Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๓. มหาโจรสุตฺตํ
3. Mahācorasuttaṃ
๑๐๓. ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิโลฺลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปเนฺถปิ ติฎฺฐติฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ, พลวนิสฺสิโต จ, โภคจาคี จ, เอกจารี จฯ
103. ‘‘Pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato mahācoro sandhimpi chindati, nillopampi harati, ekāgārikampi karoti, paripanthepi tiṭṭhati. Katamehi pañcahi? Idha, bhikkhave, mahācoro visamanissito ca hoti, gahananissito ca, balavanissito ca, bhogacāgī ca, ekacārī ca.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร นทีวิทุคฺคํ วา นิสฺสิโต โหติ ปพฺพตวิสมํ วาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, mahācoro visamanissito hoti? Idha, bhikkhave, mahācoro nadīviduggaṃ vā nissito hoti pabbatavisamaṃ vā. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro visamanissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ติณคหนํ วา นิสฺสิโต โหติ รุกฺขคหนํ วา โรธํ 1 วา มหาวนสณฺฑํ วาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, mahācoro gahananissito hoti? Idha, bhikkhave, mahācoro tiṇagahanaṃ vā nissito hoti rukkhagahanaṃ vā rodhaṃ 2 vā mahāvanasaṇḍaṃ vā. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro gahananissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิญฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติฯ สเจ นํ โกจิ กิญฺจิ อาห, ตฺยสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, mahācoro balavanissito hoti? Idha, bhikkhave, mahācoro rājānaṃ vā rājamahāmattānaṃ vā nissito hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘sace maṃ koci kiñci vakkhati, ime me rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇissantī’ti. Sace naṃ koci kiñci āha, tyassa rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇanti. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro balavanissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร โภคจาคี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร อโฑฺฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโคฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิญฺจิ วกฺขติ, อิโต โภเคน ปฎิสนฺถริสฺสามี’ติฯ สเจ นํ โกจิ กิญฺจิ อาห, ตโต โภเคน ปฎิสนฺถรติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร โภคจาคี โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, mahācoro bhogacāgī hoti? Idha, bhikkhave, mahācoro aḍḍho hoti mahaddhano mahābhogo. Tassa evaṃ hoti – ‘sace maṃ koci kiñci vakkhati, ito bhogena paṭisantharissāmī’ti. Sace naṃ koci kiñci āha, tato bhogena paṭisantharati. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro bhogacāgī hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกจารี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกโกว คหณานิ 3 กตฺตา โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม คุยฺหมนฺตา พหิทฺธา สเมฺภทํ อคมํสู’ติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกจารี โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, mahācoro ekacārī hoti? Idha, bhikkhave, mahācoro ekakova gahaṇāni 4 kattā hoti. Taṃ kissa hetu? ‘Mā me guyhamantā bahiddhā sambhedaṃ agamaṃsū’ti. Evaṃ kho, bhikkhave, mahācoro ekacārī hoti.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ นิโลฺลปมฺปิ หรติ เอกาคาริกมฺปิ กโรติ ปริปเนฺถปิ ติฎฺฐติฯ
‘‘Imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgato mahācoro sandhimpi chindati nillopampi harati ekāgārikampi karoti paripanthepi tiṭṭhati.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ, พลวนิสฺสิโต จ, โภคจาคี จ, เอกจารี จฯ
‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, pañcahi dhammehi samannāgato pāpabhikkhu khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavati. Katamehi pañcahi? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu visamanissito ca hoti, gahananissito ca, balavanissito ca, bhogacāgī ca, ekacārī ca.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสเมน กายกเมฺมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน วจีกเมฺมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน มโนกเมฺมน สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, pāpabhikkhu visamanissito hoti? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu visamena kāyakammena samannāgato hoti, visamena vacīkammena samannāgato hoti, visamena manokammena samannāgato hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu visamanissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ , ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โหติ อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโตฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, pāpabhikkhu gahananissito hoti? Idha , bhikkhave, pāpabhikkhu micchādiṭṭhiko hoti antaggāhikāya diṭṭhiyā samannāgato. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu gahananissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิญฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติฯ สเจ นํ โกจิ กิญฺจิ อาห, ตฺยสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, pāpabhikkhu balavanissito hoti? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu rājānaṃ vā rājamahāmattānaṃ vā nissito hoti. Tassa evaṃ hoti – ‘sace maṃ koci kiñci vakkhati, ime me rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇissantī’ti. Sace naṃ koci kiñci āha, tyassa rājāno vā rājamahāmattā vā pariyodhāya atthaṃ bhaṇanti. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu balavanissito hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ โภคจาคี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิญฺจิ วกฺขติ, อิโต ลาเภน ปฎิสนฺถริสฺสามี’ติฯ สเจ นํ โกจิ กิญฺจิ อาห, ตโต ลาเภน ปฎิสนฺถรติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ โภคจาคี โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, pāpabhikkhu bhogacāgī hoti? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu lābhī hoti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārānaṃ. Tassa evaṃ hoti – ‘sace maṃ koci kiñci vakkhati, ito lābhena paṭisantharissāmī’ti. Sace naṃ koci kiñci āha, tato lābhena paṭisantharati. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu bhogacāgī hoti.
‘‘กถญฺจ , ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกจารี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกโกว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ นิวาสํ กเปฺปติฯ โส ตตฺถ กุลานิ อุปสงฺกมโนฺต ลาภํ ลภติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกจารี โหติฯ
‘‘Kathañca , bhikkhave, pāpabhikkhu ekacārī hoti? Idha, bhikkhave, pāpabhikkhu ekakova paccantimesu janapadesu nivāsaṃ kappeti. So tattha kulāni upasaṅkamanto lābhaṃ labhati. Evaṃ kho, bhikkhave, pāpabhikkhu ekacārī hoti.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวตี’’ติฯ ตติยํฯ
‘‘Imehi kho, bhikkhave, pañcahi dhammehi samannāgato pāpabhikkhu khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavatī’’ti. Tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหาโจรสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahācorasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๔. สารชฺชสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-4. Sārajjasuttādivaṇṇanā