Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๕. มาฆสุตฺตวณฺณนา
5. Māghasuttavaṇṇanā
เอวํ เม สุตนฺติ มาฆสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตาฯ อยญฺหิ มาโฆ มาณโว ทายโก อโหสิ ทานปติฯ ตเสฺสตทโหสิ – ‘‘สมฺปตฺตกปณทฺธิกาทีนํ ทานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ, อุทาหุ โนติ สมณํ โคตมํ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สมโณ กิร โคตโม อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ชานาตี’’ติฯ โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิฯ ภควา จสฺส ปุจฺฉานุรูปํ พฺยากาสิฯ ตยิทํ สงฺคีติการานํ พฺราหฺมณสฺส ภควโตติ ติณฺณมฺปิ วจนํ สโมธาเนตฺวา ‘‘มาฆสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติฯ
Evaṃme sutanti māghasuttaṃ. Kā uppatti? Ayameva yāssa nidāne vuttā. Ayañhi māgho māṇavo dāyako ahosi dānapati. Tassetadahosi – ‘‘sampattakapaṇaddhikādīnaṃ dānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ hoti, udāhu noti samaṇaṃ gotamaṃ etamatthaṃ pucchissāmi, samaṇo kira gotamo atītānāgatapaccuppannaṃ jānātī’’ti. So bhagavantaṃ upasaṅkamitvā pucchi. Bhagavā cassa pucchānurūpaṃ byākāsi. Tayidaṃ saṅgītikārānaṃ brāhmaṇassa bhagavatoti tiṇṇampi vacanaṃ samodhānetvā ‘‘māghasutta’’nti vuccati.
ตตฺถ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเรฯ ตญฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติฯ อเญฺญเปตฺถ ปกาเร วณฺณยนฺติฯ กิํ เตหิ, นามเมตํ ตสฺส นครสฺส? ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สุญฺญํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฺตวนํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ เอวํ โคจรคามํ ทเสฺสตฺวา นิวาสฎฺฐานมาห – ‘‘คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต’’ติฯ โส จ คิชฺฌา ตสฺส กูเฎสุ วสิํสุ, คิชฺฌสทิสานิ วาสฺส กูฎานิ, ตสฺมา ‘‘คิชฺฌกูโฎ’’ติ วุจฺจตีติ เวทิตโพฺพฯ
Tattha rājagaheti evaṃnāmake nagare. Tañhi mandhātumahāgovindādīhi pariggahitattā ‘‘rājagaha’’nti vuccati. Aññepettha pakāre vaṇṇayanti. Kiṃ tehi, nāmametaṃ tassa nagarassa? Taṃ panetaṃ buddhakāle ca cakkavattikāle ca nagaraṃ hoti, sesakāle suññaṃ hoti yakkhapariggahitaṃ, tesaṃ vasantavanaṃ hutvā tiṭṭhati. Evaṃ gocaragāmaṃ dassetvā nivāsaṭṭhānamāha – ‘‘gijjhakūṭe pabbate’’ti. So ca gijjhā tassa kūṭesu vasiṃsu, gijjhasadisāni vāssa kūṭāni, tasmā ‘‘gijjhakūṭo’’ti vuccatīti veditabbo.
อถ โข…เป.… อโวจาติ เอตฺถ มาโฆติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นามํฯ มาณโวติ อเนฺตวาสิวาสํ อนตีตภาเวน วุจฺจติ, ชาติยา ปน มหลฺลโกฯ ‘‘ปุพฺพาจิณฺณวเสนา’’ติ เอเก ปิงฺคิโย มาณโว วิยฯ โส หิ วีสวสฺสสติโกปิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน ‘‘ปิงฺคิโย มาณโว’’ เตฺวว สงฺขํ อคมาสิฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Atha kho…pe… avocāti ettha māghoti tassa brāhmaṇassa nāmaṃ. Māṇavoti antevāsivāsaṃ anatītabhāvena vuccati, jātiyā pana mahallako. ‘‘Pubbāciṇṇavasenā’’ti eke piṅgiyo māṇavo viya. So hi vīsavassasatikopi pubbāciṇṇavasena ‘‘piṅgiyo māṇavo’’ tveva saṅkhaṃ agamāsi. Sesaṃ vuttanayameva.
อหญฺหิ , โภ โคตม…เป.… ปสวามีติ เอตฺถ ทายโก ทานปตีติ ทายโก เจว ทานปติ จฯ โย หิ อญฺญสฺส สนฺตกํ เตนาณโตฺต เทติ, โสปิ ทายโก โหติ, ตสฺมิํ ปน ทาเน อิสฺสริยาภาวโต น ทานปติฯ อยํ ปน อตฺตโน สนฺตกํเยว เทติฯ เตนาห – ‘‘อหญฺหิ, โภ โคตม , ทายโก ทานปตี’’ติฯ อยเมว หิ เอตฺถ อโตฺถ, อญฺญตฺร ปน อนฺตรนฺตรา มเจฺฉเรน อภิภุยฺยมาโน ทายโก อนภิภูโต ทานปตีติอาทินาปิ นเยน วตฺตุํ วฎฺฎติฯ วทญฺญูติ ยาจกานํ วจนํ ชานามิ วุตฺตมเตฺตเยว ‘‘อยมิทมรหติ อยมิท’’นฺติ ปุริสวิเสสาวธารเณน พหูปการภาวคหเณน วาฯ ยาจโยโคติ ยาจิตุํ ยุโตฺตฯ โย หิ ยาจเก ทิสฺวาว ภกุฎิํ กตฺวา ผรุสวจนาทีนิ ภณติ, โส น ยาจโยโค โหติฯ อหํ ปน น ตาทิโสติ ทีเปติฯ ธเมฺมนาติ อทินฺนาทานนิกติวญฺจนาทีนิ วเชฺชตฺวา ภิกฺขาจริยาย, ยาจนายาติ อโตฺถฯ ยาจนา หิ พฺราหฺมณานํ โภคปริเยสเน ธโมฺม, ยาจมานานญฺจ เนสํ ปเรหิ อนุคฺคหกาเมหิ ทินฺนา โภคา ธมฺมลทฺธา นาม ธมฺมาธิคตา จ โหนฺติ, โส จ ตถา ปริเยสิตฺวา ลภิฯ เตนาห – ‘‘ธเมฺมน โภเค ปริเยสามิ…เป.… ธมฺมาธิคเตหี’’ติฯ ภิโยฺยปิ ททามีติ ตโต อุตฺตริปิ ททามิ, ปมาณํ นตฺถิ, เอตฺถ ลทฺธโภคปฺปมาเณน ททามีติ ทเสฺสติฯ
Ahañhi, bho gotama…pe… pasavāmīti ettha dāyako dānapatīti dāyako ceva dānapati ca. Yo hi aññassa santakaṃ tenāṇatto deti, sopi dāyako hoti, tasmiṃ pana dāne issariyābhāvato na dānapati. Ayaṃ pana attano santakaṃyeva deti. Tenāha – ‘‘ahañhi, bho gotama , dāyako dānapatī’’ti. Ayameva hi ettha attho, aññatra pana antarantarā maccherena abhibhuyyamāno dāyako anabhibhūto dānapatītiādināpi nayena vattuṃ vaṭṭati. Vadaññūti yācakānaṃ vacanaṃ jānāmi vuttamatteyeva ‘‘ayamidamarahati ayamida’’nti purisavisesāvadhāraṇena bahūpakārabhāvagahaṇena vā. Yācayogoti yācituṃ yutto. Yo hi yācake disvāva bhakuṭiṃ katvā pharusavacanādīni bhaṇati, so na yācayogo hoti. Ahaṃ pana na tādisoti dīpeti. Dhammenāti adinnādānanikativañcanādīni vajjetvā bhikkhācariyāya, yācanāyāti attho. Yācanā hi brāhmaṇānaṃ bhogapariyesane dhammo, yācamānānañca nesaṃ parehi anuggahakāmehi dinnā bhogā dhammaladdhā nāma dhammādhigatā ca honti, so ca tathā pariyesitvā labhi. Tenāha – ‘‘dhammena bhoge pariyesāmi…pe… dhammādhigatehī’’ti. Bhiyyopi dadāmīti tato uttaripi dadāmi, pamāṇaṃ natthi, ettha laddhabhogappamāṇena dadāmīti dasseti.
ตคฺฆาติ เอกํสวจเน นิปาโตฯ เอกํเสเนว หิ สพฺพพุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวเกหิ ปสตฺถํ ทานํ อนฺตมโส ติรจฺฉานคตานมฺปิ ทียมานํฯ วุตฺตเญฺจตํ ‘‘สพฺพตฺถ วณฺณิตํ ทานํ, น ทานํ ครหิตํ กฺวจี’’ติฯ ตสฺมา ภควาปิ เอกํเสเนว ตํ ปสํสโนฺต อาห – ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ มาณว…เป.… ปสวสี’’ติฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ เอวํ ภควตา ‘‘พหุํ โส ปุญฺญํ ปสวตี’’ติ วุเตฺตปิ ทกฺขิเณยฺยโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิํ โสตุกาโม พฺราหฺมโณ อุตฺตริ ภควนฺตํ ปุจฺฉิฯ เตนาหุ สงฺคีติการา – ‘‘อถ โข มาโฆ มาณโว ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติฯ ตํ อตฺถโต วุตฺตนยเมวฯ
Tagghāti ekaṃsavacane nipāto. Ekaṃseneva hi sabbabuddhapaccekabuddhasāvakehi pasatthaṃ dānaṃ antamaso tiracchānagatānampi dīyamānaṃ. Vuttañcetaṃ ‘‘sabbattha vaṇṇitaṃ dānaṃ, na dānaṃ garahitaṃ kvacī’’ti. Tasmā bhagavāpi ekaṃseneva taṃ pasaṃsanto āha – ‘‘taggha tvaṃ māṇava…pe… pasavasī’’ti. Sesaṃ uttānatthameva. Evaṃ bhagavatā ‘‘bahuṃ so puññaṃ pasavatī’’ti vuttepi dakkhiṇeyyato dakkhiṇāvisuddhiṃ sotukāmo brāhmaṇo uttari bhagavantaṃ pucchi. Tenāhu saṅgītikārā – ‘‘atha kho māgho māṇavo bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsī’’ti. Taṃ atthato vuttanayameva.
๔๙๒. ปุจฺฉามหนฺติอาทิคาถาสุ ปน วทญฺญุนฺติ วจนวิทุํ, สพฺพากาเรน สตฺตานํ วุตฺตวจนาธิปฺปายญฺญุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สุเชฺฌติ ทกฺขิเณยฺยวเสน สุทฺธํ มหปฺผลํ ภเวยฺยฯ โยชนา ปเนตฺถ – โย ยาจโยโค ทานปติ คหโฎฺฐ ปุญฺญตฺถิโก หุตฺวา ปเรสํ อนฺนปานํ ททํ ยชติ, น อคฺคิมฺหิ อาหุติมตฺตํ ปกฺขิปโนฺต, ตญฺจ โข ปุญฺญเปโกฺขว น ปจฺจุปการกลฺยาณกิตฺติสทฺทาทิอเปโกฺข, ตสฺส เอวรูปสฺส ยชมานสฺส หุตํ กถํ สุเชฺฌยฺยาติ?
492.Pucchāmahantiādigāthāsu pana vadaññunti vacanaviduṃ, sabbākārena sattānaṃ vuttavacanādhippāyaññunti vuttaṃ hoti. Sujjheti dakkhiṇeyyavasena suddhaṃ mahapphalaṃ bhaveyya. Yojanā panettha – yo yācayogo dānapati gahaṭṭho puññatthiko hutvā paresaṃ annapānaṃ dadaṃ yajati, na aggimhi āhutimattaṃ pakkhipanto, tañca kho puññapekkhova na paccupakārakalyāṇakittisaddādiapekkho, tassa evarūpassa yajamānassa hutaṃ kathaṃ sujjheyyāti?
๔๙๓. อาราธเย ทกฺขิเณเยฺยภิ ตาทีติ ตาทิโส ยาจโยโค ทกฺขิเณเยฺยหิ อาราธเย สมฺปาทเย โสธเย, มหปฺผลํ ตํ หุตํ กเรยฺย, น อญฺญถาติ อโตฺถฯ อิมินาสฺส ‘‘กถํ หุตํ ยชมานสฺส สุเชฺฌ’’ อิเจฺจตํ พฺยากตํ โหติฯ
493.Ārādhaye dakkhiṇeyyebhi tādīti tādiso yācayogo dakkhiṇeyyehi ārādhaye sampādaye sodhaye, mahapphalaṃ taṃ hutaṃ kareyya, na aññathāti attho. Imināssa ‘‘kathaṃ hutaṃ yajamānassa sujjhe’’ iccetaṃ byākataṃ hoti.
๔๙๔. อกฺขาหิ เม ภควา ทกฺขิเณเยฺยติ เอตฺถ โย ยาจโยโค ททํ ปเรสํ ยชติ, ตสฺส เม ภควา ทกฺขิเณเยฺย อกฺขาหีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ
494.Akkhāhi me bhagavā dakkhiṇeyyeti ettha yo yācayogo dadaṃ paresaṃ yajati, tassa me bhagavā dakkhiṇeyye akkhāhīti evaṃ yojanā veditabbā.
๔๙๕. อถสฺส ภควา นานปฺปกาเรหิ นเยหิ ทกฺขิเณเยฺย ปกาเสโนฺต ‘‘เย เว อสตฺตา’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิฯ ตตฺถ อสตฺตาติ ราคาทิสงฺควเสน อลคฺคาฯ เกวลิโนติ ปรินิฎฺฐิตกิจฺจาฯ ยตตฺตาติ คุตฺตจิตฺตาฯ
495. Athassa bhagavā nānappakārehi nayehi dakkhiṇeyye pakāsento ‘‘ye ve asattā’’tiādikā gāthāyo abhāsi. Tattha asattāti rāgādisaṅgavasena alaggā. Kevalinoti pariniṭṭhitakiccā. Yatattāti guttacittā.
๔๙๖-๗. ทนฺตา อนุตฺตเรน ทมเถน, วิมุตฺตา ปญฺญาเจโตวิมุตฺตีหิ, อนีฆา อายติํ วฎฺฎทุกฺขาภาเวน, นิราสา สมฺปติ กิเลสาภาเวนฯ อิมิสฺสา ปน คาถาย ทุติยคาถา ภาวนานุภาวปฺปกาสนนเยน วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘ภาวนานุโยคมนุยุตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วิหรโต กิญฺจาปิ น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย ‘อโห วต เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุเจฺจยฺยา’ติ (อ. นิ. ๗.๗๑), อถ ขฺวาสฺส อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ อิทํ เจตฺถ สุตฺตํ สาธกํฯ
496-7.Dantā anuttarena damathena, vimuttā paññācetovimuttīhi, anīghā āyatiṃ vaṭṭadukkhābhāvena, nirāsā sampati kilesābhāvena. Imissā pana gāthāya dutiyagāthā bhāvanānubhāvappakāsananayena vuttāti veditabbā. ‘‘Bhāvanānuyogamanuyuttassa, bhikkhave, bhikkhuno viharato kiñcāpi na evaṃ icchā uppajjeyya ‘aho vata me anupādāya āsavehi cittaṃ vimucceyyā’ti (a. ni. 7.71), atha khvāssa anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccatī’’ti idaṃ cettha suttaṃ sādhakaṃ.
๔๙๘-๕๐๒. ราคญฺจ…เป.… เยสุ น มายา…เป.… น ตณฺหาสุ อุปาติปนฺนาติ กามตณฺหาทีสุ นาธิมุตฺตาฯ วิตเรยฺยาติ วิตริตฺวาฯ ตณฺหาติ รูปตณฺหาทิฉพฺพิธา ฯ ภวาภวายาติ สสฺสตาย วา อุเจฺฉทาย วาฯ อถ วา ภวสฺส อภวาย ภวาภวาย, ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยาติ วุตฺตํ โหติฯ อิธ วา หุรํ วาติ อิทํ ปน ‘‘กุหิญฺจิ โลเก’’ติ อิมสฺส วิตฺถารวจนํฯ
498-502.Rāgañca…pe… yesu na māyā…pe… na taṇhāsu upātipannāti kāmataṇhādīsu nādhimuttā. Vitareyyāti vitaritvā. Taṇhāti rūpataṇhādichabbidhā . Bhavābhavāyāti sassatāya vā ucchedāya vā. Atha vā bhavassa abhavāya bhavābhavāya, punabbhavābhinibbattiyāti vuttaṃ hoti. Idha vā huraṃ vāti idaṃ pana ‘‘kuhiñci loke’’ti imassa vitthāravacanaṃ.
๕๐๔. เย วีตราคา…เป.… สมิตาวิโนติ สมิตวโนฺต, กิเลสวูปสมการิโนติ อโตฺถฯ สมิตาวิตตฺตา จ วีตราคา อโกปาฯ อิธ วิปฺปหายาติ อิธโลเก วตฺตมาเน ขเนฺธ วิหาย, ตโต ปรํ เยสํ คมนํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ อิโต ปรํ ‘‘เย กาเม หิตฺวา อคหา จรนฺติ, สุสญฺญตตฺตา ตสรํว อุชฺชุ’’นฺติ อิมมฺปิ คาถํ เกจิ ปฐนฺติฯ
504.Yevītarāgā…pe… samitāvinoti samitavanto, kilesavūpasamakārinoti attho. Samitāvitattā ca vītarāgā akopā. Idha vippahāyāti idhaloke vattamāne khandhe vihāya, tato paraṃ yesaṃ gamanaṃ natthīti vuttaṃ hoti. Ito paraṃ ‘‘ye kāme hitvā agahā caranti, susaññatattā tasaraṃva ujju’’nti imampi gāthaṃ keci paṭhanti.
๕๐๖-๘. ชหิตฺวาติ หิตฺวาฯ ‘‘ชหิตฺวานา’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ อตฺตทีปาติ อตฺตโน คุเณ เอว อตฺตโน ทีปํ กตฺวา วิจรนฺตา ขีณาสวา วุจฺจนฺติฯ เย เหตฺถาติ หกาโร นิปาโต ปทปูรณมเตฺตฯ อยํ ปนโตฺถ – เย เอตฺถ ขนฺธายตนาทิสนฺตาเน ยถา อิทํ ขนฺธายตนาทิ ตถา ชานนฺติ, ยํสภาวํ ตํสภาวํเยว สญฺชานนฺติ อนิจฺจาทิวเสน ชานนฺตาฯ อยมนฺติมา นตฺถิ ปุนพฺภโวติ อยํ โน อนฺติมา ชาติ, อิทานิ นตฺถิ ปุนพฺภโวติ เอวญฺจ เย ชานนฺตีติฯ
506-8.Jahitvāti hitvā. ‘‘Jahitvānā’’tipi pāṭho, ayamevattho. Attadīpāti attano guṇe eva attano dīpaṃ katvā vicarantā khīṇāsavā vuccanti. Ye hetthāti hakāro nipāto padapūraṇamatte. Ayaṃ panattho – ye ettha khandhāyatanādisantāne yathā idaṃ khandhāyatanādi tathā jānanti, yaṃsabhāvaṃ taṃsabhāvaṃyeva sañjānanti aniccādivasena jānantā. Ayamantimā natthi punabbhavoti ayaṃ no antimā jāti, idāni natthi punabbhavoti evañca ye jānantīti.
๕๐๙. โย เวทคูติ อิทานิ อตฺตานํ สนฺธาย ภควา อิมํ คาถมาหฯ ตตฺถ สติมาติ ฉสตตวิหารสติยา สมนฺนาคโตฯ สโมฺพธิปโตฺตติ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺตฯ สรณํ พหูนนฺติ พหูนํ เทวมนุสฺสานํ ภยวิหิํสเนน สรณภูโตฯ
509. Yo vedagūti idāni attānaṃ sandhāya bhagavā imaṃ gāthamāha. Tattha satimāti chasatatavihārasatiyā samannāgato. Sambodhipattoti sabbaññutaṃ patto. Saraṇaṃ bahūnanti bahūnaṃ devamanussānaṃ bhayavihiṃsanena saraṇabhūto.
๕๑๐. เอวํ ทกฺขิเณเยฺย สุตฺวา อตฺตมโน พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘อทฺธา อโมฆา’’ติฯ ตตฺถ ตฺวเญฺหตฺถ ชานาสิ ยถา ตถา อิทนฺติ ตฺวญฺหิ เอตฺถ โลเก อิทํ สพฺพมฺปิ เญยฺยํ ยถา ตถา ชานาสิ ยาถาวโต ชานาสิ, ยาทิสํ ตํ ตาทิสเมว ชานาสีติ วุตฺตํ โหติฯ ตถา หิ เต วิทิโต เอส ธโมฺมติ ตถา หิ เต เอสา ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา, ยสฺสา สุปฺปฎิวิทฺธตา ยํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ตํ ชานาสีติ อธิปฺปาโยฯ
510. Evaṃ dakkhiṇeyye sutvā attamano brāhmaṇo āha – ‘‘addhā amoghā’’ti. Tattha tvañhettha jānāsi yathā tathā idanti tvañhi ettha loke idaṃ sabbampi ñeyyaṃ yathā tathā jānāsi yāthāvato jānāsi, yādisaṃ taṃ tādisameva jānāsīti vuttaṃ hoti. Tathā hi te vidito esa dhammoti tathā hi te esā dhammadhātu suppaṭividdhā, yassā suppaṭividdhatā yaṃ yaṃ icchasi, taṃ taṃ jānāsīti adhippāyo.
๕๑๑. เอวํ โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปสํสิตฺวา ทกฺขิเณยฺยสมฺปทาย ยญฺญสมฺปทํ ญตฺวา ทายกสมฺปทายปิ ตํ ฉฬงฺคปริปูรํ ยญฺญสมฺปทํ โสตุกาโม ‘‘โย ยาจโยโค’’ติ อุตฺตริปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ตตฺรายํ โยชนา – โย ยาจโยโค ททํ ปเรสํ ยชติ, ตสฺส อกฺขาหิ เม ภควา ยญฺญสมฺปทนฺติฯ
511. Evaṃ so brāhmaṇo bhagavantaṃ pasaṃsitvā dakkhiṇeyyasampadāya yaññasampadaṃ ñatvā dāyakasampadāyapi taṃ chaḷaṅgaparipūraṃ yaññasampadaṃ sotukāmo ‘‘yo yācayogo’’ti uttaripañhaṃ pucchi. Tatrāyaṃ yojanā – yo yācayogo dadaṃ paresaṃ yajati, tassa akkhāhi me bhagavā yaññasampadanti.
๕๑๒. อถสฺส ภควา ทฺวีหิ คาถาหิ อกฺขาสิฯ ตตฺถายํ อตฺถโยชนา – ยชสฺสุ มาฆ, ยชมาโน จ สพฺพตฺถ วิปฺปสาเทหิ จิตฺตํ, ตีสุปิ กาเลสุ จิตฺตํ ปสาเทหิฯ เอวํ เต ยายํ –
512. Athassa bhagavā dvīhi gāthāhi akkhāsi. Tatthāyaṃ atthayojanā – yajassu māgha, yajamāno ca sabbattha vippasādehi cittaṃ, tīsupi kālesu cittaṃ pasādehi. Evaṃ te yāyaṃ –
‘‘ปุเพฺพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;
‘‘Pubbeva dānā sumano, dadaṃ cittaṃ pasādaye;
ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยญฺญสฺส สมฺปทา’’ติฯ (อ. นิ. ๖.๓๗; เป. ว. ๓๐๕) –
Datvā attamano hoti, esā yaññassa sampadā’’ti. (a. ni. 6.37; pe. va. 305) –
ยญฺญสมฺปทา วุตฺตา, ตาย สมฺปโนฺน ยโญฺญ ภวิสฺสติฯ ตตฺถ สิยา ‘‘กถํ จิตฺตํ ปสาเทตพฺพ’’นฺติ? โทสปฺปหาเนนฯ กถํ โทสปฺปหานํ โหติ? ยญฺญารมฺมณตายฯ อยญฺหิ อารมฺมณํ ยชมานสฺส ยโญฺญ เอตฺถ ปติฎฺฐาย ชหาติ โทสํ, อยญฺหิ สเตฺตสุ เมตฺตาปุพฺพงฺคเมน สมฺมาทิฎฺฐิปทีปวิหตโมหนฺธกาเรน จิเตฺตน ยชมานสฺส เทยฺยธมฺมสงฺขาโต ยโญฺญ อารมฺมณํ โหติ, โส เอตฺถ ยเญฺญ อารมฺมณวเสน ปวตฺติยา ปติฎฺฐาย เทยฺยธมฺมปจฺจยํ โลภํ, ปฎิคฺคาหกปจฺจยํ โกธํ, ตทุภยนิทานํ โมหนฺติ เอวํ ติวิธมฺปิ ชหาติ โทสํฯ โส เอวํ โภเคสุ วีตราโค, สเตฺตสุ จ ปวิเนยฺย โทสํ ตปฺปหาเนเนว ปหีนปญฺจนีวรโณ อนุกฺกเมน อุปจารปฺปนาเภทํ อปริมาณสตฺตผรเณน เอกสเตฺต วา อนวเสสผรเณน อปฺปมาณํ เมตฺตํ จิตฺตํ ภาเวโนฺต ปุน ภาวนาเวปุลฺลตฺถํ, รตฺตินฺทิวํ สตตํ สพฺพอิริยาปเถสุ อปฺปมโตฺต หุตฺวา ตเมว เมตฺตชฺฌานสงฺขาตํ สพฺพา ทิสา ผรเต อปฺปมญฺญนฺติฯ
Yaññasampadā vuttā, tāya sampanno yañño bhavissati. Tattha siyā ‘‘kathaṃ cittaṃ pasādetabba’’nti? Dosappahānena. Kathaṃ dosappahānaṃ hoti? Yaññārammaṇatāya. Ayañhi ārammaṇaṃ yajamānassa yañño ettha patiṭṭhāya jahāti dosaṃ, ayañhi sattesu mettāpubbaṅgamena sammādiṭṭhipadīpavihatamohandhakārena cittena yajamānassa deyyadhammasaṅkhāto yañño ārammaṇaṃ hoti, so ettha yaññe ārammaṇavasena pavattiyā patiṭṭhāya deyyadhammapaccayaṃ lobhaṃ, paṭiggāhakapaccayaṃ kodhaṃ, tadubhayanidānaṃ mohanti evaṃ tividhampi jahāti dosaṃ. So evaṃ bhogesu vītarāgo, sattesu ca pavineyya dosaṃ tappahāneneva pahīnapañcanīvaraṇo anukkamena upacārappanābhedaṃ aparimāṇasattapharaṇena ekasatte vā anavasesapharaṇena appamāṇaṃ mettaṃ cittaṃ bhāvento puna bhāvanāvepullatthaṃ, rattindivaṃ satataṃ sabbairiyāpathesu appamatto hutvā tameva mettajjhānasaṅkhātaṃ sabbā disā pharate appamaññanti.
๕๑๔. อถ พฺราหฺมโณ ตํ เมตฺตํ ‘‘พฺรหฺมโลกมโคฺค อย’’นฺติ อชานโนฺต เกวลํ อตฺตโน วิสยาตีตํ เมตฺตาภาวนํ สุตฺวา สุฎฺฐุตรํ สญฺชาตสพฺพญฺญุสมฺภาวโน ภควติ อตฺตนา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตตฺตา พฺรหฺมโลกูปปตฺติเมว จ สุทฺธิํ มุตฺติญฺจ มญฺญมาโน พฺรหฺมโลกมคฺคํ ปุจฺฉโนฺต ‘‘โก สุชฺฌตี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺร จ พฺรหฺมโลกคามิํ ปุญฺญํ กโรนฺตํ สนฺธายาห – ‘‘โก สุชฺฌติ มุจฺจตี’’ติ, อกโรนฺตํ สนฺธาย ‘‘พชฺฌตี จา’’ติฯ เกนตฺตนาติ เกน การเณนฯ สกฺขิ พฺรหฺมชฺชทิโฎฺฐติ พฺรหฺมา อชฺช สกฺขิ ทิโฎฺฐฯ สจฺจนฺติ ภควโต พฺรหฺมสมตฺตํ อารพฺภ อจฺจาทเรน สปถํ กโรติฯ กถํ อุปปชฺชตีติ อจฺจาทเรเนว ปุนปิ ปุจฺฉติฯ ชุติมาติ ภควนฺตํ อาลปติฯ
514. Atha brāhmaṇo taṃ mettaṃ ‘‘brahmalokamaggo aya’’nti ajānanto kevalaṃ attano visayātītaṃ mettābhāvanaṃ sutvā suṭṭhutaraṃ sañjātasabbaññusambhāvano bhagavati attanā brahmalokādhimuttattā brahmalokūpapattimeva ca suddhiṃ muttiñca maññamāno brahmalokamaggaṃ pucchanto ‘‘ko sujjhatī’’ti gāthamāha. Tatra ca brahmalokagāmiṃ puññaṃ karontaṃ sandhāyāha – ‘‘ko sujjhati muccatī’’ti, akarontaṃ sandhāya ‘‘bajjhatī cā’’ti. Kenattanāti kena kāraṇena. Sakkhi brahmajjadiṭṭhoti brahmā ajja sakkhi diṭṭho. Saccanti bhagavato brahmasamattaṃ ārabbha accādarena sapathaṃ karoti. Kathaṃ upapajjatīti accādareneva punapi pucchati. Jutimāti bhagavantaṃ ālapati.
ตตฺถ ยสฺมา โย ภิกฺขุ เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเมว ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสโนฺต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โส สุชฺฌติ มุจฺจติ จ, ตถารูโป จ พฺรหฺมโลกํ น คจฺฉติฯ โย ปน เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สนฺตา เอสา สมาปตฺตี’’ติอาทินา นเยน ตํ อสฺสาเทติ, โส พชฺฌติฯ อปริหีนชฺฌาโน จ เตเนว ฌาเนน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ, ตสฺมา ภควา โย สุชฺฌติ มุจฺจติ จ, ตสฺส พฺรหฺมโลกคมนํ อนนุชานโนฺต อนามสิตฺวาว ตํ ปุคฺคลํ โย พชฺฌติฯ ตสฺส เตน ฌาเนน พฺรหฺมโลกคมนํ ทเสฺสโนฺต พฺราหฺมณสฺส สปฺปาเยน นเยน ‘‘โย ยชตี’’ติ อิมํ คาถมาหฯ
Tattha yasmā yo bhikkhu mettāya tikacatukkajjhānaṃ uppādetvā tameva pādakaṃ katvā vipassanto arahattaṃ pāpuṇāti, so sujjhati muccati ca, tathārūpo ca brahmalokaṃ na gacchati. Yo pana mettāya tikacatukkajjhānaṃ uppādetvā ‘‘santā esā samāpattī’’tiādinā nayena taṃ assādeti, so bajjhati. Aparihīnajjhāno ca teneva jhānena brahmalokaṃ gacchati, tasmā bhagavā yo sujjhati muccati ca, tassa brahmalokagamanaṃ ananujānanto anāmasitvāva taṃ puggalaṃ yo bajjhati. Tassa tena jhānena brahmalokagamanaṃ dassento brāhmaṇassa sappāyena nayena ‘‘yo yajatī’’ti imaṃ gāthamāha.
๕๑๕. ตตฺถ ติวิธนฺติ ติกาลปฺปสาทํ สนฺธายาหฯ เตน ทายกโต องฺคตฺตยํ ทเสฺสติฯ อาราธเย ทกฺขิเณเยฺยภิ ตาทีติ ตญฺจ โส ตาทิโส ติวิธสมฺปตฺติสาธโก ปุคฺคโล ติวิธํ ยญฺญสมฺปทํ ทกฺขิเณเยฺยหิ ขีณาสเวหิ สาเธยฺย สมฺปาเทยฺยฯ อิมินา ปฎิคฺคาหกโต องฺคตฺตยํ ทเสฺสติฯ เอวํ ยชิตฺวา สมฺมา ยาจโยโคติ เอวํ เมตฺตชฺฌานปทฎฺฐานภาเวน ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ยญฺญํ สมฺมา ยชิตฺวา โส ยาจโยโค เตน ฉฬงฺคยญฺญูปนิสฺสเยน เมตฺตชฺฌาเนน อุปปชฺชติ พฺรหฺมโลกนฺติ พฺรูมีติ พฺราหฺมณํ สมุสฺสาเหโนฺต เทสนํ สมาเปสิฯ เสสํ สพฺพคาถาสุ อุตฺตานตฺถเมวฯ อิโต ปรญฺจ ปุเพฺพ วุตฺตนยเมวาติฯ
515. Tattha tividhanti tikālappasādaṃ sandhāyāha. Tena dāyakato aṅgattayaṃ dasseti. Ārādhaye dakkhiṇeyyebhi tādīti tañca so tādiso tividhasampattisādhako puggalo tividhaṃ yaññasampadaṃ dakkhiṇeyyehi khīṇāsavehi sādheyya sampādeyya. Iminā paṭiggāhakato aṅgattayaṃ dasseti. Evaṃ yajitvā sammā yācayogoti evaṃ mettajjhānapadaṭṭhānabhāvena chaḷaṅgasamannāgataṃ yaññaṃ sammā yajitvā so yācayogo tena chaḷaṅgayaññūpanissayena mettajjhānena upapajjati brahmalokantibrūmīti brāhmaṇaṃ samussāhento desanaṃ samāpesi. Sesaṃ sabbagāthāsu uttānatthameva. Ito parañca pubbe vuttanayamevāti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย มาฆสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya māghasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๕. มาฆสุตฺตํ • 5. Māghasuttaṃ