Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา

    8. Madhupiṇḍikasuttavaṇṇanā

    ๑๙๙. ชาติวนนฺติ สยํชาตํ วนํฯ เตนาห ‘‘อโรปิม’’นฺติฯ ปฎิสลฺลานตฺถายาติ เอกีภาวตฺถาย, ปุถุตฺตารมฺมณโต วา จิตฺตํ ปฎินิวเตฺตตฺวา อจฺจนฺตสเนฺต นิพฺพาเน ผลสมาปตฺติวเสน อลฺลียาปนตฺถํฯ ทโณฺฑ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ ทณฺฑปาณิฯ ยถา โส ‘‘ทณฺฑปาณี’’ติ วุจฺจติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทณฺฑวิตฺตตายาติ ทเณฺฑ โสณฺฑตายฯ โส หิ ทณฺฑปสุโต ทณฺฑสิเปฺป จ สุกุสโล ตตฺถ ปากโฎ ปญฺญาโต, ตสฺมา ทณฺฑํ คเหตฺวาว วิจรติฯ ชงฺฆากิลมถวิโนทนตฺถนฺติ ราชสภาย จิรนิสชฺชาย อุปฺปนฺนชงฺฆาปริสฺสมสฺส อปนยนตฺถํฯ อธิจฺจนิกฺขมโนติ ยาทิจฺฉกนิกฺขมโน, น อภิณฺหนิกฺขมโนฯ โอลุพฺภาติ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ฐิโตฯ ยถา โส ‘‘โอลุพฺภา’’ติ วุโตฺต, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โคปาลกทารโก วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    199.Jātivananti sayaṃjātaṃ vanaṃ. Tenāha ‘‘aropima’’nti. Paṭisallānatthāyāti ekībhāvatthāya, puthuttārammaṇato vā cittaṃ paṭinivattetvā accantasante nibbāne phalasamāpattivasena allīyāpanatthaṃ. Daṇḍo pāṇimhi assāti daṇḍapāṇi. Yathā so ‘‘daṇḍapāṇī’’ti vuccati, taṃ dassetuṃ ‘‘ayañhī’’tiādi vuttaṃ. Daṇḍavittatāyāti daṇḍe soṇḍatāya. So hi daṇḍapasuto daṇḍasippe ca sukusalo tattha pākaṭo paññāto, tasmā daṇḍaṃ gahetvāva vicarati. Jaṅghākilamathavinodanatthanti rājasabhāya ciranisajjāya uppannajaṅghāparissamassa apanayanatthaṃ. Adhiccanikkhamanoti yādicchakanikkhamano, na abhiṇhanikkhamano. Olubbhāti sannirumbhitvā ṭhito. Yathā so ‘‘olubbhā’’ti vutto, taṃ dassetuṃ ‘‘gopālakadārako viyā’’tiādi vuttaṃ.

    ๒๐๐. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฎฺฐีติ อาห ‘‘กิํ วาทีติ, กิํ ทิฎฺฐิโก’’ติ? กิมกฺขายีติ กิมาจิกฺขโก, กีทิสธมฺมกโถ? อจิตฺตีกาเรนาติ อนาทเรนฯ ตถาปุจฺฉเน การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กสฺมา’’ติอาทิมาหฯ นสฺสเตตนฺติ นสฺสตุ เอตํ กุลํฯ

    200. Vadanti etenāti vādo, diṭṭhīti āha ‘‘kiṃ vādīti, kiṃ diṭṭhiko’’ti? Kimakkhāyīti kimācikkhako, kīdisadhammakatho? Acittīkārenāti anādarena. Tathāpucchane kāraṇaṃ dassento ‘‘kasmā’’tiādimāha. Nassatetanti nassatu etaṃ kulaṃ.

    อตฺถํ น ชานาตีติ อตฺถํ เจ เอกเทเสน ชาเนยฺย, ตํ มิจฺฉา คเหตฺวา ปฎิปฺผริตฺวาปิ ติเฎฺฐยฺยฯ ตสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ ตทสฺส อตฺถาชานนํ ภควตา อิจฺฉิตํฯ วิคฺคาหิกกถนฺติ วิคฺคหกถํ, สารมฺภกถนฺติ อโตฺถฯ นนุ ภควตา สทฺธิํ โลเก ปุถู สมณพฺราหฺมณา นานาวาทา สนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตถาคโต หี’’ติอาทิฯ น วิวทติ วิวาทเหตุกานํ กามทิฎฺฐิโชฺฌสานานํ มเคฺคเนว สมุคฺฆาติตตฺตา, ตทภาวโต ปน โลโก ตถาคเตน วิวทติฯ ธมฺมวาที ยถาภูตวาที ธมฺมวาทีหิ น วิวทติ เตสํ วิวทิตุกามตาย เอว อภาวโต, อธมฺมวาที ปน ติณายปิ นมญฺญมาโน เตหิ กิญฺจิ วิวทติฯ เตนาห ‘‘น, ภิกฺขเว, ธมฺมวาที เกนจิ โลกสฺมิํ วิวทตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๙๔)ฯ อธมฺมวาที ปน อสมุจฺฉินฺนวิวาทเหตุกตฺตา วิวทเตวฯ ตถา จาห ‘‘อธมฺมวาทีว โข, ภิกฺขเว, วิวทตี’’ติฯ

    Atthaṃna jānātīti atthaṃ ce ekadesena jāneyya, taṃ micchā gahetvā paṭippharitvāpi tiṭṭheyya. Tassa dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyāti tadassa atthājānanaṃ bhagavatā icchitaṃ. Viggāhikakathanti viggahakathaṃ, sārambhakathanti attho. Nanu bhagavatā saddhiṃ loke puthū samaṇabrāhmaṇā nānāvādā santīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tathāgato hī’’tiādi. Na vivadati vivādahetukānaṃ kāmadiṭṭhijjhosānānaṃ maggeneva samugghātitattā, tadabhāvato pana loko tathāgatena vivadati. Dhammavādī yathābhūtavādī dhammavādīhi na vivadati tesaṃ vivaditukāmatāya eva abhāvato, adhammavādī pana tiṇāyapi namaññamāno tehi kiñci vivadati. Tenāha ‘‘na, bhikkhave, dhammavādī kenaci lokasmiṃ vivadatī’’ti (saṃ. ni. 3.94). Adhammavādī pana asamucchinnavivādahetukattā vivadateva. Tathā cāha ‘‘adhammavādīva kho, bhikkhave, vivadatī’’ti.

    ยถา จ ปนาติ เอตฺถ ยถา-สโทฺท ‘‘ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตญฺจ ปชานาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๒๒) วิย การณโตฺถติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติฯ การณากาโร วา อิธ ยถา-สเทฺทน วุโตฺต, โส ปน อตฺถโต การณเมวาติ วุตฺตํ ‘‘เยน การเณนา’’ติฯ ‘‘อิทํ กถํ อิทํ กถํ’’ติ ปวตฺตนโต กถํกถา, วิจิกิจฺฉาฯ สา ยสฺส นตฺถิ, โส อกถํกถี, ตํ อกถํกถิํฯ วิปฺปฎิสารกุกฺกุจฺจํ ภควตา อนาคามิมเคฺคเนว ฉินฺนํ, หตฺถปาทกุกฺกุจฺจํ อคฺคมเคฺคน อาเวณิกธมฺมาธิคมโตฯ อปราปรํ อุปฺปชฺชนกภโว ‘‘ภวาภโว’’ติ อิธาธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนพฺภเว’’ติฯ สํวราสํวโร ผลาผลํ วิย ขุทฺทกมหโนฺต ภโว ‘‘ภวาภโว’’ติ วุโตฺตติ อาห ‘‘หีนปณีเต วา ภเว’’ติฯ ภโว วุฑฺฒิปฺปโตฺต ‘‘อภโว’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑.ติกมาติกา)ฯ กิเลสสญฺญาติ กามสญฺญาทิเก วทติฯ กิเลสา เอว วา สญฺญานาเมน วุตฺตา ‘‘สญฺญา ปหาย อมตํ เอว ปาปุณาตี’’ติอาทีสุ วิยฯ อตฺตโน ขีณาสวภาวํ ทีเปตีติ อิมินาว ปเรสญฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสตีติ อยมฺปิ อโตฺถ วิภาวิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ นีหริตฺวา กีฬาเปตฺวาติ นีหริตฺวา เจว กีฬาเปตฺวา จ, นีหรณวเสน วา กีฬาเปตฺวาฯ ติวิสาขนฺติ ติภงฺคภากุฎิ วิย นลาเฎ ชาตตฺตา นลาฎิกํ

    Yathā ca panāti ettha yathā-saddo ‘‘yathā ca anuppannassa kāmacchandassa uppādo hoti, tañca pajānātī’’tiādīsu (a. ni. 3.122) viya kāraṇatthoti āha ‘‘yena kāraṇenā’’ti. Kāraṇākāro vā idha yathā-saddena vutto, so pana atthato kāraṇamevāti vuttaṃ ‘‘yena kāraṇenā’’ti. ‘‘Idaṃ kathaṃ idaṃ kathaṃ’’ti pavattanato kathaṃkathā, vicikicchā. Sā yassa natthi, so akathaṃkathī, taṃ akathaṃkathiṃ. Vippaṭisārakukkuccaṃ bhagavatā anāgāmimaggeneva chinnaṃ, hatthapādakukkuccaṃ aggamaggena āveṇikadhammādhigamato. Aparāparaṃ uppajjanakabhavo ‘‘bhavābhavo’’ti idhādhippetoti āha ‘‘punappunabbhave’’ti. Saṃvarāsaṃvaro phalāphalaṃ viya khuddakamahanto bhavo ‘‘bhavābhavo’’ti vuttoti āha ‘‘hīnapaṇīte vā bhave’’ti. Bhavo vuḍḍhippatto ‘‘abhavo’’ti vuccati yathā ‘‘asekkhā dhammā’’ti (dha. sa. 11.tikamātikā). Kilesasaññāti kāmasaññādike vadati. Kilesā eva vā saññānāmena vuttā ‘‘saññā pahāya amataṃ eva pāpuṇātī’’tiādīsu viya. Attano khīṇāsavabhāvaṃ dīpetīti imināva paresañca tathattāya dhammaṃ desetīti ayampi attho vibhāvitoti daṭṭhabbaṃ. Nīharitvā kīḷāpetvāti nīharitvā ceva kīḷāpetvā ca, nīharaṇavasena vā kīḷāpetvā. Tivisākhanti tibhaṅgabhākuṭi viya nalāṭe jātattā nalāṭikaṃ.

    ๒๐๑. กินฺติ นุ โขติ กิํ การเณนาติ อโตฺถฯ อนุสนฺธิํ คเหตฺวาติ ปุจฺฉานุสนฺธิํ อุฎฺฐเปตฺวาฯ ยโตนิทานนฺติ ยํนิทานํ, ยํการณาติ วุตฺตํ โหติฯ ปุริมปเท หิ วิภตฺติ อโลปํ กตฺวา นิเทฺทโส, ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนาทินิทานนฺติ อยเมว อโตฺถฯ สงฺขายนฺติ สงฺขาภาเวน ญายนฺตีติ สงฺขาติ อาห ‘‘สงฺขาติ โกฎฺฐาสา’’ติฯ กามเญฺจตฺถ มาโนปิ ปปโญฺจ, อภินนฺทนสภาเว เอว ปน คณฺหโนฺต ‘‘ตณฺหามานทิฎฺฐิปปญฺจสมฺปยุตฺตา’’ติ อาหฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อภินนฺทิตพฺพ’’นฺติอาทิฯ สมุทาจรนฺตีติ สพฺพโส อุทฺธํ อุทฺธํ ปริยาทาย ปวตฺตนฺติฯ มริยาทโตฺถ หิ อยมากาโร, เตน จ โยเคน ปุริสนฺติ อุปโยควจนํ ยถา ‘‘ตถาคตํ, ภิกฺขเว, อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เทฺว วิตกฺกา สมุทาจรนฺตี’’ติ (อิติวุ. ๓๘)ฯ ตณฺหาทโย จ ยถาสกํ ปวตฺติอาการํ อวิลงฺฆนฺติโย อาเสวนวเสน อุปรูปริ ปวตฺตนฺติฯ ตถา หิ ตา ‘‘ปปญฺจสงฺขา’’ติ วุตฺตาฯ

    201.Kintinu khoti kiṃ kāraṇenāti attho. Anusandhiṃ gahetvāti pucchānusandhiṃ uṭṭhapetvā. Yatonidānanti yaṃnidānaṃ, yaṃkāraṇāti vuttaṃ hoti. Purimapade hi vibhatti alopaṃ katvā niddeso, chaajjhattikabāhirāyatanādinidānanti ayameva attho. Saṅkhāyanti saṅkhābhāvena ñāyantīti saṅkhāti āha ‘‘saṅkhāti koṭṭhāsā’’ti. Kāmañcettha mānopi papañco, abhinandanasabhāve eva pana gaṇhanto ‘‘taṇhāmānadiṭṭhipapañcasampayuttā’’ti āha. Tathā hi vakkhati ‘‘abhinanditabba’’ntiādi. Samudācarantīti sabbaso uddhaṃ uddhaṃ pariyādāya pavattanti. Mariyādattho hi ayamākāro, tena ca yogena purisanti upayogavacanaṃ yathā ‘‘tathāgataṃ, bhikkhave, arahantaṃ sammāsambuddhaṃ dve vitakkā samudācarantī’’ti (itivu. 38). Taṇhādayo ca yathāsakaṃ pavattiākāraṃ avilaṅghantiyo āsevanavasena uparūpari pavattanti. Tathā hi tā ‘‘papañcasaṅkhā’’ti vuttā.

    การเณติ ปวตฺติปจฺจเยฯ เอกายตนมฺปิ …เป.… นตฺถีติ จกฺขายตนาทิ เอกมฺปิ อายตนํ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อโชฺฌสิตพฺพญฺจ นตฺถิ เจ, นนุ นตฺถิ เอว, กสฺมา ‘‘นตฺถิ เจ’’ติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ นตฺถิ, อปฺปหีนาภินนฺทนาภิวทนอโชฺฌสานานํ ปน ปุถุชฺชนานํ อภินนฺทิตพฺพาทิปฺปการานิ อายตนานิ โหนฺตีติ เตสํ น สกฺกา นตฺถีติ วตฺตุ, ปหีนาภินนฺทนาทีนํ ปน สพฺพถา นตฺถีติ ‘‘นตฺถิ เจ’’ติ วุตฺตํฯ อหํ มมนฺติ อภินนฺทิตพฺพนฺติ ทิฎฺฐาภินนฺทนาย ‘‘อห’’นฺติ ตณฺหาภินนฺทนาย ‘‘มม’’นฺติ โรเจตพฺพํฯ อภิวทิตพฺพนฺติ อภินิวิสนสมุฎฺฐาปนวเสน วตฺตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อหํ มมนฺติ วตฺตพฺพ’’นฺติฯ อโชฺฌสิตฺวาติ ทิฎฺฐิ ตณฺหา วตฺถุํ อนุปวิสิตฺวา คาหทฺวยํ อนญฺญสาธารณํ วิย กตฺวาฯ เตนาห ‘‘คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา’’ติฯ เอเตนาติ ‘‘เอตฺถ เจ นตฺถี’’ติอาทิวจเนนฯ เอตฺถาติ อายตเนสุฯ ตณฺหาทีนํ อวตฺถุภาวทสฺสนมุเขน ตณฺหาทีนํเยว อปฺปวตฺติํ กิเลสปรินิพฺพานํ กถิตนฺติฯ เตนาห ภควา ‘‘เอเสวโนฺต’’ติอาทิ, อยเมว อภินนฺทนาทีนํ นตฺถิภาวกโร มโคฺค, ตปฺปฎิปฺปสฺสทฺธิภูตํ ผลํ, ตํนิสฺสรณํ วา นิพฺพานํ ราคานุสยาทีนํ อโนฺต อวสานํ อปฺปวตฺตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อยํ …เป.… อโนฺต’’ติฯ สพฺพตฺถาติ ‘‘เอเสวโนฺต ปฎิฆานุสยานํ’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุฯ

    Kāraṇeti pavattipaccaye. Ekāyatanampi …pe… natthīti cakkhāyatanādi ekampi āyatanaṃ abhinanditabbaṃ abhivaditabbaṃ ajjhositabbañca natthi ce, nanu natthi eva, kasmā ‘‘natthi ce’’ti vuttanti? Saccaṃ natthi, appahīnābhinandanābhivadanaajjhosānānaṃ pana puthujjanānaṃ abhinanditabbādippakārāni āyatanāni hontīti tesaṃ na sakkā natthīti vattu, pahīnābhinandanādīnaṃ pana sabbathā natthīti ‘‘natthi ce’’ti vuttaṃ. Ahaṃ mamanti abhinanditabbanti diṭṭhābhinandanāya ‘‘aha’’nti taṇhābhinandanāya ‘‘mama’’nti rocetabbaṃ. Abhivaditabbanti abhinivisanasamuṭṭhāpanavasena vattabbaṃ. Tenāha ‘‘ahaṃ mamanti vattabba’’nti. Ajjhositvāti diṭṭhi taṇhā vatthuṃ anupavisitvā gāhadvayaṃ anaññasādhāraṇaṃ viya katvā. Tenāha ‘‘gilitvā pariniṭṭhapetvā’’ti. Etenāti ‘‘ettha ce natthī’’tiādivacanena. Etthāti āyatanesu. Taṇhādīnaṃ avatthubhāvadassanamukhena taṇhādīnaṃyeva appavattiṃ kilesaparinibbānaṃ kathitanti. Tenāha bhagavā ‘‘esevanto’’tiādi, ayameva abhinandanādīnaṃ natthibhāvakaro maggo, tappaṭippassaddhibhūtaṃ phalaṃ, taṃnissaraṇaṃ vā nibbānaṃ rāgānusayādīnaṃ anto avasānaṃ appavattīti attho. Tenāha ‘‘ayaṃ …pe… anto’’ti. Sabbatthāti ‘‘esevanto paṭighānusayānaṃ’’tiādīsu sabbapadesu.

    อาทิยตีติ ปหารทานาทิวเสน คยฺหติฯ มตฺถกปฺปตฺตํ กลหนฺติ ภณฺฑนาทิมเตฺต อฎฺฐตฺวา มุขสตฺตีหิ วิตุทนาทิวเสน มตฺถกปฺปตฺตํ กลหํฯ ยาย กโรตีติ สมฺพโนฺธฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ วิรุทฺธคฺคาหวเสน นานาคาหมตฺตํ, ตถา วิรุทฺธวาทวเสน นานาวาทมตฺตํฯ เอวํ ปวตฺตนฺติ ครุกาตเพฺพสุปิ คารวํ อกตฺวา ‘‘ตุวํ ตุว’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ สารมฺภกถํ, ยาย เจตนาย ยํ กโรติ, สา ตุวํ ตุวํฯ นิสฺสายาติ ปฎิจฺจ, นิสฺสยาทิปจฺจเย กตฺวาติ อโตฺถฯ กิเลสานํ อุปฺปตฺตินิมิตฺตตา ตาว อายตนานํ โหตุ ตพฺภาเว ภาวโต, นิโรธนิมิตฺตตา ปน กถํฯ น เหตฺถ โลกุตฺตรธมฺมานํ สงฺคโห โลกิยานํเยว อธิเปฺปตตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘นิรุชฺฌมานาปี’’ติอาทิฯ นามมเตฺตน นิมิตฺตตํ สนฺธาย วุโตฺตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยตฺถุปฺปนฺนา, ตเตฺถว นิรุทฺธา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สาเธโนฺต ‘‘สฺวายมโตฺถ’’ติอาทิมาหฯ

    Ādiyatīti pahāradānādivasena gayhati. Matthakappattaṃ kalahanti bhaṇḍanādimatte aṭṭhatvā mukhasattīhi vitudanādivasena matthakappattaṃ kalahaṃ. Yāya karotīti sambandho. Sesapadesupi eseva nayo. Viruddhaggāhavasena nānāgāhamattaṃ, tathā viruddhavādavasena nānāvādamattaṃ. Evaṃ pavattanti garukātabbesupi gāravaṃ akatvā ‘‘tuvaṃ tuva’’nti evaṃ pavattaṃ sārambhakathaṃ, yāya cetanāya yaṃ karoti, sā tuvaṃ tuvaṃ. Nissāyāti paṭicca, nissayādipaccaye katvāti attho. Kilesānaṃ uppattinimittatā tāva āyatanānaṃ hotu tabbhāve bhāvato, nirodhanimittatā pana kathaṃ. Na hettha lokuttaradhammānaṃ saṅgaho lokiyānaṃyeva adhippetattāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘nirujjhamānāpī’’tiādi. Nāmamattena nimittataṃ sandhāya vuttoti dassento ‘‘yatthuppannā, tattheva niruddhā hontī’’ti vatvā tamatthaṃ suttantarena sādhento ‘‘svāyamattho’’tiādimāha.

    ตตฺถ สมุทยสจฺจปเญฺหนาติ มหาสติปฎฺฐาเน สมุทยสจฺจนิเทฺทเสนฯ โส หิ ‘‘กตฺถ อุปฺปชฺชมานา’’ติอาทินา ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตตฺตา ปโญฺหติ วุโตฺตฯ นนุ ตตฺถ ตณฺหาย อุปฺปตฺตินิโรธา วุตฺตา, น สพฺพกิเลสานนฺติ อีทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยเถว จา’’ติอาทิมาหฯ ลทฺธโวหาเรติ อิมินา ราคาทีนํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตตาย อโนฺตติ สมญฺญา นิพฺพานสฺสาติ ทเสฺสติฯ เอเตเนว อภินนฺทนาทีนํ อภาโวติ จ อิทํ สํวณฺณิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ กถํ ปน สพฺพสงฺขตวินิสฺสเฎ นิพฺพาเน อกุสลธมฺมานํ นิโรธสมฺภโวติ อาห ‘‘ยญฺหิ ยตฺถ นตฺถิ, ตํ ตตฺถ นิรุทฺธํ นาม โหตี’’ติฯ ยฺวายํ อปฺปวตฺติยํ นิโรธโวหาโร วุโตฺต, สฺวายมโตฺถ นิโรธปเญฺหน ทีเปตโพฺพฯ น หิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา วิตกฺกวิจารา ปฎิปฺปสฺสทฺธาติ วุตฺตา, อถ โข อปฺปวตฺตา เอวาติฯ

    Tattha samudayasaccapañhenāti mahāsatipaṭṭhāne samudayasaccaniddesena. So hi ‘‘kattha uppajjamānā’’tiādinā pucchāvasena pavattattā pañhoti vutto. Nanu tattha taṇhāya uppattinirodhā vuttā, na sabbakilesānanti īdisī codanā anavakāsāti dassento ‘‘yatheva cā’’tiādimāha. Laddhavohāreti iminā rāgādīnaṃ appavattinimittatāya antoti samaññā nibbānassāti dasseti. Eteneva abhinandanādīnaṃ abhāvoti ca idaṃ saṃvaṇṇitanti daṭṭhabbaṃ. Kathaṃ pana sabbasaṅkhatavinissaṭe nibbāne akusaladhammānaṃ nirodhasambhavoti āha ‘‘yañhi yattha natthi, taṃ tattha niruddhaṃ nāma hotī’’ti. Yvāyaṃ appavattiyaṃ nirodhavohāro vutto, svāyamattho nirodhapañhena dīpetabbo. Na hi tattha uppajjitvā niruddhā vitakkavicārā paṭippassaddhāti vuttā, atha kho appavattā evāti.

    ๒๐๓. เอวํสมฺปทนฺติ เอวํสมฺปชฺชนกํ เอวํ ปสฺสิตพฺพํ อิทํ มม อเชฺฌสนํฯ เตนาห ‘‘อีทิสนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ชานํ ชานาตีติ (อ. นิ. ฎี. ๓.๑๐.๑๑๓-๑๑๖) สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ชานิตพฺพํ สพฺพํ ชานาติฯ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน หิ อวิเสสคฺคหเณน จ ‘‘ชาน’’นฺติ อิมินา นิรวเสสํ เญยฺยชาตํ ปริคฺคณฺหาตีติ ตพฺพิสยาย ชานนกิริยาย สพฺพญฺญุตญฺญาณเมว กรณํ ภวิตุํ ยุตฺตํฯ อถ วา ปกรณวเสน ‘‘ภควา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน จายมโตฺถ วิภาเวตโพฺพฯ ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุ-ปญฺญาจกฺขุ-ธมฺมจกฺขุ-พุทฺธจกฺขุ-สมนฺตจกฺขุ-สงฺขาเตหิ ญาณจกฺขูหิ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ เอวฯ อถ วา ชานํ ชานาตีติ ยถา อเญฺญ สวิปลฺลาสา กามรูปปริญฺญาวาทิโน ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ, น เอวํ ภควาฯ ภควา ปน ปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชานโนฺต ชานาติ เอว, ทิฎฺฐิทสฺสนสฺส จ อภาวา ปสฺสโนฺต ปสฺสติเยวาติ อโตฺถฯ ทสฺสนปริณายกเฎฺฐนาติ ยถา จกฺขุ สตฺตานํ ทสฺสนตฺถํ ปริเณติ, เอวํ โลกสฺส ยาถาวทสฺสนสาธนโต ทสฺสนกิจฺจปริณายกเฎฺฐน จกฺขุภูโต, ปญฺญาจกฺขุมยตฺตา วา สยมฺภุญาเณน ปญฺญาจกฺขุํ ภูโต ปโตฺตติ วา จกฺขุภูโตฯ ญาณภูโตติ เอตสฺส จ เอวเมว อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ธมฺมา วา โพธิปกฺขิยา เตหิ อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต, อนญฺญสาธารณํ วา ธมฺมํ ปโตฺตติ ธมฺมภูโตฯ พฺรหฺมา วุจฺจติ มโคฺค เตน อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนตฺตา, ตญฺจ สยมฺภุญาเณน ปโตฺตติ พฺรหฺมภูโตฯ จตุสจฺจธมฺมํ วทตีติ วตฺตาฯ จิรํ สจฺจปฎิเวธํ ปวเตฺตโนฺต วทตีติ ปวตฺตาฯ อตฺถํ นีหริตฺวาติ ทุกฺขาทิอตฺถํ ตตฺถาปิ ปีฬนาทิอตฺถํ อุทฺธริตฺวาฯ ปรมตฺถํ วา นิพฺพานํ ปาปยิตา, อมตสจฺฉิกิริยํ สเตฺตสุ อุปฺปาเทโนฺต อมตํ ททาตีติ อมตสฺส ทาตาฯ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตทายตฺตภาวโต ธมฺมสฺสามี

    203.Evaṃsampadanti evaṃsampajjanakaṃ evaṃ passitabbaṃ idaṃ mama ajjhesanaṃ. Tenāha ‘‘īdisanti attho’’ti. Jānaṃ jānātīti (a. ni. ṭī. 3.10.113-116) sabbaññutaññāṇena jānitabbaṃ sabbaṃ jānāti. Ukkaṭṭhaniddesena hi avisesaggahaṇena ca ‘‘jāna’’nti iminā niravasesaṃ ñeyyajātaṃ pariggaṇhātīti tabbisayāya jānanakiriyāya sabbaññutaññāṇameva karaṇaṃ bhavituṃ yuttaṃ. Atha vā pakaraṇavasena ‘‘bhagavā’’ti saddantarasannidhānena cāyamattho vibhāvetabbo. Passitabbameva passatīti dibbacakkhu-paññācakkhu-dhammacakkhu-buddhacakkhu-samantacakkhu-saṅkhātehi ñāṇacakkhūhi passitabbaṃ passati eva. Atha vā jānaṃ jānātīti yathā aññe savipallāsā kāmarūpapariññāvādino jānantāpi vipallāsavasena jānanti, na evaṃ bhagavā. Bhagavā pana pahīnavipallāsattā jānanto jānāti eva, diṭṭhidassanassa ca abhāvā passanto passatiyevāti attho. Dassanapariṇāyakaṭṭhenāti yathā cakkhu sattānaṃ dassanatthaṃ pariṇeti, evaṃ lokassa yāthāvadassanasādhanato dassanakiccapariṇāyakaṭṭhena cakkhubhūto, paññācakkhumayattā vā sayambhuñāṇena paññācakkhuṃ bhūto pattoti vā cakkhubhūto. Ñāṇabhūtoti etassa ca evameva attho daṭṭhabbo. Dhammā vā bodhipakkhiyā tehi uppannattā lokassa ca taduppādanato, anaññasādhāraṇaṃ vā dhammaṃ pattoti dhammabhūto. Brahmā vuccati maggo tena uppannattā lokassa ca taduppādanattā, tañca sayambhuñāṇena pattoti brahmabhūto. Catusaccadhammaṃ vadatīti vattā. Ciraṃ saccapaṭivedhaṃ pavattento vadatīti pavattā. Atthaṃ nīharitvāti dukkhādiatthaṃ tatthāpi pīḷanādiatthaṃ uddharitvā. Paramatthaṃ vā nibbānaṃ pāpayitā, amatasacchikiriyaṃ sattesu uppādento amataṃ dadātīti amatassa dātā. Bodhipakkhiyadhammānaṃ tadāyattabhāvato dhammassāmī.

    ๒๐๔. โส วา อุเทฺทโส อตฺตโนปิ โหตีติ เถโร ‘‘ยํ โข โน’’ติ อาหฯ สพฺพโลกสาธารณา หิ พุทฺธานํ เทสนาติฯ อิทานิ เยหิ ทฺวารารมฺมเณหิ ปุริสํ ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺติ, ตานิ ตาว ทเสฺสโนฺต ปปญฺจสญฺญาสงฺขา ทเสฺสตุํ เยน สฬายตนวิภเงฺคน นิเทฺทโส กโต, ตสฺส อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘จกฺขุญฺจา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ นิสฺสยภาเวนาติ นิสฺสยปจฺจยภาเวนฯ นิสฺสยปจฺจโย จ ปสาทจกฺขุเยว โหติ, น จุทฺทสสมฺภารํ, จตุจตฺตาลีสสมฺภารํ วา สสมฺภารจกฺขุนฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาทญฺจ ปฎิจฺจา’’ติฯ อารมฺมณภาเวนาติ อารมฺมณปจฺจยภาเวนฯ อารมฺมณปจฺจโย จ จตุสมุฎฺฐานิกรูเปสุ ยํ กิญฺจิ โหตีติ อาห ‘‘จตุสมุฎฺฐานิกรูเป จ ปฎิจฺจา’’ติฯ

    204. So vā uddeso attanopi hotīti thero ‘‘yaṃ kho no’’ti āha. Sabbalokasādhāraṇā hi buddhānaṃ desanāti. Idāni yehi dvārārammaṇehi purisaṃ papañcasaññāsaṅkhā samudācaranti, tāni tāva dassento papañcasaññāsaṅkhā dassetuṃ yena saḷāyatanavibhaṅgena niddeso kato, tassa atthaṃ dassetuṃ ‘‘cakkhuñcā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha nissayabhāvenāti nissayapaccayabhāvena. Nissayapaccayo ca pasādacakkhuyeva hoti, na cuddasasambhāraṃ, catucattālīsasambhāraṃ vā sasambhāracakkhunti āha ‘‘cakkhupasādañca paṭiccā’’ti. Ārammaṇabhāvenāti ārammaṇapaccayabhāvena. Ārammaṇapaccayo ca catusamuṭṭhānikarūpesu yaṃ kiñci hotīti āha ‘‘catusamuṭṭhānikarūpe ca paṭiccā’’ti.

    เอตฺถ จกฺขุ เอกมฺปิ วิญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปายตนํ ปน อเนกเมว สํหตนฺติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ นิสฺสยภาเวน ‘‘จกฺขุปสาทญฺจ อารมฺมณภาเวน จตุสมุฎฺฐานิกรูเป จา’’ติ วจนเภโท กโตฯ กิํ ปน การณํ จกฺขุ เอกมฺปิ วิญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมวาติ? ปจฺจยภาววิเสสโตฯ จกฺขุ หิ จกฺขุวิญฺญาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ ตสฺมิํ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต, ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโย โหตีติ วุจฺจติ, ตนฺนิสฺสิตตา จสฺส น เอกเทเสน อลฺลียนวเสน อิจฺฉิตพฺพา อรูปภาวโตฯ อถ โข ครุราชาทีสุ สิสฺสราชปุริสาทีนํ วิย ตปฺปฎิพทฺธวุตฺติตาย, อิตเร ปน ปจฺจยา เตน เตน วิเสเสน เวทิตพฺพาฯ

    Ettha cakkhu ekampi viññāṇassa paccayo hoti, rūpāyatanaṃ pana anekameva saṃhatanti imassa visesassa dassanatthaṃ nissayabhāvena ‘‘cakkhupasādañca ārammaṇabhāvena catusamuṭṭhānikarūpe cā’’ti vacanabhedo kato. Kiṃ pana kāraṇaṃ cakkhu ekampi viññāṇassa paccayo hoti, rūpaṃ pana anekamevāti? Paccayabhāvavisesato. Cakkhu hi cakkhuviññāṇassa nissayapurejātaindriyavippayuttapaccayehi paccayo hontaṃ atthibhāveneva hoti tasmiṃ sati tassa bhāvato, asati abhāvato, yato taṃ atthiavigatapaccayehissa paccayo hotīti vuccati, tannissitatā cassa na ekadesena allīyanavasena icchitabbā arūpabhāvato. Atha kho garurājādīsu sissarājapurisādīnaṃ viya tappaṭibaddhavuttitāya, itare pana paccayā tena tena visesena veditabbā.

    สจายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมิํ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุ จกฺขุวิญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘จกฺขุญฺจาวุโส, ปฎิจฺจา’’ติ เอกวจนวเสน วุตฺตํฯ รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิ-อวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ อุปฺปนฺนํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณ เอว อุปการกตฺตา ตถาปิ อเนกเมว สํหตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโตฯ ยญฺหิ ปจฺจยธมฺมํ สภาวภูตํ, ปริกปฺปิตาการมตฺตํ วา วิญฺญาณํ วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, ตทเญฺญสญฺจ สติปิ ปจฺจยภาเว โส ตสฺส สารมฺมณสภาวตาย ยํ กิญฺจิ อนาลมฺภิตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถสฺส โอลุพฺภปวตฺติการณภาเวน อาลมฺพนียโต อารมฺมณํ นาม, ตสฺส ยสฺมา ยถา ตถา สภาวูปลทฺธิ วิญฺญาณสฺส อารมฺมณปจฺจยลาโภ, ตสฺมา จกฺขุวิญฺญาณํ รูปํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ ตสฺส สภาวํ วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตติฯ สา จสฺส อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสน โหติ, นาปิ กติปยกลาปคตวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณ’’นฺติ พหุวจนวเสนาหฯ

    Sacāyaṃ paccayabhāvo na ekasmiṃ na sambhavatīti ekampi cakkhu cakkhuviññāṇassa paccayo hotīti dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘cakkhuñcāvuso, paṭiccā’’ti ekavacanavasena vuttaṃ. Rūpaṃ pana yadipi cakkhu viya purejātaatthi-avigatapaccayehi paccayo hoti puretaraṃ uppannaṃ hutvā vijjamānakkhaṇe eva upakārakattā tathāpi anekameva saṃhataṃ hutvā paccayo hoti ārammaṇabhāvato. Yañhi paccayadhammaṃ sabhāvabhūtaṃ, parikappitākāramattaṃ vā viññāṇaṃ vibhāventaṃ pavattati, tadaññesañca satipi paccayabhāve so tassa sārammaṇasabhāvatāya yaṃ kiñci anālambhitvā pavattituṃ asamatthassa olubbhapavattikāraṇabhāvena ālambanīyato ārammaṇaṃ nāma, tassa yasmā yathā tathā sabhāvūpaladdhi viññāṇassa ārammaṇapaccayalābho, tasmā cakkhuviññāṇaṃ rūpaṃ ārabbha pavattamānaṃ tassa sabhāvaṃ vibhāventameva pavattati. Sā cassa indriyādhīnavuttikassa ārammaṇasabhāvūpaladdhi na ekadvikalāpagatavaṇṇavasena hoti, nāpi katipayakalāpagatavaṇṇavasena, atha kho ābhogānurūpaṃ āpāthagatavaṇṇavasenāti anekameva rūpaṃ saṃhaccakāritāya viññāṇassa paccayo hotīti dassento ‘‘rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇa’’nti bahuvacanavasenāha.

    ยํ ปน ปฎฺฐาเน (ปฎฺฐา. ๑.๑.๒ ปจฺจยนิเทฺทส) ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยาทิสํ รูปายตนํ จกฺขุวิญฺญาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํฯ กีทิสํ ปน ตนฺติ ? สมุทิตนฺติ ปากโฎยมโตฺถฯ เอวญฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘อายตนสลฺลกฺขณวเสน จกฺขุวิญฺญาณาทโย สลฺลกฺขณวิสยา, น ทฺรพฺยสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ, ตมฺปิ สุวุตฺตเมว โหติฯ น เจตฺถ สมุทายารมฺมณตา อาสงฺกิตพฺพา สมุทายาโภคเสฺสว อภาวโต, สมุทิตา ปน วณฺณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติฯ กถํ ปน ปเจฺจกํ อสมตฺถา สมุทิตา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติฯ น หิ ปเจฺจกํ ทฎฺฐุํ อสโกฺกนฺตา อนฺธา สมุทิตา ปสฺสนฺตีติ? นยิทเมกนฺติกํ วิสุํ วิสุํ อสมตฺถานมฺปิ สิวิกาวหนาทีสุ สมตฺถตาย ทสฺสนโตฯ เกสาทีนญฺจ ยสฺมิํ ฐาเน ฐิตานํ ปเจฺจกํ วณฺณํ คเหตุํ น สกฺกา, ตสฺมิํเยว ฐาเน สมุทิตานํ ตํ คเหตุํ สกฺกาติ ภิโยฺยปิ เตสํ สํหจฺจการิตา ปริพฺยตฺตาฯ เอเตน กิํ จกฺขุวิญฺญาณสฺส ปรมาณุรูปํ อารมฺมณํ, อุทาหุ ตํสมุทาโยติอาทิกา โจทนา ปฎิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘โสตญฺจ, อาวุโส, ปฎิจฺจา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ จกฺขุวิญฺญาณํ นามาติ จกฺขุนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ จกฺขุวิญฺญาณํ นาม อุปฺปชฺชติฯ

    Yaṃ pana paṭṭhāne (paṭṭhā. 1.1.2 paccayaniddesa) ‘‘rūpāyatanaṃ cakkhuviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ ārammaṇapaccayena paccayo’’ti vuttaṃ, taṃ yādisaṃ rūpāyatanaṃ cakkhuviññāṇassa ārammaṇapaccayo, tādisaṃ sandhāya vuttaṃ. Kīdisaṃ pana tanti ? Samuditanti pākaṭoyamattho. Evañca katvā yadeke vadanti ‘‘āyatanasallakkhaṇavasena cakkhuviññāṇādayo sallakkhaṇavisayā, na drabyasallakkhaṇavasenā’’ti, tampi suvuttameva hoti. Na cettha samudāyārammaṇatā āsaṅkitabbā samudāyābhogasseva abhāvato, samuditā pana vaṇṇadhammā ārammaṇapaccayā honti. Kathaṃ pana paccekaṃ asamatthā samuditā ārammaṇapaccayā honti. Na hi paccekaṃ daṭṭhuṃ asakkontā andhā samuditā passantīti? Nayidamekantikaṃ visuṃ visuṃ asamatthānampi sivikāvahanādīsu samatthatāya dassanato. Kesādīnañca yasmiṃ ṭhāne ṭhitānaṃ paccekaṃ vaṇṇaṃ gahetuṃ na sakkā, tasmiṃyeva ṭhāne samuditānaṃ taṃ gahetuṃ sakkāti bhiyyopi tesaṃ saṃhaccakāritā paribyattā. Etena kiṃ cakkhuviññāṇassa paramāṇurūpaṃ ārammaṇaṃ, udāhu taṃsamudāyotiādikā codanā paṭikkhittāti veditabbā. ‘‘Sotañca, āvuso, paṭiccā’’tiādīsupi iminā nayena attho veditabbo. Cakkhuviññāṇaṃ nāmāti cakkhunissitarūpavijānanalakkhaṇaṃ cakkhuviññāṇaṃ nāma uppajjati.

    ติณฺณํ สงฺคติยาติ จกฺขุ, รูปํ, จกฺขุวิญฺญาณนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ สงฺคติยา สโมธาเนนฯ ผโสฺส นามาติ อรูปธโมฺมปิ สมาโน อารมฺมเณ ผุสนากาเรเนว ปวตฺตนโต ผุสนลกฺขโณ ผโสฺส นาม ธโมฺม อุปฺปชฺชติฯ สหชาตาทิวเสนาติ จกฺขุวิญฺญาณสมฺปยุตฺตาย สหชาตอญฺญมญฺญาทิวเสน, อนนฺตราย อนนฺตราทิวเสน, อิตราย อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจยภาวโต ผสฺสปจฺจยา ผสฺสการณา เวทนา อุปฺปชฺชติฯ อนุภวนสมกาลเมว อารมฺมณสฺส สญฺชานนํ โหตีติ ‘‘ตาย เวทนาย ยํ อารมฺมณํ เวเทติ, ตเทว สญฺญา สญฺชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ จกฺขุทฺวาริกา ธมฺมา อิธาธิเปฺปตาติ ตทนุสาเรน ปน อปราปรุปฺปนฺนานํ เวทนาทีนํ คหเณ สติ, ยนฺติ วา การณวจนํ, ยสฺมา อารมฺมณํ เวเทติ, ตสฺมา ตํ สญฺชานาตีติ อโตฺถฯ น หิ อสติ เวทยิเต กทาจิ สญฺญุปฺปตฺติ อตฺถิฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ สญฺญาย หิ ยถาสญฺญาตํ วิชฺชมานํ, อวิชฺชมานํ วา อารมฺมณํ วิตกฺกวเสน ปริกเปฺปติ, ยถาปริกปฺปิตญฺจ ตํ ทิฎฺฐิตณฺหามานมญฺญนาหิ มญฺญมาโน ปปเญฺจตีติ วุโตฺตฯ เตเนวาห ‘‘ปถวิํ ปถวิโต สญฺชานา’’ติ, ‘‘ปถวิํ ปถวิโต สญฺญตฺวา ปถวิํ มญฺญตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒), ‘‘ตกฺกญฺจ ทิฎฺฐีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑) จฯ พลปฺปตฺตปปญฺจวเสเนวายมตฺถวณฺณนา กตา, อฎฺฐกถายํ ปน ปริทุพฺพลวเสนฯ

    Tiṇṇaṃ saṅgatiyāti cakkhu, rūpaṃ, cakkhuviññāṇanti imesaṃ tiṇṇaṃ saṅgatiyā samodhānena. Phasso nāmāti arūpadhammopi samāno ārammaṇe phusanākāreneva pavattanato phusanalakkhaṇo phasso nāma dhammo uppajjati. Sahajātādivasenāti cakkhuviññāṇasampayuttāya sahajātaaññamaññādivasena, anantarāya anantarādivasena, itarāya upanissayavasena paccayabhāvato phassapaccayā phassakāraṇā vedanā uppajjati. Anubhavanasamakālameva ārammaṇassa sañjānanaṃ hotīti ‘‘tāya vedanāya yaṃ ārammaṇaṃ vedeti, tadeva saññā sañjānātī’’ti vuttaṃ. Cakkhudvārikā dhammā idhādhippetāti tadanusārena pana aparāparuppannānaṃ vedanādīnaṃ gahaṇe sati, yanti vā kāraṇavacanaṃ, yasmā ārammaṇaṃ vedeti, tasmā taṃ sañjānātīti attho. Na hi asati vedayite kadāci saññuppatti atthi. Sesapadesupi eseva nayo. Saññāya hi yathāsaññātaṃ vijjamānaṃ, avijjamānaṃ vā ārammaṇaṃ vitakkavasena parikappeti, yathāparikappitañca taṃ diṭṭhitaṇhāmānamaññanāhi maññamāno papañcetīti vutto. Tenevāha ‘‘pathaviṃ pathavito sañjānā’’ti, ‘‘pathaviṃ pathavito saññatvā pathaviṃ maññatī’’tiādi (ma. ni. 1.2), ‘‘takkañca diṭṭhīsu pakappayitvā, saccaṃ musāti dvayadhammamāhū’’ti (su. ni. 892; mahāni. 121) ca. Balappattapapañcavasenevāyamatthavaṇṇanā katā, aṭṭhakathāyaṃ pana paridubbalavasena.

    จกฺขุรูปาทีหิ การเณหีติ จกฺขุวิญฺญาณผสฺสเวทนาสญฺญาวิตเกฺกหิ การณภูเตหิฯ อการณภูตานมฺปิ เตสํ อตฺถิตาย การณคฺคหณํฯ ปริญฺญาตา หิ เต อการณํฯ เตนาห ‘‘อปริญฺญาตการณ’’นฺติฯ ตีหิปิ ปริญฺญาหิ อปริญฺญาตวตฺถุกํฯ อภิภวนฺตีติ อโชฺฌตฺถรนฺติฯ สหชาตา โหนฺตีติ เอตฺถ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา เวทนากฺขโนฺธ อตฺถิ กุสโล’ติอาทิวจนโต เวทนาสญฺญา อสหชาตาปิ คเหตพฺพาฯ ยทิ เอวนฺติ ‘‘ปปเญฺจตี’’ติ เอตฺถ ยทิ ปญฺจทฺวารชวนสหชาตา ปปญฺจสงฺขา อธิเปฺปตา ตาสํ ปจฺจุปฺปนฺนวิสยตฺตา, กสฺมา อตีตานาคตคฺคหณํ กตนฺติ โจเทติฯ อิตโร ‘‘ตถา อุปฺปชฺชนโต’’ติอาทินา ปริหรติฯ ตตฺถ ตถา อุปฺปชฺชนโตติ ยถา วตฺตมานกาเล, เอวํ อตีตกาเล อนาคตกาเล จ จกฺขุทฺวาเร ปปญฺจสงฺขานํ อุปฺปชฺชนโต อตีตานาคตคฺคหณํ กตํ, น อตีเตสุ, อนาคเตสุ วา จกฺขุรูเปสุ จกฺขุทฺวาริกานํ ตาสํ อุปฺปชฺชนโตฯ

    Cakkhurūpādīhi kāraṇehīti cakkhuviññāṇaphassavedanāsaññāvitakkehi kāraṇabhūtehi. Akāraṇabhūtānampi tesaṃ atthitāya kāraṇaggahaṇaṃ. Pariññātā hi te akāraṇaṃ. Tenāha ‘‘apariññātakāraṇa’’nti. Tīhipi pariññāhi apariññātavatthukaṃ. Abhibhavantīti ajjhottharanti. Sahajātā hontīti ettha ‘‘cakkhusamphassapaccayā vedanākkhandho atthi kusalo’tiādivacanato vedanāsaññā asahajātāpi gahetabbā. Yadi evanti ‘‘papañcetī’’ti ettha yadi pañcadvārajavanasahajātā papañcasaṅkhā adhippetā tāsaṃ paccuppannavisayattā, kasmā atītānāgataggahaṇaṃkatanti codeti. Itaro ‘‘tathā uppajjanato’’tiādinā pariharati. Tattha tathā uppajjanatoti yathā vattamānakāle, evaṃ atītakāle anāgatakāle ca cakkhudvāre papañcasaṅkhānaṃ uppajjanato atītānāgataggahaṇaṃ kataṃ, na atītesu, anāgatesu vā cakkhurūpesu cakkhudvārikānaṃ tāsaṃ uppajjanato.

    มนญฺชาวุโส, ปฎิจฺจาติ เอตฺถ ทุวิธํ มนํ เกวลํ ภวงฺคํ, สาวชฺชนํ วาฯ ทุวิธา หิ กถาฯ อุปฺปตฺติทฺวารกถายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ จลิตํ ภวงฺคํ มโนทฺวารํ นาม, จกฺขาทิ วิย รูปาทินา เยน ตํ ฆฎฺฎิตํ ตตฺถ อุปริ วิญฺญาณุปฺปตฺติยา ทฺวารภาวโตฯ ปจฺจยกถายํ สาวชฺชนภวงฺคํ, ‘‘มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อตฺถิ กุสโล’’ติอาทีสุ หิ สาวชฺชนมโนสมฺผโสฺส อิจฺฉิโต, น ภวงฺคมโนสมฺผโสฺส อสมฺภวโตฯ ตตฺถ ปฐมนยํ สนฺธายาห ‘‘มนนฺติ ภวงฺคจิตฺต’’นฺติฯ ธเมฺมติ เตภูมกธมฺมารมฺมณนฺติ อิมินา สภาวธเมฺมสุ เอว กิเลสุปฺปตฺตีติ เกจิ, ตทยุตฺตํ ตทุปาทานายปิ ปญฺญตฺติยา ธมฺมารมฺมณตาย วุตฺตตฺตาฯ อิธ ปน เตภูมกาปิ ธมฺมา ลพฺภนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เตภูมกธมฺมารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํ, น ปญฺญตฺติยา อนารมฺมณตฺตาฯ เอวเญฺจตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ, อญฺญถา อกุสลจิตฺตุปฺปาทา อนารมฺมณา นาม สิยุํฯ อุปฺปตฺติทฺวารกถายํ จกฺขุวิญฺญาณาทิ วิย อาวชฺชนมฺปิ ทฺวารปกฺขิกเมวาติ วุตฺตํ ‘‘มโนวิญฺญาณนฺติ อาวชฺชนํ วา’’ติฯ ปจฺจยกถายํ ปน อาวชฺชนํ คหิตนฺติ ‘‘ชวนํ วา’’ติ วุตฺตํฯ นยทฺวเย ธมฺมานํ สหชาตวิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาวชฺชเน คหิเต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยุตฺตเมวาติ นิปฺปริยายโต ยุตฺตเมวฯ

    Manañjāvuso, paṭiccāti ettha duvidhaṃ manaṃ kevalaṃ bhavaṅgaṃ, sāvajjanaṃ vā. Duvidhā hi kathā. Uppattidvārakathāyaṃ dvikkhattuṃ calitaṃ bhavaṅgaṃ manodvāraṃ nāma, cakkhādi viya rūpādinā yena taṃ ghaṭṭitaṃ tattha upari viññāṇuppattiyā dvārabhāvato. Paccayakathāyaṃ sāvajjanabhavaṅgaṃ, ‘‘manosamphassapaccayā atthi kusalo’’tiādīsu hi sāvajjanamanosamphasso icchito, na bhavaṅgamanosamphasso asambhavato. Tattha paṭhamanayaṃ sandhāyāha ‘‘mananti bhavaṅgacitta’’nti. Dhammeti tebhūmakadhammārammaṇanti iminā sabhāvadhammesu eva kilesuppattīti keci, tadayuttaṃ tadupādānāyapi paññattiyā dhammārammaṇatāya vuttattā. Idha pana tebhūmakāpi dhammā labbhantīti dassanatthaṃ ‘‘tebhūmakadhammārammaṇa’’nti vuttaṃ, na paññattiyā anārammaṇattā. Evañcetaṃ sampaṭicchitabbaṃ, aññathā akusalacittuppādā anārammaṇā nāma siyuṃ. Uppattidvārakathāyaṃ cakkhuviññāṇādi viya āvajjanampi dvārapakkhikamevāti vuttaṃ ‘‘manoviññāṇanti āvajjanaṃ vā’’ti. Paccayakathāyaṃ pana āvajjanaṃ gahitanti ‘‘javanaṃ vā’’ti vuttaṃ. Nayadvaye dhammānaṃ sahajātavibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘āvajjanegahite’’tiādi vuttaṃ. Yuttamevāti nippariyāyato yuttameva.

    โส ยาว น ปจฺจยปฎิเวโธ สมฺภวติ, ตาว ปญฺญตฺติมุเขเนว สภาวธมฺมา ปญฺญายนฺติ ปเจฺจกํ อปญฺญาปเนติ อาห ‘‘ผโสฺส นาม เอโก ธโมฺม อุปฺปชฺชตี’’ติฯ เอวํ ผสฺสปญฺญตฺติํ ปญฺญเปสฺสตีติ ปญฺญเปตฺวา ตพฺพิสยทสฺสนํ ญาณํ อุปฺปาเทสฺสติฯ อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมิํ จกฺขุอาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ ผสฺสาทิกํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ โหติฯ ทฺวาทสายตนวเสนาติ ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ วเสน อาคเตน ปฎิจฺจสมุปฺปาทนยวเสนฯ ทฺวาทสายตนปฎิเกฺขปวเสนาติ ‘‘อิมสฺมิํ อสติ อิทํ น โหตี’’ติ ปจฺจยาภาวปจฺจยุปฺปนฺนาภาวทสฺสนกฺกเม ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ ปฎิเกฺขปวเสนฯ

    So yāva na paccayapaṭivedho sambhavati, tāva paññattimukheneva sabhāvadhammā paññāyanti paccekaṃ apaññāpaneti āha ‘‘phasso nāma eko dhammo uppajjatī’’ti. Evaṃ phassapaññattiṃ paññapessatīti paññapetvā tabbisayadassanaṃ ñāṇaṃ uppādessati. Imasmiṃ sati idaṃ hotīti imasmiṃ cakkhuādike paccaye sati idaṃ phassādikaṃ paccayuppannaṃ hoti. Dvādasāyatanavasenāti dvādasannaṃ āyatanānaṃ vasena āgatena paṭiccasamuppādanayavasena. Dvādasāyatanapaṭikkhepavasenāti ‘‘imasmiṃ asati idaṃ na hotī’’ti paccayābhāvapaccayuppannābhāvadassanakkame dvādasannaṃ āyatanānaṃ paṭikkhepavasena.

    สาวเกน ปโญฺห กถิโตติ อยํ ปโญฺห สาวเกน กถิโต, อิติ อิมินา การเณน มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถฯ อถ วา สํขิเตฺตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรน วิภชเนฺตน เอตทเคฺค ฐปิเตน มหาสาวเกน ปโญฺห กถิโตติ อิมินา การเณน เอตสฺมิํ ปเญฺห มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถ, เหรญฺญิเก สติ กหาปณํ สยํ นิจฺฉินนฺตา วิย อหุตฺวา ภควโต เอว สนฺติเก นิกฺกงฺขา โหถฯ

    Sāvakena pañho kathitoti ayaṃ pañho sāvakena kathito, iti iminā kāraṇena mā nikkaṅkhā ahuvattha. Atha vā saṃkhittena vuttamatthaṃ vitthārena vibhajantena etadagge ṭhapitena mahāsāvakena pañho kathitoti iminā kāraṇena etasmiṃ pañhe mā nikkaṅkhā ahuvattha, heraññike sati kahāpaṇaṃ sayaṃ nicchinantā viya ahutvā bhagavato eva santike nikkaṅkhā hotha.

    ๒๐๕. อากโรนฺติ ผลํ ตาย ตาย มริยาทาย นิพฺพเตฺตนฺตีติ อาการา, การณานิฯ ปาฎิเยกฺกการเณหีติ ฉนฺนํ ทฺวารานํ วเสน วิสุํ วิสุํ ปปญฺจการณสฺส นิทฺทิฎฺฐตฺตา วุตฺตํฯ อถ วา ยทิปิ ยตฺตเกหิ ธเมฺมหิ ยํ ผลํ นิพฺพตฺตติ, เตสํ สมุทิตานํเยว การณภาโว สามคฺคิยาว ผลุปฺปตฺติโต, ตถาปิ ปเจฺจกํ ตสฺส การณเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปาฎิเยกฺกการเณหี’’ติฯ ปเทหีติ นามาทิปเทหิ เจว ตํสมุทายภูเตหิ วาเกฺยหิ จฯ เตนาห ‘‘อกฺขรสมฺปิณฺฑเนหี’’ติฯ อกฺขรานิเยว หิ อเตฺถสุ ยถาวจฺจํ ปทวากฺยภาเวน ปริจฺฉิชฺชนฺติฯ พฺยญฺชเนหีติ อตฺถสฺส อภิพฺยญฺชนโต พฺยญฺชนสญฺญิเตหิ วเณฺณหิฯ ตานิ ปน ยสฺมา ปริยายสฺส อกฺขรณโต ‘‘อกฺขรานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อกฺขเรหี’’ติฯ เอตฺถ จ อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปทพฺยญฺชเนหิ ปปญฺจสมุทาจารสฺส วฎฺฎสฺส จ วิวฎฺฎสฺส จ ทสฺสนอโตฺถ วิภโตฺตติ โยชนาฯ ปณฺฑิเจฺจนาติ ปญฺญายฯ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, ปณฺฑิโต โหติ ? ยโต โข ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) อาทิสุตฺตปทวเสน ปณฺฑิตลกฺขณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตูหิ วา การเณหี’’ติอาทิมาหฯ สจฺจปฎิเวธวเสน ปณฺฑิจฺจํ ทสฺสิตนฺติ ปฎิสมฺภิทาวเสน มหาปญฺญตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มหเนฺต อเตฺถ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    205. Ākaronti phalaṃ tāya tāya mariyādāya nibbattentīti ākārā, kāraṇāni. Pāṭiyekkakāraṇehīti channaṃ dvārānaṃ vasena visuṃ visuṃ papañcakāraṇassa niddiṭṭhattā vuttaṃ. Atha vā yadipi yattakehi dhammehi yaṃ phalaṃ nibbattati, tesaṃ samuditānaṃyeva kāraṇabhāvo sāmaggiyāva phaluppattito, tathāpi paccekaṃ tassa kāraṇamevāti katvā vuttaṃ ‘‘pāṭiyekkakāraṇehī’’ti. Padehīti nāmādipadehi ceva taṃsamudāyabhūtehi vākyehi ca. Tenāha ‘‘akkharasampiṇḍanehī’’ti. Akkharāniyeva hi atthesu yathāvaccaṃ padavākyabhāvena paricchijjanti. Byañjanehīti atthassa abhibyañjanato byañjanasaññitehi vaṇṇehi. Tāni pana yasmā pariyāyassa akkharaṇato ‘‘akkharānī’’ti vuccanti, tasmā āha ‘‘akkharehī’’ti. Ettha ca imehi ākārehi imehi padabyañjanehi papañcasamudācārassa vaṭṭassa ca vivaṭṭassa ca dassanaattho vibhattoti yojanā. Paṇḍiccenāti paññāya. ‘‘Kittāvatā nu kho, bhante, paṇḍito hoti ? Yato kho bhikkhu dhātukusalo ca hotī’’ti (ma. ni. 3.124) ādisuttapadavasena paṇḍitalakkhaṇaṃ dassento ‘‘catūhi vā kāraṇehī’’tiādimāha. Saccapaṭivedhavasena paṇḍiccaṃ dassitanti paṭisambhidāvasena mahāpaññataṃ dassetuṃ ‘‘mahante atthe’’tiādi vuttaṃ.

    คุฬปูวนฺติ คุเฬ มิสฺสิตฺวา กตปูวํฯ พทฺธสตฺตุคุฬกนฺติ มธุสกฺขราหิ ปิณฺฑีกตํ สตฺตุปิณฺฑํฯ อเสจิตพฺพกํ มธุอาทินา ปเคว เตหิ สมโยชิตพฺพตฺตาฯ จินฺตกชาติโกติ ธมฺมจินฺตาย จินฺตกสภาโวฯ สพฺพญฺญุตญฺญาเณเนวสฺสาติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณเนว อสฺส สุตฺตสฺส คุณํ ปริจฺฉินฺทาเปตฺวา นามํ คณฺหาเปสฺสามิฯ

    Guḷapūvanti guḷe missitvā katapūvaṃ. Baddhasattuguḷakanti madhusakkharāhi piṇḍīkataṃ sattupiṇḍaṃ. Asecitabbakaṃ madhuādinā pageva tehi samayojitabbattā. Cintakajātikoti dhammacintāya cintakasabhāvo. Sabbaññutaññāṇenevassāti sabbaññutaññāṇeneva assa suttassa guṇaṃ paricchindāpetvā nāmaṃ gaṇhāpessāmi.

    มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Madhupiṇḍikasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ • 8. Madhupiṇḍikasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา • 8. Madhupiṇḍikasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact