Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๑๓. มหาพฺยูหสุตฺตวณฺณนา

    13. Mahābyūhasuttavaṇṇanā

    ๙๐๒. เย เกจิเมติ มหาพฺยูหสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อิทมฺปิ ตสฺมิํเยว มหาสมเย ‘‘กิํ นุ โข อิเม ทิฎฺฐิปริพฺพสานา วิญฺญูนํ สนฺติกา นินฺทเมว ลภนฺติ, อุทาหุ ปสํสมฺปี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ อาวิกาตุํ ปุริมนเยน นิมฺมิตพุเทฺธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํฯ ตตฺถ อนฺวานยนฺตีติ อนุ อานยนฺติ, ปุนปฺปุนํ อาหรนฺติฯ

    902.Yekecimeti mahābyūhasuttaṃ. Kā uppatti? Idampi tasmiṃyeva mahāsamaye ‘‘kiṃ nu kho ime diṭṭhiparibbasānā viññūnaṃ santikā nindameva labhanti, udāhu pasaṃsampī’’ti uppannacittānaṃ ekaccānaṃ devatānaṃ tamatthaṃ āvikātuṃ purimanayena nimmitabuddhena attānaṃ pucchāpetvā vuttaṃ. Tattha anvānayantīti anu ānayanti, punappunaṃ āharanti.

    ๙๐๓. อิทานิ ยสฺมา เต ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ วทนฺตา ทิฎฺฐิคติกา วาทิโน กทาจิ กตฺถจิ ปสํสมฺปิ ลภนฺติ, ยํ เอตํ ปสํสาสงฺขาตํ วาทผลํ, ตํ อปฺปํ ราคาทีนํ สมาย สมตฺถํ น โหติ, โก ปน วาโท ทุติเย นินฺทาผเล, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อิมํ ตาว วิสฺสชฺชนคาถมาหฯ ‘‘อปฺปญฺหิ เอตํ น อลํ สมาย, ทุเว วิวาทสฺส ผลานิ พฺรูมี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ทุเว วิวาทสฺส ผลานีติ นินฺทา ปสํสา จ, ชยปราชยาทีนิ วา ตํสภาคานิฯ เอตมฺปิ ทิสฺวาติ ‘‘นินฺทา อนิฎฺฐา เอว, ปสํสา นาลํ สมายา’’ติ เอตมฺปิ วิวาทผเล อาทีนวํ ทิสฺวาฯ เขมาภิปสฺสํ อวิวาทภูมินฺติ อวิวาทภูมิํ นิพฺพานํ ‘‘เขม’’นฺติ ปสฺสมาโนฯ

    903. Idāni yasmā te ‘‘idameva sacca’’nti vadantā diṭṭhigatikā vādino kadāci katthaci pasaṃsampi labhanti, yaṃ etaṃ pasaṃsāsaṅkhātaṃ vādaphalaṃ, taṃ appaṃ rāgādīnaṃ samāya samatthaṃ na hoti, ko pana vādo dutiye nindāphale, tasmā etamatthaṃ dassento imaṃ tāva vissajjanagāthamāha. ‘‘Appañhi etaṃ na alaṃ samāya, duve vivādassa phalāni brūmī’’tiādi. Tattha duve vivādassa phalānīti nindā pasaṃsā ca, jayaparājayādīni vā taṃsabhāgāni. Etampi disvāti ‘‘nindā aniṭṭhā eva, pasaṃsā nālaṃ samāyā’’ti etampi vivādaphale ādīnavaṃ disvā. Khemābhipassaṃ avivādabhūminti avivādabhūmiṃ nibbānaṃ ‘‘khema’’nti passamāno.

    ๙๐๔. เอวญฺหิ อวิวทมาโน – ยา กาจิมาติ คาถาฯ ตตฺถ สมฺมุติโยติ ทิฎฺฐิโยฯ ปุถุชฺชาติ ปุถุชฺชนสมฺภวาฯ โส อุปยํ กิเมยฺยาติ โส อุปคนฺตพฺพเฎฺฐน อุปยํ รูปาทีสุ เอกมฺปิ ธมฺมํ กิํ อุเปยฺย, เกน วา การเณน อุเปยฺยฯ ทิเฎฺฐ สุเต ขนฺติมกุพฺพมาโนติ ทิฎฺฐสุตสุทฺธีสุ เปมํ อกโรโนฺตฯ

    904. Evañhi avivadamāno – yā kācimāti gāthā. Tattha sammutiyoti diṭṭhiyo. Puthujjāti puthujjanasambhavā. So upayaṃ kimeyyāti so upagantabbaṭṭhena upayaṃ rūpādīsu ekampi dhammaṃ kiṃ upeyya, kena vā kāraṇena upeyya. Diṭṭhe sute khantimakubbamānoti diṭṭhasutasuddhīsu pemaṃ akaronto.

    ๙๐๕. อิโต พาหิรา ปน – สีลุตฺตมาติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – สีลํเยว ‘‘อุตฺตม’’นฺติ มญฺญมานา สีลุตฺตมา เอเก โภโนฺต สํยมมเตฺตน สุทฺธิํ วทนฺติ, หตฺถิวตาทิญฺจ วตํ สมาทาย อุปฎฺฐิตา, อิเธว ทิฎฺฐิยํ อสฺส สตฺถุโน สุทฺธินฺติ ภวูปนีตา ภวโชฺฌสิตา สมานา วทนฺติ, อปิจ เต กุสลา วทานา ‘‘กุสลา มย’’นฺติ เอวํ วาทาฯ

    905. Ito bāhirā pana – sīluttamāti gāthā. Tassattho – sīlaṃyeva ‘‘uttama’’nti maññamānā sīluttamā eke bhonto saṃyamamattena suddhiṃ vadanti, hatthivatādiñca vataṃ samādāya upaṭṭhitā, idheva diṭṭhiyaṃ assa satthuno suddhinti bhavūpanītā bhavajjhositā samānā vadanti, apica te kusalā vadānā ‘‘kusalā maya’’nti evaṃ vādā.

    ๙๐๖. เอวํ สีลุตฺตเมสุ จ เตสุ ตถา ปฎิปโนฺน โย โกจิ – สเจ จุโตติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – สเจ ตโต สีลวตโต ปรวิจฺฉนฺทเนน วา อนภิสมฺภุณโนฺต วา จุโต โหติ, โส ตํ สีลพฺพตาทิกมฺมํ ปุญฺญาภิสงฺขาราทิกมฺมํ วา วิราธยิตฺวา ปเวธตีฯ น เกวลญฺจ เวธติ, อปิจ โข ตํ สีลพฺพตสุทฺธิํ ปชปฺปตี จ วิปฺปลปติ ปตฺถยตี จฯ กิมิว? สตฺถาว หีโน ปวสํ ฆรมฺหาฯ ฆรมฺหา ปวสโนฺต สตฺถโต หีโน ยถา ตํ ฆรํ วา สตฺถํ วา ปเตฺถยฺยาติฯ

    906. Evaṃ sīluttamesu ca tesu tathā paṭipanno yo koci – sace cutoti gāthā. Tassattho – sace tato sīlavatato paravicchandanena vā anabhisambhuṇanto vā cuto hoti, so taṃ sīlabbatādikammaṃ puññābhisaṅkhārādikammaṃ vā virādhayitvā pavedhatī. Na kevalañca vedhati, apica kho taṃ sīlabbatasuddhiṃ pajappatī ca vippalapati patthayatī ca. Kimiva? Satthāva hīno pavasaṃ gharamhā. Gharamhā pavasanto satthato hīno yathā taṃ gharaṃ vā satthaṃ vā pattheyyāti.

    ๙๐๗. เอวํ ปน สีลุตฺตมานํ เวธการณํ อริยสาวโก – สีลพฺพตํ วาปิ ปหาย สพฺพนฺติ คาถาฯ ตตฺถ สาวชฺชนวชฺชนฺติ สพฺพากุสลํ โลกิยกุสลญฺจฯ เอตํ สุทฺธิํ อสุทฺธินฺติ อปตฺถยาโนติ ปญฺจกามคุณาทิเภทํ เอตํ สุทฺธิํ, อกุสลาทิเภทํ อสุทฺธิญฺจ อปตฺถยมาโนฯ วิรโต จเรติ สุทฺธิยา อสุทฺธิยา จ วิรโต จเรยฺยฯ สนฺติมนุคฺคหายาติ ทิฎฺฐิํ อคเหตฺวาฯ

    907. Evaṃ pana sīluttamānaṃ vedhakāraṇaṃ ariyasāvako – sīlabbataṃ vāpi pahāya sabbanti gāthā. Tattha sāvajjanavajjanti sabbākusalaṃ lokiyakusalañca. Etaṃ suddhiṃ asuddhinti apatthayānoti pañcakāmaguṇādibhedaṃ etaṃ suddhiṃ, akusalādibhedaṃ asuddhiñca apatthayamāno. Virato careti suddhiyā asuddhiyā ca virato careyya. Santimanuggahāyāti diṭṭhiṃ agahetvā.

    ๙๐๘. เอวํ อิโต พาหิรเก สีลุตฺตเม สํยเมน วิสุทฺธิวาเท เตสํ วิฆาตํ สีลพฺพตปฺปหายิโน อรหโต จ ปฎิปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อญฺญถาปิ สุทฺธิวาเท พาหิรเก ทเสฺสโนฺต ‘‘ตมูปนิสฺสายา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – สนฺตเญฺญปิ สมณพฺราหฺมณา, เต ชิคุจฺฉิตํ อมรนฺตปํ วา ทิฎฺฐสุทฺธิอาทีสุ วา อญฺญตรญฺญตรํ อุปนิสฺสาย อกิริยทิฎฺฐิยา วา อุทฺธํสรา หุตฺวา ภวาภเวสุ อวีตตณฺหาเส สุทฺธิมนุตฺถุนนฺติ วทนฺติ กเถนฺตีติฯ

    908. Evaṃ ito bāhirake sīluttame saṃyamena visuddhivāde tesaṃ vighātaṃ sīlabbatappahāyino arahato ca paṭipattiṃ dassetvā idāni aññathāpi suddhivāde bāhirake dassento ‘‘tamūpanissāyā’’ti gāthamāha. Tassattho – santaññepi samaṇabrāhmaṇā, te jigucchitaṃ amarantapaṃ vā diṭṭhasuddhiādīsu vā aññataraññataraṃ upanissāya akiriyadiṭṭhiyā vā uddhaṃsarā hutvā bhavābhavesu avītataṇhāsesuddhimanutthunanti vadanti kathentīti.

    ๙๐๙. เอวํ เตสํ อวีตตณฺหานํ สุทฺธิํ อนุตฺถุนนฺตานํ โยปิ สุทฺธิปฺปตฺตเมว อตฺตานํ มเญฺญยฺย, ตสฺสปิ อวีตตณฺหตฺตา ภวาภเวสุ ตํ ตํ วตฺถุํ ปตฺถยมานสฺส หิ ชปฺปิตานิ ปุนปฺปุนํ โหนฺติเยวาติ อธิปฺปาโยฯ ตณฺหา หิ อาเสวิตา ตณฺหํ วฑฺฒยเตวฯ น เกวลญฺจ ชปฺปิตานิ, ปเวธิตํ วาปิ ปกปฺปิเตสุ, ตณฺหาทิฎฺฐีหิ จสฺส ปกปฺปิเตสุ วตฺถูสุ ปเวธิตมฺปิ โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ ภวาภเวสุ ปน วีตตณฺหตฺตา อายติํ จุตูปปาโต อิธ ยสฺส นตฺถิ, สเกน เวเธยฺย กุหิํว ชเปฺปติ อยเมติสฺสา คาถาย สมฺพโนฺธฯ เสสํ นิเทฺทเส วุตฺตนยเมวฯ

    909. Evaṃ tesaṃ avītataṇhānaṃ suddhiṃ anutthunantānaṃ yopi suddhippattameva attānaṃ maññeyya, tassapi avītataṇhattā bhavābhavesu taṃ taṃ vatthuṃ patthayamānassa hi jappitāni punappunaṃ hontiyevāti adhippāyo. Taṇhā hi āsevitā taṇhaṃ vaḍḍhayateva. Na kevalañca jappitāni, pavedhitaṃ vāpi pakappitesu, taṇhādiṭṭhīhi cassa pakappitesu vatthūsu pavedhitampi hotīti vuttaṃ hoti. Bhavābhavesu pana vītataṇhattā āyatiṃ cutūpapāto idha yassa natthi, sakena vedheyya kuhiṃva jappeti ayametissā gāthāya sambandho. Sesaṃ niddese vuttanayameva.

    ๙๑๐-๑๑. ยมาหูติ ปุจฺฉาคาถาฯ อิทานิ ยสฺมา เอโกปิ เอตฺถ วาโท สโจฺจ นตฺถิ, เกวลํ ทิฎฺฐิมตฺตเกน หิ เต วทนฺติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สกญฺหี’’ติ อิมํ ตาว วิสฺสชฺชนคาถมาหฯ ตตฺถ สมฺมุตินฺติ ทิฎฺฐิํฯ

    910-11.Yamāhūti pucchāgāthā. Idāni yasmā ekopi ettha vādo sacco natthi, kevalaṃ diṭṭhimattakena hi te vadanti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘sakañhī’’ti imaṃ tāva vissajjanagāthamāha. Tattha sammutinti diṭṭhiṃ.

    ๙๑๒. เอวเมเตสุ สกํ ธมฺมํ ปริปุณฺณํ พฺรุวเนฺตสุ อญฺญสฺส ปน ธมฺมํ ‘‘หีน’’นฺติ วทเนฺตสุ ยสฺส กสฺสจิ – ปรสฺส เจ วมฺภยิเตน หีโนติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – ยทิ ปรสฺส นินฺทิตการณา หีโน ภเวยฺย, น โกจิ ธเมฺมสุ วิเสสิ อโคฺค ภเวยฺยฯ กิํ การณํ? ปุถู หิ อญฺญสฺส วทนฺติ ธมฺมํ, นิหีนโต สเพฺพว เต สมฺหิ ทฬฺหํ วทานา สกธเมฺม ทฬฺหวาทา เอวฯ

    912. Evametesu sakaṃ dhammaṃ paripuṇṇaṃ bruvantesu aññassa pana dhammaṃ ‘‘hīna’’nti vadantesu yassa kassaci – parassa ce vambhayitena hīnoti gāthā. Tassattho – yadi parassa ninditakāraṇā hīno bhaveyya, na koci dhammesu visesi aggo bhaveyya. Kiṃ kāraṇaṃ? Puthū hiaññassa vadanti dhammaṃ, nihīnato sabbeva te samhi daḷhaṃ vadānā sakadhamme daḷhavādā eva.

    ๙๑๓. กิญฺจ ภิโยฺย – สทฺธมฺมปูชาติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – เต จ ติตฺถิยา ยถา ปสํสนฺติ สกายนานิ, สทฺธมฺมปูชาปิ เนสํ ตเถว วตฺตติฯ เต หิ อติวิย สตฺถาราทีนิ สกฺกโรนฺติฯ ตตฺถ ยทิ เต ปมาณา สิยุํ, เอวํ สเนฺต สเพฺพว วาทา ตถิยา ภเวยฺยุํฯ กิํ การณํ? สุทฺธี หิ เนสํ ปจฺจตฺตเมว, น สา อญฺญตฺร สิชฺฌติ, นาปิ ปรมตฺถโตฯ อตฺตนิ ทิฎฺฐิคาหมตฺตเมว หิ ตํ เตสํ ปรปจฺจยเนยฺยพุทฺธีนํฯ

    913. Kiñca bhiyyo – saddhammapūjāti gāthā. Tassattho – te ca titthiyā yathā pasaṃsanti sakāyanāni, saddhammapūjāpi nesaṃ tatheva vattati. Te hi ativiya satthārādīni sakkaronti. Tattha yadi te pamāṇā siyuṃ, evaṃ sante sabbeva vādā tathiyā bhaveyyuṃ. Kiṃ kāraṇaṃ? Suddhī hi nesaṃ paccattameva, na sā aññatra sijjhati, nāpi paramatthato. Attani diṭṭhigāhamattameva hi taṃ tesaṃ parapaccayaneyyabuddhīnaṃ.

    ๙๑๔. โย วา ปน วิปรีโต พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, ตสฺส – น พฺราหฺมณสฺส ปรเนยฺยมตฺถีติ คาถาฯ ตสฺสโตฺถ – พฺราหฺมณสฺส หิ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗; เนตฺติ. ๕) นเยน สุทิฎฺฐตฺตา ปเรน เนตพฺพํ ญาณํ นตฺถิ, ทิฎฺฐิธเมฺมสุ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ นิจฺฉินิตฺวา สมุคฺคหีตมฺปิ นตฺถิฯ ตํการณา โส ทิฎฺฐิกลหานิ อตีโต, น จ โส เสฎฺฐโต ปสฺสติ ธมฺมมญฺญํ อญฺญตฺร สติปฎฺฐานาทีหิฯ

    914. Yo vā pana viparīto bāhitapāpattā brāhmaṇo, tassa – na brāhmaṇassa paraneyyamatthīti gāthā. Tassattho – brāhmaṇassa hi ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādinā (dha. pa. 277; netti. 5) nayena sudiṭṭhattā parena netabbaṃ ñāṇaṃ natthi, diṭṭhidhammesu ‘‘idameva sacca’’nti nicchinitvā samuggahītampi natthi. Taṃkāraṇā so diṭṭhikalahāni atīto, na ca so seṭṭhato passati dhammamaññaṃ aññatra satipaṭṭhānādīhi.

    ๙๑๕. ชานามีติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – เอวํ ตาว ปรมตฺถพฺราหฺมโณ น หิ เสฎฺฐโต ปสฺสติ ธมฺมมญฺญํ, อเญฺญ ปน ติตฺถิยา ปรจิตฺตญาณาทีหิ ชานนฺตา ปสฺสนฺตาปิ ‘‘ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอต’’นฺติ เอวํ วทนฺตาปิ จ ทิฎฺฐิยา สุทฺธิํ ปเจฺจนฺติฯ กสฺมา? ยสฺมา เตสุ เอโกปิ อทฺทกฺขิ เจ อทฺทส เจปิ เตน ปรจิตฺตญาณาทินา ยถาภูตํ อตฺถํ, กิญฺหิ ตุมสฺส เตน ตสฺส เตน ทสฺสเนน กิํ กตํ, กิํ ทุกฺขปริญฺญา สาธิตา, อุทาหุ สมุทยปหานาทีนํ อญฺญตรํ, ยโต สพฺพถาปิ อติกฺกมิตฺวา อริยมคฺคํ เต ติตฺถิยา อเญฺญเนว วทนฺติ สุทฺธิํ, อติกฺกมิตฺวา วา เต ติตฺถิเย พุทฺธาทโย อเญฺญเนว วทนฺติ สุทฺธินฺติฯ

    915.Jānāmīti gāthāya sambandho attho ca – evaṃ tāva paramatthabrāhmaṇo na hi seṭṭhato passati dhammamaññaṃ, aññe pana titthiyā paracittañāṇādīhi jānantā passantāpi ‘‘jānāmi passāmi tatheva eta’’nti evaṃ vadantāpi ca diṭṭhiyā suddhiṃ paccenti. Kasmā? Yasmā tesu ekopi addakkhi ce addasa cepi tena paracittañāṇādinā yathābhūtaṃ atthaṃ, kiñhi tumassa tena tassa tena dassanena kiṃ kataṃ, kiṃ dukkhapariññā sādhitā, udāhu samudayapahānādīnaṃ aññataraṃ, yato sabbathāpi atikkamitvā ariyamaggaṃ te titthiyā aññeneva vadanti suddhiṃ, atikkamitvā vā te titthiye buddhādayo aññeneva vadanti suddhinti.

    ๙๑๖. ปสฺสํ นโรติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จฯ กิญฺจ ภิโยฺย? ยฺวายํ ปรจิตฺตญาณาทีหิ อทฺทกฺขิ, โส ปสฺสํ นโร ทกฺขติ นามรูปํ, น ตโต ปรํ ทิสฺวาน วา ญสฺสติ ตานิเมว นามรูปานิ นิจฺจโต สุขโต วา น อญฺญถาฯ โส เอวํ ปสฺสโนฺต กามํ พหุํ ปสฺสตุ อปฺปกํ วา นามรูปํ นิจฺจโต สุขโต จ, อถสฺส เอวรูเปน ทสฺสเนน น หิ เตน สุทฺธิํ กุสลา วทนฺตีติฯ

    916.Passaṃ naroti gāthāya sambandho attho ca. Kiñca bhiyyo? Yvāyaṃ paracittañāṇādīhi addakkhi, so passaṃ naro dakkhati nāmarūpaṃ, na tato paraṃ disvāna vā ñassati tānimeva nāmarūpāni niccato sukhato vā na aññathā. So evaṃ passanto kāmaṃ bahuṃ passatu appakaṃ vā nāmarūpaṃ niccato sukhato ca, athassa evarūpena dassanena na hi tena suddhiṃ kusalā vadantīti.

    ๙๑๗. นิวิสฺสวาทีติ คาถาย สมฺพโนฺธ อโตฺถ จ – เตน จ ทสฺสเนน สุทฺธิยา อสติยาปิ โย ‘‘ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอต’’นฺติ เอวํ นิวิสฺสวาที, เอตํ วา ทสฺสนํ ปฎิจฺจ ทิฎฺฐิยา สุทฺธิํ ปเจฺจโนฺต ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ เอวํ นิวิสฺสวาที, โส สุพฺพินโย น โหติ ตํ ตถา ปกปฺปิตํ อภิสงฺขตํ ทิฎฺฐิํ ปุเรกฺขราโนฯ โส หิ ยํ สตฺถาราทิํ นิสฺสิโต, ตเตฺถว สุภํ วทาโน สุทฺธิํ วโท, ‘‘ปริสุทฺธวาโท ปริสุทฺธทสฺสโน วา อห’’นฺติ อตฺตานํ มญฺญมาโน ตตฺถ ตถทฺทสา โส, ตตฺถ สกาย ทิฎฺฐิยา อวิปรีตเมว โส อทฺทสฯ ยถา สา ทิฎฺฐิ ปวตฺตติ, ตเถว นํ อทฺทส, น อญฺญถา ปสฺสิตุํ อิจฺฉตีติ อธิปฺปาโยฯ

    917.Nivissavādīti gāthāya sambandho attho ca – tena ca dassanena suddhiyā asatiyāpi yo ‘‘jānāmi passāmi tatheva eta’’nti evaṃ nivissavādī, etaṃ vā dassanaṃ paṭicca diṭṭhiyā suddhiṃ paccento ‘‘idameva sacca’’nti evaṃ nivissavādī, so subbinayo na hoti taṃ tathā pakappitaṃ abhisaṅkhataṃ diṭṭhiṃ purekkharāno. So hi yaṃ satthārādiṃ nissito, tattheva subhaṃ vadāno suddhiṃ vado, ‘‘parisuddhavādo parisuddhadassano vā aha’’nti attānaṃ maññamāno tattha tathaddasā so, tattha sakāya diṭṭhiyā aviparītameva so addasa. Yathā sā diṭṭhi pavattati, tatheva naṃ addasa, na aññathā passituṃ icchatīti adhippāyo.

    ๙๑๘. เอวํ ปกปฺปิตํ ทิฎฺฐิํ ปุเรกฺขราเนสุ ติตฺถิเยสุ – น พฺราหฺมโณ กปฺปมุเปติ สงฺขาติ คาถาฯ ตตฺถ สงฺขาติ สงฺขาย, ชานิตฺวาติ อโตฺถฯ นปิ ญาณพนฺธูติ สมาปตฺติญาณาทินา อกตตณฺหาทิฎฺฐิพนฺธุฯ ตตฺถ วิคฺคโห – นาปิ อสฺส ญาเณน กโต พนฺธุ อตฺถีติ นปิ ญาณพนฺธุฯ สมฺมุติโยติ ทิฎฺฐิสมฺมุติโยฯ ปุถุชฺชาติ ปุถุชฺชนสมฺภวาฯ อุคฺคหณนฺติ มเญฺญติ อุคฺคหณนฺติ อเญฺญ, อเญฺญ ตา สมฺมุติโย อุคฺคณฺหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    918. Evaṃ pakappitaṃ diṭṭhiṃ purekkharānesu titthiyesu – na brāhmaṇo kappamupeti saṅkhāti gāthā. Tattha saṅkhāti saṅkhāya, jānitvāti attho. Napi ñāṇabandhūti samāpattiñāṇādinā akatataṇhādiṭṭhibandhu. Tattha viggaho – nāpi assa ñāṇena kato bandhu atthīti napi ñāṇabandhu. Sammutiyoti diṭṭhisammutiyo. Puthujjāti puthujjanasambhavā. Uggahaṇanti maññeti uggahaṇanti aññe, aññe tā sammutiyo uggaṇhantīti vuttaṃ hoti.

    ๙๑๙. กิญฺจ ภิโยฺย – วิสฺสชฺช คนฺถานีติ คาถาฯ ตตฺถ อนุคฺคโหติ อุคฺคหณวิรหิโต, โสปิ นาสฺส อุคฺคโหติ อนุคฺคโห, น วา อุคฺคณฺหาตีติ อนุคฺคโหฯ

    919. Kiñca bhiyyo – vissajja ganthānīti gāthā. Tattha anuggahoti uggahaṇavirahito, sopi nāssa uggahoti anuggaho, na vā uggaṇhātīti anuggaho.

    ๙๒๐. กิญฺจ ภิโยฺย – โส เอวรูโป – ปุพฺพาสเวติ คาถาฯ ตตฺถ ปุพฺพาสเวติ อตีตรูปาทีนิ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานธเมฺม กิเลเสฯ นเวติ ปจฺจุปฺปนฺนรูปาทีนิ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานธเมฺมฯ น ฉนฺทคูติ ฉนฺทาทิวเสน น คจฺฉติฯ อนตฺตครหีติ กตากตวเสน อตฺตานํ อครหโนฺตฯ

    920. Kiñca bhiyyo – so evarūpo – pubbāsaveti gāthā. Tattha pubbāsaveti atītarūpādīni ārabbha uppajjamānadhamme kilese. Naveti paccuppannarūpādīni ārabbha uppajjamānadhamme. Na chandagūti chandādivasena na gacchati. Anattagarahīti katākatavasena attānaṃ agarahanto.

    ๙๒๑. เอวํ อนตฺตครหี จ – ส สพฺพธเมฺมสูติ คาถาฯ ตตฺถ สพฺพธเมฺมสูติ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิธเมฺมสุ ‘‘ยํ กิญฺจิ ทิฎฺฐํ วา’’ติ เอวํปเภเทสุฯ ปนฺนภาโรติ ปติตภาโรฯ น กเปฺปตีติ น กปฺปิโย, ทุวิธมฺปิ กปฺปํ น กโรตีติ อโตฺถฯ นูปรโตติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกเสกฺขา วิย อุปรติสมงฺคีปิ น โหติฯ น ปตฺถิโยติ นิตฺตโณฺหฯ ตณฺหา หิ ปตฺถิยตีติ ปตฺถิยา, นาสฺส ปตฺถิยาติ น ปตฺถิโยติฯ เสสํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฎเมวาติ น วุตฺตํฯ เอวํ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิ, เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุเตฺต วุตฺตสทิโส เอวาภิสมโย อโหสีติฯ

    921. Evaṃ anattagarahī ca – sa sabbadhammesūti gāthā. Tattha sabbadhammesūti dvāsaṭṭhidiṭṭhidhammesu ‘‘yaṃ kiñci diṭṭhaṃ vā’’ti evaṃpabhedesu. Pannabhāroti patitabhāro. Na kappetīti na kappiyo, duvidhampi kappaṃ na karotīti attho. Nūparatoti puthujjanakalyāṇakasekkhā viya uparatisamaṅgīpi na hoti. Na patthiyoti nittaṇho. Taṇhā hi patthiyatīti patthiyā, nāssa patthiyāti na patthiyoti. Sesaṃ tattha tattha pākaṭamevāti na vuttaṃ. Evaṃ arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi, desanāpariyosāne purābhedasutte vuttasadiso evābhisamayo ahosīti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย มหาพฺยูหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya mahābyūhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑๓. มหาพฺยูหสุตฺตํ • 13. Mahābyūhasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact