Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ

    8. Madhupiṇḍikasuttaṃ

    ๑๙๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ กปิลวตฺถุสฺมิํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา เพลุวลฎฺฐิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ ทณฺฑปาณิปิ โข สโกฺก ชงฺฆาวิหารํ 1 อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิฯ มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฎฺฐิกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ทณฺฑปาณิ สโกฺก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิํวาที สมโณ กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฎฺฐติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถิํ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สญฺญา นานุเสนฺติ – เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี’’ติฯ

    199. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kapilavatthuṃ piṇḍāya pāvisi. Kapilavatthusmiṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena mahāvanaṃ tenupasaṅkami divāvihārāya. Mahāvanaṃ ajjhogāhetvā beluvalaṭṭhikāya mūle divāvihāraṃ nisīdi. Daṇḍapāṇipi kho sakko jaṅghāvihāraṃ 2 anucaṅkamamāno anuvicaramāno yena mahāvanaṃ tenupasaṅkami. Mahāvanaṃ ajjhogāhetvā yena beluvalaṭṭhikā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā daṇḍamolubbha ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho daṇḍapāṇi sakko bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiṃvādī samaṇo kimakkhāyī’’ti? ‘‘Yathāvādī kho, āvuso, sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya na kenaci loke viggayha tiṭṭhati, yathā ca pana kāmehi visaṃyuttaṃ viharantaṃ taṃ brāhmaṇaṃ akathaṃkathiṃ chinnakukkuccaṃ bhavābhave vītataṇhaṃ saññā nānusenti – evaṃvādī kho ahaṃ, āvuso, evamakkhāyī’’ti.

    ‘‘เอวํ วุเตฺต ทณฺฑปาณิ สโกฺก สีสํ โอกเมฺปตฺวา , ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฎิกํ นลาเฎ วุฎฺฐาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามิฯ

    ‘‘Evaṃ vutte daṇḍapāṇi sakko sīsaṃ okampetvā , jivhaṃ nillāḷetvā, tivisākhaṃ nalāṭikaṃ nalāṭe vuṭṭhāpetvā daṇḍamolubbha pakkāmi.

    ๒๐๐. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน นิโคฺรธาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ กปิลวตฺถุสฺมิํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิํ ทิวาวิหารายฯ มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา เพลุวลฎฺฐิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิํฯ ทณฺฑปาณิปิ โข, ภิกฺขเว, สโกฺก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิฯ มหาวนํ อโชฺฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฎฺฐิกา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สโกฺก มํ เอตทโวจ – ‘กิํวาที สมโณ กิมกฺขายี’ติ?

    200. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena nigrodhārāmo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘idhāhaṃ, bhikkhave, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kapilavatthuṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Kapilavatthusmiṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena mahāvanaṃ tenupasaṅkamiṃ divāvihārāya. Mahāvanaṃ ajjhogāhetvā beluvalaṭṭhikāya mūle divāvihāraṃ nisīdiṃ. Daṇḍapāṇipi kho, bhikkhave, sakko jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno yena mahāvanaṃ tenupasaṅkami. Mahāvanaṃ ajjhogāhetvā yena beluvalaṭṭhikā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā mayā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā daṇḍamolubbha ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho, bhikkhave, daṇḍapāṇi sakko maṃ etadavoca – ‘kiṃvādī samaṇo kimakkhāyī’ti?

    ‘‘เอวํ วุเตฺต อหํ, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิํ สกฺกํ เอตทโวจํ – ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฎฺฐติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถิํ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สญฺญา นานุเสนฺติ – เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี’’ติฯ ‘‘เอวํ วุเตฺต ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สโกฺก สีสํ โอกเมฺปตฺวา, ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฎิกํ นลาเฎ วุฎฺฐาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามี’’ติฯ

    ‘‘Evaṃ vutte ahaṃ, bhikkhave, daṇḍapāṇiṃ sakkaṃ etadavocaṃ – yathāvādī kho, āvuso, sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya na kenaci loke viggayha tiṭṭhati, yathā ca pana kāmehi visaṃyuttaṃ viharantaṃ taṃ brāhmaṇaṃ akathaṃkathiṃ chinnakukkuccaṃ bhavābhave vītataṇhaṃ saññā nānusenti – evaṃvādī kho ahaṃ, āvuso, evamakkhāyī’’ti. ‘‘Evaṃ vutte bhikkhave, daṇḍapāṇi sakko sīsaṃ okampetvā, jivhaṃ nillāḷetvā, tivisākhaṃ nalāṭikaṃ nalāṭe vuṭṭhāpetvā daṇḍamolubbha pakkāmī’’ti.

    ๒๐๑. เอวํ วุเตฺต อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิํวาที ปน, ภเนฺต, ภควา สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฎฺฐติ? กถญฺจ ปน, ภเนฺต, ภควนฺตํ กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถิํ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สญฺญา นานุเสนฺตี’’ติ? ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํฯ เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ, เอเสวโนฺต ปฎิฆานุสยานํ, เอเสวโนฺต ทิฎฺฐานุสยานํ , เอเสวโนฺต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวโนฺต มานานุสยานํ, เอเสวโนฺต ภวราคานุสยานํ, เอเสวโนฺต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวโนฺต ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาท-ตุวํตุวํ-เปสุญฺญ-มุสาวาทานํฯ เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ

    201. Evaṃ vutte aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiṃvādī pana, bhante, bhagavā sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya na kenaci loke viggayha tiṭṭhati? Kathañca pana, bhante, bhagavantaṃ kāmehi visaṃyuttaṃ viharantaṃ taṃ brāhmaṇaṃ akathaṃkathiṃ chinnakukkuccaṃ bhavābhave vītataṇhaṃ saññā nānusentī’’ti? ‘‘Yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti. Ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ. Esevanto rāgānusayānaṃ, esevanto paṭighānusayānaṃ, esevanto diṭṭhānusayānaṃ , esevanto vicikicchānusayānaṃ, esevanto mānānusayānaṃ, esevanto bhavarāgānusayānaṃ, esevanto avijjānusayānaṃ, esevanto daṇḍādāna-satthādāna-kalaha-viggaha-vivāda-tuvaṃtuvaṃ-pesuñña-musāvādānaṃ. Etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’ti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.

    ๒๐๒. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา, อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถฺตฺถฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํฯ เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ…เป.… เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ ฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’’ติ? อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’’ติฯ

    202. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ acirapakkantassa bhagavato etadahosi – ‘‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā, vitthārena atthaṃ avibhajitvā, uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti. Ettha ce natthtththi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ. Esevanto rāgānusayānaṃ…pe… etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’ti . Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’’ti? Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’’ti.

    อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส กจฺจาน, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํฯ เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ…เป.… เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติฯ เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํฯ เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ…เป.… เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยาติ? เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน’’ติฯ

    Atha kho te bhikkhū yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmatā mahākaccānena saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etadavocuṃ – ‘‘idaṃ kho no, āvuso kaccāna, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti. Ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ. Esevanto rāgānusayānaṃ…pe… etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’ti. Tesaṃ no, āvuso kaccāna, amhākaṃ acirapakkantassa bhagavato etadahosi – ‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘‘yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti. Ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ. Esevanto rāgānusayānaṃ…pe… etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’’ti. Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyāti? Tesaṃ no, āvuso kaccāna, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ, pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti. Vibhajatāyasmā mahākaccāno’’ti.

    ๒๐๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต อติกฺกเมฺมว มูลํ, อติกฺกมฺม ขนฺธํ, สาขาปลาเส สารํ ปริเยสิตพฺพํ มเญฺญยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ อายสฺมนฺตานํ สตฺถริ สมฺมุขีภูเต, ตํ ภควนฺตํ อติสิตฺวา , อเมฺห เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิตพฺพํ มญฺญถฯ โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นิเนฺนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถฯ ยถา โว ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ ‘‘อทฺธาวุโส กจฺจาน, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นิเนฺนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามฯ ยถา โน ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยามฯ อปิ จายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน อครุํ กตฺวา’’ติ 3ฯ ‘‘เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหากจฺจาโน เอตทโวจ –

    203. ‘‘Seyyathāpi, āvuso, puriso sāratthiko sāragavesī sārapariyesanaṃ caramāno mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato atikkammeva mūlaṃ, atikkamma khandhaṃ, sākhāpalāse sāraṃ pariyesitabbaṃ maññeyya; evaṃsampadamidaṃ āyasmantānaṃ satthari sammukhībhūte, taṃ bhagavantaṃ atisitvā , amhe etamatthaṃ paṭipucchitabbaṃ maññatha. So hāvuso, bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto, vattā pavattā, atthassa ninnetā, amatassa dātā, dhammassāmī tathāgato. So ceva panetassa kālo ahosi, yaṃ bhagavantaṃyeva etamatthaṃ paṭipuccheyyātha. Yathā vo bhagavā byākareyya tathā naṃ dhāreyyāthā’’ti. ‘‘Addhāvuso kaccāna, bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto, vattā pavattā, atthassa ninnetā, amatassa dātā, dhammassāmī tathāgato. So ceva panetassa kālo ahosi, yaṃ bhagavantaṃyeva etamatthaṃ paṭipuccheyyāma. Yathā no bhagavā byākareyya tathā naṃ dhāreyyāma. Api cāyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ, pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Vibhajatāyasmā mahākaccāno agaruṃ katvā’’ti 4. ‘‘Tena hāvuso, suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato mahākaccānassa paccassosuṃ. Āyasmā mahākaccāno etadavoca –

    ๒๐๔. ‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ ฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํ, เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ…เป.… เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ –

    204. ‘‘Yaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti . Ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ, esevanto rāgānusayānaṃ…pe… etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’ti, imassa kho ahaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi –

    ‘‘จกฺขุญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สญฺชานาติ , ยํ สญฺชานาติ ตํ วิตเกฺกติ, ยํ วิตเกฺกติ ตํ ปปเญฺจติ, ยํ ปปเญฺจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ จกฺขุวิเญฺญเยฺยสุ รูเปสุฯ โสตญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ สเทฺท จ อุปฺปชฺชติ โสตวิญฺญาณํ…เป.… ฆานญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ คเนฺธ จ อุปฺปชฺชติ ฆานวิญฺญาณํ…เป.… ชิวฺหญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ รเส จ อุปฺปชฺชติ ชิวฺหาวิญฺญาณํ…เป.… กายญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ โผฎฺฐเพฺพ จ อุปฺปชฺชติ กายวิญฺญาณํ…เป.… มนญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ ธเมฺม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สญฺชานาติ, ยํ สญฺชานาติ ตํ วิตเกฺกติ, ยํ วิตเกฺกติ ตํ ปปเญฺจติ, ยํ ปปเญฺจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ มโนวิเญฺญเยฺยสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Cakkhuñcāvuso, paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇaṃ, tiṇṇaṃ saṅgati phasso, phassapaccayā vedanā, yaṃ vedeti taṃ sañjānāti , yaṃ sañjānāti taṃ vitakketi, yaṃ vitakketi taṃ papañceti, yaṃ papañceti tatonidānaṃ purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti atītānāgatapaccuppannesu cakkhuviññeyyesu rūpesu. Sotañcāvuso, paṭicca sadde ca uppajjati sotaviññāṇaṃ…pe… ghānañcāvuso, paṭicca gandhe ca uppajjati ghānaviññāṇaṃ…pe… jivhañcāvuso, paṭicca rase ca uppajjati jivhāviññāṇaṃ…pe… kāyañcāvuso, paṭicca phoṭṭhabbe ca uppajjati kāyaviññāṇaṃ…pe… manañcāvuso, paṭicca dhamme ca uppajjati manoviññāṇaṃ, tiṇṇaṃ saṅgati phasso, phassapaccayā vedanā, yaṃ vedeti taṃ sañjānāti, yaṃ sañjānāti taṃ vitakketi, yaṃ vitakketi taṃ papañceti, yaṃ papañceti tatonidānaṃ purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti atītānāgatapaccuppannesu manoviññeyyesu dhammesu.

    ‘‘โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมิํ สติ รูเป สติ จกฺขุวิญฺญาเณ สติ ผสฺสปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา สติ เวทนาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา สติ สญฺญาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา สติ วิตกฺกปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา สติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ โส วตาวุโส, โสตสฺมิํ สติ สเทฺท สติ…เป.… ฆานสฺมิํ สติ คเนฺธ สติ…เป.… ชิวฺหาย สติ รเส สติ…เป.… กายสฺมิํ สติ โผฎฺฐเพฺพ สติ…เป.… มนสฺมิํ สติ ธเมฺม สติ มโนวิญฺญาเณ สติ ผสฺสปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา สติ เวทนาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา สติ สญฺญาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา สติ วิตกฺกปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา สติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ

    ‘‘So vatāvuso, cakkhusmiṃ sati rūpe sati cakkhuviññāṇe sati phassapaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Phassapaññattiyā sati vedanāpaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Vedanāpaññattiyā sati saññāpaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Saññāpaññattiyā sati vitakkapaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Vitakkapaññattiyā sati papañcasaññāsaṅkhāsamudācaraṇapaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. So vatāvuso, sotasmiṃ sati sadde sati…pe… ghānasmiṃ sati gandhe sati…pe… jivhāya sati rase sati…pe… kāyasmiṃ sati phoṭṭhabbe sati…pe… manasmiṃ sati dhamme sati manoviññāṇe sati phassapaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Phassapaññattiyā sati vedanāpaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Vedanāpaññattiyā sati saññāpaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Saññāpaññattiyā sati vitakkapaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati. Vitakkapaññattiyā sati papañcasaññāsaṅkhāsamudācaraṇapaññattiṃ paññāpessatīti – ṭhānametaṃ vijjati.

    ‘‘โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมิํ อสติ รูเป อสติ จกฺขุวิญฺญาเณ อสติ ผสฺสปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา อสติ เวทนาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา อสติ สญฺญาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา อสติ วิตกฺกปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา อสติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ โส วตาวุโส, โสตสฺมิํ อสติ สเทฺท อสติ…เป.… ฆานสฺมิํ อสติ คเนฺธ อสติ…เป.… ชิวฺหาย อสติ รเส อสติ…เป.… กายสฺมิํ อสติ โผฎฺฐเพฺพ อสติ…เป.… มนสฺมิํ อสติ ธเมฺม อสติ มโนวิญฺญาเณ อสติ ผสฺสปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ ผสฺสปญฺญตฺติยา อสติ เวทนาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เวทนาปญฺญตฺติยา อสติ สญฺญาปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ สญฺญาปญฺญตฺติยา อสติ วิตกฺกปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ วิตกฺกปญฺญตฺติยา อสติ ปปญฺจสญฺญาสงฺขาสมุทาจรณปญฺญตฺติํ ปญฺญาเปสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    ‘‘So vatāvuso, cakkhusmiṃ asati rūpe asati cakkhuviññāṇe asati phassapaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Phassapaññattiyā asati vedanāpaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Vedanāpaññattiyā asati saññāpaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Saññāpaññattiyā asati vitakkapaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Vitakkapaññattiyā asati papañcasaññāsaṅkhāsamudācaraṇapaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. So vatāvuso, sotasmiṃ asati sadde asati…pe… ghānasmiṃ asati gandhe asati…pe… jivhāya asati rase asati…pe… kāyasmiṃ asati phoṭṭhabbe asati…pe… manasmiṃ asati dhamme asati manoviññāṇe asati phassapaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Phassapaññattiyā asati vedanāpaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Vedanāpaññattiyā asati saññāpaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Saññāpaññattiyā asati vitakkapaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Vitakkapaññattiyā asati papañcasaññāsaṅkhāsamudācaraṇapaññattiṃ paññāpessatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํ เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ…เป.… เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ อากงฺขมานา จ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถฯ ยถา โน ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ

    ‘‘Yaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ esevanto rāgānusayānaṃ…pe… etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’ti, imassa kho ahaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi. Ākaṅkhamānā ca pana tumhe āyasmanto bhagavantaṃyeva upasaṅkamitvā etamatthaṃ paṭipuccheyyātha. Yathā no bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāthā’’ti.

    ๒๐๕. อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยํ โข โน, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํฯ เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ…เป.… เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติฯ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพํฯ เอเสวโนฺต ราคานุสยานํ, เอเสวโนฺต ปฎิฆานุสยานํ, เอเสวโนฺต ทิฎฺฐานุสยานํ, เอเสวโนฺต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวโนฺต มานานุสยานํ, เอเสวโนฺต ภวราคานุสยานํ , เอเสวโนฺต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวโนฺต ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาทตุวํตุวํ-เปสุญฺญ-มุสาวาทานํฯ เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’ติ? เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ, ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติฯ อถ โข มยํ, ภเนฺต, เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิมฺหฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อายสฺมตา มหากจฺจาเนน อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยญฺชเนหิ อโตฺถ วิภโตฺต’’ติฯ ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน; มหาปโญฺญ, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโนฯ มํ เจปิ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากตํฯ เอโส เจเวตสฺส อโตฺถฯ เอวญฺจ 5 นํ ธาเรถา’’ติฯ

    205. Atha kho te bhikkhū āyasmato mahākaccānassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘yaṃ kho no, bhante, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti. Ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ. Esevanto rāgānusayānaṃ…pe… etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’ti. Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ acirapakkantassa bhagavato etadahosi – ‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘‘yatonidānaṃ, bhikkhu, purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti. Ettha ce natthi abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbaṃ. Esevanto rāgānusayānaṃ, esevanto paṭighānusayānaṃ, esevanto diṭṭhānusayānaṃ, esevanto vicikicchānusayānaṃ, esevanto mānānusayānaṃ, esevanto bhavarāgānusayānaṃ , esevanto avijjānusayānaṃ, esevanto daṇḍādāna-satthādāna-kalaha-viggaha-vivādatuvaṃtuvaṃ-pesuñña-musāvādānaṃ. Etthete pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantī’’ti. Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’ti? Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ, pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ, yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti. Atha kho mayaṃ, bhante, yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkamimha; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipucchimha. Tesaṃ no, bhante, āyasmatā mahākaccānena imehi ākārehi imehi padehi imehi byañjanehi attho vibhatto’’ti. ‘‘Paṇḍito, bhikkhave, mahākaccāno; mahāpañño, bhikkhave, mahākaccāno. Maṃ cepi tumhe, bhikkhave, etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, ahampi taṃ evamevaṃ byākareyyaṃ yathā taṃ mahākaccānena byākataṃ. Eso cevetassa attho. Evañca 6 naṃ dhārethā’’ti.

    เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ปุริโส ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต มธุปิณฺฑิกํ อธิคเจฺฉยฺย, โส ยโต ยโต สาเยยฺย, ลเภเถว สาทุรสํ อเสจนกํฯ เอวเมว โข, ภเนฺต, เจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก, ยโต ยโต อิมสฺส ธมฺมปริยายสฺส ปญฺญาย อตฺถํ อุปปริเกฺขยฺย, ลเภเถว อตฺตมนตํ, ลเภเถว เจตโส ปสาทํฯ โก นาโม อยํ 7, ภเนฺต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อานนฺท, อิมํ ธมฺมปริยายํ มธุปิณฺฑิกปริยาโย เตฺวว นํ ธาเรหี’’ติฯ

    Evaṃ vutte āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘seyyathāpi, bhante, puriso jighacchādubbalyapareto madhupiṇḍikaṃ adhigaccheyya, so yato yato sāyeyya, labhetheva sādurasaṃ asecanakaṃ. Evameva kho, bhante, cetaso bhikkhu dabbajātiko, yato yato imassa dhammapariyāyassa paññāya atthaṃ upaparikkheyya, labhetheva attamanataṃ, labhetheva cetaso pasādaṃ. Ko nāmo ayaṃ 8, bhante, dhammapariyāyo’’ti? ‘‘Tasmātiha tvaṃ, ānanda, imaṃ dhammapariyāyaṃ madhupiṇḍikapariyāyo tveva naṃ dhārehī’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.

    มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ

    Madhupiṇḍikasuttaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. ชงฺฆวิหารํ (ก.)
    2. jaṅghavihāraṃ (ka.)
    3. อครุกตฺวา (สี.), อครุกริตฺวา (สฺยา. ปี.)
    4. agarukatvā (sī.), agarukaritvā (syā. pī.)
    5. เอเวเมว จ (ก.)
    6. evemeva ca (ka.)
    7. โก นามายํ (สฺยา.)
    8. ko nāmāyaṃ (syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา • 8. Madhupiṇḍikasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา • 8. Madhupiṇḍikasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact