Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๓. มหาโคปาลกสุตฺตวณฺณนา

    3. Mahāgopālakasuttavaṇṇanā

    ๓๔๖. เอวํ เม สุตนฺติ มหาโคปาลกสุตฺตํฯ ตตฺถ ติโสฺส กถา เอกนาฬิกา, จตุรสฺสา, นิสินฺนวตฺติกาติฯ ตตฺถ ปาฬิํ วตฺวา เอเกกปทสฺส อตฺถกถนํ เอกนาฬิกา นามฯ อปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทเสฺสตฺวา, อปณฺฑิตํ ภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวา, ปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทเสฺสตฺวา, ปณฺฑิตํ ภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวาติ จตุกฺกํ พนฺธิตฺวา กถนํ จตุรสฺสา นามฯ อปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนํ, อปณฺฑิตํ ภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนํ, ปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนํ, ปณฺฑิตํ ภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนนฺติ อยํ นิสินฺนวตฺติกา นามฯ อยํ อิธ สพฺพาจริยานํ อาจิณฺณาฯ

    346.Evaṃme sutanti mahāgopālakasuttaṃ. Tattha tisso kathā ekanāḷikā, caturassā, nisinnavattikāti. Tattha pāḷiṃ vatvā ekekapadassa atthakathanaṃ ekanāḷikā nāma. Apaṇḍitaṃ gopālakaṃ dassetvā, apaṇḍitaṃ bhikkhuṃ dassetvā, paṇḍitaṃ gopālakaṃ dassetvā, paṇḍitaṃ bhikkhuṃ dassetvāti catukkaṃ bandhitvā kathanaṃ caturassā nāma. Apaṇḍitaṃ gopālakaṃ dassetvā pariyosānagamanaṃ, apaṇḍitaṃ bhikkhuṃ dassetvā pariyosānagamanaṃ, paṇḍitaṃ gopālakaṃ dassetvā pariyosānagamanaṃ, paṇḍitaṃ bhikkhuṃ dassetvā pariyosānagamananti ayaṃ nisinnavattikā nāma. Ayaṃ idha sabbācariyānaṃ āciṇṇā.

    เอกาทสหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหีติ เอกาทสหิ อคุณโกฎฺฐาเสหิฯ โคคณนฺติ โคมณฺฑลํฯ ปริหริตุนฺติ ปริคฺคเหตฺวา วิจริตุํฯ ผาติํ กาตุนฺติ วฑฺฒิํ อาปาเทตุํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ น รูปญฺญู โหตีติ คณนโต วา วณฺณโต วา รูปํ น ชานาติฯ คณนโต น ชานาติ นาม อตฺตโน คุนฺนํ สตํ วา สหสฺสํ วาติ สงฺขฺยํ น ชานาติฯ โส คาวีสุ หฎาสุ วา ปลาตาสุ วา โคคณํ คเณตฺวา, อชฺช เอตฺติกา น ทิสฺสนฺตีติ เทฺว ตีณิ คามนฺตรานิ วา อฎวิํ วา วิจรโนฺต น ปริเยสติ, อเญฺญสํ คาวีสุ อตฺตโน โคคณํ ปวิฎฺฐาสุปิ โคคณํ คเณตฺวา, ‘‘อิมา เอตฺติกา คาโว น อมฺหาก’’นฺติ ยฎฺฐิยา โปเถตฺวา น นีหรติ, ตสฺส นฎฺฐา คาวิโย นฎฺฐาว โหนฺติฯ ปรคาวิโย คเหตฺวา วิจรนฺตํ โคสามิกา ทิสฺวา, ‘‘อยํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ เธนุํ คณฺหาตี’’ติ ตเชฺชตฺวา อตฺตโน คาวิโย คเหตฺวา คจฺฉนฺติฯ ตสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปญฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ วณฺณโต น ชานาติ นาม – ‘‘เอตฺติกา คาโว เสตา, เอตฺติกา รตฺตา, เอตฺติกา กาฬา, เอตฺติกา กพรา เอตฺติกา นีลา’’ติ น ชานาติ, โส คาวีสุ หฎาสุ วา…เป.… ปญฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Ekādasahi, bhikkhave, aṅgehīti ekādasahi aguṇakoṭṭhāsehi. Gogaṇanti gomaṇḍalaṃ. Pariharitunti pariggahetvā vicarituṃ. Phātiṃ kātunti vaḍḍhiṃ āpādetuṃ. Idhāti imasmiṃ loke. Na rūpaññū hotīti gaṇanato vā vaṇṇato vā rūpaṃ na jānāti. Gaṇanato na jānāti nāma attano gunnaṃ sataṃ vā sahassaṃ vāti saṅkhyaṃ na jānāti. So gāvīsu haṭāsu vā palātāsu vā gogaṇaṃ gaṇetvā, ajja ettikā na dissantīti dve tīṇi gāmantarāni vā aṭaviṃ vā vicaranto na pariyesati, aññesaṃ gāvīsu attano gogaṇaṃ paviṭṭhāsupi gogaṇaṃ gaṇetvā, ‘‘imā ettikā gāvo na amhāka’’nti yaṭṭhiyā pothetvā na nīharati, tassa naṭṭhā gāviyo naṭṭhāva honti. Paragāviyo gahetvā vicarantaṃ gosāmikā disvā, ‘‘ayaṃ ettakaṃ kālaṃ amhākaṃ dhenuṃ gaṇhātī’’ti tajjetvā attano gāviyo gahetvā gacchanti. Tassa gogaṇopi parihāyati, pañcagorasaparibhogatopi paribāhiro hoti. Vaṇṇato na jānāti nāma – ‘‘ettikā gāvo setā, ettikā rattā, ettikā kāḷā, ettikā kabarā ettikā nīlā’’ti na jānāti, so gāvīsu haṭāsu vā…pe… pañcagorasaparibhogatopi paribāhiro hoti.

    น ลกฺขณกุสโล โหตีติ คาวีนํ สรีเร กตํ ธนุสตฺติสูลาทิเภทํ ลกฺขณํ น ชานาติ , โส คาวีสุ หฎาสุ วา ปลาตาสุ วา อชฺช อสุกลกฺขณา จ อสุกลกฺขณา จ คาโว น ทิสฺสนฺติ…เป.… ปญฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na lakkhaṇakusalo hotīti gāvīnaṃ sarīre kataṃ dhanusattisūlādibhedaṃ lakkhaṇaṃ na jānāti , so gāvīsu haṭāsu vā palātāsu vā ajja asukalakkhaṇā ca asukalakkhaṇā ca gāvo na dissanti…pe… pañcagorasaparibhogatopi paribāhiro hoti.

    น อาสาฎิกํ หาเรตาติ คุนฺนํ ขาณุกณฺฎกาทีหิ ปหฎฎฺฐาเนสุ วโณ โหติฯ ตตฺถ นีลมกฺขิกา อณฺฑกานิ ปาเตนฺติ, เตสํ อาสาฎิกาติ นามฯ ตานิ ทเณฺฑน อปเนตฺวา เภสชฺชํ ทาตพฺพํ โหติฯ พาโล โคปาลโก ตถา น กโรติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘น อาสาฎิกํ หาเรตา โหตี’’ติฯ ตสฺส คุนฺนํ วณา วฑฺฒนฺติ, คมฺภีรา โหนฺติ, ปาณกา กุจฺฉิํ ปวิสนฺติ, คาโว เคลญฺญาภิภูตา เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ, น ปานียํ ปาตุํ สโกฺกนฺติฯ ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ, โคณานํ ชโว หายติ, อุภเยสํ ชีวิตนฺตราโย โหติฯ เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปญฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na āsāṭikaṃ hāretāti gunnaṃ khāṇukaṇṭakādīhi pahaṭaṭṭhānesu vaṇo hoti. Tattha nīlamakkhikā aṇḍakāni pātenti, tesaṃ āsāṭikāti nāma. Tāni daṇḍena apanetvā bhesajjaṃ dātabbaṃ hoti. Bālo gopālako tathā na karoti, tena vuttaṃ – ‘‘na āsāṭikaṃ hāretā hotī’’ti. Tassa gunnaṃ vaṇā vaḍḍhanti, gambhīrā honti, pāṇakā kucchiṃ pavisanti, gāvo gelaññābhibhūtā neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ, na pānīyaṃ pātuṃ sakkonti. Tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati, goṇānaṃ javo hāyati, ubhayesaṃ jīvitantarāyo hoti. Evamassa gogaṇopi parihāyati, pañcagorasatopi paribāhiro hoti.

    น วณํ ปฎิจฺฉาเทตา โหตีติ คุนฺนํ วุตฺตนเยเนว สญฺชาโต วโณ เภสชฺชํ ทตฺวา วาเกน วา จีรเกน วา พนฺธิตฺวา ปฎิจฺฉาเทตโพฺพ โหติฯ พาโล โคปาลโก ตถา น กโรติ, อถสฺส คุนฺนํ วเณหิ ยูสา ปคฺฆรนฺติ, ตา อญฺญมญฺญํ นิฆํเสนฺติ, เตน อเญฺญสมฺปิ วณา ชายนฺติฯ เอวํ คาโว เคลญฺญาภิภูตา เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vaṇaṃ paṭicchādetā hotīti gunnaṃ vuttanayeneva sañjāto vaṇo bhesajjaṃ datvā vākena vā cīrakena vā bandhitvā paṭicchādetabbo hoti. Bālo gopālako tathā na karoti, athassa gunnaṃ vaṇehi yūsā paggharanti, tā aññamaññaṃ nighaṃsenti, tena aññesampi vaṇā jāyanti. Evaṃ gāvo gelaññābhibhūtā neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ…pe… paribāhiro hoti.

    น ธูมํ กตฺตา โหตีติ อโนฺตวเสฺส ฑํสมกสาทีนํ อุสฺสนฺนกาเล โคคเณ วชํ ปวิเฎฺฐ ตตฺถ ตตฺถ ธูโม กาตโพฺพ โหติ, อปณฺฑิโต โคปาลโก ตํ น กโรติฯ โคคโณ สพฺพรตฺติํ ฑํสาทีหิ อุปทฺทุโต นิทฺทํ อลภิตฺวา ปุนทิวเส อรเญฺญ ตตฺถ ตตฺถ รุกฺขมูลาทีสุ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายติ, เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ…เป.… ปญฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na dhūmaṃ kattā hotīti antovasse ḍaṃsamakasādīnaṃ ussannakāle gogaṇe vajaṃ paviṭṭhe tattha tattha dhūmo kātabbo hoti, apaṇḍito gopālako taṃ na karoti. Gogaṇo sabbarattiṃ ḍaṃsādīhi upadduto niddaṃ alabhitvā punadivase araññe tattha tattha rukkhamūlādīsu nipajjitvā niddāyati, neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ…pe… pañcagorasaparibhogatopi paribāhiro hoti.

    น ติตฺถํ ชานาตีติ ติตฺถํ สมนฺติ วา วิสมนฺติ วา สคาหนฺติ วา นิคฺคาหนฺติ วา น ชานาติ, โส อติเตฺถน คาวิโย โอตาเรติฯ ตาสํ วิสมติเตฺถ ปาสาณาทีนิ อกฺกมนฺตีนํ ปาทา ภิชฺชนฺติ, สคาหํ คมฺภีรํ ติตฺถํ โอติณฺณา กุมฺภีลาทโย คาหา คณฺหนฺติฯ อชฺช เอตฺติกา คาโว นฎฺฐา, อชฺช เอตฺติกาติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปญฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na titthaṃ jānātīti titthaṃ samanti vā visamanti vā sagāhanti vā niggāhanti vā na jānāti, so atitthena gāviyo otāreti. Tāsaṃ visamatitthe pāsāṇādīni akkamantīnaṃ pādā bhijjanti, sagāhaṃ gambhīraṃ titthaṃ otiṇṇā kumbhīlādayo gāhā gaṇhanti. Ajja ettikā gāvo naṭṭhā, ajja ettikāti vattabbataṃ āpajjati. Evamassa gogaṇopi parihāyati, pañcagorasatopi paribāhiro hoti.

    ปีตํ ชานาตีติ ปีตมฺปิ อปีตมฺปิ น ชานาติฯ โคปาลเกน หิ ‘‘อิมาย คาวิยา ปีตํ, อิมาย น ปีตํ, อิมาย ปานียติเตฺถ โอกาโส ลโทฺธ, อิมาย น ลโทฺธ’’ติ เอวํ ปีตาปีตํ ชานิตพฺพํ โหติฯ อยํ ปน ทิวสภาคํ อรเญฺญ โคคณํ รกฺขิตฺวา ปานียํ ปาเยสฺสามีติ นทิํ วา ตฬากํ วา คเหตฺวา คจฺฉติฯ ตตฺถ มหาอุสภา จ อนุอุสภา จ พลวคาวิโย จ ทุพฺพลานิ เจว มหลฺลกานิ จ โครูปานิ สิเงฺคหิ วา ผาสุกาหิ วา ปหริตฺวา อตฺตโน โอกาสํ กตฺวา อูรุปฺปมาณํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ยถากามํ ปิวนฺติฯ อวเสสา โอกาสํ อลภมานา ตีเร ฐตฺวา กลลมิสฺสกํ อุทกํ ปิวนฺติ, อปีตา เอว วา โหนฺติฯ อถ เน โคปาลโก ปิฎฺฐิยํ ปหริตฺวา ปุน อรญฺญํ ปเวเสติ, ตตฺถ อปีตคาวิโย ปิปาสาย สุกฺขมานา ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ น สโกฺกนฺติ, ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ, โคณานํ ชโว หายติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Napītaṃ jānātīti pītampi apītampi na jānāti. Gopālakena hi ‘‘imāya gāviyā pītaṃ, imāya na pītaṃ, imāya pānīyatitthe okāso laddho, imāya na laddho’’ti evaṃ pītāpītaṃ jānitabbaṃ hoti. Ayaṃ pana divasabhāgaṃ araññe gogaṇaṃ rakkhitvā pānīyaṃ pāyessāmīti nadiṃ vā taḷākaṃ vā gahetvā gacchati. Tattha mahāusabhā ca anuusabhā ca balavagāviyo ca dubbalāni ceva mahallakāni ca gorūpāni siṅgehi vā phāsukāhi vā paharitvā attano okāsaṃ katvā ūruppamāṇaṃ udakaṃ pavisitvā yathākāmaṃ pivanti. Avasesā okāsaṃ alabhamānā tīre ṭhatvā kalalamissakaṃ udakaṃ pivanti, apītā eva vā honti. Atha ne gopālako piṭṭhiyaṃ paharitvā puna araññaṃ paveseti, tattha apītagāviyo pipāsāya sukkhamānā yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ na sakkonti, tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati, goṇānaṃ javo hāyati…pe… paribāhiro hoti.

    น วีถิํ ชานาตีติ ‘‘อยํ มโคฺค สโม เขโม, อยํ วิสโม สาสโงฺก สปฺปฎิภโย’’ติ น ชานาติฯ โส สมํ เขมํ มคฺคํ วเชฺชตฺวา โคคณํ อิตรํ มคฺคํ ปฎิปาเทติ, ตตฺถ คาโว สีหพฺยคฺฆาทีนํ คเนฺธน โจรปริสฺสเยน วา อภิภูตา ภนฺตมิคสปฺปฎิภาคา คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ติฎฺฐนฺติ, เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทนฺติ, น ปานียํ ปิวนฺติ, ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vīthiṃ jānātīti ‘‘ayaṃ maggo samo khemo, ayaṃ visamo sāsaṅko sappaṭibhayo’’ti na jānāti. So samaṃ khemaṃ maggaṃ vajjetvā gogaṇaṃ itaraṃ maggaṃ paṭipādeti, tattha gāvo sīhabyagghādīnaṃ gandhena coraparissayena vā abhibhūtā bhantamigasappaṭibhāgā gīvaṃ ukkhipitvā tiṭṭhanti, neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādanti, na pānīyaṃ pivanti, tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati…pe… paribāhiro hoti.

    น โคจรกุสโล โหตีติ โคปาลเกน หิ โคจรกุสเลน ภวิตพฺพํ, ปญฺจาหิกวาโร วา สตฺตาหิกวาโร วา ชานิตโพฺพ, เอกทิสาย โคคณํ จาเรตฺวา ปุนทิวเส ตตฺถ น จาเรตโพฺพฯ มหตา หิ โคคเณน จิณฺณฎฺฐานํ เภริตลํ วิย สุทฺธํ โหติ นิตฺติณํ, อุทกมฺปิ อาลุฬียติฯ ตสฺมา ปญฺจเม วา สตฺตเม วา ทิวเส ปุน ตตฺถ จาเรตุํ วฎฺฎติ, เอตฺตเกน หิ ติณมฺปิ ปฎิวิรุหติ, อุทกมฺปิ ปสีทติฯ อยํ ปน อิมํ ปญฺจาหิกวารํ วา สตฺตาหิกวารํ วา น ชานาติ, ทิวเส ทิวเส รกฺขิตฎฺฐาเนเยว รกฺขติฯ อถสฺส โคคโณ หริตติณํ น ลภติ, สุกฺขติณํ ขาทโนฺต กลลมิสฺสกํ อุทกํ ปิวติ, ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na gocarakusalo hotīti gopālakena hi gocarakusalena bhavitabbaṃ, pañcāhikavāro vā sattāhikavāro vā jānitabbo, ekadisāya gogaṇaṃ cāretvā punadivase tattha na cāretabbo. Mahatā hi gogaṇena ciṇṇaṭṭhānaṃ bheritalaṃ viya suddhaṃ hoti nittiṇaṃ, udakampi āluḷīyati. Tasmā pañcame vā sattame vā divase puna tattha cāretuṃ vaṭṭati, ettakena hi tiṇampi paṭiviruhati, udakampi pasīdati. Ayaṃ pana imaṃ pañcāhikavāraṃ vā sattāhikavāraṃ vā na jānāti, divase divase rakkhitaṭṭhāneyeva rakkhati. Athassa gogaṇo haritatiṇaṃ na labhati, sukkhatiṇaṃ khādanto kalalamissakaṃ udakaṃ pivati, tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati…pe… paribāhiro hoti.

    อนวเสสโทหี จ โหตีติ ปณฺฑิตโคปาลเกน ยาว วจฺฉกสฺส มํสโลหิตํ สณฺฐาติ, ตาว เอกํ เทฺว ถเน ฐเปตฺวา สาวเสสโทหินา ภวิตพฺพํฯ อยํ วจฺฉกสฺส กิญฺจิ อนวเสเสตฺวา ทุหติ, ขีรปโก วโจฺฉ ขีรปิปาสาย สุกฺขติ, สณฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต กมฺปมาโน มาตุ ปุรโต ปติตฺวา กาลงฺกโรติฯ มาตา ปุตฺตกํ ทิสฺวา, ‘‘มยฺหํ ปุตฺตโก อตฺตโน มาตุขีรํ ปาตุมฺปิ น ลภตี’’ติ ปุตฺตโสเกน น ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ, น ปานียํ ปาตุํ สโกฺกติ, ถเนสุ ขีรํ ฉิชฺชติฯ เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปญฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Anavasesadohī ca hotīti paṇḍitagopālakena yāva vacchakassa maṃsalohitaṃ saṇṭhāti, tāva ekaṃ dve thane ṭhapetvā sāvasesadohinā bhavitabbaṃ. Ayaṃ vacchakassa kiñci anavasesetvā duhati, khīrapako vaccho khīrapipāsāya sukkhati, saṇṭhātuṃ asakkonto kampamāno mātu purato patitvā kālaṅkaroti. Mātā puttakaṃ disvā, ‘‘mayhaṃ puttako attano mātukhīraṃ pātumpi na labhatī’’ti puttasokena na yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ, na pānīyaṃ pātuṃ sakkoti, thanesu khīraṃ chijjati. Evamassa gogaṇopi parihāyati, pañcagorasatopi paribāhiro hoti.

    คุนฺนํ ปิตุฎฺฐานํ กโรนฺตีติ โคปิตโรฯ คาโว ปริณยนฺติ ยถารุจิํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตีติ โคปริณายกาฯ น อติเรกปูชายาติ ปณฺฑิโต หิ โคปาลโก เอวรูเป อุสเภ อติเรกปูชาย ปูเชติ, ปณีตํ โคภตฺตํ เทติ, คนฺธปญฺจงฺคุลิเกหิ มเณฺฑติ, มาลํ ปิลเนฺธติ, สิเงฺค สุวณฺณรชตโกสเก จ ธาเรติ, รตฺติํ ทีปํ ชาเลตฺวา เจลวิตานสฺส เหฎฺฐา สยาเปติฯ อยํ ปน ตโต เอกสกฺการมฺปิ น กโรติ, อุสภา อติเรกปูชํ อลภมานา โคคณํ น รกฺขนฺติ, ปริสฺสยํ น วาเรนฺติฯ เอวมสฺส โคคโณ ปริหายติ, ปญฺจโครสโต ปริพาหิโร โหติฯ

    Gunnaṃ pituṭṭhānaṃ karontīti gopitaro. Gāvo pariṇayanti yathāruciṃ gahetvā gacchantīti gopariṇāyakā. Na atirekapūjāyāti paṇḍito hi gopālako evarūpe usabhe atirekapūjāya pūjeti, paṇītaṃ gobhattaṃ deti, gandhapañcaṅgulikehi maṇḍeti, mālaṃ pilandheti, siṅge suvaṇṇarajatakosake ca dhāreti, rattiṃ dīpaṃ jāletvā celavitānassa heṭṭhā sayāpeti. Ayaṃ pana tato ekasakkārampi na karoti, usabhā atirekapūjaṃ alabhamānā gogaṇaṃ na rakkhanti, parissayaṃ na vārenti. Evamassa gogaṇo parihāyati, pañcagorasato paribāhiro hoti.

    ๓๔๗. อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ น รูปญฺญู โหตีติ, ‘‘จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ เอวํ วุตฺตรูปํ ทฺวีหากาเรหิ น ชานาติ คณนโต วา สมุฎฺฐานโต วาฯ คณนโต น ชานาติ นาม, ‘‘จกฺขายตนํ, โสต-ฆาน-ชิวฺหา-กายายตนํ, รูป-สทฺท-คนฺธ-รส-โผฎฺฐพฺพายตนํ, อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสินฺทฺริยํ, ชีวิตินฺทฺริยํ, กายวิญฺญตฺติ, วจีวิญฺญตฺติ, อากาสธาตุ, อาโปธาตุ, รูปสฺส ลหุตา, มุทุตา, กมฺมญฺญตา, อุปจโย, สนฺตติ, ชรตา, รูปสฺส อนิจฺจตา, กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ เอวํ ปาฬิยํ อาคตา ปญฺจวีสติ รูปโกฎฺฐาสาติ น ชานาติฯ เสยฺยถาปิ โส โคปาลโก คณนโต คุนฺนํ รูปํ น ชานาติ, ตถูปโม อยํ ภิกฺขุฯ โส คณนโต รูปํ อชานโนฺต รูปํ ปริคฺคเหตฺวา อรูปํ ววตฺถเปตฺวา รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา ปจฺจยํ สลฺลเกฺขตฺวา ลกฺขณํ อาโรเปตฺวา กมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สโกฺกติฯ โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน สีลสมาธิวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพาเนหิ น วฑฺฒติ, ยถา จ โส โคปาลโก ปญฺจหิ โครเสหิ ปริพาหิโร โหติ, เอวํ อเสเกฺขน สีลกฺขเนฺธน, อเสเกฺขน สมาธิ, ปญฺญา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธนาติ ปญฺจหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ ปริพาหิโร โหติฯ

    347.Idhāti imasmiṃ sāsane. Na rūpaññū hotīti, ‘‘cattāri mahābhūtāni catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpa’’nti evaṃ vuttarūpaṃ dvīhākārehi na jānāti gaṇanato vā samuṭṭhānato vā. Gaṇanato na jānāti nāma, ‘‘cakkhāyatanaṃ, sota-ghāna-jivhā-kāyāyatanaṃ, rūpa-sadda-gandha-rasa-phoṭṭhabbāyatanaṃ, itthindriyaṃ, purisindriyaṃ, jīvitindriyaṃ, kāyaviññatti, vacīviññatti, ākāsadhātu, āpodhātu, rūpassa lahutā, mudutā, kammaññatā, upacayo, santati, jaratā, rūpassa aniccatā, kabaḷīkāro āhāro’’ti evaṃ pāḷiyaṃ āgatā pañcavīsati rūpakoṭṭhāsāti na jānāti. Seyyathāpi so gopālako gaṇanato gunnaṃ rūpaṃ na jānāti, tathūpamo ayaṃ bhikkhu. So gaṇanato rūpaṃ ajānanto rūpaṃ pariggahetvā arūpaṃ vavatthapetvā rūpārūpaṃ pariggahetvā paccayaṃ sallakkhetvā lakkhaṇaṃ āropetvā kammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpetuṃ na sakkoti. So yathā tassa gopālakassa gogaṇo na vaḍḍhati, evaṃ imasmiṃ sāsane sīlasamādhivipassanāmaggaphalanibbānehi na vaḍḍhati, yathā ca so gopālako pañcahi gorasehi paribāhiro hoti, evaṃ asekkhena sīlakkhandhena, asekkhena samādhi, paññā, vimutti, vimuttiñāṇadassanakkhandhenāti pañcahi dhammakkhandhehi paribāhiro hoti.

    สมุฎฺฐานโต น ชานาติ นาม, ‘‘เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ ทฺวิสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ ติสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ จตุสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ น กุโตจิสมุฎฺฐาตี’’ติ น ชานาติฯ เสยฺยถาปิ โส โคปาลโก วณฺณโต คุนฺนํ รูปํ น ชานาติ, ตถูปโม อยํ ภิกฺขุฯ โส สมุฎฺฐานโต รูปํ อชานโนฺต รูปํ ปริคฺคเหตฺวา อรูปํ ววตฺถเปตฺวา…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Samuṭṭhānato na jānāti nāma, ‘‘ettakaṃ rūpaṃ ekasamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ dvisamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ tisamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ catusamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ na kutocisamuṭṭhātī’’ti na jānāti. Seyyathāpi so gopālako vaṇṇato gunnaṃ rūpaṃ na jānāti, tathūpamo ayaṃ bhikkhu. So samuṭṭhānato rūpaṃ ajānanto rūpaṃ pariggahetvā arūpaṃ vavatthapetvā…pe… paribāhiro hoti.

    น ลกฺขณกุสโล โหตีติ กมฺมลกฺขโณ พาโล, กมฺมลกฺขโณ ปณฺฑิโตติ เอวํ วุตฺตํ กุสลากุสลํ กมฺมํ ปณฺฑิตพาลลกฺขณนฺติ น ชานาติฯ โส เอวํ อชานโนฺต พาเล วเชฺชตฺวา ปณฺฑิเต น เสวติ, พาเล วเชฺชตฺวา ปณฺฑิเต อเสวโนฺต กปฺปิยากปฺปิยํ กุสลากุสลํ สาวชฺชานวชฺชํ ครุกลหุกํ สเตกิจฺฉอเตกิจฺฉํ การณาการณํ น ชานาติ; ตํ อชานโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติฯ โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน ยถาวุเตฺตหิ สีลาทีหิ น วฑฺฒติ, โคปาลโก วิย จ ปญฺจหิ โครเสหิ ปญฺจหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na lakkhaṇakusalo hotīti kammalakkhaṇo bālo, kammalakkhaṇo paṇḍitoti evaṃ vuttaṃ kusalākusalaṃ kammaṃ paṇḍitabālalakkhaṇanti na jānāti. So evaṃ ajānanto bāle vajjetvā paṇḍite na sevati, bāle vajjetvā paṇḍite asevanto kappiyākappiyaṃ kusalākusalaṃ sāvajjānavajjaṃ garukalahukaṃ satekicchaatekicchaṃ kāraṇākāraṇaṃ na jānāti; taṃ ajānanto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti. So yathā tassa gopālakassa gogaṇo na vaḍḍhati, evaṃ imasmiṃ sāsane yathāvuttehi sīlādīhi na vaḍḍhati, gopālako viya ca pañcahi gorasehi pañcahi dhammakkhandhehi paribāhiro hoti.

    น อาสาฎิกํ หาเรตา โหตีติ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกนฺติ เอวํ วุเตฺต กามวิตกฺกาทิเก น วิโนเทติ, โส อิมํ อกุสลวิตกฺกํ อาสาฎิกํ อหาเรตฺวา วิตกฺกวสิโก หุตฺวา วิจรโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ, โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na āsāṭikaṃ hāretā hotīti uppannaṃ kāmavitakkanti evaṃ vutte kāmavitakkādike na vinodeti, so imaṃ akusalavitakkaṃ āsāṭikaṃ ahāretvā vitakkavasiko hutvā vicaranto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti, so yathā tassa gopālakassa…pe… paribāhiro hoti.

    น วณํ ปฎิจฺฉาเทตา โหตีติ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหตีติอาทินา นเยน สพฺพารมฺมเณสุ นิมิตฺตํ คณฺหโนฺต ยถา โส โคปาลโก วณํ น ปฎิจฺฉาเทติ, เอวํ สํวรํ น สมฺปาเทติฯ โส วิวฎทฺวาโร วิจรโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vaṇaṃ paṭicchādetā hotīti cakkhunā rūpaṃ disvā nimittaggāhī hotītiādinā nayena sabbārammaṇesu nimittaṃ gaṇhanto yathā so gopālako vaṇaṃ na paṭicchādeti, evaṃ saṃvaraṃ na sampādeti. So vivaṭadvāro vicaranto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น ธูมํ กตฺตา โหตีติ โส โคปาลโก ธูมํ วิย ธมฺมเทสนาธูมํ น กโรติ, ธมฺมกถํ วา สรภญฺญํ วา อุปนิสินฺนกถํ วา อนุโมทนํ วา น กโรติ ฯ ตโต นํ มนุสฺสา พหุสฺสุโต คุณวาติ น ชานนฺติ, เต คุณาคุณํ อชานนฺตา จตูหิ ปจฺจเยหิ สงฺคหํ น กโรนฺติ ฯ โส ปจฺจเยหิ กิลมมาโน พุทฺธวจนํ สชฺฌายํ กาตุํ วตฺตปฎิปตฺติํ ปูเรตุํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na dhūmaṃ kattā hotīti so gopālako dhūmaṃ viya dhammadesanādhūmaṃ na karoti, dhammakathaṃ vā sarabhaññaṃ vā upanisinnakathaṃ vā anumodanaṃ vā na karoti . Tato naṃ manussā bahussuto guṇavāti na jānanti, te guṇāguṇaṃ ajānantā catūhi paccayehi saṅgahaṃ na karonti . So paccayehi kilamamāno buddhavacanaṃ sajjhāyaṃ kātuṃ vattapaṭipattiṃ pūretuṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น ติตฺถํ ชานาตีติ ติตฺถภูเต พหุสฺสุตภิกฺขู น อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมโนฺต, ‘‘อิทํ, ภเนฺต, พฺยญฺชนํ กถํ โรเปตพฺพํ, อิมสฺส ภาสิตสฺส โก อโตฺถ, อิมสฺมิํ ฐาเน ปาฬิ กิํ วเทติ, อิมสฺมิํ ฐาเน อโตฺถ กิํ ทีเปตี’’ติ เอวํ น ปริปุจฺฉติ น ปริปญฺหติ, น ชานาเปตีติ อโตฺถฯ ตสฺส เต เอวํ อปริปุจฺฉโต อวิวฎเญฺจว น วิวรนฺติ, ภาเชตฺวา น ทเสฺสนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ น อุตฺตานีกโรนฺติ, อปากฎํ น ปากฎํ กโรนฺติฯ อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฐานิเยสุ ธเมฺมสูติ อเนกวิธาสุ กงฺขาสุ เอกํ กงฺขมฺปิ น ปฎิวิโนเทนฺติฯ กงฺขา เอว หิ กงฺขาฐานิยา ธมฺมา นามฯ ตตฺถ เอกํ กงฺขมฺปิ น นีหรนฺตีติ อโตฺถฯ โส เอวํ พหุสฺสุตติตฺถํ อนุปสงฺกมิตฺวา สกโงฺข กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติฯ ยถา จ โส โคปาลโก ติตฺถํ น ชานาติ, เอวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ ธมฺมติตฺถํ น ชานาติ, อชานโนฺต อวิสเย ปญฺหํ ปุจฺฉติ, อภิธมฺมิกํ อุปสงฺกมิตฺวา กปฺปิยากปฺปิยํ ปุจฺฉติ, วินยธรํ อุปสงฺกมิตฺวา รูปารูปปริเจฺฉทํ ปุจฺฉติฯ เต อวิสเย ปุฎฺฐา กเถตุํ น สโกฺกนฺติ, โส อตฺตนา สกโงฺข กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na titthaṃ jānātīti titthabhūte bahussutabhikkhū na upasaṅkamati, upasaṅkamanto, ‘‘idaṃ, bhante, byañjanaṃ kathaṃ ropetabbaṃ, imassa bhāsitassa ko attho, imasmiṃ ṭhāne pāḷi kiṃ vadeti, imasmiṃ ṭhāne attho kiṃ dīpetī’’ti evaṃ na paripucchati na paripañhati, na jānāpetīti attho. Tassa te evaṃ aparipucchato avivaṭañceva na vivaranti, bhājetvā na dassenti, anuttānīkatañca na uttānīkaronti, apākaṭaṃ na pākaṭaṃ karonti. Anekavihitesu ca kaṅkhāṭhāniyesu dhammesūti anekavidhāsu kaṅkhāsu ekaṃ kaṅkhampi na paṭivinodenti. Kaṅkhā eva hi kaṅkhāṭhāniyā dhammā nāma. Tattha ekaṃ kaṅkhampi na nīharantīti attho. So evaṃ bahussutatitthaṃ anupasaṅkamitvā sakaṅkho kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti. Yathā ca so gopālako titthaṃ na jānāti, evaṃ ayampi bhikkhu dhammatitthaṃ na jānāti, ajānanto avisaye pañhaṃ pucchati, abhidhammikaṃ upasaṅkamitvā kappiyākappiyaṃ pucchati, vinayadharaṃ upasaṅkamitvā rūpārūpaparicchedaṃ pucchati. Te avisaye puṭṭhā kathetuṃ na sakkonti, so attanā sakaṅkho kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น ปีตํ ชานาตีติ ยถา โส โคปาลโก ปีตาปีตํ น ชานาติ, เอวํ ธมฺมูปสญฺหิตํ ปาโมชฺชํ น ชานาติ น ลภติ, สวนมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุํ นิสฺสาย อานิสํสํ น วินฺทติ, ธมฺมสฺสวนคฺคํ คนฺตฺวา สกฺกจฺจํ น สุณาติ, นิสิโนฺน นิทฺทายติ, กถํ กเถติ, อญฺญวิหิตโก โหติ, โส สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อสุณโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na pītaṃ jānātīti yathā so gopālako pītāpītaṃ na jānāti, evaṃ dhammūpasañhitaṃ pāmojjaṃ na jānāti na labhati, savanamayaṃ puññakiriyavatthuṃ nissāya ānisaṃsaṃ na vindati, dhammassavanaggaṃ gantvā sakkaccaṃ na suṇāti, nisinno niddāyati, kathaṃ katheti, aññavihitako hoti, so sakkaccaṃ dhammaṃ asuṇanto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น วีถิํ ชานาตีติ โส โคปาลโก มคฺคามคฺคํ วิย, – ‘‘อยํ โลกิโย อยํ โลกุตฺตโร’’ติ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ยถาภูตํ น ปชานาติฯ อชานโนฺต โลกิยมเคฺค อภินิวิสิตฺวา โลกุตฺตรํ นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vīthiṃ jānātīti so gopālako maggāmaggaṃ viya, – ‘‘ayaṃ lokiyo ayaṃ lokuttaro’’ti ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ yathābhūtaṃ na pajānāti. Ajānanto lokiyamagge abhinivisitvā lokuttaraṃ nibbattetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น โคจรกุสโล โหตีติ โส โคปาลโก ปญฺจาหิกวาเร สตฺตาหิกวาเร วิย จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน , ‘‘อิเม โลกิยา อิเม โลกุตฺตรา’’ติ ยถาภูตํ น ปชานาติฯ อชานโนฺต สุขุมฎฺฐาเนสุ อตฺตโน ญาณํ จราเปตฺวา โลกิยสติปฎฺฐาเน อภินิวิสิตฺวา โลกุตฺตรํ นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na gocarakusalo hotīti so gopālako pañcāhikavāre sattāhikavāre viya cattāro satipaṭṭhāne , ‘‘ime lokiyā ime lokuttarā’’ti yathābhūtaṃ na pajānāti. Ajānanto sukhumaṭṭhānesu attano ñāṇaṃ carāpetvā lokiyasatipaṭṭhāne abhinivisitvā lokuttaraṃ nibbattetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    อนวเสสโทหี จ โหตีติ ปฎิคฺคหเณ มตฺตํ อชานโนฺต อนวเสสํ ทุหติฯ นิเทฺทสวาเร ปนสฺส อภิหฎฺฐุํ ปวาเรนฺตีติ อภิหริตฺวา ปวาเรนฺติฯ เอตฺถ เทฺว อภิหารา วาจาภิหาโร จ ปจฺจยาภิหาโร จฯ วาจาภิหาโร นาม มนุสฺสา ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘วเทยฺยาถ, ภเนฺต, เยนโตฺถ’’ติ ปวาเรนฺติฯ ปจฺจยาภิหาโร นาม วตฺถาทีนิ วา เตลผาณิตาทีนิ วา คเหตฺวา ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต, ยาวตเกน อโตฺถ’’ติ วทนฺติฯ ตตฺร ภิกฺขุ มตฺตํ น ชานาตีติ ภิกฺขุ เตสุ ปจฺจเยสุ ปมาณํ น ชานาติ, – ‘‘ทายกสฺส วโส เวทิตโพฺพ, เทยฺยธมฺมสฺส วโส เวทิตโพฺพ, อตฺตโน ถาโม เวทิตโพฺพ’’ติ รถวินีเต วุตฺตนเยน ปมาณยุตฺตํ อคฺคเหตฺวา ยํ อาหรนฺติ, ตํ สพฺพํ คณฺหาตีติ อโตฺถฯ มนุสฺสา วิปฺปฎิสาริโน น ปุน อภิหริตฺวา ปวาเรนฺติฯ โส ปจฺจเยหิ กิลมโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Anavasesadohī ca hotīti paṭiggahaṇe mattaṃ ajānanto anavasesaṃ duhati. Niddesavāre panassa abhihaṭṭhuṃ pavārentīti abhiharitvā pavārenti. Ettha dve abhihārā vācābhihāro ca paccayābhihāro ca. Vācābhihāro nāma manussā bhikkhussa santikaṃ gantvā, ‘‘vadeyyātha, bhante, yenattho’’ti pavārenti. Paccayābhihāro nāma vatthādīni vā telaphāṇitādīni vā gahetvā bhikkhussa santikaṃ gantvā, ‘‘gaṇhatha, bhante, yāvatakena attho’’ti vadanti. Tatra bhikkhu mattaṃ na jānātīti bhikkhu tesu paccayesu pamāṇaṃ na jānāti, – ‘‘dāyakassa vaso veditabbo, deyyadhammassa vaso veditabbo, attano thāmo veditabbo’’ti rathavinīte vuttanayena pamāṇayuttaṃ aggahetvā yaṃ āharanti, taṃ sabbaṃ gaṇhātīti attho. Manussā vippaṭisārino na puna abhiharitvā pavārenti. So paccayehi kilamanto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    เต น อติเรกปูชาย ปูเชตา โหตีติ โส โคปาลโก มหาอุสเภ วิย เต เถเร ภิกฺขู อิมาย อาวิ เจว รโห จ เมตฺตาย กายกมฺมาทิกาย อติเรกปูชาย น ปูเชติฯ ตโต เถรา, – ‘‘อิเม อเมฺหสุ ครุจิตฺตีการํ น กโรนฺตี’’ติ นวเก ภิกฺขู ทฺวีหิ สงฺคเหหิ น สงฺคณฺหนฺติ, น อามิสสงฺคเหน จีวเรน วา ปเตฺตน วา ปตฺตปริยาปเนฺนน วา วสนฎฺฐาเนน วาฯ กิลมเนฺต มิลายเนฺตปิ นปฺปฎิชคฺคนฺติฯ ปาฬิํ วา อฎฺฐกถํ วา ธมฺมกถาพนฺธํ วา คุยฺหคนฺถํ วา น สิกฺขาเปนฺติฯ นวกา เถรานํ สนฺติกา สพฺพโส อิเม เทฺว สงฺคเห อลภมานา อิมสฺมิํ สาสเน ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกนฺติฯ ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ สีลาทีนิ น วฑฺฒนฺติฯ ยถา จ โส โคปาลโก ปญฺจหิ โครเสหิ ปริพาหิโร โหติ, เอวํ ปญฺจหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ ปริพาหิรา โหนฺติฯ สุกฺกปโกฺข กณฺหปเกฺข วุตฺตวิปลฺลาสวเสน โยเชตฺวา เวทิตโพฺพติฯ

    Te na atirekapūjāya pūjetā hotīti so gopālako mahāusabhe viya te there bhikkhū imāya āvi ceva raho ca mettāya kāyakammādikāya atirekapūjāya na pūjeti. Tato therā, – ‘‘ime amhesu garucittīkāraṃ na karontī’’ti navake bhikkhū dvīhi saṅgahehi na saṅgaṇhanti, na āmisasaṅgahena cīvarena vā pattena vā pattapariyāpannena vā vasanaṭṭhānena vā. Kilamante milāyantepi nappaṭijagganti. Pāḷiṃ vā aṭṭhakathaṃ vā dhammakathābandhaṃ vā guyhaganthaṃ vā na sikkhāpenti. Navakā therānaṃ santikā sabbaso ime dve saṅgahe alabhamānā imasmiṃ sāsane patiṭṭhātuṃ na sakkonti. Yathā tassa gopālakassa gogaṇo na vaḍḍhati, evaṃ sīlādīni na vaḍḍhanti. Yathā ca so gopālako pañcahi gorasehi paribāhiro hoti, evaṃ pañcahi dhammakkhandhehi paribāhirā honti. Sukkapakkho kaṇhapakkhe vuttavipallāsavasena yojetvā veditabboti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    มหาโคปาลกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāgopālakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. มหาโคปาลกสุตฺตํ • 3. Mahāgopālakasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. มหาโคปาลกสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāgopālakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact