Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตํ
6. Mahādhammasamādānasuttaṃ
๔๗๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘เยภุเยฺยน, ภิกฺขเว, สตฺตา เอวํกามา เอวํฉนฺทา เอวํอธิปฺปายา – ‘อโห วต อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา ปริหาเยยฺยุํ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา อภิวเฑฺฒยฺยุ’นฺติฯ เตสํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํกามานํ เอวํฉนฺทานํ เอวํอธิปฺปายานํ อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, กํ เหตุํ ปเจฺจถา’’ติ? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภเนฺต, ธมฺมา, ภควํเนตฺติกา, ภควํปฎิสรณาฯ สาธุ วต, ภเนฺต, ภควนฺตเญฺญว ปฎิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ; ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
473. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘yebhuyyena, bhikkhave, sattā evaṃkāmā evaṃchandā evaṃadhippāyā – ‘aho vata aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā parihāyeyyuṃ, iṭṭhā kantā manāpā dhammā abhivaḍḍheyyu’nti. Tesaṃ, bhikkhave, sattānaṃ evaṃkāmānaṃ evaṃchandānaṃ evaṃadhippāyānaṃ aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā abhivaḍḍhanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā parihāyanti. Tatra tumhe, bhikkhave, kaṃ hetuṃ paccethā’’ti? ‘‘Bhagavaṃmūlakā no, bhante, dhammā, bhagavaṃnettikā, bhagavaṃpaṭisaraṇā. Sādhu vata, bhante, bhagavantaññeva paṭibhātu etassa bhāsitassa attho; bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hi, bhikkhave, suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๔๗๔. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน, อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต, เสวิตเพฺพ ธเมฺม น ชานาติ อเสวิตเพฺพ ธเมฺม น ชานาติ, ภชิตเพฺพ ธเมฺม น ชานาติ อภชิตเพฺพ ธเมฺม น ชานาติฯ โส เสวิตเพฺพ ธเมฺม อชานโนฺต อเสวิตเพฺพ ธเมฺม อชานโนฺต, ภชิตเพฺพ ธเมฺม อชานโนฺต อภชิตเพฺพ ธเมฺม อชานโนฺต, อเสวิตเพฺพ ธเมฺม เสวติ เสวิตเพฺพ ธเมฺม น เสวติ, อภชิตเพฺพ ธเมฺม ภชติ ภชิตเพฺพ ธเมฺม น ภชติฯ ตสฺส อเสวิตเพฺพ ธเมฺม เสวโต เสวิตเพฺพ ธเมฺม อเสวโต, อภชิตเพฺพ ธเมฺม ภชโต ภชิตเพฺพ ธเมฺม อภชโต อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ อวิทฺทสุโนฯ
474. ‘‘Idha, bhikkhave, assutavā puthujjano, ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto, sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto, sevitabbe dhamme na jānāti asevitabbe dhamme na jānāti, bhajitabbe dhamme na jānāti abhajitabbe dhamme na jānāti. So sevitabbe dhamme ajānanto asevitabbe dhamme ajānanto, bhajitabbe dhamme ajānanto abhajitabbe dhamme ajānanto, asevitabbe dhamme sevati sevitabbe dhamme na sevati, abhajitabbe dhamme bhajati bhajitabbe dhamme na bhajati. Tassa asevitabbe dhamme sevato sevitabbe dhamme asevato, abhajitabbe dhamme bhajato bhajitabbe dhamme abhajato aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā abhivaḍḍhanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā parihāyanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ aviddasuno.
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก, อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธเมฺม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต, เสวิตเพฺพ ธเมฺม ชานาติ อเสวิตเพฺพ ธเมฺม ชานาติ, ภชิตเพฺพ ธเมฺม ชานาติ อภชิตเพฺพ ธเมฺม ชานาติฯ โส เสวิตเพฺพ ธเมฺม ชานโนฺต อเสวิตเพฺพ ธเมฺม ชานโนฺต, ภชิตเพฺพ ธเมฺม ชานโนฺต อภชิตเพฺพ ธเมฺม ชานโนฺต, อเสวิตเพฺพ ธเมฺม น เสวติ เสวิตเพฺพ ธเมฺม เสวติ, อภชิตเพฺพ ธเมฺม น ภชติ ภชิตเพฺพ ธเมฺม ภชติฯ ตสฺส อเสวิตเพฺพ ธเมฺม อเสวโต เสวิตเพฺพ ธเมฺม เสวโต, อภชิตเพฺพ ธเมฺม อภชโต ภชิตเพฺพ ธเมฺม ภชโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ วิทฺทสุโนฯ
‘‘Sutavā ca kho, bhikkhave, ariyasāvako, ariyānaṃ dassāvī ariyadhammassa kovido ariyadhamme suvinīto, sappurisānaṃ dassāvī sappurisadhammassa kovido sappurisadhamme suvinīto, sevitabbe dhamme jānāti asevitabbe dhamme jānāti, bhajitabbe dhamme jānāti abhajitabbe dhamme jānāti. So sevitabbe dhamme jānanto asevitabbe dhamme jānanto, bhajitabbe dhamme jānanto abhajitabbe dhamme jānanto, asevitabbe dhamme na sevati sevitabbe dhamme sevati, abhajitabbe dhamme na bhajati bhajitabbe dhamme bhajati. Tassa asevitabbe dhamme asevato sevitabbe dhamme sevato, abhajitabbe dhamme abhajato bhajitabbe dhamme bhajato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā parihāyanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā abhivaḍḍhanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ viddasuno.
๔๗๕. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปากํ; อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปากํ; อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปากํ; อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปากํฯ
475. ‘‘Cattārimāni, bhikkhave, dhammasamādānāni. Katamāni cattāri? Atthi, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipākaṃ; atthi, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipākaṃ; atthi, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipākaṃ; atthi, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipākaṃ.
๔๗๖. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ 1 ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปากํ, ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ นปฺปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปาก’นฺติฯ ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต ตํ เสวติ, ตํ น ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ เสวโต, ตํ อปริวชฺชยโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ อวิทฺทสุโนฯ
476. ‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ 2 dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipākaṃ, taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ nappajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipāka’nti. Taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ appajānanto taṃ sevati, taṃ na parivajjeti. Tassa taṃ sevato, taṃ aparivajjayato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā abhivaḍḍhanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā parihāyanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ aviddasuno.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปากํ ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ นปฺปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปาก’นฺติฯ ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต ตํ เสวติ, ตํ น ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ เสวโต, ตํ อปริวชฺชยโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ อวิทฺทสุโนฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipākaṃ taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ nappajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipāka’nti. Taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ appajānanto taṃ sevati, taṃ na parivajjeti. Tassa taṃ sevato, taṃ aparivajjayato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā abhivaḍḍhanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā parihāyanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ aviddasuno.
‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปากํ, ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ นปฺปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปาก’นฺติฯ ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต ตํ น เสวติ, ตํ ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ อเสวโต, ตํ ปริวชฺชยโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ อวิทฺทสุโนฯ
‘‘Tatra , bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipākaṃ, taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ nappajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipāka’nti. Taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ appajānanto taṃ na sevati, taṃ parivajjeti. Tassa taṃ asevato, taṃ parivajjayato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā abhivaḍḍhanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā parihāyanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ aviddasuno.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปากํ, ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ นปฺปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปาก’นฺติฯ ตํ อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต ตํ น เสวติ, ตํ ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ อเสวโต, ตํ ปริวชฺชยโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ อวิทฺทสุโนฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipākaṃ, taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ nappajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipāka’nti. Taṃ avidvā avijjāgato yathābhūtaṃ appajānanto taṃ na sevati, taṃ parivajjeti. Tassa taṃ asevato, taṃ parivajjayato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā abhivaḍḍhanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā parihāyanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ aviddasuno.
๔๗๗. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปากํ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปาก’นฺติฯ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานโนฺต ตํ น เสวติ, ตํ ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ อเสวโต, ตํ ปริวชฺชยโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ วิทฺทสุโนฯ
477. ‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipākaṃ taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipāka’nti. Taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānanto taṃ na sevati, taṃ parivajjeti. Tassa taṃ asevato, taṃ parivajjayato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā parihāyanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā abhivaḍḍhanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ viddasuno.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปากํ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปาก’นฺติฯ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานโนฺต ตํ น เสวติ, ตํ ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ อเสวโต, ตํ ปริวชฺชยโต , อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ วิทฺทสุโนฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipākaṃ taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipāka’nti. Taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānanto taṃ na sevati, taṃ parivajjeti. Tassa taṃ asevato, taṃ parivajjayato , aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā parihāyanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā abhivaḍḍhanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ viddasuno.
‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปากํ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปาก’นฺติฯ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานโนฺต ตํ เสวติ, ตํ น ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ เสวโต, ตํ อปริวชฺชยโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ วิทฺทสุโนฯ
‘‘Tatra , bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipākaṃ taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipāka’nti. Taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānanto taṃ sevati, taṃ na parivajjeti. Tassa taṃ sevato, taṃ aparivajjayato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā parihāyanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā abhivaḍḍhanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ viddasuno.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปากํ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานาติ – ‘อิทํ โข ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปาก’นฺติฯ ตํ วิทฺวา วิชฺชาคโต ยถาภูตํ ปชานโนฺต ตํ เสวติ, ตํ น ปริวเชฺชติฯ ตสฺส ตํ เสวโต, ตํ อปริวชฺชยโต, อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ วิทฺทสุโนฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipākaṃ taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānāti – ‘idaṃ kho dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipāka’nti. Taṃ vidvā vijjāgato yathābhūtaṃ pajānanto taṃ sevati, taṃ na parivajjeti. Tassa taṃ sevato, taṃ aparivajjayato, aniṭṭhā akantā amanāpā dhammā parihāyanti, iṭṭhā kantā manāpā dhammā abhivaḍḍhanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, bhikkhave, hoti yathā taṃ viddasuno.
๔๗๘. ‘‘กตมญฺจ , ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปากํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน ปาณาติปาตี โหติ, ปาณาติปาตปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน อทินฺนาทายี โหติ, อทินฺนาทานปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน กาเมสุ มิจฺฉาจารี โหติ, กาเมสุ มิจฺฉาจารปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน มุสาวาที โหติ, มุสาวาทปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน ปิสุณวาโจ โหติ, ปิสุณวาจาปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน ผรุสวาโจ โหติ, ผรุสวาจาปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน สมฺผปฺปลาปี โหติ, สมฺผปฺปลาปปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน อภิชฺฌาลุ โหติ, อภิชฺฌาปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, พฺยาปาทปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปากํฯ
478. ‘‘Katamañca , bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipākaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco sahāpi dukkhena sahāpi domanassena pāṇātipātī hoti, pāṇātipātapaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena adinnādāyī hoti, adinnādānapaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena kāmesu micchācārī hoti, kāmesu micchācārapaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena musāvādī hoti, musāvādapaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena pisuṇavāco hoti, pisuṇavācāpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena pharusavāco hoti, pharusavācāpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena samphappalāpī hoti, samphappalāpapaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena abhijjhālu hoti, abhijjhāpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena byāpannacitto hoti, byāpādapaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena micchādiṭṭhi hoti, micchādiṭṭhipaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipākaṃ.
๔๗๙. ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปากํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน ปาณาติปาตี โหติ, ปาณาติปาตปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน อทินฺนาทายี โหติ, อทินฺนาทานปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน มุสาวาที โหติ, มุสาวาทปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน ปิสุณวาโจ โหติ, ปิสุณวาจาปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน ผรุสวาโจ โหติ, ผรุสวาจาปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน สมฺผปฺปลาปี โหติ, สมฺผปฺปลาปปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน อภิชฺฌาลุ โหติ, อภิชฺฌาปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, พฺยาปาทปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปากํฯ
479. ‘‘Katamañca, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipākaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco sahāpi sukhena sahāpi somanassena pāṇātipātī hoti, pāṇātipātapaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena adinnādāyī hoti, adinnādānapaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena kāmesumicchācārī hoti, kāmesumicchācārapaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena musāvādī hoti, musāvādapaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena pisuṇavāco hoti, pisuṇavācāpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena pharusavāco hoti, pharusavācāpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena samphappalāpī hoti, samphappalāpapaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena abhijjhālu hoti, abhijjhāpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena byāpannacitto hoti, byāpādapaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena micchādiṭṭhi hoti, micchādiṭṭhipaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipākaṃ.
๔๘๐. ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปากํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, ปาณาติปาตา เวรมณีปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา เวรมณีปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณีปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา เวรมณีปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ , ปิสุณาย วาจาย เวรมณีปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย เวรมณีปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณีปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน อนภิชฺฌาลุ โหติ, อนภิชฺฌาปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, อพฺยาปาทปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสน สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา จ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปากํฯ
480. ‘‘Katamañca, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipākaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco sahāpi dukkhena sahāpi domanassena pāṇātipātā paṭivirato hoti, pāṇātipātā veramaṇīpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti ; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena adinnādānā paṭivirato hoti, adinnādānā veramaṇīpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā veramaṇīpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena musāvādā paṭivirato hoti, musāvādā veramaṇīpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti , pisuṇāya vācāya veramaṇīpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti ; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena pharusāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya veramaṇīpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena samphappalāpā paṭivirato hoti, samphappalāpā veramaṇīpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena anabhijjhālu hoti, anabhijjhāpaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena abyāpannacitto hoti, abyāpādapaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi dukkhena sahāpi domanassena sammādiṭṭhi hoti, sammādiṭṭhipaccayā ca dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipākaṃ.
๔๘๑. ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปากํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, ปาณาติปาตา เวรมณีปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา เวรมณีปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณีปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา เวรมณีปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย เวรมณีปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย เวรมณีปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณีปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน อนภิชฺฌาลุ โหติ, อนภิชฺฌาปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, อพฺยาปาทปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ; สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนเสฺสน สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา จ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ อิทํ, วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปากํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ธมฺมสมาทานานิฯ
481. ‘‘Katamañca, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipākaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco sahāpi sukhena sahāpi somanassena pāṇātipātā paṭivirato hoti, pāṇātipātā veramaṇīpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena adinnādānā paṭivirato hoti, adinnādānā veramaṇīpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā veramaṇīpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena musāvādā paṭivirato hoti, musāvādā veramaṇīpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, pisuṇāya vācāya veramaṇīpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena pharusāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya veramaṇīpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena samphappalāpā paṭivirato hoti, samphappalāpā veramaṇīpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena anabhijjhālu hoti, anabhijjhāpaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena abyāpannacitto hoti, abyāpādapaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti; sahāpi sukhena sahāpi somanassena sammādiṭṭhi hoti, sammādiṭṭhipaccayā ca sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Idaṃ, vuccati, bhikkhave, dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipākaṃ. Imāni kho, bhikkhave, cattāri dhammasamādānāni.
๔๘๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ติตฺตกาลาพุ วิเสน สํสโฎฺฐฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฎิกูโลฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, อยํ ติตฺตกาลาพุ วิเสน สํสโฎฺฐ, สเจ อากงฺขสิ ปิว 3ฯ ตสฺส เต ปิวโต 4 เจว นจฺฉาเทสฺสติ วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา 5 จ ปน มรณํ วา นิคจฺฉสิ มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’นฺติฯ โส ตํ อปฺปฎิสงฺขาย ปิเวยฺย, นปฺปฎินิสฺสเชฺชยฺยฯ ตสฺส ตํ ปิวโต เจว นจฺฉาเทยฺย วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา จ ปน มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํฯ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ธมฺมสมาทานํ วทามิ, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขเญฺจว อายติญฺจ ทุกฺขวิปากํฯ
482. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, tittakālābu visena saṃsaṭṭho. Atha puriso āgaccheyya jīvitukāmo amaritukāmo sukhakāmo dukkhappaṭikūlo. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, ayaṃ tittakālābu visena saṃsaṭṭho, sace ākaṅkhasi piva 6. Tassa te pivato 7 ceva nacchādessati vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā 8 ca pana maraṇaṃ vā nigacchasi maraṇamattaṃ vā dukkha’nti. So taṃ appaṭisaṅkhāya piveyya, nappaṭinissajjeyya. Tassa taṃ pivato ceva nacchādeyya vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā ca pana maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ. Tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ dhammasamādānaṃ vadāmi, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhañceva āyatiñca dukkhavipākaṃ.
๔๘๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาปานียกํโส วณฺณสมฺปโนฺน คนฺธสมฺปโนฺน รสสมฺปโนฺนฯ โส จ โข วิเสน สํสโฎฺฐฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฎิกูโลฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, อยํ อาปานียกํโส วณฺณสมฺปโนฺน คนฺธสมฺปโนฺน รสสมฺปโนฺนฯ โส จ โข วิเสน สํสโฎฺฐ, สเจ อากงฺขสิ ปิวฯ ตสฺส เต ปิวโตหิ 9 โข ฉาเทสฺสติ วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา จ ปน มรณํ วา นิคจฺฉสิ มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’นฺติฯ โส ตํ อปฺปฎิสงฺขาย ปิเวยฺย, นปฺปฎินิสฺสเชฺชยฺยฯ ตสฺส ตํ ปิวโตหิ โข ฉาเทยฺย วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา จ ปน มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํฯ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ธมฺมสมาทานํ วทามิ, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขํ อายติํ ทุกฺขวิปากํฯ
483. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, āpānīyakaṃso vaṇṇasampanno gandhasampanno rasasampanno. So ca kho visena saṃsaṭṭho. Atha puriso āgaccheyya jīvitukāmo amaritukāmo sukhakāmo dukkhappaṭikūlo. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, ayaṃ āpānīyakaṃso vaṇṇasampanno gandhasampanno rasasampanno. So ca kho visena saṃsaṭṭho, sace ākaṅkhasi piva. Tassa te pivatohi 10 kho chādessati vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā ca pana maraṇaṃ vā nigacchasi maraṇamattaṃ vā dukkha’nti. So taṃ appaṭisaṅkhāya piveyya, nappaṭinissajjeyya. Tassa taṃ pivatohi kho chādeyya vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā ca pana maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ. Tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ dhammasamādānaṃ vadāmi, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannasukhaṃ āyatiṃ dukkhavipākaṃ.
๔๘๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปูติมุตฺตํ นานาเภสเชฺชหิ สํสฎฺฐํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ปณฺฑุกโรคีฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, อิทํ ปูติมุตฺตํ นานาเภสเชฺชหิ สํสฎฺฐํ, สเจ อากงฺขสิ ปิวฯ ตสฺส เต ปิวโตหิ โข นจฺฉาเทสฺสติ วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา จ ปน สุขี ภวิสฺสสี’ติฯ โส ตํ ปฎิสงฺขาย ปิเวยฺย, นปฺปฎินิสฺสเชฺชยฺยฯ ตสฺส ตํ ปิวโตหิ โข นจฺฉาเทยฺย วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา จ ปน สุขี อสฺสฯ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ธมฺมสมาทานํ วทามิ, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนทุกฺขํ อายติํ สุขวิปากํฯ
484. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, pūtimuttaṃ nānābhesajjehi saṃsaṭṭhaṃ. Atha puriso āgaccheyya paṇḍukarogī. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, idaṃ pūtimuttaṃ nānābhesajjehi saṃsaṭṭhaṃ, sace ākaṅkhasi piva. Tassa te pivatohi kho nacchādessati vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā ca pana sukhī bhavissasī’ti. So taṃ paṭisaṅkhāya piveyya, nappaṭinissajjeyya. Tassa taṃ pivatohi kho nacchādeyya vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā ca pana sukhī assa. Tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ dhammasamādānaṃ vadāmi, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannadukkhaṃ āyatiṃ sukhavipākaṃ.
๔๘๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทธิ จ มธุ จ สปฺปิ จ ผาณิตญฺจ เอกชฺฌํ สํสฎฺฐํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย โลหิตปกฺขนฺทิโกฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, อิทํ ทธิํ จ มธุํ จ สปฺปิํ จ ผาณิตญฺจ เอกชฺฌํ สํสฎฺฐํ, สเจ อากงฺขสิ ปิวฯ ตสฺส เต ปิวโต เจว ฉาเทสฺสติ วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา จ ปน สุขี ภวิสฺสสี’ติฯ โส ตํ ปฎิสงฺขาย ปิเวยฺย, นปฺปฎินิสฺสเชฺชยฺยฯ ตสฺส ตํ ปิวโต เจว ฉาเทยฺย วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ, ปิวิตฺวา จ ปน สุขี อสฺสฯ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ธมฺมสมาทานํ วทามิ, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปากํฯ
485. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, dadhi ca madhu ca sappi ca phāṇitañca ekajjhaṃ saṃsaṭṭhaṃ. Atha puriso āgaccheyya lohitapakkhandiko. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, idaṃ dadhiṃ ca madhuṃ ca sappiṃ ca phāṇitañca ekajjhaṃ saṃsaṭṭhaṃ, sace ākaṅkhasi piva. Tassa te pivato ceva chādessati vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā ca pana sukhī bhavissasī’ti. So taṃ paṭisaṅkhāya piveyya, nappaṭinissajjeyya. Tassa taṃ pivato ceva chādeyya vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi, pivitvā ca pana sukhī assa. Tathūpamāhaṃ, bhikkhave, imaṃ dhammasamādānaṃ vadāmi, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipākaṃ.
๔๘๖. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว อาทิโจฺจ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน สพฺพํ อากาสคตํ ตมคตํ อภิวิหจฺจ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจเต จ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยมิทํ ธมฺมสมาทานํ ปจฺจุปฺปนฺนสุขเญฺจว อายติญฺจ สุขวิปากํ ตทเญฺญ ปุถุสมณพฺราหฺมณปรปฺปวาเท อภิวิหจฺจ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจเต จา’’ติฯ
486. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, vassānaṃ pacchime māse saradasamaye viddhe vigatavalāhake deve ādicco nabhaṃ abbhussakkamāno sabbaṃ ākāsagataṃ tamagataṃ abhivihacca bhāsate ca tapate ca virocate ca; evameva kho, bhikkhave, yamidaṃ dhammasamādānaṃ paccuppannasukhañceva āyatiñca sukhavipākaṃ tadaññe puthusamaṇabrāhmaṇaparappavāde abhivihacca bhāsate ca tapate ca virocate cā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
มหาธมฺมสมาทานสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Mahādhammasamādānasuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahādhammasamādānasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahādhammasamādānasuttavaṇṇanā