Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา
5. Māgaṇḍiyasuttavaṇṇanā
๒๐๗. เอวํ เม สุตนฺติ มาคณฺฑิยสุตฺตํฯ ตตฺถ อคฺยาคาเรติ อคฺคิโหมสาลยํฯ ติณสนฺถารเกติ เทฺว มาคณฺฑิยา มาตุโล จ ภาคิเนโยฺย จฯ เตสุ มาตุโล ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺต, ภาคิเนโยฺยปิ สอุปนิสฺสโย นจิรเสฺสว ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติฯ อถสฺส ภควา อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา รมณียํ เทวคพฺภสทิสํ คนฺธกุฎิํ ปหาย ตตฺถ ฉาริกติณกจวราทีหิ อุกฺลาเป อคฺยาคาเร ติณสนฺถารกํ ปญฺญาเปตฺวา ปรสงฺคหกรณตฺถํ กติปาหํ วสิตฺถฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เตนุปสงฺกมีติ น เกวลํ ตํทิวสเมว, ยสฺมา ปน ตํ อคฺยาคารํ คามูปจาเร ทารกทาริกาหิ โอกิณฺณํ อวิวิตฺตํ, ตสฺมา ภควา นิจฺจกาลมฺปิ ทิวสภาคํ ตสฺมิํ วนสเณฺฑ วีตินาเมตฺวา สายํ วาสตฺถาย ตตฺถ อุปคจฺฉติฯ
207.Evaṃme sutanti māgaṇḍiyasuttaṃ. Tattha agyāgāreti aggihomasālayaṃ. Tiṇasanthāraketi dve māgaṇḍiyā mātulo ca bhāgineyyo ca. Tesu mātulo pabbajitvā arahattaṃ patto, bhāgineyyopi saupanissayo nacirasseva pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇissati. Athassa bhagavā upanissayaṃ disvā ramaṇīyaṃ devagabbhasadisaṃ gandhakuṭiṃ pahāya tattha chārikatiṇakacavarādīhi uklāpe agyāgāre tiṇasanthārakaṃ paññāpetvā parasaṅgahakaraṇatthaṃ katipāhaṃ vasittha. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tenupasaṅkamīti na kevalaṃ taṃdivasameva, yasmā pana taṃ agyāgāraṃ gāmūpacāre dārakadārikāhi okiṇṇaṃ avivittaṃ, tasmā bhagavā niccakālampi divasabhāgaṃ tasmiṃ vanasaṇḍe vītināmetvā sāyaṃ vāsatthāya tattha upagacchati.
อทฺทสา โข…เป.… ติณสนฺถารกํ ปญฺญตฺตนฺติ ภควา อเญฺญสุ ทิวเสสุ ติณสนฺถารกํ สงฺฆริตฺวา สญฺญาณํ กตฺวา คจฺฉติ, ตํทิวสํ ปน ปญฺญเปตฺวาว อคมาสิฯ กสฺมา? ตทา หิ ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกตฺวาว อทฺทส – ‘‘อชฺช มาคณฺฑิโย อิธาคนฺตฺวา อิมํ ติณสนฺถารกํ ทิสฺวา ภารทฺวาเชน สทฺธิํ ติณสนฺถารกํ อารพฺภ กถาสลฺลาปํ กริสฺสติ, อถาหํ อาคนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, โส ธมฺมํ สุตฺวา มม สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติฯ ปเรสํ สงฺคหกรณตฺถเมว หิ มยา ปารมิโย ปูริตา’’ติ ติณสนฺถารกํ ปญฺญเปตฺวาว อคมาสิฯ
Addasākho…pe… tiṇasanthārakaṃ paññattanti bhagavā aññesu divasesu tiṇasanthārakaṃ saṅgharitvā saññāṇaṃ katvā gacchati, taṃdivasaṃ pana paññapetvāva agamāsi. Kasmā? Tadā hi paccūsasamaye lokaṃ oloketvāva addasa – ‘‘ajja māgaṇḍiyo idhāgantvā imaṃ tiṇasanthārakaṃ disvā bhāradvājena saddhiṃ tiṇasanthārakaṃ ārabbha kathāsallāpaṃ karissati, athāhaṃ āgantvā dhammaṃ desessāmi, so dhammaṃ sutvā mama santike pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇissati. Paresaṃ saṅgahakaraṇatthameva hi mayā pāramiyo pūritā’’ti tiṇasanthārakaṃ paññapetvāva agamāsi.
สมณเสยฺยานุรูปํ มเญฺญติ อิมํ ติณสนฺถารกํ ‘‘สมณสฺส อนุจฺฉวิกา เสยฺยา’’ติ มญฺญามิฯ น จ อสญฺญตสมณสฺส นิวุตฺถฎฺฐานเมตํฯ ตถาเหตฺถ หเตฺถน อากฑฺฒิตฎฺฐานํ วา ปาเทน อากฑฺฒิตฎฺฐานํ วา สีเสน ปหฎฎฺฐานํ วา น ปญฺญายติ, อนากุโล อนากิโณฺณ อภิโนฺน เฉเกน จิตฺตกาเรน ตูลิกาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปญฺญโตฺต วิยฯ สญฺญตสมณสฺส วสิตฎฺฐานํ, กสฺส โภ วสิตฎฺฐานนฺติ ปุจฺฉติฯ ภูนหุโนติ หตวฑฺฒิโน มริยาทการกสฺสฯ กสฺมา เอวมาห? ฉสุ ทฺวาเรสุ วฑฺฒิปญฺญาปนลทฺธิกตฺตาฯ อยญฺหิ ตสฺส ลทฺธิ – จกฺขุ พฺรูเหตพฺพํ วเฑฺฒตพฺพํ, อทิฎฺฐํ ทกฺขิตพฺพํ, ทิฎฺฐํ สมติกฺกมิตพฺพํฯ โสตํ พฺรูเหตพฺพํ วเฑฺฒตพฺพํ, อสุตํ โสตพฺพํ, สุตํ สมติกฺกมิตพฺพํฯ ฆานํ พฺรูเหตพฺพํ วเฑฺฒตพฺพํ, อฆายิตํ ฆายิตพฺพํ, ฆายิตํ สมติกฺกมิตพฺพํฯ ชิวฺหา พฺรูเหตพฺพา วเฑฺฒตพฺพา, อสฺสายิตํ สายิตพฺพํ, สายิตํ สมติกฺกมิตพฺพํฯ กาโย พฺรูเหตโพฺพ วเฑฺฒตโพฺพ, อผุฎฺฐํ ผุสิตพฺพํ, ผุฎฺฐํ สมติกฺกมิตพฺพํฯ มโน พฺรูเหตโพฺพ วเฑฺฒตโพฺพ, อวิญฺญาตํ วิชานิตพฺพํ, วิญฺญาตํ สมติกฺกมิตพฺพํฯ เอวํ โส ฉสุ ทฺวาเรสุ วฑฺฒิํ ปญฺญเปติฯ ภควา ปน –
Samaṇaseyyānurūpaṃ maññeti imaṃ tiṇasanthārakaṃ ‘‘samaṇassa anucchavikā seyyā’’ti maññāmi. Na ca asaññatasamaṇassa nivutthaṭṭhānametaṃ. Tathāhettha hatthena ākaḍḍhitaṭṭhānaṃ vā pādena ākaḍḍhitaṭṭhānaṃ vā sīsena pahaṭaṭṭhānaṃ vā na paññāyati, anākulo anākiṇṇo abhinno chekena cittakārena tūlikāya paricchinditvā paññatto viya. Saññatasamaṇassa vasitaṭṭhānaṃ, kassa bho vasitaṭṭhānanti pucchati. Bhūnahunoti hatavaḍḍhino mariyādakārakassa. Kasmā evamāha? Chasu dvāresu vaḍḍhipaññāpanaladdhikattā. Ayañhi tassa laddhi – cakkhu brūhetabbaṃ vaḍḍhetabbaṃ, adiṭṭhaṃ dakkhitabbaṃ, diṭṭhaṃ samatikkamitabbaṃ. Sotaṃ brūhetabbaṃ vaḍḍhetabbaṃ, asutaṃ sotabbaṃ, sutaṃ samatikkamitabbaṃ. Ghānaṃ brūhetabbaṃ vaḍḍhetabbaṃ, aghāyitaṃ ghāyitabbaṃ, ghāyitaṃ samatikkamitabbaṃ. Jivhā brūhetabbā vaḍḍhetabbā, assāyitaṃ sāyitabbaṃ, sāyitaṃ samatikkamitabbaṃ. Kāyo brūhetabbo vaḍḍhetabbo, aphuṭṭhaṃ phusitabbaṃ, phuṭṭhaṃ samatikkamitabbaṃ. Mano brūhetabbo vaḍḍhetabbo, aviññātaṃ vijānitabbaṃ, viññātaṃ samatikkamitabbaṃ. Evaṃ so chasu dvāresu vaḍḍhiṃ paññapeti. Bhagavā pana –
‘‘จกฺขุนา สํวโร สาธุ, สาธุ โสเตน สํวโร;
‘‘Cakkhunā saṃvaro sādhu, sādhu sotena saṃvaro;
ฆาเนน สํวโร สาธุ, สาธุ ชิวฺหาย สํวโรฯ
Ghānena saṃvaro sādhu, sādhu jivhāya saṃvaro.
กาเยน สํวโร สาธุ, สาธุ วาจาย สํวโร;
Kāyena saṃvaro sādhu, sādhu vācāya saṃvaro;
มนสา สํวโร สาธุ, สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร;
Manasā saṃvaro sādhu, sādhu sabbattha saṃvaro;
สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติฯ (ธ. ป. ๓๖๐-๓๖๑) –
Sabbattha saṃvuto bhikkhu, sabbadukkhā pamuccatī’’ti. (dha. pa. 360-361) –
ฉสุ ทฺวาเรสุ สํวรํ ปญฺญเปติฯ ตสฺมา โส ‘‘วฑฺฒิหโต สมโณ โคตโม มริยาทการโก’’ติ มญฺญมาโน ‘‘ภูนหุโน’’ติ อาหฯ
Chasu dvāresu saṃvaraṃ paññapeti. Tasmā so ‘‘vaḍḍhihato samaṇo gotamo mariyādakārako’’ti maññamāno ‘‘bhūnahuno’’ti āha.
อริเย ญาเย ธเมฺม กุสเลติ ปริสุเทฺธ การณธเมฺม อนวเชฺชฯ อิมินา กิํ ทเสฺสติ? เอวรูปสฺส นาม อุคฺคตสฺส ปญฺญาตสฺส ยสสฺสิโน อุปริ วาจํ ภาสมาเนน วีมํสิตฺวา อุปธาเรตฺวา มุเข อารกฺขํ ฐเปตฺวา ภาสิตโพฺพ โหติฯ ตสฺมา มา สหสา อภาสิ, มุเข อารกฺขํ ฐเปหีติ ทเสฺสติฯ เอวญฺหิ โน สุเตฺต โอจรตีติ ยสฺมา อมฺหากํ สุเตฺต เอวํ อาคจฺฉติ, น มยํ มุขารุฬฺหิจฺฉามตฺตํ วทาม, สุเตฺต จ นาม อาคตํ วทมานา กสฺส ภาเยยฺยาม, ตสฺมา สมฺมุขาปิ นํ วเทยฺยามาติ อโตฺถฯ อโปฺปสฺสุโกฺกติ มม รกฺขนตฺถาย อนุสฺสุโกฺก อวาวโฎ หุตฺวาติ อโตฺถฯ วุโตฺตว นํ วเทยฺยาติ มยา วุโตฺตว หุตฺวา อปุจฺฉิโตว กถํ สมุฎฺฐาเปตฺวา อมฺพชมฺพูอาทีนิ คเหตฺวา วิย อปูรยมาโน มยา กถิตนิยาเมน ภวํ ภารทฺวาโช วเทยฺย, วทสฺสูติ อโตฺถฯ
Ariye ñāye dhamme kusaleti parisuddhe kāraṇadhamme anavajje. Iminā kiṃ dasseti? Evarūpassa nāma uggatassa paññātassa yasassino upari vācaṃ bhāsamānena vīmaṃsitvā upadhāretvā mukhe ārakkhaṃ ṭhapetvā bhāsitabbo hoti. Tasmā mā sahasā abhāsi, mukhe ārakkhaṃ ṭhapehīti dasseti. Evañhi no sutte ocaratīti yasmā amhākaṃ sutte evaṃ āgacchati, na mayaṃ mukhāruḷhicchāmattaṃ vadāma, sutte ca nāma āgataṃ vadamānā kassa bhāyeyyāma, tasmā sammukhāpi naṃ vadeyyāmāti attho. Appossukkoti mama rakkhanatthāya anussukko avāvaṭo hutvāti attho. Vuttova naṃ vadeyyāti mayā vuttova hutvā apucchitova kathaṃ samuṭṭhāpetvā ambajambūādīni gahetvā viya apūrayamāno mayā kathitaniyāmena bhavaṃ bhāradvājo vadeyya, vadassūti attho.
๒๐๘. อโสฺสสิ โขติ สตฺถา อาโลกํ วเฑฺฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา มาคณฺฑิยํ ตตฺถ อาคตํ อทฺทส, ทฺวินฺนํ ชนานํ ภาสมานานํ ทิพฺพโสเตน สทฺทมฺปิ อโสฺสสิฯ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ ผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐิโตฯ สํวิโคฺคติ ปีติสํเวเคน สํวิโคฺค จลิโต กมฺปิโตฯ ตสฺส กิร เอตทโหสิ – ‘‘เนว มาคณฺฑิเยน สมณสฺส โคตมสฺส อาโรจิตํ, น มยาฯ อเมฺห มุญฺจิตฺวา อโญฺญ เอตฺถ ตติโยปิ นตฺถิ, สุโต ภวิสฺสติ อมฺหากํ สโทฺท ติขิณโสเตน ปุริเสนา’’ติฯ อถสฺส อพฺภนฺตเร ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา นวนวุติโลมกูปสหสฺสานิ อุทฺธคฺคานิ อกาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต’’ติฯ อถ โข มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโกติ ปริพฺพาชกสฺส ปภินฺนมุขํ วิย พีชํ ปริปากคตํ ญาณํ, ตสฺมา สนฺนิสีทิตุํ อสโกฺกโนฺต อาหิณฺฑมาโน ปุน สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ โข มาคณฺฑิโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
208.Assosikhoti satthā ālokaṃ vaḍḍhetvā dibbacakkhunā māgaṇḍiyaṃ tattha āgataṃ addasa, dvinnaṃ janānaṃ bhāsamānānaṃ dibbasotena saddampi assosi. Paṭisallānā vuṭṭhitoti phalasamāpattiyā vuṭṭhito. Saṃviggoti pītisaṃvegena saṃviggo calito kampito. Tassa kira etadahosi – ‘‘neva māgaṇḍiyena samaṇassa gotamassa ārocitaṃ, na mayā. Amhe muñcitvā añño ettha tatiyopi natthi, suto bhavissati amhākaṃ saddo tikhiṇasotena purisenā’’ti. Athassa abbhantare pīti uppajjitvā navanavutilomakūpasahassāni uddhaggāni akāsi. Tena vuttaṃ ‘‘saṃviggo lomahaṭṭhajāto’’ti. Athakho māgaṇḍiyo paribbājakoti paribbājakassa pabhinnamukhaṃ viya bījaṃ paripākagataṃ ñāṇaṃ, tasmā sannisīdituṃ asakkonto āhiṇḍamāno puna satthu santikaṃ āgantvā ekamantaṃ nisīdi. Taṃ dassetuṃ ‘‘atha kho māgaṇḍiyo’’tiādi vuttaṃ.
๒๐๙. สตฺถา – ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ, มาคณฺฑิย, มํ อวจา’’ติ อวตฺวาว จกฺขุํ โข, มาคณฺฑิยาติ ปริพฺพาชกสฺส ธมฺมเทสนํ อารภิฯ ตตฺถ วสนฎฺฐานเฎฺฐน รูปํ จกฺขุสฺส อาราโมติ จกฺขุ รูปารามํฯ รูเป รตนฺติ รูปรตํฯ รูเปน จกฺขุ อาโมทิตํ ปโมทิตนฺติ รูปสมุทิตํฯ ทนฺตนฺติ นิพฺพิเสวนํฯ คุตฺตนฺติ โคปิตํฯ รกฺขิตนฺติ ฐปิตรกฺขํฯ สํวุตนฺติ ปิหิตํฯ สํวรายาติ ปิธานตฺถายฯ
209. Satthā – ‘‘evaṃ kira tvaṃ, māgaṇḍiya, maṃ avacā’’ti avatvāva cakkhuṃ kho, māgaṇḍiyāti paribbājakassa dhammadesanaṃ ārabhi. Tattha vasanaṭṭhānaṭṭhena rūpaṃ cakkhussa ārāmoti cakkhu rūpārāmaṃ. Rūpe ratanti rūparataṃ. Rūpena cakkhu āmoditaṃ pamoditanti rūpasamuditaṃ. Dantanti nibbisevanaṃ. Guttanti gopitaṃ. Rakkhitanti ṭhapitarakkhaṃ. Saṃvutanti pihitaṃ. Saṃvarāyāti pidhānatthāya.
๒๑๐. ปริจาริตปุโพฺพติ อภิรมิตปุโพฺพฯ รูปปริฬาหนฺติ รูปํ อารพฺภ อุปฺปชฺชนปริฬาหํฯ อิมสฺส ปน เต, มาคณฺฑิย, กิมสฺส วจนียนฺติ อิมสฺส รูปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺส ตยา กิํ วจนํ วตฺตพฺพํ อสฺส, วุฑฺฒิหโต มริยาทการโกติ อิทํ วตฺตพฺพํ, น วตฺตพฺพนฺติ ปุจฺฉติฯ น กิญฺจิ, โภ โคตมาติ, โภ โคตม, กิญฺจิ วตฺตพฺพํ นตฺถิฯ เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ
210.Paricāritapubboti abhiramitapubbo. Rūpapariḷāhanti rūpaṃ ārabbha uppajjanapariḷāhaṃ. Imassa pana te, māgaṇḍiya, kimassa vacanīyanti imassa rūpaṃ pariggaṇhitvā arahattappattassa khīṇāsavassa tayā kiṃ vacanaṃ vattabbaṃ assa, vuḍḍhihato mariyādakārakoti idaṃ vattabbaṃ, na vattabbanti pucchati. Na kiñci, bho gotamāti, bho gotama, kiñci vattabbaṃ natthi. Sesadvāresupi eseva nayo.
๒๑๑. อิทานิ ยสฺมา ตยา ปญฺจกฺขเนฺธ ปริคฺคเหตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺส กิญฺจิ วตฺตพฺพํ นตฺถิ, อหญฺจ ปญฺจกฺขเนฺธ ปริคฺคเหตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, ตสฺมา อหมฺปิ เต น กิญฺจิ วตฺตโพฺพติ ทเสฺสตุํ อหํ โข ปนาติอาทิมาหฯ ตสฺส มยฺหํ มาคณฺฑิยาติ คิหิกาเล อตฺตโน สมฺปตฺติํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ ตตฺถ วสฺสิโกติอาทีสุ ยตฺถ สุขํ โหติ วสฺสกาเล วสิตุํ, อยํ วสฺสิโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ – วสฺสํ วาโส วสฺสํ, วสฺสํ อรหตีติ วสฺสิโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ
211. Idāni yasmā tayā pañcakkhandhe pariggahetvā arahattappattassa khīṇāsavassa kiñci vattabbaṃ natthi, ahañca pañcakkhandhe pariggahetvā sabbaññutaṃ patto, tasmā ahampi te na kiñci vattabboti dassetuṃ ahaṃ kho panātiādimāha. Tassa mayhaṃ māgaṇḍiyāti gihikāle attano sampattiṃ dassento āha. Tattha vassikotiādīsu yattha sukhaṃ hoti vassakāle vasituṃ, ayaṃ vassiko. Itaresupi eseva nayo. Ayaṃ panettha vacanattho – vassaṃ vāso vassaṃ, vassaṃ arahatīti vassiko. Itaresupi eseva nayo.
ตตฺถ วสฺสิโก ปาสาโท นาติอุโจฺจ โหติ นาตินีโจ, ทฺวารวาตปานานิปิสฺส นาติตนูนิ นาติพหูนิ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณขชฺชโภชฺชานิเปตฺถ มิสฺสกาเนว วฎฺฎนฺติฯ เหมนฺติเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ นีจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ตนุกานิ สุขุมจฺฉิทฺทานิฯ อุณฺหปเวสนตฺถาย ภิตฺตินิยูหานิ นีหรียนฺติฯ ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณนิวาสนปารุปนานิ ปเนตฺถ อุณฺหวีริยานิ กมฺพลาทีนิ วฎฺฎนฺติฯ ขชฺชโภชฺชํ สินิทฺธํ กฎุกสนฺนิสฺสิตญฺจฯ คิมฺหิเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ อุจฺจา โหนฺติฯ ทฺวารวาตปานานิ ปเนตฺถ พหูนิ วิปุลชาลานิ ภวนฺติฯ ภูมตฺถรณาทีนิ ทุกูลมยานิ วฎฺฎนฺติ, ขชฺชโภชฺชานิ มธุรรสสีตวีริยานิฯ วาตปานสมีเปสุ เจตฺถ นว จาฎิโย ฐเปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลาทีหิ สญฺฉาเทนฺติฯ เตสุ เตสุ ปเทเสสุ อุทกยนฺตานิ กโรนฺติ, เยหิ เทเว วสฺสเนฺต วิย อุทกธารา นิกฺขมนฺติฯ
Tattha vassiko pāsādo nātiucco hoti nātinīco, dvāravātapānānipissa nātitanūni nātibahūni, bhūmattharaṇapaccattharaṇakhajjabhojjānipettha missakāneva vaṭṭanti. Hemantike thambhāpi bhittiyopi nīcā honti, dvāravātapānāni tanukāni sukhumacchiddāni. Uṇhapavesanatthāya bhittiniyūhāni nīharīyanti. Bhūmattharaṇapaccattharaṇanivāsanapārupanāni panettha uṇhavīriyāni kambalādīni vaṭṭanti. Khajjabhojjaṃ siniddhaṃ kaṭukasannissitañca. Gimhike thambhāpi bhittiyopi uccā honti. Dvāravātapānāni panettha bahūni vipulajālāni bhavanti. Bhūmattharaṇādīni dukūlamayāni vaṭṭanti, khajjabhojjāni madhurarasasītavīriyāni. Vātapānasamīpesu cettha nava cāṭiyo ṭhapetvā udakassa pūretvā nīluppalādīhi sañchādenti. Tesu tesu padesesu udakayantāni karonti, yehi deve vassante viya udakadhārā nikkhamanti.
โพธิสตฺตสฺส ปน อฎฺฐสตสุวณฺณฆเฎ จ รชตฆเฎ จ คโนฺธทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลคจฺฉเก กตฺวา สยนํ ปริวาเรตฺวา ฐปยิํสุฯ มหเนฺตสุ โลหกฎาเหสุ คนฺธกลลํ ปูเรตฺวา นีลุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกานิ โรเปตฺวา อุตุคฺคหณตฺถาย ตตฺถ ตตฺถ ฐเปสุํฯ สูริยรสฺมีหิ ปุปฺผานิ ปุปฺผนฺติฯ นานาวิธา ภมรคณา ปาสาทํ ปวิสิตฺวา ปุเปฺผสุ รสํ คณฺหนฺตา วิจรนฺติฯ ปาสาโท อติสุคโนฺธ โหติฯ ยมกภิตฺติยา อนฺตเร โลหนาฬิํ ฐเปตฺวา นวภูมิกปาสาทสฺส อุปริ อากาสงฺคเณ รตนมณฺฑปมตฺถเก สุขุมจฺฉิทฺทกํ ชาลํ พทฺธํ อโหสิฯ เอกสฺมิํ ฐาเน สุกฺขมหิํสจมฺมํ ปสาเรติฯ โพธิสตฺตสฺส อุทกกีฬนเวลาย มหิํสจเมฺม ปาสาณคุเฬ ขิปนฺติ, เมฆถนิตสโทฺท วิย โหติฯ เหฎฺฐา ยนฺตํ ปริวเตฺตนฺติ, อุทกํ อภิรุหิตฺวา ชาลมตฺถเก ปตติ, วสฺสปตนสลิลํ วิย โหติฯ ตทา โพธิสโตฺต นีลปฎํ นิวาเสติ, นีลปฎํ ปารุปติ, นีลปสาธนํ ปสาเธติฯ ปริวาราปิสฺส จตฺตาลีสนาฎกสหสฺสานิ นีลวตฺถาภรณาเนว นีลวิเลปนานิ หุตฺวา มหาปุริสํ ปริวาเรตฺวา รตนมณฺฑปํ คจฺฉนฺติฯ ทิวสภาคํ อุทกกีฬํ กีฬโนฺต สีตลํ อุตุสุขํ อนุโภติฯ
Bodhisattassa pana aṭṭhasatasuvaṇṇaghaṭe ca rajataghaṭe ca gandhodakassa pūretvā nīluppalagacchake katvā sayanaṃ parivāretvā ṭhapayiṃsu. Mahantesu lohakaṭāhesu gandhakalalaṃ pūretvā nīluppalapadumapuṇḍarīkāni ropetvā utuggahaṇatthāya tattha tattha ṭhapesuṃ. Sūriyarasmīhi pupphāni pupphanti. Nānāvidhā bhamaragaṇā pāsādaṃ pavisitvā pupphesu rasaṃ gaṇhantā vicaranti. Pāsādo atisugandho hoti. Yamakabhittiyā antare lohanāḷiṃ ṭhapetvā navabhūmikapāsādassa upari ākāsaṅgaṇe ratanamaṇḍapamatthake sukhumacchiddakaṃ jālaṃ baddhaṃ ahosi. Ekasmiṃ ṭhāne sukkhamahiṃsacammaṃ pasāreti. Bodhisattassa udakakīḷanavelāya mahiṃsacamme pāsāṇaguḷe khipanti, meghathanitasaddo viya hoti. Heṭṭhā yantaṃ parivattenti, udakaṃ abhiruhitvā jālamatthake patati, vassapatanasalilaṃ viya hoti. Tadā bodhisatto nīlapaṭaṃ nivāseti, nīlapaṭaṃ pārupati, nīlapasādhanaṃ pasādheti. Parivārāpissa cattālīsanāṭakasahassāni nīlavatthābharaṇāneva nīlavilepanāni hutvā mahāpurisaṃ parivāretvā ratanamaṇḍapaṃ gacchanti. Divasabhāgaṃ udakakīḷaṃ kīḷanto sītalaṃ utusukhaṃ anubhoti.
ปาสาทสฺส จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร สรา โหนฺติฯ ทิวากาเล นานาวณฺณสกุณคณา ปาจีนสรโต วุฎฺฐาย วิรวมานา ปาสาทมตฺถเกน ปจฺฉิมสรํ คจฺฉนฺติฯ ปจฺฉิมสรโต วุฎฺฐาย ปาจีนสรํ, อุตฺตรสรโต ทกฺขิณสรํ, ทกฺขิณสรโต อุตฺตรสรํ คจฺฉนฺติ, อนฺตรวสฺสสมโย วิย โหติฯ เหมนฺติกปาสาโท ปน ปญฺจภูมิโก อโหสิ, วสฺสิกปาสาโท สตฺตภูมิโกฯ
Pāsādassa catūsu disāsu cattāro sarā honti. Divākāle nānāvaṇṇasakuṇagaṇā pācīnasarato vuṭṭhāya viravamānā pāsādamatthakena pacchimasaraṃ gacchanti. Pacchimasarato vuṭṭhāya pācīnasaraṃ, uttarasarato dakkhiṇasaraṃ, dakkhiṇasarato uttarasaraṃ gacchanti, antaravassasamayo viya hoti. Hemantikapāsādo pana pañcabhūmiko ahosi, vassikapāsādo sattabhūmiko.
นิปฺปุริเสหีติ ปุริสวิรหิเตหิฯ น เกวลเญฺจตฺถ ตูริยาเนว นิปฺปุริสานิ, สพฺพฎฺฐานานิปิ นิปฺปุริสาเนว ฯ โทวาริกาปิ อิตฺถิโยว, นฺหาปนาทิปริกมฺมกราปิ อิตฺถิโยวฯ ราชา กิร – ‘‘ตถารูปํ อิสฺสริยสุขสมฺปตฺติํ อนุภวมานสฺส ปุริสํ ทิสฺวา ปริสงฺกา อุปฺปชฺชติ, สา เม ปุตฺตสฺส มา อโหสี’’ติ สพฺพกิเจฺจสุ อิตฺถิโยว ฐเปสิฯ ตาย รติยา รมมาโนติ อิทํ จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติรติํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Nippurisehīti purisavirahitehi. Na kevalañcettha tūriyāneva nippurisāni, sabbaṭṭhānānipi nippurisāneva . Dovārikāpi itthiyova, nhāpanādiparikammakarāpi itthiyova. Rājā kira – ‘‘tathārūpaṃ issariyasukhasampattiṃ anubhavamānassa purisaṃ disvā parisaṅkā uppajjati, sā me puttassa mā ahosī’’ti sabbakiccesu itthiyova ṭhapesi. Tāya ratiyā ramamānoti idaṃ catutthajjhānikaphalasamāpattiratiṃ sandhāya vuttaṃ.
๒๑๒. คหปติ วา คหปติปุโตฺต วาติ เอตฺถ ยสฺมา ขตฺติยานํ เสตจฺฉตฺตสฺมิํเยว ปตฺถนา โหติ, มหา จ เนสํ ปปโญฺจ, พฺราหฺมณา มเนฺตหิ อติตฺตา มเนฺต คเวสนฺตา วิจรนฺติ, คหปติโน ปน มุทฺทาคณนมตฺตํ อุคฺคหิตกาลโต ปฎฺฐาย สมฺปตฺติํเยว อนุภวนฺติ, ตสฺมา ขตฺติยพฺราหฺมเณ อคฺคเหตฺวา ‘‘คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา’’ติ อาหฯ อาวเฎฺฎยฺยาติ มานุสกกามเหตุ อาวโฎฺฎ ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ อภิกฺกนฺตตราติ วิสิฎฺฐตราฯ ปณีตตราติ อตปฺปกตราฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
212.Gahapati vā gahapatiputto vāti ettha yasmā khattiyānaṃ setacchattasmiṃyeva patthanā hoti, mahā ca nesaṃ papañco, brāhmaṇā mantehi atittā mante gavesantā vicaranti, gahapatino pana muddāgaṇanamattaṃ uggahitakālato paṭṭhāya sampattiṃyeva anubhavanti, tasmā khattiyabrāhmaṇe aggahetvā ‘‘gahapati vā gahapatiputto vā’’ti āha. Āvaṭṭeyyāti mānusakakāmahetu āvaṭṭo bhaveyyāti attho. Abhikkantatarāti visiṭṭhatarā. Paṇītatarāti atappakatarā. Vuttampi cetaṃ –
‘‘กุสเคฺคนุทกมาทาย, สมุเทฺท อุทกํ มิเน;
‘‘Kusaggenudakamādāya, samudde udakaṃ mine;
เอวํ มานุสกา กามา, ทิพฺพกามาน สนฺติเก’’ติฯ (ชา. ๒.๒๑.๓๘๙) –
Evaṃ mānusakā kāmā, dibbakāmāna santike’’ti. (jā. 2.21.389) –
สมธิคยฺห ติฎฺฐตีติ ทิพฺพสุขํ คณฺหิตฺวา ตโต วิสิฎฺฐตรา หุตฺวา ติฎฺฐติฯ
Samadhigayha tiṭṭhatīti dibbasukhaṃ gaṇhitvā tato visiṭṭhatarā hutvā tiṭṭhati.
โอปมฺมสํสนฺทนํ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพํ – คหปติสฺส ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมงฺคีภูตกาโล วิย โพธิสตฺตสฺส ตีสุ ปาสาเทสุ จตฺตาลีสสหสฺสอิตฺถิมเชฺฌ โมทนกาโล, ตสฺส สุจริตํ ปูเรตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตกาโล วิย โพธิสตฺตสฺส อภินิกฺขมนํ กตฺวา โพธิปลฺลเงฺก สพฺพญฺญุตํ ปฎิวิทฺธกาโล , ตสฺส นนฺทนวเน สมฺปตฺติํ อนุภวนกาโล วิย ตถาคตสฺส จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติรติยา วีติวตฺตนกาโล, ตสฺส มานุสกานํ ปญฺจนฺนํ กามคุณานํ อปตฺถนกาโล วิย ตถาคตสฺส จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติรติยา วีตินาเมนฺตสฺส หีนชนสุขสฺส อปตฺถนกาโลติฯ
Opammasaṃsandanaṃ panettha evaṃ veditabbaṃ – gahapatissa pañcahi kāmaguṇehi samaṅgībhūtakālo viya bodhisattassa tīsu pāsādesu cattālīsasahassaitthimajjhe modanakālo, tassa sucaritaṃ pūretvā sagge nibbattakālo viya bodhisattassa abhinikkhamanaṃ katvā bodhipallaṅke sabbaññutaṃ paṭividdhakālo , tassa nandanavane sampattiṃ anubhavanakālo viya tathāgatassa catutthajjhānikaphalasamāpattiratiyā vītivattanakālo, tassa mānusakānaṃ pañcannaṃ kāmaguṇānaṃ apatthanakālo viya tathāgatassa catutthajjhānikaphalasamāpattiratiyā vītināmentassa hīnajanasukhassa apatthanakāloti.
๒๑๓. สุขีติ ปฐมํ ทุกฺขิโต ปจฺฉา สุขิโต อสฺสฯ เสรีติ ปฐมํ เวชฺชทุติยโก ปจฺฉา เสรี เอกโก ภเวยฺยฯ สยํวสีติ ปฐมํ เวชฺชสฺส วเส วตฺตมาโน เวเชฺชน นิสีทาติ วุเตฺต นิสีทิ, นิปชฺชาติ วุเตฺต นิปชฺชิ, ภุญฺชาติ วุเตฺต ภุญฺชิ, ปิวาติ วุเตฺต ปิวิ, ปจฺฉา สยํวสี ชาโตฯ เยน กามํ คโมติ ปฐมํ อิจฺฉิติจฺฉิตฎฺฐานํ คนฺตุํ นาลตฺถ, ปจฺฉา โรเค วูปสเนฺต วนทสฺสน-คิริทสฺสน-ปพฺพตทสฺสนาทีสุปิ เยนกามํ คโม ชาโต, ยตฺถ ยเตฺถว คนฺตุํ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตเตฺถว คเจฺฉยฺยฯ
213.Sukhīti paṭhamaṃ dukkhito pacchā sukhito assa. Serīti paṭhamaṃ vejjadutiyako pacchā serī ekako bhaveyya. Sayaṃvasīti paṭhamaṃ vejjassa vase vattamāno vejjena nisīdāti vutte nisīdi, nipajjāti vutte nipajji, bhuñjāti vutte bhuñji, pivāti vutte pivi, pacchā sayaṃvasī jāto. Yena kāmaṃgamoti paṭhamaṃ icchiticchitaṭṭhānaṃ gantuṃ nālattha, pacchā roge vūpasante vanadassana-giridassana-pabbatadassanādīsupi yenakāmaṃ gamo jāto, yattha yattheva gantuṃ icchati, tattha tattheva gaccheyya.
เอตฺถาปิ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ปุริสสฺส กุฎฺฐิกาโล วิย หิ โพธิสตฺตสฺส อคารมเชฺฌ วสนกาโล, องฺคารกปลฺลํ วิย เอกํ กามวตฺถุ, เทฺว กปลฺลานิ วิย เทฺว วตฺถูนิ, สกฺกสฺส ปน เทวรโญฺญ อฑฺฒเตยฺยโกฎิยานิ องฺคารกปลฺลานิ วิย อฑฺฒติยนาฎกโกฎิโย, นเขหิ วณมุขานิ ตเจฺฉตฺวา องฺคารกปเลฺล ปริตาปนํ วิย วตฺถุปฎิเสวนํ, เภสชฺชํ อาคมฺม อโรคกาโล วิย กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขเมฺม จ อานิสํสํ ทิสฺวา นิกฺขมฺม พุทฺธภูตกาเล จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติรติยา วีติวตฺตนกาโล, อญฺญํ กุฎฺฐิปุริสํ ทิสฺวา อปตฺถนกาโล วิย ตาย รติยา วีตินาเมนฺตสฺส หีนชนรติยา อปตฺถนกาโลติฯ
Etthāpi idaṃ opammasaṃsandanaṃ – purisassa kuṭṭhikālo viya hi bodhisattassa agāramajjhe vasanakālo, aṅgārakapallaṃ viya ekaṃ kāmavatthu, dve kapallāni viya dve vatthūni, sakkassa pana devarañño aḍḍhateyyakoṭiyāni aṅgārakapallāni viya aḍḍhatiyanāṭakakoṭiyo, nakhehi vaṇamukhāni tacchetvā aṅgārakapalle paritāpanaṃ viya vatthupaṭisevanaṃ, bhesajjaṃ āgamma arogakālo viya kāmesu ādīnavaṃ nekkhamme ca ānisaṃsaṃ disvā nikkhamma buddhabhūtakāle catutthajjhānikaphalasamāpattiratiyā vītivattanakālo, aññaṃ kuṭṭhipurisaṃ disvā apatthanakālo viya tāya ratiyā vītināmentassa hīnajanaratiyā apatthanakāloti.
๒๑๔. อุปหตินฺทฺริโยติ กิมิรกุเฎฺฐน นาม อุปหตกายปฺปสาโทฯ อุปหตินฺทฺริยาติ อุปหตปญฺญินฺทฺริยาฯ เต ยถา โส อุปหตกายินฺทฺริโย กุฎฺฐี ทุกฺขสมฺผสฺสสฺมิํเยว อคฺคิสฺมิํ สุขมิติ วิปรีตสญฺญํ ปจฺจลตฺถ, เอวํ ปญฺญินฺทฺริยสฺส อุปหตตฺตา ทุกฺขสมฺผเสฺสเสฺวว กาเมสุ สุขมิติ วิปรีตสญฺญํ ปจฺจลตฺถุํฯ
214.Upahatindriyoti kimirakuṭṭhena nāma upahatakāyappasādo. Upahatindriyāti upahatapaññindriyā. Te yathā so upahatakāyindriyo kuṭṭhī dukkhasamphassasmiṃyeva aggismiṃ sukhamiti viparītasaññaṃ paccalattha, evaṃ paññindriyassa upahatattā dukkhasamphassesveva kāmesu sukhamiti viparītasaññaṃ paccalatthuṃ.
๒๑๕. อสุจิตรานิ เจวาติอาทีสุ ปกติยาว ตานิ อสุจีนิ จ ทุคฺคนฺธานิ จ ปูตีนิ จ, อิทานิ ปน อสุจิตรานิ เจว ทุคฺคนฺธตรานิ จ ปูติตรานิ จ โหนฺติฯ กาจีติ ตสฺส หิ ปริตาเปนฺตสฺส จ กณฺฑูวนฺตสฺส จ ปาณกา อโนฺต ปวิสนฺติ, ทุฎฺฐโลหิตทุฎฺฐปุพฺพา ปคฺฆรนฺติฯ เอวมสฺส กาจิ อสฺสาทมตฺตา โหติฯ
215.Asucitarāni cevātiādīsu pakatiyāva tāni asucīni ca duggandhāni ca pūtīni ca, idāni pana asucitarāni ceva duggandhatarāni ca pūtitarāni ca honti. Kācīti tassa hi paritāpentassa ca kaṇḍūvantassa ca pāṇakā anto pavisanti, duṭṭhalohitaduṭṭhapubbā paggharanti. Evamassa kāci assādamattā hoti.
อาโรคฺยปรมาติ คาถาย เย เกจิ ธนลาภา วา ยสลาภา วา ปุตฺตลาภา วา อตฺถิ, อาโรคฺยํ เตสํ ปรมํ อุตฺตมํ, นตฺถิ ตโต อุตฺตริตโร ลาโภติ, อาโรคฺยปรมา ลาภาฯ ยํกิญฺจิ ฌานสุขํ วา มคฺคสุขํ วา ผลสุขํ วา อตฺถิ, นิพฺพานํ ตตฺถ ปรมํ, นตฺถิ ตโต อุตฺตริตรํ สุขนฺติ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํฯ อฎฺฐงฺคิโก มคฺคานนฺติ ปุพฺพภาคมคฺคานํ ปุพฺพภาคคมเนเนว อมตคามีนํ อฎฺฐงฺคิโก เขโม, นตฺถิ ตโต เขมตโร อโญฺญ มโคฺคฯ อถ วา เขมํ อมตคามินนฺติ เอตฺถ เขมนฺติปิ อมตนฺติปิ นิพฺพานเสฺสว นามํฯ ยาวตา ปุถุสมณพฺราหฺมณา ปรปฺปวาทา เขมคามิโน จ อมตคามิโน จาติ ลทฺธิวเสน คหิตา, สเพฺพสํ เตสํ เขมอมตคามีนํ มคฺคานํ อฎฺฐงฺคิโก ปรโม อุตฺตโมติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ
Ārogyaparamāti gāthāya ye keci dhanalābhā vā yasalābhā vā puttalābhā vā atthi, ārogyaṃ tesaṃ paramaṃ uttamaṃ, natthi tato uttaritaro lābhoti, ārogyaparamā lābhā. Yaṃkiñci jhānasukhaṃ vā maggasukhaṃ vā phalasukhaṃ vā atthi, nibbānaṃ tattha paramaṃ, natthi tato uttaritaraṃ sukhanti nibbānaṃ paramaṃ sukhaṃ. Aṭṭhaṅgiko maggānanti pubbabhāgamaggānaṃ pubbabhāgagamaneneva amatagāmīnaṃ aṭṭhaṅgiko khemo, natthi tato khemataro añño maggo. Atha vā khemaṃ amatagāminanti ettha khemantipi amatantipi nibbānasseva nāmaṃ. Yāvatā puthusamaṇabrāhmaṇā parappavādā khemagāmino ca amatagāmino cāti laddhivasena gahitā, sabbesaṃ tesaṃ khemaamatagāmīnaṃ maggānaṃ aṭṭhaṅgiko paramo uttamoti ayamettha attho.
๒๑๖. อาจริยปาจริยานนฺติ อาจริยานเญฺจว อาจริยาจริยานญฺจฯ สเมตีติ เอกนาฬิยา มิตํ วิย เอกตุลาย ตุลิตํ วิย สทิสํ โหติ นินฺนานากรณํฯ อโนมชฺชตีติ ปาณิํ เหฎฺฐา โอตาเรโนฺต มชฺชติ – ‘‘อิทํ ตํ, โภ โคตม, อาโรคฺยํ, อิทํ ตํ นิพฺพาน’’นฺติ กาเลน สีสํ กาเลน อุรํ ปริมชฺชโนฺต เอวมาหฯ
216.Ācariyapācariyānanti ācariyānañceva ācariyācariyānañca. Sametīti ekanāḷiyā mitaṃ viya ekatulāya tulitaṃ viya sadisaṃ hoti ninnānākaraṇaṃ. Anomajjatīti pāṇiṃ heṭṭhā otārento majjati – ‘‘idaṃ taṃ, bho gotama, ārogyaṃ, idaṃ taṃ nibbāna’’nti kālena sīsaṃ kālena uraṃ parimajjanto evamāha.
๒๑๗. เฉกนฺติ สมฺปนฺนํฯ สาหุฬิจีเรนาติ กาฬเกหิ เอฬกโลเมหิ กตถูลจีเรนฯ สงฺการโจฬเกนาติปิ วทนฺติฯ วาจํ นิจฺฉาเรยฺยาติ กาเลน ทสาย กาเลน อเนฺต กาเลน มเชฺฌ ปริมชฺชโนฺต นิจฺฉาเรยฺย, วเทยฺยาติ อโตฺถฯ ปุพฺพเกเหสาติ ปุพฺพเกหิ เอสาฯ วิปสฺสีปิ หิ ภควา…เป.… กสฺสโปปิ ภควา จตุปริสมเชฺฌ นิสิโนฺน อิมํ คาถํ อภาสิ, ‘‘อตฺถนิสฺสิตคาถา’’ติ มหาชโน อุคฺคณฺหิฯ สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อปรภาเค ปริพฺพาชกานํ อนฺตรํ ปวิฎฺฐาฯ เต โปตฺถกคตํ กตฺวา ปททฺวยเมว รกฺขิตุํ สกฺขิํสุฯ เตนาห – สา เอตรหิ อนุปุเพฺพน ปุถุชฺชนคาถาติฯ
217.Chekanti sampannaṃ. Sāhuḷicīrenāti kāḷakehi eḷakalomehi katathūlacīrena. Saṅkāracoḷakenātipi vadanti. Vācaṃ nicchāreyyāti kālena dasāya kālena ante kālena majjhe parimajjanto nicchāreyya, vadeyyāti attho. Pubbakehesāti pubbakehi esā. Vipassīpi hi bhagavā…pe… kassapopi bhagavā catuparisamajjhe nisinno imaṃ gāthaṃ abhāsi, ‘‘atthanissitagāthā’’ti mahājano uggaṇhi. Satthari parinibbute aparabhāge paribbājakānaṃ antaraṃ paviṭṭhā. Te potthakagataṃ katvā padadvayameva rakkhituṃ sakkhiṃsu. Tenāha – sā etarahi anupubbena puthujjanagāthāti.
๒๑๘. โรโคว ภูโตติ โรคภูโตฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อริยํ จกฺขุนฺติ ปริสุทฺธํ วิปสฺสนาญาณเญฺจว มคฺคญาณญฺจฯ ปโหตีติ สมโตฺถฯ เภสชฺชํ กเรยฺยาติ อุทฺธํวิเรจนํ อโธวิเรจนํ อญฺชนญฺจาติ เภสชฺชํ กเรยฺยฯ
218. Rogova bhūtoti rogabhūto. Sesapadesupi eseva nayo. Ariyaṃ cakkhunti parisuddhaṃ vipassanāñāṇañceva maggañāṇañca. Pahotīti samattho. Bhesajjaṃ kareyyāti uddhaṃvirecanaṃ adhovirecanaṃ añjanañcāti bhesajjaṃ kareyya.
๒๑๙. น จกฺขูนิ อุปฺปาเทยฺยาติ ยสฺส หิ อนฺตรา ปิตฺตเสมฺหาทิปลิเวเฐน จกฺขุปสาโท อุปหโต โหติ, โส เฉกํ เวชฺชํ อาคมฺม สปฺปายเภสชฺชํ เสวโนฺต จกฺขูนิ อุปฺปาเทติ นามฯ ชจฺจนฺธสฺส ปน มาตุกุจฺฉิยํเยว วินฎฺฐานิ, ตสฺมา โส น ลภติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘น จกฺขูนิ อุปฺปาเทยฺยา’’ติฯ
219.Na cakkhūni uppādeyyāti yassa hi antarā pittasemhādipaliveṭhena cakkhupasādo upahato hoti, so chekaṃ vejjaṃ āgamma sappāyabhesajjaṃ sevanto cakkhūni uppādeti nāma. Jaccandhassa pana mātukucchiyaṃyeva vinaṭṭhāni, tasmā so na labhati. Tena vuttaṃ ‘‘na cakkhūni uppādeyyā’’ti.
๒๒๐. ทุติยวาเร ชจฺจโนฺธติ ชาตกาลโต ปฎฺฐาย ปิตฺตาทิปลิเวเฐน อโนฺธฯ อมุสฺมินฺติ ตสฺมิํ ปุเพฺพ วุเตฺตฯ อมิตฺตโตปิ ทเหยฺยาติ อมิโตฺต เม อยนฺติ เอวํ อมิตฺตโต ฐเปยฺยฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ อิมินา จิเตฺตนาติ วเฎฺฎ อนุคตจิเตฺตนฯ ตสฺส เม อุปาทานปจฺจยาติ เอกสนฺธิ ทฺวิสเงฺขโป ปจฺจยากาโร กถิโต, วฎฺฎํ วิภาวิตํฯ
220. Dutiyavāre jaccandhoti jātakālato paṭṭhāya pittādipaliveṭhena andho. Amusminti tasmiṃ pubbe vutte. Amittatopi daheyyāti amitto me ayanti evaṃ amittato ṭhapeyya. Dutiyapadepi eseva nayo. Iminā cittenāti vaṭṭe anugatacittena. Tassa me upādānapaccayāti ekasandhi dvisaṅkhepo paccayākāro kathito, vaṭṭaṃ vibhāvitaṃ.
๒๒๑. ธมฺมานุธมฺมนฺติ ธมฺมสฺส อนุธมฺมํ อนุจฺฉวิกํ ปฎิปทํฯ อิเม โรคา คณฺฑา สลฺลาติ ปญฺจกฺขเนฺธ ทเสฺสติฯ อุปาทานนิโรธาติ วิวฎฺฎํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
221.Dhammānudhammanti dhammassa anudhammaṃ anucchavikaṃ paṭipadaṃ. Ime rogā gaṇḍā sallāti pañcakkhandhe dasseti. Upādānanirodhāti vivaṭṭaṃ dassento āha. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Māgaṇḍiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๕. มาคณฺฑิยสุตฺตํ • 5. Māgaṇḍiyasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา • 5. Māgaṇḍiyasuttavaṇṇanā