Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา
2. Mahāgosiṅgasuttavaṇṇanā
๓๓๒. โกจิเทวาติ โคสิงฺคสาลวนสามนฺตโต นิวิเฎฺฐสุ โย โกจิ คาโม โคจรคาโม ภวิสฺสติ, ตสฺมา อนิพทฺธภาวโต โคจรคาโม น คหิโต, วสนฎฺฐานเมว ปริทีปิตํ, ตโต เอว อรญฺญนิทานกํ นาเมตํฯ สพฺพตฺถาติ เทวโลเก มนุสฺสโลเก จฯ ถิรการเกหีติ สาสเน ถิรภาวการเกหิฯ สวนเนฺต ชาตตฺตาติ จตุสจฺจคพฺภสฺส ธมฺมสฺสวนสฺส ปริโยสาเน อริยาย ชาติยา ชาตตฺตาฯ ยถา ปฎิเวธพาหุสจฺจํ อิชฺฌติ, ตถา ธมฺมสฺส สวนโต สาวกา ฯ สูริโย วิย ภาสุรคุณรํสิตาย โมหนฺธการวิธมนโตฯ จโนฺท วิย รมณียมโนหรสีตลคุณตาย กิเลสปริฬาหวูปสมโตฯ สาคโร วิย คมฺภีรถิรวิปุลาเนกคุณตาย ฐิตธมฺมสภาวโตฯ คุณมหนฺตตาย เถรสฺส อภิญฺญาตตา, คุณมหนฺตตา จ สุเตฺตสุ อาคตนเยเนว ญาตพฺพาติ ตํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สีหนาทสุตฺตนฺติ มชฺฌิมนิกาเย อาคตํ มหาสีหนาทสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๔๖)ฯ เถรปญฺหสุตฺตนฺติ สุตฺตนิปาเต อฎฺฐกวเคฺค อาคตํ สาริปุตฺตสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๖๑-๙๘๑)ฯ เถรสีหนาทสุตฺตนฺติ อิมสฺส จ เถรสฺส ชนปทจาริกาย สตฺถุ สมฺมุขา สีหนาทสุตฺตํฯ อภินิกฺขมนนฺติ เถรเสฺสว มหตา ญาติปริวเฎฺฎน มหตา จ โภคปริวเฎฺฎน สห ฆราวาสปริจฺจาโค อภินิกฺขมนํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อโตฺถฯ
332.Kocidevāti gosiṅgasālavanasāmantato niviṭṭhesu yo koci gāmo gocaragāmo bhavissati, tasmā anibaddhabhāvato gocaragāmo na gahito, vasanaṭṭhānameva paridīpitaṃ, tato eva araññanidānakaṃ nāmetaṃ. Sabbatthāti devaloke manussaloke ca. Thirakārakehīti sāsane thirabhāvakārakehi. Savanante jātattāti catusaccagabbhassa dhammassavanassa pariyosāne ariyāya jātiyā jātattā. Yathā paṭivedhabāhusaccaṃ ijjhati, tathā dhammassa savanato sāvakā . Sūriyo viya bhāsuraguṇaraṃsitāya mohandhakāravidhamanato. Cando viya ramaṇīyamanoharasītalaguṇatāya kilesapariḷāhavūpasamato. Sāgaro viya gambhīrathiravipulānekaguṇatāya ṭhitadhammasabhāvato. Guṇamahantatāya therassa abhiññātatā, guṇamahantatā ca suttesu āgatanayeneva ñātabbāti taṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘na kevala’’ntiādi vuttaṃ. Sīhanādasuttanti majjhimanikāye āgataṃ mahāsīhanādasuttaṃ (ma. ni. 1.146). Therapañhasuttanti suttanipāte aṭṭhakavagge āgataṃ sāriputtasuttaṃ (su. ni. 961-981). Therasīhanādasuttanti imassa ca therassa janapadacārikāya satthu sammukhā sīhanādasuttaṃ. Abhinikkhamananti therasseva mahatā ñātiparivaṭṭena mahatā ca bhogaparivaṭṭena saha gharāvāsapariccāgo abhinikkhamanaṃ. Esa nayo ito paresupi. Yadidanti nipāto, yo ayanti attho.
มหาปเญฺญ ภิกฺขู คเหตฺวาติ อายสฺมโต กิร สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปริวารภิกฺขูปิ มหาปญฺญา เอว อเหสุํฯ ธาตุโส หิ สตฺตา สํสนฺทนฺติฯ สยํ อิทฺธิมาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปนโตฺถ ธาตุสํยุเตฺตน (สํ. นิ. ๒.๙๙) ทีเปตโพฺพ – คิชฺฌกูฎปพฺพเต คิลานเสยฺยาย นิสิโนฺน ภควา อารกฺขตฺถาย ปริวาเรตฺวา วสเนฺตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทีสุ เอกเมกํ อตฺตโน ปริสาย สทฺธิํ จงฺกมนฺตํ โวโลเกตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ จงฺกมนฺตนฺติฯ เอวํ, ภเนฺตฯ สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปญฺญา’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ
Mahāpaññe bhikkhū gahetvāti āyasmato kira sāriputtattherassa parivārabhikkhūpi mahāpaññā eva ahesuṃ. Dhātuso hi sattā saṃsandanti. Sayaṃ iddhimātiādīsupi eseva nayo. Ayaṃ panattho dhātusaṃyuttena (saṃ. ni. 2.99) dīpetabbo – gijjhakūṭapabbate gilānaseyyāya nisinno bhagavā ārakkhatthāya parivāretvā vasantesu sāriputtamoggallānādīsu ekamekaṃ attano parisāya saddhiṃ caṅkamantaṃ voloketvā bhikkhū āmantesi – ‘‘passatha no tumhe, bhikkhave, sāriputtaṃ sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ caṅkamantanti. Evaṃ, bhante. Sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū mahāpaññā’’ti sabbaṃ vitthāretabbaṃ.
วนเนฺตติ อุปวนเนฺตฯ เมฆวณฺณายาติ นีลาภายฯ สมุทฺทกุจฺฉิโต อุคฺคจฺฉนฺตสฺส วิย อุปฎฺฐานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ จกฺกวาฬปพฺพตมตฺถกสมีเป อาภาผรณวเสน ปวตฺติยา ‘‘ปาจีนจกฺกวาฬปพฺพตมตฺถเก’’ติ วุตฺตํ, น จกฺกวาฬปพฺพตมตฺถเก จนฺทมณฺฑลสฺส วิจรณโตฯ ตถา สติ โลกนฺตริกนิรเยสุปิ จนฺทิมสูริยานํ อาภา ผเรยฺยฯ อุเพฺพธวเสน หิ จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺฌโต จนฺทิมสูริยา วิจรนฺติฯ สาลกุสุมปภานํ อติรตฺตตาย วุตฺตํ ‘‘ลาขารเสน สิญฺจมานํ วิยา’’ติฯ อุปคายมานา วิยาติ ปยิรุปาสนวเสน อุเปจฺจ คายมานา วิย ฯ กาย นุ โข อชฺช รติยาติ อชฺช ฌานสมาปตฺติรติยา เอว นุ โข, อุทาหุ ธมฺมสากจฺฉารติยา ธมฺมเทสนารติยาติ จิเนฺตสิฯ
Vananteti upavanante. Meghavaṇṇāyāti nīlābhāya. Samuddakucchito uggacchantassa viya upaṭṭhānaṃ sandhāya vuttaṃ. Cakkavāḷapabbatamatthakasamīpe ābhāpharaṇavasena pavattiyā ‘‘pācīnacakkavāḷapabbatamatthake’’ti vuttaṃ, na cakkavāḷapabbatamatthake candamaṇḍalassa vicaraṇato. Tathā sati lokantarikanirayesupi candimasūriyānaṃ ābhā phareyya. Ubbedhavasena hi cakkavāḷapabbatassa vemajjhato candimasūriyā vicaranti. Sālakusumapabhānaṃ atirattatāya vuttaṃ ‘‘lākhārasena siñcamānaṃ viyā’’ti. Upagāyamānā viyāti payirupāsanavasena upecca gāyamānā viya . Kāya nu kho ajja ratiyāti ajja jhānasamāpattiratiyā eva nu kho, udāhu dhammasākacchāratiyā dhammadesanāratiyāti cintesi.
เทฺว จนฺทมณฺฑลานิ วิย ปรมโสภคฺคปฺปตฺตาย กนฺติยาฯ เทฺว สูริยมณฺฑลานิ วิย อติวิย สุวิสุทฺธสมุชฺชลาย คุณวิภูติยาฯ เทฺว ฉทฺทนฺตนาคราชาโน วิย มหานุภาวตายฯ เทฺว สีหา วิย เตชุสฺสทตายฯ เทฺว พฺยคฺฆา วิย อโนลีนวุตฺติตายฯ สพฺพปาลิผุลฺลเมวาติ สพฺพเมว สมนฺตโต วิกสิตํฯ
Dve candamaṇḍalāni viya paramasobhaggappattāya kantiyā. Dve sūriyamaṇḍalāni viya ativiya suvisuddhasamujjalāya guṇavibhūtiyā. Dve chaddantanāgarājāno viya mahānubhāvatāya. Dve sīhā viya tejussadatāya. Dve byagghā viya anolīnavuttitāya. Sabbapāliphullamevāti sabbameva samantato vikasitaṃ.
๓๓๓. กถา อุปจรติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ กถาอุปจาโร, สวนูปจาโร ปเทโส, ตํ กถาอุปจารํฯ รมณียเมว รามเณยฺยกํฯ อุชฺชงฺคเลติ ลูขปเทเส กฐินปเทเสฯ โทเสหิ อิตา อปคตาติ โทสินา ต-การสฺส น-การํ กตฺวาฯ ทิพฺพา มเญฺญ คนฺธาติ เทวโลเก คนฺธา วิยฯ ทิวิ ภวาติ ทิพฺพาฯ เทฺว เถราติ สาริปุตฺตเตฺถรอานนฺทเตฺถราฯ อานนฺทเตฺถโร ตาว มมายตุ อขีณาสวภาวโต, สาริปุตฺตเตฺถโร กถนฺติ? น อิทํ มมายนํ เคหสฺสิตเปมวเสน, อถ โข คุณภตฺติวเสนาติ นายํ โทโสฯ
333. Kathā upacarati pavattati etthāti kathāupacāro, savanūpacāro padeso, taṃ kathāupacāraṃ. Ramaṇīyameva rāmaṇeyyakaṃ. Ujjaṅgaleti lūkhapadese kaṭhinapadese. Dosehi itā apagatāti dosinā ta-kārassa na-kāraṃ katvā. Dibbā maññe gandhāti devaloke gandhā viya. Divi bhavāti dibbā. Dve therāti sāriputtattheraānandattherā. Ānandatthero tāva mamāyatu akhīṇāsavabhāvato, sāriputtatthero kathanti? Na idaṃ mamāyanaṃ gehassitapemavasena, atha kho guṇabhattivasenāti nāyaṃ doso.
อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา, อนุมติคฺคหณตฺถํ ปุจฺฉนํฯ ตตฺถ ยสฺมา อธมฺมิกมฺปิ วุทฺธสฺส อนุมติํ อิตโร ปฎิกฺขิปิตุํ น ลภติ, เตน สา อนุชานิตพฺพาว โหติ, ตสฺมา สงฺฆขุทฺทกโต ปฎฺฐาย อนุมติ ปุจฺฉิตพฺพาฯ เตนาห ‘‘อนุมติปุจฺฉา นาเมสา’’ติอาทิฯ ขุทฺทกโต ปฎฺฐายาติ กณิฎฺฐโต ปฎฺฐายฯ ปฎิภาติ อุปฎฺฐาตีติ ปฎิภานํ, ยถาธิเปฺปโต อโตฺถ, ตํ ปฎิภานํฯ สิขาปฺปตฺตา เวปุลฺลปฺปตฺตา น ภวิสฺสติ ปเทสญาเณ ฐิเตหิ ภาสิตตฺตาฯ สิขาปฺปตฺตา เวปุลฺลปฺปตฺตา ภวิสฺสติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สํสนฺทิตตฺตาฯ วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปจฺจตฺถิกา อฎฺฎิยนฺติ ทุกฺขายนฺติ เอเตนาติ อโฎฺฎ, วินิจฺฉิตพฺพโวหาโรฯ คามโภชกนฺติ ยสฺมิํ คาเม โส อุปฺปโนฺน, ตํ คามโภชกํฯ ชนปทโภชกนฺติ ยสฺมิํ ชนปเท โส อุปฺปโนฺน, ตํ ชนปทโภชกํฯ มหาวินิจฺฉยอมจฺจนฺติ ยสฺมิํ รเชฺช โส ชนปโท, ตสฺส ราชธานิยํ มหาวินิจฺฉยอมจฺจํฯ เสนาปตินฺติ ยสฺส รโญฺญ โส อมโจฺจ, ตสฺส เสนาปติํฯ ตถา อุปราชนฺติ ฯ อิทํ ปเนตฺถ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ อุปเมยฺยตฺถานุรูปโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ อปราปรํ น สญฺจรติ วินิจฺฉยนารเหน วินิจฺฉิตภาวโตฯ
Anumatiyā pucchā anumatipucchā, anumatiggahaṇatthaṃ pucchanaṃ. Tattha yasmā adhammikampi vuddhassa anumatiṃ itaro paṭikkhipituṃ na labhati, tena sā anujānitabbāva hoti, tasmā saṅghakhuddakato paṭṭhāya anumati pucchitabbā. Tenāha ‘‘anumatipucchā nāmesā’’tiādi. Khuddakato paṭṭhāyāti kaṇiṭṭhato paṭṭhāya. Paṭibhāti upaṭṭhātīti paṭibhānaṃ, yathādhippeto attho, taṃ paṭibhānaṃ. Sikhāppattā vepullappattā na bhavissati padesañāṇe ṭhitehi bhāsitattā. Sikhāppattā vepullappattā bhavissati sabbaññutaññāṇena saṃsanditattā. Vuttamevatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha paccatthikā aṭṭiyanti dukkhāyanti etenāti aṭṭo, vinicchitabbavohāro. Gāmabhojakanti yasmiṃ gāme so uppanno, taṃ gāmabhojakaṃ. Janapadabhojakanti yasmiṃ janapade so uppanno, taṃ janapadabhojakaṃ. Mahāvinicchayaamaccanti yasmiṃ rajje so janapado, tassa rājadhāniyaṃ mahāvinicchayaamaccaṃ. Senāpatinti yassa rañño so amacco, tassa senāpatiṃ. Tathā uparājanti . Idaṃ panettha pakaticārittavasena vuttaṃ upameyyatthānurūpatoti daṭṭhabbaṃ. Aparāparaṃ na sañcarati vinicchayanārahena vinicchitabhāvato.
ปกฎฺฐานํ (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๒๒) อุกฺกฎฺฐานํ สีลาทิอตฺถานํ โพธนโต, สภาวนิรุตฺติวเสน พุทฺธาทีหิ ภาสิตตฺตา จ ปกฎฺฐานํ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬีติ ปาฬิ, ปริยตฺติธโมฺมฯ ปุริมสฺส อตฺถสฺส ปจฺฉิเมน อเตฺถน อนุสนฺธานํ อนุสนฺธิฯ อตฺถมุเขน ปน ปาฬิปเทสานมฺปิ อนุสนฺธิ โหติเยว, โส จ ปุพฺพาปรานุสนฺธิ-ปุจฺฉานุสนฺธิ-อชฺฌาสยานุสนฺธิ-ยถานุสนฺธิวเสน จตุพฺพิโธฯ ตํตํเทสนานํ ปน ปุพฺพาปรสํสนฺทนํ ปุพฺพาปรํฯ ปาฬิวเสน อนุสนฺธิวเสน ปุพฺพาปรวเสนาติ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ อุคฺคหิตนฺติ พฺยญฺชนโส อตฺถโส จ อุทฺธํ อุทฺธํ คหิตํ, ปริยาปุณนวเสน เจว ปริปุจฺฉาวเสน จ หทเยน คหิตนฺติ อโตฺถฯ วฎฺฎทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ โสตพฺพโต สุตํ, ปริยตฺติธโมฺม, ตํ ธาเรตีติ สุตธโรฯ โย หิ สุตธโร, สุตํ ตสฺมิํ ปติฎฺฐิตํ โหติ สุปฺปติฎฺฐิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุตสฺส อาธารภูโต’’ติฯ เตนาห ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิฯ เอกปทํ เอกกฺขรมฺปิ อวินฎฺฐํ หุตฺวา สนฺนิจียตีติ สนฺนิจโย, สุตํ สนฺนิจโย เอตสฺมินฺติ สุตสนฺนิจโยฯ อโชฺฌสายาติ อนุปวิสิตฺวาฯ ติฎฺฐตีติ น มุสฺสติฯ
Pakaṭṭhānaṃ (a. ni. ṭī. 2.4.22) ukkaṭṭhānaṃ sīlādiatthānaṃ bodhanato, sabhāvaniruttivasena buddhādīhi bhāsitattā ca pakaṭṭhānaṃ vacanappabandhānaṃ āḷīti pāḷi, pariyattidhammo. Purimassa atthassa pacchimena atthena anusandhānaṃ anusandhi. Atthamukhena pana pāḷipadesānampi anusandhi hotiyeva, so ca pubbāparānusandhi-pucchānusandhi-ajjhāsayānusandhi-yathānusandhivasena catubbidho. Taṃtaṃdesanānaṃ pana pubbāparasaṃsandanaṃ pubbāparaṃ. Pāḷivasena anusandhivasena pubbāparavasenāti paccekaṃ yojetabbaṃ. Uggahitanti byañjanaso atthaso ca uddhaṃ uddhaṃ gahitaṃ, pariyāpuṇanavasena ceva paripucchāvasena ca hadayena gahitanti attho. Vaṭṭadukkhanissaraṇatthikehi sotabbato sutaṃ, pariyattidhammo, taṃ dhāretīti sutadharo. Yo hi sutadharo, sutaṃ tasmiṃ patiṭṭhitaṃ hoti suppatiṭṭhitaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘sutassa ādhārabhūto’’ti. Tenāha ‘‘yassa hī’’tiādi. Ekapadaṃ ekakkharampi avinaṭṭhaṃ hutvā sannicīyatīti sannicayo, sutaṃ sannicayo etasminti sutasannicayo. Ajjhosāyāti anupavisitvā. Tiṭṭhatīti na mussati.
ฐิตา ปคุณาติ ปคุณา วาจุคฺคตาฯ นิจฺจลิตนฺติ อปริวตฺติตํฯ สํสนฺทิตฺวาติ อเญฺญหิ สํสนฺทิตฺวาฯ สมนุคฺคาหิตฺวาติ ปริปุจฺฉาวเสน อตฺถํ โอคาเหตฺวาฯ ปพนฺธสฺส วิพนฺธาภาวโต คงฺคาโสตสทิสํ, ‘‘ภวงฺคโสตสทิส’’นฺติ วา ปาโฐ, อกิตฺติมํ สุขปฺปวตฺตีติ อโตฺถฯ สุเตฺตกเทสสฺส สุตฺตสฺส จ วจสา ปริจโย อิธ นาธิเปฺปโต, วคฺคาทิวเสน ปน อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘สุตฺตทสก…เป.… สชฺฌายิตา’’ติ, ‘‘ทส สุตฺตานิ คตานิ, ทส วคฺคาคตา’’ติอาทินา สลฺลเกฺขตฺวา วาจาย สชฺฌายิตาติ อโตฺถฯ มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา ภาคโส นิชฺฌายิตา จินฺติตา มนสานุเปกฺขิตาฯ รูปคตํ วิย ปญฺญายตีติ รูปคตํ วิย จกฺขุสฺส วิภูตํ หุตฺวา ปญฺญายติฯ สุปฺปฎิวิทฺธาติ นิชฺชฎํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา สุฎฺฐุ ยาถาวโต ปฎิวิทฺธาฯ
Ṭhitā paguṇāti paguṇā vācuggatā. Niccalitanti aparivattitaṃ. Saṃsanditvāti aññehi saṃsanditvā. Samanuggāhitvāti paripucchāvasena atthaṃ ogāhetvā. Pabandhassa vibandhābhāvato gaṅgāsotasadisaṃ, ‘‘bhavaṅgasotasadisa’’nti vā pāṭho, akittimaṃ sukhappavattīti attho. Suttekadesassa suttassa ca vacasā paricayo idha nādhippeto, vaggādivasena pana adhippetoti āha ‘‘suttadasaka…pe… sajjhāyitā’’ti, ‘‘dasa suttāni gatāni, dasa vaggāgatā’’tiādinā sallakkhetvā vācāya sajjhāyitāti attho. Manasā anu anu pekkhitā bhāgaso nijjhāyitā cintitā manasānupekkhitā. Rūpagataṃ viya paññāyatīti rūpagataṃ viya cakkhussa vibhūtaṃ hutvā paññāyati. Suppaṭividdhāti nijjaṭaṃ niggumbaṃ katvā suṭṭhu yāthāvato paṭividdhā.
ปชฺชติ อโตฺถ ญายติ เอเตนาติ ปทํ, ตเทว อตฺถํ พฺยเญฺชตีติ พฺยญฺชนนฺติ อาห ‘‘ปทเมว อตฺถสฺส พฺยญฺชนโต ปทพฺยญฺชน’’นฺติฯ อกฺขรปาริปูริยา ปทพฺยญฺชนสฺส ปริมณฺฑลตา, สา ปน ปาริปูรี เอวํ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘ทสวิธพฺยญฺชนพุทฺธิโย อปริหาเปตฺวา’’ติฯ อญฺญํ อุปารมฺภกรนฺติ ยถานิกฺขิตฺตสุตฺตโต อญฺญํ ตสฺส อนนุโลมกํ สุตฺตํ อาหรติฯ ตทตฺถํ โอตาเรตีติ ตสฺส อาหฎสุตฺตเสฺสว อตฺถํ วิจาเรติฯ ตสฺส กถา อปริมณฺฑลา นาม โหติ อตฺถสฺส อปริปุณฺณภาวโตฯ ยถานิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสํวณฺณนาวเสเนว สุตฺตนฺตรมฺปิ อาเนโนฺต พหิ เอกปทมฺปิ น คจฺฉติ นามฯ อมเกฺขโนฺตติ อวินาเสโนฺตฯ ตํ ตํ อตฺถํ สุฎฺฐุ ววตฺถิตํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ตุลิกาย ปริจฺฉินฺทโนฺต วิยฯ คมฺภีรตรมตฺถํ คเมโนฺต คมฺภีรมาติกาย อุทกํ เปเสโนฺต วิยฯ อุตฺตานมาติกาย หิ มริยาทํ โอตฺถริตฺวา อุทกํ อญฺญถา คเจฺฉยฺยฯ เอกํเยว ปทํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ ปุนปฺปุนํ สํวเณฺณโนฺต ปทํ โกเฎฺฎโนฺต สินฺธวาชานีโย วิยฯ โส หิ วคฺคิตาย คติยา ปเท ปทํ โกเฎฺฎโนฺต คจฺฉติฯ กถามเคฺคน ตสฺส กถา ปริมณฺฑลา นาม โหติ ธมฺมโต อตฺถโต อนุสนฺธิโต ปุพฺพาปรโต อาจริยุคฺคหโตติ สพฺพโส ปริปุณฺณภาวโตฯ
Pajjati attho ñāyati etenāti padaṃ, tadeva atthaṃ byañjetīti byañjananti āha ‘‘padameva atthassa byañjanato padabyañjana’’nti. Akkharapāripūriyā padabyañjanassa parimaṇḍalatā, sā pana pāripūrī evaṃ veditabbāti āha ‘‘dasavidhabyañjanabuddhiyo aparihāpetvā’’ti. Aññaṃ upārambhakaranti yathānikkhittasuttato aññaṃ tassa ananulomakaṃ suttaṃ āharati. Tadatthaṃ otāretīti tassa āhaṭasuttasseva atthaṃ vicāreti. Tassa kathā aparimaṇḍalā nāma hoti atthassa aparipuṇṇabhāvato. Yathānikkhittassa suttassa atthasaṃvaṇṇanāvaseneva suttantarampi ānento bahi ekapadampi na gacchati nāma. Amakkhentoti avināsento. Taṃ taṃ atthaṃ suṭṭhu vavatthitaṃ katvā dassento tulikāya paricchindanto viya. Gambhīrataramatthaṃ gamento gambhīramātikāya udakaṃ pesento viya. Uttānamātikāya hi mariyādaṃ ottharitvā udakaṃ aññathā gaccheyya. Ekaṃyeva padaṃ anekehi pariyāyehi punappunaṃ saṃvaṇṇento padaṃ koṭṭento sindhavājānīyo viya. So hi vaggitāya gatiyā pade padaṃ koṭṭento gacchati. Kathāmaggena tassa kathā parimaṇḍalā nāma hoti dhammato atthato anusandhito pubbāparato ācariyuggahatoti sabbaso paripuṇṇabhāvato.
อนุปฺปพเนฺธหีติ วิสฺสเฎฺฐหิ อาสชฺชมาเนหิฯ นาติสีฆํ นาติสณิกํ นิรนฺตรํ เอกรสญฺจ กตฺวา ปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ กเถโนฺต วิสฺสฎฺฐาย กถาย กเถติ นาม, น อญฺญถาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย ภิกฺขู’’ติอาทิมาหฯ อรณิํ มเนฺถโนฺต วิย, อุณฺหขาทนียํ ขาทโนฺต วิยาติ สีฆํ สีฆํ กถนสฺส อุทาหรณํ, คหิตํ คหิตเมวาติอาทิ ลเงฺฆตฺวา กถนสฺสฯ ปุราณปณฺณนฺตเรสุ หิ ปริปาติยมานโคธา กทาจิ ทิสฺสติ, เอวเมกจฺจสฺส อตฺถวณฺณนา กตฺถจิ น ทิสฺสติฯ โอหายาติ ฐเปตฺวาฯ โยปีติอาทินา เอกรูเปน กถาย อกถนํ ทเสฺสติฯ เปตคฺคิ นิชฺฌามตณฺหิกเปตสฺส มุขโต นิจฺฉรณกอคฺคิฯ วิตฺถายตีติ อปฺปฎิตานตมาปชฺชติฯ เกนจิ โรเคน ทุกฺขํ ปโตฺต วิย นิตฺถุนโนฺตฯ กนฺทโนฺต วิยาติ อุกฺกุฎฺฐิํ กโรโนฺต วิยฯ อปฺปพนฺธา นาม โหติ สุเขน อปฺปวตฺตภาวโตฯ อาจริเยหิ ทินฺนนเย ฐิโตติ อาจริยุคฺคหํ อมุญฺจโนฺต, ยถา จ อาจริยา ตํ ตํ สุตฺตํ สํวเณฺณสุํ, เตเนว นเยน สํวเณฺณโนฺตติ อโตฺถฯ อจฺฉินฺนธารํ กตฺวาติ ‘‘นาติสีฆํ นาติสณิก’’นฺติอาทินา เหฎฺฐา วุตฺตนเยน อวิจฺฉินฺนํ กถาปพนฺธํ กตฺวาฯ อนุสยสมุคฺฆาตายาติ อิมินา ตสฺสา กถาย อรหตฺตปริโยสานตํ ทเสฺสติ ฯ เอวรูเปนาติ นยิทํ เอกวจนํ ตตฺตกวเสน คเหตพฺพํ, อถ โข ลกฺขเณ ปวตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถารูเปเนว ภิกฺขุสเตน ภิกฺขุสหเสฺสน วา’’ติ วุตฺตํฯ ปลฺลเงฺกนาติ ปลฺลงฺกปเทเสน, ปลฺลงฺกาสนเนฺตนาติ อโตฺถฯ อิมินา นเยนาติ วารนฺตรสาธารณํ อตฺถํ อติทิสติ, อสาธารณํ ปน วกฺขเตวาติฯ
Anuppabandhehīti vissaṭṭhehi āsajjamānehi. Nātisīghaṃ nātisaṇikaṃ nirantaraṃ ekarasañca katvā parisāya ajjhāsayānurūpaṃ dhammaṃ kathento vissaṭṭhāya kathāya katheti nāma, na aññathāti dassento ‘‘yo bhikkhū’’tiādimāha. Araṇiṃ manthento viya, uṇhakhādanīyaṃ khādanto viyāti sīghaṃ sīghaṃ kathanassa udāharaṇaṃ, gahitaṃ gahitamevātiādi laṅghetvā kathanassa. Purāṇapaṇṇantaresu hi paripātiyamānagodhā kadāci dissati, evamekaccassa atthavaṇṇanā katthaci na dissati. Ohāyāti ṭhapetvā. Yopītiādinā ekarūpena kathāya akathanaṃ dasseti. Petaggi nijjhāmataṇhikapetassa mukhato niccharaṇakaaggi. Vitthāyatīti appaṭitānatamāpajjati. Kenaci rogena dukkhaṃ patto viya nitthunanto. Kandanto viyāti ukkuṭṭhiṃ karonto viya. Appabandhā nāma hoti sukhena appavattabhāvato. Ācariyehi dinnanaye ṭhitoti ācariyuggahaṃ amuñcanto, yathā ca ācariyā taṃ taṃ suttaṃ saṃvaṇṇesuṃ, teneva nayena saṃvaṇṇentoti attho. Acchinnadhāraṃ katvāti ‘‘nātisīghaṃ nātisaṇika’’ntiādinā heṭṭhā vuttanayena avicchinnaṃ kathāpabandhaṃ katvā. Anusayasamugghātāyāti iminā tassā kathāya arahattapariyosānataṃ dasseti . Evarūpenāti nayidaṃ ekavacanaṃ tattakavasena gahetabbaṃ, atha kho lakkhaṇe pavattanti dassento ‘‘tathārūpeneva bhikkhusatena bhikkhusahassena vā’’ti vuttaṃ. Pallaṅkenāti pallaṅkapadesena, pallaṅkāsanantenāti attho. Iminā nayenāti vārantarasādhāraṇaṃ atthaṃ atidisati, asādhāraṇaṃ pana vakkhatevāti.
๓๓๔. อารมติ เอเตนาติ อาราโมฯ
334. Āramati etenāti ārāmo.
๓๓๕. ธุวเสวนนฺติ นิยตเสวิตํฯ ปาสาทปริเวเณติ ปาสาทงฺคเณฯ นาภิยา ปติฎฺฐิตานนฺติ นาภิยา ภูมิยํ ปติฎฺฐิตานํฯ อรนฺตรานีติ อรวิวรานิ ตํตํอรานํ เวมชฺฌฎฺฐานานิฯ
335.Dhuvasevananti niyatasevitaṃ. Pāsādapariveṇeti pāsādaṅgaṇe. Nābhiyā patiṭṭhitānanti nābhiyā bhūmiyaṃ patiṭṭhitānaṃ. Arantarānīti aravivarāni taṃtaṃarānaṃ vemajjhaṭṭhānāni.
๓๓๖. สมาทินฺนอรญฺญธุตโงฺค อารญฺญิโก, น อรญฺญวาสมเตฺตนฯ
336.Samādinnaaraññadhutaṅgo āraññiko, na araññavāsamattena.
๓๓๗. น โอสาเทนฺตีติ น อวสาเทนฺติ, น อวสาทนาเปกฺขา อญฺญมญฺญํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ ปวตฺตินีติ ปคุณาฯ
337.Naosādentīti na avasādenti, na avasādanāpekkhā aññamaññaṃ pañhaṃ pucchantīti attho. Pavattinīti paguṇā.
๓๓๘. โลกุตฺตรา วิหารสมาปตฺติ นาม เถรสฺส อรหตฺตผลสมาปตฺติโย, ปริยายโต ปน นิโรธสมาปตฺติปิ เวทิตพฺพาฯ
338.Lokuttarā vihārasamāpatti nāma therassa arahattaphalasamāpattiyo, pariyāyato pana nirodhasamāpattipi veditabbā.
๓๓๙. สาธุกาโร อานนฺทเตฺถรสฺส ทิโนฺนฯ เตนาห ภควา ‘‘ยถา ตํ อานโนฺทว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติอาทิฯ สมฺมาติ สุฎฺฐุ, ยถาอชฺฌาสยนฺติ อธิปฺปาโยฯ เยน หิ ยํ ยถาจิตฺตํ กถิตํ, ตํ สมฺมา กถิตํ นาม โหติฯ สมฺปตฺตวเสน หิ ยถาการี ตถาวาที โสภติฯ เตนาห ‘‘อตฺตโน อนุจฺฉวิกเมวา’’ติอาทิฯ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ ตตฺถ ตตฺถ สุเตฺต สีลาทีนํ อาคตฎฺฐาเน เตสํ สุวิทิตตฺตา ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาโน ตานิ ปริปูเรตีติ อาห ‘‘สีลสฺส อาคตฎฺฐาเน’’ติอาทิฯ มคฺคาทิปสวนาย วิปสฺสนาคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา ปริปากํ คเมตฺวาติ อโตฺถฯ
339.Sādhukāro ānandattherassa dinno. Tenāha bhagavā ‘‘yathā taṃ ānandova sammā byākaramāno byākareyyā’’tiādi. Sammāti suṭṭhu, yathāajjhāsayanti adhippāyo. Yena hi yaṃ yathācittaṃ kathitaṃ, taṃ sammā kathitaṃ nāma hoti. Sampattavasena hi yathākārī tathāvādī sobhati. Tenāha ‘‘attano anucchavikamevā’’tiādi. Bahussuto bhikkhu tattha tattha sutte sīlādīnaṃ āgataṭṭhāne tesaṃ suviditattā yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāno tāni paripūretīti āha ‘‘sīlassa āgataṭṭhāne’’tiādi. Maggādipasavanāya vipassanāgabbhaṃ gaṇhāpetvā paripākaṃ gametvāti attho.
๓๔๐. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติเทสวเสน สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘อายสฺมา หิ เรวโต’’ติอาทิมาหฯ
340. ‘‘Eseva nayo’’ti atidesavasena saṅkhepato vuttamatthaṃ vivaranto ‘‘āyasmā hi revato’’tiādimāha.
๓๔๒. อปเรปิ นานปฺปกาเร กิเลเสติ อปเรปิ นานปฺปกาเร โทสโมหาทิกิเลเสฯ ธุนิตฺวาติ วิธเมตฺวาฯ
342.Aparepinānappakāre kileseti aparepi nānappakāre dosamohādikilese. Dhunitvāti vidhametvā.
๓๔๓. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอวํ พฺยากาสีติ สมฺพโนฺธฯ สกลมฺปิ จกฺขุวิญฺญาณวีถิคตํ จิตฺตํ จกฺขุวิญฺญาณนฺติ อคฺคเหตฺวา จกฺขุสนฺนิสฺสิตเมว ปน วิญฺญาณํ จกฺขุวิญฺญาณํ, ตทนนฺตรํ สมฺปฎิจฺฉนํ, ตทนนฺตรํ สนฺตีรณนฺติอาทินา สณฺหํ สุขุมํ อติอิตฺตรขณวนฺตํ จิตฺตนฺตรํ จิตฺตนานตฺตํฯ ขนฺธาทีนญฺจ นานตฺตสงฺขาตํ ขนฺธนฺตราทิฯ ปถวีกสิเณ ปฐมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตเถว ตติยํ ฌานนฺติอาทินา อารมฺมณํ อนุกฺกมิตฺวา ฌานเสฺสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ ฌาโนกฺกนฺติกํ นามฯ ปถวีกสิเณ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ตเทว เตโชกสิเณติอาทินา ฌานํ อนุกฺกมิตฺวา อารมฺมณเสฺสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ อารมฺมโณกฺกนฺติกํ นามฯ ‘‘ปฐมชฺฌานํ ปญฺจงฺคิก’’นฺติอาทินา ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ทุวงฺคิกนฺติ ฌานงฺคมตฺตเสฺสว ววตฺถาปนํ องฺคววตฺถานํฯ ‘‘อิทํ ปถวีกสิณํ…เป.… อิทํ โอทาตกสิณ’’นฺติ อารมฺมณมตฺตเสฺสว ววตฺถาปนํ อารมฺมณววตฺถานํฯ ปถวีกสิเณ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตเตฺถว อิตเรสมฺปิ สมาปชฺชนํ องฺคสงฺกนฺติฯ ปถวีกสิเณ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตเทว อาโปกสิเณติ เอวํ สพฺพกสิเณสุ เอกเสฺสว ฌานสฺส สมาปชฺชนํ อารมฺมณสงฺกนฺติฯ เอกโตวฑฺฒนํ อุภโตวฑฺฒนนฺติ อิทํ ขนฺธาทิเทสนายํ ลพฺภติฯ อภิธมฺมภาชนีเย หิ เวทนากฺขนฺธํ ภาเชโนฺต ภควา ติเก คเหตฺวา ทุเกสุ ปกฺขิปิ, ทุเก คเหตฺวา ติเกสุ ปกฺขิปิ, อิทํ เอกโตวฑฺฒนํฯ ติเก จ ทุเก จ อุภโตวฑฺฒนนีหาเรน กเถสิ, อิทํ อุภโตวฑฺฒนํฯ เอวํ เสสขเนฺธสุ ธาตายตนาทีสุ จ ยถารหํ วิภงฺคปฺปกรเณ (วิภ. ๓๒-๓๓; ๑๕๕-๑๕๖, ๑๘๓-๑๘๔) อภิธมฺมภาชนีเย อาคตนเยน เวทิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อาภิธมฺมิกธมฺมกถิกเสฺสว ปากฎ’’นฺติฯ ขนฺธาทีสุ สภาวธเมฺมสุ ตีสุ ลกฺขเณสุ ปญฺญตฺติยํ สมยนฺตเรสุ จ โกสลฺลาภาวโต อยํ สกวาโท อยํ ปรวาโทติ น ชานาติฯ ตโต เอว สกวาทํ…เป.… ธมฺมนฺตรํ วิสํวาเทติฯ ขนฺธาทีสุ ปน กุสลตาย อาภิธมฺมิโก สกวาทํ…เป.… น วิสํวาเทติฯ
343. Āyasmā mahāmoggallāno evaṃ byākāsīti sambandho. Sakalampi cakkhuviññāṇavīthigataṃ cittaṃ cakkhuviññāṇanti aggahetvā cakkhusannissitameva pana viññāṇaṃ cakkhuviññāṇaṃ, tadanantaraṃ sampaṭicchanaṃ, tadanantaraṃ santīraṇantiādinā saṇhaṃ sukhumaṃ atiittarakhaṇavantaṃ cittantaraṃ cittanānattaṃ. Khandhādīnañca nānattasaṅkhātaṃ khandhantarādi. Pathavīkasiṇe paṭhamajjhānaṃ samāpajjitvā tatheva tatiyaṃ jhānantiādinā ārammaṇaṃ anukkamitvā jhānasseva ekantarikabhāvena ukkamanaṃ jhānokkantikaṃ nāma. Pathavīkasiṇe paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjitvā puna tadeva tejokasiṇetiādinā jhānaṃ anukkamitvā ārammaṇasseva ekantarikabhāvena ukkamanaṃ ārammaṇokkantikaṃ nāma. ‘‘Paṭhamajjhānaṃ pañcaṅgika’’ntiādinā yāva nevasaññānāsaññāyatanaṃ duvaṅgikanti jhānaṅgamattasseva vavatthāpanaṃ aṅgavavatthānaṃ. ‘‘Idaṃ pathavīkasiṇaṃ…pe… idaṃ odātakasiṇa’’nti ārammaṇamattasseva vavatthāpanaṃ ārammaṇavavatthānaṃ. Pathavīkasiṇe paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjitvā tattheva itaresampi samāpajjanaṃ aṅgasaṅkanti. Pathavīkasiṇe paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjitvā tadeva āpokasiṇeti evaṃ sabbakasiṇesu ekasseva jhānassa samāpajjanaṃ ārammaṇasaṅkanti. Ekatovaḍḍhanaṃ ubhatovaḍḍhananti idaṃ khandhādidesanāyaṃ labbhati. Abhidhammabhājanīye hi vedanākkhandhaṃ bhājento bhagavā tike gahetvā dukesu pakkhipi, duke gahetvā tikesu pakkhipi, idaṃ ekatovaḍḍhanaṃ. Tike ca duke ca ubhatovaḍḍhananīhārena kathesi, idaṃ ubhatovaḍḍhanaṃ. Evaṃ sesakhandhesu dhātāyatanādīsu ca yathārahaṃ vibhaṅgappakaraṇe (vibha. 32-33; 155-156, 183-184) abhidhammabhājanīye āgatanayena veditabbaṃ. Tenāha ‘‘ābhidhammikadhammakathikasseva pākaṭa’’nti. Khandhādīsu sabhāvadhammesu tīsu lakkhaṇesu paññattiyaṃ samayantaresu ca kosallābhāvato ayaṃ sakavādo ayaṃ paravādoti na jānāti. Tato eva sakavādaṃ…pe… dhammantaraṃ visaṃvādeti. Khandhādīsu pana kusalatāya ābhidhammiko sakavādaṃ…pe… na visaṃvādeti.
๓๔๔. จิตฺตํ อตฺตโน วเส วเตฺตตุํ สโกฺกติ ปฎิสงฺขานภาวนาพเลหิ ปริคฺคณฺหนสมตฺถตฺตาฯ อิทานิ ตมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘ทุปฺปโญฺญ หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สพฺพานสฺสาติ สพฺพานิ อสฺสฯ วิเสวิตวิปฺผนฺทิตานีติ กิเลสวิสูกายิกานิ เจว ทุจฺจริตวิปฺผนฺทิตานิ จฯ ภญฺชิตฺวาติ มทฺทิตฺวาฯ พหีติ กมฺมฎฺฐานโต พหิ ปุถุตฺตารมฺมเณฯ
344.Cittaṃattano vase vattetuṃ sakkoti paṭisaṅkhānabhāvanābalehi pariggaṇhanasamatthattā. Idāni tamatthaṃ byatirekato anvayato ca vibhāvetuṃ ‘‘duppañño hī’’tiādimāha. Tattha sabbānassāti sabbāni assa. Visevitavipphanditānīti kilesavisūkāyikāni ceva duccaritavipphanditāni ca. Bhañjitvāti madditvā. Bahīti kammaṭṭhānato bahi puthuttārammaṇe.
๓๔๕. ปริยาเยนาติ เอตฺถ ปริยาย-สโทฺท ‘‘อตฺถิ เขฺวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๓-๙) วิย การณโตฺถติ อาห ‘‘โสภนการณํ อตฺถี’’ติฯ ยทิ ภควา – ‘‘อิธ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต’’ติอาทินา อตฺตโน มหาโพธิปลฺลงฺกํ สนฺธายาห, เอวํ สเนฺต สมฺมาสมฺพุเทฺธเหว สงฺฆาราโม โสเภตโพฺพ, น อเญฺญหีติ อาปนฺนนฺติ อาห ‘‘อปิจ ปจฺฉิมํ ชนต’’นฺติอาทิฯ นิพฺพานตฺถาย ปฎิปตฺติสารํ เอตสฺสาติ ปฎิปตฺติสาโร, ตํ ปฎิปตฺติสารํฯ นิปฺปริยาเยเนวาติ เกนจิ ปริยาเยน เลเสน วินา มุเขฺยน นเยเนวฯ โย ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ ทฬฺหสมาทานํ กตฺวา นิสิโนฺน ตํ อธิคนฺตฺวาว อุฎฺฐหติฯ เอวรูเปน อิทํ โคสิงฺคสาลวนํ โสภติ, สาสเน สพฺพารมฺภานํ ตทตฺถตฺตาติ อโตฺถฯ อาสวกฺขยาวหํ ปฎิปตฺติํ อารภิตฺวา อาสวกฺขเยเนว เทสนาย ปริโยสาปิตตฺตา ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฎฺฐเปสีติฯ
345.Pariyāyenāti ettha pariyāya-saddo ‘‘atthi khvesa, brāhmaṇa, pariyāyo’’tiādīsu (a. ni. 8.11; pārā. 3-9) viya kāraṇatthoti āha ‘‘sobhanakāraṇaṃ atthī’’ti. Yadi bhagavā – ‘‘idha, sāriputta, bhikkhu pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto’’tiādinā attano mahābodhipallaṅkaṃ sandhāyāha, evaṃ sante sammāsambuddheheva saṅghārāmo sobhetabbo, na aññehīti āpannanti āha ‘‘apica pacchimaṃ janata’’ntiādi. Nibbānatthāya paṭipattisāraṃ etassāti paṭipattisāro, taṃ paṭipattisāraṃ. Nippariyāyenevāti kenaci pariyāyena lesena vinā mukhyena nayeneva. Yo ‘‘arahattaṃ appatvā na vuṭṭhahissāmī’’ti daḷhasamādānaṃ katvā nisinno taṃ adhigantvāva uṭṭhahati. Evarūpena idaṃ gosiṅgasālavanaṃ sobhati, sāsane sabbārambhānaṃ tadatthattāti attho. Āsavakkhayāvahaṃ paṭipattiṃ ārabhitvā āsavakkhayeneva desanāya pariyosāpitattā yathānusandhināva desanaṃ niṭṭhapesīti.
มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Mahāgosiṅgasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตํ • 2. Mahāgosiṅgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahāgosiṅgasuttavaṇṇanā