Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหานิเทฺทส-อฎฺฐกถา • Mahāniddesa-aṭṭhakathā

    ๑๓. มหาพฺยูหสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา

    13. Mahābyūhasuttaniddesavaṇṇanā

    ๑๓๐. เตรสเม มหาพฺยูหสุตฺตนิเทฺทเส เย เกจิเม ทิฎฺฐิปริพฺพสานาติ อิทมฺปิ ‘‘กิํ นุ โข อิเม ทิฎฺฐิปริพฺพสานา วิญฺญูนํ สนฺติกา นินฺทเมว ลภนฺติ, อุทาหุ ปสํสมฺปี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ อาวิกาตุํ ปุริมนเยเนว นิมฺมิตพุเทฺธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํฯ ตตฺถ อนฺวานยนฺตีติ อนุ อานยนฺติ ปุนปฺปุนํ อาหรนฺติฯ

    130. Terasame mahābyūhasuttaniddese ye kecime diṭṭhiparibbasānāti idampi ‘‘kiṃ nu kho ime diṭṭhiparibbasānā viññūnaṃ santikā nindameva labhanti, udāhu pasaṃsampī’’ti uppannacittānaṃ ekaccānaṃ devatānaṃ tamatthaṃ āvikātuṃ purimanayeneva nimmitabuddhena attānaṃ pucchāpetvā vuttaṃ. Tattha anvānayantīti anu ānayanti punappunaṃ āharanti.

    นินฺทเมว อเนฺวนฺตีติ ครหเมว อุปคจฺฉนฺติฯ

    Nindameva anventīti garahameva upagacchanti.

    ๑๓๑. อิทานิ ยสฺมา เต ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ วทนฺตาปิ ทิฎฺฐิคติกวาทิโน กทาจิ กตฺถจิ ปสํสมฺปิ ลภนฺติ, ยํ เอตํ ปสํสาสงฺขาตํ วาทผลํ, ตํ อปฺปํ, ราคาทีนํ สมาย สมตฺถํ น โหติ, โก ปน วาโท ทุติเย นินฺทาผเล, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อิมํ ตาว วิสฺสชฺชนคาถํ อาห ‘‘อปฺปญฺหิ เอตํ น อลํ สมาย, ทุเว วิวาทสฺส ผลานิ พฺรูมี’’ติฯ ตตฺถ ทุเว วิวาทสฺส ผลานีติ นินฺทา จ ปสํสา จ ชยปราชยาทีนิ วา ตํสภาคานิฯ เอตมฺปิ ทิสฺวาติ ‘‘นินฺทา อนิฎฺฐา เอว, ปสํสา นาลํ สมายา’’ติ เอตมฺปิ วิวาทผเล อาทีนวํ ทิสฺวาฯ เขมาภิปสฺสํ อวิวาทภูมินฺติ อวิวาทภูมิํ นิพฺพานํ เขมนฺติ ปสฺสมาโนฯ

    131. Idāni yasmā te ‘‘idameva sacca’’nti vadantāpi diṭṭhigatikavādino kadāci katthaci pasaṃsampi labhanti, yaṃ etaṃ pasaṃsāsaṅkhātaṃ vādaphalaṃ, taṃ appaṃ, rāgādīnaṃ samāya samatthaṃ na hoti, ko pana vādo dutiye nindāphale, tasmā etamatthaṃ dassento imaṃ tāva vissajjanagāthaṃ āha ‘‘appañhi etaṃ na alaṃ samāya, duve vivādassa phalāni brūmī’’ti. Tattha duve vivādassa phalānīti nindā ca pasaṃsā ca jayaparājayādīni vā taṃsabhāgāni. Etampi disvāti ‘‘nindā aniṭṭhā eva, pasaṃsā nālaṃ samāyā’’ti etampi vivādaphale ādīnavaṃ disvā. Khemābhipassaṃ avivādabhūminti avivādabhūmiṃ nibbānaṃ khemanti passamāno.

    อปฺปกนฺติ มนฺทํฯ ปริตฺตกนฺติ โถกํฯ โอมกนฺติ เหฎฺฐิมกํฯ ลามกนฺติ ปาปกํฯ สมายาติ ราคาทีนํ สมนตฺถายฯ อุปสมายาติ อุปรูปริ สมนตฺถายฯ วูปสมายาติ สนฺนิสีทาปนตฺถายฯ นิพฺพานายาติ อมตมหานิพฺพานตฺถายฯ ปฎินิสฺสคฺคายาติ มเคฺคน กิเลสานํ นิสฺสชฺชนตฺถายฯ ปฎิปสฺสทฺธิยาติ ผเลน ปฎิปสฺสทฺธานํ อนุปฺปชฺชนตฺถาย นาลํฯ

    Appakanti mandaṃ. Parittakanti thokaṃ. Omakanti heṭṭhimakaṃ. Lāmakanti pāpakaṃ. Samāyāti rāgādīnaṃ samanatthāya. Upasamāyāti uparūpari samanatthāya. Vūpasamāyāti sannisīdāpanatthāya. Nibbānāyāti amatamahānibbānatthāya. Paṭinissaggāyāti maggena kilesānaṃ nissajjanatthāya. Paṭipassaddhiyāti phalena paṭipassaddhānaṃ anuppajjanatthāya nālaṃ.

    ๑๓๒. เอวญฺหิ อวิวาทมาโน – ยา กาจิมาติ คาถาฯ ตตฺถ สมฺมุติโยติ ทิฎฺฐิโยฯ ปุถุชฺชาติ ปุถุชฺชนสมฺภวาฯ โส อุปยํ กิเมยฺยาติ โส อุปคนฺตพฺพเฎฺฐน อุปยํ รูปาทีสุ เอกมฺปิ ธมฺมํ กิํ อุเปยฺย, เกน วา การเณน อุเปยฺยฯ ทิเฎฺฐ สุเต ขนฺติมกุพฺพมาโนติ ทิฎฺฐสุตสุทฺธีสุ เปมํ อกโรโนฺตฯ

    132. Evañhi avivādamāno – yā kācimāti gāthā. Tattha sammutiyoti diṭṭhiyo. Puthujjāti puthujjanasambhavā. Soupayaṃ kimeyyāti so upagantabbaṭṭhena upayaṃ rūpādīsu ekampi dhammaṃ kiṃ upeyya, kena vā kāraṇena upeyya. Diṭṭhe sute khantimakubbamānoti diṭṭhasutasuddhīsu pemaṃ akaronto.

    ปุถุชฺชเนหิ ชนิตาติ ปุถุชฺชเนหิ อุปฺปาทิตาฯ สมฺมุติโยติ ทิฎฺฐิโยฯ ปุถุ นานาชเนหิ ชนิตา วาติ อเนกวิเธหิ ทิฎฺฐิคติเกหิ อุปฺปาทิตา วาฯ เนตีติ น เอติฯ น อุเปตีติ สมีปํ น เอติฯ น อุปคจฺฉตีติ นิวตฺตติฯ นาภินิวิสตีติ ปวิสิตฺวา นปฺปติฎฺฐติฯ

    Puthujjanehi janitāti puthujjanehi uppāditā. Sammutiyoti diṭṭhiyo. Puthu nānājanehi janitā vāti anekavidhehi diṭṭhigatikehi uppāditā vā. Netīti na eti. Na upetīti samīpaṃ na eti. Na upagacchatīti nivattati. Nābhinivisatīti pavisitvā nappatiṭṭhati.

    ๑๓๓. อิโต พาหิรา ปน – สีลุตฺตมาติ คาถา ตสฺสโตฺถ – สีลํเยว ‘‘อุตฺตม’’นฺติ มญฺญมานา สีลุตฺตมาติ เอเก โภโนฺต สํยมมเตฺตน สุทฺธิํ วทนฺติ, หตฺถิวตาทิญฺจ วตํ สมาทาย อุปฎฺฐิตาเสฯ อิเธว ทิฎฺฐิยํ อสฺส สตฺถุโน สุทฺธิํ ภวูปนีตา ภวโชฺฌสิตา สมานา วทนฺติ, อปิ จ เต กุสลาวทานา ‘‘กุสลา มย’’นฺติ เอวํวาทาฯ

    133. Ito bāhirā pana – sīluttamāti gāthā tassattho – sīlaṃyeva ‘‘uttama’’nti maññamānā sīluttamāti eke bhonto saṃyamamattena suddhiṃ vadanti, hatthivatādiñca vataṃ samādāya upaṭṭhitāse. Idheva diṭṭhiyaṃ assa satthuno suddhiṃ bhavūpanītā bhavajjhositā samānā vadanti, api ca te kusalāvadānā ‘‘kusalā maya’’nti evaṃvādā.

    ๑๓๔. เอวํ สีลุตฺตเมสุ จ เตสุ ตถา ปฎิปโนฺน โย โกจิ – สเจ จุโตติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – สเจ ตโต สีลวตโต ปรวิจฺฉินฺทเนน วา อนภิสมฺภุณโนฺต วา จุโต โหติ, โส ตํ สีลพฺพตกมฺมํ ปุญฺญาภิสงฺขาราทิกมฺมํ วา วิราธยิตฺวา เวธตีฯ น เกวลญฺจ เวธติ , อปิ จ โข ตํ สีลพฺพตสุทฺธิํ ปชปฺปตี จ วิปฺปลปติ จ ปตฺถยตี จฯ กิมิว? สตฺถาว หีโน ปวสํ ฆรมฺหา, ฆรมฺหา ปวสโนฺต สตฺถโต หีโน ยถา ตํ ฆรํ วา สตฺถํ วา ปตฺถยตีติฯ

    134. Evaṃ sīluttamesu ca tesu tathā paṭipanno yo koci – sace cutoti gāthā. Tassattho – sace tato sīlavatato paravicchindanena vā anabhisambhuṇanto vā cuto hoti, so taṃ sīlabbatakammaṃ puññābhisaṅkhārādikammaṃ vā virādhayitvā vedhatī. Na kevalañca vedhati , api ca kho taṃ sīlabbatasuddhiṃ pajappatī ca vippalapati ca patthayatī ca. Kimiva? Satthāva hīno pavasaṃ gharamhā, gharamhā pavasanto satthato hīno yathā taṃ gharaṃ vā satthaṃ vā patthayatīti.

    ปรวิจฺฉินฺทนาย วาติ ปเรน วาริยมาโน วาฯ อนภิสมฺภุณโนฺต วาติ ตํ ปฎิปตฺติํ อสมฺปาเทโนฺต วาฯ

    Paravicchindanāya vāti parena vāriyamāno vā. Anabhisambhuṇanto vāti taṃ paṭipattiṃ asampādento vā.

    อญฺญาย อปรโทฺธติ นิพฺพาเนน ปริหีโน มคฺคโต วาฯ ตํ วา สตฺถํ อนุพนฺธตีติ ตํ วา สตฺถํ สพฺพตฺถ ปจฺฉโต คจฺฉติฯ

    Aññāya aparaddhoti nibbānena parihīno maggato vā. Taṃ vā satthaṃ anubandhatīti taṃ vā satthaṃ sabbattha pacchato gacchati.

    ๑๓๕. เอวํ ปน สีลุตฺตมานํ ปเวธนการณํ อริยสาวโก สีลพฺพตํ วาปิ ปหาย สพฺพนฺติ คาถาฯ ตตฺถ สาวชฺชานวชฺชนฺติ สพฺพากุสลํ โลกิยกุสลญฺจฯ เอตํ สุทฺธิํ อสุทฺธินฺติ อปตฺถยาโนติ ปญฺจกามคุณาทิเภทํ สุทฺธิํ อกุสลาทิเภทํ อสุทฺธิญฺจ อปตฺถยมาโนฯ วิรโต จเรติ สุทฺธิยา อสุทฺธิยา จ วิรโต จเรยฺยฯ สนฺติ มนุคฺคหายาติ ทิฎฺฐิํ อคฺคเหตฺวาฯ

    135. Evaṃ pana sīluttamānaṃ pavedhanakāraṇaṃ ariyasāvako sīlabbataṃ vāpi pahāya sabbanti gāthā. Tattha sāvajjānavajjanti sabbākusalaṃ lokiyakusalañca. Etaṃ suddhiṃ asuddhintiapatthayānoti pañcakāmaguṇādibhedaṃ suddhiṃ akusalādibhedaṃ asuddhiñca apatthayamāno. Virato careti suddhiyā asuddhiyā ca virato careyya. Santi manuggahāyāti diṭṭhiṃ aggahetvā.

    กณฺหํ กณฺหวิปากนฺติ อกุสลกมฺมํ อกุสลวิปากทายกํฯ สุกฺกํ สุกฺกวิปากนฺติ โลกิยกุสลํ อตฺตนา สทิสํ สุกฺกวิปากทายกํฯ

    Kaṇhaṃkaṇhavipākanti akusalakammaṃ akusalavipākadāyakaṃ. Sukkaṃ sukkavipākanti lokiyakusalaṃ attanā sadisaṃ sukkavipākadāyakaṃ.

    นิยามาวกฺกนฺตินฺติ มคฺคปวิสนํฯ เสกฺขาติ สตฺต เสกฺขาฯ อคฺคธมฺมนฺติ อุตฺตมธมฺมํ, อรหตฺตผลํฯ

    Niyāmāvakkantinti maggapavisanaṃ. Sekkhāti satta sekkhā. Aggadhammanti uttamadhammaṃ, arahattaphalaṃ.

    ๑๓๖. เอวํ อิโต พาหิรเก สีลุตฺตเม สํยเมน วิสุทฺธิวาเท เตสญฺจ วิปากํ สีลพฺพตปหายิโน อรหโต จ ปฎิปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อญฺญถาปิ สุทฺธิวาเท พาหิรเก ทเสฺสโนฺต ‘‘ตมูปนิสฺสายา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – สนฺตเญฺญปิ สมณพฺราหฺมณา, เต ชิคุจฺฉิตํ อมรนฺตปํ วา ทิฎฺฐสุทฺธิอาทีสุ วา อญฺญตรญฺญตรํ อุปนิสฺสายอกิริยทิฎฺฐิยา วา อุทฺธํสรา หุตฺวา ภวาภเวสุ อวีตตณฺหา สุทฺธิ’มนุตฺถุนนฺติ วทนฺติ กเถนฺตีติฯ

    136. Evaṃ ito bāhirake sīluttame saṃyamena visuddhivāde tesañca vipākaṃ sīlabbatapahāyino arahato ca paṭipattiṃ dassetvā idāni aññathāpi suddhivāde bāhirake dassento ‘‘tamūpanissāyā’’ti gāthamāha. Tassattho – santaññepi samaṇabrāhmaṇā, te jigucchitaṃ amarantapaṃ vā diṭṭhasuddhiādīsu vā aññataraññataraṃ upanissāyaakiriyadiṭṭhiyā vā uddhaṃsarā hutvā bhavābhavesu avītataṇhā suddhi’manutthunanti vadanti kathentīti.

    ตโปชิคุจฺฉวาทาติ กายปีฬนาทิตเปน ปาปหิรียนวาทาฯ ตโปชิคุจฺฉสาราติ เตเนว ตเปน หิรียนสารวโนฺตฯ อุทฺธํสราวาทาติ สํสาเรน สุทฺธิํ กถยนฺตาฯ

    Tapojigucchavādāti kāyapīḷanāditapena pāpahirīyanavādā. Tapojigucchasārāti teneva tapena hirīyanasāravanto. Uddhaṃsarāvādāti saṃsārena suddhiṃ kathayantā.

    ๑๓๗. เอวํ เตสํ อวีตตณฺหานํ สุทฺธิํ อนุตฺถุนนฺตานํ โยปิ สุทฺธิปฺปตฺตเมว อตฺตานํ มเญฺญยฺย, ตสฺสาปิ อวีตตณฺหตฺตา ภวาภเวสุ ตํ ตํ วตฺถุํ ปตฺถยมานสฺส หิ ชปฺปิตานิ ปุนปฺปุนํ โหนฺติเยวาติ อธิปฺปาโยฯ ตณฺหา หิ อาเสวิตา ตณฺหํ วฑฺฒยเตว, น เกวลญฺจ ชปฺปิตานิ, ปเวธิตํ วาปิ ปกปฺปิเตสุ, ตณฺหาทิฎฺฐีหิ จสฺส ปกปฺปิเตสุ วตฺถูสุ ปเวธิตมฺปิ โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ ภวาภเวสุ ปน วีตตณฺหตฺตา อายติํ จุตูปปาโต อิธ ยสฺส นตฺถิ, ส เกน เวเธยฺย กุหิํ ว ชเปฺปติ อยเมติสฺสา คาถาย สมฺพโนฺธฯ

    137. Evaṃ tesaṃ avītataṇhānaṃ suddhiṃ anutthunantānaṃ yopi suddhippattameva attānaṃ maññeyya, tassāpi avītataṇhattā bhavābhavesu taṃ taṃ vatthuṃ patthayamānassa hi jappitāni punappunaṃ hontiyevāti adhippāyo. Taṇhā hi āsevitā taṇhaṃ vaḍḍhayateva, na kevalañca jappitāni, pavedhitaṃ vāpi pakappitesu, taṇhādiṭṭhīhi cassa pakappitesu vatthūsu pavedhitampi hotīti vuttaṃ hoti. Bhavābhavesu pana vītataṇhattā āyatiṃ cutūpapāto idha yassa natthi, sa kena vedheyya kuhiṃ va jappeti ayametissā gāthāya sambandho.

    อาคมนนฺติ ปุน อาคมนํฯ คมนนฺติ อิโต อญฺญตฺถ คมนํ ฯ คมนาคมนนฺติ อิโต คนฺตฺวา ปุน นิวตฺตนํฯ กาลนฺติ มรณํฯ คตีติ คมนวเสน คติยา คนฺตพฺพํฯ

    Āgamananti puna āgamanaṃ. Gamananti ito aññattha gamanaṃ . Gamanāgamananti ito gantvā puna nivattanaṃ. Kālanti maraṇaṃ. Gatīti gamanavasena gatiyā gantabbaṃ.

    ๑๓๘. ยมาหุ ธมฺมนฺติ ปุจฺฉาคาถาฯ

    138.Yamāhu dhammanti pucchāgāthā.

    ๑๓๙. อิทานิ ยสฺมา เอโกปิ เอตฺถ วาโท สโจฺจ นตฺถิ, เกวลํ ทิฎฺฐิมตฺตเกน หิ เต วทนฺติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สกํ หี’’ติ อิมํ ตาว วิสฺสชฺชนคาถมาหฯ ตตฺถ สมฺมุตินฺติ ทิฎฺฐิํฯ อโนมนฺติ อนูนํฯ

    139. Idāni yasmā ekopi ettha vādo sacco natthi, kevalaṃ diṭṭhimattakena hi te vadanti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘sakaṃ hī’’ti imaṃ tāva vissajjanagāthamāha. Tattha sammutinti diṭṭhiṃ. Anomanti anūnaṃ.

    ๑๔๐. เอวเมเตสุ สกํ ธมฺมํ ปริปุณฺณํ พฺรูวเนฺตสุ อญฺญสฺส ธมฺมํ ปน หีนนฺติ วทเนฺตสุ ยสฺส กสฺสจิ – ปรสฺส เจ วมฺภยิเตน หีโนติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – ยทิ ปรสฺส นินฺทิตการณา หีโน ภเวยฺย, น โกจิ ธเมฺมสุ วิเสสิ อโคฺค ภเวยฺยฯ กิํการณา? ปุถู หิ อญฺญสฺส วทนฺติ ธมฺมํ นิหีนโต สเพฺพว เต สมฺหิ ทฬฺหํ วทานาสกธเมฺม ทฬฺหวาทา เอวฯ

    140. Evametesu sakaṃ dhammaṃ paripuṇṇaṃ brūvantesu aññassa dhammaṃ pana hīnanti vadantesu yassa kassaci – parassa ce vambhayitena hīnoti gāthā. Tassattho – yadi parassa ninditakāraṇā hīno bhaveyya, na koci dhammesu visesi aggo bhaveyya. Kiṃkāraṇā? Puthū hi aññassa vadanti dhammaṃ nihīnato sabbeva te samhi daḷhaṃ vadānāsakadhamme daḷhavādā eva.

    วมฺภยิตการณาติ ธํสิตการณาฯ ครหิตการณาติ ลามกกตการณาฯ อุปวทิตการณาติ อโกฺกสิตการณาฯ สกายนนฺติ สกมคฺคํฯ

    Vambhayitakāraṇāti dhaṃsitakāraṇā. Garahitakāraṇāti lāmakakatakāraṇā. Upavaditakāraṇāti akkositakāraṇā. Sakāyananti sakamaggaṃ.

    ๑๔๑. กิญฺจ ภิโยฺย – สทฺธมฺมปูชาติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – เต จ ติตฺถิยา ยถา ปสํสนฺติ สกายนานิ, สทฺธมฺมปูชาปิ เนสํ ตเถว วตฺตติฯ เต หิ อติวิย สตฺถาราทีนิ สตฺตโรนฺติฯ ตตฺถ ยทิ เต ปมาณา สิยุํ, เอวํ สเนฺต สเพฺพว วาทา ตถิยา ภเวยฺยุํฯ กิํการณา ? สุทฺธี หิ เนสํ ปจฺจตฺตเมวฯ น สา อญฺญตฺถ สิชฺฌติ, นาปิ ปรมตฺถโตฯ อตฺตนิ ทิฎฺฐิคาหมตฺตเมว หิ ตํ เตสํ ปรปจฺจยเนยฺยพุทฺธีนํฯ ปจฺจตฺตเมวาติ ปาเฎกฺกเมวฯ

    141. Kiñca bhiyyo – saddhammapūjāti gāthā. Tassattho – te ca titthiyā yathā pasaṃsanti sakāyanāni, saddhammapūjāpi nesaṃ tatheva vattati. Te hi ativiya satthārādīni sattaronti. Tattha yadi te pamāṇā siyuṃ, evaṃ sante sabbeva vādā tathiyā bhaveyyuṃ. Kiṃkāraṇā ? Suddhī hi nesaṃ paccattameva. Na sā aññattha sijjhati, nāpi paramatthato. Attani diṭṭhigāhamattameva hi taṃ tesaṃ parapaccayaneyyabuddhīnaṃ. Paccattamevāti pāṭekkameva.

    ๑๔๒. โย ปน วิปรีตโต พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, ตสฺส น พฺราหฺมณสฺส ปรเนยฺยมตฺถีติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – พฺราหฺมณสฺส หิ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน สุทิฎฺฐตฺตา ปเรน เนตพฺพํ ญาณํ นตฺถิฯ ทิฎฺฐิธเมฺมสุ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ นิจฺฉินิตฺวา สุมคฺคหีตมฺปิ นตฺถิฯ ตํการณา โส ทิฎฺฐิกลหานิ อติกฺกโนฺต, น หิ โส เสฎฺฐโต ปสฺสติ ธมฺมมญฺญํ อญฺญตฺร สติปฎฺฐานาทีหิฯ

    142. Yo pana viparītato bāhitapāpattā brāhmaṇo, tassa na brāhmaṇassa paraneyyamatthīti gāthā. Tassattho – brāhmaṇassa hi ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādinā nayena sudiṭṭhattā parena netabbaṃ ñāṇaṃ natthi. Diṭṭhidhammesu ‘‘idameva sacca’’nti nicchinitvā sumaggahītampi natthi. Taṃkāraṇā so diṭṭhikalahāni atikkanto, na hi so seṭṭhato passati dhammamaññaṃ aññatra satipaṭṭhānādīhi.

    น ปรเนโยฺยติ ปเรน เนตโพฺพ ชานาเปตโพฺพ น โหติฯ น ปรปตฺติโย น ปรปจฺจโยติ ปเรสํ ปเจฺจตโพฺพ น โหติฯ น ปรปฎิพทฺธคูติ ปเรสํ ปฎิพทฺธคมโน น โหติฯ

    Na paraneyyoti parena netabbo jānāpetabbo na hoti. Na parapattiyo na parapaccayoti paresaṃ paccetabbo na hoti. Na parapaṭibaddhagūti paresaṃ paṭibaddhagamano na hoti.

    ๑๔๓. ชานามีติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – เอวํ ตาว ปรมตฺถพฺราหฺมโณ น หิ เสฎฺฐโต ปสฺสติ ธมฺมมญฺญํ, อเญฺญ ปน ติตฺถิยา ปรจิตฺตญาณาทีหิ ชานนฺตาปิ ปสฺสนฺตาปิ ‘‘ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอต’’นฺติ เอวํ วทนฺตาปิ จ ทิฎฺฐิยา สุทฺธิํ ปเจฺจนฺติฯ กสฺมา? ยสฺมา เตสุ เอโกปิ อทกฺขิ เจ อทฺทส เจปิ เตน ปรจิตฺตญาณาทินา ยถาภูตมตฺถํ, กิญฺหิ ตุมสฺส เตน ตสฺส เตน ทสฺสเนน กิํ กตํ, กิํ ทุกฺขปริญฺญา สาธิตา, อุทาหุ สมุทยปฺปหานาทีนํ อญฺญตรํ, ยโต สพฺพถาปิ อติกฺกมิตฺวา อริยมคฺคํ เต ติตฺถิยา อเญฺญเนว วทนฺติ สุทฺธิํ, อติกฺกมิตฺวา วา เต ติตฺถิเย พุทฺธาทโย อเญฺญเนว วทนฺติ สุทฺธินฺติฯ

    143.Jānāmīti gāthāya sambandho attho ca – evaṃ tāva paramatthabrāhmaṇo na hi seṭṭhato passati dhammamaññaṃ, aññe pana titthiyā paracittañāṇādīhi jānantāpi passantāpi ‘‘jānāmi passāmi tatheva eta’’nti evaṃ vadantāpi ca diṭṭhiyā suddhiṃ paccenti. Kasmā? Yasmā tesu ekopi adakkhi ce addasa cepi tena paracittañāṇādinā yathābhūtamatthaṃ, kiñhi tumassa tena tassa tena dassanena kiṃ kataṃ, kiṃ dukkhapariññā sādhitā, udāhu samudayappahānādīnaṃ aññataraṃ, yato sabbathāpi atikkamitvā ariyamaggaṃ te titthiyā aññeneva vadanti suddhiṃ, atikkamitvā vā te titthiye buddhādayo aññeneva vadanti suddhinti.

    ๑๔๔. ปสฺสํ นโรติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – กิญฺจ ภิโยฺย? ยฺวายํ ปรจิตฺตญาณาทีหิ อทฺทกฺขิ, โส ปสฺสํ นโร ทกฺขติ นามรูปํ, น ตโต ปรํ, ทิสฺวาน วา ญสฺสติ ตานิเมว นามรูปานิ นิจฺจโต สุขโต วา, น อญฺญถา; โส เอวํ ปสฺสโนฺต กามํ พหุํ ปสฺสตุ อปฺปกํ วา นามรูปํ นิจฺจโต สุขโต จ อถสฺส เอวรูเปน ทสฺสเนน น หิ เตน สุทฺธิํ กุสลา วทนฺติ

    144.Passaṃ naroti gāthāya sambandho attho ca – kiñca bhiyyo? Yvāyaṃ paracittañāṇādīhi addakkhi, so passaṃ naro dakkhati nāmarūpaṃ, na tato paraṃ, disvāna vā ñassati tānimeva nāmarūpāni niccato sukhato vā, na aññathā; so evaṃ passanto kāmaṃ bahuṃ passatu appakaṃ vā nāmarūpaṃ niccato sukhato ca athassa evarūpena dassanena na hi tena suddhiṃ kusalā vadanti.

    ๑๔๕. นิวิสฺสวาทีติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – เตน จ ทสฺสเนน สุทฺธิยา อสติยาปิ โย ‘‘ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอต’’นฺติ เอวํ นิวิสฺสวาที, เอตํ วา ทสฺสนํ ปฎิจฺจ ทิฎฺฐิยา สุทฺธิํ ปเจฺจโนฺต ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ เอวํ นิวิสฺสวาที, โส สุพฺพินโย น โหติ ตํ ตถา ปกปฺปิตํ อภิสงฺขตํ ทิฎฺฐิํ ปุรกฺขราโนฯ โส หิ ยํ สตฺถาราทิํ นิสฺสิโต, ตเตฺถว สุภํ วทาโน สุทฺธิํ วโท, ‘‘ปริสุทฺธิวาโท ปริสุทฺธิทสฺสโน วา อห’’นฺติ อตฺตานํ มญฺญมาโน ตตฺถ ตถทฺทสา โส, ตตฺถ สกาย ทิฎฺฐิยา อวิปรีตเมว โส อทฺทสฯ ยถา สา ทิฎฺฐิ ปวตฺตติ, ตเถว ตํ อทฺทส, น อญฺญถา ปสฺสิตุํ อิจฺฉตีติ อธิปฺปาโยฯ

    145.Nivissavādīti gāthāya sambandho attho ca – tena ca dassanena suddhiyā asatiyāpi yo ‘‘jānāmi passāmi tatheva eta’’nti evaṃ nivissavādī, etaṃ vā dassanaṃ paṭicca diṭṭhiyā suddhiṃ paccento ‘‘idameva sacca’’nti evaṃ nivissavādī, so subbinayo na hoti taṃ tathā pakappitaṃ abhisaṅkhataṃ diṭṭhiṃ purakkharāno. So hi yaṃ satthārādiṃ nissito, tattheva subhaṃ vadāno suddhiṃ vado, ‘‘parisuddhivādo parisuddhidassano vā aha’’nti attānaṃ maññamāno tattha tathaddasā so, tattha sakāya diṭṭhiyā aviparītameva so addasa. Yathā sā diṭṭhi pavattati, tatheva taṃ addasa, na aññathā passituṃ icchatīti adhippāyo.

    นิวิสฺสวาทีติ ปติฎฺฐหิตฺวา กเถโนฺตฯ ทุพฺพินโยติ วิเนตุํ ทุโกฺขฯ ทุปฺปญฺญาปโยติ ญาเปตุํ จิเตฺตน ลพฺภาเปตุํ ทุโกฺขฯ ทุนฺนิชฺฌาปโยติ จิเตฺตน วีมํสิตฺวา คหณตฺถํ ปุนปฺปุนํ นิชฺฌาปยิตุํ ทุโกฺขฯ ทุเปฺปกฺขาปโยติ อิกฺขาปยิตุํ ทุโกฺขฯ ทุปฺปสาทโยติ จิเตฺต ปสาทํ อุปฺปาเทตุํ ทุโกฺขฯ

    Nivissavādīti patiṭṭhahitvā kathento. Dubbinayoti vinetuṃ dukkho. Duppaññāpayoti ñāpetuṃ cittena labbhāpetuṃ dukkho. Dunnijjhāpayoti cittena vīmaṃsitvā gahaṇatthaṃ punappunaṃ nijjhāpayituṃ dukkho. Duppekkhāpayoti ikkhāpayituṃ dukkho. Duppasādayoti citte pasādaṃ uppādetuṃ dukkho.

    อปฺปสฺสีติ ญาเณน ปฎิเวธํ ปาปุณิฯ ปฎิวิชฺฌีติ จิเตฺตน อวโพธํ ปาปุณิฯ

    Appassīti ñāṇena paṭivedhaṃ pāpuṇi. Paṭivijjhīti cittena avabodhaṃ pāpuṇi.

    ๑๔๖. เอวํ ปกปฺปิตํ ทิฎฺฐิํ ปุรกฺขราเนสุ ติตฺถิเยสุ – น พฺราหฺมโณ กปฺปมุเปติ สงฺขาติ คาถาฯ ตตฺถ สงฺขาติ สงฺขาย, ชานิตฺวาติ อโตฺถฯ นปิ ญาณพนฺธูติ สมาปตฺติญาณาทินา อกตตณฺหาทิฎฺฐิพนฺธุฯ ตตฺถ วิคฺคโห – นาปิ อสฺส ญาเณน กโต พนฺธุ อตฺถีติ นปิ ญาณพนฺธุฯ สมฺมุติโยติ ทิฎฺฐิสมฺมุติโยฯ ปุถุชฺชาติ ปุถุชฺชนสมฺภวาฯ อุคฺคหณนฺติ มเญฺญติ อุคฺคหณนฺติ อเญฺญ, อเญฺญ ตา สมฺมุติโย อุคฺคณฺหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    146. Evaṃ pakappitaṃ diṭṭhiṃ purakkharānesu titthiyesu – na brāhmaṇo kappamupeti saṅkhāti gāthā. Tattha saṅkhāti saṅkhāya, jānitvāti attho. Napi ñāṇabandhūti samāpattiñāṇādinā akatataṇhādiṭṭhibandhu. Tattha viggaho – nāpi assa ñāṇena kato bandhu atthīti napi ñāṇabandhu. Sammutiyoti diṭṭhisammutiyo. Puthujjāti puthujjanasambhavā. Uggahaṇanti maññeti uggahaṇanti aññe, aññe tā sammutiyo uggaṇhantīti vuttaṃ hoti.

    อุเปกฺขตีติ อุปปตฺติโต อปกฺขปติโต หุตฺวา ปสฺสติฯ

    Upekkhatīti upapattito apakkhapatito hutvā passati.

    ๑๔๗. กิญฺจ ภิโยฺย – วิสฺสชฺช คนฺถานีติ คาถาฯ ตตฺถ อนุคฺคโหติ อุคฺคหณวิรหิโต, โสปิ นาสฺส อุคฺคโหติ อนุคฺคโหฯ น วา อุคฺคณฺหาตีติ อนุคฺคโหฯ

    147. Kiñca bhiyyo – vissajja ganthānīti gāthā. Tattha anuggahoti uggahaṇavirahito, sopi nāssa uggahoti anuggaho. Na vā uggaṇhātīti anuggaho.

    คเนฺถ โวสฺสชฺชิตฺวาติ อภิชฺฌาทิเก คเนฺถ จชิตฺวาฯ วิสฺสชฺชาติ ปุน อนาทิยนวเสน ชหิตฺวาฯ คธิเตติ ฆฎิเตฯ คนฺถิเตติ สุเตฺตน สงฺคหิเต วิย คนฺถิเตฯ พเนฺธติ สุฎฺฐุ พเนฺธฯ วิพเนฺธติ วิวิธา พเนฺธฯ ปลิพุเทฺธติ สมนฺตโต พนฺธเนน พเนฺธฯ พนฺธเนติ กิเลสพนฺธเนฯ โผฎยิตฺวาติ ปโปฺผเฎตฺวาฯ สจฺจํ วิสฺสชฺชํ กโรนฺตีติ วิสงฺขริตฺวา อปริโภคํ กโรนฺติฯ วิโกเปนฺตีติ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺติฯ

    Ganthe vossajjitvāti abhijjhādike ganthe cajitvā. Vissajjāti puna anādiyanavasena jahitvā. Gadhiteti ghaṭite. Ganthiteti suttena saṅgahite viya ganthite. Bandheti suṭṭhu bandhe. Vibandheti vividhā bandhe. Palibuddheti samantato bandhanena bandhe. Bandhaneti kilesabandhane. Phoṭayitvāti papphoṭetvā. Saccaṃ vissajjaṃ karontīti visaṅkharitvā aparibhogaṃ karonti. Vikopentīti cuṇṇavicuṇṇaṃ karonti.

    ๑๔๘. กิญฺจ ภิโยฺย – โส เอวรูโป – ปุพฺพาสเวติ คาถาฯ ตตฺถ ปุพฺพาสเวติ อตีตรูปาทีนิ อารพฺภ อุปฺปชฺชนธมฺมกิเลเส ฯ นเวติ ปจฺจุปฺปนฺนรูปาทีนิ อารพฺภ อุปฺปชฺชนธเมฺมฯ น ฉนฺทคูติ ฉนฺทาทิวเสน น คจฺฉติฯ อนตฺตครหีติ กตากตวเสน อตฺตานํ อครหโนฺตฯ

    148. Kiñca bhiyyo – so evarūpo – pubbāsaveti gāthā. Tattha pubbāsaveti atītarūpādīni ārabbha uppajjanadhammakilese . Naveti paccuppannarūpādīni ārabbha uppajjanadhamme. Na chandagūti chandādivasena na gacchati. Anattagarahīti katākatavasena attānaṃ agarahanto.

    ๑๔๙. เอวํ อนตฺตครหี จ – ส สพฺพธเมฺมสูติ คาถาฯ ตตฺถ สพฺพธเมฺมสูติ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิธเมฺมสุ ‘‘ยํ กิญฺจิ ทิฎฺฐํ วา’’ติ เอวํปเภเทสุฯ ปนฺนภาโรติ ปติตภาโรฯ น กเปฺปตีติ น กปฺปิโย, ทุวิธมฺปิ กปฺปํ น กโรตีติ อโตฺถฯ นูปรโตติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกเสกฺขา วิย อุปรติสมงฺคีปิ โน โหติฯ น ปตฺถิโยติ นิตฺตโณฺหฯ ตณฺหา หิ ปตฺถยตีติ ปตฺถิยา, นาสฺส ปตฺถิยาติ น ปตฺถิโยฯ อิโต ปรญฺจ เหฎฺฐา จ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวฯ เอวํ อรหตฺตนิกูเฎเนว เทสนํ นิฎฺฐาเปสิ, เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุเตฺต (มหานิ. ๘๓) วุตฺตสทิโส เอว อภิสมโย อโหสีติฯ

    149. Evaṃ anattagarahī ca – sa sabbadhammesūti gāthā. Tattha sabbadhammesūti dvāsaṭṭhidiṭṭhidhammesu ‘‘yaṃ kiñci diṭṭhaṃ vā’’ti evaṃpabhedesu. Pannabhāroti patitabhāro. Na kappetīti na kappiyo, duvidhampi kappaṃ na karotīti attho. Nūparatoti puthujjanakalyāṇakasekkhā viya uparatisamaṅgīpi no hoti. Na patthiyoti nittaṇho. Taṇhā hi patthayatīti patthiyā, nāssa patthiyāti na patthiyo. Ito parañca heṭṭhā ca tattha tattha vuttanayattā uttānatthameva. Evaṃ arahattanikūṭeneva desanaṃ niṭṭhāpesi, desanāpariyosāne purābhedasutte (mahāni. 83) vuttasadiso eva abhisamayo ahosīti.

    สทฺธมฺมปฺปโชฺชติกาย มหานิเทฺทสฎฺฐกถาย

    Saddhammappajjotikāya mahāniddesaṭṭhakathāya

    มหาพฺยูหสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahābyūhasuttaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / มหานิเทฺทสปาฬิ • Mahāniddesapāḷi / ๑๓. มหาวิยูหสุตฺตนิเทฺทโส • 13. Mahāviyūhasuttaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact