Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา

    6. Mahādhammasamādānasuttavaṇṇanā

    ๔๗๓. เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาโร กาโม กามนํ อิจฺฉา เอเตสนฺติ เอวํกามาฯ เอวํ ฉโนฺท ฉนฺทนํ โรจนํ อชฺฌาสโย เอเตสนฺติ เอวํฉนฺทาฯ อภิมุขํ, อภินิวิสฺส วา ปกาเรหิ เอติ อุปคจฺฉตีติ อธิปฺปาโย, ลทฺธิฯ สา หิ ลทฺธพฺพวตฺถุํ อภิมุขํ ‘‘เอวเมต’’นฺติ อภินิวิสนฺตี เตน เตน ปกาเรน อุปคจฺฉติ, หตฺถคตํ กตฺวา ติฎฺฐติ น วิสฺสเชฺชติฯ เอวํ วุจฺจมานากาโร อธิปฺปาโย เอเตสนฺติ เอวํอธิปฺปายาฯ ภควา มูลํ การณํ เอเตสํ ยาถาวโต อธิคมายาติ ภควํมูลกาฯ เตนาห ‘‘ภควนฺตญฺหิ นิสฺสาย มยํ อิเม ธเมฺม อาชานาม ปฎิวิชฺฌามา’’ติฯ อมฺหากํ ธมฺมาติ เตหิ อตฺตนา อธิคนฺตพฺพตาย วุตฺตํฯ เสวิตพฺพานญฺหิ ยาถาวโต อธิคมญาณานิ อธิคจฺฉนกสมฺพนฺธีนิ, ตานิ จ สมฺมาสมฺพุทฺธมูลกานิ อนญฺญวิสยตฺตาฯ เตนาห ‘‘ปุเพฺพ กสฺสปสมฺพุเทฺธนา’’ติอาทิฯ ภควา เนตา เตสนฺติ ภควํเนตฺติกาฯ เนตาติ เสวิตพฺพธเมฺม วิเนยฺยสนฺตานํ ปาเปตาฯ วิเนตาติ อเสวิตพฺพธเมฺม วิเนยฺยสนฺตานโต อปเนตาฯ ตทงฺควินยาทิวเสน วา วิเนตาฯ อนุเนตาติ อิเม ธมฺมา เสวิตพฺพา, อิเม น เสวิตพฺพาติ อุภยสมฺปาปนาปนยนตฺถํ ปญฺญเปตาฯ เตนาห ‘‘ยถาสภาวโต’’ติอาทิฯ

    473. Evaṃ idāni vuccamānākāro kāmo kāmanaṃ icchā etesanti evaṃkāmā. Evaṃ chando chandanaṃ rocanaṃ ajjhāsayo etesanti evaṃchandā. Abhimukhaṃ, abhinivissa vā pakārehi eti upagacchatīti adhippāyo, laddhi. Sā hi laddhabbavatthuṃ abhimukhaṃ ‘‘evameta’’nti abhinivisantī tena tena pakārena upagacchati, hatthagataṃ katvā tiṭṭhati na vissajjeti. Evaṃ vuccamānākāro adhippāyo etesanti evaṃadhippāyā. Bhagavā mūlaṃ kāraṇaṃ etesaṃ yāthāvato adhigamāyāti bhagavaṃmūlakā. Tenāha ‘‘bhagavantañhi nissāya mayaṃ ime dhamme ājānāma paṭivijjhāmā’’ti. Amhākaṃdhammāti tehi attanā adhigantabbatāya vuttaṃ. Sevitabbānañhi yāthāvato adhigamañāṇāni adhigacchanakasambandhīni, tāni ca sammāsambuddhamūlakāni anaññavisayattā. Tenāha ‘‘pubbe kassapasambuddhenā’’tiādi. Bhagavā netā tesanti bhagavaṃnettikā. Netāti sevitabbadhamme vineyyasantānaṃ pāpetā. Vinetāti asevitabbadhamme vineyyasantānato apanetā. Tadaṅgavinayādivasena vā vinetā. Anunetāti ime dhammā sevitabbā, ime na sevitabbāti ubhayasampāpanāpanayanatthaṃ paññapetā. Tenāha ‘‘yathāsabhāvato’’tiādi.

    ปฎิสรนฺติ เอตฺถาติ ปฎิสรณํ, ภควา ปฎิสรณํ เอเตสนฺติ ภควํปฎิสรณาฯ ปฎิสรติ สภาวสมฺปฎิเวธวเสน ปเจฺจกมุปคจฺฉตีติ วา ปฎิสรณํ, ภควา ปฎิสรณํ เอเตสนฺติ ภควํปฎิสรณาฯ ปฎิเวธวเสนาติ ปฎิวิชฺฌิตพฺพตาวเสนฯ อสติปิ มุเข อตฺถโต เอวํ วทโนฺต วิย โหตีติ อาห ‘‘ผโสฺส อาคจฺฉติ, อหํ ภควา กิํ นาโม’’ติฯ ปฎิภาตูติ เอตฺถ ปฎิ-สทฺทาเปกฺขาย ‘‘ภควนฺต’’นฺติ อุปโยควจนํ, อโตฺถ ปน สามิวจนวเสเนว เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ภควโต’’ติ ปฎิภาตูติ จ ภควโต ภาโค โหตุฯ ภควโต หิ เอส ภาโค, ยทิทํ ธมฺมสฺส เทสนา, อมฺหากํ ปน ภาโค สวนนฺติ อธิปฺปาโยฯ เกจิ ปน ปฎิภาตูติ ปทิสฺสตูติ อตฺถํ วทนฺติ, ญาเณน ทิสฺสตุ, เทสียตูติ วา อโตฺถฯ อุปฎฺฐาตูติ จ ญาณสฺส ปจฺจุปฎฺฐาตุฯ

    Paṭisaranti etthāti paṭisaraṇaṃ, bhagavā paṭisaraṇaṃ etesanti bhagavaṃpaṭisaraṇā. Paṭisarati sabhāvasampaṭivedhavasena paccekamupagacchatīti vā paṭisaraṇaṃ, bhagavā paṭisaraṇaṃ etesanti bhagavaṃpaṭisaraṇā. Paṭivedhavasenāti paṭivijjhitabbatāvasena. Asatipi mukhe atthato evaṃ vadanto viya hotīti āha ‘‘phasso āgacchati, ahaṃ bhagavā kiṃ nāmo’’ti. Paṭibhātūti ettha paṭi-saddāpekkhāya ‘‘bhagavanta’’nti upayogavacanaṃ, attho pana sāmivacanavaseneva veditabboti dassento āha ‘‘bhagavato’’ti paṭibhātūti ca bhagavato bhāgo hotu. Bhagavato hi esa bhāgo, yadidaṃ dhammassa desanā, amhākaṃ pana bhāgo savananti adhippāyo. Keci pana paṭibhātūti padissatūti atthaṃ vadanti, ñāṇena dissatu, desīyatūti vā attho. Upaṭṭhātūti ca ñāṇassa paccupaṭṭhātu.

    ๔๗๔. นิสฺสยิตเพฺพติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนวเสน อปสฺสยิตเพฺพฯ ตติยจตุตฺถธมฺมสมาทานานิ หิ อปสฺสาย สตฺตานํ เอตรหิ อายติญฺจ สมฺปตฺติโย อภิวฑฺฒนฺติฯ ภชิตเพฺพติ ตเสฺสว เววจนํฯ เสวิตเพฺพติ วา สปฺปุริสุปสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิกาเร สนฺธายาหฯ ภชิตเพฺพติ ตปฺปจฺจเย ทานาทิปุญฺญธเมฺมฯ

    474.Nissayitabbeti attano santāne uppādanavasena apassayitabbe. Tatiyacatutthadhammasamādānāni hi apassāya sattānaṃ etarahi āyatiñca sampattiyo abhivaḍḍhanti. Bhajitabbeti tasseva vevacanaṃ. Sevitabbeti vā sappurisupassayasaddhammassavanayonisomanasikāre sandhāyāha. Bhajitabbeti tappaccaye dānādipuññadhamme.

    ๔๗๕. อุปฺปฎิปาฎิอากาเรนาติ ปฐมํ สํกิเลสธเมฺม ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา โวทานธมฺมทสฺสนํ สตฺถุ เทสนาปฎิปาฎิ, ยถา – ‘‘วามํ มุญฺจ, ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๔๙๘; วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๑๔), ตถา อุปฺปฎิปาฎิปกาเรน, สา จ โข ปุริเมสุ ทฺวีสุ ธมฺมสมาทาเนสุ , ปจฺฉิเมสุ ปน ปฎิปาฎิยาว มาติกา ปฎฺฐปิตาฯ ยถาธมฺมรเสเนวาติ ปหาตพฺพปหายกธมฺมานํ ยถาสภาเวเนวฯ สภาโว หิ ยาถาวโต รสิตพฺพโต ชานิตพฺพโต ‘‘รโส’’ติ วุจฺจติฯ ปฐมํ ปหาตพฺพธเมฺม ทเสฺสตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘อิเม ธมฺมา เอเตหิ ปหียนฺตี’’ติ ปหายกธมฺมทสฺสนํ เทสนานุปุพฺพีฯ คหณํ อาทิยนํ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนํฯ

    475.Uppaṭipāṭiākārenāti paṭhamaṃ saṃkilesadhamme dassetvā pacchā vodānadhammadassanaṃ satthu desanāpaṭipāṭi, yathā – ‘‘vāmaṃ muñca, dakkhiṇaṃ gaṇhā’’ti (dha. sa. aṭṭha. 498; visuddhi. mahāṭī. 1.14), tathā uppaṭipāṭipakārena, sā ca kho purimesu dvīsu dhammasamādānesu , pacchimesu pana paṭipāṭiyāva mātikā paṭṭhapitā. Yathādhammarasenevāti pahātabbapahāyakadhammānaṃ yathāsabhāveneva. Sabhāvo hi yāthāvato rasitabbato jānitabbato ‘‘raso’’ti vuccati. Paṭhamaṃ pahātabbadhamme dassetvā tadanantaraṃ ‘‘ime dhammā etehi pahīyantī’’ti pahāyakadhammadassanaṃ desanānupubbī. Gahaṇaṃ ādiyanaṃ attano santāne uppādanaṃ.

    ๔๗๘. วธทณฺฑาทีหิ ภีตสฺส อุปสงฺกมเน, มิจฺฉา จริตฺวา ตถา อปคมเน จ ปุพฺพาปรเจตนานํ วเสน มิจฺฉาจาโร ทุกฺขเวทโน โหติ, ตถา อิสฺสานินฺทาทีหิ อุปทฺทุตสฺส อปรเจตนาวเสน, เอวํ อภิชฺฌามิจฺฉาทิฎฺฐีสุปิ ยถารหํ เวทิตพฺพํฯ ติสฺสนฺนมฺปิ เจตนานนฺติ ปุพฺพาปรสนฺนิฎฺฐาปกเจตนานํฯ อทินฺนาทานํ มุสาวาโท ปิสุณวาจา สมฺผปฺปลาโปติ อิเมสํ จตุนฺนํ สนฺนิฎฺฐาปกเจตนานํ สุขสมฺปยุตฺตา วา อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตา วาติ อยํ นโย อิธ อธิกตตฺตา น อุทฺธโฎฯ โทมนสฺสเมว เจตฺถ ทุกฺขนฺติ อิทํ ปุพฺพภาคาปรภาคเจตนาปิ เจตฺถ อาสนฺนา โทมนสฺสสหคตา เอว โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อนาสนฺนา ปน สนฺธาย ‘‘ปริเยฎฺฐิํ วา อาปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตเนว มิจฺฉาจาราภิชฺฌามิจฺฉาทิฎฺฐีนํ ปุพฺพภาคาปรภาคเจตนา อาสนฺนา สนฺนิฎฺฐาปกเจตนาคติกาวาติ ทสฺสิตํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปริเยฎฺฐินฺติ มิจฺฉาจาราทีสุ วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุมาลาคนฺธาทิปริเยสนํฯ ปาณาติปาตาทีสุ มาเรตพฺพวตฺถุอาวุธาทิปริเยสนํ อาปชฺชนฺตสฺสฯ อกิเจฺฉนปิ เตสํ ปริเยสนํ สมฺภวตีติ ‘‘วฎฺฎติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติฯ

    478. Vadhadaṇḍādīhi bhītassa upasaṅkamane, micchā caritvā tathā apagamane ca pubbāparacetanānaṃ vasena micchācāro dukkhavedano hoti, tathā issānindādīhi upaddutassa aparacetanāvasena, evaṃ abhijjhāmicchādiṭṭhīsupi yathārahaṃ veditabbaṃ. Tissannampi cetanānanti pubbāparasanniṭṭhāpakacetanānaṃ. Adinnādānaṃ musāvādo pisuṇavācā samphappalāpoti imesaṃ catunnaṃ sanniṭṭhāpakacetanānaṃ sukhasampayuttā vā upekkhāsampayuttā vāti ayaṃ nayo idha adhikatattā na uddhaṭo. Domanassameva cettha dukkhanti idaṃ pubbabhāgāparabhāgacetanāpi cettha āsannā domanassasahagatā eva hontīti katvā vuttaṃ. Anāsannā pana sandhāya ‘‘pariyeṭṭhiṃ vā āpajjantassā’’tiādi vuttaṃ. Teneva micchācārābhijjhāmicchādiṭṭhīnaṃ pubbabhāgāparabhāgacetanā āsannā sanniṭṭhāpakacetanāgatikāvāti dassitaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ. Pariyeṭṭhinti micchācārādīsu vītikkamitabbavatthumālāgandhādipariyesanaṃ. Pāṇātipātādīsu māretabbavatthuāvudhādipariyesanaṃ āpajjantassa. Akicchenapi tesaṃ pariyesanaṃ sambhavatīti ‘‘vaṭṭatiyevā’’ti sāsaṅkaṃ vadati.

    ๔๗๙. สุขเวทนา โหนฺตีติ สุขเวทนาปิ โหนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ ตาสํ เจตนานํ อสุขเวทนตาปิ ลพฺภตีติ ‘‘สุขเวทนาปิ โหนฺติเยวา’’ติ สาสงฺกวจนํฯ โสมนสฺสเมว เจตฺถ สุขนฺติ อิทํ ปุพฺพภาคาปรภาคเจตนาปิ โสมนสฺสสหคตา เอว โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ ตญฺจ โข มิจฺฉาจารวชฺชานํ ฉนฺนํ วเสนฯ มิจฺฉาจารสฺส ปน ปุพฺพาปรภาคสฺส วเสน ‘‘กายิกํ สุขมฺปิ วฎฺฎติเยวาติ สาสงฺกวจนํฯ

    479.Sukhavedanā hontīti sukhavedanāpi hontīti adhippāyo. Tāsaṃ cetanānaṃ asukhavedanatāpi labbhatīti ‘‘sukhavedanāpi hontiyevā’’ti sāsaṅkavacanaṃ. Somanassameva cettha sukhanti idaṃ pubbabhāgāparabhāgacetanāpi somanassasahagatā eva hontīti katvā vuttaṃ. Tañca kho micchācāravajjānaṃ channaṃ vasena. Micchācārassa pana pubbāparabhāgassa vasena ‘‘kāyikaṃ sukhampi vaṭṭatiyevāti sāsaṅkavacanaṃ.

    ๔๘๐. โทสชปริฬาหวเสนสฺส สิยา กายิกมฺปิ ทุกฺขนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘โส คณฺหโนฺตปิ ทุกฺขิโต’’ติ วุตฺตํฯ เจโตทุกฺขเมว วา สนฺธาย ตสฺส อปราปรุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุกฺขิโต โทมนสฺสิโต’’ติ วุตฺตํฯ

    480. Dosajapariḷāhavasenassa siyā kāyikampi dukkhanti adhippāyena ‘‘so gaṇhantopi dukkhito’’ti vuttaṃ. Cetodukkhameva vā sandhāya tassa aparāparuppattidassanatthaṃ ‘‘dukkhito domanassito’’ti vuttaṃ.

    ๔๘๑. ทสสุปิ ปเทสูติ ทสสุปิ โกฎฺฐาเสสุ, วาเกฺยสุ วาฯ อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตตาปิ สมฺภวตีติ ‘‘สุขสมฺปยุตฺตา โหนฺติเยวา’’ติ อิธ สาสงฺกวจนํฯ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตสฺส กาโยปิ สิยา วิคตทรถปริฬาโหติ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิปจฺจยา กายิกปฎิสํเวทนาปิ สมฺภวตีติ สหาปิ สุเขนาติ เอตฺถ กายิยสุขมฺปิ วฎฺฎติเยวฯ

    481.Dasasupipadesūti dasasupi koṭṭhāsesu, vākyesu vā. Upekkhāsampayuttatāpi sambhavatīti ‘‘sukhasampayuttā hontiyevā’’ti idha sāsaṅkavacanaṃ. Pāṇātipātā paṭiviratassa kāyopi siyā vigatadarathapariḷāhoti pāṇātipātāveramaṇiādipaccayā kāyikapaṭisaṃvedanāpi sambhavatīti sahāpi sukhenāti ettha kāyiyasukhampi vaṭṭatiyeva.

    ๔๘๒. ติตฺตกาลาพูติ อุปภุตฺตสฺส อุมฺมาทาทิปาปเนน กุจฺฉิตติตฺตกรโส อลาพุฯ น รุจฺจิสฺสติ อนิฎฺฐรสตาย อนิฎฺฐผลตาย จฯ

    482.Tittakālābūti upabhuttassa ummādādipāpanena kucchitatittakaraso alābu. Na ruccissati aniṭṭharasatāya aniṭṭhaphalatāya ca.

    ๔๘๓. รสํ เทตีติ รสํ ทเสฺสติ วิภาเวติฯ

    483.Rasaṃ detīti rasaṃ dasseti vibhāveti.

    ๔๘๔. ปูติมุตฺตนฺติ ปูติสภาวมุตฺตํฯ ตรุณนฺติ ธาราวเสน นิปตนฺตํ หุตฺวา อุณฺหํฯ เตนสฺส อุปริมุตฺตตมาหฯ มุตฺตญฺหิ ปสฺสาวมคฺคโต มุจฺจมานํ กายุสฺมาวเสน อุณฺหํ โหติฯ

    484.Pūtimuttanti pūtisabhāvamuttaṃ. Taruṇanti dhārāvasena nipatantaṃ hutvā uṇhaṃ. Tenassa uparimuttatamāha. Muttañhi passāvamaggato muccamānaṃ kāyusmāvasena uṇhaṃ hoti.

    ๔๘๕. ยํ ภคนฺทรสํสฎฺฐํ โลหิตํ ปกฺขนฺทตีติ ภคนฺทรพฺยาธิสหิตาย โลหิตปกฺขนฺทตาย วเสน ยํ โลหิตํ วิสฺสวติฯ ปิตฺตสํสฎฺฐํ โลหิตํ ปกฺขนฺทตีติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ

    485.Yaṃ bhagandarasaṃsaṭṭhaṃ lohitaṃ pakkhandatīti bhagandarabyādhisahitāya lohitapakkhandatāya vasena yaṃ lohitaṃ vissavati. Pittasaṃsaṭṭhaṃ lohitaṃ pakkhandatīti ānetvā sambandho.

    ๔๘๖. อุพฺพิเทฺธติ ทูเรฯ อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิคเมน หิ อากาสํ อุตฺตุงฺคํ วิย ทูรํ วิย จ ขายติฯ เตนาห ‘‘ทูรีภูเต’’ติฯ ตมํเยว ตมคตํ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) ยถาฯ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจเต จ อิทํ จตุตฺถํ ธมฺมสมาทานํ วิภชเนฺตน กุสลกมฺมปถสฺส วิภชิตฺวา ทสฺสิตตฺตาฯ

    486.Ubbiddheti dūre. Abbhamahikādiupakkilesavigamena hi ākāsaṃ uttuṅgaṃ viya dūraṃ viya ca khāyati. Tenāha ‘‘dūrībhūte’’ti. Tamaṃyeva tamagataṃ ‘‘gūthagataṃ muttagata’’nti (ma. ni. 2.119; a. ni. 9.11) yathā. Bhāsate ca tapate ca virocate ca idaṃ catutthaṃ dhammasamādānaṃ vibhajantena kusalakammapathassa vibhajitvā dassitattā.

    สงฺครรุโกฺข กนฺทมาทสโปวฯ สรภญฺญวเสนาติ อตฺถํ อวิภชิตฺวา ปทโส สรภญฺญวเสนฯ โอสาเรนฺตสฺสาติ อุจฺจาเรนฺตสฺสฯ สเทฺทติ โอสารณสเทฺทฯ อธิคตวิเสสํ อนาโรเจตุกามา เทวตา ตเตฺถว อนฺตรธายิฯ ตํ ทิวสนฺติ สตฺถารา เทสิตทิวเสฯ อิติ อตฺตโน วิเสสาธิคมนิมิตฺตตาย อยํ เทวตา อิมํ สุตฺตํ ปิยายติฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Saṅgararukkho kandamādasapova. Sarabhaññavasenāti atthaṃ avibhajitvā padaso sarabhaññavasena. Osārentassāti uccārentassa. Saddeti osāraṇasadde. Adhigatavisesaṃ anārocetukāmā devatā tattheva antaradhāyi. Taṃ divasanti satthārā desitadivase. Iti attano visesādhigamanimittatāya ayaṃ devatā imaṃ suttaṃ piyāyati. Sesaṃ uttānameva.

    มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Mahādhammasamādānasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตํ • 6. Mahādhammasamādānasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahādhammasamādānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact