Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตํ

    2. Mahāgosiṅgasuttaṃ

    ๓๓๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โคสิงฺคสาลวนทาเย วิหรติ สมฺพหุเลหิ อภิญฺญาเตหิ อภิญฺญาเตหิ เถเรหิ สาวเกหิ สทฺธิํ – อายสฺมตา จ สาริปุเตฺตน อายสฺมตา จ มหาโมคฺคลฺลาเนน อายสฺมตา จ มหากสฺสเปน อายสฺมตา จ อนุรุเทฺธน อายสฺมตา จ เรวเตน อายสฺมตา จ อานเนฺทน, อเญฺญหิ จ อภิญฺญาเตหิ อภิญฺญาเตหิ เถเรหิ สาวเกหิ สทฺธิํฯ อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘อายามาวุโส, กสฺสป, เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิสฺสาม ธมฺมสฺสวนายา’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมา จ มหากสฺสโป อายสฺมา จ อนุรุโทฺธ เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ ธมฺมสฺสวนายฯ อทฺทสา โข อายสฺมา อานโนฺท อายสฺมนฺตญฺจ มหาโมคฺคลฺลานํ อายสฺมนฺตญฺจ มหากสฺสปํ อายสฺมนฺตญฺจ อนุรุทฺธํ เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมเนฺต ธมฺมสฺสวนายฯ ทิสฺวาน เยนายสฺมา เรวโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปสงฺกมนฺตา โข อมู, อาวุโส 1 เรวต, สปฺปุริสา เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตน ธมฺมสฺสวนายฯ อายามาวุโส เรวต, เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิสฺสาม ธมฺมสฺสวนายา’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา เรวโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข อายสฺมา จ เรวโต อายสฺมา จ อานโนฺท เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ ธมฺมสฺสวนายฯ

    332. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā gosiṅgasālavanadāye viharati sambahulehi abhiññātehi abhiññātehi therehi sāvakehi saddhiṃ – āyasmatā ca sāriputtena āyasmatā ca mahāmoggallānena āyasmatā ca mahākassapena āyasmatā ca anuruddhena āyasmatā ca revatena āyasmatā ca ānandena, aññehi ca abhiññātehi abhiññātehi therehi sāvakehi saddhiṃ. Atha kho āyasmā mahāmoggallāno sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā mahākassapo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākassapaṃ etadavoca – ‘‘āyāmāvuso, kassapa, yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamissāma dhammassavanāyā’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā mahākassapo āyasmato mahāmoggallānassa paccassosi. Atha kho āyasmā ca mahāmoggallāno āyasmā ca mahākassapo āyasmā ca anuruddho yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamiṃsu dhammassavanāya. Addasā kho āyasmā ānando āyasmantañca mahāmoggallānaṃ āyasmantañca mahākassapaṃ āyasmantañca anuruddhaṃ yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamante dhammassavanāya. Disvāna yenāyasmā revato tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ revataṃ etadavoca – ‘‘upasaṅkamantā kho amū, āvuso 2 revata, sappurisā yenāyasmā sāriputto tena dhammassavanāya. Āyāmāvuso revata, yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamissāma dhammassavanāyā’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā revato āyasmato ānandassa paccassosi. Atha kho āyasmā ca revato āyasmā ca ānando yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamiṃsu dhammassavanāya.

    ๓๓๓. อทฺทสา โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตญฺจ เรวตํ อายสฺมนฺตญฺจ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉเนฺตฯ ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข อายสฺมา อานโนฺท! สฺวาคตํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภควโต อุปฎฺฐากสฺส ภควโต สนฺติกาวจรสฺส! รมณียํ, อาวุโส อานนฺท, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา 3 สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส อานนฺท, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต , ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโยฯ เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยญฺชนา; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ, ธาตา 4, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส จตสฺสนฺนํ ปริสานํ ธมฺมํ เทเสติ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยญฺชเนหิ อนุปฺปพเนฺธหิ 5 อนุสยสมุคฺฆาตายฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติฯ

    333. Addasā kho āyasmā sāriputto āyasmantañca revataṃ āyasmantañca ānandaṃ dūratova āgacchante. Disvāna āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘etu kho āyasmā ānando! Svāgataṃ āyasmato ānandassa bhagavato upaṭṭhākassa bhagavato santikāvacarassa! Ramaṇīyaṃ, āvuso ānanda, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā 6 sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti; kathaṃrūpena, āvuso ānanda, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti? ‘‘Idhāvuso sāriputta , bhikkhu bahussuto hoti sutadharo sutasannicayo. Ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthā sabyañjanā; kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti, dhātā 7, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So catassannaṃ parisānaṃ dhammaṃ deseti parimaṇḍalehi padabyañjanehi anuppabandhehi 8 anusayasamugghātāya. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti.

    ๓๓๔. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส เรวต, อายสฺมตา อานเนฺทน ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ เรวตํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส เรวต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส เรวต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ปฎิสลฺลานาราโม โหติ ปฎิสลฺลานรโต, อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุโตฺต อนิรากตชฺฌาโน, วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต, พฺรูเหตา สุญฺญาคารานํฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติฯ

    334. Evaṃ vutte, āyasmā sāriputto āyasmantaṃ revataṃ etadavoca – ‘‘byākataṃ kho, āvuso revata, āyasmatā ānandena yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ revataṃ pucchāma – ‘ramaṇīyaṃ, āvuso revata, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti; kathaṃrūpena, āvuso revata, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti? ‘‘Idhāvuso sāriputta, bhikkhu paṭisallānārāmo hoti paṭisallānarato, ajjhattaṃ cetosamathamanuyutto anirākatajjhāno, vipassanāya samannāgato, brūhetā suññāgārānaṃ. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti.

    ๓๓๕. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส อนุรุทฺธ, อายสฺมตา เรวเตน ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส อนุรุทฺธ, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส อนุรุทฺธ, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส สาริปุตฺต, จกฺขุมา ปุริโส อุปริปาสาทวรคโต สหสฺสํ เนมิมณฺฑลานํ โวโลเกยฺย; เอวเมว โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกติฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติฯ

    335. Evaṃ vutte, āyasmā sāriputto āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavoca – ‘‘byākataṃ kho, āvuso anuruddha, āyasmatā revatena yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ anuruddhaṃ pucchāma – ‘ramaṇīyaṃ, āvuso anuruddha, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti; kathaṃrūpena, āvuso anuruddha, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti? ‘‘Idhāvuso sāriputta, bhikkhu dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sahassaṃ lokānaṃ voloketi. Seyyathāpi, āvuso sāriputta, cakkhumā puriso uparipāsādavaragato sahassaṃ nemimaṇḍalānaṃ volokeyya; evameva kho, āvuso sāriputta, bhikkhu dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sahassaṃ lokānaṃ voloketi. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti.

    ๓๓๖. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส กสฺสป, อายสฺมตา อนุรุเทฺธน ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส กสฺสป, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส กสฺสป, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อตฺตนา จ อารญฺญิโก โหติ อารญฺญิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปิณฺฑปาติโก โหติ ปิณฺฑปาติกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปํสุกูลิโก โหติ ปํสุกูลิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ เตจีวริโก โหติ เตจีวริกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อปฺปิโจฺฉ โหติ อปฺปิจฺฉตาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สนฺตุโฎฺฐ โหติ สนฺตุฎฺฐิยา จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปวิวิโตฺต โหติ ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อสํสโฎฺฐ โหติ อสํสคฺคสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย โหติ วีริยารมฺภสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สีลสมฺปโนฺน โหติ สีลสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สมาธิสมฺปโนฺน โหติ สมาธิสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปญฺญาสมฺปโนฺน โหติ ปญฺญาสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปโนฺน โหติ วิมุตฺติสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปโนฺน โหติ วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปทาย จ วณฺณวาทีฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต , ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติฯ

    336. Evaṃ vutte, āyasmā sāriputto āyasmantaṃ mahākassapaṃ etadavoca – ‘‘byākataṃ kho, āvuso kassapa, āyasmatā anuruddhena yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ mahākassapaṃ pucchāma – ‘ramaṇīyaṃ, āvuso kassapa, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti; kathaṃrūpena, āvuso kassapa, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti? ‘‘Idhāvuso sāriputta, bhikkhu attanā ca āraññiko hoti āraññikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca piṇḍapātiko hoti piṇḍapātikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca paṃsukūliko hoti paṃsukūlikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca tecīvariko hoti tecīvarikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca appiccho hoti appicchatāya ca vaṇṇavādī, attanā ca santuṭṭho hoti santuṭṭhiyā ca vaṇṇavādī, attanā ca pavivitto hoti pavivekassa ca vaṇṇavādī, attanā ca asaṃsaṭṭho hoti asaṃsaggassa ca vaṇṇavādī, attanā ca āraddhavīriyo hoti vīriyārambhassa ca vaṇṇavādī, attanā ca sīlasampanno hoti sīlasampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca samādhisampanno hoti samādhisampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca paññāsampanno hoti paññāsampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca vimuttisampanno hoti vimuttisampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca vimuttiñāṇadassanasampanno hoti vimuttiñāṇadassanasampadāya ca vaṇṇavādī. Evarūpena kho, āvuso sāriputta , bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti.

    ๓๓๗. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อายสฺมตา มหากสฺสเปน ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, เทฺว ภิกฺขู อภิธมฺมกถํ กเถนฺติ, เต อญฺญมญฺญํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อญฺญมญฺญสฺส ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิสฺสเชฺชนฺติ, โน จ สํสาเทนฺติ 9, ธมฺมี จ เนสํ กถา ปวตฺตินี โหติฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติฯ

    337. Evaṃ vutte, āyasmā sāriputto āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ etadavoca – ‘‘byākataṃ kho, āvuso moggallāna, āyasmatā mahākassapena yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ pucchāma – ‘ramaṇīyaṃ, āvuso moggallāna, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti; kathaṃrūpena, āvuso moggallāna, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti? ‘‘Idhāvuso sāriputta, dve bhikkhū abhidhammakathaṃ kathenti, te aññamaññaṃ pañhaṃ pucchanti, aññamaññassa pañhaṃ puṭṭhā vissajjenti, no ca saṃsādenti 10, dhammī ca nesaṃ kathā pavattinī hoti. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti.

    ๓๓๘. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อเมฺหหิ สเพฺพเหว ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส สาริปุตฺต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วเตฺตติ, โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติฯ โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ 11 วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, รโญฺญ วา ราชมหามตฺตสฺส วา นานารตฺตานํ ทุสฺสานํ ทุสฺสกรณฺฑโก ปูโร อสฺสฯ โส ยญฺญเทว ทุสฺสยุคํ อากเงฺขยฺย ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุเปยฺย; ยญฺญเทว ทุสฺสยุคํ อากเงฺขยฺย มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุเปยฺย; ยญฺญเทว ทุสฺสยุคํ อากเงฺขยฺย สายนฺหสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ สายนฺหสมยํ ปารุเปยฺยฯ เอวเมว โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วเตฺตติ, โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติฯ โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติฯ

    338. Atha kho āyasmā mahāmoggallāno āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavoca – ‘‘byākataṃ kho, āvuso sāriputta, amhehi sabbeheva yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ sāriputtaṃ pucchāma – ‘ramaṇīyaṃ, āvuso sāriputta, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti; kathaṃrūpena, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti? ‘‘Idhāvuso moggallāna, bhikkhu cittaṃ vasaṃ vatteti, no ca bhikkhu cittassa vasena vattati. So yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati pubbaṇhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā pubbaṇhasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati majjhanhikasamayaṃ 12 viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā majjhanhikasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati sāyanhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā sāyanhasamayaṃ viharati. Seyyathāpi, āvuso moggallāna, rañño vā rājamahāmattassa vā nānārattānaṃ dussānaṃ dussakaraṇḍako pūro assa. So yaññadeva dussayugaṃ ākaṅkheyya pubbaṇhasamayaṃ pārupituṃ, taṃ tadeva dussayugaṃ pubbaṇhasamayaṃ pārupeyya; yaññadeva dussayugaṃ ākaṅkheyya majjhanhikasamayaṃ pārupituṃ, taṃ tadeva dussayugaṃ majjhanhikasamayaṃ pārupeyya; yaññadeva dussayugaṃ ākaṅkheyya sāyanhasamayaṃ pārupituṃ, taṃ tadeva dussayugaṃ sāyanhasamayaṃ pārupeyya. Evameva kho, āvuso moggallāna, bhikkhu cittaṃ vasaṃ vatteti, no ca bhikkhu cittassa vasena vattati. So yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati pubbaṇhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā pubbaṇhasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati majjhanhikasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā majjhanhikasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati sāyanhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā sāyanhasamayaṃ viharati. Evarūpena kho, āvuso moggallāna, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti.

    ๓๓๙. อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เต อายสฺมเนฺต เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส, อเมฺหหิ สเพฺพเหว ยถาสกํ ปฎิภานํฯ อายามาวุโส, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสฺสามฯ ยถา โน ภควา พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต อายสฺมโนฺต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อถ โข เต อายสฺมโนฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภเนฺต, อายสฺมนฺตญฺจ เรวตํ อายสฺมนฺตญฺจ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉเนฺตฯ ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจํ – ‘เอตุ โข อายสฺมา อานโนฺท! สฺวาคตํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภควโต อุปฎฺฐากสฺส ภควโต สนฺติกาวจรสฺส! รมณียํ, อาวุโส อานนฺท, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส อานนฺท, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร…เป.… อนุสยสมุคฺฆาตายฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! ยถา ตํ อานโนฺทว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ อานโนฺท หิ, สาริปุตฺต, พหุสฺสุโต สุตธโร สุตสนฺนิจโยฯ เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยญฺชนา; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ, ธาตา, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ โส จตสฺสนฺนํ ปริสานํ ธมฺมํ เทเสติ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยญฺชเนหิ อนุปฺปพเนฺธหิ อนุสยสมุคฺฆาตายา’’ติฯ

    339. Atha kho āyasmā sāriputto te āyasmante etadavoca – ‘‘byākataṃ kho, āvuso, amhehi sabbeheva yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Āyāmāvuso, yena bhagavā tenupasaṅkamissāma; upasaṅkamitvā etamatthaṃ bhagavato ārocessāma. Yathā no bhagavā byākarissati tathā naṃ dhāressāmā’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te āyasmanto āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Atha kho te āyasmanto yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘addasaṃ kho ahaṃ, bhante, āyasmantañca revataṃ āyasmantañca ānandaṃ dūratova āgacchante. Disvāna āyasmantaṃ ānandaṃ etadavocaṃ – ‘etu kho āyasmā ānando! Svāgataṃ āyasmato ānandassa bhagavato upaṭṭhākassa bhagavato santikāvacarassa! Ramaṇīyaṃ, āvuso ānanda, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti; kathaṃrūpena, āvuso ānanda, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’ti? Evaṃ vutte, bhante, āyasmā ānando maṃ etadavoca – ‘idhāvuso, sāriputta, bhikkhu bahussuto hoti sutadharo…pe… anusayasamugghātāya. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta! Yathā taṃ ānandova sammā byākaramāno byākareyya. Ānando hi, sāriputta, bahussuto sutadharo sutasannicayo. Ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthā sabyañjanā; kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti, dhātā, vacasā paricitā, manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā. So catassannaṃ parisānaṃ dhammaṃ deseti parimaṇḍalehi padabyañjanehi anuppabandhehi anusayasamugghātāyā’’ti.

    ๓๔๐. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส เรวต อายสฺมตา อานเนฺทน ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ เรวตํ ปุจฺฉาม – รมณียํ, อาวุโส เรวต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา มเญฺญ คนฺธา สมฺปวนฺติฯ กถํรูเปน, อาวุโส เรวต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, อายสฺมา เรวโต มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต ภิกฺขุ ปฎิสลฺลานาราโม โหติ ปฎิสลฺลานรโต , อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุโตฺต, อนิรากตชฺฌาโน, วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต, พฺรูเหตา สุญฺญาคารานํฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! ยถา ตํ เรวโตว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ เรวโต หิ, สาริปุตฺต, ปฎิสลฺลานาราโม ปฎิสลฺลานรโต, อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุโตฺต อนิรากตชฺฌาโน, วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุญฺญาคาราน’’นฺติฯ

    340. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, bhante, āyasmantaṃ revataṃ etadavocaṃ – ‘byākataṃ kho, āvuso revata āyasmatā ānandena yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ revataṃ pucchāma – ramaṇīyaṃ, āvuso revata, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā maññe gandhā sampavanti. Kathaṃrūpena, āvuso revata, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’ti? Evaṃ vutte, bhante, āyasmā revato maṃ etadavoca – ‘idhāvuso sāriputta bhikkhu paṭisallānārāmo hoti paṭisallānarato , ajjhattaṃ cetosamathamanuyutto, anirākatajjhāno, vipassanāya samannāgato, brūhetā suññāgārānaṃ. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta! Yathā taṃ revatova sammā byākaramāno byākareyya. Revato hi, sāriputta, paṭisallānārāmo paṭisallānarato, ajjhattaṃ cetosamathamanuyutto anirākatajjhāno, vipassanāya samannāgato brūhetā suññāgārāna’’nti.

    ๓๔๑. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข อาวุโส อนุรุทฺธ อายสฺมตา เรวเตน…เป.… กถํรูเปน, อาวุโส อนุรุทฺธ, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส สาริปุตฺต, จกฺขุมา ปุริโส…เป.… เอวรูเปน โข อาวุโส สาริปุตฺต ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต, ยถา ตํ อนุรุโทฺธว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ อนุรุโทฺธ หิ, สาริปุตฺต, ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกตี’’ติฯ

    341. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, bhante, āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavocaṃ – ‘byākataṃ kho āvuso anuruddha āyasmatā revatena…pe… kathaṃrūpena, āvuso anuruddha, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’ti. Evaṃ vutte, bhante, āyasmā anuruddho maṃ etadavoca – ‘idhāvuso sāriputta, bhikkhu dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sahassaṃ lokānaṃ voloketi. Seyyathāpi, āvuso sāriputta, cakkhumā puriso…pe… evarūpena kho āvuso sāriputta bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta, yathā taṃ anuruddhova sammā byākaramāno byākareyya. Anuruddho hi, sāriputta, dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sahassaṃ lokānaṃ voloketī’’ti.

    ๓๔๒. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส กสฺสป อายสฺมตา อนุรุเทฺธน ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ ปุจฺฉาม…เป.… กถํ รูเปน โข, อาวุโส กสฺสป, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุเตฺต ภเนฺต, อายสฺมา มหากสฺสโป มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อตฺตนา จ อารญฺญิโก โหติ อารญฺญิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปิณฺฑปาติโก โหติ…เป.… อตฺตนา จ ปํสุกูลิโก โหติ…เป.… อตฺตนา จ เตจีวริโก โหติ…เป.… อตฺตนา จ อปฺปิโจฺฉ โหติ…เป.… อตฺตนา จ สนฺตุโฎฺฐ โหติ…เป.… อตฺตนา จ ปวิวิโตฺต โหติ…เป.… อตฺตนา จ อสํสโฎฺฐ โหติ…เป.… อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย โหติ…เป.… อตฺตนา จ สีลสมฺปโนฺน โหติ…เป.… อตฺตนา จ สมาธิสมฺปโนฺน โหติ…เป.… อตฺตนา จ ปญฺญาสมฺปโนฺน โหติ… อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปโนฺน โหติ… อตฺตนา จ วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปโนฺน โหติ วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปทาย จ วณฺณวาทีฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ ฯ ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! ยถา ตํ กสฺสโปว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ กสฺสโป หิ, สาริปุตฺต, อตฺตนา จ อารญฺญิโก อารญฺญิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปิณฺฑปาติโก ปิณฺฑปาติกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปํสุกูลิโก ปํสุกูลิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ เตจีวริโก เตจีวริกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อปฺปิโจฺฉ อปฺปิจฺฉตาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สนฺตุโฎฺฐ สนฺตุฎฺฐิยา จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปวิวิโตฺต ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อสํสโฎฺฐ อสํสคฺคสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย วีริยารมฺภสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สีลสมฺปโนฺน สีลสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สมาธิสมฺปโนฺน สมาธิสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปญฺญาสมฺปโนฺน ปญฺญาสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปโนฺน วิมุตฺติสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปโนฺน วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปทาย จ วณฺณวาที’’ติฯ

    342. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, bhante, āyasmantaṃ mahākassapaṃ etadavocaṃ – ‘byākataṃ kho, āvuso kassapa āyasmatā anuruddhena yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ mahākassapaṃ pucchāma…pe… kathaṃ rūpena kho, āvuso kassapa, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’ti? Evaṃ vutte bhante, āyasmā mahākassapo maṃ etadavoca – ‘idhāvuso sāriputta, bhikkhu attanā ca āraññiko hoti āraññikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca piṇḍapātiko hoti…pe… attanā ca paṃsukūliko hoti…pe… attanā ca tecīvariko hoti…pe… attanā ca appiccho hoti…pe… attanā ca santuṭṭho hoti…pe… attanā ca pavivitto hoti…pe… attanā ca asaṃsaṭṭho hoti…pe… attanā ca āraddhavīriyo hoti…pe… attanā ca sīlasampanno hoti…pe… attanā ca samādhisampanno hoti…pe… attanā ca paññāsampanno hoti… attanā ca vimuttisampanno hoti… attanā ca vimuttiñāṇadassanasampanno hoti vimuttiñāṇadassanasampadāya ca vaṇṇavādī. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti . ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta! Yathā taṃ kassapova sammā byākaramāno byākareyya. Kassapo hi, sāriputta, attanā ca āraññiko āraññikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca piṇḍapātiko piṇḍapātikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca paṃsukūliko paṃsukūlikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca tecīvariko tecīvarikattassa ca vaṇṇavādī, attanā ca appiccho appicchatāya ca vaṇṇavādī, attanā ca santuṭṭho santuṭṭhiyā ca vaṇṇavādī, attanā ca pavivitto pavivekassa ca vaṇṇavādī, attanā ca asaṃsaṭṭho asaṃsaggassa ca vaṇṇavādī, attanā ca āraddhavīriyo vīriyārambhassa ca vaṇṇavādī, attanā ca sīlasampanno sīlasampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca samādhisampanno samādhisampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca paññāsampanno paññāsampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca vimuttisampanno vimuttisampadāya ca vaṇṇavādī, attanā ca vimuttiñāṇadassanasampanno vimuttiñāṇadassanasampadāya ca vaṇṇavādī’’ti.

    ๓๔๓. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ ภเนฺต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อายสฺมตา มหากสฺสเปน ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉาม…เป.… กถํรูเปน, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, เทฺว ภิกฺขู อภิธมฺมกถํ กเถนฺติฯ เต อญฺญมญฺญํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อญฺญมญฺญสฺส ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิสฺสเชฺชนฺติ, โน จ สํสาเทนฺติ, ธมฺมี จ เนสํ กถา ปวตฺตินี โหติฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต, ยถา ตํ โมคฺคลฺลาโนว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ โมคฺคลฺลาโน หิ, สาริปุตฺต, ธมฺมกถิโก’’ติฯ

    343. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ bhante āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ etadavocaṃ – ‘byākataṃ kho, āvuso moggallāna, āyasmatā mahākassapena yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ pucchāma…pe… kathaṃrūpena, āvuso moggallāna, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’ti? Evaṃ vutte, bhante, āyasmā mahāmoggallāno maṃ etadavoca – ‘idhāvuso sāriputta, dve bhikkhū abhidhammakathaṃ kathenti. Te aññamaññaṃ pañhaṃ pucchanti, aññamaññassa pañhaṃ puṭṭhā vissajjenti, no ca saṃsādenti, dhammī ca nesaṃ kathā pavattinī hoti. Evarūpena kho, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta, yathā taṃ moggallānova sammā byākaramāno byākareyya. Moggallāno hi, sāriputta, dhammakathiko’’ti.

    ๓๔๔. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อถ ขฺวาหํ, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อเมฺหหิ สเพฺพเหว ยถาสกํ ปฎิภานํฯ ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ปุจฺฉาม – รมณียํ, อาวุโส สาริปุตฺต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มเญฺญ, คนฺธา สมฺปวนฺติฯ กถํรูเปน, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วเตฺตติ โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติฯ โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, รโญฺญ วา ราชมหามตฺตสฺส วา นานารตฺตานํ ทุสฺสานํ ทุสฺสกรณฺฑโก ปูโร อสฺสฯ โส ยญฺญเทว ทุสฺสยุคํ อากเงฺขยฺย ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุปิตุํ , ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุเปยฺย; ยญฺญเทว ทุสฺสยุคํ อากเงฺขยฺย มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุเปยฺย; ยญฺญเทว ทุสฺสยุคํ อากเงฺขยฺย สายนฺหสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ สายนฺหสมยํ ปารุเปยฺยฯ เอวเมว โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วเตฺตติ, โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติฯ โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติฯ เอวรูเปน โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, โมคฺคลฺลาน! ยถา ตํ สาริปุโตฺตว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ สาริปุโตฺต หิ, โมคฺคลฺลาน, จิตฺตํ วสํ วเตฺตติ โน จ สาริปุโตฺต จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติฯ โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรตี’’ติฯ

    344. Evaṃ vutte, āyasmā mahāmoggallāno bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘atha khvāhaṃ, bhante, āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavocaṃ – ‘byākataṃ kho, āvuso sāriputta, amhehi sabbeheva yathāsakaṃ paṭibhānaṃ. Tattha dāni mayaṃ āyasmantaṃ sāriputtaṃ pucchāma – ramaṇīyaṃ, āvuso sāriputta, gosiṅgasālavanaṃ, dosinā ratti, sabbaphāliphullā sālā, dibbā, maññe, gandhā sampavanti. Kathaṃrūpena, āvuso sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’ti? Evaṃ vutte, bhante, āyasmā sāriputto maṃ etadavoca – ‘idhāvuso, moggallāna, bhikkhu cittaṃ vasaṃ vatteti no ca bhikkhu cittassa vasena vattati. So yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati pubbaṇhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā pubbaṇhasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati majjhanhikasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā majjhanhikasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati sāyanhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā sāyanhasamayaṃ viharati. Seyyathāpi, āvuso moggallāna, rañño vā rājamahāmattassa vā nānārattānaṃ dussānaṃ dussakaraṇḍako pūro assa. So yaññadeva dussayugaṃ ākaṅkheyya pubbaṇhasamayaṃ pārupituṃ , taṃ tadeva dussayugaṃ pubbaṇhasamayaṃ pārupeyya; yaññadeva dussayugaṃ ākaṅkheyya majjhanhikasamayaṃ pārupituṃ, taṃ tadeva dussayugaṃ majjhanhikasamayaṃ pārupeyya; yaññadeva dussayugaṃ ākaṅkheyya sāyanhasamayaṃ pārupituṃ, taṃ tadeva dussayugaṃ sāyanhasamayaṃ pārupeyya. Evameva kho, āvuso moggallāna, bhikkhu cittaṃ vasaṃ vatteti, no ca bhikkhu cittassa vasena vattati. So yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati pubbaṇhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā pubbaṇhasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati majjhanhikasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā majjhanhikasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati sāyanhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā sāyanhasamayaṃ viharati. Evarūpena kho, āvuso moggallāna, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, moggallāna! Yathā taṃ sāriputtova sammā byākaramāno byākareyya. Sāriputto hi, moggallāna, cittaṃ vasaṃ vatteti no ca sāriputto cittassa vasena vattati. So yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati pubbaṇhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā pubbaṇhasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati majjhanhikasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā majjhanhikasamayaṃ viharati; yāya vihārasamāpattiyā ākaṅkhati sāyanhasamayaṃ viharituṃ, tāya vihārasamāpattiyā sāyanhasamayaṃ viharatī’’ti.

    ๓๔๕. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ โข, ภเนฺต, สุภาสิต’’นฺติ? ‘‘สเพฺพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิตํ ปริยาเยนฯ อปิ จ มมปิ สุณาถ ยถารูเปน ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยฯ อิธ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา – ‘น ตาวาหํ อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ ยาว เม นานุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’ติฯ เอวรูเปน โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติฯ

    345. Evaṃ vutte, āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kassa nu kho, bhante, subhāsita’’nti? ‘‘Sabbesaṃ vo, sāriputta, subhāsitaṃ pariyāyena. Api ca mamapi suṇātha yathārūpena bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyya. Idha, sāriputta, bhikkhu pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā – ‘na tāvāhaṃ imaṃ pallaṅkaṃ bhindissāmi yāva me nānupādāya āsavehi cittaṃ vimuccissatī’ti. Evarūpena kho, sāriputta, bhikkhunā gosiṅgasālavanaṃ sobheyyā’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต อายสฺมโนฺต 13 ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamanā te āyasmanto 14 bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.

    มหาโคสิงฺคสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ

    Mahāgosiṅgasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. อายสฺมนฺตาวุโส (ก.)
    2. āyasmantāvuso (ka.)
    3. สพฺพปาลิผุลฺลา (สี.)
    4. ธตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    5. อปฺปพเทฺธหิ (สี. ปี.)
    6. sabbapāliphullā (sī.)
    7. dhatā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    8. appabaddhehi (sī. pī.)
    9. สํสาเรนฺติ (ก.)
    10. saṃsārenti (ka.)
    11. มชฺฌนฺติกสมยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    12. majjhantikasamayaṃ (sī. syā. kaṃ. pī. ka.)
    13. เต ภิกฺขู (ก.)
    14. te bhikkhū (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahāgosiṅgasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahāgosiṅgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact