Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๙. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา

    9. Māgaṇḍiyasuttavaṇṇanā

    ๘๔๒. ทิสฺวาน ตณฺหนฺติ มาคณฺฑิยสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรโนฺต ปจฺจูสสมเย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต กุรูสุ กมฺมาสธมฺมนิคมวาสิโน มาคณฺฑิยสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส สปชาปติกสฺส อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตาวเทว สาวตฺถิโต ตตฺถ คนฺตฺวา กมฺมาสธมฺมสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ วนสเณฺฑ นิสีทิ สุวโณฺณภาสํ มุญฺจมาโนฯ มาคณฺฑิโยปิ ตงฺขณํ ตตฺถ มุขโธวนตฺถํ คโต สุวโณฺณภาสํ ทิสฺวา ‘‘กิํ อิท’’นฺติ อิโต จิโต จ เปกฺขมาโน ภควนฺตํ ทิสฺวา อตฺตมโน อโหสิฯ ตสฺส กิร ธีตา สุวณฺณวณฺณา, ตํ พหู ขตฺติยกุมาราทโย วารยนฺตา น ลภนฺติฯ พฺราหฺมโณ เอวํลทฺธิโก โหติ ‘‘สมณเสฺสว นํ สุวณฺณวณฺณสฺส ทสฺสามี’’ติฯ โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เม ธีตาย สมานวโณฺณ, อิมสฺส นํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ ตสฺมา ทิสฺวาว อตฺตมโน อโหสิฯ โส เวเคน ฆรํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณิํ อาห – ‘‘โภติ โภติ มยา ธีตาย สมานวโณฺณ ปุริโส ทิโฎฺฐ, อลงฺกโรหิ ทาริกํ, ตสฺส นํ ทสฺสามา’’ติฯ พฺราหฺมณิยา ทาริกํ คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา วตฺถปุปฺผาลงฺการาทีหิ อลงฺกโรนฺติยา เอว ภควโต ภิกฺขาจารเวลา สมฺปตฺตาฯ อถ ภควา กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ

    842.Disvānataṇhanti māgaṇḍiyasuttaṃ. Kā uppatti? Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharanto paccūsasamaye buddhacakkhunā lokaṃ volokento kurūsu kammāsadhammanigamavāsino māgaṇḍiyassa nāma brāhmaṇassa sapajāpatikassa arahattūpanissayaṃ disvā tāvadeva sāvatthito tattha gantvā kammāsadhammassa avidūre aññatarasmiṃ vanasaṇḍe nisīdi suvaṇṇobhāsaṃ muñcamāno. Māgaṇḍiyopi taṅkhaṇaṃ tattha mukhadhovanatthaṃ gato suvaṇṇobhāsaṃ disvā ‘‘kiṃ ida’’nti ito cito ca pekkhamāno bhagavantaṃ disvā attamano ahosi. Tassa kira dhītā suvaṇṇavaṇṇā, taṃ bahū khattiyakumārādayo vārayantā na labhanti. Brāhmaṇo evaṃladdhiko hoti ‘‘samaṇasseva naṃ suvaṇṇavaṇṇassa dassāmī’’ti. So bhagavantaṃ disvā ‘‘ayaṃ me dhītāya samānavaṇṇo, imassa naṃ dassāmī’’ti cittaṃ uppādesi. Tasmā disvāva attamano ahosi. So vegena gharaṃ gantvā brāhmaṇiṃ āha – ‘‘bhoti bhoti mayā dhītāya samānavaṇṇo puriso diṭṭho, alaṅkarohi dārikaṃ, tassa naṃ dassāmā’’ti. Brāhmaṇiyā dārikaṃ gandhodakena nhāpetvā vatthapupphālaṅkārādīhi alaṅkarontiyā eva bhagavato bhikkhācāravelā sampattā. Atha bhagavā kammāsadhammaṃ piṇḍāya pāvisi.

    เตปิ โข ธีตรํ คเหตฺวา ภควโต นิสิโนฺนกาสํ อคมํสุฯ ตตฺถ ภควนฺตํ อทิสฺวา พฺราหฺมณี อิโต จิโต จ วิโลเกนฺตี ภควโต นิสชฺชฎฺฐานํ ติณสนฺถารกํ อทฺทสฯ พุทฺธานญฺจ อธิฎฺฐานพเลน นิสิโนฺนกาโส ปทนิเกฺขโป จ อพฺยากุลา โหนฺติฯ สา พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘เอส, พฺราหฺมณ, ตสฺส ติณสนฺถาโร’’ติ? ‘‘อาม, โภตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, อมฺหากํ อาคมนกมฺมํ น สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติฯ ‘‘กสฺมา โภตี’’ติ? ‘‘ปสฺส, พฺราหฺมณ, อพฺยากุโล ติณสนฺถาโร, เนโส กามโภคิโน ปริภุโตฺต’’ติฯ พฺราหฺมโณ ‘‘มา, โภติ มงฺคเล ปริเยสิยมาเน อวมงฺคลํ อภณี’’ติ อาหฯ ปุนปิ พฺราหฺมณี อิโต จิโต จ วิจรนฺตี ภควโต ปทนิเกฺขปํ ทิสฺวา พฺราหฺมณํ อาห ‘‘อยํ ตสฺส ปทนิเกฺขโป’’ติ? ‘‘อาม, โภตี’’ติฯ ‘‘ปสฺส, พฺราหฺมณ, ปทนิเกฺขปํ, นายํ สโตฺต กาเมสุ คธิโต’’ติฯ ‘‘กถํ ตฺวํ โภติ ชานาสี’’ติ จ วุตฺตา อตฺตโน ญาณพลํ ทเสฺสนฺตี อาห –

    Tepi kho dhītaraṃ gahetvā bhagavato nisinnokāsaṃ agamaṃsu. Tattha bhagavantaṃ adisvā brāhmaṇī ito cito ca vilokentī bhagavato nisajjaṭṭhānaṃ tiṇasanthārakaṃ addasa. Buddhānañca adhiṭṭhānabalena nisinnokāso padanikkhepo ca abyākulā honti. Sā brāhmaṇaṃ āha – ‘‘esa, brāhmaṇa, tassa tiṇasanthāro’’ti? ‘‘Āma, bhotī’’ti. ‘‘Tena hi, brāhmaṇa, amhākaṃ āgamanakammaṃ na sampajjissatī’’ti. ‘‘Kasmā bhotī’’ti? ‘‘Passa, brāhmaṇa, abyākulo tiṇasanthāro, neso kāmabhogino paribhutto’’ti. Brāhmaṇo ‘‘mā, bhoti maṅgale pariyesiyamāne avamaṅgalaṃ abhaṇī’’ti āha. Punapi brāhmaṇī ito cito ca vicarantī bhagavato padanikkhepaṃ disvā brāhmaṇaṃ āha ‘‘ayaṃ tassa padanikkhepo’’ti? ‘‘Āma, bhotī’’ti. ‘‘Passa, brāhmaṇa, padanikkhepaṃ, nāyaṃ satto kāmesu gadhito’’ti. ‘‘Kathaṃ tvaṃ bhoti jānāsī’’ti ca vuttā attano ñāṇabalaṃ dassentī āha –

    ‘‘รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฎิกํ ปทํ ภเว,

    ‘‘Rattassa hi ukkuṭikaṃ padaṃ bhave,

    ทุฎฺฐสฺส โหติ อนุกฑฺฒิตํ ปทํ;

    Duṭṭhassa hoti anukaḍḍhitaṃ padaṃ;

    มูฬฺหสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ,

    Mūḷhassa hoti sahasānupīḷitaṃ,

    วิวฎฺฎจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติฯ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.๒ สามาวตีวตฺถุ; วิสุทฺธิ. ๑.๔๕);

    Vivaṭṭacchadassa idamīdisaṃ pada’’nti. (a. ni. aṭṭha. 1.1.260-261; dha. pa. aṭṭha. 1.2 sāmāvatīvatthu; visuddhi. 1.45);

    อยญฺจรหิ เตสํ กถา วิปฺปกตา, อถ ภควา กตภตฺตกิโจฺจ ตเมว วนสณฺฑํ อาคโตฯ พฺราหฺมณี ภควโต วรลกฺขณขจิตํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ รูปํ ทิสฺวา พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘เอส ตยา, พฺราหฺมณ, ทิโฎฺฐ’’ติ? ‘‘อาม โภตี’’ติฯ ‘‘อาคตกมฺมํ น สมฺปชฺชิสฺสเตว, เอวรูโป นาม กาเม ปริภุญฺชิสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ เตสํ เอวํ วทนฺตานเญฺญว ภควา ติณสนฺถารเก นิสีทิฯ อถ พฺราหฺมโณ ธีตรํ วาเมน หเตฺถน คเหตฺวา กมณฺฑลุํ ทกฺขิเณน หเตฺถน คเหตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘โภ, ปพฺพชิต, ตฺวญฺจ สุวณฺณวโณฺณ อยญฺจ ทาริกา, อนุจฺฉวิกา เอสา ตว, อิมาหํ โภโต ภริยํ โปสาวนตฺถาย ทมฺมี’’ติ วตฺวา ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ทาตุกาโม อฎฺฐาสิฯ ภควา พฺราหฺมณํ อนาลปิตฺวา อเญฺญน สทฺธิํ สลฺลปมาโน วิย ‘‘ทิสฺวาน ตณฺห’’นฺติ อิมํ คาถํ อภาสิฯ

    Ayañcarahi tesaṃ kathā vippakatā, atha bhagavā katabhattakicco tameva vanasaṇḍaṃ āgato. Brāhmaṇī bhagavato varalakkhaṇakhacitaṃ byāmappabhāparikkhittaṃ rūpaṃ disvā brāhmaṇaṃ āha – ‘‘esa tayā, brāhmaṇa, diṭṭho’’ti? ‘‘Āma bhotī’’ti. ‘‘Āgatakammaṃ na sampajjissateva, evarūpo nāma kāme paribhuñjissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti. Tesaṃ evaṃ vadantānaññeva bhagavā tiṇasanthārake nisīdi. Atha brāhmaṇo dhītaraṃ vāmena hatthena gahetvā kamaṇḍaluṃ dakkhiṇena hatthena gahetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ‘‘bho, pabbajita, tvañca suvaṇṇavaṇṇo ayañca dārikā, anucchavikā esā tava, imāhaṃ bhoto bhariyaṃ posāvanatthāya dammī’’ti vatvā bhagavato santikaṃ gantvā dātukāmo aṭṭhāsi. Bhagavā brāhmaṇaṃ anālapitvā aññena saddhiṃ sallapamāno viya ‘‘disvāna taṇha’’nti imaṃ gāthaṃ abhāsi.

    ตสฺสโตฺถ – อชปาลนิโคฺรธมูเล นานารูปานิ นิมฺมินิตฺวา อภิกามมาคตํ มารธีตรํ ทิสฺวาน ตณฺหํ อรติํ รคญฺจ ฉนฺทมตฺตมฺปิ เม เมถุนสฺมิํ นาโหสิ, กิเมวิทํ อิมิสฺสา ทาริกาย มุตฺตกรีสปุณฺณํ รูปํ ทิสฺวา ภวิสฺสติ สพฺพถา ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิเจฺฉ, กุโตเนน สํวสิตุนฺติฯ

    Tassattho – ajapālanigrodhamūle nānārūpāni nimminitvā abhikāmamāgataṃ māradhītaraṃ disvāna taṇhaṃ aratiṃ ragañca chandamattampi me methunasmiṃ nāhosi, kimevidaṃ imissā dārikāya muttakarīsapuṇṇaṃ rūpaṃ disvā bhavissati sabbathā pādāpi naṃ samphusituṃ na icche, kutonena saṃvasitunti.

    ๘๔๓. ตโต มาคณฺฑิโย ‘‘ปพฺพชิตา นาม มานุสเก กาเม ปหาย ทิพฺพกามตฺถาย ปพฺพชนฺติ, อยญฺจ ทิเพฺพปิ กาเม น อิจฺฉติ, อิทมฺปิ อิตฺถิรตนํ, กา นุ อสฺส ทิฎฺฐี’’ติ ปุจฺฉิตุํ ทุติยํ คาถมาหฯ ตตฺถ เอตาทิสํ เจ รตนนฺติ ทิพฺพิตฺถิรตนํ สนฺธาย ภณติ, นารินฺติ อตฺตโน ธีตรํ สนฺธายฯ ทิฎฺฐิคตํ สีลวตํ นุ ชีวิตนฺติ ทิฎฺฐิญฺจ สีลญฺจ วตญฺจ ชีวิตญฺจฯ ภวูปปตฺติญฺจ วเทสิ กีทิสนฺติ อตฺตโน ภวูปปตฺติญฺจ กีทิสํ วทสีติฯ

    843. Tato māgaṇḍiyo ‘‘pabbajitā nāma mānusake kāme pahāya dibbakāmatthāya pabbajanti, ayañca dibbepi kāme na icchati, idampi itthiratanaṃ, kā nu assa diṭṭhī’’ti pucchituṃ dutiyaṃ gāthamāha. Tattha etādisaṃ ce ratananti dibbitthiratanaṃ sandhāya bhaṇati, nārinti attano dhītaraṃ sandhāya. Diṭṭhigataṃ sīlavataṃ nu jīvitanti diṭṭhiñca sīlañca vatañca jīvitañca. Bhavūpapattiñca vadesi kīdisanti attano bhavūpapattiñca kīdisaṃ vadasīti.

    ๘๔๔. อิโต ปรา เทฺว คาถา วิสชฺชนปุจฺฉานเยน ปวตฺตตฺตา ปากฎสมฺพนฺธาเยวฯ ตาสุ ปฐมคาถาย สเงฺขปโตฺถ – ตสฺส มยฺหํ, มาคณฺฑิย, ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตธเมฺมสุ นิจฺฉินิตฺวา ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’นฺติ เอวํ อิทํ วทามีติ สมุคฺคหิตํ น โหติ นตฺถิ น วิชฺชติฯ กิํการณา ? อหญฺหิ ปสฺสโนฺต ทิฎฺฐีสุ อาทีนวํ กญฺจิ ทิฎฺฐิํ อคฺคเหตฺวา สจฺจานิ ปวิจินโนฺต อชฺฌตฺตํ ราคาทีนํ สนฺติภาเวน อชฺฌตฺตสนฺติสงฺขาตํ นิพฺพานเมว อทฺทสนฺติฯ

    844. Ito parā dve gāthā visajjanapucchānayena pavattattā pākaṭasambandhāyeva. Tāsu paṭhamagāthāya saṅkhepattho – tassa mayhaṃ, māgaṇḍiya, dvāsaṭṭhidiṭṭhigatadhammesu nicchinitvā ‘‘idameva saccaṃ, moghamañña’’nti evaṃ idaṃ vadāmīti samuggahitaṃ na hoti natthi na vijjati. Kiṃkāraṇā ? Ahañhi passanto diṭṭhīsu ādīnavaṃ kañci diṭṭhiṃ aggahetvā saccāni pavicinanto ajjhattaṃ rāgādīnaṃ santibhāvena ajjhattasantisaṅkhātaṃ nibbānameva addasanti.

    ๘๔๕. ทุติยคาถาย สเงฺขปโตฺถ – ยานิมานิ ทิฎฺฐิคตานิ เตหิ เตหิ สเตฺตหิ วินิจฺฉินิตฺวา คหิตตฺตา วินิจฺฉยาติ จ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตภาวาทินา นเยน ปกปฺปิตานิ จาติ วุจฺจนฺติฯ เต ตฺวํ มุนิ ทิฎฺฐิคตธเมฺม อคฺคเหตฺวา อชฺฌตฺตสนฺตีติ ยเมตมตฺถํ พฺรูสิ, อาจิกฺข เม, กถํ นุ ธีเรหิ ปเวทิตํ กถํ ปกาสิตํ ธีเรหิ ตํ ปทนฺติฯ

    845. Dutiyagāthāya saṅkhepattho – yānimāni diṭṭhigatāni tehi tehi sattehi vinicchinitvā gahitattā vinicchayāti ca attano paccayehi abhisaṅkhatabhāvādinā nayena pakappitāni cāti vuccanti. Te tvaṃ muni diṭṭhigatadhamme aggahetvā ajjhattasantīti yametamatthaṃ brūsi, ācikkha me, kathaṃ nu dhīrehi paveditaṃ kathaṃ pakāsitaṃ dhīrehi taṃ padanti.

    ๘๔๖. อถสฺส ภควา ยถา เยน อุปาเยน ตํ ปทํ ธีเรหิ ปกาสิตํ, ตํ อุปายํ สปฎิปกฺขํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น ทิฎฺฐิยา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ‘‘น ทิฎฺฐิยา’’ติอาทีหิ ทิฎฺฐิสุติอฎฺฐสมาปตฺติญาณพาหิรสีลพฺพตานิ ปฎิกฺขิปติฯ ‘‘สุทฺธิมาหา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ อาห-สทฺทํ สพฺพตฺถ นกาเรน สทฺธิํ โยเชตฺวา ปุริสพฺยตฺตยํ กตฺวา ‘‘ทิฎฺฐิยา สุทฺธิํ นาหํ กเถมี’’ติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ อุตฺตรปเทสุปิฯ ตตฺถ จ อทิฎฺฐิยา นาหาติ ทสวตฺถุกํ สมฺมาทิฎฺฐิํ วินา น กเถมิฯ ตถา อสฺสุติยาติ นวงฺคํ สวนํ วินาฯ อญาณาติ กมฺมสฺส กตสจฺจานุโลมิกญาณํ วินาฯ อสีลตาติ ปาติโมกฺขสํวรํ วินาฯ อพฺพตาติ ธุตงฺควตํ วินาฯ โนปิ เตนาติ เตสุ เอกเมเกน ทิฎฺฐิอาทิมเตฺตนาปิ โน กเถมีติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอเต จ นิสฺสชฺช อนุคฺคหายาติ เอเต จ ปุริเม ทิฎฺฐิอาทิเภเท กณฺหปกฺขิเย ธเมฺม สมุคฺฆาตกรเณน นิสฺสชฺช, ปจฺฉิเม อทิฎฺฐิอาทิเภเท สุกฺกปกฺขิเย อตมฺมยตาปชฺชเนน อนุคฺคหายฯ สโนฺต อนิสฺสาย ภวํ น ชเปฺปติ อิมาย ปฎิปตฺติยา ราคาทิวูปสเมน สโนฺต จกฺขาทีสุ กญฺจิ ธมฺมํ อนิสฺสาย เอกมฺปิ ภวํ อปิเหตุํ อปเตฺถตุํ สมโตฺถ สิยา, อยมสฺส อชฺฌตฺตสนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ

    846. Athassa bhagavā yathā yena upāyena taṃ padaṃ dhīrehi pakāsitaṃ, taṃ upāyaṃ sapaṭipakkhaṃ dassento ‘‘na diṭṭhiyā’’ti gāthamāha. Tattha ‘‘na diṭṭhiyā’’tiādīhi diṭṭhisutiaṭṭhasamāpattiñāṇabāhirasīlabbatāni paṭikkhipati. ‘‘Suddhimāhā’’ti ettha vuttaṃ āha-saddaṃ sabbattha nakārena saddhiṃ yojetvā purisabyattayaṃ katvā ‘‘diṭṭhiyā suddhiṃ nāhaṃ kathemī’’ti evamattho veditabbo. Yathā cettha, evaṃ uttarapadesupi. Tattha ca adiṭṭhiyā nāhāti dasavatthukaṃ sammādiṭṭhiṃ vinā na kathemi. Tathā assutiyāti navaṅgaṃ savanaṃ vinā. Añāṇāti kammassa katasaccānulomikañāṇaṃ vinā. Asīlatāti pātimokkhasaṃvaraṃ vinā. Abbatāti dhutaṅgavataṃ vinā. Nopi tenāti tesu ekamekena diṭṭhiādimattenāpi no kathemīti evamattho veditabbo. Ete ca nissajja anuggahāyāti ete ca purime diṭṭhiādibhede kaṇhapakkhiye dhamme samugghātakaraṇena nissajja, pacchime adiṭṭhiādibhede sukkapakkhiye atammayatāpajjanena anuggahāya. Santo anissāya bhavaṃ najappeti imāya paṭipattiyā rāgādivūpasamena santo cakkhādīsu kañci dhammaṃ anissāya ekampi bhavaṃ apihetuṃ apatthetuṃ samattho siyā, ayamassa ajjhattasantīti adhippāyo.

    ๘๔๗. เอวํ วุเตฺต วจนตฺถํ อสลฺลเกฺขโนฺต มาคณฺฑิโย ‘‘โน เจ กิรา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ทิฎฺฐาทีนิ วุตฺตนยาเนวฯ กณฺหปกฺขิยานิเยว ปน สนฺธาย อุภยตฺราปิ อาหฯ อาห-สทฺทํ ปน โนเจกิร-สเทฺทน โยเชตฺวา ‘‘โน เจ กิราห โน เจ กิร กเถสี’’ติ เอวํ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ โมมุหนฺติ อติมูฬฺหํ, โมหนํ วาฯ ปเจฺจนฺตีติ ชานนฺติฯ

    847. Evaṃ vutte vacanatthaṃ asallakkhento māgaṇḍiyo ‘‘no ce kirā’’ti gāthamāha. Tattha diṭṭhādīni vuttanayāneva. Kaṇhapakkhiyāniyeva pana sandhāya ubhayatrāpi āha. Āha-saddaṃ pana nocekira-saddena yojetvā ‘‘no ce kirāha no ce kira kathesī’’ti evaṃ attho daṭṭhabbo. Momuhanti atimūḷhaṃ, mohanaṃ vā. Paccentīti jānanti.

    ๘๔๘. อถสฺส ภควา ตํ ทิฎฺฐิํ นิสฺสาย ปุจฺฉํ ปฎิกฺขิปโนฺต ‘‘ทิฎฺฐิญฺจ นิสฺสายา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ตฺวํ, มาคณฺฑิย, ทิฎฺฐิํ นิสฺสาย ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉมาโน ยานิ เต ทิฎฺฐิคตานิ สมุคฺคหิตานิ, เตเสฺวว สมุคฺคหีเตสุ เอวํ ปโมหํ อาคโต, อิโต จ มยา วุตฺตอชฺฌตฺตสนฺติโต ปฎิปตฺติโต ธมฺมเทสนโต วา อณุมฺปิ ยุตฺตสญฺญํ น ปสฺสสิ, เตน การเณน ตฺวํ อิมํ ธมฺมํ โมมุหโต ปสฺสสีติฯ

    848. Athassa bhagavā taṃ diṭṭhiṃ nissāya pucchaṃ paṭikkhipanto ‘‘diṭṭhiñca nissāyā’’ti gāthamāha. Tassattho – tvaṃ, māgaṇḍiya, diṭṭhiṃ nissāya punappunaṃ pucchamāno yāni te diṭṭhigatāni samuggahitāni, tesveva samuggahītesu evaṃ pamohaṃ āgato, ito ca mayā vuttaajjhattasantito paṭipattito dhammadesanato vā aṇumpi yuttasaññaṃ na passasi, tena kāraṇena tvaṃ imaṃ dhammaṃ momuhato passasīti.

    ๘๔๙. เอวํ สมุคฺคหิเตสุ ปโมเหน มาคณฺฑิยสฺส วิวาทาปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตสุ อเญฺญสุ จ ธเมฺมสุ วิคตปฺปโมหสฺส อตฺตโน นิพฺพิวาทตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สโม วิเสสี’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย เอวํ ติวิธมาเนน วา ทิฎฺฐิยา วา มญฺญติ, โส เตน มาเนน ตาย ทิฎฺฐิยา เตน วา ปุคฺคเลน วิวเทยฺยฯ โย ปน อมฺหาทิโส อิมาสุ ตีสุ วิธาสุ อวิกมฺปมาโน, สโม วิเสสีติ น ตสฺส โหติ, น จ หีโนติ ปาฐเสโสฯ

    849. Evaṃ samuggahitesu pamohena māgaṇḍiyassa vivādāpattiṃ dassetvā idāni tesu aññesu ca dhammesu vigatappamohassa attano nibbivādataṃ dassento ‘‘samo visesī’’ti gāthamāha. Tassattho – yo evaṃ tividhamānena vā diṭṭhiyā vā maññati, so tena mānena tāya diṭṭhiyā tena vā puggalena vivadeyya. Yo pana amhādiso imāsu tīsu vidhāsu avikampamāno, samo visesīti na tassa hoti, na ca hīnoti pāṭhaseso.

    ๘๕๐. กิญฺจ ภิโยฺย – สจฺจนฺติ โสติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – โส เอวรูโป ปหีนมานทิฎฺฐิโก มาทิโส พาหิตปาปตฺตาทินา นเยน พฺราหฺมโณ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ กิํ วเทยฺย กิํ วตฺถุํ ภเณยฺย, เกน วา การเณน ภเณยฺย, ‘‘มยฺหํ สจฺจํ, ตุยฺหํ มุสา’’ติ วา เกน มาเนน ทิฎฺฐิยา ปุคฺคเลน วา วิวเทยฺย? ยสฺมิํ มาทิเส ขีณาสเว ‘‘สทิโสหมสฺมี’’ติ ปวตฺติยา สมํ วา, อิตรทฺวยภาเวน ปวตฺติยา วิสมํ วา มญฺญิตํ นตฺถิ, โส สมานาทีสุ เกน วาทํ ปฎิสํยุเชยฺย ปฎิปฺผเรยฺยาติฯ นนุ เอกํเสเนว เอวรูโป ปุคฺคโล – โอกํ ปหายาติ คาถา?

    850. Kiñca bhiyyo – saccanti soti gāthā. Tassattho – so evarūpo pahīnamānadiṭṭhiko mādiso bāhitapāpattādinā nayena brāhmaṇo ‘‘idameva sacca’’nti kiṃ vadeyya kiṃ vatthuṃ bhaṇeyya, kena vā kāraṇena bhaṇeyya, ‘‘mayhaṃ saccaṃ, tuyhaṃ musā’’ti vā kena mānena diṭṭhiyā puggalena vā vivadeyya? Yasmiṃ mādise khīṇāsave ‘‘sadisohamasmī’’ti pavattiyā samaṃ vā, itaradvayabhāvena pavattiyā visamaṃ vā maññitaṃ natthi, so samānādīsu kena vādaṃ paṭisaṃyujeyya paṭipphareyyāti. Nanu ekaṃseneva evarūpo puggalo – okaṃ pahāyāti gāthā?

    ๘๕๑. ตตฺถ โอกํ ปหายาติ รูปวตฺถาทิวิญฺญาณสฺส โอกาสํ ตตฺร ฉนฺทราคปฺปหาเนน ฉเฑฺฑตฺวาฯ อนิเกตสารีติ รูปนิมิตฺตนิเกตาทีนิ ตณฺหาวเสน อสรโนฺตฯ คาเม อกุพฺพํ มุนิ สนฺถวานีติ คาเม คิหิสนฺถวานิ อกโรโนฺตฯ กาเมหิ ริโตฺตติ กาเมสุ ฉนฺทราคาภาเวน สพฺพกาเมหิ ปุถุภูโตฯ อปุเรกฺขราโนติ อายติํ อตฺตภาวํ อนภินิพฺพเตฺตโนฺตฯ กถํ น วิคฺคยฺห ชเนน กยิราติ ชเนน สทฺธิํ วิคฺคาหิกกถํ น กเถยฺยฯ โส เอวรูโป – เยหิ วิวิโตฺตติ คาถาฯ

    851. Tattha okaṃ pahāyāti rūpavatthādiviññāṇassa okāsaṃ tatra chandarāgappahānena chaḍḍetvā. Aniketasārīti rūpanimittaniketādīni taṇhāvasena asaranto. Gāme akubbaṃ muni santhavānīti gāme gihisanthavāni akaronto. Kāmehi rittoti kāmesu chandarāgābhāvena sabbakāmehi puthubhūto. Apurekkharānoti āyatiṃ attabhāvaṃ anabhinibbattento. Kathaṃ na viggayha janena kayirāti janena saddhiṃ viggāhikakathaṃ na katheyya. So evarūpo – yehi vivittoti gāthā.

    ๘๕๒. ตตฺถ เยหีติ เยหิ ทิฎฺฐิคเตหิฯ วิวิโตฺต วิจเรยฺยาติ ริโตฺต จเรยฺยฯ น ตานิ อุคฺคยฺห วเทยฺย นาโคติ ‘‘อาคุํ น กโรตี’’ติอาทินา (จูฬนิ. ภทฺราวุธมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๗๐; ปารายนานุคีติคาถานิเทฺทส ๑๐๒) นเยน นาโค ตานิ ทิฎฺฐิคตานิ อุคฺคเหตฺวา น วเทยฺยฯ ชลมฺพุชนฺติ ชลสญฺญิเต อมฺพุมฺหิ ชาตํ กณฺฎกนาฬํ วาริชํ, ปทุมนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ยถา ชเลน ปเงฺกน จ นูปลิตฺตนฺติ ตํ ปทุมํ ยถา ชเลน จ ปเงฺกน จ อนุปลิตฺตํ โหติ, เอวํ มุนิ สนฺติวาโท อคิโทฺธติ เอวํ อชฺฌตฺตสนฺติวาโท มุนิ เคธาภาเวน อคิโทฺธฯ กาเม จ โลเก จ อนูปลิโตฺตติ ทุวิเธปิ กาเม อปายาทิเก จ โลเก ทฺวีหิปิ เลเปหิ อนุปลิโตฺต โหติฯ

    852. Tattha yehīti yehi diṭṭhigatehi. Vivitto vicareyyāti ritto careyya. Na tāni uggayha vadeyya nāgoti ‘‘āguṃ na karotī’’tiādinā (cūḷani. bhadrāvudhamāṇavapucchāniddesa 70; pārāyanānugītigāthāniddesa 102) nayena nāgo tāni diṭṭhigatāni uggahetvā na vadeyya. Jalambujanti jalasaññite ambumhi jātaṃ kaṇṭakanāḷaṃ vārijaṃ, padumanti vuttaṃ hoti. Yathā jalena paṅkena ca nūpalittanti taṃ padumaṃ yathā jalena ca paṅkena ca anupalittaṃ hoti, evaṃ muni santivādo agiddhoti evaṃ ajjhattasantivādo muni gedhābhāvena agiddho. Kāmeca loke caanūpalittoti duvidhepi kāme apāyādike ca loke dvīhipi lepehi anupalitto hoti.

    ๘๕๓. กิญฺจ ภิโยฺย – น เวทคูติ คาถาฯ ตตฺถ น เวทคู ทิฎฺฐิยายโกติ จตุมคฺคเวทคู มาทิโส ทิฎฺฐิยายโก น โหติ, ทิฎฺฐิยา คจฺฉโนฺต วา, ตํ สารโต ปเจฺจโนฺต วา น โหติฯ ตตฺถ วจนโตฺถ – ยายตีติ ยายโก, กรณวจเนน ทิฎฺฐิยา ยาตีติ ทิฎฺฐิยายโกฯ อุปโยคเตฺถ สามิวจเนน ทิฎฺฐิยา ยาตีติปิ ทิฎฺฐิยายโกฯ น มุติยา ส มานเมตีติ มุตรูปาทิเภทาย มุติยาปิ โส มานํ น เอติฯ น หิ ตมฺมโย โสติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน ตมฺมโย โหติ ตปฺปรายโณ, อยํ ปน น ตาทิโสฯ น กมฺมุนา โนปิ สุเตน เนโยฺยติ ปุญฺญาภิสงฺขาราทินา กมฺมุนา วา สุตสุทฺธิอาทินา สุเตน วา โส เนตโพฺพ น โหติฯ อนูปนีโต ส นิเวสเนสูติ โส ทฺวินฺนมฺปิ อุปยานํ ปหีนตฺตา สเพฺพสุ ตณฺหาทิฎฺฐินิเวสเนสุ อนูปนีโตฯ ตสฺส จ เอวํวิธสฺส – สญฺญาวิรตฺตสฺสาติ คาถาฯ

    853. Kiñca bhiyyo – na vedagūti gāthā. Tattha na vedagū diṭṭhiyāyakoti catumaggavedagū mādiso diṭṭhiyāyako na hoti, diṭṭhiyā gacchanto vā, taṃ sārato paccento vā na hoti. Tattha vacanattho – yāyatīti yāyako, karaṇavacanena diṭṭhiyā yātīti diṭṭhiyāyako. Upayogatthe sāmivacanena diṭṭhiyā yātītipi diṭṭhiyāyako. Na mutiyā sa mānametīti mutarūpādibhedāya mutiyāpi so mānaṃ na eti. Na hi tammayo soti taṇhādiṭṭhivasena tammayo hoti tapparāyaṇo, ayaṃ pana na tādiso. Na kammunā nopi sutena neyyoti puññābhisaṅkhārādinā kammunā vā sutasuddhiādinā sutena vā so netabbo na hoti. Anūpanīto sa nivesanesūti so dvinnampi upayānaṃ pahīnattā sabbesu taṇhādiṭṭhinivesanesu anūpanīto. Tassa ca evaṃvidhassa – saññāvirattassāti gāthā.

    ๘๕๔. ตตฺถ สญฺญาวิรตฺตสฺสาติ เนกฺขมฺมสญฺญาปุพฺพงฺคมาย ภาวนาย ปหีนกามาทิสญฺญสฺสฯ อิมินา ปเทน อุภโตภาควิมุโตฺต สมถยานิโก อธิเปฺปโตฯ ปญฺญาวิมุตฺตสฺสาติ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมาย ภาวนาย สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตสฺสฯ อิมินา สุกฺขวิปสฺสโก อธิเปฺปโตฯ สญฺญญฺจ ทิฎฺฐิญฺจ เย อคฺคเหสุํ, เต ฆฎฺฎยนฺตา วิจรนฺติ โลเกติ เย กามสญฺญาทิกํ สญฺญํ อคฺคเหสุํ, เต วิเสสโต คหฎฺฐา กามาธิกรณํ, เย จ ทิฎฺฐิํ อคฺคเหสุํ, เต วิเสสโต ปพฺพชิตา ธมฺมาธิกรณํ อญฺญมญฺญํ ฆเฎฺฎนฺตา วิจรนฺตีติฯ เสสเมตฺถ ยํ อวุตฺตํ, ตํ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํฯ เทสนาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิํสูติฯ

    854. Tattha saññāvirattassāti nekkhammasaññāpubbaṅgamāya bhāvanāya pahīnakāmādisaññassa. Iminā padena ubhatobhāgavimutto samathayāniko adhippeto. Paññāvimuttassāti vipassanāpubbaṅgamāya bhāvanāya sabbakilesehi vimuttassa. Iminā sukkhavipassako adhippeto. Saññañca diṭṭhiñca ye aggahesuṃ, te ghaṭṭayantā vicaranti loketi ye kāmasaññādikaṃ saññaṃ aggahesuṃ, te visesato gahaṭṭhā kāmādhikaraṇaṃ, ye ca diṭṭhiṃ aggahesuṃ, te visesato pabbajitā dhammādhikaraṇaṃ aññamaññaṃ ghaṭṭentā vicarantīti. Sesamettha yaṃ avuttaṃ, taṃ vuttānusāreneva veditabbaṃ. Desanāpariyosāne brāhmaṇo ca brāhmaṇī ca pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇiṃsūti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya māgaṇḍiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๙. มาคณฺฑิยสุตฺตํ • 9. Māgaṇḍiyasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact