Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๑๑. มหาโจรสุตฺตํ
11. Mahācorasuttaṃ
๕๑. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิโลฺลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปเนฺถปิ ติฎฺฐติฯ กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ โหติ, พลวนิสฺสิโต จ โหติฯ กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร นทีวิทุคฺคํ วา นิสฺสิโต โหติ ปพฺพตวิสมํ วาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติฯ
51. ‘‘Tīhi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato mahācoro sandhimpi chindati, nillopampi harati, ekāgārikampi karoti, paripanthepi tiṭṭhati. Katamehi tīhi? Idha, bhikkhave, mahācoro visamanissito ca hoti, gahananissito ca hoti, balavanissito ca hoti. Kathañca, bhikkhave, mahācoro visamanissito hoti? Idha, bhikkhave, mahācoro nadīviduggaṃ vā nissito hoti pabbatavisamaṃ vā. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro visamanissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ติณคหนํ วา นิสฺสิโต โหติ, รุกฺขคหนํ วา โรธํ 1 วา มหาวนสณฺฑํ วาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, mahācoro gahananissito hoti? Idha, bhikkhave, mahācoro tiṇagahanaṃ vā nissito hoti, rukkhagahanaṃ vā rodhaṃ 2 vā mahāvanasaṇḍaṃ vā. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro gahananissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ , ภิกฺขเว, มหาโจโร ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิญฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติฯ สเจ นํ โกจิ กิญฺจิ อาห, ตฺยาสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, ตีหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิโลฺลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปเนฺถปิ ติฎฺฐติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, mahācoro balavanissito hoti? Idha , bhikkhave, mahācoro rājānaṃ vā rājamahāmattānaṃ vā nissito hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘sace maṃ koci kiñci vakkhati, ime me rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇissantī’ti. Sace naṃ koci kiñci āha, tyāssa rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇanti. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro balavanissito hoti. Ime kho, bhikkhave, tīhi aṅgehi samannāgato mahācoro sandhimpi chindati, nillopampi harati, ekāgārikampi karoti, paripanthepi tiṭṭhati.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต จ โหติ คหนนิสฺสิโต จ พลวนิสฺสิโต จฯ
‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, tīhi aṅgehi samannāgato pāpabhikkhu khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavati. Katamehi tīhi? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu visamanissito ca hoti gahananissito ca balavanissito ca.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสเมน กายกเมฺมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน วจีกเมฺมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน มโนกเมฺมน สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, pāpabhikkhu visamanissito hoti? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu visamena kāyakammena samannāgato hoti, visamena vacīkammena samannāgato hoti, visamena manokammena samannāgato hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu visamanissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โหติ, อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, pāpabhikkhu gahananissito hoti? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu micchādiṭṭhiko hoti, antaggāhikāya diṭṭhiyā samannāgato hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu gahananissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิญฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติฯ สเจ นํ โกจิ กิญฺจิ อาห, ตฺยาสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติฯ อิเมหิ โข , ภิกฺขเว, ตีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวตี’’ติฯ เอกาทสมํฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, pāpabhikkhu balavanissito hoti? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu rājānaṃ vā rājamahāmattānaṃ vā nissito hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘sace maṃ koci kiñci vakkhati, ime me rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇissantī’ti. Sace naṃ koci kiñci āha, tyāssa rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇanti. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu balavanissito hoti. Imehi kho , bhikkhave, tīhi dhammehi samannāgato pāpabhikkhu khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavatī’’ti. Ekādasamaṃ.
จูฬวโคฺค ปญฺจโมฯ
Cūḷavaggo pañcamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
สมฺมุขี ฐานตฺถวสํ, ปวตฺติ ปณฺฑิต สีลวํ;
Sammukhī ṭhānatthavasaṃ, pavatti paṇḍita sīlavaṃ;
ปฐโม ปณฺณาสโก สมโตฺตฯ
Paṭhamo paṇṇāsako samatto.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. มหาโจรสุตฺตวณฺณนา • 11. Mahācorasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๑. มหาโจรสุตฺตวณฺณนา • 11. Mahācorasuttavaṇṇanā