Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๑๓

    The Middle-Length Suttas Collection 13

    มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺต

    The Longer Discourse on the Mass of Suffering

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery.

    อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสึสุฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ: “อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํ นูน มยํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา”ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทึสุ; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต ภิกฺขู เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ:

    Then several bhikkhus robed up in the morning and, taking their bowls and robes, entered Sāvatthī for alms. Then it occurred to them, “It’s too early to wander for alms in Sāvatthī. Why don’t we go to the monastery of the wanderers of other religions?” Then they went to the monastery of the wanderers of other religions, and exchanged greetings with the wanderers there. When the greetings and polite conversation were over, they sat down to one side. The wanderers said to them:

    “สมโณ, อาวุโส, โคตโม กามานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปติ, มยมฺปิ กามานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปม; สมโณ, อาวุโส, โคตโม รูปานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปติ, มยมฺปิ รูปานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปม; สมโณ, อาวุโส, โคตโม เวทนานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปติ, มยมฺปิ เวทนานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปม; อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กึ นานากรณํ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา—ยทิทํ ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ, อนุสาสนิยา วา อนุสาสนินฺ”ติ?

    “Friends, the ascetic Gotama advocates the complete understanding of sensual pleasures, and so do we. The ascetic Gotama advocates the complete understanding of sights, and so do we. The ascetic Gotama advocates the complete understanding of feelings, and so do we. What, then, is the difference between the ascetic Gotama’s teaching and instruction and ours?”

    อถ โข เต ภิกฺขู เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทึสุ, นปฺปฏิกฺโกสึสุ; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกมึสุ: “ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา”ติฯ

    Those bhikkhus neither approved nor dismissed that statement of the wanderers of other religions. They got up from their seat, thinking, “We will learn the meaning of this statement from the Buddha himself.”

    อถ โข เต ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ: “อิธ มยํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิมฺหฯ เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ เอตทโหสิ: ‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํ นูน มยํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา'ติฯ อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทิมฺห; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิมฺหฯ เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข อเมฺห, ภนฺเต, เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ: ‘สมโณ, อาวุโส, โคตโม กามานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปติ, มยมฺปิ กามานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปมฯ สมโณ, อาวุโส, โคตโม รูปานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปติ, มยมฺปิ รูปานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปมฯ สมโณ, อาวุโส, โคตโม เวทนานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปติ, มยมฺปิ เวทนานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปมฯ อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กึ นานากรณํ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา, ยทิทํ ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ อนุสาสนิยา วา อนุสาสนินฺ'ติฯ อถ โข มยํ, ภนฺเต, เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทิมฺห, นปฺปฏิกฺโกสิมฺห; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกมิมฺห: ‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา'”ติฯ

    Then, after the meal, when they returned from almsround, they went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and told him what had happened. The Buddha said:

    “เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา: ‘โก ปนาวุโส, กามานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณํ? โก รูปานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณํ? โก เวทนานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณนฺ'ติ? เอวํ ปุฏฺฐา, ภิกฺขเว, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา น เจว สมฺปายิสฺสนฺติ, อุตฺตริญฺจ วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมึฯ นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย โย อิเมสํ ปญฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย, อญฺญตฺร ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา, อิโต วา ปน สุตฺวาฯ

    “Bhikkhus, when wanderers of other religions say this, you should say to them: ‘But friends, what’s the gratification, the drawback, and the escape when it comes to sensual pleasures? What’s the gratification, the drawback, and the escape when it comes to sights? What’s the gratification, the drawback, and the escape when it comes to feelings?’ Questioned like this, the wanderers of other religions would be stumped, and, in addition, would get frustrated. Why is that? Because they’re out of their element. I don’t see anyone in this world—with its gods, Māras, and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, its gods and humans—who could provide a satisfying answer to these questions except for the Realized One or his disciple or someone who has heard it from them.

    โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อสฺสาโท? ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิญฺเญยฺยา รูปา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิญฺเญยฺยา สทฺทา …เป… ฆานวิญฺเญยฺยา คนฺธา … ชิวฺหาวิญฺเญยฺยา รสา … กายวิญฺเญยฺยา โผฏฺฐพฺพา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา—อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ กามคุณาฯ ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปญฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ—อยํ กามานํ อสฺสาโทฯ

    And what is the gratification of sensual pleasures? There are these five kinds of sensual stimulation. What five? Sights known by the eye that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing. Sounds known by the ear … Smells known by the nose … Tastes known by the tongue … Touches known by the body that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing. These are the five kinds of sensual stimulation. The pleasure and happiness that arise from these five kinds of sensual stimulation: this is the gratification of sensual pleasures.

    โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺฐาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ—ยทิ มุทฺทาย ยทิ คณนาย ยทิ สงฺขาเนน ยทิ กสิยา ยทิ วณิชฺชาย ยทิ โครกฺเขน ยทิ อิสฺสตฺเถน ยทิ ราชโปริเสน ยทิ สิปฺปญฺญตเรน—สีตสฺส ปุรกฺขโต อุณฺหสฺส ปุรกฺขโต ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผเสฺสหิ ริสฺสมาโน ขุปฺปิปาสาย มียมาโน; อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺฐิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    And what is the drawback of sensual pleasures? It’s when a gentleman earns a living by means such as computing, accounting, calculating, farming, trade, raising cattle, archery, government service, or one of the professions. But they must face cold and heat, being hurt by the touch of flies, mosquitoes, wind, sun, and reptiles, and risking death from hunger and thirst. This is a drawback of sensual pleasures apparent in this very life, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺฐหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา นาภินิปฺผชฺชนฺติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ: ‘โมฆํ วต เม อุฏฺฐานํ, อผโล วต เม วายาโม'ติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺฐิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    That gentleman might try hard, strive, and make an effort, but fail to earn any money. If this happens, they sorrow and wail and lament, beating their breast and falling into confusion, saying: ‘Oh, my hard work is wasted. My efforts are fruitless!’ This too is a drawback of sensual pleasures apparent in this very life, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺฐหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา อภินิปฺผชฺชนฺติฯ โส เตสํ โภคานํ อารกฺขาธิกรณํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ: ‘กินฺติ เม โภเค เนว ราชาโน หเรยฺยุํ, น โจรา หเรยฺยุํ, น อคฺคิ ทเหยฺย, น อุทกํ วเหยฺย, น อปฺปิยา ทายาทา หเรยฺยุนฺ'ติฯ ตสฺส เอวํ อารกฺขโต โคปยโต เต โภเค ราชาโน วา หรนฺติ, โจรา วา หรนฺติ, อคฺคิ วา ทหติ, อุทกํ วา วหติ, อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ: ‘ยมฺปิ เม อโหสิ ตมฺปิ โน นตฺถี'ติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺฐิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    That gentleman might try hard, strive, and make an effort, and succeed in earning money. But they experience pain and sadness when they try to protect it, thinking: ‘How can I prevent my wealth from being taken by rulers or bandits, consumed by fire, swept away by flood, or taken by unloved heirs?’ And even though they protect it and ward it, rulers or bandits take it, or fire consumes it, or flood sweeps it away, or unloved heirs take it. They sorrow and wail and lament, beating their breast and falling into confusion: ‘What used to be mine is gone.’ This too is a drawback of sensual pleasures apparent in this very life, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตีปิ คหปตีหิ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภาตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติฯ เต ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ ปาณีหิปิ อุปกฺกมนฺติ, เลฑฺฑูหิปิ อุปกฺกมนฺติ, ทณฺเฑหิปิ อุปกฺกมนฺติ, สตฺเถหิปิ อุปกฺกมนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺฐิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    Furthermore, for the sake of sensual pleasures kings fight with kings, aristocrats fight with aristocrats, brahmins fight with brahmins, and householders fight with householders. A mother fights with her child, child with mother, father with child, and child with father. Brother fights with brother, brother with sister, sister with brother, and friend fights with friend. Once they’ve started quarreling, arguing, and disputing, they attack each other with fists, stones, rods, and swords, resulting in death and deadly pain. This too is a drawback of sensual pleasures apparent in this very life, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อุภโตพฺยูฬฺหํ สงฺคามํ ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุฯ เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺฐิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    Furthermore, for the sake of sensual pleasures they don their sword and shield, fasten their bow and arrows, and plunge into a battle massed on both sides, with arrows and spears flying and swords flashing. There they are struck with arrows and spears, and their heads are chopped off, resulting in death and deadly pain. This too is a drawback of sensual pleasures apparent in this very life, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อทฺทาวเลปนา อุปการิโย ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุฯ เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, ฉกณกายปิ โอสิญฺจนฺติ, อภิวคฺเคนปิ โอมทฺทนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺฐิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    Furthermore, for the sake of sensual pleasures they don their sword and shield, fasten their bow and arrows, and charge wetly plastered bastions, with arrows and spears flying and swords flashing. There they are struck with arrows and spears, splashed with dung, crushed with spiked blocks, and their heads are chopped off, resulting in death and deadly pain. This too is a drawback of sensual pleasures apparent in this very life, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นิโลฺลปมฺปิ หรนฺติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรนฺติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺฐนฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉนฺติฯ ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ—กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺติ, อฑฺฒทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ; หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ; พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีฐกมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิญฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติฯ เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺฐิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    Furthermore, for the sake of sensual pleasures they break into houses, plunder wealth, steal from isolated buildings, commit highway robbery, and commit adultery. The rulers would arrest them and subject them to various punishments—whipping, caning, and clubbing; cutting off hands or feet, or both; cutting off ears or nose, or both; the ‘porridge pot’, the ‘shell-shave’, the ‘demon’s mouth’, the ‘garland of fire’, the ‘burning hand’, the ‘grass blades’, the ‘bark dress’, the ‘antelope’, the ‘meat hook’, the ‘coins’, the ‘caustic pickle’, the ‘twisting bar’, the ‘straw mat’; being splashed with hot oil, being fed to the dogs, being impaled alive, and being beheaded. These result in death and deadly pain. This too is a drawback of sensual pleasures apparent in this very life, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติฯ เต กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สมฺปรายิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุฯ

    Furthermore, for the sake of sensual pleasures, they conduct themselves badly by way of body, speech, and mind. When their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. This is a drawback of sensual pleasures to do with lives to come, a mass of suffering caused by sensual pleasures.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, กามานํ นิสฺสรณํ? โย โข, ภิกฺขเว, กาเมสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ—อิทํ กามานํ นิสฺสรณํฯ

    And what is the escape from sensual pleasures? Removing and giving up desire and greed for sensual pleasures: this is the escape from sensual pleasures.

    เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ กามานํ อสฺสาทญฺจ อสฺสาทโต อาทีนวญฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณญฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ เต วต สามํ วา กาเม ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน กาเม ปริชานิสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ กามานํ อสฺสาทญฺจ อสฺสาทโต อาทีนวญฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณญฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต วต สามํ วา กาเม ปริชานิสฺสนฺติ ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน กาเม ปริชานิสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ

    There are ascetics and brahmins who don’t truly understand sensual pleasures’ gratification, drawback, and escape in this way for what they are. It’s impossible for them to completely understand sensual pleasures themselves, or to instruct another so that, practicing accordingly, they will completely understand sensual pleasures. There are ascetics and brahmins who do truly understand sensual pleasures’ gratification, drawback, and escape in this way for what they are. It is possible for them to completely understand sensual pleasures themselves, or to instruct another so that, practicing accordingly, they will completely understand sensual pleasures.

    โก จ, ภิกฺขเว, รูปานํ อสฺสาโท? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ขตฺติยกญฺญา วา พฺราหฺมณกญฺญา วา คหปติกญฺญา วา ปนฺนรสวสฺสุทฺเทสิกา วา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วา, นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬี นาจฺโจทาตา ปรมา สา, ภิกฺขเว, ตสฺมึ สมเย สุภา วณฺณนิภาติ?

    And what is the gratification of sights? Suppose there was a girl of the brahmins, aristocrats, or householders in her fifteenth or sixteenth year, neither too tall nor too short, neither too thin nor too fat, neither too dark nor too fair. Is she not at the height of her beauty and prettiness?”

    ‘เอวํ, ภนฺเต'ฯ

    “Yes, sir.”

    ยํ โข, ภิกฺขเว, สุภํ วณฺณนิภํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ—อยํ รูปานํ อสฺสาโทฯ

    “The pleasure and happiness that arise from this beauty and prettiness is the gratification of sights.

    โก จ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปเสฺสยฺย อปเรน สมเยน อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา วสฺสสติกํ วา ชาติยา, ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ โภคฺคํ ทณฺฑปรายนํ ปเวธมานํ คจฺฉนฺตึ อาตุรํ คตโยพฺพนํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ, วิลูนํ ขลิตสิรํ วลินํ ติลกาหตคตฺตํฯ

    And what is the drawback of sights? Suppose that some time later you were to see that same sister—eighty, ninety, or a hundred years old—bent double, crooked, leaning on a staff, trembling as they walk, ailing, past their prime, with teeth broken, hair grey and scanty or bald, skin wrinkled, and limbs blotchy.

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ?

    What do you think, bhikkhus? Has not that former beauty vanished and the drawback become clear?”

    ‘เอวํ, ภนฺเต'ฯ

    “Yes, sir.”

    อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโวฯ

    “This is the drawback of sights.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปเสฺสยฺย อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ, สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ, อญฺเญหิ วุฏฺฐาปิยมานํ, อญฺเญหิ สํเวสิยมานํฯ

    Furthermore, suppose that you were to see that same sister sick, suffering, gravely ill, collapsed in her own urine and feces, being picked up by some and put down by others.

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ?

    What do you think, bhikkhus? Has not that former beauty vanished and the drawback become clear?”

    ‘เอวํ, ภนฺเต'ฯ

    “Yes, sir.”

    อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโวฯ

    “This too is the drawback of sights.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ—เอกาหมตํ วา ทฺวีหมตํ วา ตีหมตํ วา, อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกชาตํฯ

    Furthermore, suppose that you were to see that same sister as a corpse discarded in a charnel ground. And she had been dead for one, two, or three days, bloated, livid, and festering.

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ?

    What do you think, bhikkhus? Has not that former beauty vanished and the drawback become clear?”

    ‘เอวํ, ภนฺเต'ฯ

    “Yes, sir.”

    อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโวฯ

    “This too is the drawback of sights.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ—กาเกหิ วา ขชฺชมานํ, กุลเลหิ วา ขชฺชมานํ, คิชฺเฌหิ วา ขชฺชมานํ, กงฺเกหิ วา ขชฺชมานํ, สุนเขหิ วา ขชฺชมานํ, พฺยคฺเฆหิ วา ขชฺชมานํ, ทีปีหิ วา ขชฺชมานํ, สิงฺคาเลหิ วา ขชฺชมานํ, วิวิเธหิ วา ปาณกชาเตหิ ขชฺชมานํฯ

    Furthermore, suppose that you were to see that same sister as a corpse discarded in a charnel ground. And she was being devoured by crows, hawks, vultures, herons, dogs, tigers, leopards, jackals, and many kinds of little creatures …

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต'ฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโวฯ

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ—อฏฺฐิกสงฺขลิกํ สมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺฐิกสงฺขลิกํ นิมํสโลหิตมกฺขิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺฐิกสงฺขลิกํ อปคตมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺฐิกานิ อปคตสมฺพนฺธานิ ทิสาวิทิสาวิกฺขิตฺตานิ—อญฺเญน หตฺถฏฺฐิกํ, อญฺเญน ปาทฏฺฐิกํ, อญฺเญน โคปฺผกฏฺฐิกํ, อญฺเญน ชงฺฆฏฺฐิกํ, อญฺเญน อูรุฏฺฐิกํ, อญฺเญน กฏิฏฺฐิกํ, อญฺเญน ผาสุกฏฺฐิกํ, อญฺเญน ปิฏฺฐิฏฺฐิกํ, อญฺเญน ขนฺธฏฺฐิกํ, อญฺเญน คีวฏฺฐิกํ, อญฺเญน หนุกฏฺฐิกํ, อญฺเญน ทนฺตฏฺฐิกํ, อญฺเญน สีสกฏาหํฯ

    Furthermore, suppose that you were to see that same sister as a corpse discarded in a charnel ground. And she had been reduced to a skeleton with flesh and blood, held together by sinews … a skeleton rid of flesh but smeared with blood, and held together by sinews … a skeleton rid of flesh and blood, held together by sinews … bones rid of sinews scattered in every direction. Here a hand-bone, there a foot-bone, here a shin-bone, there a thigh-bone, here a hip-bone, there a rib-bone, here a back-bone, there an arm-bone, here a neck-bone, there a jaw-bone, here a tooth, there the skull. …

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต'ฯ อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโวฯ

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ—อฏฺฐิกานิ เสตานิ สงฺขวณฺณปฏิภาคานิ, อฏฺฐิกานิ ปุญฺชกิตานิ เตโรวสฺสิกานิ, อฏฺฐิกานิ ปูตีนิ จุณฺณกชาตานิฯ

    Furthermore, suppose that you were to see that same sister as a corpse discarded in a charnel ground. And she had been reduced to white bones, the color of shells … decrepit bones, heaped in a pile … bones rotted and crumbled to powder.

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ?

    What do you think, bhikkhus? Has not that former beauty vanished and the drawback become clear?”

    ‘เอวํ, ภนฺเต'ฯ

    “Yes, sir.”

    อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโวฯ

    “This too is the drawback of sights.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, รูปานํ นิสฺสรณํ? โย, ภิกฺขเว, รูเปสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ—อิทํ รูปานํ นิสฺสรณํฯ

    And what is the escape from sights? Removing and giving up desire and greed for sights: this is the escape from sights.

    เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ รูปานํ อสฺสาทญฺจ อสฺสาทโต อาทีนวญฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณญฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ เต วต สามํ วา รูเป ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน รูเป ปริชานิสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ รูปานํ อสฺสาทญฺจ อสฺสาทโต อาทีนวญฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณญฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ เต วต สามํ วา รูเป ปริชานิสฺสนฺติ ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน รูเป ปริชานิสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ

    There are ascetics and brahmins who don’t truly understand sights’ gratification, drawback, and escape in this way for what they are. It’s impossible for them to completely understand sights themselves, or to instruct another so that, practicing accordingly, they will completely understand sights. There are ascetics and brahmins who do truly understand sights’ gratification, drawback, and escape in this way for what they are. It is possible for them to completely understand sights themselves, or to instruct another so that, practicing accordingly, they will completely understand sights.

    โก จ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาโท? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เนว ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ; อพฺยาพชฺฌํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติฯ อพฺยาพชฺฌปรมาหํ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาทํ วทามิฯ

    And what is the gratification of feelings? It’s when a bhikkhu, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. At that time a bhikkhu doesn’t intend to hurt themselves, hurt others, or hurt both; they feel only feelings that are not hurtful. Freedom from being hurt is the ultimate gratification of feelings, I say.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ …เป… ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา, อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ: ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี'ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ …เป… ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เนว ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ; อพฺยาพชฺฌํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติฯ อพฺยาพชฺฌปรมาหํ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาทํ วทามิฯ

    Furthermore, a bhikkhu enters and remains in the second jhāna … third jhāna … fourth jhāna. At that time a bhikkhu doesn’t intend to hurt themselves, hurt others, or hurt both; they feel only feelings that are not hurtful. Freedom from being hurt is the ultimate gratification of feelings, I say.

    โก จ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อาทีนโว? ยํ, ภิกฺขเว, เวทนา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา—อยํ เวทนานํ อาทีนโวฯ

    And what is the drawback of feelings? That feelings are impermanent, suffering, and perishable: this is their drawback.

    กิญฺจ, ภิกฺขเว, เวทนานํ นิสฺสรณํ? โย, ภิกฺขเว, เวทนาสุ ฉนฺทราควินโย, ฉนฺทราคปฺปหานํ—อิทํ เวทนานํ นิสฺสรณํฯ

    And what is the escape from feelings? Removing and giving up desire and greed for feelings: this is the escape from feelings.

    เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ เวทนานํ อสฺสาทญฺจ อสฺสาทโต อาทีนวญฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณญฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, เต วต สามํ วา เวทนํ ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน เวทนํ ปริชานิสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ เวทนานํ อสฺสาทญฺจ อสฺสาทโต อาทีนวญฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณญฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ เต วต สามํ วา เวทนํ ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน เวทนํ ปริชานิสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชตี”ติฯ

    There are ascetics and brahmins who don’t truly understand feelings’ gratification, drawback, and escape in this way for what they are. It’s impossible for them to completely understand feelings themselves, or to instruct another so that, practicing accordingly, they will completely understand feelings. There are ascetics and brahmins who do truly understand feelings’ gratification, drawback, and escape in this way for what they are. It is possible for them to completely understand feelings themselves, or to instruct another so that, practicing accordingly, they will completely understand feelings.”

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    That is what the Buddha said. Satisfied, the bhikkhus approved what the Buddha said.

    มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ตติยํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact