Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๗. มหาจตฺตารีสกสุตฺตวณฺณนา

    7. Mahācattārīsakasuttavaṇṇanā

    ๑๓๖. โทเสหิ อารกาติ อริยํฯ เตนาห ‘‘นิโทฺทส’’นฺติฯ สา ปน นิโทฺทสตา โลกุตฺตรภาเวน สวิเสสาติ อาห ‘‘โลกุตฺตร’’นฺติฯ สมฺมา สุนฺทโร ปสโตฺถ นิยฺยานิโก สมาธิ สมฺมาสมาธีติ อาห – ‘‘สมฺมาสมาธินฺติ มคฺคสมาธิ’’นฺติฯ อุปนิสีทติ เอตฺถ ผลํ ตปฺปฎิพทฺธวุตฺติตายาติ อุปนิสํ, การณนฺติ อาห – ‘‘สอุปนิสนฺติ สปฺปจฺจย’’นฺติฯ ปริกโรติ ปริวาเรตีติ ปริกฺขาโรติ อาห – ‘‘สปริกฺขารนฺติ สปริวาร’’นฺติฯ

    136. Dosehi ārakāti ariyaṃ. Tenāha ‘‘niddosa’’nti. Sā pana niddosatā lokuttarabhāvena savisesāti āha ‘‘lokuttara’’nti. Sammā sundaro pasattho niyyāniko samādhi sammāsamādhīti āha – ‘‘sammāsamādhinti maggasamādhi’’nti. Upanisīdati ettha phalaṃ tappaṭibaddhavuttitāyāti upanisaṃ, kāraṇanti āha – ‘‘saupanisanti sappaccaya’’nti. Parikaroti parivāretīti parikkhāroti āha – ‘‘saparikkhāranti saparivāra’’nti.

    ปริวาริตาติ สหชาตาทิปจฺจยภาเวน ปริวารเนฺตหิ วิย อุปคตาฯ ปุเรจาริกาติ วุฎฺฐานคามินิภาวนา สหชาตาทิปจฺจยวเสน ปจฺจยตฺตา ปุรสฺสราฯ เตนาห – ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฎฺฐิ จา’’ติฯ อิทานิ ตานิ กิจฺจโต ทเสฺสตุํ, ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฎฺฐี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปริวีมํสคฺคหณํ ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตุปฺปาเท วีมํสาธิปเตเยฺยน ปวตฺติยา สมฺมาทิฎฺฐิยา ปุพฺพงฺคมภาวทสฺสนตฺถํฯ เตนสฺส มคฺคสมาธิสฺส นานาขณิกํ ปุพฺพงฺคมภาวํ ทเสฺสติฯ วีมํสนปริโยสาเนติ ตถาปวตฺตอนุโลมญาณสฺส โอสาเนฯ ภูมิลทฺธํ วฎฺฎํ สมุคฺฆาฎยมานาติ อตฺตโน สนฺตาเน ทีฆรตฺตํ อนุสยิตํ กิเลสวฎฺฎํ สมุจฺฉินฺทนฺติฯ วูปสมยมานาติ ตเสฺสว เววจนํฯ วูปสมยมานาติ วา ตโต เอว อวสิฎฺฐมฺปิ วฎฺฎํ อปฺปวตฺติกรณวเสน วูปสเมนฺติฯ เตเนวาห – ‘‘มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… อุปฺปชฺชตี’’ติฯ สาติ สมฺมาทิฎฺฐิฯ ทุวิธาปีติ ยถาวุตฺตา ทุวิธาปิฯ อิธ อธิเปฺปตา วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย กิจฺจสฺส ทสฺสิตตฺตาฯ

    Parivāritāti sahajātādipaccayabhāvena parivārantehi viya upagatā. Purecārikāti vuṭṭhānagāminibhāvanā sahajātādipaccayavasena paccayattā purassarā. Tenāha – ‘‘vipassanāsammādiṭṭhi cā’’ti. Idāni tāni kiccato dassetuṃ, ‘‘vipassanāsammādiṭṭhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha parivīmaṃsaggahaṇaṃ tattha tattha cittuppāde vīmaṃsādhipateyyena pavattiyā sammādiṭṭhiyā pubbaṅgamabhāvadassanatthaṃ. Tenassa maggasamādhissa nānākhaṇikaṃ pubbaṅgamabhāvaṃ dasseti. Vīmaṃsanapariyosāneti tathāpavattaanulomañāṇassa osāne. Bhūmiladdhaṃ vaṭṭaṃ samugghāṭayamānāti attano santāne dīgharattaṃ anusayitaṃ kilesavaṭṭaṃ samucchindanti. Vūpasamayamānāti tasseva vevacanaṃ. Vūpasamayamānāti vā tato eva avasiṭṭhampi vaṭṭaṃ appavattikaraṇavasena vūpasamenti. Tenevāha – ‘‘maggasammādiṭṭhi…pe… uppajjatī’’ti. ti sammādiṭṭhi. Duvidhāpīti yathāvuttā duvidhāpi. Idha adhippetā vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya kiccassa dassitattā.

    ลกฺขเณ ปฎิวิชฺฌมาเน ลกฺขณิโก ธโมฺม ปฎิวิโทฺธ โหตีติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิํ…เป.… อารมฺมณโต ปชานาตี’’ติฯ วิปสฺสนาสมฺมาทิฎฺฐิยมฺปิ เอเสว นโยฯ กิจฺจโตติ ภาวนากิจฺจโตฯ สมฺมาทิฎฺฐิยํ ตทธิคตอสโมฺมหตาย อสโมฺมหโต ปชานาติฯ กิจฺจโตติ ปฎิเวธกิจฺจโตฯ ตํ ปน สพฺพถา อสมฺมุยฺหนเมวาติ อาห ‘‘อสโมฺมหโต’’ติฯ เอวํ ปชานนาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ ยาถาวโต อวโพโธฯ อสฺสาติ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺสฯ

    Lakkhaṇe paṭivijjhamāne lakkhaṇiko dhammo paṭividdho hotīti āha – ‘‘micchādiṭṭhiṃ…pe… ārammaṇato pajānātī’’ti. Vipassanāsammādiṭṭhiyampi eseva nayo. Kiccatoti bhāvanākiccato. Sammādiṭṭhiyaṃ tadadhigataasammohatāya asammohato pajānāti. Kiccatoti paṭivedhakiccato. Taṃ pana sabbathā asammuyhanamevāti āha ‘‘asammohato’’ti. Evaṃ pajānanāti micchādiṭṭhi micchādiṭṭhīti yāthāvato avabodho. Assāti taṃsamaṅgino puggalassa.

    ทฺวายนฺติ -กาโร ทีฆํ กตฺวา วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ทฺวยํ วทามี’’ติฯ เทฺว อวยวา เอตสฺสาติ ทฺวยํฯ เตนาห ‘‘ทุวิธโกฎฺฐาสํ วทามี’’ติฯ ปุญฺญสฺส เอโก ภาโค โส เอว ปุญฺญภาคิโก , ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘ปุญฺญภาคิยา’’ติ วุตฺตํฯ อุปธิสงฺขาตสฺสาติ ขนฺธปพนฺธสงฺขาตสฺสฯ

    Dvāyanti -kāro dīghaṃ katvā vutto. Tenāha ‘‘dvayaṃ vadāmī’’ti. Dve avayavā etassāti dvayaṃ. Tenāha ‘‘duvidhakoṭṭhāsaṃ vadāmī’’ti. Puññassa eko bhāgo so eva puññabhāgiko , ka-kārassa ya-kāraṃ katvā itthiliṅgavasena ‘‘puññabhāgiyā’’ti vuttaṃ. Upadhisaṅkhātassāti khandhapabandhasaṅkhātassa.

    อมตทฺวารนฺติ อริยมคฺคํฯ ปญฺญเปตีติ นิยฺยานาทิปการโต ปญฺญเปติฯ เตนาห ‘‘วิภชิตฺวา ทเสฺสตี’’ติฯ ตตฺถ สโมฺมหสฺส วิทฺธํสเนน อสโมฺมหโต ทเสฺสติฯ ตสฺมิํ อเตฺถติ อมตทฺวารปญฺญาปเน อเตฺถฯ โพชฺฌงฺคปฺปตฺตาติ โพชฺฌงฺคภาวปฺปตฺตาฯ มคฺคภาเวน นิยฺยานภาเวน ปวตฺติยา มคฺคปญฺญาย อฎฺฐนฺนมฺปิ สาธารณตฺตา สมุทายสฺส จ อวยโว องฺคนฺติ กตฺวา เสสธเมฺม องฺคิกภาเวน ทเสฺสโนฺต ‘‘อริยมคฺคสฺส องฺค’’นฺติ อาหฯ โส ภิกฺขูติ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐี’’ติ สมฺมาทิฎฺฐิํ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐี’’ติ ชานโนฺต ภิกฺขุฯ ปชหนตฺถายาติ สมุเจฺฉทวเสน ปชหนายฯ ปฎิลาภตฺถายาติ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา อธิคมายฯ กุสลวายาโมติ วิปสฺสนาสมฺปยุโตฺตว โกสลฺลสมฺภูโต วายาโมฯ สรตีติ สโต, ตํ ปนสฺส สรณํ สติสมงฺคิตายาติ อาห ‘‘สติยา สมนฺนาคโต’’ติฯ กามเญฺจตฺถ วิปสฺสนาสมฺมาทิฎฺฐิํ ยถาภูตา สมฺมาวายามสติโย สหชาตา จ ปุเรชาตา จ หุตฺวา ปริวาเรนฺติ, ‘‘อิติยิเม ตโย ธมฺมา สมฺมาทิฎฺฐิํ อนุปริธาวนฺติ อนุปริวตฺตนฺตี’’ติ ปน วจนโต, ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทินา มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา เอว เสสธมฺมานํ ยถารหํ สหจรณภาเวน ปริวารณํ โยชิตํฯ สมฺมาสงฺกปฺปาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวานํ คหณํ อิตเรสํ ปริวารภาเวน คหิตตฺตา ฯ น หิ สกฺกา เต เอว ปริวาเร ปริวารวเนฺต จ กตฺวา วตฺตุํ สงฺกรโต สโมฺมหชนนโต จฯ ตโยติ สมฺมาทิฎฺฐิวายามสติโย สหชาตปริวาราว โหนฺติ มคฺคกฺขณิกานํ เตสํ อธิเปฺปตตฺตา วิปสฺสนาขณวิรตีนํ อสมฺภวโตฯ

    Amatadvāranti ariyamaggaṃ. Paññapetīti niyyānādipakārato paññapeti. Tenāha ‘‘vibhajitvā dassetī’’ti. Tattha sammohassa viddhaṃsanena asammohato dasseti. Tasmiṃ attheti amatadvārapaññāpane atthe. Bojjhaṅgappattāti bojjhaṅgabhāvappattā. Maggabhāvena niyyānabhāvena pavattiyā maggapaññāya aṭṭhannampi sādhāraṇattā samudāyassa ca avayavo aṅganti katvā sesadhamme aṅgikabhāvena dassento ‘‘ariyamaggassa aṅga’’nti āha. So bhikkhūti micchādiṭṭhiṃ ‘‘micchādiṭṭhī’’ti sammādiṭṭhiṃ ‘‘sammādiṭṭhī’’ti jānanto bhikkhu. Pajahanatthāyāti samucchedavasena pajahanāya. Paṭilābhatthāyāti maggasammādiṭṭhiyā adhigamāya. Kusalavāyāmoti vipassanāsampayuttova kosallasambhūto vāyāmo. Saratīti sato, taṃ panassa saraṇaṃ satisamaṅgitāyāti āha ‘‘satiyā samannāgato’’ti. Kāmañcettha vipassanāsammādiṭṭhiṃ yathābhūtā sammāvāyāmasatiyo sahajātā ca purejātā ca hutvā parivārenti, ‘‘itiyime tayo dhammā sammādiṭṭhiṃ anuparidhāvanti anuparivattantī’’ti pana vacanato, ‘‘ettha hī’’tiādinā maggasammādiṭṭhiyā eva sesadhammānaṃ yathārahaṃ sahacaraṇabhāvena parivāraṇaṃ yojitaṃ. Sammāsaṅkappādīnanti ādi-saddena sammāvācākammantājīvānaṃ gahaṇaṃ itaresaṃ parivārabhāvena gahitattā . Na hi sakkā te eva parivāre parivāravante ca katvā vattuṃ saṅkarato sammohajananato ca. Tayoti sammādiṭṭhivāyāmasatiyo sahajātaparivārāva honti maggakkhaṇikānaṃ tesaṃ adhippetattā vipassanākhaṇaviratīnaṃ asambhavato.

    ๑๓๗. ตกฺกนวเสน โลกสิเทฺธนาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘เอวเญฺจวญฺจ ภวิตพฺพ’’นฺติ วิวิธํ ตกฺกนํ กูเป วิย อุทกสฺส อารมฺมณสฺส อากฑฺฒนํ วิตกฺกนํ วิตโกฺกฯ สงฺกปฺปนวเสนาติ ตํ ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา กปฺปนวเสนฯ ตกฺกนํ กปฺปนนฺติ จ อตํสหชาตานเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอกโคฺคติ อิมินา สมาธินา ลทฺธุปการเสฺสว วิตกฺกสฺส อปฺปนาปริยาโย โหตีติ ทเสฺสติฯ วิเสเสน วา อปฺปนา วิตกฺกสฺส วเสน จิตฺตํ อารมฺมณํ อภิโรเปติ, วิตเกฺก อสติ กถนฺติ อาห ‘‘วิตเกฺก ปนา’’ติอาทิฯ อตฺตโนเยว ธมฺมตาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อภิรุหตีติ, เอเตน อารมฺมณธมฺมานํ คหณํ นาม สภาวสิทฺธํ, น ธมฺมนฺตรมเปกฺขติ, วิตโกฺก ปน ปวตฺตมาโน อารมฺมณาภินิโรปนวเสเนว ปวตฺตตีติ ทเสฺสติฯ เอวํ สเนฺตปิ สภาวาวิตกฺกจิตฺตุปฺปาทโต สวิตกฺกจิตฺตุปฺปาทสฺส อารมฺมณคฺคหณวิเสโส วิตเกฺกน ชาโตติ กตฺวา วิตโกฺก จิตฺตสฺส อารมฺมณคฺคหเณ วิเสสปจฺจโยติ ปากโฎยมโตฺถฯ อปเร ปน ภณนฺติ – ยถา โกจิ ราชวลฺลภํ, ตํสมฺพนฺธีนํ มิตฺตํ วา นิสฺสาย ราชเคหํ อาโรหติ อนุปวิสติ, เอวํ วิตกฺกํ นิสฺสาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ วิตกฺกสฺส อารมฺมณาภินิโรปนสภาวตฺตา, อเญฺญสํ ธมฺมานญฺจ อวิตกฺกสภาวโตฯ เตนาห ภควา – ‘‘เจตโส อภินิโรปนา’’ติ (ธ. ส. ๗)ฯ

    137.Takkanavasena lokasiddhenāti adhippāyo. ‘‘Evañcevañca bhavitabba’’nti vividhaṃ takkanaṃ kūpe viya udakassa ārammaṇassa ākaḍḍhanaṃ vitakkanaṃ vitakko. Saṅkappanavasenāti taṃ taṃ ārammaṇaṃ gahetvā kappanavasena. Takkanaṃ kappananti ca ataṃsahajātānamevāti daṭṭhabbaṃ. Ekaggoti iminā samādhinā laddhupakārasseva vitakkassa appanāpariyāyo hotīti dasseti. Visesena vā appanā vitakkassa vasena cittaṃ ārammaṇaṃ abhiropeti, vitakke asati kathanti āha ‘‘vitakke panā’’tiādi. Attanoyeva dhammatāya cittaṃ ārammaṇaṃ abhiruhatīti, etena ārammaṇadhammānaṃ gahaṇaṃ nāma sabhāvasiddhaṃ, na dhammantaramapekkhati, vitakko pana pavattamāno ārammaṇābhiniropanavaseneva pavattatīti dasseti. Evaṃ santepi sabhāvāvitakkacittuppādato savitakkacittuppādassa ārammaṇaggahaṇaviseso vitakkena jātoti katvā vitakko cittassa ārammaṇaggahaṇe visesapaccayoti pākaṭoyamattho. Apare pana bhaṇanti – yathā koci rājavallabhaṃ, taṃsambandhīnaṃ mittaṃ vā nissāya rājagehaṃ ārohati anupavisati, evaṃ vitakkaṃ nissāya cittaṃ ārammaṇaṃ ārohati vitakkassa ārammaṇābhiniropanasabhāvattā, aññesaṃ dhammānañca avitakkasabhāvato. Tenāha bhagavā – ‘‘cetaso abhiniropanā’’ti (dha. sa. 7).

    ยทิ เอวํ กถํ อวิตกฺกจิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหตีติ? วิตกฺกพเลเนวฯ ยถา หิ โส ปุริโส ปริจเยน เตน วินาปิ นิราสโงฺก ราชเคหํ ปวิสติ, เอวํ ปริจเยน วิตเกฺกน วินาปิ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติฯ ปริจเยนาติ จ สนฺตาเน ปวตฺตวิตกฺกภาวนาสงฺขาเตน ปริจเยนฯ วิตกฺกสฺส หิ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตสฺส วเสน จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิรุหนํ จิรปริจิตํ; เตน ตํ กทาจิ วิตเกฺกน วินาปิ ตตฺถ ปวตฺตเตว; ยถา ญาณสหคตํ จิตฺตํ สมฺมสนวเสน จิรปริจิตํ กทาจิ ญาณรหิตมฺปิ สมฺมสนวเสน ปวตฺตติ; ยถา วา กิเลสสหิตํ หุตฺวา ปวตฺตํ สพฺพโส กิเลสรหิตมฺปิ ปริจเยน กิเลสวาสนาวเสน ปวตฺตติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Yadi evaṃ kathaṃ avitakkacittaṃ ārammaṇaṃ ārohatīti? Vitakkabaleneva. Yathā hi so puriso paricayena tena vināpi nirāsaṅko rājagehaṃ pavisati, evaṃ paricayena vitakkena vināpi avitakkaṃ cittaṃ ārammaṇaṃ ārohati. Paricayenāti ca santāne pavattavitakkabhāvanāsaṅkhātena paricayena. Vitakkassa hi santāne abhiṇhaṃ pavattassa vasena cittassa ārammaṇābhiruhanaṃ ciraparicitaṃ; tena taṃ kadāci vitakkena vināpi tattha pavattateva; yathā ñāṇasahagataṃ cittaṃ sammasanavasena ciraparicitaṃ kadāci ñāṇarahitampi sammasanavasena pavattati; yathā vā kilesasahitaṃ hutvā pavattaṃ sabbaso kilesarahitampi paricayena kilesavāsanāvasena pavattati, evaṃ sampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ.

    วาจํ สงฺขโรตีติ วาจํ อุปฺปาเทติ, วจีโฆสุปฺปตฺติยา วิเสสปจฺจโย โหตีติ อโตฺถฯ โลกิยวิตโกฺก ทฺวตฺติํสจิตฺตสหคโต วาจํ สงฺขโรติ วจีวิญฺญตฺติชนนโตฯ วจีสงฺขาโรเตฺวว ปนสฺส นามํ โหติ รุฬฺหิโต, ตํสมตฺถตานิโรธโต วา สมฺภวโต ปน สงฺขาโรติฯ ‘‘โลกุตฺตรสมฺมาสงฺกปฺปํ ปริวาเรนฺตี’’ติ วตฺวา ติวิเธ สมฺมาสงฺกเปฺป กทาจิ กตมํ ปริวาเรนฺตีติ? โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิฯ นานาจิเตฺตสุ ลพฺภนฺติ นานาสมนฺนาหารเหตุกตฺตา, ปุพฺพภาเคเยว จ เต อุปฺปชฺชนฺตีติฯ ตีณิ นามานิ ลภติ ติวิธสฺสปิ ปฎิปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน สาติสยํ ติณฺณมฺปิ กิจฺจกรณโตฯ เอส นโย สมฺมาวาจาทีสุปิฯ

    Vācaṃ saṅkharotīti vācaṃ uppādeti, vacīghosuppattiyā visesapaccayo hotīti attho. Lokiyavitakko dvattiṃsacittasahagato vācaṃ saṅkharoti vacīviññattijananato. Vacīsaṅkhārotveva panassa nāmaṃ hoti ruḷhito, taṃsamatthatānirodhato vā sambhavato pana saṅkhāroti. ‘‘Lokuttarasammāsaṅkappaṃ parivārentī’’ti vatvā tividhe sammāsaṅkappe kadāci katamaṃ parivārentīti? Codanaṃ sandhāyāha ‘‘etthā’’tiādi. Nānācittesu labbhanti nānāsamannāhārahetukattā, pubbabhāgeyeva ca te uppajjantīti. Tīṇi nāmāni labhati tividhassapi paṭipakkhassa samucchindanena sātisayaṃ tiṇṇampi kiccakaraṇato. Esa nayo sammāvācādīsupi.

    ๑๓๘. วิรมติ เอตายาติ เวรมณี วิรติ วุจฺจติฯ สา มุสาวาทโต วิรมณสฺส การณภาวโต เจตนาปิ เวรสฺส มณนโต วินาสนโต วิรติปีติ อาห – ‘‘วิรติปิ เจตนาปิ วฎฺฎตี’’ติฯ อารกา รมตีติ สมุจฺฉิเนฺนหิ ทูรโต สมุสฺสาเรติฯ วินา เตหิ รมตีติ อจฺจนฺตเมว เตหิ วินา ภวติฯ ตโต ตโตติ ทิเฎฺฐ อทิฎฺฐวาทาทิโต มุสาวาทาฯ วิเสสโต อนุปฺปตฺติธมฺมตฺตา ปฎินิวตฺตา หุตฺวา

    138. Viramati etāyāti veramaṇī virati vuccati. Sā musāvādato viramaṇassa kāraṇabhāvato cetanāpi verassa maṇanato vināsanato viratipīti āha – ‘‘viratipi cetanāpi vaṭṭatī’’ti. Ārakā ramatīti samucchinnehi dūrato samussāreti. Vinā tehi ramatīti accantameva tehi vinā bhavati. Tato tatoti diṭṭhe adiṭṭhavādādito musāvādā. Visesato anuppattidhammattā paṭinivattā hutvā.

    ๑๔๐. ติวิเธน กุหนวตฺถุนาติ ปจฺจยปฎิเสวน-สามนฺตชปฺปน-อิริยาปถปวตฺตนสงฺขาเตน ปาปิจฺฉตา นิพฺพเตฺตน ติวิเธน กุหนวตฺถุนาฯ เอตาย กุหนาย กรณภูตาย ปจฺจยุปฺปาทนตฺถํ นิมิตฺตํ สีลํ เอเตสนฺติ โยชนาฯ อตฺตวิสยลาภเหตุ อโกฺกสนขุํสนวมฺภนาทิวเสน ปิสนํ ฆฎฺฎนํ วิเหฐนํ นิเปฺปโสฯ อิโต ลทฺธํ อญฺญสฺส, ตโต ลทฺธํ ปรสฺส ทตฺวา เอวํ ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสตีติ ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสนาฯ ปาฬิยํ อาคโต กุหนาทิวเสน มิจฺฉาอาชีโวฯ โก ปน โสติ อาห ‘‘อาชีวเหตู’’ติอาทิฯ ตาสํเยวาติ อวธารณํ, ‘‘อาชีโว กุปฺปมาโน กายวจีทฺวาเรสุ เอว กุปฺปตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    140.Tividhena kuhanavatthunāti paccayapaṭisevana-sāmantajappana-iriyāpathapavattanasaṅkhātena pāpicchatā nibbattena tividhena kuhanavatthunā. Etāya kuhanāya karaṇabhūtāya paccayuppādanatthaṃ nimittaṃ sīlaṃ etesanti yojanā. Attavisayalābhahetu akkosanakhuṃsanavambhanādivasena pisanaṃ ghaṭṭanaṃ viheṭhanaṃ nippeso. Ito laddhaṃ aññassa, tato laddhaṃ parassa datvā evaṃ lābhena lābhaṃ nijigīṃsatīti lābhena lābhaṃ nijigīṃsanā. Pāḷiyaṃ āgato kuhanādivasena micchāājīvo. Ko pana soti āha ‘‘ājīvahetū’’tiādi. Tāsaṃyevāti avadhāraṇaṃ, ‘‘ājīvo kuppamāno kāyavacīdvāresu eva kuppatī’’ti katvā vuttaṃ.

    ๑๔๑. สมฺมา ปสตฺถา โสภนา นิยฺยานิกา ทิฎฺฐิ เอตสฺสาติ สมฺมาทิฎฺฐิ, ปุคฺคโลฯ ตสฺส ปน ยสฺมา สมฺมาทิฎฺฐิ สจฺจาภิสมยสฺส นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย อวสฺสโย, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยํ ฐิตสฺสา’’ติฯ ปโหติ ภวติ ตาย สเหว อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติฯ ปจฺจเวกฺขณญาณํ ยาถาวโต ชานนเฎฺฐน สมฺมาญาณนฺติ อิธาธิเปฺปตํ, ตญฺจ โข มคฺคสมาธิมฺหิ ฐิเต เอว โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ อาห – ‘‘มคฺคสมฺมาสมาธิมฺหิ…เป.… สมฺมาญาณํ ปโหตี’’ติอาทิฯ อิมินา กิํ ทเสฺสตีติ? ยถา มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยํ ฐิโต ปุคฺคโล, ‘‘สมฺมาทิฎฺฐี’’ติ วุโตฺต, เอวํ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณญาเณ ฐิโต, ‘‘สมฺมาญาโณ’’ติ วุโตฺต, ตสฺส จ มคฺคผลสมฺมาสมาธิปวตฺติยา ปโหติ สมฺมาญาณสฺส สมฺมาวิมุตฺติยา ปโหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ ผลสมาธิ ตาว ปวตฺตตุ, มคฺคสมาธิ ปน กถนฺติ? ตมฺปิ อกุปฺปภาวตาย อจฺจนฺตสมาธิภาวโต กิจฺจนิปฺผตฺติยา ปวตฺตเตวาติ วตฺตพฺพตํ ลภติฯ ฐเปตฺวา อฎฺฐผลงฺคานีติ ผลภูตานิ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิ อฎฺฐงฺคานิ, ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส สมฺมาสงฺกโปฺป ปโหตี’’ติอาทินา วิสุํ คหิตตฺตา ฐเปตฺวาฯ สมฺมาญาณํ ปจฺจเวกฺขณํ กตฺวาติ ปจฺจเวกฺขณญาณํ สมฺมาญาณํ กตฺวาฯ ผลํ กาตุนฺติ ผลธมฺมสหจริตตาย วิปากสภาวตาย จ ‘‘ผล’’นฺติ ลทฺธนาเม ผลสมฺปยุตฺตธเมฺม สมฺมาวิมุตฺติํ กาตุํ วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ ตถา จ วุตฺตํ สเลฺลขสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๘๓) ‘‘ผลสมฺปยุตฺตานิ ปน สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิ อฎฺฐงฺคานิ ฐเปตฺวา เสสธมฺมา สมฺมาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา’’ติฯ

    141. Sammā pasatthā sobhanā niyyānikā diṭṭhi etassāti sammādiṭṭhi, puggalo. Tassa pana yasmā sammādiṭṭhi saccābhisamayassa nibbānasacchikiriyāya avassayo, tasmā vuttaṃ – ‘‘maggasammādiṭṭhiyaṃ ṭhitassā’’ti. Pahoti bhavati tāya saheva uppajjati pavattati. Paccavekkhaṇañāṇaṃ yāthāvato jānanaṭṭhena sammāñāṇanti idhādhippetaṃ, tañca kho maggasamādhimhi ṭhite eva hotīti imamatthaṃ dassetuṃ āha – ‘‘maggasammāsamādhimhi…pe… sammāñāṇaṃ pahotī’’tiādi. Iminā kiṃ dassetīti? Yathā maggasammādiṭṭhiyaṃ ṭhito puggalo, ‘‘sammādiṭṭhī’’ti vutto, evaṃ maggaphalapaccavekkhaṇañāṇe ṭhito, ‘‘sammāñāṇo’’ti vutto, tassa ca maggaphalasammāsamādhipavattiyā pahoti sammāñāṇassa sammāvimuttiyā pahotīti imamatthaṃ dasseti. Phalasamādhi tāva pavattatu, maggasamādhi pana kathanti? Tampi akuppabhāvatāya accantasamādhibhāvato kiccanipphattiyā pavattatevāti vattabbataṃ labhati. Ṭhapetvā aṭṭhaphalaṅgānīti phalabhūtāni sammādiṭṭhiādīni aṭṭhaṅgāni, ‘‘sammādiṭṭhissa sammāsaṅkappo pahotī’’tiādinā visuṃ gahitattā ṭhapetvā. Sammāñāṇaṃ paccavekkhaṇaṃ katvāti paccavekkhaṇañāṇaṃ sammāñāṇaṃ katvā. Phalaṃ kātunti phaladhammasahacaritatāya vipākasabhāvatāya ca ‘‘phala’’nti laddhanāme phalasampayuttadhamme sammāvimuttiṃ kātuṃ vaṭṭatīti vuttaṃ. Tathā ca vuttaṃ sallekhasuttavaṇṇanāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.83) ‘‘phalasampayuttāni pana sammādiṭṭhiādīni aṭṭhaṅgāni ṭhapetvā sesadhammā sammāvimuttīti veditabbā’’ti.

    ๑๔๒. นิชฺชิณฺณาติ นิชฺชีริตา, วิทฺธสฺตา วินาสิตาติ อโตฺถฯ ผลํ กถิตนฺติ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฎฺฐิ นิชฺชิณฺณา โหตี’’ติ อิมินา วาเรน สามญฺญผลํ กถิตนฺติ วทนฺติ, นิชฺชีรณํ ปฎิปฺปสฺสมฺภนนฺติ อธิปฺปาโยฯ นิชฺชีรณํ ปน สมุจฺฉินฺทนนฺติ กตฺวา, มชฺฌิมภาณกา…เป.… มโคฺค กถิโตติ วทนฺติฯ ทสฺสนเฎฺฐนาติ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน จตุนฺนํ สจฺจานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนเฎฺฐนฯ วิทิตกรณเฎฺฐนาติ ปจฺจเกฺขน ยถาทิฎฺฐานํ มคฺคผลานํ ปากฎกรณเฎฺฐนฯ ตทธิมุตฺตเฎฺฐนาติ ตสฺมิํ ยถาสจฺฉิกเต นิพฺพาเน อธิมุจฺจนภาเวนฯ

    142.Nijjiṇṇāti nijjīritā, viddhastā vināsitāti attho. Phalaṃ kathitanti ‘‘sammādiṭṭhissa, bhikkhave, micchādiṭṭhi nijjiṇṇā hotī’’ti iminā vārena sāmaññaphalaṃ kathitanti vadanti, nijjīraṇaṃ paṭippassambhananti adhippāyo. Nijjīraṇaṃ pana samucchindananti katvā, majjhimabhāṇakā…pe… maggo kathitoti vadanti. Dassanaṭṭhenāti pariññābhisamayādivasena catunnaṃ saccānaṃ paccakkhato dassanaṭṭhena. Viditakaraṇaṭṭhenāti paccakkhena yathādiṭṭhānaṃ maggaphalānaṃ pākaṭakaraṇaṭṭhena. Tadadhimuttaṭṭhenāti tasmiṃ yathāsacchikate nibbāne adhimuccanabhāvena.

    กุสลปกฺขาติ อนวชฺชโกฎฺฐาสาฯ มหาวิปากทาเนนาติ มหโต วิปุลสฺส โลกุตฺตรสฺส สุขวิปากสฺส เจว กายิกาทิทุกฺขวิปากสฺส จ ทาเนนฯ

    Kusalapakkhāti anavajjakoṭṭhāsā. Mahāvipākadānenāti mahato vipulassa lokuttarassa sukhavipākassa ceva kāyikādidukkhavipākassa ca dānena.

    ยถา มหาวิปากสฺส ทาเนน มหาจตฺตารีสกํ, ตถา พหุตายปิ มหาจตฺตารีสโกติ ทเสฺสตุํ, ‘‘อิมสฺมิญฺจ ปน สุเตฺต ปญฺจ สมฺมาทิฎฺฐิโย กถิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ พหุอโตฺถปิ หิ มหา-สโทฺท โหติ ‘‘มหาชโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๖๕)ฯ เอตฺถ จ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา วตฺถุเภเทน ทส มิจฺฉาทิฎฺฐิธมฺมา กถิตา, วตฺถุเภเทเนว, ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา ทส สมฺมาทิฎฺฐิธมฺมาติ วีสติ โหติฯ ยถา ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส, ภิกฺขเว, สมฺมาสงฺกโปฺป ปโหตี’’ติอาทินา มคฺควเสน ทส สมฺมตฺตธมฺมา, ตปฺปฎิปกฺขภูตา ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิสฺส มิจฺฉาสงฺกโปฺป ปโหตี’’ติอาทินา อตฺถโต ทส มิจฺฉตฺตธมฺมาติ วีสติ, ตถา ผลวเสน เตสุ เอวํ วีสติฯ กถํ วาเรปิ สมฺมาทิฎฺฐิอาทโย ทสาติ วีสติ? เอวเมเต เทฺว จตฺตารีสกานิ ปุริเมน สทฺธิํ ตโย จตฺตารีสกา วิภาวิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Yathā mahāvipākassa dānena mahācattārīsakaṃ, tathā bahutāyapi mahācattārīsakoti dassetuṃ, ‘‘imasmiñca pana sutte pañca sammādiṭṭhiyo kathitā’’tiādi vuttaṃ. Bahuatthopi hi mahā-saddo hoti ‘‘mahājano’’tiādīsu (ma. ni. 2.65). Ettha ca ‘‘natthi dinna’’ntiādinā vatthubhedena dasa micchādiṭṭhidhammā kathitā, vatthubhedeneva, ‘‘atthi dinna’’ntiādinā dasa sammādiṭṭhidhammāti vīsati hoti. Yathā ‘‘sammādiṭṭhissa, bhikkhave, sammāsaṅkappo pahotī’’tiādinā maggavasena dasa sammattadhammā, tappaṭipakkhabhūtā ‘‘micchādiṭṭhissa micchāsaṅkappo pahotī’’tiādinā atthato dasa micchattadhammāti vīsati, tathā phalavasena tesu evaṃ vīsati. Kathaṃ vārepi sammādiṭṭhiādayo dasāti vīsati? Evamete dve cattārīsakāni purimena saddhiṃ tayo cattārīsakā vibhāvitāti veditabbā.

    ๑๔๓. ปสํสิยสฺส อุชุวิปจฺจนีกํ นินฺทิยํ ปสํสโนฺตปิ อตฺถโต ปสํสิยํ นินฺทโนฺต นาม โหติฯ ปสํสิยสฺส คุณปริธํสนมุเขเนว หิ นินฺทิยสฺส ปสํสาย ปวตฺตนโตติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐินามายํ โสภนาติ วทโนฺตปิ สมฺมาทิฎฺฐิํ ครหติ นามา’’ติอาทิฯ เอวมาทีติ อาทิสเทฺทน ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๗) เอวมาทิํ สงฺคณฺหาติ; ตสฺมา เอวํวาทิโนติ เอวํ เหตุ ปฎิเกฺขปวาทิโนติ อโตฺถฯ โอกฺกนฺตนิยามาติ โอคาฬฺหมิจฺฉตฺตนิยามาฯ เอวรูปํ ลทฺธิํ คเหตฺวาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เอทิโส หิ ‘‘พุทฺธานมฺปิ อเตกิโจฺฉ’’ติอาทิ วุตฺตสทิโสฯ

    143. Pasaṃsiyassa ujuvipaccanīkaṃ nindiyaṃ pasaṃsantopi atthato pasaṃsiyaṃ nindanto nāma hoti. Pasaṃsiyassa guṇaparidhaṃsanamukheneva hi nindiyassa pasaṃsāya pavattanatoti āha – ‘‘micchādiṭṭhināmāyaṃ sobhanāti vadantopi sammādiṭṭhiṃ garahati nāmā’’tiādi. Evamādīti ādisaddena ‘‘natthi hetu natthi paccayo sattānaṃ saṃkilesāyā’’ti (dī. ni. 1.168; ma. ni. 2.227) evamādiṃ saṅgaṇhāti; tasmā evaṃvādinoti evaṃ hetu paṭikkhepavādinoti attho. Okkantaniyāmāti ogāḷhamicchattaniyāmā. Evarūpaṃ laddhiṃ gahetvātiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ cūḷapuṇṇamasuttavaṇṇanāyaṃ vuttanayameva tasmā tattha vuttanayeneva veditabbaṃ. Ediso hi ‘‘buddhānampi atekiccho’’tiādi vuttasadiso.

    อตฺตโน นินฺทาภเยนาติ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิญฺจ นาเมเต ครหนฺตี’’อาทินา อุปริ ปเรหิ วตฺตพฺพนินฺทาภเยนฯ ฆฎฺฎนภเยนาติ ตถา ปเรสํ อาสาทนาภเยนฯ สหธเมฺมน ปเรน อตฺตโน อุปริ กาตพฺพนิคฺคโห อุปารโมฺภ, ครหโต ปริตฺตาโส อุปารมฺภภยํ, ตํ ปน อตฺถโต อุปวาทภยํ โหตีติ อาห ‘‘อุปวาทภเยนา’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Attano nindābhayenāti ‘‘sammādiṭṭhiñca nāmete garahantī’’ādinā upari parehi vattabbanindābhayena. Ghaṭṭanabhayenāti tathā paresaṃ āsādanābhayena. Sahadhammena parena attano upari kātabbaniggaho upārambho, garahato parittāso upārambhabhayaṃ, taṃ pana atthato upavādabhayaṃ hotīti āha ‘‘upavādabhayenā’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.

    มหาจตฺตารีสกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Mahācattārīsakasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. มหาจตฺตารีสกสุตฺตํ • 7. Mahācattārīsakasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. มหาจตฺตารีสกสุตฺตวณฺณนา • 7. Mahācattārīsakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact