Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๔. มคฺคุปฺปาทนปโญฺห

    4. Magguppādanapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘ตถาคโต ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติฯ ปุน จ ภณิตํ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อญฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาต’นฺติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, เตน หิ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อญฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาต’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อญฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาต’นฺติ, เตน หิ ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ

    4. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘tathāgato bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’ti. Puna ca bhaṇitaṃ ‘addasaṃ khvāhaṃ, bhikkhave, purāṇaṃ maggaṃ purāṇaṃ añjasaṃ pubbakehi sammāsambuddhehi anuyāta’nti. Yadi, bhante nāgasena, tathāgato anuppannassa maggassa uppādetā, tena hi ‘addasaṃ khvāhaṃ, bhikkhave, purāṇaṃ maggaṃ purāṇaṃ añjasaṃ pubbakehi sammāsambuddhehi anuyāta’nti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatena bhaṇitaṃ ‘addasaṃ khvāhaṃ, bhikkhave, purāṇaṃ maggaṃ purāṇaṃ añjasaṃ pubbakehi sammāsambuddhehi anuyāta’nti, tena hi ‘tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.

    ‘‘ภาสิตเมฺปตํ , มหาราช, ภควตา ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติฯ ภณิตญฺจ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อญฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาต’นฺติ, ตํ ทฺวยมฺปิ สภาววจนเมว, ปุพฺพกานํ, มหาราช, ตถาคตานํ อนฺตรธาเนน อสติ อนุสาสเก มโคฺค อนฺตรธายิ, ตํ 1 ตถาคโต มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ อสญฺจรณํ ปญฺญาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน 2 อทฺทส ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาตํ, ตํการณา อาห ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อญฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาต’นฺติฯ

    ‘‘Bhāsitampetaṃ , mahārāja, bhagavatā ‘tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’ti. Bhaṇitañca ‘addasaṃ khvāhaṃ, bhikkhave, purāṇaṃ maggaṃ purāṇaṃ añjasaṃ pubbakehi sammāsambuddhehi anuyāta’nti, taṃ dvayampi sabhāvavacanameva, pubbakānaṃ, mahārāja, tathāgatānaṃ antaradhānena asati anusāsake maggo antaradhāyi, taṃ 3 tathāgato maggaṃ luggaṃ paluggaṃ gūḷhaṃ pihitaṃ paṭicchannaṃ asañcaraṇaṃ paññācakkhunā sampassamāno 4 addasa pubbakehi sammāsambuddhehi anuyātaṃ, taṃkāraṇā āha ‘addasaṃ khvāhaṃ, bhikkhave, purāṇaṃ maggaṃ purāṇaṃ añjasaṃ pubbakehi sammāsambuddhehi anuyāta’nti.

    ‘‘ปุพฺพกานํ, มหาราช, ตถาคตานํ อนฺตรธาเนน อสติ อนุสาสเก ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ อสญฺจรณํ มคฺคํ ยํ ทานิ ตถาคโต สญฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติฯ

    ‘‘Pubbakānaṃ, mahārāja, tathāgatānaṃ antaradhānena asati anusāsake luggaṃ paluggaṃ gūḷhaṃ pihitaṃ paṭicchannaṃ asañcaraṇaṃ maggaṃ yaṃ dāni tathāgato sañcaraṇaṃ akāsi, taṃkāraṇā āha ‘tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’ti.

    ‘‘อิธ, มหาราช, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อนฺตรธาเนน มณิรตนํ คิริสิขนฺตเร นิลียติ, อปรสฺส จกฺกวตฺติสฺส สมฺมาปฎิปตฺติยา อุปคจฺฉติ, อปิ นุ โข ตํ, มหาราช, มณิรตนํ ตสฺส ปกต’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ปากติกํ เยว ตํ มณิรตนํ, เตน ปน นิพฺพตฺติต’’นฺติ 5ฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ปากติกํ ปุพฺพเกหิ ตถาคเตหิ อนุจิณฺณํ อฎฺฐงฺคิกํ สิวํ มคฺคํ อสติ อนุสาสเก ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ อสญฺจรณํ ภควา ปญฺญาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สญฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติฯ

    ‘‘Idha, mahārāja, rañño cakkavattissa antaradhānena maṇiratanaṃ girisikhantare nilīyati, aparassa cakkavattissa sammāpaṭipattiyā upagacchati, api nu kho taṃ, mahārāja, maṇiratanaṃ tassa pakata’’nti? ‘‘Na hi, bhante, pākatikaṃ yeva taṃ maṇiratanaṃ, tena pana nibbattita’’nti 6. ‘‘Evameva kho, mahārāja, pākatikaṃ pubbakehi tathāgatehi anuciṇṇaṃ aṭṭhaṅgikaṃ sivaṃ maggaṃ asati anusāsake luggaṃ paluggaṃ gūḷhaṃ pihitaṃ paṭicchannaṃ asañcaraṇaṃ bhagavā paññācakkhunā sampassamāno uppādesi, sañcaraṇaṃ akāsi, taṃkāraṇā āha ‘tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’ti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, สนฺตํ เยว ปุตฺตํ โยนิยา ชนยิตฺวา มาตา ‘ชนิกา’ติ วุจฺจติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สนฺตํ เยว มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ อสญฺจรณํ ปญฺญาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สญฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, santaṃ yeva puttaṃ yoniyā janayitvā mātā ‘janikā’ti vuccati, evameva kho, mahārāja, tathāgato santaṃ yeva maggaṃ luggaṃ paluggaṃ gūḷhaṃ pihitaṃ paṭicchannaṃ asañcaraṇaṃ paññācakkhunā sampassamāno uppādesi, sañcaraṇaṃ akāsi, taṃkāraṇā āha ‘tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’ti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกจิ ปุริโส ยํ กิญฺจิ นฎฺฐํ ปสฺสติ, ‘เตน ตํ ภณฺฑํ นิพฺพตฺติต’นฺติ ชโน โวหรติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สนฺตํ เยว มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ อสญฺจรณํ ปญฺญาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สญฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, koci puriso yaṃ kiñci naṭṭhaṃ passati, ‘tena taṃ bhaṇḍaṃ nibbattita’nti jano voharati, evameva kho, mahārāja, tathāgato santaṃ yeva maggaṃ luggaṃ paluggaṃ gūḷhaṃ pihitaṃ paṭicchannaṃ asañcaraṇaṃ paññācakkhunā sampassamāno uppādesi, sañcaraṇaṃ akāsi, taṃkāraṇā āha ‘tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’ti.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกจิ ปุริโส วนํ โสเธตฺวา ภูมิํ นีหรติ, ‘ตสฺส สา ภูมี’ติ ชโน โวหรติ, น เจสา ภูมิ เตน ปวตฺติตา, ตํ ภูมิํ การณํ กตฺวา ภูมิสามิโก นาม โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สนฺตํ เยว มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ อสญฺจรณํ ปญฺญาย สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สญฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, koci puriso vanaṃ sodhetvā bhūmiṃ nīharati, ‘tassa sā bhūmī’ti jano voharati, na cesā bhūmi tena pavattitā, taṃ bhūmiṃ kāraṇaṃ katvā bhūmisāmiko nāma hoti, evameva kho, mahārāja, tathāgato santaṃ yeva maggaṃ luggaṃ paluggaṃ gūḷhaṃ pihitaṃ paṭicchannaṃ asañcaraṇaṃ paññāya sampassamāno uppādesi, sañcaraṇaṃ akāsi, taṃkāraṇā āha ‘tathāgato, bhikkhave, arahaṃ sammāsambuddho anuppannassa maggassa uppādetā’’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    มคฺคุปฺปาทนปโญฺห จตุโตฺถฯ

    Magguppādanapañho catuttho.







    Footnotes:
    1. โส ตํ (สี. ปี. ก.)
    2. สมฺมสมาโน (สี. ปี.)
    3. so taṃ (sī. pī. ka.)
    4. sammasamāno (sī. pī.)
    5. นิพฺพตฺตนฺติ (สี. ปี.)
    6. nibbattanti (sī. pī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact