Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๕. มาคณฺฑิยสุตฺตํ
5. Māgaṇḍiyasuttaṃ
๒๐๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม, ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารเก 1ฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน อญฺญตโร วนสโณฺฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ ตํ วนสณฺฑํ อโชฺฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ อถ โข มาคณฺฑิโย 2 ปริพฺพาชโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคารํ เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารกํ ปญฺญตฺตํฯ ทิสฺวาน ภารทฺวาชโคตฺตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นฺวยํ โภโต ภารทฺวาชสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารโก ปญฺญโตฺต, สมณเสยฺยานุรูปํ 3 มเญฺญ’’ติ? ‘‘อตฺถิ, โภ มาคณฺฑิย, สมโณ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ ตเสฺสสา โภโต โคตมสฺส เสยฺยา ปญฺญตฺตา’’ติฯ ‘‘ทุทฺทิฎฺฐํ วต, โภ ภารทฺวาช, อทฺทสาม; ทุทฺทิฎฺฐํ วต, โภ ภารทฺวาช, อทฺทสาม! เย มยํ ตสฺส โภโต โคตมสฺส ภูนหุโน 4 เสยฺยํ อทฺทสามา’’ติฯ ‘‘รกฺขเสฺสตํ, มาคณฺฑิย, วาจํ; รกฺขเสฺสตํ , มาคณฺฑิย, วาจํฯ พหู หิ ตสฺส โภโต โคตมสฺส ขตฺติยปณฺฑิตาปิ พฺราหฺมณปณฺฑิตาปิ คหปติปณฺฑิตาปิ สมณปณฺฑิตาปิ อภิปฺปสนฺนา วินีตา อริเย ญาเย ธเมฺม กุสเล’’ติฯ ‘‘สมฺมุขา เจปิ มยํ, โภ ภารทฺวาช, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ปเสฺสยฺยาม, สมฺมุขาปิ นํ วเทยฺยาม – ‘ภูนหุ 5 สมโณ โคตโม’ติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวญฺหิ โน สุเตฺต โอจรตี’’ติฯ ‘‘สเจ ตํ โภโต มาคณฺฑิยสฺส อครุ อาโรเจยฺยามิ ตํ 6 สมณสฺส โคตมสฺสา’’ติฯ ‘‘อโปฺปสฺสุโกฺก ภวํ ภารทฺวาโช วุโตฺตว นํ วเทยฺยา’’ติฯ
207. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kurūsu viharati kammāsadhammaṃ nāma kurūnaṃ nigamo, bhāradvājagottassa brāhmaṇassa agyāgāre tiṇasanthārake 7. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kammāsadhammaṃ piṇḍāya pāvisi. Kammāsadhammaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena aññataro vanasaṇḍo tenupasaṅkami divāvihārāya. Taṃ vanasaṇḍaṃ ajjhogāhetvā aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi. Atha kho māgaṇḍiyo 8 paribbājako jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno yena bhāradvājagottassa brāhmaṇassa agyāgāraṃ tenupasaṅkami. Addasā kho māgaṇḍiyo paribbājako bhāradvājagottassa brāhmaṇassa agyāgāre tiṇasanthārakaṃ paññattaṃ. Disvāna bhāradvājagottaṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘‘kassa nvayaṃ bhoto bhāradvājassa agyāgāre tiṇasanthārako paññatto, samaṇaseyyānurūpaṃ 9 maññe’’ti? ‘‘Atthi, bho māgaṇḍiya, samaṇo gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Tassesā bhoto gotamassa seyyā paññattā’’ti. ‘‘Duddiṭṭhaṃ vata, bho bhāradvāja, addasāma; duddiṭṭhaṃ vata, bho bhāradvāja, addasāma! Ye mayaṃ tassa bhoto gotamassa bhūnahuno 10 seyyaṃ addasāmā’’ti. ‘‘Rakkhassetaṃ, māgaṇḍiya, vācaṃ; rakkhassetaṃ , māgaṇḍiya, vācaṃ. Bahū hi tassa bhoto gotamassa khattiyapaṇḍitāpi brāhmaṇapaṇḍitāpi gahapatipaṇḍitāpi samaṇapaṇḍitāpi abhippasannā vinītā ariye ñāye dhamme kusale’’ti. ‘‘Sammukhā cepi mayaṃ, bho bhāradvāja, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ passeyyāma, sammukhāpi naṃ vadeyyāma – ‘bhūnahu 11 samaṇo gotamo’ti. Taṃ kissa hetu? Evañhi no sutte ocaratī’’ti. ‘‘Sace taṃ bhoto māgaṇḍiyassa agaru āroceyyāmi taṃ 12 samaṇassa gotamassā’’ti. ‘‘Appossukko bhavaṃ bhāradvājo vuttova naṃ vadeyyā’’ti.
๒๐๘. อโสฺสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส มาคณฺฑิเยน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต ติณสนฺถารเกฯ อถ โข ภารทฺวาชโคโตฺต พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ภารทฺวาชโคตฺตํ พฺราหฺมณํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อหุ ปน เต, ภารทฺวาช, มาคณฺฑิเยน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ อิมํเยว ติณสนฺถารกํ อารพฺภ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? เอวํ วุเตฺต, ภารทฺวาชโคโตฺต พฺราหฺมโณ สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตเทว โข ปน มยํ โภโต โคตมสฺส อาโรเจตุกามาฯ อถ จ ปน ภวํ โคตโม อนกฺขาตํเยว อกฺขาสี’’ติฯ อยญฺจ หิ 13 ภควโต ภารทฺวาชโคเตฺตน พฺราหฺมเณน สทฺธิํ อนฺตรากถา วิปฺปกตา โหติฯ อถ โข มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคารํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มาคณฺฑิยํ ปริพฺพาชกํ ภควา เอตทโวจ –
208. Assosi kho bhagavā dibbāya sotadhātuyā visuddhāya atikkantamānusikāya bhāradvājagottassa brāhmaṇassa māgaṇḍiyena paribbājakena saddhiṃ imaṃ kathāsallāpaṃ. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena bhāradvājagottassa brāhmaṇassa agyāgāraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā nisīdi bhagavā paññatte tiṇasanthārake. Atha kho bhāradvājagotto brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho bhāradvājagottaṃ brāhmaṇaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘ahu pana te, bhāradvāja, māgaṇḍiyena paribbājakena saddhiṃ imaṃyeva tiṇasanthārakaṃ ārabbha kocideva kathāsallāpo’’ti? Evaṃ vutte, bhāradvājagotto brāhmaṇo saṃviggo lomahaṭṭhajāto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘etadeva kho pana mayaṃ bhoto gotamassa ārocetukāmā. Atha ca pana bhavaṃ gotamo anakkhātaṃyeva akkhāsī’’ti. Ayañca hi 14 bhagavato bhāradvājagottena brāhmaṇena saddhiṃ antarākathā vippakatā hoti. Atha kho māgaṇḍiyo paribbājako jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno yena bhāradvājagottassa brāhmaṇassa agyāgāraṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho māgaṇḍiyaṃ paribbājakaṃ bhagavā etadavoca –
๒๐๙. ‘‘จกฺขุํ โข, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมฺมุทิตํฯ ตํ ตถาคตสฺส ทนฺตํ คุตฺตํ รกฺขิตํ สํวุตํ, ตสฺส จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติฯ อิทํ นุ เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’’’ติ? ‘‘เอตเทว โข ปน เม, โภ โคตม, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวญฺหิ โน สุเตฺต โอจรตี’’ติฯ ‘‘โสตํ โข, มาคณฺฑิย, สทฺทารามํ…เป.… ฆานํ.๒๐๒๗๓ โข, มาคณฺฑิย คนฺธารามํ… ชิวฺหา โข, มาคณฺฑิย, รสารามา รสรตา รสสมฺมุทิตาฯ สา ตถาคตสฺส ทนฺตา คุตฺตา รกฺขิตา สํวุตา, ตสฺสา จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติฯ อิทํ นุ เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’’’ติ? ‘‘เอตเทว โข ปน เม, โภ โคตม, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวญฺหิ โน สุเตฺต โอจรตี’’ติฯ ‘‘กาโย โข, มาคณฺฑิย, โผฎฺฐพฺพาราโม โผฎฺฐพฺพรโต…เป.… มโน โข, มาคณฺฑิย, ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธมฺมสมฺมุทิโตฯ โส ตถาคตสฺส ทโนฺต คุโตฺต รกฺขิโต สํวุโต, ตสฺส จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติฯ อิทํ นุ เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’’’ติ? ‘‘เอตเทว โข ปน เม, โภ โคตม, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวญฺหิ โน สุเตฺต โอจรตี’’ติฯ
209. ‘‘Cakkhuṃ kho, māgaṇḍiya, rūpārāmaṃ rūparataṃ rūpasammuditaṃ. Taṃ tathāgatassa dantaṃ guttaṃ rakkhitaṃ saṃvutaṃ, tassa ca saṃvarāya dhammaṃ deseti. Idaṃ nu te etaṃ, māgaṇḍiya, sandhāya bhāsitaṃ – ‘bhūnahu samaṇo gotamo’’’ti? ‘‘Etadeva kho pana me, bho gotama, sandhāya bhāsitaṃ – ‘bhūnahu samaṇo gotamo’ti. Taṃ kissa hetu? Evañhi no sutte ocaratī’’ti. ‘‘Sotaṃ kho, māgaṇḍiya, saddārāmaṃ…pe… ghānaṃ.20273 kho, māgaṇḍiya gandhārāmaṃ… jivhā kho, māgaṇḍiya, rasārāmā rasaratā rasasammuditā. Sā tathāgatassa dantā guttā rakkhitā saṃvutā, tassā ca saṃvarāya dhammaṃ deseti. Idaṃ nu te etaṃ, māgaṇḍiya, sandhāya bhāsitaṃ – ‘bhūnahu samaṇo gotamo’’’ti? ‘‘Etadeva kho pana me, bho gotama, sandhāya bhāsitaṃ – ‘bhūnahu samaṇo gotamo’ti. Taṃ kissa hetu? Evañhi no sutte ocaratī’’ti. ‘‘Kāyo kho, māgaṇḍiya, phoṭṭhabbārāmo phoṭṭhabbarato…pe… mano kho, māgaṇḍiya, dhammārāmo dhammarato dhammasammudito. So tathāgatassa danto gutto rakkhito saṃvuto, tassa ca saṃvarāya dhammaṃ deseti. Idaṃ nu te etaṃ, māgaṇḍiya, sandhāya bhāsitaṃ – ‘bhūnahu samaṇo gotamo’’’ti? ‘‘Etadeva kho pana me, bho gotama, sandhāya bhāsitaṃ – ‘bhūnahu samaṇo gotamo’ti. Taṃ kissa hetu? Evañhi no sutte ocaratī’’ti.
๒๑๐. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย – ‘อิเธกโจฺจ จกฺขุวิเญฺญเยฺยหิ รูเปหิ ปริจาริตปุโพฺพ อสฺส อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โส อปเรน สมเยน รูปานํเยว สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา รูปตณฺหํ ปหาย รูปปริฬาหํ ปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต วิหเรยฺยฯ อิมสฺส ปน เต, มาคณฺฑิย, กิมสฺส วจนีย’’’นฺติ? ‘‘น กิญฺจิ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย – ‘อิเธกโจฺจ โสตวิเญฺญเยฺยหิ สเทฺทหิ…เป.… ฆานวิเญฺญเยฺยหิ คเนฺธหิ… ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยหิ รเสหิ… กายวิเญฺญเยฺยหิ โผฎฺฐเพฺพหิ ปริจาริตปุโพฺพ อสฺส อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โส อปเรน สมเยน โผฎฺฐพฺพานํเยว สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา โผฎฺฐพฺพตณฺหํ ปหาย โผฎฺฐพฺพปริฬาหํ ปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต วิหเรยฺยฯ อิมสฺส ปน เต, มาคณฺฑิย, กิมสฺส วจนีย’’’นฺติ? ‘‘น กิญฺจิ, โภ โคตม’’ฯ
210. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya – ‘idhekacco cakkhuviññeyyehi rūpehi paricāritapubbo assa iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi, so aparena samayena rūpānaṃyeva samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā rūpataṇhaṃ pahāya rūpapariḷāhaṃ paṭivinodetvā vigatapipāso ajjhattaṃ vūpasantacitto vihareyya. Imassa pana te, māgaṇḍiya, kimassa vacanīya’’’nti? ‘‘Na kiñci, bho gotama’’. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya – ‘idhekacco sotaviññeyyehi saddehi…pe… ghānaviññeyyehi gandhehi… jivhāviññeyyehi rasehi… kāyaviññeyyehi phoṭṭhabbehi paricāritapubbo assa iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi, so aparena samayena phoṭṭhabbānaṃyeva samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā phoṭṭhabbataṇhaṃ pahāya phoṭṭhabbapariḷāhaṃ paṭivinodetvā vigatapipāso ajjhattaṃ vūpasantacitto vihareyya. Imassa pana te, māgaṇḍiya, kimassa vacanīya’’’nti? ‘‘Na kiñci, bho gotama’’.
๒๑๑. ‘‘อหํ โข ปน, มาคณฺฑิย, ปุเพฺพ อคาริยภูโต สมาโน ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิํ จกฺขุวิเญฺญเยฺยหิ รูเปหิ อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โสตวิเญฺญเยฺยหิ สเทฺทหิ…เป.… ฆานวิเญฺญเยฺยหิ คเนฺธหิ… ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยหิ รเสหิ… กายวิเญฺญเยฺยหิ โผฎฺฐเพฺพหิ อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิฯ ตสฺส มยฺหํ, มาคณฺฑิย, ตโย ปาสาทา อเหสุํ – เอโก วสฺสิโก, เอโก เหมนฺติโก, เอโก คิมฺหิโกฯ โส โข อหํ, มาคณฺฑิย, วสฺสิเก ปาสาเท วสฺสิเก จตฺตาโร 15 มาเส นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ 16 ปริจารยมาโน 17 น เหฎฺฐาปาสาทํ โอโรหามิฯ โส อปเรน สมเยน กามานํเยว สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต วิหรามิฯ โส อเญฺญ สเตฺต ปสฺสามิ กาเมสุ อวีตราเค กามตณฺหาหิ ขชฺชมาเน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาเน กาเม ปฎิเสวเนฺตฯ โส เตสํ น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิ ฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยาหยํ, มาคณฺฑิย, รติ, อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ – อปิ ทิพฺพํ สุขํ สมธิคยฺห ติฎฺฐติ – ตาย รติยา รมมาโน หีนสฺส น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิฯ
211. ‘‘Ahaṃ kho pana, māgaṇḍiya, pubbe agāriyabhūto samāno pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāresiṃ cakkhuviññeyyehi rūpehi iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi, sotaviññeyyehi saddehi…pe… ghānaviññeyyehi gandhehi… jivhāviññeyyehi rasehi… kāyaviññeyyehi phoṭṭhabbehi iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi. Tassa mayhaṃ, māgaṇḍiya, tayo pāsādā ahesuṃ – eko vassiko, eko hemantiko, eko gimhiko. So kho ahaṃ, māgaṇḍiya, vassike pāsāde vassike cattāro 18 māse nippurisehi tūriyehi 19 paricārayamāno 20 na heṭṭhāpāsādaṃ orohāmi. So aparena samayena kāmānaṃyeva samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā kāmataṇhaṃ pahāya kāmapariḷāhaṃ paṭivinodetvā vigatapipāso ajjhattaṃ vūpasantacitto viharāmi. So aññe satte passāmi kāmesu avītarāge kāmataṇhāhi khajjamāne kāmapariḷāhena pariḍayhamāne kāme paṭisevante. So tesaṃ na pihemi, na tattha abhiramāmi . Taṃ kissa hetu? Yāhayaṃ, māgaṇḍiya, rati, aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi – api dibbaṃ sukhaṃ samadhigayha tiṭṭhati – tāya ratiyā ramamāno hīnassa na pihemi, na tattha abhiramāmi.
๒๑๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรยฺย จกฺขุวิเญฺญเยฺยหิ รูเปหิ…เป.… โผฎฺฐเพฺพหิ อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิฯ โส กาเยน สุจริตํ จริตฺวา วาจาย สุจริตํ จริตฺวา มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺย เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํฯ โส ตตฺถ นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิเพฺพหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรยฺยฯ โส ปเสฺสยฺย คหปติํ วา คหปติปุตฺตํ วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํฯ
212. ‘‘Seyyathāpi, māgaṇḍiya, gahapati vā gahapatiputto vā aḍḍho mahaddhano mahābhogo pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreyya cakkhuviññeyyehi rūpehi…pe… phoṭṭhabbehi iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi. So kāyena sucaritaṃ caritvā vācāya sucaritaṃ caritvā manasā sucaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyya devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sahabyataṃ. So tattha nandane vane accharāsaṅghaparivuto dibbehi pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreyya. So passeyya gahapatiṃ vā gahapatiputtaṃ vā pañcahi kāmaguṇehi samappitaṃ samaṅgībhūtaṃ paricārayamānaṃ.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส เทวปุโตฺต นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิเพฺพหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจารยมาโน อมุสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา ปิเหยฺย, มานุสกานํ วา ปญฺจนฺนํ กามคุณานํ มานุสเกหิ วา กาเมหิ อาวเฎฺฎยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ตํ กิสฺส เหตุ? มานุสเกหิ, โภ โคตม, กาเมหิ ทิพฺพกามา อภิกฺกนฺตตรา จ ปณีตตรา จา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข อหํ, มาคณฺฑิย, ปุเพฺพ อคาริยภูโต สมาโน ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิํ จกฺขุวิเญฺญเยฺยหิ รูเปหิ อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โสตวิเญฺญเยฺยหิ สเทฺทหิ…เป.… ฆานวิเญฺญเยฺยหิ คเนฺธหิ… ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยหิ รเสหิ… กายวิเญฺญเยฺยหิ โผฎฺฐเพฺพหิ อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิฯ โส อปเรน สมเยน กามานํเยว สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต วิหรามิฯ โส อเญฺญ สเตฺต ปสฺสามิ กาเมสุ อวีตราเค กามตณฺหาหิ ขชฺชมาเน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาเน กาเม ปฎิเสวเนฺต, โส เตสํ น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยาหยํ, มาคณฺฑิย, รติ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ – อปิ ทิพฺพํ สุขํ สมธิคยฺห ติฎฺฐติ – ตาย รติยา รมมาโน หีนสฺส น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya, api nu so devaputto nandane vane accharāsaṅghaparivuto dibbehi pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricārayamāno amussa gahapatissa vā gahapatiputtassa vā piheyya, mānusakānaṃ vā pañcannaṃ kāmaguṇānaṃ mānusakehi vā kāmehi āvaṭṭeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. Taṃ kissa hetu? Mānusakehi, bho gotama, kāmehi dibbakāmā abhikkantatarā ca paṇītatarā cā’’ti. ‘‘Evameva kho ahaṃ, māgaṇḍiya, pubbe agāriyabhūto samāno pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāresiṃ cakkhuviññeyyehi rūpehi iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi, sotaviññeyyehi saddehi…pe… ghānaviññeyyehi gandhehi… jivhāviññeyyehi rasehi… kāyaviññeyyehi phoṭṭhabbehi iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi. So aparena samayena kāmānaṃyeva samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā kāmataṇhaṃ pahāya kāmapariḷāhaṃ paṭivinodetvā vigatapipāso ajjhattaṃ vūpasantacitto viharāmi. So aññe satte passāmi kāmesu avītarāge kāmataṇhāhi khajjamāne kāmapariḷāhena pariḍayhamāne kāme paṭisevante, so tesaṃ na pihemi, na tattha abhiramāmi. Taṃ kissa hetu? Yāhayaṃ, māgaṇḍiya, rati aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi – api dibbaṃ sukhaṃ samadhigayha tiṭṭhati – tāya ratiyā ramamāno hīnassa na pihemi, na tattha abhiramāmi.
๒๑๓. ‘‘เสยฺยถาปิ , มาคณฺฑิย, กุฎฺฐี ปุริโส อรุคโตฺต ปกฺกคโตฺต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปยฺยฯ ตสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฎฺฐาเปยฺยุํฯ ตสฺส โส ภิสโกฺก สลฺลกโตฺต เภสชฺชํ กเรยฺยฯ โส ตํ เภสชฺชํ อาคมฺม กุเฎฺฐหิ ปริมุเจฺจยฺย, อโรโค อสฺส สุขี เสรี สยํวสี เยน กามํ คโมฯ โส อญฺญํ กุฎฺฐิํ ปุริสํ ปเสฺสยฺย อรุคตฺตํ ปกฺกคตฺตํ กิมีหิ ขชฺชมานํ นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมานํ องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปนฺตํฯ
213. ‘‘Seyyathāpi , māgaṇḍiya, kuṭṭhī puriso arugatto pakkagatto kimīhi khajjamāno nakhehi vaṇamukhāni vippatacchamāno aṅgārakāsuyā kāyaṃ paritāpeyya. Tassa mittāmaccā ñātisālohitā bhisakkaṃ sallakattaṃ upaṭṭhāpeyyuṃ. Tassa so bhisakko sallakatto bhesajjaṃ kareyya. So taṃ bhesajjaṃ āgamma kuṭṭhehi parimucceyya, arogo assa sukhī serī sayaṃvasī yena kāmaṃ gamo. So aññaṃ kuṭṭhiṃ purisaṃ passeyya arugattaṃ pakkagattaṃ kimīhi khajjamānaṃ nakhehi vaṇamukhāni vippatacchamānaṃ aṅgārakāsuyā kāyaṃ paritāpentaṃ.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส ปุริโส อมุสฺส กุฎฺฐิสฺส ปุริสสฺส ปิเหยฺย องฺคารกาสุยา วา เภสชฺชํ ปฎิเสวนาย วา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตมฯ ตํ กิสฺส เหตุ? โรเค หิ, โภ โคตม, สติ เภสเชฺชน กรณียํ โหติ, โรเค อสติ น เภสเชฺชน กรณียํ โหตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข อหํ, มาคณฺฑิย, ปุเพฺพ อคาริยภูโต สมาโน ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิํ, จกฺขุวิเญฺญเยฺยหิ รูเปหิ อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โสตวิเญฺญเยฺยหิ สเทฺทหิ…เป.… ฆานวิเญฺญเยฺยหิ คเนฺธหิ… ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยหิ รเสหิ… กายวิเญฺญเยฺยหิ โผฎฺฐเพฺพหิ อิเฎฺฐหิ กเนฺตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิฯ โส อปเรน สมเยน กามานํเยว สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต วิหรามิฯ โส อเญฺญ สเตฺต ปสฺสามิ กาเมสุ อวีตราเค กามตณฺหาหิ ขชฺชมาเน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาเน กาเม ปฎิเสวเนฺตฯ โส เตสํ น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยาหยํ, มาคณฺฑิย, รติ, อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหิ – อปิ ทิพฺพํ สุขํ สมธิคยฺห ติฎฺฐติ – ตาย รติยา รมมาโน หีนสฺส น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya, api nu so puriso amussa kuṭṭhissa purisassa piheyya aṅgārakāsuyā vā bhesajjaṃ paṭisevanāya vā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama. Taṃ kissa hetu? Roge hi, bho gotama, sati bhesajjena karaṇīyaṃ hoti, roge asati na bhesajjena karaṇīyaṃ hotī’’ti. ‘‘Evameva kho ahaṃ, māgaṇḍiya, pubbe agāriyabhūto samāno pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāresiṃ, cakkhuviññeyyehi rūpehi iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi, sotaviññeyyehi saddehi…pe… ghānaviññeyyehi gandhehi… jivhāviññeyyehi rasehi… kāyaviññeyyehi phoṭṭhabbehi iṭṭhehi kantehi manāpehi piyarūpehi kāmūpasaṃhitehi rajanīyehi. So aparena samayena kāmānaṃyeva samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā kāmataṇhaṃ pahāya kāmapariḷāhaṃ paṭivinodetvā vigatapipāso ajjhattaṃ vūpasantacitto viharāmi. So aññe satte passāmi kāmesu avītarāge kāmataṇhāhi khajjamāne kāmapariḷāhena pariḍayhamāne kāme paṭisevante. So tesaṃ na pihemi, na tattha abhiramāmi. Taṃ kissa hetu? Yāhayaṃ, māgaṇḍiya, rati, aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehi – api dibbaṃ sukhaṃ samadhigayha tiṭṭhati – tāya ratiyā ramamāno hīnassa na pihemi, na tattha abhiramāmi.
๒๑๔. ‘‘เสยฺยถาปิ , มาคณฺฑิย, กุฎฺฐี ปุริโส อรุคโตฺต ปกฺกคโตฺต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปยฺยฯ ตสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฎฺฐาเปยฺยุํฯ ตสฺส โส ภิสโกฺก สลฺลกโตฺต เภสชฺชํ กเรยฺยฯ โส ตํ เภสชฺชํ อาคมฺม กุเฎฺฐหิ ปริมุเจฺจยฺย, อโรโค อสฺส สุขี เสรี สยํวสี เยน กามํ คโมฯ ตเมนํ เทฺว พลวโนฺต ปุริสา นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกเฑฺฒยฺยุํฯ
214. ‘‘Seyyathāpi , māgaṇḍiya, kuṭṭhī puriso arugatto pakkagatto kimīhi khajjamāno nakhehi vaṇamukhāni vippatacchamāno aṅgārakāsuyā kāyaṃ paritāpeyya. Tassa mittāmaccā ñātisālohitā bhisakkaṃ sallakattaṃ upaṭṭhāpeyyuṃ. Tassa so bhisakko sallakatto bhesajjaṃ kareyya. So taṃ bhesajjaṃ āgamma kuṭṭhehi parimucceyya, arogo assa sukhī serī sayaṃvasī yena kāmaṃ gamo. Tamenaṃ dve balavanto purisā nānābāhāsu gahetvā aṅgārakāsuṃ upakaḍḍheyyuṃ.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส ปุริโส อิติ จิติเจว กายํ สนฺนาเมยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ ทุกฺขสมฺผโสฺส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย, อิทาเนว นุ โข โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผโสฺส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จ อุทาหุ ปุเพฺพปิ โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผโสฺส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จา’’ติ ? ‘‘อิทานิ เจว, โภ โคตม, โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผโสฺส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จ, ปุเพฺพปิ โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผโสฺส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จฯ อสุ จ 21, โภ โคตม, กุฎฺฐี ปุริโส อรุคโตฺต ปกฺกคโตฺต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน อุปหตินฺทฺริโย ทุกฺขสมฺผเสฺสเยว อคฺคิสฺมิํ สุขมิติ วิปรีตสญฺญํ ปจฺจลตฺถา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อตีตมฺปิ อทฺธานํ กามา ทุกฺขสมฺผสฺสา เจว มหาภิตาปา จ มหาปริฬาหา จ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ กามา ทุกฺขสมฺผสฺสา เจว มหาภิตาปา จ มหาปริฬาหา จ, เอตรหิปิ ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ กามา ทุกฺขสมฺผสฺสา เจว มหาภิตาปา จ มหาปริฬาหา จฯ อิเม จ, มาคณฺฑิย, สตฺตา กาเมสุ อวีตราคา กามตณฺหาหิ ขชฺชมานา กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมานา อุปหตินฺทฺริยา ทุกฺขสมฺผเสฺสสุเยว กาเมสุ สุขมิติ วิปรีตสญฺญํ ปจฺจลตฺถุํฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya, api nu so puriso iti citiceva kāyaṃ sannāmeyyā’’ti? ‘‘Evaṃ, bho gotama’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Asu hi, bho gotama, aggi dukkhasamphasso ceva mahābhitāpo ca mahāpariḷāho cā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya, idāneva nu kho so aggi dukkhasamphasso ceva mahābhitāpo ca mahāpariḷāho ca udāhu pubbepi so aggi dukkhasamphasso ceva mahābhitāpo ca mahāpariḷāho cā’’ti ? ‘‘Idāni ceva, bho gotama, so aggi dukkhasamphasso ceva mahābhitāpo ca mahāpariḷāho ca, pubbepi so aggi dukkhasamphasso ceva mahābhitāpo ca mahāpariḷāho ca. Asu ca 22, bho gotama, kuṭṭhī puriso arugatto pakkagatto kimīhi khajjamāno nakhehi vaṇamukhāni vippatacchamāno upahatindriyo dukkhasamphasseyeva aggismiṃ sukhamiti viparītasaññaṃ paccalatthā’’ti. ‘‘Evameva kho, māgaṇḍiya, atītampi addhānaṃ kāmā dukkhasamphassā ceva mahābhitāpā ca mahāpariḷāhā ca, anāgatampi addhānaṃ kāmā dukkhasamphassā ceva mahābhitāpā ca mahāpariḷāhā ca, etarahipi paccuppannaṃ addhānaṃ kāmā dukkhasamphassā ceva mahābhitāpā ca mahāpariḷāhā ca. Ime ca, māgaṇḍiya, sattā kāmesu avītarāgā kāmataṇhāhi khajjamānā kāmapariḷāhena pariḍayhamānā upahatindriyā dukkhasamphassesuyeva kāmesu sukhamiti viparītasaññaṃ paccalatthuṃ.
๒๑๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, กุฎฺฐี ปุริโส อรุคโตฺต ปกฺกคโตฺต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปติฯ ยถา ยถา โข, มาคณฺฑิย, อสุ กุฎฺฐี ปุริโส อรุคโตฺต ปกฺกคโตฺต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปติ ตถา ตถา’สฺส 23 ตานิ วณมุขานิ อสุจิตรานิ เจว โหนฺติ ทุคฺคนฺธตรานิ จ ปูติกตรานิ จ , โหติ เจว กาจิ สาตมตฺตา อสฺสาทมตฺตา – ยทิทํ วณมุขานํ กณฺฑูวนเหตุ; เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, สตฺตา กาเมสุ อวีตราคา กามตณฺหาหิ ขชฺชมานา กามปริฬาเหน จ ปริฑยฺหมานา กาเม ปฎิเสวนฺติฯ ยถา ยถา โข, มาคณฺฑิย, สตฺตา กาเมสุ อวีตราคา กามตณฺหาหิ ขชฺชมานา กามปริฬาเหน จ ปริฑยฺหมานา กาเม ปฎิเสวนฺติ ตถา ตถา เตสํ เตสํ สตฺตานํ กามตณฺหา เจว ปวฑฺฒติ, กามปริฬาเหน จ ปริฑยฺหนฺติ, โหติ เจว สาตมตฺตา อสฺสาทมตฺตา – ยทิทํ ปญฺจกามคุเณ ปฎิจฺจฯ
215. ‘‘Seyyathāpi, māgaṇḍiya, kuṭṭhī puriso arugatto pakkagatto kimīhi khajjamāno nakhehi vaṇamukhāni vippatacchamāno aṅgārakāsuyā kāyaṃ paritāpeti. Yathā yathā kho, māgaṇḍiya, asu kuṭṭhī puriso arugatto pakkagatto kimīhi khajjamāno nakhehi vaṇamukhāni vippatacchamāno aṅgārakāsuyā kāyaṃ paritāpeti tathā tathā’ssa 24 tāni vaṇamukhāni asucitarāni ceva honti duggandhatarāni ca pūtikatarāni ca , hoti ceva kāci sātamattā assādamattā – yadidaṃ vaṇamukhānaṃ kaṇḍūvanahetu; evameva kho, māgaṇḍiya, sattā kāmesu avītarāgā kāmataṇhāhi khajjamānā kāmapariḷāhena ca pariḍayhamānā kāme paṭisevanti. Yathā yathā kho, māgaṇḍiya, sattā kāmesu avītarāgā kāmataṇhāhi khajjamānā kāmapariḷāhena ca pariḍayhamānā kāme paṭisevanti tathā tathā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ kāmataṇhā ceva pavaḍḍhati, kāmapariḷāhena ca pariḍayhanti, hoti ceva sātamattā assādamattā – yadidaṃ pañcakāmaguṇe paṭicca.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ เต ทิโฎฺฐ วา สุโต วา ราชา วา ราชมหามโตฺต วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจารยมาโน กามตณฺหํ อปฺปหาย กามปริฬาหํ อปฺปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต วิหาสิ วา วิหรติ วา วิหริสฺสติ วา’’ติ ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘สาธุ, มาคณฺฑิย! มยาปิ โข เอตํ, มาคณฺฑิย, เนว ทิฎฺฐํ น สุตํ ราชา วา ราชมหามโตฺต วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจารยมาโน กามตณฺหํ อปฺปหาย กามปริฬาหํ อปฺปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต วิหาสิ วา วิหรติ วา วิหริสฺสติ วาฯ อถ โข, มาคณฺฑิย, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา วิคตปิปาสา อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺตา วิหาสุํ วา วิหรนฺติ วา วิหริสฺสนฺติ วา สเพฺพ เต กามานํเยว สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ปฎิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาสา อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺตา วิหาสุํ วา วิหรนฺติ วา วิหริสฺสนฺติ วา’’ติฯ อถ โข ภควา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya, api nu te diṭṭho vā suto vā rājā vā rājamahāmatto vā pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricārayamāno kāmataṇhaṃ appahāya kāmapariḷāhaṃ appaṭivinodetvā vigatapipāso ajjhattaṃ vūpasantacitto vihāsi vā viharati vā viharissati vā’’ti ? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Sādhu, māgaṇḍiya! Mayāpi kho etaṃ, māgaṇḍiya, neva diṭṭhaṃ na sutaṃ rājā vā rājamahāmatto vā pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricārayamāno kāmataṇhaṃ appahāya kāmapariḷāhaṃ appaṭivinodetvā vigatapipāso ajjhattaṃ vūpasantacitto vihāsi vā viharati vā viharissati vā. Atha kho, māgaṇḍiya, ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā vigatapipāsā ajjhattaṃ vūpasantacittā vihāsuṃ vā viharanti vā viharissanti vā sabbe te kāmānaṃyeva samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā kāmataṇhaṃ pahāya kāmapariḷāhaṃ paṭivinodetvā vigatapipāsā ajjhattaṃ vūpasantacittā vihāsuṃ vā viharanti vā viharissanti vā’’ti. Atha kho bhagavā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ;
‘‘Ārogyaparamā lābhā, nibbānaṃ paramaṃ sukhaṃ;
อฎฺฐงฺคิโก จ มคฺคานํ, เขมํ อมตคามิน’’นฺติฯ
Aṭṭhaṅgiko ca maggānaṃ, khemaṃ amatagāmina’’nti.
๒๑๖. เอวํ วุเตฺต, มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาว สุภาสิตํ จิทํ โภตา โคตเมน – ‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติฯ มยาปิ โข เอตํ, โภ โคตม, สุตํ ปุพฺพกานํ ปริพฺพาชกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติ; ตยิทํ, โภ โคตม, สเมตี’’ติฯ ‘‘ยํ ปน เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สุตํ ปุพฺพกานํ ปริพฺพาชกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติ, กตมํ ตํ อาโรคฺยํ, กตมํ ตํ นิพฺพาน’’นฺติ? เอวํ วุเตฺต, มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก สกาเนว สุทํ คตฺตานิ ปาณินา อโนมชฺชติ – ‘‘อิทนฺตํ, โภ โคตม, อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพานํฯ อหญฺหิ, โภ โคตม, เอตรหิ อโรโค สุขี, น มํ กิญฺจิ อาพาธตี’’ติฯ
216. Evaṃ vutte, māgaṇḍiyo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bho gotama, abbhutaṃ, bho gotama! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ bhotā gotamena – ‘ārogyaparamā lābhā, nibbānaṃ paramaṃ sukha’nti. Mayāpi kho etaṃ, bho gotama, sutaṃ pubbakānaṃ paribbājakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘ārogyaparamā lābhā, nibbānaṃ paramaṃ sukha’nti; tayidaṃ, bho gotama, sametī’’ti. ‘‘Yaṃ pana te etaṃ, māgaṇḍiya, sutaṃ pubbakānaṃ paribbājakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘ārogyaparamā lābhā, nibbānaṃ paramaṃ sukha’nti, katamaṃ taṃ ārogyaṃ, katamaṃ taṃ nibbāna’’nti? Evaṃ vutte, māgaṇḍiyo paribbājako sakāneva sudaṃ gattāni pāṇinā anomajjati – ‘‘idantaṃ, bho gotama, ārogyaṃ, idantaṃ nibbānaṃ. Ahañhi, bho gotama, etarahi arogo sukhī, na maṃ kiñci ābādhatī’’ti.
๒๑๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, ชจฺจโนฺธ ปุริโส; โส น ปเสฺสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย มญฺชิฎฺฐกานิ 25 รูปานิ, น ปเสฺสยฺย สมวิสมํ, น ปเสฺสยฺย ตารกรูปานิ, น ปเสฺสยฺย จนฺทิมสูริเยฯ โส สุเณยฺย จกฺขุมโต ภาสมานสฺส – ‘เฉกํ วต, โภ , โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ! โส โอทาตปริเยสนํ จเรยฺยฯ ตเมนํ อญฺญตโร ปุริโส เตลมลิกเตน สาหุฬิจีเรน 26 วเญฺจยฺย – ‘อิทํ เต, อโมฺภ ปุริส, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติฯ โส ตํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, ปฎิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺย, ปารุเปตฺวา อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรยฺย – ‘เฉกํ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ!
217. ‘‘Seyyathāpi, māgaṇḍiya, jaccandho puriso; so na passeyya kaṇhasukkāni rūpāni, na passeyya nīlakāni rūpāni, na passeyya pītakāni rūpāni, na passeyya lohitakāni rūpāni, na passeyya mañjiṭṭhakāni 27 rūpāni, na passeyya samavisamaṃ, na passeyya tārakarūpāni, na passeyya candimasūriye. So suṇeyya cakkhumato bhāsamānassa – ‘chekaṃ vata, bho , odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti! So odātapariyesanaṃ careyya. Tamenaṃ aññataro puriso telamalikatena sāhuḷicīrena 28 vañceyya – ‘idaṃ te, ambho purisa, odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti. So taṃ paṭiggaṇheyya, paṭiggahetvā pārupeyya, pārupetvā attamano attamanavācaṃ nicchāreyya – ‘chekaṃ vata, bho, odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti!
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส ชจฺจโนฺธ ปุริโส ชานโนฺต ปสฺสโนฺต อมุํ เตลมลิกตํ สาหุฬิจีรํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, ปฎิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺย, ปารุเปตฺวา อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรยฺย – ‘เฉกํ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ อุทาหุ จกฺขุมโต สทฺธายา’’ติ? ‘‘อชานโนฺต หิ, โภ โคตม, อปสฺสโนฺต โส ชจฺจโนฺธ ปุริโส อมุํ เตลมลิกตํ สาหุฬิจีรํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, ปฎิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺย, ปารุเปตฺวา อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรยฺย – ‘เฉกํ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ, จกฺขุมโต สทฺธายา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกา อชานนฺตา อาโรคฺยํ, อปสฺสนฺตา นิพฺพานํ , อถ จ ปนิมํ คาถํ ภาสนฺติ – ‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติฯ ปุพฺพเกเหสา, มาคณฺฑิย, อรหเนฺตหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ คาถา ภาสิตา –
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya, api nu so jaccandho puriso jānanto passanto amuṃ telamalikataṃ sāhuḷicīraṃ paṭiggaṇheyya, paṭiggahetvā pārupeyya, pārupetvā attamano attamanavācaṃ nicchāreyya – ‘chekaṃ vata, bho, odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti udāhu cakkhumato saddhāyā’’ti? ‘‘Ajānanto hi, bho gotama, apassanto so jaccandho puriso amuṃ telamalikataṃ sāhuḷicīraṃ paṭiggaṇheyya, paṭiggahetvā pārupeyya, pārupetvā attamano attamanavācaṃ nicchāreyya – ‘chekaṃ vata, bho, odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti, cakkhumato saddhāyā’’ti. ‘‘Evameva kho, māgaṇḍiya, aññatitthiyā paribbājakā andhā acakkhukā ajānantā ārogyaṃ, apassantā nibbānaṃ , atha ca panimaṃ gāthaṃ bhāsanti – ‘ārogyaparamā lābhā, nibbānaṃ paramaṃ sukha’nti. Pubbakehesā, māgaṇḍiya, arahantehi sammāsambuddhehi gāthā bhāsitā –
‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ;
‘Ārogyaparamā lābhā, nibbānaṃ paramaṃ sukhaṃ;
อฎฺฐงฺคิโก จ มคฺคานํ, เขมํ อมตคามิน’นฺติฯ
Aṭṭhaṅgiko ca maggānaṃ, khemaṃ amatagāmina’nti.
๒๑๘. ‘‘สา เอตรหิ อนุปุเพฺพน ปุถุชฺชนคาถา 29ฯ อยํ โข ปน, มาคณฺฑิย, กาโย โรคภูโต คณฺฑภูโต สลฺลภูโต อฆภูโต อาพาธภูโต, โส ตฺวํ อิมํ กายํ โรคภูตํ คณฺฑภูตํ สลฺลภูตํ อฆภูตํ อาพาธภูตํ – ‘อิทนฺตํ, โภ โคตม, อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพาน’นฺติ วเทสิฯ ตญฺหิ เต, มาคณฺฑิย, อริยํ จกฺขุํ นตฺถิ เยน ตฺวํ อริเยน จกฺขุนา อาโรคฺยํ ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานํ ปเสฺสยฺยาสี’’ติฯ ‘‘เอวํ ปสโนฺน อหํ โภโต โคตมสฺส! ปโหติ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อาโรคฺยํ ชาเนยฺยํ, นิพฺพานํ ปเสฺสยฺย’’นฺติฯ
218. ‘‘Sā etarahi anupubbena puthujjanagāthā 30. Ayaṃ kho pana, māgaṇḍiya, kāyo rogabhūto gaṇḍabhūto sallabhūto aghabhūto ābādhabhūto, so tvaṃ imaṃ kāyaṃ rogabhūtaṃ gaṇḍabhūtaṃ sallabhūtaṃ aghabhūtaṃ ābādhabhūtaṃ – ‘idantaṃ, bho gotama, ārogyaṃ, idantaṃ nibbāna’nti vadesi. Tañhi te, māgaṇḍiya, ariyaṃ cakkhuṃ natthi yena tvaṃ ariyena cakkhunā ārogyaṃ jāneyyāsi, nibbānaṃ passeyyāsī’’ti. ‘‘Evaṃ pasanno ahaṃ bhoto gotamassa! Pahoti me bhavaṃ gotamo tathā dhammaṃ desetuṃ yathāhaṃ ārogyaṃ jāneyyaṃ, nibbānaṃ passeyya’’nti.
๒๑๙. ‘‘เสยฺยถาปิ , มาคณฺฑิย, ชจฺจโนฺธ ปุริโส; โส น ปเสฺสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย มญฺชิฎฺฐกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย สมวิสมํ, น ปเสฺสยฺย ตารกรูปานิ, น ปเสฺสยฺย จนฺทิมสูริเยฯ ตสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฎฺฐาเปยฺยุํฯ ตสฺส โส ภิสโกฺก สลฺลกโตฺต เภสชฺชํ กเรยฺยฯ โส ตํ เภสชฺชํ อาคมฺม น จกฺขูนิ อุปฺปาเทยฺย, น จกฺขูนิ วิโสเธยฺยฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, มาคณฺฑิย, นนุ โส เวโชฺช ยาวเทว กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อหเญฺจ เต ธมฺมํ เทเสยฺยํ – ‘อิทนฺตํ อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพาน’นฺติ, โส ตฺวํ อาโรคฺยํ น ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานํ น ปเสฺสยฺยาสิฯ โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’’ติฯ ‘‘เอวํ ปสโนฺน อหํ โภโต โคตมสฺสฯ ปโหติ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อาโรคฺยํ ชาเนยฺยํ, นิพฺพานํ ปเสฺสยฺย’’นฺติฯ
219. ‘‘Seyyathāpi , māgaṇḍiya, jaccandho puriso; so na passeyya kaṇhasukkāni rūpāni, na passeyya nīlakāni rūpāni, na passeyya pītakāni rūpāni, na passeyya lohitakāni rūpāni, na passeyya mañjiṭṭhakāni rūpāni, na passeyya samavisamaṃ, na passeyya tārakarūpāni, na passeyya candimasūriye. Tassa mittāmaccā ñātisālohitā bhisakkaṃ sallakattaṃ upaṭṭhāpeyyuṃ. Tassa so bhisakko sallakatto bhesajjaṃ kareyya. So taṃ bhesajjaṃ āgamma na cakkhūni uppādeyya, na cakkhūni visodheyya. Taṃ kiṃ maññasi, māgaṇḍiya, nanu so vejjo yāvadeva kilamathassa vighātassa bhāgī assā’’ti? ‘‘Evaṃ, bho gotama’’. ‘‘Evameva kho, māgaṇḍiya, ahañce te dhammaṃ deseyyaṃ – ‘idantaṃ ārogyaṃ, idantaṃ nibbāna’nti, so tvaṃ ārogyaṃ na jāneyyāsi, nibbānaṃ na passeyyāsi. So mamassa kilamatho, sā mamassa vihesā’’ti. ‘‘Evaṃ pasanno ahaṃ bhoto gotamassa. Pahoti me bhavaṃ gotamo tathā dhammaṃ desetuṃ yathāhaṃ ārogyaṃ jāneyyaṃ, nibbānaṃ passeyya’’nti.
๒๒๐. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, ชจฺจโนฺธ ปุริโส; โส น ปเสฺสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย มญฺชิฎฺฐกานิ รูปานิ, น ปเสฺสยฺย สมวิสมํ, น ปเสฺสยฺย ตารกรูปานิ, น ปเสฺสยฺย จนฺทิมสูริเยฯ โส สุเณยฺย จกฺขุมโต ภาสมานสฺส – ‘เฉกํ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ! โส โอทาตปริเยสนํ จเรยฺยฯ ตเมนํ อญฺญตโร ปุริโส เตลมลิกเตน สาหุฬิจีเรน วเญฺจยฺย – ‘อิทํ เต, อโมฺภ ปุริส, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติฯ โส ตํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, ปฎิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺยฯ ตสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฎฺฐาเปยฺยุํฯ ตสฺส โส ภิสโกฺก สลฺลกโตฺต เภสชฺชํ กเรยฺย – อุทฺธํวิเรจนํ อโธวิเรจนํ อญฺชนํ ปจฺจญฺชนํ นตฺถุกมฺมํฯ โส ตํ เภสชฺชํ อาคมฺม จกฺขูนิ อุปฺปาเทยฺย, จกฺขูนิ วิโสเธยฺยฯ ตสฺส สห จกฺขุปฺปาทา โย อมุสฺมิํ เตลมลิกเต สาหุฬิจีเร ฉนฺทราโค โส ปหีเยถฯ ตญฺจ นํ ปุริสํ อมิตฺตโตปิ ทเหยฺย, ปจฺจตฺถิกโตปิ ทเหยฺย, อปิ จ ชีวิตา โวโรเปตพฺพํ มเญฺญยฺย – ‘ทีฆรตฺตํ วต, โภ, อหํ อิมินา ปุริเสน เตลมลิกเตน สาหุฬิจีเรน นิกโต วญฺจิโต ปลุโทฺธ – อิทํ เต, อโมฺภ ปุริส, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติฯ เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อหเญฺจ เต ธมฺมํ เทเสยฺยํ – ‘อิทนฺตํ อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพาน’นฺติฯ โส ตฺวํ อาโรคฺยํ ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานํ ปเสฺสยฺยาสิฯ ตสฺส เต สห จกฺขุปฺปาทา โย ปญฺจสุปาทานกฺขเนฺธสุ ฉนฺทราโค โส ปหีเยถ; อปิ จ เต เอวมสฺส – ‘ทีฆรตฺตํ วต, โภ, อหํ อิมินา จิเตฺตน นิกโต วญฺจิโต ปลุโทฺธ 31ฯ อหญฺหิ รูปํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยิํ, เวทนํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยิํ, สญฺญํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยิํ, สงฺขาเรเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยิํ, วิญฺญาณํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยิํฯ ตสฺส เม อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ; เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ ปสโนฺน อหํ โภโต โคตมสฺส! ปโหติ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อิมมฺหา อาสนา อนโนฺธ วุฎฺฐเหยฺย’’นฺติฯ
220. ‘‘Seyyathāpi, māgaṇḍiya, jaccandho puriso; so na passeyya kaṇhasukkāni rūpāni, na passeyya nīlakāni rūpāni, na passeyya pītakāni rūpāni, na passeyya lohitakāni rūpāni, na passeyya mañjiṭṭhakāni rūpāni, na passeyya samavisamaṃ, na passeyya tārakarūpāni, na passeyya candimasūriye. So suṇeyya cakkhumato bhāsamānassa – ‘chekaṃ vata, bho, odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti! So odātapariyesanaṃ careyya. Tamenaṃ aññataro puriso telamalikatena sāhuḷicīrena vañceyya – ‘idaṃ te, ambho purisa, odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti. So taṃ paṭiggaṇheyya, paṭiggahetvā pārupeyya. Tassa mittāmaccā ñātisālohitā bhisakkaṃ sallakattaṃ upaṭṭhāpeyyuṃ. Tassa so bhisakko sallakatto bhesajjaṃ kareyya – uddhaṃvirecanaṃ adhovirecanaṃ añjanaṃ paccañjanaṃ natthukammaṃ. So taṃ bhesajjaṃ āgamma cakkhūni uppādeyya, cakkhūni visodheyya. Tassa saha cakkhuppādā yo amusmiṃ telamalikate sāhuḷicīre chandarāgo so pahīyetha. Tañca naṃ purisaṃ amittatopi daheyya, paccatthikatopi daheyya, api ca jīvitā voropetabbaṃ maññeyya – ‘dīgharattaṃ vata, bho, ahaṃ iminā purisena telamalikatena sāhuḷicīrena nikato vañcito paluddho – idaṃ te, ambho purisa, odātaṃ vatthaṃ abhirūpaṃ nimmalaṃ sucī’ti. Evameva kho, māgaṇḍiya, ahañce te dhammaṃ deseyyaṃ – ‘idantaṃ ārogyaṃ, idantaṃ nibbāna’nti. So tvaṃ ārogyaṃ jāneyyāsi, nibbānaṃ passeyyāsi. Tassa te saha cakkhuppādā yo pañcasupādānakkhandhesu chandarāgo so pahīyetha; api ca te evamassa – ‘dīgharattaṃ vata, bho, ahaṃ iminā cittena nikato vañcito paluddho 32. Ahañhi rūpaṃyeva upādiyamāno upādiyiṃ, vedanaṃyeva upādiyamāno upādiyiṃ, saññaṃyeva upādiyamāno upādiyiṃ, saṅkhāreyeva upādiyamāno upādiyiṃ, viññāṇaṃyeva upādiyamāno upādiyiṃ. Tassa me upādānapaccayā bhavo, bhavapaccayā jāti, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti; evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hotī’’’ti. ‘‘Evaṃ pasanno ahaṃ bhoto gotamassa! Pahoti me bhavaṃ gotamo tathā dhammaṃ desetuṃ yathāhaṃ imamhā āsanā anandho vuṭṭhaheyya’’nti.
๒๒๑. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สปฺปุริเส ภเชยฺยาสิฯ ยโต โข ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สปฺปุริเส ภชิสฺสสิ ตโต ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สทฺธมฺมํ โสสฺสสิ; ยโต โข ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สทฺธมฺมํ โสสฺสสิ ตโต ตฺวํ, มาคณฺฑิย, ธมฺมานุธมฺมํ ปฎิปชฺชิสฺสสิ; ยโต โข ตฺวํ, มาคณฺฑิย, ธมฺมานุธมฺมํ ปฎิปชฺชิสฺสสิ ตโต ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สามํเยว ญสฺสสิ, สามํ ทกฺขิสฺสสิ – อิเม โรคา คณฺฑา สลฺลา; อิธ โรคา คณฺฑา สลฺลา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ ตสฺส เม อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ; เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติฯ
221. ‘‘Tena hi tvaṃ, māgaṇḍiya, sappurise bhajeyyāsi. Yato kho tvaṃ, māgaṇḍiya, sappurise bhajissasi tato tvaṃ, māgaṇḍiya, saddhammaṃ sossasi; yato kho tvaṃ, māgaṇḍiya, saddhammaṃ sossasi tato tvaṃ, māgaṇḍiya, dhammānudhammaṃ paṭipajjissasi; yato kho tvaṃ, māgaṇḍiya, dhammānudhammaṃ paṭipajjissasi tato tvaṃ, māgaṇḍiya, sāmaṃyeva ñassasi, sāmaṃ dakkhissasi – ime rogā gaṇḍā sallā; idha rogā gaṇḍā sallā aparisesā nirujjhanti. Tassa me upādānanirodhā bhavanirodho, bhavanirodhā jātinirodho, jātinirodhā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā nirujjhanti; evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hotī’’ti.
๒๒๒. เอวํ วุเตฺต, มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ ฯ ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ ‘‘โย โข, มาคณฺฑิย, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติ; จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ , อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวายฯ อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติฯ ‘‘สเจ, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ, อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ, จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ, อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติ ฯ อลตฺถ โข มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน โข ปนายสฺมา มาคณฺฑิโย เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา มาคณฺฑิโย อรหตํ อโหสีติฯ
222. Evaṃ vutte, māgaṇḍiyo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti; evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca . Labheyyāhaṃ bhoto gotamassa santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti. ‘‘Yo kho, māgaṇḍiya, aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhati pabbajjaṃ, ākaṅkhati upasampadaṃ, so cattāro māse parivasati; catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti , upasampādenti bhikkhubhāvāya. Api ca mettha puggalavemattatā viditā’’ti. ‘‘Sace, bhante, aññatitthiyapubbā imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhantā pabbajjaṃ, ākaṅkhantā upasampadaṃ cattāro māse parivasanti, catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti upasampādenti bhikkhubhāvāya; ahaṃ cattāri vassāni parivasissāmi, catunnaṃ vassānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājentu, upasampādentu bhikkhubhāvāyā’’ti . Alattha kho māgaṇḍiyo paribbājako bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno kho panāyasmā māgaṇḍiyo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā māgaṇḍiyo arahataṃ ahosīti.
มาคณฺฑิยสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ
Māgaṇḍiyasuttaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา • 5. Māgaṇḍiyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา • 5. Māgaṇḍiyasuttavaṇṇanā