘being beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions’.
โส วตาวุโส, โสตสฺมึ สติ สทฺเท สติ …เป… ฆานสฺมึ สติ คนฺเธ สติ …เป… ชิวฺหาย สติ รเส สติ …เป… กายสฺมึ สติ โผฏฺฐพฺเพ สติ …เป… มนสฺมึ สติ ธมฺเม สติ มโนวิญฺญาเณ สติ ผสฺสปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา สติ เวทนาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา สติ สญฺญาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา สติ วิตกฺกปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา สติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ
When there is the ear … nose … tongue … body … mind, thoughts, and mind consciousness, it’s possible to point out what’s known as ‘contact’. … When there is what’s known as thought, it’s possible to point out what’s known as ‘being beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions’.
โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมึ อสติ รูเป อสติ จกฺขุวิญฺญาเณ อสติ ผสฺสปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา อสติ เวทนาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา อสติ สญฺญาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา อสติ วิตกฺกปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา อสติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ
When there is no eye, no sights, and no eye consciousness, it’s quite impossible to point out what’s known as ‘contact’. When there isn’t what’s known as contact, it’s not possible to point out what’s known as ‘feeling’. When there isn’t what’s known as feeling, it’s not possible to point out what’s known as ‘perception’. When there isn’t what’s known as perception, it’s not possible to point out what’s known as ‘thought’. When there isn’t what’s known as thought, it’s not possible to point out what’s known as ‘being beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions’.
โส วตาวุโส, โสตสฺมึ อสติ สทฺเท อสติ …เป… ฆานสฺมึ อสติ คนฺเธ อสติ …เป… ชิวฺหาย อสติ รเส อสติ …เป… กายสฺมึ อสติ โผฏฺฐพฺเพ อสติ …เป… มนสฺมึ อสติ ธมฺเม อสติ มโนวิญฺญาเณ อสติ ผสฺสปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา อสติ เวทนาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา อสติ สญฺญาปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา อสติ วิตกฺกปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา อสติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺตึ ปญฺญาเปสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ
When there is no ear … nose … tongue … body … mind, no thoughts, and no mind consciousness, it’s not possible to point out what’s known as ‘contact’. … When there isn’t what’s known as thought, it’s not possible to point out what’s known as ‘being beset by concepts of identity that emerge from the proliferation of perceptions’.
ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ …เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี'ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ อากงฺขมานา จ ปน ตุเมฺห อายสฺมนฺโต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถฯ ยถา โว ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา”ติฯ
This is how I understand the detailed meaning of that brief passage for recitation given by the Buddha. If you wish, you may go to the Buddha and ask him about this. You should remember it in line with the Buddha’s answer.”
อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ: “ยํ โข โน, ภนฺเต, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํฯ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ …เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี'ติฯ เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ: ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: “ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํฯ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทิฏฺฐานุสยานํ, เอเสวนฺโต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวนฺโต มานานุสยานํ, เอเสวนฺโต ภวราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทานํฯ เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี”ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา'ติ? เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ เอตทโหสิ: ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ, ยนฺนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา'ติฯ อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิมฺหฯ เตสํ โน, ภนฺเต, อายสฺมตา มหากจฺจาเนน อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยญฺชเนหิ อตฺโถ วิภตฺโต”ติฯ
“Yes, friend,” said those bhikkhus, approving and agreeing with what Mahākaccāna said. Then they rose from their seats and went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and told him what had happened. Then they said: “Mahākaccāna clearly explained the meaning to us in this manner, with these words and phrases.”
“ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน; มหาปญฺโญ, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโนฯ มญฺเจปิ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากตํฯ เอโส เจเวตสฺส อตฺโถฯ เอวญฺจ นํ ธาเรถา”ติฯ
“Mahākaccāna is astute, bhikkhus, he has great wisdom. If you came to me and asked this question, I would answer it in exactly the same way as Mahākaccāna. That is what it means, and that’s how you should remember it.”
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ: “เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ปุริโส ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต มธุปิณฺฑิกํ อธิคจฺเฉยฺย, โส ยโต ยโต สาเยยฺย, ลเภเถว สาทุรสํ อเสจนกํฯ
When he said this, Venerable Ānanda said to the Buddha, “Sir, suppose a person who was weak with hunger was to obtain a honey-cake. Wherever they taste it, they would enjoy a sweet, delicious flavor.
เอวเมว โข, ภนฺเต, เจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก, ยโต ยโต อิมสฺส ธมฺมปริยายสฺส ปญฺญาย อตฺถํ อุปปริกฺเขยฺย, ลเภเถว อตฺตมนตํ, ลเภเถว เจตโส ปสาทํฯ โก นาโม อยํ, ภนฺเต, ธมฺมปริยาโย”ติ?
In the same way, wherever a sincere, capable bhikkhu might examine with wisdom the meaning of this exposition of the teaching they would only gain joy and clarity. Sir, what is the name of this exposition of the teaching?”
“ตสฺมาติห ตฺวํ, อานนฺท, อิมํ ธมฺมปริยายํ มธุปิณฺฑิกปริยาโยเตฺวว นํ ธาเรหี”ติฯ
“Well, Ānanda, you may remember this exposition of the teaching as ‘The Honey-Cake Discourse’.”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, Venerable Ānanda was happy with what the Buddha said.
มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ อฏฺฐมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]