Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
Maggasaccaniddesavaṇṇanā
๓๖.
36.
มคฺคสจฺจนิเทฺทเส อยเมวาติ อญฺญมคฺคปฎิเกฺขปนตฺถํ นิยมนํ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๐๕)ฯ อริโยติ ตํตํมคฺควชฺฌกิเลเสหิ อารกตฺตา, อริยภาวกรตฺตา, อริยผลปฎิลาภกรตฺตา จ อริโยฯ อฎฺฐ องฺคานิ อสฺสาติ อฎฺฐงฺคิโกฯ สฺวายํ จตุรงฺคิกา วิย เสนา, ปญฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ องฺคมตฺตเมว โหติ, องฺควินิมุโตฺต นตฺถิฯ
Maggasaccaniddese ayamevāti aññamaggapaṭikkhepanatthaṃ niyamanaṃ (vibha. aṭṭha. 205). Ariyoti taṃtaṃmaggavajjhakilesehi ārakattā, ariyabhāvakarattā, ariyaphalapaṭilābhakarattā ca ariyo. Aṭṭha aṅgāni assāti aṭṭhaṅgiko. Svāyaṃ caturaṅgikā viya senā, pañcaṅgikaṃ viya tūriyaṃ aṅgamattameva hoti, aṅgavinimutto natthi.
อิทานิ องฺคมตฺตเมว มโคฺค องฺควินิมุโตฺต นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฎฺฐิฯ สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกโปฺปฯ สมฺมา ปริคฺคหลกฺขณา สมฺมาวาจาฯ สมฺมา สมุฎฺฐาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมโนฺตฯ สมฺมา โวทาปนลกฺขโณ สมฺมาอาชีโวฯ สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโมฯ สมฺมา อุปฎฺฐานลกฺขณา สมฺมาสติฯ สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิฯ เตสุ เอเกกสฺส ตีณิ ตีณิ กิจฺจานิ โหนฺติฯ เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ ตาว อเญฺญหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธิํ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ปชหติ, นิโรธญฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธเมฺม จ ปสฺสติ ตปฺปฎิจฺฉาทกโมหวิธมนวเสน อสโมฺมหโตฯ สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ตเถว มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ จ ปชหนฺติ, นิพฺพานญฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติฯ วิเสสโต ปเนตฺถ สมฺมาสงฺกโปฺป สหชาตธเมฺม สมฺมา อภินิโรเปติ, สมฺมาวาจา สมฺมา ปริคฺคณฺหาติ, สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมา สมุฎฺฐาเปติ, สมฺมาอาชีโว สมฺมา โวทาเปติ, สมฺมาวายาโม สมฺมา ปคฺคณฺหาติ, สมฺมาสติ สมฺมา อุปฎฺฐาเปติ, สมฺมาสมาธิ สมฺมา สมาทหติฯ
Idāni aṅgamattameva maggo aṅgavinimutto natthīti dassento sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhītiādimāha. Tattha sammā dassanalakkhaṇā sammādiṭṭhi. Sammā abhiniropanalakkhaṇo sammāsaṅkappo. Sammā pariggahalakkhaṇā sammāvācā. Sammā samuṭṭhāpanalakkhaṇo sammākammanto. Sammā vodāpanalakkhaṇo sammāājīvo. Sammā paggahalakkhaṇo sammāvāyāmo. Sammā upaṭṭhānalakkhaṇā sammāsati. Sammā samādhānalakkhaṇo sammāsamādhi. Tesu ekekassa tīṇi tīṇi kiccāni honti. Seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi tāva aññehipi attano paccanīkakilesehi saddhiṃ micchādiṭṭhiṃ pajahati, nirodhañca ārammaṇaṃ karoti, sampayuttadhamme ca passati tappaṭicchādakamohavidhamanavasena asammohato. Sammāsaṅkappādayopi tatheva micchāsaṅkappādīni ca pajahanti, nibbānañca ārammaṇaṃ karonti. Visesato panettha sammāsaṅkappo sahajātadhamme sammā abhiniropeti, sammāvācā sammā pariggaṇhāti, sammākammanto sammā samuṭṭhāpeti, sammāājīvo sammā vodāpeti, sammāvāyāmo sammā paggaṇhāti, sammāsati sammā upaṭṭhāpeti, sammāsamādhi sammā samādahati.
อปิเจสา สมฺมาทิฎฺฐิ นาม ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณาฯ กิจฺจโต ปน ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ ฯ สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหนฺติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณาฯ เตสุ สมฺมาสงฺกโปฺป กิจฺจโต เนกฺขมฺมสงฺกโปฺปติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติฯ สมฺมาวาจาทโย ตโย ปุพฺพภาเค วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปิ, มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยเยวฯ สมฺมาวายาโม สมฺมาสตีติ อิทมฺปิ ทฺวยํ กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฎฺฐานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติฯ สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยวฯ
Apicesā sammādiṭṭhi nāma pubbabhāge nānākkhaṇā nānārammaṇā hoti, maggakāle ekakkhaṇā ekārammaṇā. Kiccato pana ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādīni cattāri nāmāni labhati . Sammāsaṅkappādayopi pubbabhāge nānākkhaṇā nānārammaṇā honti, maggakāle ekakkhaṇā ekārammaṇā. Tesu sammāsaṅkappo kiccato nekkhammasaṅkappotiādīni tīṇi nāmāni labhati. Sammāvācādayo tayo pubbabhāge viratiyopi honti cetanāyopi, maggakkhaṇe pana viratiyoyeva. Sammāvāyāmo sammāsatīti idampi dvayaṃ kiccato sammappadhānasatipaṭṭhānavasena cattāri nāmāni labhati. Sammāsamādhi pana pubbabhāgepi maggakkhaṇepi sammāsamādhiyeva.
อิติ อิเมสุ อฎฺฐสุ ธเมฺมสุ ภควตา นิพฺพานาธิคมาย ปฎิปนฺนสฺส โยคิโน พหูปการตฺตา ปฐมํ สมฺมาทิฎฺฐิ เทสิตาฯ อยญฺหิ ‘‘ปญฺญาปโชฺชโต ปญฺญาสตฺถ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๖, ๒๐, ๒๙) จ วุตฺตาฯ ตสฺมา เอตาย ปุพฺพภาเค วิปสฺสนาญาณสงฺขาตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา กิเลสโจเร ฆาเตโนฺต เขเมน โยคาวจโร นิพฺพานํ ปาปุณาติฯ ตสฺมา ปฐมํ สมฺมาทิฎฺฐิ เทสิตาฯ
Iti imesu aṭṭhasu dhammesu bhagavatā nibbānādhigamāya paṭipannassa yogino bahūpakārattā paṭhamaṃ sammādiṭṭhi desitā. Ayañhi ‘‘paññāpajjoto paññāsattha’’nti (dha. sa. 16, 20, 29) ca vuttā. Tasmā etāya pubbabhāge vipassanāñāṇasaṅkhātāya sammādiṭṭhiyā avijjandhakāraṃ vidhamitvā kilesacore ghātento khemena yogāvacaro nibbānaṃ pāpuṇāti. Tasmā paṭhamaṃ sammādiṭṭhi desitā.
สมฺมาสงฺกโปฺป ปน ตสฺสา พหูปกาโรฯ ตสฺมา ตทนนฺตรํ วุโตฺตฯ ยถา หิ เหรญฺญิโก หเตฺถน ปริวเตฺตตฺวา ปริวเตฺตตฺวา จกฺขุนา กหาปณํ โอโลเกโนฺต ‘‘อยํ กูโฎ อยํ เฉโก’’ติ ชานาติ, เอวํ โยคาวจโรปิ ปุพฺพภาเค วิตเกฺกน วิตเกฺกตฺวา วิตเกฺกตฺวา วิปสฺสนาปญฺญาย โอโลกยมาโน ‘‘อิเม ธมฺมา กามาวจรา, อิเม รูปาวจราทโย’’ติ ชานาติฯ ยถา วา ปน ปุริเสน โกฎิยํ คเหตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ทินฺนํ มหารุกฺขํ ตจฺฉโก วาสิยา ตเจฺฉตฺวา กเมฺม อุปเนติ, เอวํ วิตเกฺกน วิตเกฺกตฺวา วิตเกฺกตฺวา ทินฺนธเมฺม โยคาวจโร ปญฺญาย ‘‘อิเม ธมฺมา กามาวจรา, อิเม รูปาวจรา’’ติอาทินา นเยน ปริจฺฉินฺทิตฺวา กเมฺม อุปเนติฯ ตสฺมา สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาทิฎฺฐานนฺตรํ วุโตฺตฯ
Sammāsaṅkappo pana tassā bahūpakāro. Tasmā tadanantaraṃ vutto. Yathā hi heraññiko hatthena parivattetvā parivattetvā cakkhunā kahāpaṇaṃ olokento ‘‘ayaṃ kūṭo ayaṃ cheko’’ti jānāti, evaṃ yogāvacaropi pubbabhāge vitakkena vitakketvā vitakketvā vipassanāpaññāya olokayamāno ‘‘ime dhammā kāmāvacarā, ime rūpāvacarādayo’’ti jānāti. Yathā vā pana purisena koṭiyaṃ gahetvā parivattetvā parivattetvā dinnaṃ mahārukkhaṃ tacchako vāsiyā tacchetvā kamme upaneti, evaṃ vitakkena vitakketvā vitakketvā dinnadhamme yogāvacaro paññāya ‘‘ime dhammā kāmāvacarā, ime rūpāvacarā’’tiādinā nayena paricchinditvā kamme upaneti. Tasmā sammāsaṅkappo sammādiṭṭhānantaraṃ vutto.
สฺวายํ ยถา สมฺมาทิฎฺฐิยา, เอวํ สมฺมาวาจายปิ อุปการโกฯ ยถาห – ‘‘ปุเพฺพ โข, คหปติ, วิตเกฺกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓)ฯ ตสฺมา ตทนนฺตรํ สมฺมาวาจา วุตฺตาฯ
Svāyaṃ yathā sammādiṭṭhiyā, evaṃ sammāvācāyapi upakārako. Yathāha – ‘‘pubbe kho, gahapati, vitakketvā vicāretvā pacchā vācaṃ bhindatī’’ti (ma. ni. 1.463). Tasmā tadanantaraṃ sammāvācā vuttā.
ยสฺมา ปน ‘‘อิทญฺจิทญฺจ กริสฺสามา’’ติ ปฐมํ วาจาย สํวิทหิตฺวา โลเก กมฺมเนฺต ปโยเชนฺติ, ตสฺมา วาจา กายกมฺมสฺส อุปการิกาติ สมฺมาวาจาย อนนฺตรํ สมฺมากมฺมโนฺต วุโตฺตฯ
Yasmā pana ‘‘idañcidañca karissāmā’’ti paṭhamaṃ vācāya saṃvidahitvā loke kammante payojenti, tasmā vācā kāyakammassa upakārikāti sammāvācāya anantaraṃ sammākammanto vutto.
จตุพฺพิธํ ปน วจีทุจฺจริตํ, ติวิธํ กายทุจฺจริตํ ปหาย อุภยํ สุจริตํ ปูเรนฺตเสฺสว ยสฺมา อาชีวฎฺฐมกสีลํ ปูรติ, น อิตรสฺส , ตสฺมา ตทุภยานนฺตรํ สมฺมาอาชีโว วุโตฺตฯ
Catubbidhaṃ pana vacīduccaritaṃ, tividhaṃ kāyaduccaritaṃ pahāya ubhayaṃ sucaritaṃ pūrentasseva yasmā ājīvaṭṭhamakasīlaṃ pūrati, na itarassa , tasmā tadubhayānantaraṃ sammāājīvo vutto.
เอวํ วิสุทฺธาชีเวน ปน ‘‘ปริสุโทฺธ เม อาชีโว’’ติ เอตฺตาวตา ปริโตสํ กตฺวา สุตฺตปฺปมเตฺตน วิหริตุํ น ยุตฺตํ, อถ โข สพฺพอิริยาปเถสุ อิทํ วีริยมารภิตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ ตทนนฺตรํ สมฺมาวายาโม วุโตฺตฯ
Evaṃ visuddhājīvena pana ‘‘parisuddho me ājīvo’’ti ettāvatā paritosaṃ katvā suttappamattena viharituṃ na yuttaṃ, atha kho sabbairiyāpathesu idaṃ vīriyamārabhitabbanti dassetuṃ tadanantaraṃ sammāvāyāmo vutto.
ตโต อารทฺธวีริเยนาปิ กายาทีสุ จตูสุ วตฺถูสุ สติ สูปฎฺฐิตา กาตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ตทนนฺตรํ สมฺมาสติ วุตฺตาฯ
Tato āraddhavīriyenāpi kāyādīsu catūsu vatthūsu sati sūpaṭṭhitā kātabbāti dassetuṃ tadanantaraṃ sammāsati vuttā.
ยสฺมา ปน เอวํ สูปฎฺฐิตาย สติยา สมาธิสฺส อุปการานุปการานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺวสิตฺวา ปโหติ เอกตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ สมาธาตุํ, ตสฺมา สมฺมาสติอนนฺตรํ สมฺมาสมาธิ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพติฯ
Yasmā pana evaṃ sūpaṭṭhitāya satiyā samādhissa upakārānupakārānaṃ dhammānaṃ gatiyo samanvesitvā pahoti ekattārammaṇe cittaṃ samādhātuṃ, tasmā sammāsatianantaraṃ sammāsamādhi vuttoti veditabboti.
สมฺมาทิฎฺฐินิเทฺทเส ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทินา จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ ทสฺสิตํฯ ตตฺถ ปุริมานิ เทฺว สจฺจานิ วฎฺฎํ, ปจฺฉิมานิ เทฺว วิวฎฺฎํฯ เตสุ ภิกฺขุโน วเฎฺฎ กมฺมฎฺฐานาภินิเวโส โหติ, วิวเฎฺฎ นตฺถิ อภินิเวโสฯ ปุริมานิ หิ เทฺว สจฺจานิ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา ทุกฺขํ, ตณฺหา สมุทโย’’ติ เอวํ สเงฺขเปน จ, ‘‘กตเม ปญฺจกฺขนฺธา? รูปกฺขโนฺธ’’ติอาทินา นเยน วิตฺถาเรน จ อาจริยสนฺติเก อุคฺคณฺหิตฺวา วาจาย ปุนปฺปุนํ ปริวเตฺตโนฺต โยคาวจโร กมฺมํ กโรติฯ อิตเรสุ ปน ทฺวีสุ สเจฺจสุ ‘‘นิโรธสจฺจํ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาปํ, มคฺคสจฺจํ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาป’’นฺติ เอวํ สวเนเนว กมฺมํ กโรติฯ โส เอวํ กมฺมํ กโรโนฺต จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, เอกาภิสมเยน อภิสเมติฯ ทุกฺขํ ปริญฺญาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, สมุทยํ ปหานปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติฯ นิโรธํ สจฺฉิกิริยาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, มคฺคํ ภาวนาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติฯ ทุกฺขํ ปริญฺญาภิสมเยน…เป.… มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติฯ
Sammādiṭṭhiniddese ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādinā catusaccakammaṭṭhānaṃ dassitaṃ. Tattha purimāni dve saccāni vaṭṭaṃ, pacchimāni dve vivaṭṭaṃ. Tesu bhikkhuno vaṭṭe kammaṭṭhānābhiniveso hoti, vivaṭṭe natthi abhiniveso. Purimāni hi dve saccāni ‘‘pañcakkhandhā dukkhaṃ, taṇhā samudayo’’ti evaṃ saṅkhepena ca, ‘‘katame pañcakkhandhā? Rūpakkhandho’’tiādinā nayena vitthārena ca ācariyasantike uggaṇhitvā vācāya punappunaṃ parivattento yogāvacaro kammaṃ karoti. Itaresu pana dvīsu saccesu ‘‘nirodhasaccaṃ iṭṭhaṃ kantaṃ manāpaṃ, maggasaccaṃ iṭṭhaṃ kantaṃ manāpa’’nti evaṃ savaneneva kammaṃ karoti. So evaṃ kammaṃ karonto cattāri saccāni ekapaṭivedhena paṭivijjhati, ekābhisamayena abhisameti. Dukkhaṃ pariññāpaṭivedhena paṭivijjhati, samudayaṃ pahānapaṭivedhena paṭivijjhati. Nirodhaṃ sacchikiriyāpaṭivedhena paṭivijjhati, maggaṃ bhāvanāpaṭivedhena paṭivijjhati. Dukkhaṃ pariññābhisamayena…pe… maggaṃ bhāvanābhisamayena abhisameti.
เอวมสฺส ปุพฺพภาเค ทฺวีสุ สเจฺจสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาสวนธารณสมฺมสนปฎิเวโธ โหติ, ทฺวีสุ สวนปฎิเวโธเยวฯ อปรภาเค ตีสุ กิจฺจโต ปฎิเวโธ โหติ นิโรเธ อารมฺมณปฎิเวโธฯ ตตฺถ สพฺพมฺปิ ปฎิเวธญาณํ โลกุตฺตรํ, สวนธารณสมฺมสนญาณํ โลกิยํ กามาวจรํฯ ปจฺจเวกฺขณา ปน ปตฺตสจฺจสฺส โหติ, อยญฺจ อาทิกมฺมิโกฯ ตสฺมา สา อิธ น วุตฺตาฯ อิมสฺส จ ภิกฺขุโน ปุเพฺพ ปริคฺคหโต ‘‘ทุกฺขํ ปริชานามิ, สมุทยํ ปชหามิ, นิโรธํ สจฺฉิกโรมิ, มคฺคํ ภาเวมี’’ติ อาโภคสมนฺนาหารมนสิการปจฺจเวกฺขณา นตฺถิ, ปริคฺคหโต ปฎฺฐาย โหติฯ อปรภาเค ปน ทุกฺขํ ปริญฺญาตเมว โหติ…เป.… มโคฺค ภาวิโตว โหติฯ
Evamassa pubbabhāge dvīsu saccesu uggahaparipucchāsavanadhāraṇasammasanapaṭivedho hoti, dvīsu savanapaṭivedhoyeva. Aparabhāge tīsu kiccato paṭivedho hoti nirodhe ārammaṇapaṭivedho. Tattha sabbampi paṭivedhañāṇaṃ lokuttaraṃ, savanadhāraṇasammasanañāṇaṃ lokiyaṃ kāmāvacaraṃ. Paccavekkhaṇā pana pattasaccassa hoti, ayañca ādikammiko. Tasmā sā idha na vuttā. Imassa ca bhikkhuno pubbe pariggahato ‘‘dukkhaṃ parijānāmi, samudayaṃ pajahāmi, nirodhaṃ sacchikaromi, maggaṃ bhāvemī’’ti ābhogasamannāhāramanasikārapaccavekkhaṇā natthi, pariggahato paṭṭhāya hoti. Aparabhāge pana dukkhaṃ pariññātameva hoti…pe… maggo bhāvitova hoti.
ตตฺถ เทฺว สจฺจานิ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรานิ, เทฺว คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสานิฯ ทุกฺขสจฺจญฺหิ อุปฺปตฺติโต ปากฎํ, ขาณุกณฺฎกปฺปหาราทีสุ ‘‘อโห ทุกฺข’’นฺติ วตฺตพฺพตมฺปิ อาปชฺชติฯ สมุทยสจฺจํ ขาทิตุกามตาภุญฺชิตุกามตาทิวเสน อุปฺปตฺติโต ปากฎํฯ ลกฺขณปฎิเวธโต ปน อุภยมฺปิ คมฺภีรํฯ อิติ ตานิ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรานิฯ อิตเรสํ ปน ทฺวินฺนํ ทสฺสนตฺถาย ปโยโค ภวคฺคคฺคหณตฺถํ หตฺถปสารณํ วิย, อวีจิผุสนตฺถํ ปาทปสารณํ วิย, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฎิยา โกฎิปฎิปาทนํ วิย จ โหติฯ อิติ ตานิ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสานิฯ เอวํ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีเรสุ คมฺภีรตฺตา จ ทุทฺทเสสุ จตูสุ สเจฺจสุ อุคฺคหาทิวเสน ปุพฺพภาคญาณุปฺปตฺติํ สนฺธาย อิทํ ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิเวธกฺขเณ ปน เอกเมว ตํ ญาณํ โหติฯ
Tattha dve saccāni duddasattā gambhīrāni, dve gambhīrattā duddasāni. Dukkhasaccañhi uppattito pākaṭaṃ, khāṇukaṇṭakappahārādīsu ‘‘aho dukkha’’nti vattabbatampi āpajjati. Samudayasaccaṃ khāditukāmatābhuñjitukāmatādivasena uppattito pākaṭaṃ. Lakkhaṇapaṭivedhato pana ubhayampi gambhīraṃ. Iti tāni duddasattā gambhīrāni. Itaresaṃ pana dvinnaṃ dassanatthāya payogo bhavaggaggahaṇatthaṃ hatthapasāraṇaṃ viya, avīciphusanatthaṃ pādapasāraṇaṃ viya, satadhā bhinnassa vālassa koṭiyā koṭipaṭipādanaṃ viya ca hoti. Iti tāni gambhīrattā duddasāni. Evaṃ duddasattā gambhīresu gambhīrattā ca duddasesu catūsu saccesu uggahādivasena pubbabhāgañāṇuppattiṃ sandhāya idaṃ ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādi vuttaṃ. Paṭivedhakkhaṇe pana ekameva taṃ ñāṇaṃ hoti.
อปเร ปนาหุ – จตุพฺพิธํ สเจฺจสุ ญาณํ สุตมยญาณํ ววตฺถานญาณํ สมฺมสนญาณํ อภิสมยญาณนฺติฯ ตตฺถ กตมํ สุตมยญาณํ? สํขิเตฺตน วา วิตฺถาเรน วา จตฺตาริ สจฺจานิ สุตฺวา ชานาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อยํ สมุทโย, อยํ นิโรโธ, อยํ มโคฺค’’ติฯ อิทํ สุตมยญาณํฯ กตมํ ววตฺถานญาณํ? โส สุตานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ ธมฺมโต จ ลกฺขณโต จ, ‘‘อิเม ธมฺมา อิมสฺมิํ สเจฺจ ปริยาปนฺนา, อิมสฺส สจฺจสฺส อิทํ ลกฺขณ’’นฺติ สนฺนิฎฺฐานํ กโรติฯ อิทํ ววตฺถานญาณํฯ กตมํ สมฺมสนญาณํ? โส เอวํ ยถานุปุพฺพํ จตฺตาริ สจฺจานิ ววตฺถเปตฺวา อถ ทุกฺขเมว คเหตฺวา ยาว โคตฺรภุญาณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต สมฺมสติฯ อิทํ สมฺมสนญาณํฯ กตมํ อภิสมยญาณํ? โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ เอเกน ญาเณน จตฺตาริ สจฺจานิ อปุพฺพํ อจริมํ อภิสเมติ ‘‘ทุกฺขํ ปริญฺญาภิสมเยน, สมุทยํ ปหานาภิสมเยน, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมตี’’ติฯ อิทํ อภิสมยญาณนฺติฯ
Apare panāhu – catubbidhaṃ saccesu ñāṇaṃ sutamayañāṇaṃ vavatthānañāṇaṃ sammasanañāṇaṃ abhisamayañāṇanti. Tattha katamaṃ sutamayañāṇaṃ? Saṃkhittena vā vitthārena vā cattāri saccāni sutvā jānāti ‘‘idaṃ dukkhaṃ, ayaṃ samudayo, ayaṃ nirodho, ayaṃ maggo’’ti. Idaṃ sutamayañāṇaṃ. Katamaṃ vavatthānañāṇaṃ? So sutānaṃ atthaṃ upaparikkhati dhammato ca lakkhaṇato ca, ‘‘ime dhammā imasmiṃ sacce pariyāpannā, imassa saccassa idaṃ lakkhaṇa’’nti sanniṭṭhānaṃ karoti. Idaṃ vavatthānañāṇaṃ. Katamaṃ sammasanañāṇaṃ? So evaṃ yathānupubbaṃ cattāri saccāni vavatthapetvā atha dukkhameva gahetvā yāva gotrabhuñāṇaṃ aniccato dukkhato anattato sammasati. Idaṃ sammasanañāṇaṃ. Katamaṃ abhisamayañāṇaṃ? Lokuttaramaggakkhaṇe ekena ñāṇena cattāri saccāni apubbaṃ acarimaṃ abhisameti ‘‘dukkhaṃ pariññābhisamayena, samudayaṃ pahānābhisamayena, nirodhaṃ sacchikiriyābhisamayena maggaṃ bhāvanābhisamayena abhisametī’’ti. Idaṃ abhisamayañāṇanti.
สมฺมาสงฺกปฺปนิเทฺทเส กามโต นิสฺสโฎติ เนกฺขมฺมสงฺกโปฺปฯ พฺยาปาทโต นิสฺสโฎติ อพฺยาปาทสงฺกโปฺปฯ วิหิํสาย นิสฺสโฎติ อวิหิํสาสงฺกโปฺปฯ ตตฺถ เนกฺขมฺมวิตโกฺก กามวิตกฺกสฺส ปทฆาตํ ปทเจฺฉทํ กโรโนฺต อุปฺปชฺชติ, อพฺยาปาทวิตโกฺก พฺยาปาทวิตกฺกสฺส, อวิหิํสาวิตโกฺก วิหิํสาวิตกฺกสฺสฯ ตถา เนกฺขมฺมอพฺยาปาทอวิหิํสาวิตกฺกา กามพฺยาปาทวิหิํสาวิตกฺกานํ ปจฺจนีกา หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติฯ
Sammāsaṅkappaniddese kāmato nissaṭoti nekkhammasaṅkappo. Byāpādato nissaṭoti abyāpādasaṅkappo. Vihiṃsāya nissaṭoti avihiṃsāsaṅkappo. Tattha nekkhammavitakko kāmavitakkassa padaghātaṃ padacchedaṃ karonto uppajjati, abyāpādavitakko byāpādavitakkassa, avihiṃsāvitakko vihiṃsāvitakkassa. Tathā nekkhammaabyāpādaavihiṃsāvitakkā kāmabyāpādavihiṃsāvitakkānaṃ paccanīkā hutvā uppajjanti.
ตตฺถ โยคาวจโร กามวิตกฺกสฺส ปทฆาตนตฺถํ กามวิตกฺกํ วา สมฺมสติ อญฺญํ วา ปน กิญฺจิ สงฺขารํฯ อถสฺส วิปสฺสนากฺขเณ วิปสฺสนาสมฺปยุโตฺต สงฺกโปฺป ตทงฺควเสน กามวิตกฺกสฺส ปทฆาตํ ปทเจฺฉทํ กโรโนฺต อุปฺปชฺชติ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคํ ปาเปติฯ อถสฺส มคฺคกฺขเณ มคฺคสมฺปยุโตฺต สงฺกโปฺป สมุเจฺฉทวเสน กามวิตกฺกสฺส ปทฆาตํ ปทเจฺฉทํ กโรโนฺต อุปฺปชฺชติฯ พฺยาปาทวิตกฺกสฺสปิ ปทฆาตนตฺถํ พฺยาปาทวิตกฺกํ วา อญฺญํ วา สงฺขารํ, วิหิํสาวิตกฺกสฺส ปทฆาตนตฺถํ วิหิํสาวิตกฺกํ วา อญฺญํ วา สงฺขารํ สมฺมสติฯ อถสฺส วิปสฺสนากฺขเณติ สพฺพํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ
Tattha yogāvacaro kāmavitakkassa padaghātanatthaṃ kāmavitakkaṃ vā sammasati aññaṃ vā pana kiñci saṅkhāraṃ. Athassa vipassanākkhaṇe vipassanāsampayutto saṅkappo tadaṅgavasena kāmavitakkassa padaghātaṃ padacchedaṃ karonto uppajjati, vipassanaṃ ussukkāpetvā maggaṃ pāpeti. Athassa maggakkhaṇe maggasampayutto saṅkappo samucchedavasena kāmavitakkassa padaghātaṃ padacchedaṃ karonto uppajjati. Byāpādavitakkassapi padaghātanatthaṃ byāpādavitakkaṃ vā aññaṃ vā saṅkhāraṃ, vihiṃsāvitakkassa padaghātanatthaṃ vihiṃsāvitakkaṃ vā aññaṃ vā saṅkhāraṃ sammasati. Athassa vipassanākkhaṇeti sabbaṃ purimanayeneva yojetabbaṃ.
กามวิตกฺกาทีนํ ปน ติณฺณมฺปิ ปาฬิยํ วิภเตฺตสุ อฎฺฐติํสารมฺมเณสุ เอกกมฺมฎฺฐานมฺปิ อปจฺจนีกํ นาม นตฺถิฯ เอกนฺตโต ปน กามวิตกฺกสฺส ตาว อสุเภสุ ปฐมชฺฌานเมว ปจฺจนีกํ, พฺยาปาทวิตกฺกสฺส เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานานิ, วิหิํสอาวิตกฺกสฺส กรุณาย ติกจตุกฺกชฺฌานานิฯ ตสฺมา อสุภปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ สมาปนฺนสฺส สมาปตฺติกฺขเณ ฌานสมฺปยุโตฺต วิตโกฺก วิกฺขมฺภนวเสน กามวิตกฺกสฺส ปจฺจนีโก หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปนฺตสฺส วิปสฺสนากฺขเณ วิปสฺสนาสมฺปยุโตฺต สงฺกโปฺป ตทงฺควเสน กามวิตกฺกสฺส ปจฺจนีโก หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคํ ปาเปนฺตสฺส มคฺคกฺขเณ มคฺคสมฺปยุโตฺต สงฺกโปฺป สมุเจฺฉทวเสน กามวิตกฺกสฺส ปจฺจนีโก หุตฺวา อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุปฺปโนฺน เนกฺขมฺมสงฺกโปฺปติ วุจฺจตีติ เวทิตโพฺพฯ
Kāmavitakkādīnaṃ pana tiṇṇampi pāḷiyaṃ vibhattesu aṭṭhatiṃsārammaṇesu ekakammaṭṭhānampi apaccanīkaṃ nāma natthi. Ekantato pana kāmavitakkassa tāva asubhesu paṭhamajjhānameva paccanīkaṃ, byāpādavitakkassa mettāya tikacatukkajjhānāni, vihiṃsaāvitakkassa karuṇāya tikacatukkajjhānāni. Tasmā asubhaparikammaṃ katvā jhānaṃ samāpannassa samāpattikkhaṇe jhānasampayutto vitakko vikkhambhanavasena kāmavitakkassa paccanīko hutvā uppajjati, jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapentassa vipassanākkhaṇe vipassanāsampayutto saṅkappo tadaṅgavasena kāmavitakkassa paccanīko hutvā uppajjati, vipassanaṃ ussukkāpetvā maggaṃ pāpentassa maggakkhaṇe maggasampayutto saṅkappo samucchedavasena kāmavitakkassa paccanīko hutvā uppajjati. Evaṃ uppanno nekkhammasaṅkappoti vuccatīti veditabbo.
เมตฺตาย ปน ปริกมฺมํ กตฺวา, กรุณาย ปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ สมาปนฺนสฺสาติ สพฺพํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ เอวํ อุปฺปโนฺน อพฺยาปาทสงฺกโปฺปติ วุจฺจติ, อวิหิํสาสงฺกโปฺปติ วุจฺจตีติ เวทิตโพฺพฯ เอวเมเต เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย วิปสฺสนาฌานวเสน อุปฺปตฺตีนํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ อุปฺปนฺนสฺส อกุสลสงฺกปฺปสฺส ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมาโน เอโกว กุสลสงฺกโปฺป อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาสงฺกโปฺป นามฯ
Mettāya pana parikammaṃ katvā, karuṇāya parikammaṃ katvā jhānaṃ samāpannassāti sabbaṃ purimanayeneva yojetabbaṃ. Evaṃ uppanno abyāpādasaṅkappoti vuccati, avihiṃsāsaṅkappoti vuccatīti veditabbo. Evamete nekkhammasaṅkappādayo vipassanājhānavasena uppattīnaṃ nānattā pubbabhāge nānā, maggakkhaṇe pana imesu tīsu ṭhānesu uppannassa akusalasaṅkappassa padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamāno ekova kusalasaṅkappo uppajjati. Ayaṃ sammāsaṅkappo nāma.
สมฺมาวาจานิเทฺทเสปิ ยสฺมา อเญฺญเนว จิเตฺตน มุสาวาทา วิรมติ, อเญฺญน อเญฺญน ปิสุณาวาจาทีหิ, ตสฺมา จตโสฺสเปตา เวรมณิโย ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน มิจฺฉาวาจาสงฺขาตาย จตุพฺพิธาย อกุสลทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว สมฺมาวาจาสงฺขาตา กุสลเวรมณิ อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาวาจา นามฯ
Sammāvācāniddesepi yasmā aññeneva cittena musāvādā viramati, aññena aññena pisuṇāvācādīhi, tasmā catassopetā veramaṇiyo pubbabhāge nānā, maggakkhaṇe pana micchāvācāsaṅkhātāya catubbidhāya akusaladussīlyacetanāya padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva sammāvācāsaṅkhātā kusalaveramaṇi uppajjati. Ayaṃ sammāvācā nāma.
สมฺมากมฺมนฺตนิเทฺทเสปิ ยสฺมา อเญฺญเนว จิเตฺตน ปาณาติปาตา วิรมติ, อเญฺญน อทินฺนาทานา, อเญฺญน มิจฺฉาจารา, ตสฺมา ติโสฺสเปตา เวรมณิโย ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน มิจฺฉากมฺมนฺตสงฺขาตาย ติวิธาย อกุสลทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา กุสลเวรมณิ อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมากมฺมโนฺต นามฯ
Sammākammantaniddesepi yasmā aññeneva cittena pāṇātipātā viramati, aññena adinnādānā, aññena micchācārā, tasmā tissopetā veramaṇiyo pubbabhāge nānā, maggakkhaṇe pana micchākammantasaṅkhātāya tividhāya akusaladussīlyacetanāya padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva sammākammantasaṅkhātā kusalaveramaṇi uppajjati. Ayaṃ sammākammanto nāma.
สมฺมาอาชีวนิเทฺทเส อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ อริยสาวโกติ อริยสฺส พุทฺธสฺส สาวโกฯ มิจฺฉาอาชีวํ ปหายาติ ปาปกํ อาชีวํ ปชหิตฺวาฯ สมฺมาอาชีเวนาติ พุทฺธปฺปสเตฺถน กุสลอาชีเวนฯ ชีวิกํ กเปฺปตีติ ชีวิตปฺปวตฺติํ ปวเตฺตติฯ อิธาปิ ยสฺมา อเญฺญเนว จิเตฺตน กายทฺวารวีติกฺกมา วิรมติ, อเญฺญเนว วจีทฺวารวีติกฺกมา, ตสฺมา ปุพฺพภาเค นานากฺขเณสุ อุปฺปชฺชติ, มคฺคกฺขเณ ปน ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ สตฺตนฺนํ กมฺมปถานํ วเสน อุปฺปนฺนาย มิจฺฉาอาชีวทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว สมฺมาอาชีวสงฺขาตา กุสลเวรมณิ อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาอาชีโว นามฯ
Sammāājīvaniddese idhāti imasmiṃ sāsane. Ariyasāvakoti ariyassa buddhassa sāvako. Micchāājīvaṃ pahāyāti pāpakaṃ ājīvaṃ pajahitvā. Sammāājīvenāti buddhappasatthena kusalaājīvena. Jīvikaṃ kappetīti jīvitappavattiṃ pavatteti. Idhāpi yasmā aññeneva cittena kāyadvāravītikkamā viramati, aññeneva vacīdvāravītikkamā, tasmā pubbabhāge nānākkhaṇesu uppajjati, maggakkhaṇe pana dvīsu dvāresu sattannaṃ kammapathānaṃ vasena uppannāya micchāājīvadussīlyacetanāya padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva sammāājīvasaṅkhātā kusalaveramaṇi uppajjati. Ayaṃ sammāājīvo nāma.
สมฺมาวายามนิเทฺทเส อิธ ภิกฺขูติ อิมสฺมิํ สาสเน ปฎิปนฺนโก ภิกฺขุฯ อนุปฺปนฺนานนฺติ อนิพฺพตฺตานํฯ ปาปกานนฺติ ลามกานํฯ อกุสลานํ ธมฺมานนฺติ อโกสลฺลสมฺภูตานํ ธมฺมานํฯ อนุปฺปาทายาติ น อุปฺปาทนตฺถายฯ ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตาสงฺขาตํ กุสลจฺฉนฺทํ ชเนติ อุปฺปาเทติฯ วายมตีติ ปโยคํ ชเนติ ปรกฺกมํ กโรติฯ วีริยํ อารภตีติ กายิกํ เจตสิกํ วีริยํ กโรติฯ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน จิตฺตํ อุกฺขิปติฯ ปทหตีติ ปธานวีริยํ กโรติฯ ปฎิปาฎิยา ปเนตานิ จตฺตาริปิ ปทานิ อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ โยเชตพฺพานิฯ
Sammāvāyāmaniddese idha bhikkhūti imasmiṃ sāsane paṭipannako bhikkhu. Anuppannānanti anibbattānaṃ. Pāpakānanti lāmakānaṃ. Akusalānaṃ dhammānanti akosallasambhūtānaṃ dhammānaṃ. Anuppādāyāti na uppādanatthāya. Chandaṃ janetīti kattukamyatāsaṅkhātaṃ kusalacchandaṃ janeti uppādeti. Vāyamatīti payogaṃ janeti parakkamaṃ karoti. Vīriyaṃ ārabhatīti kāyikaṃ cetasikaṃ vīriyaṃ karoti. Cittaṃ paggaṇhātīti teneva sahajātavīriyena cittaṃ ukkhipati. Padahatīti padhānavīriyaṃ karoti. Paṭipāṭiyā panetāni cattāripi padāni āsevanābhāvanābahulīkammasātaccakiriyāhi yojetabbāni.
อุปฺปนฺนานนฺติ อนุปฺปนฺนานนฺติ อวตฺตพฺพตํ อาปนฺนานํฯ ปหานายาติ ปชหนตฺถายฯ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานนฺติ อนิพฺพตฺตานํ โกสลฺลสมฺภูตานํ ธมฺมานํฯ อุปฺปาทายาติ อุปฺปาทนตฺถายฯ อุปฺปนฺนานนฺติ นิพฺพตฺตานํฯ ฐิติยาติ ฐิตตฺถายฯ อสโมฺมสายาติ อนสฺสนตฺถํฯ ภิโยฺยภาวายาติ ปุนปฺปุนํ ภาวายฯ เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวายฯ ภาวนายาติ วฑฺฒิยาฯ ปาริปูริยาติ ปริปูรณตฺถายฯ
Uppannānanti anuppannānanti avattabbataṃ āpannānaṃ. Pahānāyāti pajahanatthāya. Anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānanti anibbattānaṃ kosallasambhūtānaṃ dhammānaṃ. Uppādāyāti uppādanatthāya. Uppannānanti nibbattānaṃ. Ṭhitiyāti ṭhitatthāya. Asammosāyāti anassanatthaṃ. Bhiyyobhāvāyāti punappunaṃ bhāvāya. Vepullāyāti vipulabhāvāya. Bhāvanāyāti vaḍḍhiyā. Pāripūriyāti paripūraṇatthāya.
เอเต ปน สมฺมาวายามสงฺขาตา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา ปุพฺพภาเค โลกิยา, มคฺคกฺขเณ โลกุตฺตราฯ มคฺคกฺขเณ ปน เอกเมว วีริยํ จตุกิจฺจสาธนวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติฯ ตตฺถ โลกิยา กสฺสปสํยุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –
Ete pana sammāvāyāmasaṅkhātā cattāro sammappadhānā pubbabhāge lokiyā, maggakkhaṇe lokuttarā. Maggakkhaṇe pana ekameva vīriyaṃ catukiccasādhanavasena cattāri nāmāni labhati. Tattha lokiyā kassapasaṃyutte vuttanayeneva veditabbā. Vuttañhi tattha –
‘‘จตฺตาโรเม , อาวุโส, สมฺมปฺปธานา; กตเม จตฺตาโร? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ‘อนุปฺปนฺนา เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวเตฺตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ, ‘อุปฺปนฺนา เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหียมานา อนตฺถาย สํวเตฺตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ, ‘อนุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา อนุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวเตฺตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ, ‘อุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวเตฺตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๕);
‘‘Cattārome , āvuso, sammappadhānā; Katame cattāro? Idhāvuso, bhikkhu ‘anuppannā me pāpakā akusalā dhammā uppajjamānā anatthāya saṃvatteyyu’nti ātappaṃ karoti, ‘uppannā me pāpakā akusalā dhammā appahīyamānā anatthāya saṃvatteyyu’nti ātappaṃ karoti, ‘anuppannā me kusalā dhammā anuppajjamānā anatthāya saṃvatteyyu’nti ātappaṃ karoti, ‘uppannā me kusalā dhammā nirujjhamānā anatthāya saṃvatteyyu’nti ātappaṃ karotī’’ti (saṃ. ni. 2.145);
ตตฺถ จ อนุปฺปนฺนาติ อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วา อนุปฺปนฺนาฯ อญฺญถา หิ อนมตเคฺค สํสาเร อนุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา นาม นตฺถิ, อนุปฺปนฺนา ปน อุปฺปชฺชมานาปิ เอเตเยว อุปฺปชฺชนฺติ, ปหียมานาปิ เอเตเยว ปหียนฺติฯ
Tattha ca anuppannāti asamudācāravasena vā ananubhūtārammaṇavasena vā anuppannā. Aññathā hi anamatagge saṃsāre anuppannā pāpakā akusalā dhammā nāma natthi, anuppannā pana uppajjamānāpi eteyeva uppajjanti, pahīyamānāpi eteyeva pahīyanti.
ตตฺถ เอกจฺจสฺส วตฺตคนฺถธุตงฺคสมาธิวิปสฺสนานวกมฺมภวานํ อญฺญตรวเสน กิเลสา น สมุทาจรนฺติฯ กถํ? เอกโจฺจ หิ วตฺตสมฺปโนฺน โหติ, อสีติ ขนฺธกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ เจติยงฺคณโพธิยงฺคณปานียมาฬกอุโปสถาคารอาคนฺตุกคมิกวตฺตานิ จ กโรนฺตเสฺสว กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติฯ อปรภาเค ปนสฺส วตฺตานิ วิสฺสเชฺชตฺวา ภินฺนวตฺตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการํ สติโวสฺสคฺคญฺจ อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ
Tattha ekaccassa vattaganthadhutaṅgasamādhivipassanānavakammabhavānaṃ aññataravasena kilesā na samudācaranti. Kathaṃ? Ekacco hi vattasampanno hoti, asīti khandhakavattāni cuddasa mahāvattāni cetiyaṅgaṇabodhiyaṅgaṇapānīyamāḷakauposathāgāraāgantukagamikavattāni ca karontasseva kilesā okāsaṃ na labhanti. Aparabhāge panassa vattāni vissajjetvā bhinnavattassa carato ayonisomanasikāraṃ sativossaggañca āgamma uppajjanti. Evampi asamudācāravasena anuppannā uppajjanti nāma.
เอกโจฺจ คนฺถยุโตฺต โหติ, เอกมฺปิ นิกายํ คณฺหาติ เทฺวปิ ตโยปิ จตฺตาโรปิ ปญฺจปิฯ ตสฺส เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อตฺถวเสน ปาฬิวเสน อนุสนฺธิวเสน ปุพฺพาปรวเสน คณฺหนฺตสฺส สชฺฌายนฺตสฺส จิเนฺตนฺตสฺส วาเจนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ปกาเสนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติฯ อปรภาเค ปนสฺส คนฺถกมฺมํ ปหาย กุสีตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสเคฺค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ
Ekacco ganthayutto hoti, ekampi nikāyaṃ gaṇhāti dvepi tayopi cattāropi pañcapi. Tassa tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ atthavasena pāḷivasena anusandhivasena pubbāparavasena gaṇhantassa sajjhāyantassa cintentassa vācentassa desentassa pakāsentassa kilesā okāsaṃ na labhanti. Aparabhāge panassa ganthakammaṃ pahāya kusītassa carato ayonisomanasikārasativossagge āgamma uppajjanti. Evampi asamudācāravasena anuppannā uppajjanti nāma.
เอกโจฺจ ปน ธุตงฺคธโร โหติ, เตรส ธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตติ, ตสฺส ธุตงฺคคุเณ ปริหรนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติฯ อปรภาเค ปนสฺส ธุตงฺคานิ วิสฺสเชฺชตฺวา พาหุลฺลาย อาวตฺตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสเคฺค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ
Ekacco pana dhutaṅgadharo hoti, terasa dhutaṅgaguṇe samādāya vattati, tassa dhutaṅgaguṇe pariharantassa kilesā okāsaṃ na labhanti. Aparabhāge panassa dhutaṅgāni vissajjetvā bāhullāya āvattassa carato ayonisomanasikārasativossagge āgamma uppajjanti. Evampi asamudācāravasena anuppannā uppajjanti nāma.
เอกโจฺจ อฎฺฐสุ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี โหติ, ตสฺส ปฐมชฺฌานาทีสุ อาวชฺชนวสีอาทีนํ วเสน วิหรนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติฯ อปรภาเค ปนสฺส ปริหีนชฺฌานสฺส วา วิสฺสฎฺฐชฺฌานสฺส วา ภสฺสาทีสุ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสเคฺค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ
Ekacco aṭṭhasu samāpattīsu ciṇṇavasī hoti, tassa paṭhamajjhānādīsu āvajjanavasīādīnaṃ vasena viharantassa kilesā okāsaṃ na labhanti. Aparabhāge panassa parihīnajjhānassa vā vissaṭṭhajjhānassa vā bhassādīsu anuyuttassa viharato ayonisomanasikārasativossagge āgamma uppajjanti. Evampi asamudācāravasena anuppannā uppajjanti nāma.
เอกโจฺจ ปน วิปสฺสโก โหติ, สตฺตสุ วา อนุปสฺสนาสุ (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) อฎฺฐารสสุ วา มหาวิปสฺสนาสุ (ปฎิ. ม. ๑.๒๒) กมฺมํ กโรโนฺต วิหรติ, ตสฺส เอวํ วิหรโต กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติฯ อปรภาเค ปนสฺส วิปสฺสนากมฺมํ ปหาย กายทฬฺหีพหุลสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสเคฺค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ
Ekacco pana vipassako hoti, sattasu vā anupassanāsu (paṭi. ma. 3.35) aṭṭhārasasu vā mahāvipassanāsu (paṭi. ma. 1.22) kammaṃ karonto viharati, tassa evaṃ viharato kilesā okāsaṃ na labhanti. Aparabhāge panassa vipassanākammaṃ pahāya kāyadaḷhībahulassa viharato ayonisomanasikārasativossagge āgamma uppajjanti. Evampi asamudācāravasena anuppannā uppajjanti nāma.
เอกโจฺจ นวกมฺมิโก โหติ, อุโปสถาคารโภชนสาลาทีนิ กโรติ , ตสฺส เตสํ อุปกรณานิ จิเนฺตนฺตสฺส กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติฯ อปรภาเค ปนสฺส นวกเมฺม นิฎฺฐิเต วา วิสฺสเฎฺฐ วา อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสเคฺค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ
Ekacco navakammiko hoti, uposathāgārabhojanasālādīni karoti , tassa tesaṃ upakaraṇāni cintentassa kilesā okāsaṃ na labhanti. Aparabhāge panassa navakamme niṭṭhite vā vissaṭṭhe vā ayonisomanasikārasativossagge āgamma uppajjanti. Evampi asamudācāravasena anuppannā uppajjanti nāma.
เอกโจฺจ ปน พฺรหฺมโลกโต อาคโต สุทฺธสโตฺต โหติ, ตสฺส อนาเสวนาย กิเลสา โอกาสํ น ลภนฺติฯ อปรภาเค ปนสฺส ลทฺธาเสวนสฺส อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสเคฺค อาคมฺม อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ เอวํ ตาว อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนตา เวทิตพฺพาฯ
Ekacco pana brahmalokato āgato suddhasatto hoti, tassa anāsevanāya kilesā okāsaṃ na labhanti. Aparabhāge panassa laddhāsevanassa ayonisomanasikārasativossagge āgamma uppajjanti. Evampi asamudācāravasena anuppannā uppajjanti nāma. Evaṃ tāva asamudācāravasena anuppannatā veditabbā.
กถํ อนนุภูตารมฺมณวเสน? อิเธกโจฺจ อนนุภูตปุพฺพํ มนาปิกาทิเภทํ อารมฺมณํ ลภติ, ตสฺส ตตฺถ อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสเคฺค อาคมฺม ราคาทโย กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวํ อนนุภูตารมฺมณวเสน อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ เอวํ อนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อุปฺปาเท สติ อตฺตโน อนตฺถํ ปสฺสิตฺวา เตสํ อนุปฺปาทาย สติปฎฺฐานภาวนานุโยเคน ปฐมํ สมฺมปฺปธานํ ภาเวติ, อุปฺปเนฺนสุ ปน เตสุ เตสํ อปฺปหานโต อตฺตโน อนตฺถํ ปสฺสิตฺวา เตสํ ปหานาย ทุติยํ ตเถว สมฺมปฺปธานํ ภาเวติฯ
Kathaṃ ananubhūtārammaṇavasena? Idhekacco ananubhūtapubbaṃ manāpikādibhedaṃ ārammaṇaṃ labhati, tassa tattha ayonisomanasikārasativossagge āgamma rāgādayo kilesā uppajjanti. Evaṃ ananubhūtārammaṇavasena anuppannā uppajjanti nāma. Evaṃ anuppannānaṃ akusalānaṃ uppāde sati attano anatthaṃ passitvā tesaṃ anuppādāya satipaṭṭhānabhāvanānuyogena paṭhamaṃ sammappadhānaṃ bhāveti, uppannesu pana tesu tesaṃ appahānato attano anatthaṃ passitvā tesaṃ pahānāya dutiyaṃ tatheva sammappadhānaṃ bhāveti.
อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมาติ สมถวิปสฺสนา เจว มโคฺค จฯ เตสํ อนุปฺปาเท อตฺตโน อนตฺถํ ปสฺสิตฺวา เตสํ อุปฺปาทนตฺถาย ตเถว ตติยํ สมฺมปฺปธานํ ภาเวติฯ อุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมาติ สมถวิปสฺสนาวฯ มโคฺค ปน สกิํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌมาโน อนตฺถาย สํวตฺตนโก นาม นตฺถิฯ โส หิ ผลสฺส ปจฺจยํ ทตฺวาว นิรุชฺฌติฯ ตาสํ สมถวิปสฺสนานํ นิโรธโต อตฺตโน อนตฺถํ ปสฺสิตฺวา ตาสํ ฐิติยา ตเถว จตุตฺถํ สมฺมปฺปธานํ ภาเวติฯ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกเมว วีริยํฯ
Anuppannā kusalā dhammāti samathavipassanā ceva maggo ca. Tesaṃ anuppāde attano anatthaṃ passitvā tesaṃ uppādanatthāya tatheva tatiyaṃ sammappadhānaṃ bhāveti. Uppannā kusalā dhammāti samathavipassanāva. Maggo pana sakiṃ uppajjitvā nirujjhamāno anatthāya saṃvattanako nāma natthi. So hi phalassa paccayaṃ datvāva nirujjhati. Tāsaṃ samathavipassanānaṃ nirodhato attano anatthaṃ passitvā tāsaṃ ṭhitiyā tatheva catutthaṃ sammappadhānaṃ bhāveti. Lokuttaramaggakkhaṇe pana ekameva vīriyaṃ.
เย เอวํ อนุปฺปนฺนา อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เต ยถา เนว อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ เตสํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทกิจฺจํ, อุปฺปนฺนานญฺจ ปหานกิจฺจํ สาเธติฯ อุปฺปนฺนาติ เจตฺถ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ วตฺตมานุปฺปนฺนํ ภูตาปคตุปฺปนฺนํ โอกาสกตุปฺปนฺนํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนนฺติฯ ตตฺถ สพฺพมฺปิ อุปฺปาทชราภงฺคสมงฺคิสงฺขาตํ วตฺตมานุปฺปนฺนํ นามฯ อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา นิรุทฺธํ อนุภูตาปคตสงฺขาตํ กุสลากุสลํ อุปฺปาทาทิตฺตยมนุปฺปตฺวา นิรุทฺธํ ภุตฺวาปคตสงฺขาตํ เสสสงฺขตญฺจ ภูตาปคตุปฺปนฺนํ นามฯ ‘‘ยานิสฺส ตานิ ปุเพฺพ กตานิ กมฺมานี’’ติ เอวมาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘) นเยน วุตฺตํ กมฺมํ อตีตมฺปิ สมานํ อญฺญํ วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กตฺวา ฐิตตฺตา ตถา กโตกาสญฺจ วิปากํ อนุปฺปนฺนมฺปิ สมานํ เอวํ กเต โอกาเส เอกเนฺตน อุปฺปชฺชนโต โอกาสกตุปฺปนฺนํ นามฯ ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ อสมูหตํ อกุสลํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นามฯ
Ye evaṃ anuppannā uppajjeyyuṃ, te yathā neva uppajjanti, evaṃ tesaṃ anuppannānaṃ anuppādakiccaṃ, uppannānañca pahānakiccaṃ sādheti. Uppannāti cettha catubbidhaṃ uppannaṃ vattamānuppannaṃ bhūtāpagatuppannaṃ okāsakatuppannaṃ bhūmiladdhuppannanti. Tattha sabbampi uppādajarābhaṅgasamaṅgisaṅkhātaṃ vattamānuppannaṃ nāma. Ārammaṇarasaṃ anubhavitvā niruddhaṃ anubhūtāpagatasaṅkhātaṃ kusalākusalaṃ uppādādittayamanuppatvā niruddhaṃ bhutvāpagatasaṅkhātaṃ sesasaṅkhatañca bhūtāpagatuppannaṃ nāma. ‘‘Yānissa tāni pubbe katāni kammānī’’ti evamādinā (ma. ni. 3.248) nayena vuttaṃ kammaṃ atītampi samānaṃ aññaṃ vipākaṃ paṭibāhitvā attano vipākassa okāsaṃ katvā ṭhitattā tathā katokāsañca vipākaṃ anuppannampi samānaṃ evaṃ kate okāse ekantena uppajjanato okāsakatuppannaṃ nāma. Tāsu tāsu bhūmīsu asamūhataṃ akusalaṃ bhūmiladdhuppannaṃ nāma.
เอตฺถ จ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ – ภูมีติ หิ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกา ปญฺจกฺขนฺธาฯ ภูมิลทฺธํ นาม เตสุ ขเนฺธสุ อุปฺปตฺติรหํ กิเลสชาตํฯ เตน หิ สา ภูมิลทฺธา นาม โหตีติ ตสฺมา ภูมิลทฺธนฺติ วุจฺจติฯ สา จ โข น อารมฺมณวเสนฯ อารมฺมณวเสน หิ สเพฺพปิ อตีตานาคเต ปริญฺญาเตปิ จ ขีณาสวานํ ขเนฺธ อารพฺภ กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติฯ ยทิ จ ตํ ภูมิลทฺธํ นาม สิยา, ตสฺส อปฺปเหยฺยโต น โกจิ ภวมูลํ ปชเหยฺยฯ วตฺถุวเสน ปน ภูมิลทฺธํ เวทิตพฺพํฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ วิปสฺสนาย อปริญฺญาตา ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปาทโต ปภุติ เตสุ วฎฺฎมูลํ กิเลสชาตํ อนุเสติฯ ตํ อปฺปหีนเฎฺฐน ภูมิลทฺธนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Ettha ca bhūmiyā bhūmiladdhassa ca nānattaṃ veditabbaṃ – bhūmīti hi vipassanāya ārammaṇabhūtā tebhūmakā pañcakkhandhā. Bhūmiladdhaṃ nāma tesu khandhesu uppattirahaṃ kilesajātaṃ. Tena hi sā bhūmiladdhā nāma hotīti tasmā bhūmiladdhanti vuccati. Sā ca kho na ārammaṇavasena. Ārammaṇavasena hi sabbepi atītānāgate pariññātepi ca khīṇāsavānaṃ khandhe ārabbha kilesā uppajjanti. Yadi ca taṃ bhūmiladdhaṃ nāma siyā, tassa appaheyyato na koci bhavamūlaṃ pajaheyya. Vatthuvasena pana bhūmiladdhaṃ veditabbaṃ. Yattha yattha hi vipassanāya apariññātā khandhā uppajjanti, tattha tattha uppādato pabhuti tesu vaṭṭamūlaṃ kilesajātaṃ anuseti. Taṃ appahīnaṭṭhena bhūmiladdhanti veditabbaṃ.
ตตฺถ จ ยสฺส เยสุ ขเนฺธสุ อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสยิตา กิเลสา, ตสฺส เต เอว ขนฺธา เตสํ กิเลสานํ วตฺถุ, น อเญฺญสํ สนฺตกา ขนฺธาฯ อตีตกฺขเนฺธสุ จ อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ อตีตกฺขนฺธาว วตฺถุ, น อิตเรฯ เอส นโย อนาคตาทีสุฯ ตถา กามาวจรกฺขเนฺธสุ อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ กามาวจรกฺขนฺธา เอว วตฺถุ, น อิตเรฯ เอส นโย รูปารูปาวจเรสุฯ โสตาปนฺนาทีสุ ปน ยสฺส ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส ขเนฺธสุ ตํ ตํ วฎฺฎมูลํ กิเลสชาตํ เตน เตน มเคฺคน ปหีนํ, ตสฺส ตสฺส เต เต ขนฺธา ปหีนานํ เตสํ เตสํ วฎฺฎมูลกานํ กิเลสานํ อวตฺถุโต ภูมีติ สงฺขํ น ลภนฺติฯ ปุถุชฺชนสฺส สพฺพโส วฎฺฎมูลกิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา ยํกิญฺจิ กริยมานํ กมฺมํ กุสลมกุสลํ วา โหติ, อิจฺจสฺส กมฺมกิเลสปจฺจยาว วฎฺฎํ วฎฺฎติ, ตสฺส ตเสฺสว ตํ วฎฺฎมูลํ รูปกฺขเนฺธเยว, น เวทนาทีสุฯ วิญฺญาณกฺขเนฺธเยว วา, น รูปกฺขนฺธาทีสูติ น วตฺตพฺพํฯ กสฺมา? อวิเสเสน ปญฺจสุปิ ขเนฺธสุ อนุสยิตตฺตาฯ กถํ? ปถวีรสาทิ วิย รุเกฺขฯ ยถา หิ มหารุเกฺข ปถวีตลํ อธิฎฺฐาย ปถวีรสญฺจ อาโปรสญฺจ นิสฺสาย ตปฺปจฺจยา มูลขนฺธสาขาปสาขาปลฺลวปลาสปุปฺผผเลหิ วฑฺฒิตฺวา นภํ ปูเรตฺวา ยาว กปฺปาวสานา พีชปรมฺปราย รุกฺขปเวณิํ สนฺตานยมาเน ฐิเต ตํ ปถวีรสาทิมูเลเยว, น ขนฺธาทีสุฯ ผเลเยว วา, น มูลาทีสูติ น วตฺตพฺพํฯ กสฺมา? อวิเสเสน สเพฺพสุ มูลาทีสุ อนุคตตฺตาติฯ ยถา ปน ตเสฺสว รุกฺขสฺส ปุปฺผผลาทีสุ นิพฺพิโนฺน โกจิ ปุริโส จตูสุ ทิสาสุ มณฺฑูกกณฺฎกํ นาม วิสกณฺฎกํ อาโกเฎยฺย, อถ โส รุโกฺข เตน วิสสมฺผเสฺสน ผุโฎฺฐ ปถวีรสอาโปรสานํ ปริยาทินฺนตฺตา อปฺปสวธมฺมตํ อาคมฺม ปุน สนฺตานํ นิพฺพเตฺตตุํ น สกฺกุเณยฺย, เอวเมว ขนฺธปฺปวตฺติยํ นิพฺพิโนฺน กุลปุโตฺต ตสฺส ปุริสสฺส จตูสุ ทิสาสุ รุเกฺข วิสโยชนํ วิย อตฺตโน สนฺตาเน จตุมคฺคภาวนํ อารภติฯ อถสฺส โส ขนฺธสนฺตาโน เตน จตุมคฺควิสสมฺผเสฺสน สพฺพโส วฎฺฎมูลกิเลสานํ ปริยาทินฺนตฺตา กิริยสภาวมตฺตํ อุปคตกายกมฺมาทิสพฺพกมฺมปฺปเภโท หุตฺวา อายติํ ปุนพฺภวานภินิพฺพตฺตนธมฺมตํ อาคมฺม ภวนฺตรสนฺตานํ นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติ, เกวลํ จริมวิญฺญาณนิโรเธน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท อนุปาทาโน ปรินิพฺพายติฯ เอวํ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ
Tattha ca yassa yesu khandhesu appahīnaṭṭhena anusayitā kilesā, tassa te eva khandhā tesaṃ kilesānaṃ vatthu, na aññesaṃ santakā khandhā. Atītakkhandhesu ca appahīnānusayitānaṃ kilesānaṃ atītakkhandhāva vatthu, na itare. Esa nayo anāgatādīsu. Tathā kāmāvacarakkhandhesu appahīnānusayitānaṃ kilesānaṃ kāmāvacarakkhandhā eva vatthu, na itare. Esa nayo rūpārūpāvacaresu. Sotāpannādīsu pana yassa yassa ariyapuggalassa khandhesu taṃ taṃ vaṭṭamūlaṃ kilesajātaṃ tena tena maggena pahīnaṃ, tassa tassa te te khandhā pahīnānaṃ tesaṃ tesaṃ vaṭṭamūlakānaṃ kilesānaṃ avatthuto bhūmīti saṅkhaṃ na labhanti. Puthujjanassa sabbaso vaṭṭamūlakilesānaṃ appahīnattā yaṃkiñci kariyamānaṃ kammaṃ kusalamakusalaṃ vā hoti, iccassa kammakilesapaccayāva vaṭṭaṃ vaṭṭati, tassa tasseva taṃ vaṭṭamūlaṃ rūpakkhandheyeva, na vedanādīsu. Viññāṇakkhandheyeva vā, na rūpakkhandhādīsūti na vattabbaṃ. Kasmā? Avisesena pañcasupi khandhesu anusayitattā. Kathaṃ? Pathavīrasādi viya rukkhe. Yathā hi mahārukkhe pathavītalaṃ adhiṭṭhāya pathavīrasañca āporasañca nissāya tappaccayā mūlakhandhasākhāpasākhāpallavapalāsapupphaphalehi vaḍḍhitvā nabhaṃ pūretvā yāva kappāvasānā bījaparamparāya rukkhapaveṇiṃ santānayamāne ṭhite taṃ pathavīrasādimūleyeva, na khandhādīsu. Phaleyeva vā, na mūlādīsūti na vattabbaṃ. Kasmā? Avisesena sabbesu mūlādīsu anugatattāti. Yathā pana tasseva rukkhassa pupphaphalādīsu nibbinno koci puriso catūsu disāsu maṇḍūkakaṇṭakaṃ nāma visakaṇṭakaṃ ākoṭeyya, atha so rukkho tena visasamphassena phuṭṭho pathavīrasaāporasānaṃ pariyādinnattā appasavadhammataṃ āgamma puna santānaṃ nibbattetuṃ na sakkuṇeyya, evameva khandhappavattiyaṃ nibbinno kulaputto tassa purisassa catūsu disāsu rukkhe visayojanaṃ viya attano santāne catumaggabhāvanaṃ ārabhati. Athassa so khandhasantāno tena catumaggavisasamphassena sabbaso vaṭṭamūlakilesānaṃ pariyādinnattā kiriyasabhāvamattaṃ upagatakāyakammādisabbakammappabhedo hutvā āyatiṃ punabbhavānabhinibbattanadhammataṃ āgamma bhavantarasantānaṃ nibbattetuṃ na sakkoti, kevalaṃ carimaviññāṇanirodhena nirindhano viya jātavedo anupādāno parinibbāyati. Evaṃ bhūmiyā bhūmiladdhassa ca nānattaṃ veditabbaṃ.
อปรมฺปิ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ สมุทาจารุปฺปนฺนํ อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนํ อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ อสมูหตุปฺปนฺนนฺติฯ ตตฺถ วตฺตมานุปฺปนฺนเมว สมุทาจารุปฺปนฺนํฯ จกฺขาทีนํ ปน อาปาถคเต อารมฺมเณ ปุพฺพภาเค อนุปฺปชฺชมานมฺปิ กิเลสชาตํ อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา เอว อปรภาเค เอกเนฺตน อุปฺปตฺติโต อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติฯ สมถวิปสฺสนานํ อญฺญตรวเสน อวิกฺขมฺภิตํ กิเลสชาตํ จิตฺตสนฺตติมนารูฬฺหมฺปิ อุปฺปตฺตินิวารกสฺส เหตุโน อภาวา อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ นามฯ สมถวิปสฺสนาวเสน ปน วิกฺขมฺภิตมฺปิ อริยมเคฺคน อสมูหตตฺตา อุปฺปตฺติธมฺมตํ อนตีตตฺตา อสมูหตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติฯ ติวิธมฺปิ เจตํ อารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตุปฺปนฺนํ ภูมิลเทฺธเนว สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํฯ
Aparampi catubbidhaṃ uppannaṃ samudācāruppannaṃ ārammaṇādhiggahituppannaṃ avikkhambhituppannaṃ asamūhatuppannanti. Tattha vattamānuppannameva samudācāruppannaṃ. Cakkhādīnaṃ pana āpāthagate ārammaṇe pubbabhāge anuppajjamānampi kilesajātaṃ ārammaṇassa adhiggahitattā eva aparabhāge ekantena uppattito ārammaṇādhiggahituppannanti vuccati. Samathavipassanānaṃ aññataravasena avikkhambhitaṃ kilesajātaṃ cittasantatimanārūḷhampi uppattinivārakassa hetuno abhāvā avikkhambhituppannaṃ nāma. Samathavipassanāvasena pana vikkhambhitampi ariyamaggena asamūhatattā uppattidhammataṃ anatītattā asamūhatuppannanti vuccati. Tividhampi cetaṃ ārammaṇādhiggahitāvikkhambhitāsamūhatuppannaṃ bhūmiladdheneva saṅgahaṃ gacchatīti veditabbaṃ.
อิเจฺจตสฺมิํ วุตฺตปฺปเภเท อุปฺปเนฺน ยเทตํ วตฺตมานภูตาปคโตกาสกตสมุทาจารสงฺขาตํ อุปฺปนฺนํ, ตํ อมคฺควชฺฌตฺตา เกนจิ มคฺคญาเณน ปหาตพฺพํ น โหติฯ ยํ ปเนตํ ภูมิลทฺธารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตสงฺขาตํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนภาวํ นาสยมานํ ยสฺมา ตํ ตํ โลกิยโลกุตฺตรญาณํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตํ สพฺพมฺปิ ปหาตพฺพํ โหตีติฯ เอวํ เย มโคฺค กิเลเส ปชหติ, เต สนฺธาย ‘‘อุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ
Iccetasmiṃ vuttappabhede uppanne yadetaṃ vattamānabhūtāpagatokāsakatasamudācārasaṅkhātaṃ uppannaṃ, taṃ amaggavajjhattā kenaci maggañāṇena pahātabbaṃ na hoti. Yaṃ panetaṃ bhūmiladdhārammaṇādhiggahitāvikkhambhitāsamūhatasaṅkhātaṃ uppannaṃ, tassa taṃ uppannabhāvaṃ nāsayamānaṃ yasmā taṃ taṃ lokiyalokuttarañāṇaṃ uppajjati, tasmā taṃ sabbampi pahātabbaṃ hotīti. Evaṃ ye maggo kilese pajahati, te sandhāya ‘‘uppannāna’’ntiādi vuttaṃ.
อถ มคฺคกฺขเณ กถํ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ อุปฺปาทาย ภาวนา โหติ, กถญฺจ อุปฺปนฺนานํ ฐิติยาติ? มคฺคปฺปวตฺติยา เอวฯ มโคฺค หิ ปวตฺตมาโน ปุเพฺพ อนุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา อนุปฺปโนฺน นาม วุจฺจติฯ อนาคตปุพฺพญฺหิ ฐานํ อาคนฺตฺวา อนนุภูตปุพฺพํ วา อารมฺมณํ อนุภวิตฺวา วตฺตาโร ภวนฺติ ‘‘อนาคตฎฺฐานํ อาคตมฺห, อนนุภูตํ อารมฺมณํ อนุภวามา’’ติฯ ยาวสฺส ปวตฺติ, อยเมว ฐิติ นามาติ ฐิติยา ภาเวตีติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ เอวเมตสฺส ภิกฺขุโน อิทํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ เอกเมว วีริยํ ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทายา’’ติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติฯ อยํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ สมฺมปฺปธานกถาฯ เอวเมตฺถ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สมฺมปฺปธานา นิทฺทิฎฺฐาติฯ
Atha maggakkhaṇe kathaṃ anuppannānaṃ kusalānaṃ uppādāya bhāvanā hoti, kathañca uppannānaṃ ṭhitiyāti? Maggappavattiyā eva. Maggo hi pavattamāno pubbe anuppannapubbattā anuppanno nāma vuccati. Anāgatapubbañhi ṭhānaṃ āgantvā ananubhūtapubbaṃ vā ārammaṇaṃ anubhavitvā vattāro bhavanti ‘‘anāgataṭṭhānaṃ āgatamha, ananubhūtaṃ ārammaṇaṃ anubhavāmā’’ti. Yāvassa pavatti, ayameva ṭhiti nāmāti ṭhitiyā bhāvetītipi vattuṃ vaṭṭati. Evametassa bhikkhuno idaṃ lokuttaramaggakkhaṇe ekameva vīriyaṃ ‘‘anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāyā’’tiādīni cattāri nāmāni labhati. Ayaṃ lokuttaramaggakkhaṇe sammappadhānakathā. Evamettha lokiyalokuttaramissakā sammappadhānā niddiṭṭhāti.
สมฺมาสตินิเทฺทเส กาเยติ รูปกาเยฯ รูปกาโย หิ อิธ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนญฺจ ธมฺมานํ สมูหเฎฺฐน หตฺถิกายรถกายาทโย วิย กาโยติ อธิเปฺปโตฯ ยถา จ สมูหเฎฺฐน, เอวํ กุจฺฉิตานํ อายเฎฺฐนฯ กุจฺฉิตานญฺหิ ปรมเชคุจฺฉานํ โส อาโยติปิ กาโยฯ อาโยติ อุปฺปตฺติเทโสฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – อายนฺติ ตโตติ อาโยฯ เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโยฯ อิติ กุจฺฉิตานํ อาโยติ กาโยฯ
Sammāsatiniddese kāyeti rūpakāye. Rūpakāyo hi idha aṅgapaccaṅgānaṃ kesādīnañca dhammānaṃ samūhaṭṭhena hatthikāyarathakāyādayo viya kāyoti adhippeto. Yathā ca samūhaṭṭhena, evaṃ kucchitānaṃ āyaṭṭhena. Kucchitānañhi paramajegucchānaṃ so āyotipi kāyo. Āyoti uppattideso. Tatrāyaṃ vacanattho – āyanti tatoti āyo. Ke āyanti? Kucchitā kesādayo. Iti kucchitānaṃ āyoti kāyo.
กายานุปสฺสีติ กายํ อนุปสฺสนสีโล, กายํ วา อนุปสฺสมาโนฯ กาเยติ จ วตฺวาปิ ปุน กายานุปสฺสีติ ทุติยํ กายคฺคหณํ อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตน น กาเย เวทนานุปสฺสี จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา, อถ โข กายานุปสฺสีเยวาติ กายสงฺขาเต วตฺถุสฺมิํ กายานุปสฺสนาการเสฺสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติฯ ตถา น กาเย องฺคปจฺจงฺควินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, นาปิ เกสโลมาทิวินิมุตฺตอิตฺถิปุริสานุปสฺสีฯ โยปิ เจตฺถ เกสโลมาทิโก ภูตุปาทายสมูหสงฺขาโต กาโย, ตตฺถาปิ น ภูตุปาทายวินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, อถ โข รถสมฺภารานุปสฺสโก วิย องฺคปจฺจงฺคสมูหานุปสฺสี, นคราวยวานุปสฺสโก วิย เกสโลมาทิสมูหานุปสฺสี, กทลิกฺขนฺธปตฺตวฎฺฎิวินิภุชฺชโก วิย ริตฺตมุฎฺฐิวินิเวฐโก วิย จ ภูตุปาทายสมูหานุปสฺสีเยวาติ สมูหวเสเนว กายสงฺขาตสฺส วตฺถุโน นานปฺปการโต ทสฺสเนน ฆนวินิโพฺภโค ทสฺสิโต โหติฯ น เหตฺถ ยถาวุตฺตสมูหวินิมุโตฺต กาโย วา อิตฺถี วา ปุริโส วา อโญฺญ วา โกจิ ธโมฺม ทิสฺสติ, ยถาวุตฺตธมฺมสมูหมเตฺตเยว ปน ตถา ตถา สตฺตา มิจฺฉาภินิเวสํ กโรนฺติฯ เตนาหุ โปราณา –
Kāyānupassīti kāyaṃ anupassanasīlo, kāyaṃ vā anupassamāno. Kāyeti ca vatvāpi puna kāyānupassīti dutiyaṃ kāyaggahaṇaṃ asammissato vavatthānaghanavinibbhogādidassanatthaṃ katanti veditabbaṃ. Tena na kāye vedanānupassī cittadhammānupassī vā, atha kho kāyānupassīyevāti kāyasaṅkhāte vatthusmiṃ kāyānupassanākārasseva dassanena asammissato vavatthānaṃ dassitaṃ hoti. Tathā na kāye aṅgapaccaṅgavinimuttaekadhammānupassī, nāpi kesalomādivinimuttaitthipurisānupassī. Yopi cettha kesalomādiko bhūtupādāyasamūhasaṅkhāto kāyo, tatthāpi na bhūtupādāyavinimuttaekadhammānupassī, atha kho rathasambhārānupassako viya aṅgapaccaṅgasamūhānupassī, nagarāvayavānupassako viya kesalomādisamūhānupassī, kadalikkhandhapattavaṭṭivinibhujjako viya rittamuṭṭhiviniveṭhako viya ca bhūtupādāyasamūhānupassīyevāti samūhavaseneva kāyasaṅkhātassa vatthuno nānappakārato dassanena ghanavinibbhogo dassito hoti. Na hettha yathāvuttasamūhavinimutto kāyo vā itthī vā puriso vā añño vā koci dhammo dissati, yathāvuttadhammasamūhamatteyeva pana tathā tathā sattā micchābhinivesaṃ karonti. Tenāhu porāṇā –
‘‘ยํ ปสฺสติ น ตํ ทิฎฺฐํ, ยํ ทิฎฺฐํ ตํ น ปสฺสติ;
‘‘Yaṃ passati na taṃ diṭṭhaṃ, yaṃ diṭṭhaṃ taṃ na passati;
อปสฺสํ พชฺฌเต มูโฬฺห, พชฺฌมาโน น มุจฺจตี’’ติฯ
Apassaṃ bajjhate mūḷho, bajjhamāno na muccatī’’ti.
ฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถนฺติ วุตฺตํฯ อาทิสเทฺทน เจตฺถ อยมฺปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพ – อยญฺหิ เอตสฺมิํ กาเย กายานุปสฺสีเยว, น อญฺญธมฺมานุปสฺสีฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยถา อนุทกภูตายปิ มรีจิยา อุทกานุปสฺสิโน โหนฺติ, น เอวํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตาสุภภูเตเยว อิมสฺมิํ กาเย นิจฺจสุขตฺตสุภภาวานุปสฺสี, อถ โข กายานุปสฺสี
Ghanavinibbhogādidassanatthanti vuttaṃ. Ādisaddena cettha ayampi attho veditabbo – ayañhi etasmiṃ kāye kāyānupassīyeva, na aññadhammānupassī. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yathā anudakabhūtāyapi marīciyā udakānupassino honti, na evaṃ aniccadukkhānattāsubhabhūteyeva imasmiṃ kāye niccasukhattasubhabhāvānupassī, atha kho kāyānupassī
อนิจฺจทุกฺขานตฺตาสุภาการสมูหานุปสฺสีเยวาติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา ยฺวายํ มหาสติปฎฺฐาเน ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา…เป.… โส สโตว อสฺสสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗) นเยน อสฺสาสปสฺสาสาทิ จุณฺณกชาตอฎฺฐิกปริโยสาโน กาโย วุโตฺต, โย จ ปรโต สติปฎฺฐานกถายํ ‘‘อิเธกโจฺจ ปถวีกายํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, อาโปกายํ, เตโชกายํ, วาโยกายํ, เกสกายํ, โลมกายํ, ฉวิกายํ, จมฺมกายํ, มํสกายํ, รุหิรกายํ, นฺหารุกายํ, อฎฺฐิกายํ, อฎฺฐิมิญฺชกาย’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) กาโย วุโตฺต, ตสฺส สพฺพสฺส อิมสฺมิํเยว กาเย อนุปสฺสนโต กาเย กายานุปสฺสีติ เอวมฺปิ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Aniccadukkhānattāsubhākārasamūhānupassīyevāti vuttaṃ hoti. Atha vā yvāyaṃ mahāsatipaṭṭhāne ‘‘idha, bhikkhave, bhikkhu araññagato vā rukkhamūlagato vā…pe… so satova assasatī’’tiādinā (dī. ni. 2.374; ma. ni. 1.107) nayena assāsapassāsādi cuṇṇakajātaaṭṭhikapariyosāno kāyo vutto, yo ca parato satipaṭṭhānakathāyaṃ ‘‘idhekacco pathavīkāyaṃ aniccato anupassati, āpokāyaṃ, tejokāyaṃ, vāyokāyaṃ, kesakāyaṃ, lomakāyaṃ, chavikāyaṃ, cammakāyaṃ, maṃsakāyaṃ, ruhirakāyaṃ, nhārukāyaṃ, aṭṭhikāyaṃ, aṭṭhimiñjakāya’’nti (paṭi. ma. 3.35) kāyo vutto, tassa sabbassa imasmiṃyeva kāye anupassanato kāye kāyānupassīti evampi attho daṭṭhabbo.
อถ วา กาเย อหนฺติ วา มมนฺติ วา เอวํ คเหตพฺพสฺส กสฺสจิ อนนุปสฺสนโต ตสฺส ตเสฺสว ปน เกสโลมาทิกสฺส นานาธมฺมสมูหสฺส อนุปสฺสนโต กาเย เกสาทิธมฺมสมูหสงฺขาตกายานุปสฺสีติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อปิจ ‘‘อิมสฺมิํ กาเย อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติอาทินา อนุกฺกเมน ปรโต อาคตนยสฺส สพฺพเสฺสว อนิจฺจลกฺขณาทิโน อาการสมูหสงฺขาตสฺส กายสฺส อนุปสฺสนโตปิ กาเย กายานุปสฺสีติ เอวมฺปิ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อยํ ปน จตุสติปฎฺฐานสาธารโณ อโตฺถฯ
Atha vā kāye ahanti vā mamanti vā evaṃ gahetabbassa kassaci ananupassanato tassa tasseva pana kesalomādikassa nānādhammasamūhassa anupassanato kāye kesādidhammasamūhasaṅkhātakāyānupassīti evamattho daṭṭhabbo. Apica ‘‘imasmiṃ kāye aniccato anupassati, no niccato’’tiādinā anukkamena parato āgatanayassa sabbasseva aniccalakkhaṇādino ākārasamūhasaṅkhātassa kāyassa anupassanatopi kāye kāyānupassīti evampi attho daṭṭhabbo. Ayaṃ pana catusatipaṭṭhānasādhāraṇo attho.
กาเย กายานุปสฺสีติ อสฺสาสปสฺสาสกายาทิเก พหุธา วุเตฺต กาเย เอเกกกายานุปสฺสีฯ วิหรตีติ จตูสุ อิริยาปถวิหาเรสุ อญฺญตรวิหารสมาโยคปริทีปนเมตํ, เอกํ อิริยาปถพาธนํ อเญฺญน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปตมานํ อตฺตานํ หรติ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ อาตาปีติ กายปริคฺคาหกวีริยสมาโยคปริทีปนเมตํฯ โส หิ ยสฺมา ตสฺมิํ สมเย ยํ ตํ วีริยํ ตีสุ ภเวสุ กิเลสานํ อาตาปนโต อาตาโปติ วุจฺจติ, เตน สมนฺนาคโต โหติ , ตสฺมา ‘‘อาตาปี’’ติ วุจฺจติฯ สมฺปชาโนติ กายปริคฺคาหเกน สมฺปชญฺญสงฺขาเตน ญาเณน สมนฺนาคโตฯ สติมาติ กายปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโตฯ อยํ ปน ยสฺมา สติยา อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ปญฺญาย อนุปสฺสติ ฯ น หิ สติวิรหิตสฺส อนุปสฺสนา นาม อตฺถิฯ เตเนวาห – ‘‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ ตสฺมา เอตฺถ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ เอตฺตาวตา กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานกมฺมฎฺฐานํ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา ยสฺมา อนาตาปิโน อโนฺตสเงฺขโป อนฺตรายกโร โหติ, อสมฺปชาโน อุปายปริคฺคเห อนุปายปริวชฺชเน จ สมฺมุยฺหติ, มุฎฺฐสฺสติ อุปายาปริจฺจาเค อนุปายาปริคฺคเห จ อสมโตฺถ โหติ, เตนสฺส ตํ กมฺมฎฺฐานํ น สมฺปชฺชติ, ตสฺมา เยสํ ธมฺมานํ อานุภาเวน ตํ สมฺปชฺชติ, เตสํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อาตาปี สมฺปชาโน สติมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Kāye kāyānupassīti assāsapassāsakāyādike bahudhā vutte kāye ekekakāyānupassī. Viharatīti catūsu iriyāpathavihāresu aññataravihārasamāyogaparidīpanametaṃ, ekaṃ iriyāpathabādhanaṃ aññena iriyāpathena vicchinditvā apatamānaṃ attānaṃ harati pavattetīti attho. Ātāpīti kāyapariggāhakavīriyasamāyogaparidīpanametaṃ. So hi yasmā tasmiṃ samaye yaṃ taṃ vīriyaṃ tīsu bhavesu kilesānaṃ ātāpanato ātāpoti vuccati, tena samannāgato hoti , tasmā ‘‘ātāpī’’ti vuccati. Sampajānoti kāyapariggāhakena sampajaññasaṅkhātena ñāṇena samannāgato. Satimāti kāyapariggāhikāya satiyā samannāgato. Ayaṃ pana yasmā satiyā ārammaṇaṃ pariggahetvā paññāya anupassati . Na hi sativirahitassa anupassanā nāma atthi. Tenevāha – ‘‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’ti (saṃ. ni. 5.234). Tasmā ettha ‘‘kāye kāyānupassī viharatī’’ti ettāvatā kāyānupassanāsatipaṭṭhānakammaṭṭhānaṃ vuttaṃ hoti. Atha vā yasmā anātāpino antosaṅkhepo antarāyakaro hoti, asampajāno upāyapariggahe anupāyaparivajjane ca sammuyhati, muṭṭhassati upāyāpariccāge anupāyāpariggahe ca asamattho hoti, tenassa taṃ kammaṭṭhānaṃ na sampajjati, tasmā yesaṃ dhammānaṃ ānubhāvena taṃ sampajjati, tesaṃ dassanatthaṃ ‘‘ātāpī sampajāno satimā’’ti idaṃ vuttanti veditabbaṃ.
อิติ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ สมฺปโยคงฺคญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปหานงฺคํ ทเสฺสตุํ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิเนยฺยาติ ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา วินยิตฺวาฯ โลเกติ ยฺวายํ กาโย ปุเพฺพ ปริคฺคหิโต, เสฺวว อิธ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโก นามฯ ตสฺมิํ โลเก อภิชฺฌํ โทมนสฺสญฺจ ปชหิตฺวาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปนสฺส น กายมเตฺตเยว อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหียติ, เวทนาทีสุปิ ปหียติเยว, ตสฺมา ‘‘ปญฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโก’’ติ (วิภ. ๓๖๒) วิภเงฺค วุตฺตํฯ โลกสงฺขาตตฺตาเยว เตสํ ธมฺมานํ อตฺถุทฺธารวเสเนตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยํ ปนาห – ‘‘ตตฺถ กตโม โลโก (วิภ. ๕๓๘), เสฺวว กาโย โลโก’’ติ อยเมเวตฺถ อโตฺถฯ อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ จ สมาเสตฺวา วุตฺตํฯ สํยุตฺตงฺคุตฺตรปาฐนฺตเรสุ ปน วิสุํ กตฺวา ปฐนฺติฯ สา ปน อภิชฺฌายนฺติ ปตฺถยนฺติ เอตาย, สยํ วา อภิชฺฌายติ, อภิชฺฌายนมตฺตเมว วา เอสาติ อภิชฺฌาฯ ยสฺมา ปเนตฺถ อภิชฺฌาคหเณน กามจฺฉโนฺท, โทมนสฺสคหเณน พฺยาปาโท สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา นีวรณปริยาปนฺนพลวธมฺมทฺวยทสฺสเนน นีวรณปฺปหานํ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Iti kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ sampayogaṅgañca dassetvā idāni pahānaṅgaṃ dassetuṃ vineyya loke abhijjhādomanassanti vuttaṃ. Tattha vineyyāti tadaṅgavinayena vā vikkhambhanavinayena vā vinayitvā. Loketi yvāyaṃ kāyo pubbe pariggahito, sveva idha lujjanapalujjanaṭṭhena loko nāma. Tasmiṃ loke abhijjhaṃ domanassañca pajahitvāti attho. Yasmā panassa na kāyamatteyeva abhijjhādomanassaṃ pahīyati, vedanādīsupi pahīyatiyeva, tasmā ‘‘pañcapi upādānakkhandhā loko’’ti (vibha. 362) vibhaṅge vuttaṃ. Lokasaṅkhātattāyeva tesaṃ dhammānaṃ atthuddhāravasenetaṃ vuttanti veditabbaṃ. Yaṃ panāha – ‘‘tattha katamo loko (vibha. 538), sveva kāyo loko’’ti ayamevettha attho. Abhijjhādomanassanti ca samāsetvā vuttaṃ. Saṃyuttaṅguttarapāṭhantaresu pana visuṃ katvā paṭhanti. Sā pana abhijjhāyanti patthayanti etāya, sayaṃ vā abhijjhāyati, abhijjhāyanamattameva vā esāti abhijjhā. Yasmā panettha abhijjhāgahaṇena kāmacchando, domanassagahaṇena byāpādo saṅgahaṃ gacchati, tasmā nīvaraṇapariyāpannabalavadhammadvayadassanena nīvaraṇappahānaṃ vuttaṃ hotīti veditabbaṃ.
วิเสเสน ปเนตฺถ อภิชฺฌาวินเยน กายสมฺปตฺติมูลกสฺส อนุโรธสฺส, โทมนสฺสวินเยน กายวิปตฺติมูลกสฺส วิโรธสฺส, อภิชฺฌาวินเยน จ กาเย อภิรติยา, โทมนสฺสวินเยน กายภาวนาย อนภิรติยา, อภิชฺฌาวินเยน กาเย อภูตานํ สุภสุขภาวาทีนํ ปเกฺขปสฺส, โทมนสฺสวินเยน กาเย ภูตานํ อสุภาสุขภาวาทีนํ อปนยนสฺส ปหานํ วุตฺตํฯ เตน โยคาวจรสฺส โยคานุภาโว โยคสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติฯ โยคานุภาโว หิ เอส, ยทยํ อนุโรธวิโรธวิปฺปมุโตฺต อรติรติสโห อภูตปเกฺขปภูตาปนยนวิรหิโต จ โหติฯ อนุโรธวิโรธวิปฺปมุโตฺต เจส อรติรติสโห อภูตํ อปกฺขิปโนฺต ภูตญฺจ อนปเนโนฺต โยคสมโตฺถ โหตีติฯ
Visesena panettha abhijjhāvinayena kāyasampattimūlakassa anurodhassa, domanassavinayena kāyavipattimūlakassa virodhassa, abhijjhāvinayena ca kāye abhiratiyā, domanassavinayena kāyabhāvanāya anabhiratiyā, abhijjhāvinayena kāye abhūtānaṃ subhasukhabhāvādīnaṃ pakkhepassa, domanassavinayena kāye bhūtānaṃ asubhāsukhabhāvādīnaṃ apanayanassa pahānaṃ vuttaṃ. Tena yogāvacarassa yogānubhāvo yogasamatthatā ca dīpitā hoti. Yogānubhāvo hi esa, yadayaṃ anurodhavirodhavippamutto aratiratisaho abhūtapakkhepabhūtāpanayanavirahito ca hoti. Anurodhavirodhavippamutto cesa aratiratisaho abhūtaṃ apakkhipanto bhūtañca anapanento yogasamattho hotīti.
อปโร นโย – ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ เอตฺถ อนุปสฺสนาย กมฺมฎฺฐานํ วุตฺตํฯ ‘‘วิหรตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตวิหาเรน กมฺมฎฺฐานิกสฺส กายปริหรณํฯ ‘‘อาตาปี’’ติอาทีสุ อาตาเปน สมฺมปฺปธานํ, สติสมฺปชเญฺญน สพฺพตฺถกกมฺมฎฺฐานํ, กมฺมฎฺฐานปริหรณูปาโย วาฯ สติยา วา กายานุปสฺสนาวเสน ปฎิลทฺธสมโถ, สมฺปชเญฺญน วิปสฺสนา, อภิชฺฌาโทมนสฺสวินเยน ภาวนาผลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Aparo nayo – ‘‘kāye kāyānupassī’’ti ettha anupassanāya kammaṭṭhānaṃ vuttaṃ. ‘‘Viharatī’’ti ettha vuttavihārena kammaṭṭhānikassa kāyapariharaṇaṃ. ‘‘Ātāpī’’tiādīsu ātāpena sammappadhānaṃ, satisampajaññena sabbatthakakammaṭṭhānaṃ, kammaṭṭhānapariharaṇūpāyo vā. Satiyā vā kāyānupassanāvasena paṭiladdhasamatho, sampajaññena vipassanā, abhijjhādomanassavinayena bhāvanāphalaṃ vuttanti veditabbaṃ.
เวทนาสุ เวทนานุปสฺสีติอาทีสุ จ เวทนาทีนํ ปุน วจเน ปโยชนํ กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนเยเนว ยถาโยคํ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํฯ อยํ ปน อสาธารณโตฺถ – สุขาทีสุ อเนกปฺปเภทาสุ เวทนาสุ วิสุํ วิสุํ อนิจฺจาทิโต เอเกกเวทนานุปสฺสีติ, สราคาทิเก โสฬสปฺปเภเท จิเตฺต วิสุํ วิสุํ อนิจฺจาทิโต เอเกกจิตฺตานุปสฺสีติ, กายเวทนาจิตฺตานิ ฐเปตฺวา เสสเตภูมกธเมฺมสุ วิสุํ วิสุํ อนิจฺจาทิโต เอเกกธมฺมานุปสฺสีติ, สติปฎฺฐานสุตฺตเนฺต (ที. นิ. ๒.๓๘๒; ม. นิ. ๑.๑๑๕) วุตฺตนเยน นีวรณาทิธมฺมานุปสฺสีติ วาฯ เอตฺถ จ ‘‘กาเย’’ติ เอกวจนํ สรีรสฺส เอกตฺตา, ‘‘จิเตฺต’’ติ เอกวจนํ จิตฺตสฺส สภาวเภทาภาวโต ชาติคฺคหเณน กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยถา จ เวทนาทโย อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา อนุปสฺสโนฺต เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี, จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี, ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสีติ เวทิตโพฺพฯ กถํ ตาว เวทนา อนุปสฺสิตพฺพา? สุขา ตาว เวทนา ทุกฺขโต, ทุกฺขา เวทนา สลฺลโต, อทุกฺขมสุขา เวทนา อนิจฺจโต อนุปสฺสิตพฺพาฯ ยถาห –
Vedanāsu vedanānupassītiādīsu ca vedanādīnaṃ puna vacane payojanaṃ kāyānupassanāyaṃ vuttanayeneva yathāyogaṃ yojetvā veditabbaṃ. Ayaṃ pana asādhāraṇattho – sukhādīsu anekappabhedāsu vedanāsu visuṃ visuṃ aniccādito ekekavedanānupassīti, sarāgādike soḷasappabhede citte visuṃ visuṃ aniccādito ekekacittānupassīti, kāyavedanācittāni ṭhapetvā sesatebhūmakadhammesu visuṃ visuṃ aniccādito ekekadhammānupassīti, satipaṭṭhānasuttante (dī. ni. 2.382; ma. ni. 1.115) vuttanayena nīvaraṇādidhammānupassīti vā. Ettha ca ‘‘kāye’’ti ekavacanaṃ sarīrassa ekattā, ‘‘citte’’ti ekavacanaṃ cittassa sabhāvabhedābhāvato jātiggahaṇena katanti veditabbaṃ. Yathā ca vedanādayo anupassitabbā, tathā anupassanto vedanāsu vedanānupassī, citte cittānupassī, dhammesu dhammānupassīti veditabbo. Kathaṃ tāva vedanā anupassitabbā? Sukhā tāva vedanā dukkhato, dukkhā vedanā sallato, adukkhamasukhā vedanā aniccato anupassitabbā. Yathāha –
‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;
‘‘Yo sukhaṃ dukkhato adda, dukkhamaddakkhi sallato;
อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโต;
Adukkhamasukhaṃ santaṃ, addakkhi naṃ aniccato;
ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ, ปริชานาติ เวทนา’’ติฯ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓);
Sa ve sammaddaso bhikkhu, parijānāti vedanā’’ti. (saṃ. ni. 4.253);
สพฺพา เอว เจตา ทุกฺขโตปิ อนุปสฺสิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ยํกิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙)ฯ สุขทุกฺขโตปิ จ อนุปสฺสิตพฺพาฯ ยถาห – ‘‘สุขา เวทนา ฐิติสุขา วิปริณามทุกฺขาฯ ทุกฺขา เวทนา ฐิติทุกฺขา วิปริณามสุขาฯ อทุกฺขมสุขา เวทนา ญาณสุขา อญฺญาณทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕)ฯ อปิจ อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนาวเสนาปิ อนุปสฺสิตพฺพาฯ
Sabbā eva cetā dukkhatopi anupassitabbā. Vuttañhetaṃ ‘‘yaṃkiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhasminti vadāmī’’ti (saṃ. ni. 4.259). Sukhadukkhatopi ca anupassitabbā. Yathāha – ‘‘sukhā vedanā ṭhitisukhā vipariṇāmadukkhā. Dukkhā vedanā ṭhitidukkhā vipariṇāmasukhā. Adukkhamasukhā vedanā ñāṇasukhā aññāṇadukkhā’’ti (ma. ni. 1.465). Apica aniccādisattaanupassanāvasenāpi anupassitabbā.
จิตฺตธเมฺมสุปิ จิตฺตํ ตาว อารมฺมณาธิปติสหชาตภูมิกมฺมวิปากกิริยาทินานตฺตเภทานํ อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนานํ สราคาทิโสฬสเภทานญฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพํ, ธมฺมา สลกฺขณสามญฺญลกฺขณานํ สุญฺญตาธมฺมสฺส อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนานํ สนฺตาสนฺตาทีนญฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพาฯ กามเญฺจตฺถ ยสฺส กายสงฺขาเต โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหีนํ, ตสฺส เวทนาทิโลเกสุปิ ตํ ปหีนเมว, นานาปุคฺคลวเสน ปน นานากฺขณิกสติปฎฺฐานภาวนาวเสน จ สพฺพตฺถ วุตฺตํฯ ยโต วา เอกตฺถ ปหีนํ, เสเสสุปิ ปหีนํ โหติฯ เตเนวสฺส ตตฺถ ปหานทสฺสนตฺถมฺปิ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Cittadhammesupi cittaṃ tāva ārammaṇādhipatisahajātabhūmikammavipākakiriyādinānattabhedānaṃ aniccādisattaanupassanānaṃ sarāgādisoḷasabhedānañca vasena anupassitabbaṃ, dhammā salakkhaṇasāmaññalakkhaṇānaṃ suññatādhammassa aniccādisattaanupassanānaṃ santāsantādīnañca vasena anupassitabbā. Kāmañcettha yassa kāyasaṅkhāte loke abhijjhādomanassaṃ pahīnaṃ, tassa vedanādilokesupi taṃ pahīnameva, nānāpuggalavasena pana nānākkhaṇikasatipaṭṭhānabhāvanāvasena ca sabbattha vuttaṃ. Yato vā ekattha pahīnaṃ, sesesupi pahīnaṃ hoti. Tenevassa tattha pahānadassanatthampi evaṃ vuttanti veditabbaṃ.
อิติ อิเม จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ปุพฺพภาเค นานาจิเตฺตสุ ลพฺภนฺติฯ อเญฺญเนว หิ จิเตฺตน กายํ ปริคฺคณฺหาติ, อเญฺญน เวทนํ, อเญฺญน จิตฺตํ, อเญฺญน ธเมฺม ปริคฺคณฺหาติฯ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกจิเตฺตเยว ลพฺภนฺติฯ อาทิโต หิ กายํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อาคตสฺส วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ กายานุปสฺสนา นาม, ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล กายานุปสฺสี นามฯ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคํ ปตฺตสฺส มคฺคกฺขเณ มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ กายานุปสฺสนา นาม, ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล กายานุปสฺสี นามฯ เวทนํ ปริคฺคณฺหิตฺวา จิตฺตํ ปริคฺคณฺหิตฺวา ธเมฺม ปริคฺคณฺหิตฺวา อาคตสฺส วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ ธมฺมานุปสฺสนา นาม, ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ธมฺมานุปสฺสี นามฯ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคํ ปตฺตสฺส มคฺคกฺขเณ มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ ธมฺมานุปสฺสนา นาม, ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ธมฺมานุปสฺสี นามฯ เอวํ ตาว เทสนา ปุคฺคเล ติฎฺฐติฯ กาเย ปน ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหานา กายปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ กายานุปสฺสนา นามฯ เวทนาย ‘‘สุขา’’ติ วิปลฺลาสปฺปหานา เวทนาปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ เวทนานุปสฺสนา นามฯ จิเตฺต ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหานา จิตฺตปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ จิตฺตานุปสฺสนา นามฯ ธเมฺมสุ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาสปฺปหานา ธมฺมปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ ธมฺมานุปสฺสนา นามฯ อิติ เอกาว มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ จตุกิจฺจสาธกเตฺตน จตฺตาริ นามานิ ลภติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกจิเตฺตเยว ลพฺภนฺตี’’ติฯ
Iti ime cattāro satipaṭṭhānā pubbabhāge nānācittesu labbhanti. Aññeneva hi cittena kāyaṃ pariggaṇhāti, aññena vedanaṃ, aññena cittaṃ, aññena dhamme pariggaṇhāti. Lokuttaramaggakkhaṇe pana ekacitteyeva labbhanti. Ādito hi kāyaṃ pariggaṇhitvā āgatassa vipassanāsampayuttā sati kāyānupassanā nāma, tāya satiyā samannāgato puggalo kāyānupassī nāma. Vipassanaṃ ussukkāpetvā ariyamaggaṃ pattassa maggakkhaṇe maggasampayuttā sati kāyānupassanā nāma, tāya satiyā samannāgato puggalo kāyānupassī nāma. Vedanaṃ pariggaṇhitvā cittaṃ pariggaṇhitvā dhamme pariggaṇhitvā āgatassa vipassanāsampayuttā sati dhammānupassanā nāma, tāya satiyā samannāgato puggalo dhammānupassī nāma. Vipassanaṃ ussukkāpetvā ariyamaggaṃ pattassa maggakkhaṇe maggasampayuttā sati dhammānupassanā nāma, tāya satiyā samannāgato puggalo dhammānupassī nāma. Evaṃ tāva desanā puggale tiṭṭhati. Kāye pana ‘‘subha’’nti vipallāsappahānā kāyapariggāhikā sati maggena samijjhatīti kāyānupassanā nāma. Vedanāya ‘‘sukhā’’ti vipallāsappahānā vedanāpariggāhikā sati maggena samijjhatīti vedanānupassanā nāma. Citte ‘‘nicca’’nti vipallāsappahānā cittapariggāhikā sati maggena samijjhatīti cittānupassanā nāma. Dhammesu ‘‘attā’’ti vipallāsappahānā dhammapariggāhikā sati maggena samijjhatīti dhammānupassanā nāma. Iti ekāva maggasampayuttā sati catukiccasādhakattena cattāri nāmāni labhati. Tena vuttaṃ ‘‘lokuttaramaggakkhaṇe pana ekacitteyeva labbhantī’’ti.
สมฺมาสมาธินิเทฺทเส วิวิเจฺจว กาเมหีติ กาเมหิ วิวิจฺจิตฺวา วินา หุตฺวา อปกฺกมิตฺวาฯ โย ปนายเมตฺถ เอวกาโร, โส นิยมโตฺถติ เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา จ นิยมโตฺถ, ตสฺมา ปฐมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเย อวิชฺชมานานมฺปิ กามานํ ตสฺส ปฐมชฺฌานสฺส ปฎิปกฺขภาวํ กามปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคมํ ทีเปติฯ กถํ? ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ เอวญฺหิ นิยเม กยิรมาเน อิทํ ปญฺญายติ – นูนิมสฺส ฌานสฺส กามา ปฎิปกฺขภูตา, เยสุ สติ อิทํ น ปวตฺตติ, อนฺธกาเร สติ ปทีโปภาโส วิย, เตสํ ปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคโม โหติ โอริมตีรปริจฺจาเคน ปาริมตีรสฺส วิยฯ ตสฺมา นิยมํ กโรตีติฯ
Sammāsamādhiniddese vivicceva kāmehīti kāmehi viviccitvā vinā hutvā apakkamitvā. Yo panāyamettha evakāro, so niyamatthoti veditabbo. Yasmā ca niyamattho, tasmā paṭhamajjhānaṃ upasampajja viharaṇasamaye avijjamānānampi kāmānaṃ tassa paṭhamajjhānassa paṭipakkhabhāvaṃ kāmapariccāgeneva cassa adhigamaṃ dīpeti. Kathaṃ? ‘‘Vivicceva kāmehī’’ti evañhi niyame kayiramāne idaṃ paññāyati – nūnimassa jhānassa kāmā paṭipakkhabhūtā, yesu sati idaṃ na pavattati, andhakāre sati padīpobhāso viya, tesaṃ pariccāgeneva cassa adhigamo hoti orimatīrapariccāgena pārimatīrassa viya. Tasmā niyamaṃ karotīti.
ตตฺถ สิยา, กสฺมา ปเนส ปุพฺพปเทเยว วุโตฺต, น อุตฺตรปเท, กิํ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อวิวิจฺจาปิ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตํนิสฺสรณโต หิ ปุพฺพปเท เอส วุโตฺตฯ กามธาตุสมติกฺกมนโต หิ กามราคปฎิปกฺขโต จ อิทํ ฌานํ กามานเมว นิสฺสรณํฯ ยถาห – ‘‘กามานเมตํ นิสฺสรณํ ยทิทํ เนกฺขมฺม’’นฺติ (อิติวุ. ๗๒)ฯ อุตฺตรปเทปิ ปน ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑) เอตฺถ เอวกาโร อาเนตฺวา วุจฺจติ, เอวํ วตฺตโพฺพฯ น หิ สกฺกา อิโต อเญฺญหิปิ นีวรณสงฺขาเตหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อวิวิจฺจ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํฯ ตสฺมา ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิเจฺจว อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติ เอวํ ปททฺวเยปิ เอส ทฎฺฐโพฺพฯ ปททฺวเยปิ จ กิญฺจาปิ วิวิจฺจาติ อิมินา สาธารณวจเนน ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิเวกา จิตฺตกายอุปธิวิเวกา จ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ตถาปิ ปุพฺพภาเค กายวิเวกจิตฺตวิเวกวิกฺขมฺภนวิเวกา ทฎฺฐพฺพา, โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ กายวิเวกจิตฺตวิเวกสมุเจฺฉทวิเวกปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสรณวิเวกาฯ
Tattha siyā, kasmā panesa pubbapadeyeva vutto, na uttarapade, kiṃ akusalehi dhammehi aviviccāpi jhānaṃ upasampajja vihareyyāti? Na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ. Taṃnissaraṇato hi pubbapade esa vutto. Kāmadhātusamatikkamanato hi kāmarāgapaṭipakkhato ca idaṃ jhānaṃ kāmānameva nissaraṇaṃ. Yathāha – ‘‘kāmānametaṃ nissaraṇaṃ yadidaṃ nekkhamma’’nti (itivu. 72). Uttarapadepi pana yathā ‘‘idheva, bhikkhave, samaṇo, idha dutiyo samaṇo’’ti (ma. ni. 1.139; a. ni. 4.241) ettha evakāro ānetvā vuccati, evaṃ vattabbo. Na hi sakkā ito aññehipi nīvaraṇasaṅkhātehi akusalehi dhammehi avivicca jhānaṃ upasampajja viharituṃ. Tasmā ‘‘vivicceva kāmehi vivicceva akusalehi dhammehī’’ti evaṃ padadvayepi esa daṭṭhabbo. Padadvayepi ca kiñcāpi viviccāti iminā sādhāraṇavacanena tadaṅgavikkhambhanasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇavivekā cittakāyaupadhivivekā ca saṅgahaṃ gacchanti, tathāpi pubbabhāge kāyavivekacittavivekavikkhambhanavivekā daṭṭhabbā, lokuttaramaggakkhaṇe kāyavivekacittavivekasamucchedavivekapaṭippassaddhivivekanissaraṇavivekā.
กาเมหีติ อิมินา ปน ปเทน เย จ มหานิเทฺทเส ‘‘กตเม วตฺถุกามา มนาปิกา รูปา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑) นเยน วตฺถุกามา วุตฺตา, เย จ ตเตฺถว วิภเงฺค จ ‘‘ฉโนฺท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม, สงฺกโปฺป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม’’ติ (มหานิ. ๑; วิภ. ๕๖๔) เอวํ กิเลสกามา วุตฺตา, เต สเพฺพปิ สงฺคหิตา อิเจฺจว ทฎฺฐพฺพาฯ เอวญฺหิ สติ วิวิเจฺจว กาเมหีติ วตฺถุกาเมหิปิ วิวิเจฺจวาติ อโตฺถ ยุชฺชติฯ เตน กายวิเวโก วุโตฺต โหติฯ
Kāmehīti iminā pana padena ye ca mahāniddese ‘‘katame vatthukāmā manāpikā rūpā’’tiādinā (mahāni. 1) nayena vatthukāmā vuttā, ye ca tattheva vibhaṅge ca ‘‘chando kāmo, rāgo kāmo, chandarāgo kāmo, saṅkappo kāmo, rāgo kāmo, saṅkapparāgo kāmo’’ti (mahāni. 1; vibha. 564) evaṃ kilesakāmā vuttā, te sabbepi saṅgahitā icceva daṭṭhabbā. Evañhi sati vivicceva kāmehīti vatthukāmehipi viviccevāti attho yujjati. Tena kāyaviveko vutto hoti.
วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหีติ กิเลสกาเมหิ สพฺพากุสเลหิ วา วิวิจฺจาติ อโตฺถ ยุชฺชติฯ เตน จิตฺตวิเวโก วุโตฺต โหติฯ ปุริเมน เจตฺถ วตฺถุกาเมหิ วิเวกวจนโต เอว กามสุขปริจฺจาโค, ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต เนกฺขมฺมสุขปริคฺคโห วิภาวิโต โหติฯ เอวํ วตฺถุกามกิเลสกามวิเวกวจนโตเยว จ เอเตสํ ปฐเมน สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํ, ทุติเยน สํกิเลสปฺปหานํฯ ปฐเมน โลลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโค, ทุติเยน พาลภาวสฺสฯ ปฐเมน จ ปโยคสุทฺธิ, ทุติเยน อาสยโปสนํ วิภาวิตํ โหตีติ วิญฺญาตพฺพํฯ เอส ตาว นโย กาเมหีติ เอตฺถ วุตฺตกาเมสุ วตฺถุกามปเกฺขฯ
Vivicca akusalehi dhammehīti kilesakāmehi sabbākusalehi vā viviccāti attho yujjati. Tena cittaviveko vutto hoti. Purimena cettha vatthukāmehi vivekavacanato eva kāmasukhapariccāgo, dutiyena kilesakāmehi vivekavacanato nekkhammasukhapariggaho vibhāvito hoti. Evaṃ vatthukāmakilesakāmavivekavacanatoyeva ca etesaṃ paṭhamena saṃkilesavatthuppahānaṃ, dutiyena saṃkilesappahānaṃ. Paṭhamena lolabhāvassa hetupariccāgo, dutiyena bālabhāvassa. Paṭhamena ca payogasuddhi, dutiyena āsayaposanaṃ vibhāvitaṃ hotīti viññātabbaṃ. Esa tāva nayo kāmehīti ettha vuttakāmesu vatthukāmapakkhe.
กิเลสกามปเกฺข ปน ฉโนฺทติ จ ราโคติ จ เอวมาทีหิ อเนกเภโท กามจฺฉโนฺทว กาโมติ อธิเปฺปโตฯ โส จ อกุสลปริยาปโนฺนปิ สมาโน ‘‘ตตฺถ กตเม กามา, ฉโนฺท กาโม’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๔) นเยน วิภเงฺค อุปริ ฌานงฺคปฎิปกฺขโต วิสุํ วุโตฺต, กิเลสกามตฺตา วา ปุริมปเท วุโตฺต, อกุสลปริยาปนฺนตฺตา ทุติยปเทฯ อเนกเภทโต จสฺส กามโตติ อวตฺวา กาเมหีติ วุตฺตํฯ อเญฺญสมฺปิ จ ธมฺมานํ อกุสลภาเว วิชฺชมาเน ‘‘ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา, กามจฺฉโนฺท’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๔) นเยน วิภเงฺค อุปริ ฌานงฺคปจฺจนีกปฎิปกฺขภาวทสฺสนโต นีวรณาเนว วุตฺตานิฯ นีวรณานิ หิ ฌานงฺคปจฺจนีกานิ, เตสํ ฌานงฺคาเนว ปฎิปกฺขานิ วิทฺธํสกานิ วินาสกานีติ วุตฺตํ โหติฯ ตถา หิ ‘‘สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฎิปโกฺข, ปีติ พฺยาปาทสฺส, วิตโกฺก ถินมิทฺธสฺส, สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส, วิจาโร วิจิกิจฺฉายา’’ติ เปฎเก วุตฺตํฯ
Kilesakāmapakkhe pana chandoti ca rāgoti ca evamādīhi anekabhedo kāmacchandova kāmoti adhippeto. So ca akusalapariyāpannopi samāno ‘‘tattha katame kāmā, chando kāmo’’tiādinā (vibha. 564) nayena vibhaṅge upari jhānaṅgapaṭipakkhato visuṃ vutto, kilesakāmattā vā purimapade vutto, akusalapariyāpannattā dutiyapade. Anekabhedato cassa kāmatoti avatvā kāmehīti vuttaṃ. Aññesampi ca dhammānaṃ akusalabhāve vijjamāne ‘‘tattha katame akusalā dhammā, kāmacchando’’tiādinā (vibha. 564) nayena vibhaṅge upari jhānaṅgapaccanīkapaṭipakkhabhāvadassanato nīvaraṇāneva vuttāni. Nīvaraṇāni hi jhānaṅgapaccanīkāni, tesaṃ jhānaṅgāneva paṭipakkhāni viddhaṃsakāni vināsakānīti vuttaṃ hoti. Tathā hi ‘‘samādhi kāmacchandassa paṭipakkho, pīti byāpādassa, vitakko thinamiddhassa, sukhaṃ uddhaccakukkuccassa, vicāro vicikicchāyā’’ti peṭake vuttaṃ.
เอวเมตฺถ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ อิมินา กามจฺฉนฺทสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุโตฺต โหติฯ ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติ อิมินา ปญฺจนฺนมฺปิ นีวรณานํฯ อคหิตคฺคหเณน ปน ปฐเมน กามจฺฉนฺทสฺส, ทุติเยน เสสนีวรณานํฯ ตถา ปฐเมน ตีสุ อกุสลมูเลสุ ปญฺจกามคุณเภทวิสยสฺส โลภสฺส, ทุติเยน อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานํ โทสโมหานํฯ โอฆาทีสุ วา ธเมฺมสุ ปฐเมน กาโมฆกามโยคกามาสวกามุปาทานอภิชฺฌากายคนฺถ กามราคสโญฺญชนานํ, ทุติเยน อวเสสโอฆโยคาสวอุปาทานคนฺถสํโยชนานํฯ ปฐเมน ตณฺหาย ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ, ทุติเยน อวิชฺชาย ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจฯ อปิจ ปฐเมน โลภสมฺปยุตฺตอฎฺฐจิตฺตุปฺปาทานํ, ทุติเยน เสสานํ จตุนฺนํ อกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ วิกฺขมฺภนวิเวโก วุโตฺต โหตีติ เวทิตโพฺพฯ
Evamettha ‘‘vivicceva kāmehī’’ti iminā kāmacchandassa vikkhambhanaviveko vutto hoti. ‘‘Vivicca akusalehi dhammehī’’ti iminā pañcannampi nīvaraṇānaṃ. Agahitaggahaṇena pana paṭhamena kāmacchandassa, dutiyena sesanīvaraṇānaṃ. Tathā paṭhamena tīsu akusalamūlesu pañcakāmaguṇabhedavisayassa lobhassa, dutiyena āghātavatthubhedādivisayānaṃ dosamohānaṃ. Oghādīsu vā dhammesu paṭhamena kāmoghakāmayogakāmāsavakāmupādānaabhijjhākāyagantha kāmarāgasaññojanānaṃ, dutiyena avasesaoghayogāsavaupādānaganthasaṃyojanānaṃ. Paṭhamena taṇhāya taṃsampayuttakānañca, dutiyena avijjāya taṃsampayuttakānañca. Apica paṭhamena lobhasampayuttaaṭṭhacittuppādānaṃ, dutiyena sesānaṃ catunnaṃ akusalacittuppādānaṃ vikkhambhanaviveko vutto hotīti veditabbo.
เอตฺตาวตา จ ปฐมสฺส ฌานสฺส ปหานงฺคํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สมฺปโยคงฺคํ ทเสฺสตุํ สวิตกฺกํ สวิจารนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนลกฺขโณ วิตโกฺกฯ อารมฺมณานุมชฺชนลกฺขโณ วิจาโรฯ สเนฺตปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค โอฬาริกเฎฺฐน ปุพฺพงฺคมเฎฺฐน จ ฆณฺฑาภิฆาโต วิย เจตโส ปฐมาภินิปาโต วิตโกฺก, สุขุมเฎฺฐน อนุมชฺชนสภาเวน จ ฆณฺฑานุรโว วิย อนุปฺปพโนฺธ วิจาโรฯ วิปฺผารวา เจตฺถ วิตโกฺก ปฐมุปฺปตฺติกาเล ปริปฺผนฺทนภูโต จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตุกามสฺส ปกฺขิโน ปกฺขวิเกฺขโป วิย, ปทุมาภิมุขปาโต วิย จ คนฺธานุพนฺธเจตโส ภมรสฺสฯ สนฺตวุตฺติ วิจาโร นาติปริปฺผนฺทนภูโต จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตสฺส ปกฺขิโน ปกฺขปฺปสารณํ วิย, ปริพฺภมนํ วิย จ ปทุมาภิมุขปติตสฺส ภมรสฺส ปทุมสฺส อุปริภาเคฯ
Ettāvatā ca paṭhamassa jhānassa pahānaṅgaṃ dassetvā idāni sampayogaṅgaṃ dassetuṃ savitakkaṃ savicārantiādi vuttaṃ. Tattha ārammaṇe cittassa abhiniropanalakkhaṇo vitakko. Ārammaṇānumajjanalakkhaṇo vicāro. Santepi ca nesaṃ katthaci avippayoge oḷārikaṭṭhena pubbaṅgamaṭṭhena ca ghaṇḍābhighāto viya cetaso paṭhamābhinipāto vitakko, sukhumaṭṭhena anumajjanasabhāvena ca ghaṇḍānuravo viya anuppabandho vicāro. Vipphāravā cettha vitakko paṭhamuppattikāle paripphandanabhūto cittassa, ākāse uppatitukāmassa pakkhino pakkhavikkhepo viya, padumābhimukhapāto viya ca gandhānubandhacetaso bhamarassa. Santavutti vicāro nātiparipphandanabhūto cittassa, ākāse uppatitassa pakkhino pakkhappasāraṇaṃ viya, paribbhamanaṃ viya ca padumābhimukhapatitassa bhamarassa padumassa uparibhāge.
ทุกนิปาตฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อากาเส คจฺฉโต มหาสกุณสฺส อุโภหิ ปเกฺขหิ วาตํ คเหตฺวา ปเกฺข สนฺนิสีทาเปตฺวา คมนํ วิย อารมฺมเณ เจตโส อภินิโรปนภาเวน ปวโตฺต วิตโกฺก, วาตคฺคหณตฺถํ ปเกฺข ผนฺทาปยมานสฺส คมนํ วิย อนุมชฺชนภาเวน ปวโตฺต วิจาโร’’ติ วุตฺตํฯ ตํ อนุปฺปพเนฺธน ปวตฺติยํ ยุชฺชติฯ โส ปน เตสํ วิเสโส ปฐมทุติยชฺฌาเนสุ ปากโฎ โหติฯ อปิจ มลคฺคหิตํ กํสภาชนํ เอเกน หเตฺถน ทฬฺหํ คเหตฺวา อิตเรน หเตฺถน จุณฺณเตลวาลณฺฑุปเกน ปริมชฺชนฺตสฺส ทฬฺหคฺคหณหโตฺถ วิย วิตโกฺก, ปริมชฺชนหโตฺถ วิย วิจาโรฯ ตถา กุมฺภการสฺส ทณฺฑปฺปหาเรน จกฺกํ ภมยิตฺวา ภาชนํ กโรนฺตสฺส อุปฺปีฬนหโตฺถ วิย วิตโกฺก, อิโต จิโต จ สํสรณหโตฺถ วิย วิจาโรฯ ตถา มณฺฑลํ กโรนฺตสฺส มเชฺฌ สนฺนิรุชฺฌิตฺวา ฐิตกณฺฎโก วิย อภินิโรปโน วิตโกฺก, พหิ ปริพฺภมนกณฺฎโก วิย อนุมชฺชโน วิจาโรฯ อิติ อิมินา จ วิตเกฺกน อิมินา จ วิจาเรน สห วตฺตติ รุโกฺข วิย ปุเปฺผน ผเลน จาติ อิทํ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ วุจฺจติฯ
Dukanipātaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘ākāse gacchato mahāsakuṇassa ubhohi pakkhehi vātaṃ gahetvā pakkhe sannisīdāpetvā gamanaṃ viya ārammaṇe cetaso abhiniropanabhāvena pavatto vitakko, vātaggahaṇatthaṃ pakkhe phandāpayamānassa gamanaṃ viya anumajjanabhāvena pavatto vicāro’’ti vuttaṃ. Taṃ anuppabandhena pavattiyaṃ yujjati. So pana tesaṃ viseso paṭhamadutiyajjhānesu pākaṭo hoti. Apica malaggahitaṃ kaṃsabhājanaṃ ekena hatthena daḷhaṃ gahetvā itarena hatthena cuṇṇatelavālaṇḍupakena parimajjantassa daḷhaggahaṇahattho viya vitakko, parimajjanahattho viya vicāro. Tathā kumbhakārassa daṇḍappahārena cakkaṃ bhamayitvā bhājanaṃ karontassa uppīḷanahattho viya vitakko, ito cito ca saṃsaraṇahattho viya vicāro. Tathā maṇḍalaṃ karontassa majjhe sannirujjhitvā ṭhitakaṇṭako viya abhiniropano vitakko, bahi paribbhamanakaṇṭako viya anumajjano vicāro. Iti iminā ca vitakkena iminā ca vicārena saha vattati rukkho viya pupphena phalena cāti idaṃ jhānaṃ ‘‘savitakkaṃ savicāra’’nti vuccati.
วิเวกชนฺติ เอตฺถ วิวิตฺติ วิเวโก, นีวรณวิคโมติ อโตฺถฯ วิวิโตฺตติ วา วิเวโก, นีวรณวิวิโตฺต ฌานสมฺปยุตฺตธมฺมราสีติ อโตฺถฯ ตสฺมา วิเวกา, ตสฺมิํ วา วิเวเก ชาตนฺติ วิเวกชํฯ ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปีณยตีติ ปีติ, สา สมฺปิยายนลกฺขณาฯ สา ปเนสา ขุทฺทิกา ปีติ, ขณิกา ปีติ, โอกฺกนฺติกา ปีติ, อุเพฺพคา ปีติ, ผรณา ปีตีติ ปญฺจวิธา โหติฯ
Vivekajanti ettha vivitti viveko, nīvaraṇavigamoti attho. Vivittoti vā viveko, nīvaraṇavivitto jhānasampayuttadhammarāsīti attho. Tasmā vivekā, tasmiṃ vā viveke jātanti vivekajaṃ. Pītisukhanti ettha pīṇayatīti pīti, sā sampiyāyanalakkhaṇā. Sā panesā khuddikā pīti, khaṇikā pīti, okkantikā pīti, ubbegā pīti, pharaṇā pītīti pañcavidhā hoti.
ตตฺถ ขุทฺทิกา ปีติ สรีเร โลมหํสนมตฺตเมว กาตุํ สโกฺกติฯ ขณิกา ปีติ ขเณ ขเณ วิชฺชุปฺปาทสทิสา โหติฯ โอกฺกนฺติกา ปีติ สมุทฺทตีรํ วีจิ วิย กายํ โอกฺกมิตฺวา โอกฺกมิตฺวา ภิชฺชติฯ อุเพฺพคา ปีติ พลวตี โหติ กายํ อุทฺธคฺคํ กตฺวา อากาเส ลงฺฆาปนปฺปมาณปฺปตฺตาฯ ผรณา ปีติ อติพลวตี โหติฯ ตาย หิ อุปฺปนฺนาย สกลสรีรํ ธมิตฺวา ปูริตวตฺถิ วิย มหตา อุทโกเฆน ปกฺขนฺทปพฺพตกุจฺฉิ วิย จ อนุปริผุฎํ โหติฯ สา ปเนสา ปญฺจวิธา ปีติ คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี ทุวิธํ ปสฺสทฺธิํ ปริปูเรติ กายปสฺสทฺธิญฺจ จิตฺตปสฺสทฺธิญฺจฯ ปสฺสทฺธิ คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี ทุวิธมฺปิ สุขํ ปริปูเรติ กายิกญฺจ เจตสิกญฺจฯ สุขํ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ติวิธํ สมาธิํ ปริปูเรติ – ขณิกสมาธิํ, อุปจารสมาธิํ, อปฺปนาสมาธิญฺจาติฯ ตาสุ จ ยา อปฺปนาสมาธิสฺส มูลํ หุตฺวา วฑฺฒมานา สมาธิสมฺปโยคํ คตา ผรณา ปีติ, อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปตา ปีตีติฯ
Tattha khuddikā pīti sarīre lomahaṃsanamattameva kātuṃ sakkoti. Khaṇikā pīti khaṇe khaṇe vijjuppādasadisā hoti. Okkantikā pīti samuddatīraṃ vīci viya kāyaṃ okkamitvā okkamitvā bhijjati. Ubbegā pīti balavatī hoti kāyaṃ uddhaggaṃ katvā ākāse laṅghāpanappamāṇappattā. Pharaṇā pīti atibalavatī hoti. Tāya hi uppannāya sakalasarīraṃ dhamitvā pūritavatthi viya mahatā udakoghena pakkhandapabbatakucchi viya ca anupariphuṭaṃ hoti. Sā panesā pañcavidhā pīti gabbhaṃ gaṇhantī paripākaṃ gacchantī duvidhaṃ passaddhiṃ paripūreti kāyapassaddhiñca cittapassaddhiñca. Passaddhi gabbhaṃ gaṇhantī paripākaṃ gacchantī duvidhampi sukhaṃ paripūreti kāyikañca cetasikañca. Sukhaṃ gabbhaṃ gaṇhantaṃ paripākaṃ gacchantaṃ tividhaṃ samādhiṃ paripūreti – khaṇikasamādhiṃ, upacārasamādhiṃ, appanāsamādhiñcāti. Tāsu ca yā appanāsamādhissa mūlaṃ hutvā vaḍḍhamānā samādhisampayogaṃ gatā pharaṇā pīti, ayaṃ imasmiṃ atthe adhippetā pītīti.
อิตรํ ปน สุขยตีติ สุขํ, ยสฺสุปฺปชฺชติ, ตํ สุขิตํ กโรตีติ อโตฺถฯ สุขนํ วา สุขํ, สุฎฺฐุ วา ขาทติ, ขณติ จ กายจิตฺตาพาธนฺติ สุขํ, โสมนสฺสเวทนาเยตํ นามํฯ ตํ สาตลกฺขณํฯ สเนฺตปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค อิฎฺฐารมฺมณปฎิลาภตุฎฺฐิ ปีติ, ปฎิลทฺธรสานุภวนํ สุขํฯ ยตฺถ ปีติ, ตตฺถ สุขํฯ ยตฺถ สุขํ, ตตฺถ น นิยมโต ปีติฯ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ปีติ, เวทนากฺขนฺธสงฺคหิตํ สุขํฯ กนฺตารขินฺนสฺส วนนฺตุทกทสฺสนสวเนสุ วิย ปีติ, วนจฺฉายาปเวสนอุทกปริโภเคสุ วิย สุขํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเย ปากฎภาวโต เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิติ อยญฺจ ปีติ อิทญฺจ สุขํ อสฺส ฌานสฺส, อสฺมิํ วา ฌาเน อตฺถีติ อิทํ ฌานํ ‘‘ปีติสุข’’นฺติ วุจฺจติฯ อถ วา ปีติ จ สุขญฺจ ปีติสุขํ ธมฺมวินยาทโย วิยฯ วิเวกชํ ปีติสุขํ อสฺส ฌานสฺส, อสฺมิํ วา ฌาเน อตฺถีติ เอวมฺปิ วิเวกชํ ปีติสุขํฯ ยเถว หิ ฌานํ, เอวํ ปีติสุขเมฺปตฺถ วิเวกชเมว โหติฯ ตญฺจสฺส อตฺถีติ ตสฺมา อโลปสมาสํ กตฺวา เอกปเทเนว ‘‘วิเวกชํปีติสุข’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติฯ
Itaraṃ pana sukhayatīti sukhaṃ, yassuppajjati, taṃ sukhitaṃ karotīti attho. Sukhanaṃ vā sukhaṃ, suṭṭhu vā khādati, khaṇati ca kāyacittābādhanti sukhaṃ, somanassavedanāyetaṃ nāmaṃ. Taṃ sātalakkhaṇaṃ. Santepi ca nesaṃ katthaci avippayoge iṭṭhārammaṇapaṭilābhatuṭṭhi pīti, paṭiladdharasānubhavanaṃ sukhaṃ. Yattha pīti, tattha sukhaṃ. Yattha sukhaṃ, tattha na niyamato pīti. Saṅkhārakkhandhasaṅgahitā pīti, vedanākkhandhasaṅgahitaṃ sukhaṃ. Kantārakhinnassa vanantudakadassanasavanesu viya pīti, vanacchāyāpavesanaudakaparibhogesu viya sukhaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ samaye pākaṭabhāvato cetaṃ vuttanti veditabbaṃ. Iti ayañca pīti idañca sukhaṃ assa jhānassa, asmiṃ vā jhāne atthīti idaṃ jhānaṃ ‘‘pītisukha’’nti vuccati. Atha vā pīti ca sukhañca pītisukhaṃ dhammavinayādayo viya. Vivekajaṃ pītisukhaṃ assa jhānassa, asmiṃ vā jhāne atthīti evampi vivekajaṃ pītisukhaṃ. Yatheva hi jhānaṃ, evaṃ pītisukhampettha vivekajameva hoti. Tañcassa atthīti tasmā alopasamāsaṃ katvā ekapadeneva ‘‘vivekajaṃpītisukha’’ntipi vattuṃ yujjati.
ปฐมนฺติ คณนานุปุพฺพตา ปฐมํ, ปฐมํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ปฐมํฯ ฌานนฺติ ทุวิธํ ฌานํ อารมฺมณูปนิชฺฌานญฺจ ลกฺขณูปนิชฺฌานญฺจฯ ตตฺถ อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปถวีกสิณาทิอารมฺมณํ อุปนิชฺฌายนฺตีติ ‘‘อารมฺมณูปนิชฺฌาน’’นฺติ สงฺขฺยํ คตาฯ วิปสฺสนามคฺคผลานิ ปน ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นามฯ ตตฺถ วิปสฺสนา อนิจฺจาทิลกฺขณสฺส อุปนิชฺฌานโต ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, วิปสฺสนาย กตกิจฺจสฺส มเคฺคน อิชฺฌนโต มโคฺค ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, ผลํ ปน นิโรธสจฺจํ ตถลกฺขณํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํฯ เตสุ อิธ ปุพฺพภาเค อารมฺมณูปนิชฺฌานํ, โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา อารมฺมณูปนิชฺฌานโต ลกฺขณูปนิชฺฌานโต ปจฺจนีกชฺฌาปนโต จ ‘‘ฌาน’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ อุปสมฺปชฺชาติ อุปคนฺตฺวา, ปาปุณิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ อุปสมฺปาทยิตฺวา วา, นิปฺผาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ วิหรตีติ ตทนุรูเปน อิริยาปถวิหาเรน อิริยติ, วุตฺตปฺปการฌานสมงฺคี หุตฺวา อตฺตภาวสฺส วุตฺติํ อภินิปฺผาเทติฯ
Paṭhamanti gaṇanānupubbatā paṭhamaṃ, paṭhamaṃ uppannantipi paṭhamaṃ. Jhānanti duvidhaṃ jhānaṃ ārammaṇūpanijjhānañca lakkhaṇūpanijjhānañca. Tattha aṭṭha samāpattiyo pathavīkasiṇādiārammaṇaṃ upanijjhāyantīti ‘‘ārammaṇūpanijjhāna’’nti saṅkhyaṃ gatā. Vipassanāmaggaphalāni pana lakkhaṇūpanijjhānaṃ nāma. Tattha vipassanā aniccādilakkhaṇassa upanijjhānato lakkhaṇūpanijjhānaṃ, vipassanāya katakiccassa maggena ijjhanato maggo lakkhaṇūpanijjhānaṃ, phalaṃ pana nirodhasaccaṃ tathalakkhaṇaṃ upanijjhāyatīti lakkhaṇūpanijjhānaṃ. Tesu idha pubbabhāge ārammaṇūpanijjhānaṃ, lokuttaramaggakkhaṇe lakkhaṇūpanijjhānaṃ adhippetaṃ, tasmā ārammaṇūpanijjhānato lakkhaṇūpanijjhānato paccanīkajjhāpanato ca ‘‘jhāna’’nti veditabbaṃ. Upasampajjāti upagantvā, pāpuṇitvāti vuttaṃ hoti. Upasampādayitvā vā, nipphādetvāti vuttaṃ hoti. Viharatīti tadanurūpena iriyāpathavihārena iriyati, vuttappakārajhānasamaṅgī hutvā attabhāvassa vuttiṃ abhinipphādeti.
วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ เอตฺถ วิตกฺกสฺส จ วิจารสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วูปสมา สมติกฺกมา, ทุติยชฺฌานกฺขเณ อปาตุภาวาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ ทุติยชฺฌาเน สเพฺพปิ ปฐมชฺฌานธมฺมา น สนฺติ, อเญฺญเยว หิ ปฐมชฺฌาเน ผสฺสาทโย, อเญฺญ อิธาติฯ โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส องฺคสฺส สมติกฺกมา ปฐมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ อธิคโม โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ฯ อชฺฌตฺตนฺติ อิธ นิยกชฺฌตฺตํ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา อตฺตนิ ชาตํ, อตฺตสนฺตาเน นิพฺพตฺตนฺติ อโตฺถฯ
Vitakkavicārānaṃvūpasamāti ettha vitakkassa ca vicārassa cāti imesaṃ dvinnaṃ vūpasamā samatikkamā, dutiyajjhānakkhaṇe apātubhāvāti vuttaṃ hoti. Tattha kiñcāpi dutiyajjhāne sabbepi paṭhamajjhānadhammā na santi, aññeyeva hi paṭhamajjhāne phassādayo, aññe idhāti. Oḷārikassa pana oḷārikassa aṅgassa samatikkamā paṭhamajjhānato paresaṃ dutiyajjhānādīnaṃ adhigamo hotīti dassanatthaṃ ‘‘vitakkavicārānaṃ vūpasamā’’ti evaṃ vuttanti veditabbaṃ . Ajjhattanti idha niyakajjhattaṃ adhippetaṃ, tasmā attani jātaṃ, attasantāne nibbattanti attho.
สมฺปสาทนนฺติ สมฺปสาทนํ วุจฺจติ สทฺธาฯ สมฺปสาทนโยคโต ฌานมฺปิ สมฺปสาทนํ นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิยฯ ยสฺมา วา ตํ ฌานํ สมฺปสาทนสมนฺนาคตตฺตา วิตกฺกวิจารโกฺขภวูปสมเนน จ เจโต สมฺปสาทยติ, ตสฺมาปิ สมฺปสาทนนฺติ วุตฺตํฯ อิมสฺมิญฺจ อตฺถวิกเปฺป สมฺปสาทนํ เจตโสติ เอวํ ปทสมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ, ปุริมสฺมิํ ปน อตฺถวิกเปฺป เจตโสติ เอตํ เอโกทิภาเวน สทฺธิํ โยเชตพฺพํฯ
Sampasādananti sampasādanaṃ vuccati saddhā. Sampasādanayogato jhānampi sampasādanaṃ nīlavaṇṇayogato nīlavatthaṃ viya. Yasmā vā taṃ jhānaṃ sampasādanasamannāgatattā vitakkavicārakkhobhavūpasamanena ca ceto sampasādayati, tasmāpi sampasādananti vuttaṃ. Imasmiñca atthavikappe sampasādanaṃ cetasoti evaṃ padasambandho veditabbo, purimasmiṃ pana atthavikappe cetasoti etaṃ ekodibhāvena saddhiṃ yojetabbaṃ.
ตตฺรายํ อตฺถโยชนา – เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, วิตกฺกวิจาเรหิ อนชฺฌารูฬฺหตฺตา อโคฺค เสโฎฺฐ หุตฺวา อุเทตีติ อโตฺถฯ เสโฎฺฐปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจติฯ วิตกฺกวิจารวิรหิโต วา เอโก อสหาโย หุตฺวา อิติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ อถ วา สมฺปยุตฺตธเมฺม อุทายตีติ อุทิ, อุฎฺฐเปตีติ อโตฺถฯ เสฎฺฐเฎฺฐน เอโก จ โส อุทิ จาติ เอโกทิฯ สมาธิเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิติ อิมํ เอโกทิํ ภาเวติ วเฑฺฒตีติ อิทํ ทุติยํ ฌานํ เอโกทิภาวํฯ โส ปนายํ เอโกทิ ยสฺมา เจตโส, น สตฺตสฺส น ชีวสฺสฯ ตสฺมา เอตํ ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ วุตฺตํฯ
Tatrāyaṃ atthayojanā – eko udetīti ekodi, vitakkavicārehi anajjhārūḷhattā aggo seṭṭho hutvā udetīti attho. Seṭṭhopi hi loke ekoti vuccati. Vitakkavicāravirahito vā eko asahāyo hutvā itipi vattuṃ vaṭṭati. Atha vā sampayuttadhamme udāyatīti udi, uṭṭhapetīti attho. Seṭṭhaṭṭhena eko ca so udi cāti ekodi. Samādhissetaṃ adhivacanaṃ. Iti imaṃ ekodiṃ bhāveti vaḍḍhetīti idaṃ dutiyaṃ jhānaṃ ekodibhāvaṃ. So panāyaṃ ekodi yasmā cetaso, na sattassa na jīvassa. Tasmā etaṃ ‘‘cetaso ekodibhāva’’nti vuttaṃ.
นนุ จายํ สทฺธา ปฐมชฺฌาเนปิ อตฺถิ, อยญฺจ เอโกทินามโก สมาธิฯ อถ กสฺมา อิทเมว ‘‘สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ จ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อทุญฺหิ ปฐมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารโกฺขเภน วีจิตรงฺคสมากุลมิว ชลํ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตสฺมา สติยาปิ สทฺธาย ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ น วุตฺตํฯ น สุปฺปสนฺนตฺตาเยว เจตฺถ สมาธิปิ น สุฎฺฐุ ปากโฎฯ ตสฺมา ‘‘เอโกทิภาว’’นฺติปิ น วุตฺตํฯ อิมสฺมิํ ปน ฌาเน วิตกฺกวิจารปลิโพธาภาเวน ลโทฺธกาสา พลวตี สทฺธา, พลวสทฺธาสหายปฎิลาเภเนว จ สมาธิปิ ปากโฎ, ตสฺมา อิทเมว เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Nanu cāyaṃ saddhā paṭhamajjhānepi atthi, ayañca ekodināmako samādhi. Atha kasmā idameva ‘‘sampasādanaṃ cetaso ekodibhāva’’nti ca vuttanti? Vuccate – aduñhi paṭhamajjhānaṃ vitakkavicārakkhobhena vīcitaraṅgasamākulamiva jalaṃ na suppasannaṃ hoti, tasmā satiyāpi saddhāya ‘‘sampasādana’’nti na vuttaṃ. Na suppasannattāyeva cettha samādhipi na suṭṭhu pākaṭo. Tasmā ‘‘ekodibhāva’’ntipi na vuttaṃ. Imasmiṃ pana jhāne vitakkavicārapalibodhābhāvena laddhokāsā balavatī saddhā, balavasaddhāsahāyapaṭilābheneva ca samādhipi pākaṭo, tasmā idameva evaṃ vuttanti veditabbaṃ.
อวิตกฺกํ อวิจารนฺติ ภาวนาย ปหีนตฺตา เอตสฺมิํ, เอตสฺส วา วิตโกฺก นตฺถีติ อวิตกฺกํฯ อิมินาว นเยน อวิจารํฯ เอตฺถาห – ‘‘นนุ จ ‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’ติ อิมินาปิ อยมโตฺถ สิโทฺธฯ อถ กสฺมา ปุน วุตฺตํ ‘อวิตกฺกํ อวิจาร’นฺติ’’? วุจฺจเต – เอวเมตํ, สิโทฺธวายมโตฺถ, น ปเนตํ ตทตฺถทีปกํ, นนุ อโวจุมฺห ‘‘โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส องฺคสฺส สมติกฺกมา ปฐมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ สมธิคโม โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ เอวํ วุตฺต’’นฺติฯ
Avitakkaṃavicāranti bhāvanāya pahīnattā etasmiṃ, etassa vā vitakko natthīti avitakkaṃ. Imināva nayena avicāraṃ. Etthāha – ‘‘nanu ca ‘vitakkavicārānaṃ vūpasamā’ti imināpi ayamattho siddho. Atha kasmā puna vuttaṃ ‘avitakkaṃ avicāra’nti’’? Vuccate – evametaṃ, siddhovāyamattho, na panetaṃ tadatthadīpakaṃ, nanu avocumha ‘‘oḷārikassa pana oḷārikassa aṅgassa samatikkamā paṭhamajjhānato paresaṃ dutiyajjhānādīnaṃ samadhigamo hotīti dassanatthaṃ vitakkavicārānaṃ vūpasamāti evaṃ vutta’’nti.
อปิจ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ สมฺปสาทนํ, น กิเลสกาลุสฺสิยสฺสฯ วิตกฺกวิจารานญฺจ วูปสมา เอโกทิภาวํ, น อุปจารชฺฌานมิว นีวรณปฺปหานา, น ปฐมชฺฌานมิว จ องฺคปาตุภาวาติ เอวํ สมฺปสาทนเอโกทิภาวานํ เหตุปริทีปกมิทํ วจนํฯ ตถา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ อวิตกฺกอวิจารํ, น ตติยจตุตฺถชฺฌานานิ วิย จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ วิย จ อภาวาติ เอวํ อวิตกฺกอวิจารภาวสฺส เหตุปริทีปกญฺจฯ น วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกํ, วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกเมว ปน ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ อิทํ วจนํฯ ตสฺมา ปุริมํ วตฺวาปิ ปุน วตฺตพฺพเมวาติฯ
Apica vitakkavicārānaṃ vūpasamā idaṃ sampasādanaṃ, na kilesakālussiyassa. Vitakkavicārānañca vūpasamā ekodibhāvaṃ, na upacārajjhānamiva nīvaraṇappahānā, na paṭhamajjhānamiva ca aṅgapātubhāvāti evaṃ sampasādanaekodibhāvānaṃ hetuparidīpakamidaṃ vacanaṃ. Tathā vitakkavicārānaṃ vūpasamā idaṃ avitakkaavicāraṃ, na tatiyacatutthajjhānāni viya cakkhuviññāṇādīni viya ca abhāvāti evaṃ avitakkaavicārabhāvassa hetuparidīpakañca. Na vitakkavicārābhāvamattaparidīpakaṃ, vitakkavicārābhāvamattaparidīpakameva pana ‘‘avitakkaṃ avicāra’’nti idaṃ vacanaṃ. Tasmā purimaṃ vatvāpi puna vattabbamevāti.
สมาธิชนฺติ ปฐมชฺฌานสมาธิโต, สมฺปยุตฺตสมาธิโต วา ชาตนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ ปฐมชฺฌานมฺปิ สมฺปยุตฺตสมาธิโต ชาตํ, อถ โข อยเมว สมาธิ ‘‘สมาธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ วิตกฺกวิจารโกฺขภวิรเหน อติวิย อจลตฺตา สุปฺปสนฺนตฺตา จฯ ตสฺมา อิมสฺส วณฺณภณนตฺถํ อิทเมว ‘‘สมาธิช’’นฺติ วุตฺตํฯ ปีติสุขนฺติ อิทํ วุตฺตนยเมวฯ ทุติยนฺติ คณนานุปุพฺพตา ทุติยํ, อิทํ ทุติยํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ทุติยํฯ
Samādhijanti paṭhamajjhānasamādhito, sampayuttasamādhito vā jātanti attho. Tattha kiñcāpi paṭhamajjhānampi sampayuttasamādhito jātaṃ, atha kho ayameva samādhi ‘‘samādhī’’ti vattabbataṃ arahati vitakkavicārakkhobhavirahena ativiya acalattā suppasannattā ca. Tasmā imassa vaṇṇabhaṇanatthaṃ idameva ‘‘samādhija’’nti vuttaṃ. Pītisukhanti idaṃ vuttanayameva. Dutiyanti gaṇanānupubbatā dutiyaṃ, idaṃ dutiyaṃ uppannantipi dutiyaṃ.
ปีติยา จ วิราคาติ วิราโค นาม วุตฺตปฺปการาย ปีติยา ชิคุจฺฉนํ วา สมติกฺกโม วา, อุภินฺนํ ปน อนฺตรา จสโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถ, โส วูปสมํ วา สมฺปิเณฺฑติ วิตกฺกวิจารวูปสมํ วาฯ ตตฺถ ยทา วูปสมเมว สมฺปิเณฺฑติ, ตทา ปีติยา วิราคา จ, กิญฺจ ภิโยฺย วูปสมา จาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ อิมิสฺสา จ โยชนาย วิราโค ชิคุจฺฉนโตฺถ โหติ, ตสฺมา ปีติยา ชิคุจฺฉนา จ สมติกฺกมา จาติ อยมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยทา ปน วิตกฺกวิจารวูปสมํ สมฺปิเณฺฑติ, ตทา ปีติยา จ วิราคา, กิญฺจ ภิโยฺย วิตกฺกวิจารานญฺจ วูปสมาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ อิมิสฺสา จ โยชนาย วิราโค สมติกฺกมนโตฺถ โหติ, ตสฺมา ปีติยา จ สมติกฺกมา, วิตกฺกวิจารานญฺจ วูปสมาติ อยมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Pītiyā ca virāgāti virāgo nāma vuttappakārāya pītiyā jigucchanaṃ vā samatikkamo vā, ubhinnaṃ pana antarā casaddo sampiṇḍanattho, so vūpasamaṃ vā sampiṇḍeti vitakkavicāravūpasamaṃ vā. Tattha yadā vūpasamameva sampiṇḍeti, tadā pītiyā virāgā ca, kiñca bhiyyo vūpasamā cāti evaṃ yojanā veditabbā. Imissā ca yojanāya virāgo jigucchanattho hoti, tasmā pītiyā jigucchanā ca samatikkamā cāti ayamattho daṭṭhabbo. Yadā pana vitakkavicāravūpasamaṃ sampiṇḍeti, tadā pītiyā ca virāgā, kiñca bhiyyo vitakkavicārānañca vūpasamāti evaṃ yojanā veditabbā. Imissā ca yojanāya virāgo samatikkamanattho hoti, tasmā pītiyā ca samatikkamā, vitakkavicārānañca vūpasamāti ayamattho daṭṭhabbo.
กามเญฺจเต วิตกฺกวิจารา ทุติยชฺฌาเนเยว วูปสนฺตา, อิมสฺส ปน ฌานสฺส มคฺคปริทีปนตฺถํ วณฺณภณนตฺถเญฺจตํ วุตฺตํฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ หิ วุเตฺต อิทํ ปญฺญายติ ‘‘นูน วิตกฺกวิจารวูปสโม มโคฺค อิมสฺส ฌานสฺสา’’ติฯ ยถา จ ตติเย อริยมเคฺค อปฺปหีนานมฺปิ สกฺกายทิฎฺฐาทีนํ ‘‘ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๗๓; ม. นิ. ๒.๑๓๓; สํ. นิ. ๕.๑๘๔; อ. นิ. ๓.๘๘) เอวํ ปหานํ วุจฺจมานํ วณฺณภณนํ โหติ, ตทธิคมาย อุสฺสุกฺกานํ อุสฺสาหชนกํ, เอวเมว อิธ อวูปสนฺตานมฺปิ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม วุจฺจมาโน วณฺณภณนํ โหติฯ เตนายมโตฺถ วุโตฺต ‘‘ปีติยา จ สมติกฺกมา วิตกฺกวิจารานญฺจ วูปสมา’’ติฯ
Kāmañcete vitakkavicārā dutiyajjhāneyeva vūpasantā, imassa pana jhānassa maggaparidīpanatthaṃ vaṇṇabhaṇanatthañcetaṃ vuttaṃ. Vitakkavicārānaṃ vūpasamāti hi vutte idaṃ paññāyati ‘‘nūna vitakkavicāravūpasamo maggo imassa jhānassā’’ti. Yathā ca tatiye ariyamagge appahīnānampi sakkāyadiṭṭhādīnaṃ ‘‘pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānā’’ti (dī. ni. 1.373; ma. ni. 2.133; saṃ. ni. 5.184; a. ni. 3.88) evaṃ pahānaṃ vuccamānaṃ vaṇṇabhaṇanaṃ hoti, tadadhigamāya ussukkānaṃ ussāhajanakaṃ, evameva idha avūpasantānampi vitakkavicārānaṃ vūpasamo vuccamāno vaṇṇabhaṇanaṃ hoti. Tenāyamattho vutto ‘‘pītiyā ca samatikkamā vitakkavicārānañca vūpasamā’’ti.
อุเปกฺขโก จ วิหรตีติ เอตฺถ อุปปตฺติโต อิกฺขตีติ อุเปกฺขา , สมํ ปสฺสติ อปกฺขปติตา หุตฺวา ปสฺสตีติ อโตฺถฯ ตาย วิสทาย วิปุลาย ถามคตาย สมนฺนาคตตฺตา ตติยชฺฌานสมงฺคี ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ วุจฺจติฯ
Upekkhako ca viharatīti ettha upapattito ikkhatīti upekkhā , samaṃ passati apakkhapatitā hutvā passatīti attho. Tāya visadāya vipulāya thāmagatāya samannāgatattā tatiyajjhānasamaṅgī ‘‘upekkhako’’ti vuccati.
อุเปกฺขา ปน ทสวิธา โหติ ฉฬงฺคุเปกฺขา พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา โพชฺฌงฺคุเปกฺขา วีริยุเปกฺขา สงฺขารุเปกฺขา เวทนุเปกฺขา วิปสฺสนุเปกฺขา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา ฌานุเปกฺขา ปาริสุทฺธุเปกฺขาติฯ
Upekkhā pana dasavidhā hoti chaḷaṅgupekkhā brahmavihārupekkhā bojjhaṅgupekkhā vīriyupekkhā saṅkhārupekkhā vedanupekkhā vipassanupekkhā tatramajjhattupekkhā jhānupekkhā pārisuddhupekkhāti.
ตตฺถ ยา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ขีณาสโว ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (อ. นิ. ๖.๑) เอวมาคตา ขีณาสวสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐานิฎฺฐฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ ฉฬงฺคุเปกฺขา นามฯ
Tattha yā ‘‘idha, bhikkhave, khīṇāsavo bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā neva sumano hoti na dummano, upekkhako ca viharati sato sampajāno’’ti (a. ni. 6.1) evamāgatā khīṇāsavassa chasu dvāresu iṭṭhāniṭṭhachaḷārammaṇāpāthe parisuddhapakatibhāvāvijahanākārabhūtā upekkhā, ayaṃ chaḷaṅgupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ม. นิ. ๑.๗๗) เอวมาคตา สเตฺตสุ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharatī’’ti (dī. ni. 1.556; ma. ni. 1.77) evamāgatā sattesu majjhattākārabhūtā upekkhā, ayaṃ brahmavihārupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๔๗) เอวมาคตา สหชาตธมฺมานํ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissita’’nti (ma. ni. 2.247) evamāgatā sahajātadhammānaṃ majjhattākārabhūtā upekkhā, ayaṃ bojjhaṅgupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิกโรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) เอวมาคตา อนจฺจารทฺธนาติสิถิลวีริยสงฺขาตา อุเปกฺขา, อยํ วีริยุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘kālena kālaṃ upekkhānimittaṃ manasikarotī’’ti (a. ni. 3.103) evamāgatā anaccāraddhanātisithilavīriyasaṅkhātā upekkhā, ayaṃ vīriyupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘กติ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, กติ สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? อฎฺฐ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๗) เอวมาคตา นีวรณาทิปฎิสงฺขาสนฺติฎฺฐนาคหเณ มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘kati saṅkhārupekkhā samathavasena uppajjanti, kati saṅkhārupekkhā vipassanāvasena uppajjanti? Aṭṭha saṅkhārupekkhā samathavasena uppajjanti, dasa saṅkhārupekkhā vipassanāvasena uppajjantī’’ti (paṭi. ma. 1.57) evamāgatā nīvaraṇādipaṭisaṅkhāsantiṭṭhanāgahaṇe majjhattabhūtā upekkhā, ayaṃ saṅkhārupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ อุเปกฺขาสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๑๕๐) เอวมาคตา อทุกฺขมสุขสญฺญิตา อุเปกฺขา, อยํ เวทนุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hoti upekkhāsahagata’’nti (dha. sa. 150) evamāgatā adukkhamasukhasaññitā upekkhā, ayaṃ vedanupekkhā nāma.
ยา ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ, อุเปกฺขํ ปฎิลภตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕) เอวมาคตา วิจินเน มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขา นามฯ
Yā ‘‘yadatthi yaṃ bhūtaṃ, taṃ pajahati, upekkhaṃ paṭilabhatī’’ti (ma. ni. 3.71; a. ni. 7.55) evamāgatā vicinane majjhattabhūtā upekkhā, ayaṃ vipassanupekkhā nāma.
ยา ปน ฉนฺทาทีสุ เยวาปนเกสุ อาคตา สหชาตานํ สมวาหิตภูตา อุเปกฺขา, อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา นามฯ
Yā pana chandādīsu yevāpanakesu āgatā sahajātānaṃ samavāhitabhūtā upekkhā, ayaṃ tatramajjhattupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหรตี’’ติ (ธ. ส. ๑๖๓; ที. นิ. ๑.๒๓๐) เอวมาคตา อคฺคสุเขปิ ตสฺมิํ อปกฺขปาตชนนี อุเปกฺขา, อยํ ฌานุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘upekkhako ca viharatī’’ti (dha. sa. 163; dī. ni. 1.230) evamāgatā aggasukhepi tasmiṃ apakkhapātajananī upekkhā, ayaṃ jhānupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๖๕; ที. นิ. ๑.๒๓๒) เอวมาคตา สพฺพปจฺจนีกปริสุทฺธา ปจฺจนีกวูปสมเนปิ อพฺยาปารภูตา อุเปกฺขา, อยํ ปาริสุทฺธุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhāna’’nti (dha. sa. 165; dī. ni. 1.232) evamāgatā sabbapaccanīkaparisuddhā paccanīkavūpasamanepi abyāpārabhūtā upekkhā, ayaṃ pārisuddhupekkhā nāma.
ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา จ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา จ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา จ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จ ฌานุเปกฺขา จ ปาริสุทฺธุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติฯ เตน เตน อวตฺถาเภเทน ปนสฺสายํ เภโทฯ เอกสฺสาปิ สโต สตฺตสฺส กุมารยุวเตฺถรเสนาปติราชาทิวเสน เภโท วิย, ตสฺมา ตาสุ ยตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ โพชฺฌงฺคุเปกฺขาทโยฯ ยตฺถ วา ปน โพชฺฌงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขาทโย โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Tattha chaḷaṅgupekkhā ca brahmavihārupekkhā ca bojjhaṅgupekkhā ca tatramajjhattupekkhā ca jhānupekkhā ca pārisuddhupekkhā ca atthato ekā, tatramajjhattupekkhāva hoti. Tena tena avatthābhedena panassāyaṃ bhedo. Ekassāpi sato sattassa kumārayuvattherasenāpatirājādivasena bhedo viya, tasmā tāsu yattha chaḷaṅgupekkhā, na tattha bojjhaṅgupekkhādayo. Yattha vā pana bojjhaṅgupekkhā, na tattha chaḷaṅgupekkhādayo hontīti veditabbā.
ยถา เจตาสํ อตฺถโต เอกีภาโว, เอวํ สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขานมฺปิฯ ปญฺญา เอว หิ สา, กิจฺจวเสน ทฺวิธา ภินฺนาฯ ยถา หิ ปุริสสฺส สายํ เคหํ ปวิฎฺฐํ สปฺปํ อชปททณฺฑํ คเหตฺวา ปริเยสมานสฺส ตํ ถุสโกฎฺฐเก นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘สโปฺป นุ โข, โน’’ติ อวโลเกนฺตสฺส โสวตฺถิกตฺตยํ ทิสฺวา นิเพฺพมติกสฺส ‘‘สโปฺป, น สโปฺป’’ติ วิจินเน มชฺฌตฺตตา อุปฺปชฺชติ, เอวเมว ยา อารทฺธวิปสฺสกสฺส วิปสฺสนาญาเณน ลกฺขณตฺตเย ทิเฎฺฐ สงฺขารานํ อนิจฺจภาวาทิวิจินเน มชฺฌตฺตตา อุปฺปชฺชติ, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขาฯ ยถา ปน ตสฺส ปุริสสฺส อชปททเณฺฑน คาฬฺหํ สปฺปํ คเหตฺวา ‘‘กินฺตาหํ อิมํ สปฺปํ อวิเหเฐโนฺต อตฺตานญฺจ อิมินา อฑํสาเปโนฺต มุเญฺจยฺย’’นฺติ มุญฺจนาการเมว ปริเยสโต คหเณ มชฺฌตฺตตา โหติ, เอวเมว ยา ลกฺขณตฺตยสฺส ทิฎฺฐตฺตา อาทิเตฺต วิย ตโย ภเว ปสฺสโต สงฺขารคหเณ มชฺฌตฺตตา, อยํ สงฺขารุเปกฺขาฯ อิติ วิปสฺสนุเปกฺขาย สิทฺธาย สงฺขารุเปกฺขาปิ สิทฺธาว โหติฯ อิมินา ปเนสา วิจินนคหเณสุ มชฺฌตฺตสงฺขาเตน กิเจฺจน ทฺวิธา ภินฺนาติฯ วีริยุเปกฺขา ปน เวทนุเปกฺขา จ อญฺญมญฺญญฺจ อวเสสาหิ จ อตฺถโต ภินฺนา เอวาติฯ อาห เจตฺถ –
Yathā cetāsaṃ atthato ekībhāvo, evaṃ saṅkhārupekkhāvipassanupekkhānampi. Paññā eva hi sā, kiccavasena dvidhā bhinnā. Yathā hi purisassa sāyaṃ gehaṃ paviṭṭhaṃ sappaṃ ajapadadaṇḍaṃ gahetvā pariyesamānassa taṃ thusakoṭṭhake nipannaṃ disvā ‘‘sappo nu kho, no’’ti avalokentassa sovatthikattayaṃ disvā nibbematikassa ‘‘sappo, na sappo’’ti vicinane majjhattatā uppajjati, evameva yā āraddhavipassakassa vipassanāñāṇena lakkhaṇattaye diṭṭhe saṅkhārānaṃ aniccabhāvādivicinane majjhattatā uppajjati, ayaṃ vipassanupekkhā. Yathā pana tassa purisassa ajapadadaṇḍena gāḷhaṃ sappaṃ gahetvā ‘‘kintāhaṃ imaṃ sappaṃ aviheṭhento attānañca iminā aḍaṃsāpento muñceyya’’nti muñcanākārameva pariyesato gahaṇe majjhattatā hoti, evameva yā lakkhaṇattayassa diṭṭhattā āditte viya tayo bhave passato saṅkhāragahaṇe majjhattatā, ayaṃ saṅkhārupekkhā. Iti vipassanupekkhāya siddhāya saṅkhārupekkhāpi siddhāva hoti. Iminā panesā vicinanagahaṇesu majjhattasaṅkhātena kiccena dvidhā bhinnāti. Vīriyupekkhā pana vedanupekkhā ca aññamaññañca avasesāhi ca atthato bhinnā evāti. Āha cettha –
‘‘มชฺฌตฺตพฺรหฺมโพชฺฌงฺคฉฬงฺคฌานสุทฺธิโย;
‘‘Majjhattabrahmabojjhaṅgachaḷaṅgajhānasuddhiyo;
วิปสฺสนา จ สงฺขารเวทนา วีริยํ อิติฯ
Vipassanā ca saṅkhāravedanā vīriyaṃ iti.
วิตฺถารโต ทโสเปกฺขา, ฉ มชฺฌตฺตาทิโต ตโต;
Vitthārato dasopekkhā, cha majjhattādito tato;
ทุเว ปญฺญา ตโต ทฺวีหิ, จตโสฺสว ภวนฺติมา’’ติฯ
Duve paññā tato dvīhi, catassova bhavantimā’’ti.
อิติ อิมาสุ อุเปกฺขาสุ ฌานุเปกฺขา อิธ อธิเปฺปตาฯ สา มชฺฌตฺตลกฺขณาฯ เอตฺถาห – ‘‘นนุ จายํ อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติ, สา จ ปฐมทุติยชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ, ตสฺมา ตตฺรปิ ‘อุเปกฺขโก จ วิหรตี’ติ เอวมยํ วตฺตพฺพา สิยา, สา กสฺมา น วุตฺตา’’ติ? อปริพฺยตฺตกิจฺจโตฯ อปริพฺยตฺตญฺหิ ตสฺส ตตฺถ กิจฺจํ วิตกฺกาทีหิ อภิภูตตฺตา, อิธ ปนายํ วิตกฺกวิจารปีตีหิ อนภิภูตตฺตา อุกฺขิตฺตสิรา วิย หุตฺวา ปริพฺยตฺตกิจฺจา ชาตา, ตสฺมา วุตฺตาติฯ
Iti imāsu upekkhāsu jhānupekkhā idha adhippetā. Sā majjhattalakkhaṇā. Etthāha – ‘‘nanu cāyaṃ atthato tatramajjhattupekkhāva hoti, sā ca paṭhamadutiyajjhānesupi atthi, tasmā tatrapi ‘upekkhako ca viharatī’ti evamayaṃ vattabbā siyā, sā kasmā na vuttā’’ti? Aparibyattakiccato. Aparibyattañhi tassa tattha kiccaṃ vitakkādīhi abhibhūtattā, idha panāyaṃ vitakkavicārapītīhi anabhibhūtattā ukkhittasirā viya hutvā paribyattakiccā jātā, tasmā vuttāti.
อิทานิ สโต จ สมฺปชาโนติ เอตฺถ สรตีติ สโตฯ สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโนฯ อิติ ปุคฺคเลน สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ วุตฺตํฯ ตตฺถ สรณลกฺขณา สติฯ อสโมฺมหลกฺขณํ สมฺปชญฺญํฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อิทํ สติสมฺปชญฺญํ ปุริมชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ, มุฎฺฐสฺสติสฺส หิ อสมฺปชานสฺส อุปจารมตฺตมฺปิ น สมฺปชฺชติ, ปเคว อปฺปนาฯ โอฬาริกตฺตา ปน เตสํ ฌานานํ ภูมิยํ วิย ปุริสสฺส จิตฺตสฺส คติ สุขา โหติ, อพฺยตฺตํ ตตฺถ สติสมฺปชญฺญกิจฺจํฯ โอฬาริกงฺคปฺปหาเนน ปน สุขุมตฺตา อิมสฺส ฌานสฺส ปุริสสฺส ขุรธารายํ วิย สติสมฺปชญฺญกิจฺจปริคฺคหิตา เอว จิตฺตสฺส คติ อิจฺฉิตพฺพาติ อิเธว วุตฺตํฯ กิญฺจ ภิโยฺย – ยถา เธนุปโค วโจฺฉ เธนุโต อปนีโต อรกฺขิยมาโน ปุนเทว เธนุํ อุปคจฺฉติ, เอวมิทํ ตติยชฺฌานสุขํ ปีติโต อปนีตมฺปิ สติสมฺปชญฺญารเกฺขน อรกฺขิยมานํ ปุนเทว ปีติํ อุปคเจฺฉยฺย, ปีติสมฺปยุตฺตเมว สิยาฯ สุเข วาปิ สตฺตา สารชฺชนฺติ, อิทญฺจ อติมธุรํ สุขํ ตโต ปรํ สุขาภาวาฯ สติสมฺปชญฺญานุภาเวน ปเนตฺถ สุเข อสารชฺชนา โหติ, โน อญฺญถาติ อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทเสฺสตุํ อิทํ อิเธว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Idāni sato ca sampajānoti ettha saratīti sato. Sampajānātīti sampajāno. Iti puggalena sati ca sampajaññañca vuttaṃ. Tattha saraṇalakkhaṇā sati. Asammohalakkhaṇaṃ sampajaññaṃ. Tattha kiñcāpi idaṃ satisampajaññaṃ purimajjhānesupi atthi, muṭṭhassatissa hi asampajānassa upacāramattampi na sampajjati, pageva appanā. Oḷārikattā pana tesaṃ jhānānaṃ bhūmiyaṃ viya purisassa cittassa gati sukhā hoti, abyattaṃ tattha satisampajaññakiccaṃ. Oḷārikaṅgappahānena pana sukhumattā imassa jhānassa purisassa khuradhārāyaṃ viya satisampajaññakiccapariggahitā eva cittassa gati icchitabbāti idheva vuttaṃ. Kiñca bhiyyo – yathā dhenupago vaccho dhenuto apanīto arakkhiyamāno punadeva dhenuṃ upagacchati, evamidaṃ tatiyajjhānasukhaṃ pītito apanītampi satisampajaññārakkhena arakkhiyamānaṃ punadeva pītiṃ upagaccheyya, pītisampayuttameva siyā. Sukhe vāpi sattā sārajjanti, idañca atimadhuraṃ sukhaṃ tato paraṃ sukhābhāvā. Satisampajaññānubhāvena panettha sukhe asārajjanā hoti, no aññathāti imampi atthavisesaṃ dassetuṃ idaṃ idheva vuttanti veditabbaṃ.
อิทานิ สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทตีติ เอตฺถ กิญฺจาปิ ตติยชฺฌานสมงฺคิโน สุขปฎิสํเวทนาโภโค นตฺถิ, เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา ตสฺส นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ, ยํ วา ตํ นามกายสมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตํสมุฎฺฐาเนนสฺส ยสฺมา อติปณีเตน รูเปน รูปกาโย ผุโฎฺฐ, ยสฺส ผุฎฺฐตฺตา ฌานา วุฎฺฐิโตปิ สุขํ ปฎิสํเวเทยฺย, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทหี’’ติ อาหฯ
Idāni sukhañca kāyena paṭisaṃvedetīti ettha kiñcāpi tatiyajjhānasamaṅgino sukhapaṭisaṃvedanābhogo natthi, evaṃ santepi yasmā tassa nāmakāyena sampayuttaṃ sukhaṃ, yaṃ vā taṃ nāmakāyasampayuttaṃ sukhaṃ, taṃsamuṭṭhānenassa yasmā atipaṇītena rūpena rūpakāyo phuṭṭho, yassa phuṭṭhattā jhānā vuṭṭhitopi sukhaṃ paṭisaṃvedeyya, tasmā etamatthaṃ dassento ‘‘sukhañca kāyena paṭisaṃvedehī’’ti āha.
อิทานิ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติ เอตฺถ ยํฌานเหตุ ยํฌานการณา ตํ ตติยชฺฌานสมงฺคิปุคฺคลํ พุทฺธาทโย อริยา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปญฺญเปนฺติ ปฎฺฐเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ ปกาเสนฺติ, ปสํสนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ กินฺติ? อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติฯ ตํ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ
Idāni yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti upekkhako satimā sukhavihārīti ettha yaṃjhānahetu yaṃjhānakāraṇā taṃ tatiyajjhānasamaṅgipuggalaṃ buddhādayo ariyā ācikkhanti desenti paññapenti paṭṭhapenti vivaranti vibhajanti uttānīkaronti pakāsenti, pasaṃsantīti adhippāyo. Kinti? Upekkhako satimā sukhavihārīti. Taṃ tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharatīti evamettha yojanā veditabbā.
กสฺมา ปน ตํ เต เอวํ ปสํสนฺตีติ? ปสํสารหโตฯ อยญฺหิ ยสฺมา อติมธุรสุเข สุขปารมิปฺปเตฺตปิ ตติยชฺฌาเน อุเปกฺขโก, น ตตฺถ สุขาภิสเงฺคน อากฑฺฒียติฯ ยถา จ ปีติ น อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุปฎฺฐิตสฺสติตาย สติมาฯ ยสฺมา จ อริยกนฺตํ อริยชนเสวิตเมว จ อสํกิลิฎฺฐํ สุขํ นามกาเยน ปฎิสํเวเทติ, ตสฺมา ปสํสารโห โหติฯ อิติ ปสํสารหโต นํ อริยา เต เอวํ ปสํสารหเหตุภูเต คุเณ ปกาเสนฺตา ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ เอวํ ปสํสนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ ตติยนฺติ คณนานุปุพฺพตา ตติยํ, ตติยํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ตติยํฯ
Kasmā pana taṃ te evaṃ pasaṃsantīti? Pasaṃsārahato. Ayañhi yasmā atimadhurasukhe sukhapāramippattepi tatiyajjhāne upekkhako, na tattha sukhābhisaṅgena ākaḍḍhīyati. Yathā ca pīti na uppajjati, evaṃ upaṭṭhitassatitāya satimā. Yasmā ca ariyakantaṃ ariyajanasevitameva ca asaṃkiliṭṭhaṃ sukhaṃ nāmakāyena paṭisaṃvedeti, tasmā pasaṃsāraho hoti. Iti pasaṃsārahato naṃ ariyā te evaṃ pasaṃsārahahetubhūte guṇe pakāsentā ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’’ti evaṃ pasaṃsantīti veditabbaṃ. Tatiyanti gaṇanānupubbatā tatiyaṃ, tatiyaṃ uppannantipi tatiyaṃ.
สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานาติ กายิกสุขสฺส จ กายิกทุกฺขสฺส จ ปหานาฯ ปุเพฺพวาติ ตญฺจ โข ปุเพฺพว, น จตุตฺถชฺฌานกฺขเณฯ โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาติ เจตสิกสุขสฺส เจตสิกทุกฺขสฺส จาติ อิเมสมฺปิ ทฺวินฺนํ ปุเพฺพว อตฺถงฺคมา, ปหานา อิเจฺจว วุตฺตํ โหติฯ กทา ปน เนสํ ปหานํ โหติ? จตุนฺนํ ฌานานํ อุปจารกฺขเณฯ โสมนสฺสญฺหิ จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว ปหียติ, ทุกฺขโทมนสฺสสุขานิ ปฐมทุติยตติยานํ อุปจารกฺขเณสุฯ เอวเมเตสํ ปหานกฺกเมน อวุตฺตานํ อินฺทฺริยวิภเงฺค (วิภ. ๒๑๙ อาทโย) ปน อินฺทฺริยานํ อุเทฺทสกฺกเมเนว อิธาปิ วุตฺตานํ สุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสานํ ปหานํ เวทิตพฺพํฯ
Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānāti kāyikasukhassa ca kāyikadukkhassa ca pahānā. Pubbevāti tañca kho pubbeva, na catutthajjhānakkhaṇe. Somanassadomanassānaṃ atthaṅgamāti cetasikasukhassa cetasikadukkhassa cāti imesampi dvinnaṃ pubbeva atthaṅgamā, pahānā icceva vuttaṃ hoti. Kadā pana nesaṃ pahānaṃ hoti? Catunnaṃ jhānānaṃ upacārakkhaṇe. Somanassañhi catutthassa jhānassa upacārakkhaṇeyeva pahīyati, dukkhadomanassasukhāni paṭhamadutiyatatiyānaṃ upacārakkhaṇesu. Evametesaṃ pahānakkamena avuttānaṃ indriyavibhaṅge (vibha. 219 ādayo) pana indriyānaṃ uddesakkameneva idhāpi vuttānaṃ sukhadukkhasomanassadomanassānaṃ pahānaṃ veditabbaṃ.
ยทิ ปเนตานิ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว ปหียนฺติ , อถ กสฺมา ‘‘กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติฯ กตฺถ จุปฺปนฺนํ โทมนสฺสินฺทฺริยํ, สุขินฺทฺริยํ, โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอตฺถ จุปฺปนฺนํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๐) เอวํ ฌาเนเสฺวว นิโรโธ วุโตฺตติ? อติสยนิโรธตฺตาฯ อติสยนิโรโธ หิ เตสํ ปฐมชฺฌานาทีสุ, น นิโรโธเยวฯ นิโรโธเยว ปน อุปจารกฺขเณ, นาติสยนิโรโธฯ ตถา หิ นานาวชฺชเน ปฐมชฺฌานูปจาเร นิรุทฺธสฺสาปิ ทุกฺขินฺทฺริยสฺส ฑํสมกสาทิสมฺผเสฺสน วา วิสมาสนูปตาเปน วา สิยา อุปฺปตฺติ, น เตฺวว อโนฺตอปฺปนายํฯ อุปจาเร วา นิรุทฺธเมฺปตํ น สุฎฺฐุ นิรุทฺธํ โหติ ปฎิปเกฺขน อวิหตตฺตาฯ อโนฺตอปฺปนายํ ปน ปีติผรเณน สโพฺพ กาโย สุโขกฺกโนฺต โหติ, สุโขกฺกนฺตกายสฺส จ สุฎฺฐุ นิรุทฺธํ โหติ ทุกฺขินฺทฺริยํ ปฎิปเกฺขน วิหตตฺตาฯ นานาวชฺชเนเยว จ ทุติยชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺสาปิ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส, ยสฺมา เอตํ วิตกฺกวิจารปจฺจเยปิ กายกิลมเถ จิตฺตูปฆาเต จ สติ อุปฺปชฺชติ, วิตกฺกวิจาราภาเว เนว อุปฺปชฺชติฯ ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ วิตกฺกวิจารภาเวฯ อปฺปหีนาเยว จ ทุติยชฺฌานูปจาเร วิตกฺกวิจาราติ ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺติ, นเตฺวว ทุติยชฺฌาเน ปหีนปจฺจยตฺตาฯ ตถา ตติยชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺสาปิ สุขินฺทฺริยสฺส ปีติสมุฎฺฐานปณีตรูปผุฎฺฐกายสฺส สิยา อุปฺปตฺติ, นเตฺวว ตติยชฺฌาเนฯ ตติยชฺฌาเน หิ สุขสฺส ปจฺจยภูตา ปีติ สพฺพโส นิรุทฺธา โหติฯ ตถา จตุตฺถชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺสาปิ โสมนสฺสินฺทฺริยสฺส อาสนฺนตฺตา, อปฺปนาปฺปตฺตาย อุเปกฺขาย อภาเวน สมฺมา อนติกฺกนฺตตฺตา จ สิยา อุปฺปตฺติ, นเตฺวว จตุตฺถชฺฌาเนฯ ตสฺมา เอว จ ‘‘เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อปริเสสคฺคหณํ กตนฺติฯ
Yadi panetāni tassa tassa jhānassa upacārakkhaṇeyeva pahīyanti , atha kasmā ‘‘kattha cuppannaṃ dukkhindriyaṃ aparisesaṃ nirujjhati? Idha, bhikkhave, bhikkhu vivicceva kāmehi…pe… paṭhamajjhānaṃ upasampajja viharati. Ettha cuppannaṃ dukkhindriyaṃ aparisesaṃ nirujjhati. Kattha cuppannaṃ domanassindriyaṃ, sukhindriyaṃ, somanassindriyaṃ aparisesaṃ nirujjhati? Idha, bhikkhave, bhikkhu sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ettha cuppannaṃ somanassindriyaṃ aparisesaṃ nirujjhatī’’ti (saṃ. ni. 5.510) evaṃ jhānesveva nirodho vuttoti? Atisayanirodhattā. Atisayanirodho hi tesaṃ paṭhamajjhānādīsu, na nirodhoyeva. Nirodhoyeva pana upacārakkhaṇe, nātisayanirodho. Tathā hi nānāvajjane paṭhamajjhānūpacāre niruddhassāpi dukkhindriyassa ḍaṃsamakasādisamphassena vā visamāsanūpatāpena vā siyā uppatti, na tveva antoappanāyaṃ. Upacāre vā niruddhampetaṃ na suṭṭhu niruddhaṃ hoti paṭipakkhena avihatattā. Antoappanāyaṃ pana pītipharaṇena sabbo kāyo sukhokkanto hoti, sukhokkantakāyassa ca suṭṭhu niruddhaṃ hoti dukkhindriyaṃ paṭipakkhena vihatattā. Nānāvajjaneyeva ca dutiyajjhānūpacāre pahīnassāpi domanassindriyassa, yasmā etaṃ vitakkavicārapaccayepi kāyakilamathe cittūpaghāte ca sati uppajjati, vitakkavicārābhāve neva uppajjati. Yattha pana uppajjati, tattha vitakkavicārabhāve. Appahīnāyeva ca dutiyajjhānūpacāre vitakkavicārāti tatthassa siyā uppatti, natveva dutiyajjhāne pahīnapaccayattā. Tathā tatiyajjhānūpacāre pahīnassāpi sukhindriyassa pītisamuṭṭhānapaṇītarūpaphuṭṭhakāyassa siyā uppatti, natveva tatiyajjhāne. Tatiyajjhāne hi sukhassa paccayabhūtā pīti sabbaso niruddhā hoti. Tathā catutthajjhānūpacāre pahīnassāpi somanassindriyassa āsannattā, appanāppattāya upekkhāya abhāvena sammā anatikkantattā ca siyā uppatti, natveva catutthajjhāne. Tasmā eva ca ‘‘etthuppannaṃ dukkhindriyaṃ aparisesaṃ nirujjhatī’’ti tattha tattha aparisesaggahaṇaṃ katanti.
เอตฺถาห – ‘‘อเถวํ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺสูปจาเร ปหีนาปิ เอตา เวทนา อิธ กสฺมา สมาหรี’’ติ ? สุขคฺคหณตฺถํ ฯ ยา หิ อยํ ‘‘อทุกฺขมสุข’’นฺติ เอตฺถ อทุกฺขมสุขา เวทนา วุตฺตา, สา สุขุมา ทุพฺพิเญฺญยฺยา น สกฺกา สุเขน คเหตุํ, ตสฺมา ยถา นาม ทุฎฺฐสฺส ยถา ตถา วา อุปสงฺกมิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โคณสฺส คหณตฺถํ โคโป เอกสฺมิํ วเช สพฺพา คาโว สมาหรติ, อเถเกกํ นีหรโนฺต ปฎิปาฎิยา อาคตํ ‘‘อยํ โส คณฺหถ น’’นฺติ ตมฺปิ คาหาเปติ, เอวเมวํ สุขคฺคหณตฺถํ สพฺพาปิ เอตา สมาหริฯ เอวญฺหิ สมาหฎา เอตา ทเสฺสตฺวา ‘‘ยํ เนว สุขํ, น ทุกฺขํ, น โสมนสฺสํ, น โทมนสฺสํ, อยํ อทุกฺขมสุขาเวทนา’’ติ สกฺกา โหติ เอสา คาหยิตุํฯ
Etthāha – ‘‘athevaṃ tassa tassa jhānassūpacāre pahīnāpi etā vedanā idha kasmā samāharī’’ti ? Sukhaggahaṇatthaṃ . Yā hi ayaṃ ‘‘adukkhamasukha’’nti ettha adukkhamasukhā vedanā vuttā, sā sukhumā dubbiññeyyā na sakkā sukhena gahetuṃ, tasmā yathā nāma duṭṭhassa yathā tathā vā upasaṅkamitvā gahetuṃ asakkuṇeyyassa goṇassa gahaṇatthaṃ gopo ekasmiṃ vaje sabbā gāvo samāharati, athekekaṃ nīharanto paṭipāṭiyā āgataṃ ‘‘ayaṃ so gaṇhatha na’’nti tampi gāhāpeti, evamevaṃ sukhaggahaṇatthaṃ sabbāpi etā samāhari. Evañhi samāhaṭā etā dassetvā ‘‘yaṃ neva sukhaṃ, na dukkhaṃ, na somanassaṃ, na domanassaṃ, ayaṃ adukkhamasukhāvedanā’’ti sakkā hoti esā gāhayituṃ.
อปิจ อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา ปจฺจยทสฺสนตฺถญฺจาปิ เอตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ สุขทุกฺขปฺปหานาทโย หิ ตสฺสา ปจฺจยาฯ ยถาห – ‘‘จตฺตาโร โข, อาวุโส, ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยาฯ อิธาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิเม โข อาวุโส, จตฺตาโร ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘)ฯ ยถา วา อญฺญตฺถ ปหีนาปิ สกฺกายทิฎฺฐิอาทโย ตติยมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ ตตฺถ ปหีนาติ วุตฺตา , เอวํ วณฺณภณนตฺถเมฺปตสฺส ฌานเสฺสตา อิธ วุตฺตาติปิ เวทิตพฺพาฯ ปจฺจยฆาเตน วา เอตฺถ ราคโทสานํ อติทูรภาวํ ทเสฺสตุเมฺปตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ เอตาสุ หิ สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โสมนสฺสํ ราคสฺส, ทุกฺขํ โทมนสฺสสฺส, โทมนสฺสํ โทสสฺสฯ สุขาทิฆาเตน จ สปฺปจฺจยา ราคโทสา หตาติ อติทูเร โหนฺตีติฯ
Apica adukkhamasukhāya cetovimuttiyā paccayadassanatthañcāpi etā vuttāti veditabbā. Sukhadukkhappahānādayo hi tassā paccayā. Yathāha – ‘‘cattāro kho, āvuso, paccayā adukkhamasukhāya cetovimuttiyā samāpattiyā. Idhāvuso, bhikkhu sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ime kho āvuso, cattāro paccayā adukkhamasukhāya cetovimuttiyā samāpattiyā’’ti (ma. ni. 1.458). Yathā vā aññattha pahīnāpi sakkāyadiṭṭhiādayo tatiyamaggassa vaṇṇabhaṇanatthaṃ tattha pahīnāti vuttā , evaṃ vaṇṇabhaṇanatthampetassa jhānassetā idha vuttātipi veditabbā. Paccayaghātena vā ettha rāgadosānaṃ atidūrabhāvaṃ dassetumpetā vuttāti veditabbā. Etāsu hi sukhaṃ somanassassa paccayo, somanassaṃ rāgassa, dukkhaṃ domanassassa, domanassaṃ dosassa. Sukhādighātena ca sappaccayā rāgadosā hatāti atidūre hontīti.
อทุกฺขมสุขนฺติ ทุกฺขาภาเวน อทุกฺขํฯ สุขาภาเวน อสุขํฯ เอเตเนตฺถ ทุกฺขสุขปฎิปกฺขภูตํ ตติยเวทนํ ทีเปติ, น ทุกฺขสุขาภาวมตฺตํฯ ตติยเวทนา นาม อทุกฺขมสุขา, อุเปกฺขาติปิ วุจฺจติฯ สา อิฎฺฐานิฎฺฐวิปรีตานุภวนลกฺขณาฯ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธิํฯ อิมสฺมิญฺหิ ฌาเน สุปริสุทฺธา สติ, ยา จ ตสฺสา สติยา ปาริสุทฺธิ, สา อุเปกฺขาย กตา, น อเญฺญนฯ ตสฺมา เอตํ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ วุจฺจติฯ ยาย จ อุเปกฺขาย เอตฺถ สติยา ปาริสุทฺธิ โหติ, สา อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตตาติ เวทิตพฺพาฯ น เกวลเญฺจตฺถ ตาย สติเยว ปริสุทฺธา, อปิจ โข สเพฺพปิ สมฺปยุตฺตธมฺมา, สติสีเสน ปน เทสนา วุตฺตาฯ
Adukkhamasukhanti dukkhābhāvena adukkhaṃ. Sukhābhāvena asukhaṃ. Etenettha dukkhasukhapaṭipakkhabhūtaṃ tatiyavedanaṃ dīpeti, na dukkhasukhābhāvamattaṃ. Tatiyavedanā nāma adukkhamasukhā, upekkhātipi vuccati. Sā iṭṭhāniṭṭhaviparītānubhavanalakkhaṇā. Upekkhāsatipārisuddhinti upekkhāya janitasatipārisuddhiṃ. Imasmiñhi jhāne suparisuddhā sati, yā ca tassā satiyā pārisuddhi, sā upekkhāya katā, na aññena. Tasmā etaṃ ‘‘upekkhāsatipārisuddhi’’nti vuccati. Yāya ca upekkhāya ettha satiyā pārisuddhi hoti, sā atthato tatramajjhattatāti veditabbā. Na kevalañcettha tāya satiyeva parisuddhā, apica kho sabbepi sampayuttadhammā, satisīsena pana desanā vuttā.
ตตฺถ กิญฺจาปิ อยํ อุเปกฺขา เหฎฺฐาปิ ตีสุ ฌาเนสุ วิชฺชติ, ยถา ปน ทิวา สูริยปฺปภาภิภวา โสมฺมภาเวน จ อตฺตโน อุปการกเตฺตน วา สภาคาย รตฺติยา อลาภา ทิวา วิชฺชมานาปิ จนฺทเลขา อปริสุทฺธา โหติ อปริโยทาตา, เอวมยมฺปิ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา วิตกฺกาทิปจฺจนีกธมฺมเตชาภิภวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา อลาภา วิชฺชมานาปิ ปฐมชฺฌานาทิเภเท อปริสุทฺธา โหติฯ ตสฺสา จ อปริสุทฺธาย ทิวา อปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย อปริสุทฺธาว โหนฺติฯ ตสฺมา เตสุ เอกมฺปิ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ น วุตฺตํฯ อิธ ปน วิตกฺกาทิปจฺจนีกเตชาภิภวาภาวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา ปฎิลาภา อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา อติวิย ปริสุทฺธาฯ ตสฺสา ปริสุทฺธตฺตา ปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย ปริสุทฺธา โหนฺติ ปริโยทาตาฯ ตสฺมา อิทเมว ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ จตุตฺถนฺติ คณนานุปุพฺพตา จตุตฺถํ, จตุตฺถํ อุปฺปนฺนนฺติปิ จตุตฺถํฯ
Tattha kiñcāpi ayaṃ upekkhā heṭṭhāpi tīsu jhānesu vijjati, yathā pana divā sūriyappabhābhibhavā sommabhāvena ca attano upakārakattena vā sabhāgāya rattiyā alābhā divā vijjamānāpi candalekhā aparisuddhā hoti apariyodātā, evamayampi tatramajjhattupekkhācandalekhā vitakkādipaccanīkadhammatejābhibhavā sabhāgāya ca upekkhāvedanārattiyā alābhā vijjamānāpi paṭhamajjhānādibhede aparisuddhā hoti. Tassā ca aparisuddhāya divā aparisuddhacandalekhāya pabhā viya sahajātāpi satiādayo aparisuddhāva honti. Tasmā tesu ekampi ‘‘upekkhāsatipārisuddhi’’nti na vuttaṃ. Idha pana vitakkādipaccanīkatejābhibhavābhāvā sabhāgāya ca upekkhāvedanārattiyā paṭilābhā ayaṃ tatramajjhattupekkhācandalekhā ativiya parisuddhā. Tassā parisuddhattā parisuddhacandalekhāya pabhā viya sahajātāpi satiādayo parisuddhā honti pariyodātā. Tasmā idameva ‘‘upekkhāsatipārisuddhi’’nti vuttanti veditabbaṃ. Catutthanti gaṇanānupubbatā catutthaṃ, catutthaṃ uppannantipi catutthaṃ.
อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ ปุพฺพภาเคปิ นานา, มคฺคกฺขเณปิฯ ปุพฺพภาเค สมาปตฺติวเสน นานา, มคฺคกฺขเณ นานามคฺควเสนฯ เอกสฺส หิ ปฐมมโคฺค ปฐมชฺฌานิโก โหติ, ทุติยมคฺคาทโยปิ ปฐมชฺฌานิกา วา ทุติยาทีสุ อญฺญตรชฺฌานิกา วาฯ เอกสฺส ปฐมมโคฺค ทุติยาทีนํ อญฺญตรชฺฌานิโก โหติ, ทุติยาทโยปิ ทุติยาทีนํ อญฺญตรชฺฌานิกา วา ปฐมชฺฌานิกา วาฯ เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา ฌานวเสน สทิสา วา อสทิสา วา เอกจฺจสทิสา วา โหนฺติฯ อยํ ปนสฺส วิเสโส ปาทกชฺฌานนิยเมน โหติฯ ปฐมชฺฌานลาภิโน หิ ปฐมชฺฌานา วุฎฺฐาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺนมโคฺค ปฐมชฺฌานิโก โหติ, มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคานิ ปเนตฺถ ปริปุณฺณาเนว โหนฺติฯ ทุติยชฺฌานโต วุฎฺฐาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปโนฺน ทุติยชฺฌานิโก โหติ, มคฺคงฺคานิ ปเนตฺถ สตฺต โหนฺติฯ ตติยชฺฌานโต วุฎฺฐาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปโนฺน ตติยชฺฌานิโก, มคฺคงฺคานิ ปเนตฺถ สตฺต, โพชฺฌงฺคานิ ฉ โหนฺติฯ เอส นโย จตุตฺถชฺฌานโต ปฎฺฐาย ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนาฯ อารุเปฺป จตุกฺกปญฺจกชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ, ตญฺจ โข โลกุตฺตรํ, น โลกิยนฺติ วุตฺตํฯ เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถปิ ปฐมชฺฌานาทีสุ ยโต วุฎฺฐาย โสตาปตฺติมคฺคํ ปฎิลภิตฺวา อรูปสมาปตฺติํ ภาเวตฺวา โย อารุเปฺป อุปฺปโนฺน, ตํฌานิกาว ตสฺส ตตฺถ ตโย มคฺคา อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวํ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติฯ เกจิ ปน เถรา ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’’ติ วทนฺติฯ เกจิ ‘‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตี’’ติ วทนฺติฯ เกจิ ‘‘วุฎฺฐานคามินี วิปสฺสนา นิยเมตี’’ติ วทนฺติฯ
Imāni cattāri jhānāni pubbabhāgepi nānā, maggakkhaṇepi. Pubbabhāge samāpattivasena nānā, maggakkhaṇe nānāmaggavasena. Ekassa hi paṭhamamaggo paṭhamajjhāniko hoti, dutiyamaggādayopi paṭhamajjhānikā vā dutiyādīsu aññatarajjhānikā vā. Ekassa paṭhamamaggo dutiyādīnaṃ aññatarajjhāniko hoti, dutiyādayopi dutiyādīnaṃ aññatarajjhānikā vā paṭhamajjhānikā vā. Evaṃ cattāropi maggā jhānavasena sadisā vā asadisā vā ekaccasadisā vā honti. Ayaṃ panassa viseso pādakajjhānaniyamena hoti. Paṭhamajjhānalābhino hi paṭhamajjhānā vuṭṭhāya vipassantassa uppannamaggo paṭhamajjhāniko hoti, maggaṅgabojjhaṅgāni panettha paripuṇṇāneva honti. Dutiyajjhānato vuṭṭhāya vipassantassa uppanno dutiyajjhāniko hoti, maggaṅgāni panettha satta honti. Tatiyajjhānato vuṭṭhāya vipassantassa uppanno tatiyajjhāniko, maggaṅgāni panettha satta, bojjhaṅgāni cha honti. Esa nayo catutthajjhānato paṭṭhāya yāva nevasaññānāsaññāyatanā. Āruppe catukkapañcakajjhānaṃ uppajjati, tañca kho lokuttaraṃ, na lokiyanti vuttaṃ. Ettha kathanti? Etthapi paṭhamajjhānādīsu yato vuṭṭhāya sotāpattimaggaṃ paṭilabhitvā arūpasamāpattiṃ bhāvetvā yo āruppe uppanno, taṃjhānikāva tassa tattha tayo maggā uppajjanti. Evaṃ pādakajjhānameva niyameti. Keci pana therā ‘‘vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā niyamentī’’ti vadanti. Keci ‘‘puggalajjhāsayo niyametī’’ti vadanti. Keci ‘‘vuṭṭhānagāminī vipassanā niyametī’’ti vadanti.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – วิปสฺสนานิยเมน หิ สุกฺขวิปสฺสกสฺส อุปฺปนฺนมโคฺคปิ, สมาปตฺติลาภิโน ฌานํ ปาทกํ อกตฺวา อุปฺปนฺนมโคฺคปิ, ปฐมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา ปกิณฺณกสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมโคฺคปิ ปฐมชฺฌานิโกว โหติ, สเพฺพสุ สตฺต โพชฺฌงฺคานิ อฎฺฐ มคฺคงฺคานิ ปญฺจ ฌานงฺคานิ โหนฺติฯ เตสญฺหิ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาปิ อุเปกฺขาสหคตาปิ หุตฺวา วุฎฺฐานกาเล สงฺขารุเปกฺขาภาวํ ปตฺตา โสมนสฺสสหคตาว โหติฯ
Tatrāyaṃ anupubbikathā – vipassanāniyamena hi sukkhavipassakassa uppannamaggopi, samāpattilābhino jhānaṃ pādakaṃ akatvā uppannamaggopi, paṭhamajjhānaṃ pādakaṃ katvā pakiṇṇakasaṅkhāre sammasitvā uppāditamaggopi paṭhamajjhānikova hoti, sabbesu satta bojjhaṅgāni aṭṭha maggaṅgāni pañca jhānaṅgāni honti. Tesañhi pubbabhāgavipassanā somanassasahagatāpi upekkhāsahagatāpi hutvā vuṭṭhānakāle saṅkhārupekkhābhāvaṃ pattā somanassasahagatāva hoti.
ปญฺจกนเย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา อุปฺปาทิตมเคฺคสุ ยถากฺกเมเนว ฌานํ จตุรงฺคิกํ ติวงฺคิกํ ทุวงฺคิกญฺจ โหติ, สเพฺพสุ ปน สตฺต มคฺคงฺคานิ โหนฺติ, จตุเตฺถ ฉ โพชฺฌงฺคานิฯ อยํ วิเสโส ปาทกชฺฌานนิยเมน เจว วิปสฺสนานิยเมน จ โหติฯ เตสมฺปิ หิ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาปิ อุเปกฺขาสหคตาปิ โหติ, วุฎฺฐานคามินี โสมนสฺสสหคตาวฯ
Pañcakanaye dutiyatatiyacatutthajjhānāni pādakāni katvā uppāditamaggesu yathākkameneva jhānaṃ caturaṅgikaṃ tivaṅgikaṃ duvaṅgikañca hoti, sabbesu pana satta maggaṅgāni honti, catutthe cha bojjhaṅgāni. Ayaṃ viseso pādakajjhānaniyamena ceva vipassanāniyamena ca hoti. Tesampi hi pubbabhāgavipassanā somanassasahagatāpi upekkhāsahagatāpi hoti, vuṭṭhānagāminī somanassasahagatāva.
ปญฺจมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา นิพฺพตฺติตมเคฺค ปน อุเปกฺขาจิเตฺตกคฺคตาวเสน เทฺว ฌานงฺคานิ, โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคานิ ฉ สตฺต เจวฯ อยมฺปิ วิเสโส อุภยนิยมวเสน โหติฯ อิมสฺมิญฺหิ นเย ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตา วา อุเปกฺขาสหคตา วา โหติ, วุฎฺฐานคามินี อุเปกฺขาสหคตาว โหติฯ อรูปชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา อุปฺปาทิตมเคฺคปิ เอเสว นโยฯ อิธ ปน จตุกฺกนเย อวิตกฺกวิจารมตฺตสฺส ทุติยชฺฌานสฺส อภาวา ตํ อปเนตฺวา เสสานํ วเสน โยเชตพฺพํฯ เอวํ ปาทกชฺฌานโต วุฎฺฐาย เย เกจิ สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา นิพฺพตฺติตมคฺคสฺส อาสนฺนปเทเส วุฎฺฐิตสมาปตฺติ อตฺตนา สทิสภาวํ กโรติ ภูมิวโณฺณ วิย โคธาวณฺณสฺสฯ
Pañcamajjhānaṃ pādakaṃ katvā nibbattitamagge pana upekkhācittekaggatāvasena dve jhānaṅgāni, bojjhaṅgamaggaṅgāni cha satta ceva. Ayampi viseso ubhayaniyamavasena hoti. Imasmiñhi naye pubbabhāgavipassanā somanassasahagatā vā upekkhāsahagatā vā hoti, vuṭṭhānagāminī upekkhāsahagatāva hoti. Arūpajjhānāni pādakāni katvā uppāditamaggepi eseva nayo. Idha pana catukkanaye avitakkavicāramattassa dutiyajjhānassa abhāvā taṃ apanetvā sesānaṃ vasena yojetabbaṃ. Evaṃ pādakajjhānato vuṭṭhāya ye keci saṅkhāre sammasitvā nibbattitamaggassa āsannapadese vuṭṭhitasamāpatti attanā sadisabhāvaṃ karoti bhūmivaṇṇo viya godhāvaṇṇassa.
ทุติยเตฺถรวาเท ปน ยโต ยโต สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย เย เย สมาปตฺติธเมฺม สมฺมสิตฺวา มโคฺค นิพฺพตฺติโต โหติ, ตํตํสมาปตฺติสทิโสว โหติฯ ตตฺราปิ จ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Dutiyattheravāde pana yato yato samāpattito vuṭṭhāya ye ye samāpattidhamme sammasitvā maggo nibbattito hoti, taṃtaṃsamāpattisadisova hoti. Tatrāpi ca vipassanāniyamo vuttanayeneva veditabbo.
ตติยเตฺถรวาเท อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูเปน ยํ ยํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา เย เย ฌานธเมฺม สมฺมสิตฺวา มโคฺค นิพฺพตฺติโต, ตํตํฌานสทิโสว โหติฯ ปาทกชฺฌานํ ปน สมฺมสิตชฺฌานํ วา วินา อชฺฌาสยมเตฺตเนว ตํ น อิชฺฌติฯ เอตฺถาปิ จ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Tatiyattheravāde attano ajjhāsayānurūpena yaṃ yaṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā ye ye jhānadhamme sammasitvā maggo nibbattito, taṃtaṃjhānasadisova hoti. Pādakajjhānaṃ pana sammasitajjhānaṃ vā vinā ajjhāsayamatteneva taṃ na ijjhati. Etthāpi ca vipassanāniyamo vuttanayeneva veditabbo.
อยํ วุจฺจติ สมฺมาสมาธีติ ยา อิเมสุ จตูสุ ฌาเนสุ เอกคฺคตา, อยํ ปุพฺพภาเค โลกิโย, อปรภาเค โลกุตฺตโร สมฺมาสมาธิ นาม วุจฺจติฯ เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ธมฺมเสนาปติ มคฺคสจฺจํ เทเสติฯ ตตฺถ โลกิยมเคฺค สพฺพาเนว มคฺคงฺคานิ ยถานุรูปํ ฉสุ อารมฺมเณสุ อญฺญตรารมฺมณานิ โหนฺติฯ โลกุตฺตรมเคฺค ปน จตุสจฺจปฺปฎิเวธาย ปวตฺตสฺส อริยสาวกสฺส นิพฺพานารมฺมณํ อวิชฺชานุสยสมุคฺฆาตกํ ปญฺญาจกฺขุ สมฺมาทิฎฺฐิ, ตถา สมฺปนฺนทิฎฺฐิสฺส ตํสมฺปยุโตฺต ติวิธมิจฺฉาสงฺกปฺปสมุคฺฆาตโก เจตโส นิพฺพานปทาภินิโรปโน สมฺมาสงฺกโปฺป, ตถา ปสฺสนฺตสฺส วิตเกฺกนฺตสฺส จ ตํสมฺปยุตฺตาว จตุพฺพิธวจีทุจฺจริตสมุคฺฆาติกา มิจฺฉาวาจาย วิรติ สมฺมาวาจา, ตถา วิรมนฺตสฺส ตํสมฺปยุตฺตาว ติวิธมิจฺฉากมฺมนฺตสมุเจฺฉทิกา มิจฺฉากมฺมนฺตา วิรติ สมฺมากมฺมโนฺต, เตสํเยว จสฺส วาจากมฺมนฺตานํ โวทานภูตา ตํสมฺปยุตฺตาว กุหนาทิสมุเจฺฉทิกา มิจฺฉาอาชีวา วิรติ สมฺมาอาชีโว, ตสฺสาเยวสฺส สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวสงฺขาตาย สีลภูมิยํ ปติฎฺฐมานสฺส ตทนุรูโป ตํสมฺปยุโตฺตว โกสชฺชสมุเจฺฉทโก, อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลกุสลานํ อนุปฺปาทปฺปหานุปฺปาทฎฺฐิติสาธโก จ วีริยารโมฺภ สมฺมาวายาโม, เอวํ วายมนฺตสฺส ตํสมฺปยุโตฺตว มิจฺฉาสติวินิทฺธุนโก, กายาทีสุ กายานุปสฺสนาทิสาธโก จ เจตโส อสโมฺมโส สมฺมาสติฯ เอวํ อนุตฺตราย สติยา สุวิหิตจิตฺตารกฺขสฺส ตํสมฺปยุตฺตาว มิจฺฉาสมาธิวิทฺธํสิกา จิเตฺตกคฺคตา สมฺมาสมาธิฯ เอส โลกุตฺตโร อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ
Ayaṃ vuccati sammāsamādhīti yā imesu catūsu jhānesu ekaggatā, ayaṃ pubbabhāge lokiyo, aparabhāge lokuttaro sammāsamādhi nāma vuccati. Evaṃ lokiyalokuttaravasena dhammasenāpati maggasaccaṃ deseti. Tattha lokiyamagge sabbāneva maggaṅgāni yathānurūpaṃ chasu ārammaṇesu aññatarārammaṇāni honti. Lokuttaramagge pana catusaccappaṭivedhāya pavattassa ariyasāvakassa nibbānārammaṇaṃ avijjānusayasamugghātakaṃ paññācakkhu sammādiṭṭhi, tathā sampannadiṭṭhissa taṃsampayutto tividhamicchāsaṅkappasamugghātako cetaso nibbānapadābhiniropano sammāsaṅkappo, tathā passantassa vitakkentassa ca taṃsampayuttāva catubbidhavacīduccaritasamugghātikā micchāvācāya virati sammāvācā, tathā viramantassa taṃsampayuttāva tividhamicchākammantasamucchedikā micchākammantā virati sammākammanto, tesaṃyeva cassa vācākammantānaṃ vodānabhūtā taṃsampayuttāva kuhanādisamucchedikā micchāājīvā virati sammāājīvo, tassāyevassa sammāvācākammantājīvasaṅkhātāya sīlabhūmiyaṃ patiṭṭhamānassa tadanurūpo taṃsampayuttova kosajjasamucchedako, anuppannuppannānaṃ akusalakusalānaṃ anuppādappahānuppādaṭṭhitisādhako ca vīriyārambho sammāvāyāmo, evaṃ vāyamantassa taṃsampayuttova micchāsativiniddhunako, kāyādīsu kāyānupassanādisādhako ca cetaso asammoso sammāsati. Evaṃ anuttarāya satiyā suvihitacittārakkhassa taṃsampayuttāva micchāsamādhividdhaṃsikā cittekaggatā sammāsamādhi. Esa lokuttaro ariyo aṭṭhaṅgiko maggo.
โย สห โลกิเยน มเคฺคน ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทาติ สงฺขฺยํ คโต, โส โข ปเนส มโคฺค สมฺมาทิฎฺฐิสงฺกปฺปานํ วิชฺชาย เสสธมฺมานํ จรเณน สงฺคหิตตฺตา วิชฺชา เจว จรณญฺจฯ ตถา เตสํ ทฺวินฺนํ วิปสฺสนายาเนน อิตเรสํ สมถยาเนน สงฺคหิตตฺตา สมโถ เจว วิปสฺสนา จฯ เตสํ ทฺวินฺนํ ปญฺญากฺขเนฺธน ตทนนฺตรานํ ติณฺณํ สีลกฺขเนฺธน อวเสสานํ ติณฺณํ สมาธิกฺขเนฺธน อธิปญฺญาอธิสีลอธิจิตฺตสิกฺขาหิ จ สงฺคหิตตฺตา ขนฺธตฺตยเญฺจว สิกฺขตฺตยญฺจ โหติฯ เยน สมนฺนาคโต อริยสาวโก ทสฺสนสมเตฺถหิ จกฺขูหิ คมนสมเตฺถหิ จ ปาเทหิ สมนฺนาคโต อทฺธิโก วิย วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน หุตฺวา วิปสฺสนายาเนน กามสุขลฺลิกานุโยคํ สมถยาเนน อตฺตกิลมถานุโยคนฺติ อนฺตทฺวยํ ปริวเชฺชตฺวา มชฺฌิมปฎิปทํ ปฎิปโนฺน ปญฺญากฺขเนฺธน โมหกฺขนฺธํ, สีลกฺขเนฺธน โทสกฺขนฺธํ, สมาธิกฺขเนฺธน จ โลภกฺขนฺธํ ปทาเลโนฺต อธิปญฺญาสิกฺขาย ปญฺญาสมฺปทํ, อธิสีลสิกฺขาย สีลสมฺปทํ, อธิจิตฺตสิกฺขาย สมาธิสมฺปทนฺติ ติโสฺส สมฺปตฺติโย ปตฺวา อมตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติฯ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณํ สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธมฺมรตนวิจิตฺตํ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ อริยภูมิํ โอกฺกโนฺต โหตีติฯ
Yo saha lokiyena maggena dukkhanirodhagāminipaṭipadāti saṅkhyaṃ gato, so kho panesa maggo sammādiṭṭhisaṅkappānaṃ vijjāya sesadhammānaṃ caraṇena saṅgahitattā vijjā ceva caraṇañca. Tathā tesaṃ dvinnaṃ vipassanāyānena itaresaṃ samathayānena saṅgahitattā samatho ceva vipassanā ca. Tesaṃ dvinnaṃ paññākkhandhena tadanantarānaṃ tiṇṇaṃ sīlakkhandhena avasesānaṃ tiṇṇaṃ samādhikkhandhena adhipaññāadhisīlaadhicittasikkhāhi ca saṅgahitattā khandhattayañceva sikkhattayañca hoti. Yena samannāgato ariyasāvako dassanasamatthehi cakkhūhi gamanasamatthehi ca pādehi samannāgato addhiko viya vijjācaraṇasampanno hutvā vipassanāyānena kāmasukhallikānuyogaṃ samathayānena attakilamathānuyoganti antadvayaṃ parivajjetvā majjhimapaṭipadaṃ paṭipanno paññākkhandhena mohakkhandhaṃ, sīlakkhandhena dosakkhandhaṃ, samādhikkhandhena ca lobhakkhandhaṃ padālento adhipaññāsikkhāya paññāsampadaṃ, adhisīlasikkhāya sīlasampadaṃ, adhicittasikkhāya samādhisampadanti tisso sampattiyo patvā amataṃ nibbānaṃ sacchikaroti. Ādimajjhapariyosānakalyāṇaṃ sattatiṃsabodhipakkhiyadhammaratanavicittaṃ sammattaniyāmasaṅkhātaṃ ariyabhūmiṃ okkanto hotīti.
มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Maggasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. สุตมยญาณนิเทฺทโส • 1. Sutamayañāṇaniddeso