Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา

    3. Mahādukkhakkhandhasuttavaṇṇanā

    ๑๖๓. ตโต ปรนฺติ ติณฺณํ ชนานํ อุปริ สโงฺฆ จตุวคฺคกรณียาทิกเมฺมหิ ปฎิกมฺมปฺปตฺตตฺตาฯ คามํ คโตติ วุจฺจติ คามํ อุทฺทิสฺส คตตฺตา, เอวํ สาวตฺถิํ ปวิสิตุํ วิหารโต นิกฺขนฺตา ‘‘ปวิสิํสู’’ติ วุตฺตาฯ ปริญฺญนฺติ ปหานปริญฺญํฯ สา หิ สมติกฺกโม, น อิตราฯ รูปเวทนาสุปีติ ‘‘รูปานํ ปริญฺญํ, เวทนานํ ปริญฺญ’’นฺติ เอตฺถาปิฯ กามํ สเพฺพสํ ติตฺถิยานํ กามาทิปริญฺญาปญฺญาปนเหตุภูโต สมโย นตฺถิ, เยสํ ปน อตฺถิ, เต อุปาทาย ‘‘สกสมยํ ชานนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ยโต ยโต โข โภ อยํ ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข โภ กามานํ ปริญฺญา โหตี’’ติ เอวํ สรูปโต ปฐมชฺฌานํ วิภาเวตุํ อสโกฺกนฺตาปิ เกวลํ อจฺจนฺตปฺปหานสญฺญาย กามานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปยฺยุํ ปฐมชฺฌานํ วทมานาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตาทิสสฺส อาคมาธิคมสฺสาภาวโตฯ รูปเวทนาปริญฺญาสุปิ เอเสว นโยฯ วุเจฺจถาติ วุเจฺจยฺยฯ ทุติยปเทปีติ ‘‘อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ เอวํ วุตฺตวาเกฺยปิฯ เต กิร ภิกฺขูฯ

    163.Tatoparanti tiṇṇaṃ janānaṃ upari saṅgho catuvaggakaraṇīyādikammehi paṭikammappattattā. Gāmaṃ gatoti vuccati gāmaṃ uddissa gatattā, evaṃ sāvatthiṃ pavisituṃ vihārato nikkhantā ‘‘pavisiṃsū’’ti vuttā. Pariññanti pahānapariññaṃ. Sā hi samatikkamo, na itarā. Rūpavedanāsupīti ‘‘rūpānaṃ pariññaṃ, vedanānaṃ pariñña’’nti etthāpi. Kāmaṃ sabbesaṃ titthiyānaṃ kāmādipariññāpaññāpanahetubhūto samayo natthi, yesaṃ pana atthi, te upādāya ‘‘sakasamayaṃ jānantā’’ti vuttaṃ. ‘‘Yato yato kho bho ayaṃ bhikkhu vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, ettāvatā kho bho kāmānaṃ pariññā hotī’’ti evaṃ sarūpato paṭhamajjhānaṃ vibhāvetuṃ asakkontāpi kevalaṃ accantappahānasaññāya kāmānaṃ pariññaṃ paññapeyyuṃ paṭhamajjhānaṃ vadamānā. Taṃ kissa hetu? Tādisassa āgamādhigamassābhāvato. Rūpavedanāpariññāsupi eseva nayo. Vuccethāti vucceyya. Dutiyapadepīti ‘‘anusāsaniyā vā anusāsani’’nti evaṃ vuttavākyepi. Te kira bhikkhū.

    ๑๖๕. เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ น เจว สมฺมเทว ปกาเรหิ คเมสฺสนฺติ ญาเปสฺสนฺติฯ เตนาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติฯ ยสฺมา อวิสเย ปโญฺห ปุจฺฉิโต โหติ, ตสฺมา อาปชฺชิสฺสนฺตีติ โยชนาฯ สเทวเกติ อรูปเทวคฺคหณํฯ เต หิ โลกิยเทเวหิ ทีฆายุกตาทินา อุกฺกฎฺฐาฯ สมารเกติ กามาวจรเทวคฺคหณํฯ สพฺรหฺมเกติ รูปาวจรพฺรหฺมคฺคหณํฯ สสฺสมณพฺราหฺมณิยาติ เอตฺถ สมณคฺคหเณน ปพฺพชิเต, พฺราหฺมณคฺคหเณน ชาติพฺราหฺมเณ, ปุน เทวคฺคหเณน สมฺมุติเทเว, มนุสฺสคฺคหเณน อวสิฎฺฐมนุสฺสกายํ ปริยาทิยติฯ โลกปชาคฺคหเณน ปน ปโยชนํ อฎฺฐกถายํ ทสฺสิตเมวฯ อญฺญถา อาราธนํ นาม นตฺถีติ อิมินา กามรูปเวทนาสุ อสฺสาทาทีนํ ยาถาวโต อวโพโธ เอว อิโต พาหิรกานํ นตฺถิ, กุโต ปเวทนาติ ทเสฺสติฯ

    165.Naceva sampāyissantīti na ceva sammadeva pakārehi gamessanti ñāpessanti. Tenāha ‘‘sampādetvā kathetuṃ na sakkhissantī’’ti. Yasmā avisaye pañho pucchito hoti, tasmā āpajjissantīti yojanā. Sadevaketi arūpadevaggahaṇaṃ. Te hi lokiyadevehi dīghāyukatādinā ukkaṭṭhā. Samāraketi kāmāvacaradevaggahaṇaṃ. Sabrahmaketi rūpāvacarabrahmaggahaṇaṃ. Sassamaṇabrāhmaṇiyāti ettha samaṇaggahaṇena pabbajite, brāhmaṇaggahaṇena jātibrāhmaṇe, puna devaggahaṇena sammutideve, manussaggahaṇena avasiṭṭhamanussakāyaṃ pariyādiyati. Lokapajāggahaṇena pana payojanaṃ aṭṭhakathāyaṃ dassitameva. Aññathā ārādhanaṃ nāma natthīti iminā kāmarūpavedanāsu assādādīnaṃ yāthāvato avabodho eva ito bāhirakānaṃ natthi, kuto pavedanāti dasseti.

    ๑๖๖. จิตฺตาราธนนฺติ ยาถาวปเวทเนน ปเรสํ จิตฺตสฺส ปริโตสนํฯ พนฺธนเฎฺฐน คุณาติ กามราคสํโยชนสฺส ปจฺจยภาเวน วตฺถุกาเมสุปิ พนฺธนโฎฺฐ วุโตฺต, โกฎฺฐาสโฎฺฐ วา คุณโฎฺฐ ทฎฺฐโพฺพฯ ตรยนฺตีติ ตรมานา ยนฺติ คจฺฉนฺติฯ อตีตาทิภินฺนปฐมาทิวยา เอว จิตฺตตา ราสิภาเวน วโยคุณาติ คหิตาติ อาห ‘‘ราสโฎฺฐ คุณโฎฺฐ’’ติฯ จกฺขุวิเญฺญยฺยาติ วา จกฺขุวิญฺญาณตํทฺวาริกวิญฺญาเณหิ วิชานิตพฺพาฯ โสตวิเญฺญยฺยาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิฎฺฐารมฺมณภูตาติ สภาเวเนว อิฎฺฐารมฺมณชาติกา, อิฎฺฐารมฺมณภาวํ วา ปตฺตาฯ กมนียาติ กาเมตพฺพาฯ มนวฑฺฒนกาติ มโนหราฯ เอเตน ปริกปฺปนโตปิ อิฎฺฐภาวํ คณฺหาติฯ ปิยชาติกาติ ปิยายิตพฺพสภาวาฯ กามูปสํหิตาติ กามราเคน อุเปจฺจ สนฺธานิยา สมฺพทฺธา (อ. นิ. ฎี. ๓.๖.๖๓) กาตพฺพาติ อาห ‘‘อารมฺมณํ กตฺวา’’ติฯ

    166.Cittārādhananti yāthāvapavedanena paresaṃ cittassa paritosanaṃ. Bandhanaṭṭhena guṇāti kāmarāgasaṃyojanassa paccayabhāvena vatthukāmesupi bandhanaṭṭho vutto, koṭṭhāsaṭṭho vā guṇaṭṭho daṭṭhabbo. Tarayantīti taramānā yanti gacchanti. Atītādibhinnapaṭhamādivayā eva cittatā rāsibhāvena vayoguṇāti gahitāti āha ‘‘rāsaṭṭho guṇaṭṭho’’ti. Cakkhuviññeyyāti vā cakkhuviññāṇataṃdvārikaviññāṇehi vijānitabbā. Sotaviññeyyātiādīsupi eseva nayo. Iṭṭhārammaṇabhūtāti sabhāveneva iṭṭhārammaṇajātikā, iṭṭhārammaṇabhāvaṃ vā pattā. Kamanīyāti kāmetabbā. Manavaḍḍhanakāti manoharā. Etena parikappanatopi iṭṭhabhāvaṃ gaṇhāti. Piyajātikāti piyāyitabbasabhāvā. Kāmūpasaṃhitāti kāmarāgena upecca sandhāniyā sambaddhā (a. ni. ṭī. 3.6.63) kātabbāti āha ‘‘ārammaṇaṃ katvā’’ti.

    ๑๖๗. สญฺญํ ฐเปตฺวาติ ‘‘อิมสฺมิํ องฺคุลิกาทิปเพฺพ คหิเต สตํ โหติ, อิมสฺมิํ สหสฺส’’นฺติอาทินา สญฺญาณํ กตฺวา คณนาฯ อจฺฉิทฺทคณนาติ ‘‘เอกํ เทฺว’’ติอาทินา นวนฺตวิธินา นิรนฺตรคณนาฯ ปิณฺฑคณนาติ สงฺกลนปฎุปฺปาทนาทินา ปิณฺฑิตฺวา คณนาฯ เตนาห ‘‘เขตฺตํ โอโลเกตฺวา’’ติอาทิฯ กสนํ กสีติ กสิคฺคหเณน สโพฺพ กสิปฎิพโทฺธ ชีวิกูปาโย คหิโตติ อาห ‘‘กสีติ กสิกมฺม’’นฺติฯ ชงฺฆวณิชฺชาติ ชงฺฆสตฺถวเสน วณิชฺชํ อาห, ถลวณิชฺชาติ สกฎสตฺถวเสนฯ อาทิ-สเทฺทน นาวาปณาทิวเสน โวหารํฯ วณิปฺปโถติ วณิชมโคฺค, ทานคฺคหณวเสน สํโวหาโรติ อโตฺถฯ อุสูนํ อสนกมฺมํ อิสฺสตฺตํ, ธนุสิเปฺปน ชีวิกา, อิธ ปน อิสฺสตฺตํ วิยาติ อิสฺสตฺตํ, สพฺพอาวุธชีวิกาติ อาห ‘‘อาวุธํ คเหตฺวา อุปฎฺฐานกมฺม’’นฺติฯ โปโรหิจฺจามจฺจกมฺมาทิ ราชกมฺมํฯ อาทิ-สเทฺทน รถสิปฺปขตฺตวิชฺชาสิปฺปาทิ-วุตฺตาวเสสํ มหาสิปฺปํ ขุทฺทกสิปฺปญฺจ สงฺคณฺหาติฯ สีตสฺส ปุรกฺขโตติ สีตสฺส ปุรโต กโตฯ โย หิ สีตกาเล ชีวิกาเหตุ สีตลปเทสํ ปกฺขนฺทติ, โส วาฬมิคาทีหิ วิย สีเตน ปริปาติยมาโน เตน ปุรโต กโต วิย โหติฯ เตนาห ‘‘สีเตน พาธิยมาโน’’ติฯ อุณฺหสฺส ปุรกฺขโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สริตฺวาติ สํสปฺปิตฺวาฯ ฆฎฺฎิยมาโนติ หิํสิยมาโน พาธิยมาโนฯ อาพาธนํ อาพาโธ, ปีฬาติ อโตฺถฯ กามเหตุนฺติ วา ภาวนปุํสกนิเทฺทโส ยถา ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐)ฯ ตถา เสสปททฺวเยปิฯ เตเนวาห ‘‘กามานเมว เหตู’’ติฯ กามานํ เหตูติ เอตฺถ ปุริมปทาวธารณมยุตฺตํ ตทญฺญปจฺจยปฎิเกฺขปาปตฺติโต, ตถา อุตฺตรปทาวธารณํ กามานํ กทาจิ อเหตุภาวสฺสปิ สมฺภวโต, ตสฺมา ‘‘อุปฺปชฺชติเยวา’’ติ วุตฺตํฯ

    167.Saññaṃ ṭhapetvāti ‘‘imasmiṃ aṅgulikādipabbe gahite sataṃ hoti, imasmiṃ sahassa’’ntiādinā saññāṇaṃ katvā gaṇanā. Acchiddagaṇanāti ‘‘ekaṃ dve’’tiādinā navantavidhinā nirantaragaṇanā. Piṇḍagaṇanāti saṅkalanapaṭuppādanādinā piṇḍitvā gaṇanā. Tenāha ‘‘khettaṃ oloketvā’’tiādi. Kasanaṃ kasīti kasiggahaṇena sabbo kasipaṭibaddho jīvikūpāyo gahitoti āha ‘‘kasīti kasikamma’’nti. Jaṅghavaṇijjāti jaṅghasatthavasena vaṇijjaṃ āha, thalavaṇijjāti sakaṭasatthavasena. Ādi-saddena nāvāpaṇādivasena vohāraṃ. Vaṇippathoti vaṇijamaggo, dānaggahaṇavasena saṃvohāroti attho. Usūnaṃ asanakammaṃ issattaṃ, dhanusippena jīvikā, idha pana issattaṃ viyāti issattaṃ, sabbaāvudhajīvikāti āha ‘‘āvudhaṃ gahetvā upaṭṭhānakamma’’nti. Porohiccāmaccakammādi rājakammaṃ.Ādi-saddena rathasippakhattavijjāsippādi-vuttāvasesaṃ mahāsippaṃ khuddakasippañca saṅgaṇhāti. Sītassa purakkhatoti sītassa purato kato. Yo hi sītakāle jīvikāhetu sītalapadesaṃ pakkhandati, so vāḷamigādīhi viya sītena paripātiyamāno tena purato kato viya hoti. Tenāha ‘‘sītena bādhiyamāno’’ti. Uṇhassa purakkhatoti etthāpi eseva nayo. Saritvāti saṃsappitvā. Ghaṭṭiyamānoti hiṃsiyamāno bādhiyamāno. Ābādhanaṃ ābādho, pīḷāti attho. Kāmahetunti vā bhāvanapuṃsakaniddeso yathā ‘‘visamaṃ candimasūriyā parivattantī’’ti (a. ni. 4.70). Tathā sesapadadvayepi. Tenevāha ‘‘kāmānameva hetū’’ti. Kāmānaṃ hetūti ettha purimapadāvadhāraṇamayuttaṃ tadaññapaccayapaṭikkhepāpattito, tathā uttarapadāvadhāraṇaṃ kāmānaṃ kadāci ahetubhāvassapi sambhavato, tasmā ‘‘uppajjatiyevā’’ti vuttaṃ.

    อุฎฺฐหโตติ อิมินา อุฎฺฐานวีริยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อาชีวสมุฎฺฐาปกวีริเยนา’’ติฯ ตํ วีริยนฺติ อาชีวิกสมุฎฺฐาปกวีริยํฯ ปุเพฺพนาปรํ ฆเฎนฺตสฺสาติ อารมฺภโต ปฎฺฐาย นิรนฺตรํ ปวเตฺตนฺตสฺสฯ จิเตฺต อุปฺปนฺนพลวโสเกน โสจตีติ จิตฺตสนฺตาเปน อโนฺต นิชฺฌายติฯ กาเย อุปฺปนฺนทุเกฺขนาติ ตเสฺสว โสกสฺส วเสน กาเย อุปฺปนฺนทุเกฺขนฯ โสกุเทฺทเสน ตํ ตํ วิปฺปลเปโนฺต วา ปริเทวติฯ อุรํ ตาเฬตฺวาติ วกฺขปฺปเทสํ ปหริตฺวาฯ ‘‘โมฆ’’นฺติอาทิ ปริเทวนาการทสฺสนเญฺจว สโมฺมหาปชฺชนาการทสฺสนญฺจฯ เมติ วตฺวา ปุน โนติ ปุถุวจนํ อตฺตโน อุภยถาปิ โวหริตพฺพโต, พฺยามูฬฺหวจนํ วา โสกวเสนฯ

    Uṭṭhahatoti iminā uṭṭhānavīriyaṃ vuttanti āha ‘‘ājīvasamuṭṭhāpakavīriyenā’’ti. Taṃ vīriyanti ājīvikasamuṭṭhāpakavīriyaṃ. Pubbenāparaṃ ghaṭentassāti ārambhato paṭṭhāya nirantaraṃ pavattentassa. Citte uppannabalavasokena socatīti cittasantāpena anto nijjhāyati. Kāye uppannadukkhenāti tasseva sokassa vasena kāye uppannadukkhena. Sokuddesena taṃ taṃ vippalapento vā paridevati. Uraṃ tāḷetvāti vakkhappadesaṃ paharitvā. ‘‘Mogha’’ntiādi paridevanākāradassanañceva sammohāpajjanākāradassanañca. Meti vatvā puna noti puthuvacanaṃ attano ubhayathāpi voharitabbato, byāmūḷhavacanaṃ vā sokavasena.

    ๑๖๘. อิธ กามคฺคหเณน วิเสสโต วตฺถุกามา คหิตาติ กามาทิคฺคหณํ กตํ, นานนฺตริยตาย ปน กิเลสกาโมปิ คหิโต เอวฯ อสิจมฺมนฺติ เอตฺถ จมฺมคฺคหเณน น เกวลํ จมฺมมยสฺส, จมฺมปริสิพฺพิตเสฺสว วา คหณํ, อถ โข สพฺพสฺสปิ อาวุธพาธกสฺส คหณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เขฎกผลกาทีนี’’ติ อาหฯ อาทิ-สเทฺทน สราทิสงฺคโหฯ ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวาติ ธนุเญฺจว ขุรปฺปตูณิญฺจ สนฺนยฺหิตฺวา, ธนุทณฺฑสฺส ชิยาย ตถาภาวกรณาทิปิ (อ. นิ. ฎี. ๓.๕.๗๖) ธนุโน สนฺนยฺหนนฺติฯ ทฺวินฺนํ เสนานํ พฺยูหสํวิธาเนน วา อุภโตพฺยูฬฺหํฯ วิโชฺชตลเนฺตสูติ นิสิตปีตผลตาย วิโชฺชตนวเสน ปริวตฺตมาเนสุฯ

    168. Idha kāmaggahaṇena visesato vatthukāmā gahitāti kāmādiggahaṇaṃ kataṃ, nānantariyatāya pana kilesakāmopi gahito eva. Asicammanti ettha cammaggahaṇena na kevalaṃ cammamayassa, cammaparisibbitasseva vā gahaṇaṃ, atha kho sabbassapi āvudhabādhakassa gahaṇanti dassento ‘‘kheṭakaphalakādīnī’’ti āha. Ādi-saddena sarādisaṅgaho. Dhanukalāpaṃ sannayhitvāti dhanuñceva khurappatūṇiñca sannayhitvā, dhanudaṇḍassa jiyāya tathābhāvakaraṇādipi (a. ni. ṭī. 3.5.76) dhanuno sannayhananti. Dvinnaṃ senānaṃ byūhasaṃvidhānena vā ubhatobyūḷhaṃ. Vijjotalantesūti nisitapītaphalatāya vijjotanavasena parivattamānesu.

    ปาการสมีปาติสงฺขารตาย ปาการปาทา อุปการิโย, ยา ‘‘อุทฺทาปา’’ติ วุจฺจนฺติฯ สตทเนฺตนาติ อเนกสตทนฺตเกน, ยสฺส ติขิณทนฺตานิ อเนกสตานิ มูลานิ โหนฺติฯ อติภารตาย ทสวีสมตฺตาปิ ชนา อุกฺขิปิตุํ น สโกฺกนฺติ, ยนฺตวเสน ปน อุกฺขิปิตฺวา พนฺธิตฺวา ฐเปนฺติฯ เตนาห ‘‘อฎฺฐทนฺตากาเรนา’’ติอาทิฯ โอมทฺทนฺตีติ โอฎฺฐเปนฺติฯ

    Pākārasamīpātisaṅkhāratāya pākārapādā upakāriyo, yā ‘‘uddāpā’’ti vuccanti. Satadantenāti anekasatadantakena, yassa tikhiṇadantāni anekasatāni mūlāni honti. Atibhāratāya dasavīsamattāpi janā ukkhipituṃ na sakkonti, yantavasena pana ukkhipitvā bandhitvā ṭhapenti. Tenāha ‘‘aṭṭhadantākārenā’’tiādi. Omaddantīti oṭṭhapenti.

    ๑๖๙. สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ โจริกาย ชีวิตุกามาฯ นิโลฺลปนฺติ นิเสฺสสวิโลปํ, เอกํ ปริตฺตํ คามํ ปริวาเรตฺวา ตตฺถ กิญฺจิปิ คยฺหูปคํ อเสเสตฺวา กรมรคฺคหณํฯ เตนาห ‘‘มหาวิโลป’’นฺติฯ ปนฺถทุหนกมฺมํ อฎวิมเคฺค ฐตฺวา อทฺธิกานํ วิลุมฺปนํฯ ปหารสาธนตฺถํ (อ. นิ. ฎี. ๒.๒.๑) ทณฺฑปฺปหารสฺส สุขสิทฺธิอตฺถํฯ กญฺชิโต นิพฺพตฺตํ กญฺชิยํ, อารนาลํฯ ยํ ‘‘พิลงฺค’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ ยตฺถ สิญฺจติ, สา กญฺชิยอุกฺขลิกาฯ พิลงฺคถาลิกสทิสกรณํ พิลงฺคถาลิยํฯ สีสกปาลํ อุปฺปาเฎตฺวาติ อโยคุฬปเวสนปฺปมาณํ ฉิทฺทํ กตฺวาฯ สงฺขมุณฺฑกมฺมการณนฺติ สงฺขํ วิย มุณฺฑกมฺมการณํฯ

    169.Sandhimpi chindanti corikāya jīvitukāmā. Nillopanti nissesavilopaṃ, ekaṃ parittaṃ gāmaṃ parivāretvā tattha kiñcipi gayhūpagaṃ asesetvā karamaraggahaṇaṃ. Tenāha ‘‘mahāvilopa’’nti. Panthaduhanakammaṃ aṭavimagge ṭhatvā addhikānaṃ vilumpanaṃ. Pahārasādhanatthaṃ (a. ni. ṭī. 2.2.1) daṇḍappahārassa sukhasiddhiatthaṃ. Kañjito nibbattaṃ kañjiyaṃ, āranālaṃ. Yaṃ ‘‘bilaṅga’’ntipi vuccati, taṃ yattha siñcati, sā kañjiyaukkhalikā. Bilaṅgathālikasadisakaraṇaṃ bilaṅgathāliyaṃ. Sīsakapālaṃ uppāṭetvāti ayoguḷapavesanappamāṇaṃ chiddaṃ katvā. Saṅkhamuṇḍakammakāraṇanti saṅkhaṃ viya muṇḍakammakāraṇaṃ.

    ราหุมุขกมฺมการณนฺติ ราหุมุขคต-สูริยสทิส-กมฺมการณํฯ โชติมาลิกนฺติ โชติมาลวนฺตํ กมฺมการณํฯ หตฺถปโชฺชติกนฺติ หตฺถปโชฺชตนกมฺมการณํฯ เอรกวตฺตกมฺมการณนฺติ เอรกวตฺตสทิเส สรีรโต พเทฺธ อุปฺปาฎนกมฺมการณํฯ จีรกวาสิกกมฺมการณนฺติ สรีรโต อุปฺปาฎิตพทฺธจีรกาหิ นิวาสาปนกมฺมการณํฯ ตํ กโรนฺตา ยถา คีวโต ปฎฺฐาย พเทฺธ กนฺติตฺวา กฎิยเมว ฐเปนฺติ, เอวํ โคปฺผกโต ปฎฺฐาย กนฺติตฺวา กฎิยเมว ฐเปนฺติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘กฎิโต ปฎฺฐาย กนฺติตฺวา โคปฺผเกสุ ฐเปนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ เอเณยฺยกกมฺมการณนฺติ เอณีมิคสทิสกมฺมการณํ ฯ อยวลยานิ ทตฺวาติ อยวลยานิ ปฎิมุญฺจิตฺวาฯ อยสูลานิ โกเฎฺฎนฺตีติ กปฺปรชณฺณุกโกฎีสุ อยสูลานิ ปเวเสนฺติฯ นฺติ ตํ ตถากตกมฺมการณํ สตฺตํฯ

    Rāhumukhakammakāraṇanti rāhumukhagata-sūriyasadisa-kammakāraṇaṃ. Jotimālikanti jotimālavantaṃ kammakāraṇaṃ. Hatthapajjotikanti hatthapajjotanakammakāraṇaṃ. Erakavattakammakāraṇanti erakavattasadise sarīrato baddhe uppāṭanakammakāraṇaṃ. Cīrakavāsikakammakāraṇanti sarīrato uppāṭitabaddhacīrakāhi nivāsāpanakammakāraṇaṃ. Taṃ karontā yathā gīvato paṭṭhāya baddhe kantitvā kaṭiyameva ṭhapenti, evaṃ gopphakato paṭṭhāya kantitvā kaṭiyameva ṭhapenti. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘kaṭito paṭṭhāya kantitvā gopphakesu ṭhapentī’’ti vuttaṃ. Eṇeyyakakammakāraṇanti eṇīmigasadisakammakāraṇaṃ . Ayavalayāni datvāti ayavalayāni paṭimuñcitvā. Ayasūlāni koṭṭentīti kapparajaṇṇukakoṭīsu ayasūlāni pavesenti. Nti taṃ tathākatakammakāraṇaṃ sattaṃ.

    พฬิสมํสิกนฺติ พฬิเสหิ มํสุปฺปาฎนกมฺมการณํฯ กหาปณิกนฺติ กหาปณมตฺตโส ฉินฺทนกมฺมการณํฯ โกเฎฺฎนฺตีติ ฉินฺทนฺติฯ ขาราปตจฺฉิกนฺติ ตเจฺฉตฺวา ขาราวสิญฺจนกมฺมการณํฯ ปลิฆปริวตฺติกนฺติ ปลิฆสฺส วิย ปริวตฺตนกมฺมการณํฯ เอกาพทฺธํ กโรนฺติ อยสูลสฺส โกฎฺฎเนนฯ ปลาลปีฐกนฺติ ปลาลปีฐสฺส วิย สรีรสฺส สํเวลฺลนกมฺมการณํฯ การณิกาติ ฆาตนการกาฯ ปลาลวฎฺฎิํ วิย กตฺวาติ ยถา ปลาลปีฐํ กโรนฺตา ปลาลวฎฺฎิํ กตฺวา สํเวลฺลนวเสน นํ (อ. นิ. ฎี. ๒.๒.๑) เวเฐนฺติ, เอวํ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ ฉาตเกหีติ พุภุกฺขิเตหิ โกเลยฺยกสุนเขหิฯ พลวโนฺต หิ เต ชวโยคฺคา สูรา จ โหนฺติฯ กมฺมวเสน สมฺปเรติ เอตฺถาติ สมฺปราโย, ปรโลโกฯ ตตฺถ ภโวติ สมฺปรายิโก

    Baḷisamaṃsikanti baḷisehi maṃsuppāṭanakammakāraṇaṃ. Kahāpaṇikanti kahāpaṇamattaso chindanakammakāraṇaṃ. Koṭṭentīti chindanti. Khārāpatacchikanti tacchetvā khārāvasiñcanakammakāraṇaṃ. Palighaparivattikanti palighassa viya parivattanakammakāraṇaṃ. Ekābaddhaṃ karonti ayasūlassa koṭṭanena. Palālapīṭhakanti palālapīṭhassa viya sarīrassa saṃvellanakammakāraṇaṃ. Kāraṇikāti ghātanakārakā. Palālavaṭṭiṃ viya katvāti yathā palālapīṭhaṃ karontā palālavaṭṭiṃ katvā saṃvellanavasena naṃ (a. ni. ṭī. 2.2.1) veṭhenti, evaṃ karontīti attho. Chātakehīti bubhukkhitehi koleyyakasunakhehi. Balavanto hi te javayoggā sūrā ca honti. Kammavasena sampareti etthāti samparāyo, paraloko. Tattha bhavoti samparāyiko.

    ๑๗๐. ฉนฺทราโค วินียติ เจว ปหียติ จ เอตฺถาติ นิพฺพานํ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานญฺจาติฯ เตนาห ‘‘นิพฺพานญฺหี’’ติฯ ตตฺถ อาคมฺมาติ อิทํ โย ฉนฺทราคํ วิเนติ ปชหติ, ตสฺส อารมฺมณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตีหิ ปริญฺญาหีติ อิมินา ญาตตีรณปริญฺญาหิ ปริชานิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ โก ปน วาโท ปหานปริญฺญายาติ ทเสฺสติ? ตถภาวายาติ ปริชานนกภาวายฯ

    170. Chandarāgo vinīyati ceva pahīyati ca etthāti nibbānaṃ chandarāgavinayo chandarāgappahānañcāti. Tenāha ‘‘nibbānañhī’’ti. Tattha āgammāti idaṃ yo chandarāgaṃ vineti pajahati, tassa ārammaṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Tīhi pariññāhīti iminā ñātatīraṇapariññāhi parijānissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Ko pana vādo pahānapariññāyāti dasseti? Tathabhāvāyāti parijānanakabhāvāya.

    ๑๗๑. อปริเตฺตนาติ อหีเนนฯ วิปุเลนาติ มหตาฯ ยทิ วณฺณสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ, วณฺณทสกํ กสฺมา น คหิตนฺติ อาห ‘‘มาตุคามสฺส หี’’ติอาทิฯ โภชนสมฺปทาทีนํ อลาเภปีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺตสฺสปี’’ติ วุตฺตํฯ โถกํ โถกํ วณฺณายตนํ ปสีทติ มํสสฺส ปริพฺรูหนโต ถนมํสานิ วฑฺฒนฺติ ชายนฺติฯ วเณฺณติ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสโนฺต วิย โหตีติ วโณฺณฯ โส เอว สามโคฺคปโภคาทินา นิภาตีติ นิภาฯ เตนาห ‘‘วณฺณนิภาติ วโณฺณเยวา’’ติฯ

    171.Aparittenāti ahīnena. Vipulenāti mahatā. Yadi vaṇṇasampattidassanatthaṃ, vaṇṇadasakaṃ kasmā na gahitanti āha ‘‘mātugāmassa hī’’tiādi. Bhojanasampadādīnaṃ alābhepīti dassanatthaṃ ‘‘duggatakule nibbattassapī’’ti vuttaṃ. Thokaṃ thokaṃ vaṇṇāyatanaṃ pasīdati maṃsassa paribrūhanato thanamaṃsāni vaḍḍhanti jāyanti. Vaṇṇeti hadayaṅgatabhāvaṃ pakāsento viya hotīti vaṇṇo. So eva sāmaggopabhogādinā nibhātīti nibhā. Tenāha ‘‘vaṇṇanibhāti vaṇṇoyevā’’ti.

    โภคฺคนฺติ อติวิย วงฺกตาย โภคฺคํฯ ตาทิสํ ปน สรีรํ ภคฺคํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ภคฺค’’นฺติฯ เตนาห ‘‘อิมินาปิสฺส วงฺกภาวเมว ทีเปตี’’ติฯ ทนฺตานํ ฉินฺนภินฺนตาย เอกจฺจานํ ปตเนน จ ขณฺฑิตทนฺตํฯ เกสานํ เสตวณฺณตาย ปลิตนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑรเกส’’นฺติฯ เกสานํ มตฺตโส สิยเน ขลฺลาฎโวหาโรติ พหุโส สิยนํ สนฺธายาห ‘‘มหาขลฺลาฎสีส’’นฺติฯ วสฺสสติกกาเล อุปฺปชฺชนติลกานิ สนฺธายาห ‘‘ติลกาหตคตฺต’’นฺติฯ ตานิ ปน กานิจิ เสตานิ โหนฺติ กานิจิ กาฬานีติ อาห ‘‘เสตกาฬติลเกหี’’ติฯ พฺยาธิกนฺติ สญฺจาตพฺยาธิํฯ พาฬฺหคิลานนฺติ มารณนฺติ กเคลเญฺญน คิลานํฯ

    Bhogganti ativiya vaṅkatāya bhoggaṃ. Tādisaṃ pana sarīraṃ bhaggaṃ viya hotīti āha ‘‘bhagga’’nti. Tenāha ‘‘imināpissa vaṅkabhāvameva dīpetī’’ti. Dantānaṃ chinnabhinnatāya ekaccānaṃ patanena ca khaṇḍitadantaṃ. Kesānaṃ setavaṇṇatāya palitanti āha ‘‘paṇḍarakesa’’nti. Kesānaṃ mattaso siyane khallāṭavohāroti bahuso siyanaṃ sandhāyāha ‘‘mahākhallāṭasīsa’’nti. Vassasatikakāle uppajjanatilakāni sandhāyāha ‘‘tilakāhatagatta’’nti. Tāni pana kānici setāni honti kānici kāḷānīti āha ‘‘setakāḷatilakehī’’ti. Byādhikanti sañcātabyādhiṃ. Bāḷhagilānanti māraṇanti kagelaññena gilānaṃ.

    ๑๗๓. ตสฺมิํ สมเยติ ตสฺมิํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเยฯ น เจเตตีติ น อภิสนฺทหติฯ พฺยาพาธนเฎฺฐน พฺยาพาโธ, พฺยาพาโธว พฺยาพชฺฌํ, นตฺถิ เอตฺถ พฺยาพชฺฌนฺติ อพฺยาพชฺฌํ, ทุกฺขรหิตํฯ เตนาห ‘‘นิทฺทุกฺขเมวา’’ติฯ

    173.Tasmiṃ samayeti tasmiṃ jhānaṃ upasampajja viharaṇasamaye. Na cetetīti na abhisandahati. Byābādhanaṭṭhena byābādho, byābādhova byābajjhaṃ, natthi ettha byābajjhanti abyābajjhaṃ, dukkharahitaṃ. Tenāha ‘‘niddukkhamevā’’ti.

    ๑๗๔. อนิจฺจาทิอากาโรติ อนิจฺจากาโร ทุกฺขากาโร วิปริณามากาโร จลาทิอากาโร จฯ

    174.Aniccādiākāroti aniccākāro dukkhākāro vipariṇāmākāro calādiākāro ca.

    มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Mahādukkhakkhandhasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ • 3. Mahādukkhakkhandhasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahādukkhakkhandhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact