English Edition
    Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Dīgha Nikāya, English translation

    ทีฆ นิกาย ๑๙

    Long Discourses 19

    มหาโควินฺทสุตฺต

    The Great Steward

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเตฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Rājagaha, on the Vulture’s Peak Mountain.

    อถ โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฏํ ปพฺพตํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ยํ โข เม, ภนฺเต, เทวานํ ตาวตึสานํ สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ, อาโรเจมิ ตํ ภควโต”ติฯ

    Then, late at night, the centaur Pañcasikha, lighting up the entire Vulture’s Peak, went up to the Buddha, bowed, stood to one side, and said to him, “Sir, I would tell you of what I heard and learned directly from the gods of the Thirty-Three.”

    “อาโรเจหิ เม ตฺวํ, ปญฺจสิขา”ติ ภควา อโวจฯ

    “Tell me, Pañcasikha,” said the Buddha.

    ๑ฯ เทวสภา

    1. The Council of the Gods

    “ปุริมานิ, ภนฺเต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปวารณาย ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา เกวลกปฺปา จ เทวา ตาวตึสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา; มหตี จ ทิพฺพปริสา สมนฺตโต นิสินฺนา โหนฺติ, จตฺตาโร จ มหาราชาโน จตุทฺทิสา นิสินฺนา โหนฺติ;

    “Sir, it was more than a few days ago—on the Uposatha day of the fifteenth on the full moon day at the invitation to admonish held at the end of the rainy season—when all the gods of the Thirty-Three were sitting together in the Hall of Justice. A large assembly of gods was sitting all around, and the Four Great Kings were seated at the four quarters.

    ปุรตฺถิมาย ทิสาย ธตรฏฺโฐ มหาราชา ปจฺฉิมาภิมุโข นิสินฺโน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; ทกฺขิณาย ทิสาย วิรูฬฺหโก มหาราชา อุตฺตราภิมุโข นิสินฺโน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; ปจฺฉิมาย ทิสาย วิรูปกฺโข มหาราชา ปุรตฺถาภิมุโข นิสินฺโน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; อุตฺตราย ทิสาย เวสฺสวโณ มหาราชา ทกฺขิณาภิมุโข นิสินฺโน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวาฯ

    The Great King Dhataraṭṭha was seated to the east, facing west, in front of his gods. The Great King Virūḷhaka was seated to the south, facing north, in front of his gods. The Great King Virūpakkha was seated to the west, facing east, in front of his gods. The Great King Vessavaṇa was seated to the north, facing south, in front of his gods.

    ยทา, ภนฺเต, เกวลกปฺปา จ เทวา ตาวตึสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา, มหตี จ ทิพฺพปริสา สมนฺตโต นิสินฺนา โหนฺติ, จตฺตาโร จ มหาราชาโน จตุทฺทิสา นิสินฺนา โหนฺติ, อิทํ เนสํ โหติ อาสนสฺมึ; อถ ปจฺฉา อมฺหากํ อาสนํ โหติฯ

    When the gods of the Thirty-Three have a gathering like this, that is how they are seated. After that come our seats.

    เย เต, ภนฺเต, เทวา ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา อธุนูปปนฺนา ตาวตึสกายํ, เต อญฺเญ เทเว อติโรจนฺติ วณฺเณน เจว ยสสา จฯ เตน สุทํ, ภนฺเต, เทวา ตาวตึสา อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา; ‘ทิพฺพา วต โภ กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายา'ติฯ

    Sir, those gods who had been recently reborn in the company of the Thirty-Three after leading the spiritual life under the Buddha outshine the other gods in beauty and glory. The gods of the Thirty-Three became uplifted and overjoyed at that, full of rapture and happiness, saying, ‘The heavenly hosts swell, while the demon hosts dwindle!’

    อถ โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ:

    Seeing the joy of those gods, Sakka, lord of gods, celebrated with these verses:

    ‘โมทนฺติ วต โภ เทวา, ตาวตึสา สหินฺทกา; ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํฯ

    ‘The gods rejoice—the Thirty-Three with their Lord—revering the Realized One, and the natural excellence of the teaching;

    นเว เทเว จ ปสฺสนฺตา, วณฺณวนฺเต ยสสฺสิเน; สุคตสฺมึ พฺรหฺมจริยํ, จริตฺวาน อิธาคเตฯ

    and seeing the new gods, so beautiful and glorious, who have come here after leading the spiritual life under the Buddha!

    เต อญฺเญ อติโรจนฺติ, วณฺเณน ยสสายุนา; สาวกา ภูริปญฺญสฺส, วิเสสูปคตา อิธฯ

    They outshine the others in beauty, glory, and lifespan. Here are the distinguished disciples of he whose wisdom is vast.

    อิทํ ทิสฺวาน นนฺทนฺติ, ตาวตึสา สหินฺทกา; ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺ'ติฯ

    Seeing this, they delight—the Thirty-Three with their Lord—revering the Realized One, and the natural excellence of the teaching!’

    เตน สุทํ, ภนฺเต, เทวา ตาวตึสา ภิโยฺยโส มตฺตาย อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา; ‘ทิพฺพา วต โภ, กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายา'ติฯ

    The gods of the Thirty-Three became even more uplifted and overjoyed at that, full of rapture and happiness, saying, ‘The heavenly hosts swell, while the demon hosts dwindle!’

    ๒ฯ อฏฺฐยถาภุจฺจวณฺณ

    2. Eight Genuine Praises

    อถ โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ: ‘อิจฺเฉยฺยาถ โน ตุเมฺห, มาริสา, ตสฺส ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ โสตุนฺ'ติ?

    Seeing the joy of those gods, Sakka, lord of gods, addressed them, ‘Gentlemen, would you like to hear eight genuine praises of the Buddha?’

    ‘อิจฺฉาม มยํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ โสตุนฺ'ติฯ

    ‘Indeed we would, sir.’

    อถ โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ปยิรุทาหาสิ:

    Then Sakka proffered these eight genuine praises of the Buddha:

    ‘ตํ กึ มญฺญนฺติ, โภนฺโต เทวา ตาวตึสา? ยาวญฺจ โส ภควา พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวํ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺนํ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    ‘What do the good gods of the Thirty-Three think? How the Buddha has acted for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans! I don’t see any Teacher, past or present, who has such compassion for the world, apart from the Buddha.

    สฺวากฺขาโต โข ปน เตน ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิฯ เอวํ โอปเนยฺยิกสฺส ธมฺมสฺส เทเสตารํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    Also, the Buddha has explained the teaching well—apparent in the present life, immediately effective, inviting inspection, relevant, so that sensible people can know it for themselves. I don’t see any Teacher, past or present, who explains such a relevant teaching, apart from the Buddha.

    “อิทํ กุสลนฺ”ติ โข ปน เตน ภควตา สุปญฺญตฺตํ, “อิทํ อกุสลนฺ”ติ สุปญฺญตฺตํฯ “อิทํ สาวชฺชํ อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หีนํ อิทํ ปณีตํ, อิทํ กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคนฺ”ติ สุปญฺญตฺตํฯ เอวํ กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชเสวิตพฺพาเสวิตพฺพหีนปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคานํ ธมฺมานํ ปญฺญาเปตารํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    Also, the Buddha has well described what is skillful and what is unskillful, what is blameworthy and what is blameless, what should be cultivated and what should not be cultivated, what is inferior and what is superior, and what is on the side of dark and the side of bright. I don’t see any Teacher, past or present, who so clearly describes all these things, apart from the Buddha.

    สุปญฺญตฺตา โข ปน เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา, สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฏิปทา จฯ เสยฺยถาปิ นาม คงฺโคทกํ ยมุโนทเกน สํสนฺทติ สเมติ; เอวเมว สุปญฺญตฺตา เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา, สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฏิปทา จฯ เอวํ นิพฺพานคามินิยา ปฏิปทาย ปญฺญาเปตารํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    Also, the Buddha has well described the practice that leads to Nibbana for his disciples. And Nibbana converges with the practice, as the waters of the Ganges come together and converge with the waters of the Yamuna. I don’t see any Teacher, past or present, who so clearly describes the practice that leads to Nibbana for his disciples, apart from the Buddha.

    อภินิปฺผนฺโน โข ปน ตสฺส ภควโต ลาโภ อภินิปฺผนฺโน สิโลโก, ยาว มญฺเญ ขตฺติยา สมฺปิยายมานรูปา วิหรนฺติ, วิคตมโท โข ปน โส ภควา อาหารํ อาหาเรติฯ เอวํ วิคตมทํ อาหารํ อาหรยมานํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    Also, possessions and popularity have accrued to the Buddha, so much that you’d think it would thrill even the aristocrats. But he takes his food free of vanity. I don’t see any Teacher, past or present, who takes their food so free of vanity, apart from the Buddha.

    ลทฺธสหาโย โข ปน โส ภควา เสขานญฺเจว ปฏิปนฺนานํ ขีณาสวานญฺจ วุสิตวตํฯ เต ภควา อปนุชฺช เอการามตํ อนุยุตฺโต วิหรติฯ เอวํ เอการามตํ อนุยุตฺตํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    Also, the Buddha has gained companions, both trainees who are practicing, and those with defilements ended who have completed their journey. The Buddha is committed to the joy of solitude, but doesn’t send them away. I don’t see any Teacher, past or present, so committed to the joy of solitude, apart from the Buddha.

    ยถาวาที โข ปน โส ภควา ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที, อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ เอวํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺนํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    Also, the Buddha does as he says, and says as he does, thus: he does as he says, and says as he does. I don’t see any Teacher, past or present, who so practices in line with the teaching, apart from the Buddha.

    ติณฺณวิจิกิจฺโฉ โข ปน โส ภควา วิคตกถงฺกโถ ปริโยสิตสงฺกปฺโป อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํฯ เอวํ ติณฺณวิจิกิจฺฉํ วิคตกถงฺกถํ ปริโยสิตสงฺกปฺปํ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตา'ติฯ

    Also, the Buddha has gone beyond doubt and got rid of indecision. He has achieved all he wished for regarding the fundamental purpose of the spiritual life. I don’t see any Teacher, past or present, who has achieved these things, apart from the Buddha.’

    อิเม โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ปยิรุทาหาสิฯ เตน สุทํ, ภนฺเต, เทวา ตาวตึสา ภิโยฺยโส มตฺตาย อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ สุตฺวาฯ

    These are the eight genuine praises of the Buddha proffered by Sakka. Hearing them, the gods of the Thirty-Three became even more uplifted and overjoyed.

    ตตฺร, ภนฺเต, เอกจฺเจ เทวา เอวมาหํสุ: ‘อโห วต, มาริสา, จตฺตาโร สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺเชยฺยุํ ธมฺมญฺจ เทเสยฺยุํ ยถริว ภควาฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺ'ติฯ

    Then some gods thought, ‘If only four fully awakened Buddhas might arise in the world and teach the Dhamma, just like the Blessed One! That would be for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans!’

    เอกจฺเจ เทวา เอวมาหํสุ: ‘ติฏฺฐนฺตุ, มาริสา, จตฺตาโร สมฺมาสมฺพุทฺธา, อโห วต, มาริสา, ตโย สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺเชยฺยุํ ธมฺมญฺจ เทเสยฺยุํ ยถริว ภควาฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺ'ติฯ เอกจฺเจ เทวา เอวมาหํสุ: ‘ติฏฺฐนฺตุ, มาริสา, ตโย สมฺมาสมฺพุทฺธา, อโห วต, มาริสา, เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺเชยฺยุํ ธมฺมญฺจ เทเสยฺยุํ ยถริว ภควาฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺ'ติฯ

    Other gods thought, ‘Let alone four fully awakened Buddhas; if only three fully awakened Buddhas, or two fully awakened Buddhas might arise in the world and teach the Dhamma, just like the Blessed One! That would be for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans!’

    เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส เอตทโวจ: ‘อฏฺฐานํ โข เอตํ, มาริสา, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ อโห วต, มาริสา, โส ภควา อปฺปาพาโธ อปฺปาตงฺโก จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฏฺเฐยฺยฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺ'ติฯ

    When they said this, Sakka said, ‘It’s impossible, gentlemen, for two perfected ones, fully awakened Buddhas to arise in the same solar system at the same time. May that Blessed One be healthy and well, and remain with us for a long time! That would be for the welfare and happiness of the people, out of compassion for the world, for the benefit, welfare, and happiness of gods and humans!’

    อถ โข, ภนฺเต, เยนตฺเถน เทวา ตาวตึสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา, ตํ อตฺถํ จินฺตยิตฺวา ตํ อตฺถํ มนฺตยิตฺวา วุตฺตวจนาปิ ตํ จตฺตาโร มหาราชาโน ตสฺมึ อตฺเถ โหนฺติฯ ปจฺจานุสิฏฺฐวจนาปิ ตํ จตฺตาโร มหาราชาโน ตสฺมึ อตฺเถ โหนฺติ, สเกสุ สเกสุ อาสเนสุ ฐิตา อวิปกฺกนฺตาฯ

    Then the gods of the Thirty-Three, having considered and deliberated on the matter for which they were seated together in the Hall of Justice, advised and instructed the Four Great Kings on the subject. Each one, having been advised, stood at his own seat without departing.

    เต วุตฺตวากฺยา ราชาโน, ปฏิคฺคยฺหานุสาสนึ; วิปฺปสนฺนมนา สนฺตา, อฏฺฐํสุ สมฺหิ อาสเนติฯ

    The Kings were instructed, and heeded good advice. With clear and peaceful minds, they stood by their own seats.

    อถ โข, ภนฺเต, อุตฺตราย ทิสาย อุฬาโร อาโลโก สญฺชายิ, โอภาโส ปาตุรโหสิ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ อถ โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ: ‘ยถา โข, มาริสา, นิมิตฺตานิ ทิสฺสนฺติ, อุฬาโร อาโลโก สญฺชายติ, โอภาโส ปาตุภวติ, พฺรหฺมา ปาตุภวิสฺสติ; พฺรหฺมุโน เหตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปาตุภาวาย, ยทิทํ อาโลโก สญฺชายติ โอภาโส ปาตุภวตีติฯ

    Then in the northern quarter a magnificent light arose and radiance appeared, surpassing the glory of the gods. Then Sakka, lord of gods, addressed the gods of the Thirty-Three, ‘As indicated by the signs—light arising and radiance appearing—Brahmā will appear. For this is the precursor for the appearance of Brahmā, namely light arising and radiance appearing.’

    ยถา นิมิตฺตา ทิสฺสนฺติ, พฺรหฺมา ปาตุภวิสฺสติ; พฺรหฺมุโน เหตํ นิมิตฺตํ, โอภาโส วิปุโล มหา'ติฯ

    As indicated by the signs, Brahmā will appear. For this is the sign of Brahmā: a light vast and great.

    ๓ฯ สนงฺกุมารกถา

    3. On Sanaṅkumāra

    อถ โข, ภนฺเต, เทวา ตาวตึสา ยถาสเกสุ อาสเนสุ นิสีทึสุ: ‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา'ติฯ จตฺตาโรปิ มหาราชาโน ยถาสเกสุ อาสเนสุ นิสีทึสุ: ‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา'ติฯ อิทํ สุตฺวา เทวา ตาวตึสา เอกคฺคา สมาปชฺชึสุ: ‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา'ติฯ

    Then the gods of the Thirty-Three sat in their own seats, saying, ‘We shall find out what has caused that light, and only when we have realized it shall we go to it.’ And the Four Great Kings did likewise. Hearing that, the gods of the Thirty-Three agreed in unison, ‘We shall find out what has caused that light, and only when we have realized it shall we go to it.’

    ยทา, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวตึสานํ ปาตุภวติ, โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา ปาตุภวติฯ โย โข ปน, ภนฺเต, พฺรหฺมุโน ปกติวณฺโณ, อนภิสมฺภวนีโย โส เทวานํ ตาวตึสานํ จกฺขุปถสฺมึฯ ยทา, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวตึสานํ ปาตุภวติ, โส อญฺเญ เทเว อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จฯ เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, โส วณฺโณ วิคฺคโห มานุสํ วิคฺคหํ อติโรจติ; เอวเมว โข, ภนฺเต, ยทา พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวตึสานํ ปาตุภวติ, โส อญฺเญ เทเว อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จฯ ยทา, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวตึสานํ ปาตุภวติ, น ตสฺสํ ปริสายํ โกจิ เทโว อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเฐติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตติฯ สพฺเพว ตุณฺหีภูตา ปญฺชลิกา ปลฺลงฺเกน นิสีทนฺติ: ‘ยสฺสทานิ เทวสฺส ปลฺลงฺกํ อิจฺฉิสฺสติ พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร, ตสฺส เทวสฺส ปลฺลงฺเก นิสีทิสฺสตี'ติฯ ยสฺส โข ปน, ภนฺเต, เทวสฺส พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปลฺลงฺเก นิสีทติ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว เวทปฏิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว โสมนสฺสปฏิลาภํฯ เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต อธุนาภิสิตฺโต รชฺเชน, อุฬารํ โส ลภติ เวทปฏิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ โสมนสฺสปฏิลาภํ; เอวเมว โข, ภนฺเต, ยสฺส เทวสฺส พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปลฺลงฺเก นิสีทติ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว เวทปฏิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว โสมนสฺสปฏิลาภํฯ

    When Brahmā Sanaṅkumāra appears to the gods of the Thirty-Three, he does so after manifesting in a solid corporeal form. For a Brahmā’s normal appearance is imperceptible in the visual range of the gods of the Thirty-Three. When Brahmā Sanaṅkumāra appears to the gods of the Thirty-Three, he outshines the other gods in beauty and glory, as a golden statue outshines the human form. When Brahmā Sanaṅkumāra appears to the gods of the Thirty-Three, not a single god in that assembly greets him by bowing down or rising up or inviting him to a seat. They all sit silently on their couches with their joined palms raised, thinking, ‘Now Brahmā Sanaṅkumāra will sit on the couch of whatever god he chooses.’ And the god on whose couch Brahmā sits is overjoyed and brimming with happiness, like a king on the day of his coronation.

    อถ, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวตึสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา อนฺตรหิโต อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ:

    Seeing the joy of those gods, Brahmā Sanaṅkumāra celebrated with these verses:

    ‘โมทนฺติ วต โภ เทวา, ตาวตึสา สหินฺทกา; ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํฯ

    ‘The gods rejoice—the Thirty-Three with their Lord—revering the Realized One, and the natural excellence of the teaching;

    นเว เทเว จ ปสฺสนฺตา, วณฺณวนฺเต ยสสฺสิเน; สุคตสฺมึ พฺรหฺมจริยํ, จริตฺวาน อิธาคเตฯ

    and seeing the new gods, so beautiful and glorious, who have come here after leading the spiritual life under the Buddha!

    เต อญฺเญ อติโรจนฺติ, วณฺเณน ยสสายุนา; สาวกา ภูริปญฺญสฺส, วิเสสูปคตา อิธฯ

    They outshine the others in beauty, glory, and lifespan. Here are the distinguished disciples of he whose wisdom is vast.

    อิทํ ทิสฺวาน นนฺทนฺติ, ตาวตึสา สหินฺทกา; ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺ'ติฯ

    Seeing this, they delight—the Thirty-Three with their Lord—revering the Realized One, and the natural excellence of the teaching!’

    อิมมตฺถํ, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร อภาสิตฺถฯ อิมมตฺถํ, ภนฺเต, พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภาสโต อฏฺฐงฺคสมนฺนาคโต สโร โหติ วิสฺสฏฺโฐ จ วิญฺเญโยฺย จ มญฺชุ จ สวนีโย จ พินฺทุ จ อวิสารี จ คมฺภีโร จ นินฺนาที จฯ ยถาปริสํ โข ปน, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร สเรน วิญฺญาเปติ, น จสฺส พหิทฺธา ปริสาย โฆโส นิจฺฉรติฯ ยสฺส โข ปน, ภนฺเต, เอวํ อฏฺฐงฺคสมนฺนาคโต สโร โหติ, โส วุจฺจติ ‘พฺรหฺมสฺสโร'ติฯ

    That is the topic on which Brahmā Sanaṅkumāra spoke. And while he was speaking on that topic, his voice had eight qualities: it was clear, comprehensible, charming, audible, lucid, undistorted, deep, and resonant. He makes sure his voice is intelligible as far as the assembly goes, but it doesn’t extend outside the assembly. When someone has a voice like this, they’re said to have the voice of Brahmā.

    อถ โข, ภนฺเต, เทวา ตาวตึสา พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ เอตทโวจุํ: ‘สาธุ, มหาพฺรเหฺม, เอตเทว มยํ สงฺขาย โมทาม; อตฺถิ จ สกฺเกน เทวานมินฺเทน ตสฺส ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺจา วณฺณา ภาสิตา; เต จ มยํ สงฺขาย โมทามา'ติฯ

    Then the gods of the Thirty-Three said to Brahmā Sanaṅkumāra, ‘Good, Great Brahmā! Having assessed this, we rejoice. And there are the eight genuine praises of the Buddha spoken by Sakka—having assessed them, too, we rejoice.’

    ๔ฯ อฏฺฐยถาภุจฺจวณฺณ

    4. Eight Genuine Praises

    อถ, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ: ‘สาธุ, เทวานมินฺท, มยมฺปิ ตสฺส ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ สุเณยฺยามา'ติฯ

    Then Brahmā said to Sakka, ‘It would be good, lord of gods, if I could also hear the eight genuine praises of the Buddha.’

    ‘เอวํ, มหาพฺรเหฺม'ติ โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ปยิรุทาหาสิฯ

    Saying, ‘Yes, Great Brahmā,’ Sakka repeated the eight genuine praises for him.

    ‘ตํ กึ มญฺญติ, ภวํ มหาพฺรหฺมา? ยาวญฺจ โส ภควา พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวํ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺนํ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    สฺวากฺขาโต โข ปน เตน ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิฯ เอวํ โอปเนยฺยิกสฺส ธมฺมสฺส เทเสตารํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    “อิทํ กุสลนฺ”ติ โข ปน เตน ภควตา สุปญฺญตฺตํ, “อิทํ อกุสลนฺ”ติ สุปญฺญตฺตํ, “อิทํ สาวชฺชํ อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หีนํ อิทํ ปณีตํ, อิทํ กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคนฺ”ติ สุปญฺญตฺตํฯ เอวํ กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชเสวิตพฺพาเสวิตพฺพหีนปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคานํ ธมฺมานํ ปญฺญาเปตารํฯ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    สุปญฺญตฺตา โข ปน เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฏิปทา จฯ เสยฺยถาปิ นาม คงฺโคทกํ ยมุโนทเกน สํสนฺทติ สเมติ; เอวเมว สุปญฺญตฺตา เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฏิปทา จฯ เอวํ นิพฺพานคามินิยา ปฏิปทาย ปญฺญาเปตารํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    อภินิปฺผนฺโน โข ปน ตสฺส ภควโต ลาโภ อภินิปฺผนฺโน สิโลโก, ยาว มญฺเญ ขตฺติยา สมฺปิยายมานรูปา วิหรนฺติฯ วิคตมโท โข ปน โส ภควา อาหารํ อาหาเรติฯ เอวํ วิคตมทํ อาหารํ อาหรยมานํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    ลทฺธสหาโย โข ปน โส ภควา เสขานญฺเจว ปฏิปนฺนานํ ขีณาสวานญฺจ วุสิตวตํ, เต ภควา อปนุชฺช เอการามตํ อนุยุตฺโต วิหรติฯ เอวํ เอการามตํ อนุยุตฺตํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    ยถาวาที โข ปน โส ภควา ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที; อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ เอวํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปฺปนฺนํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ

    ติณฺณวิจิกิจฺโฉ โข ปน โส ภควา วิคตกถงฺกโถ ปริโยสิตสงฺกปฺโป อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํฯ เอวํ ติณฺณวิจิกิจฺฉํ วิคตกถงฺกถํ ปริโยสิตสงฺกปฺปํ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํฯ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตา'ติฯ

    อิเม โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ปยิรุทาหาสิฯ เตน สุทํ, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร อตฺตมโน โหติ ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต ภควโต อฏฺฐ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ สุตฺวาฯ อถ, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา กุมารวณฺณี หุตฺวา ปญฺจสิโข เทวานํ ตาวตึสานํ ปาตุรโหสิฯ โส เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิกฺเข ปลฺลงฺเกน นิสีทิฯ เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, พลวา ปุริโส สุปจฺจตฺถเต วา ปลฺลงฺเก สเม วา ภูมิภาเค ปลฺลงฺเกน นิสีเทยฺย; เอวเมว โข, ภนฺเต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิกฺเข ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ:

    Hearing them, Brahmā Sanaṅkumāra was uplifted and overjoyed, full of rapture and happiness. Then Brahmā Sanaṅkumāra manifested in a solid corporeal form, taking on the appearance of the youth Pañcasikha, and appeared to the gods of the Thirty-Three. Rising into the air, he sat cross-legged in the sky, like a strong man might sit cross-legged on a well-appointed couch or on level ground. There he addressed the gods of the Thirty-Three:

    ๕ฯ โควินฺทพฺราหฺมณวตฺถุ

    5. The Story of the Steward

    ‘ตํ กึ มญฺญนฺติ, โภนฺโต เทวา ตาวตึสา, ยาว ทีฆรตฺตํ มหาปญฺโญว โส ภควา อโหสิฯ

    ‘What do the gods of the Thirty-Three think about the extent of the Buddha’s great wisdom?

    ภูตปุพฺพํ, โภ, ราชา ทิสมฺปติ นาม อโหสิฯ ทิสมฺปติสฺส รญฺโญ โควินฺโท นาม พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต อโหสิฯ ทิสมฺปติสฺส รญฺโญ เรณุ นาม กุมาโร ปุตฺโต อโหสิฯ โควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส โชติปาโล นาม มาณโว ปุตฺโต อโหสิฯ อิติ เรณุ จ ราชปุตฺโต โชติปาโล จ มาณโว อญฺเญ จ ฉ ขตฺติยา อิจฺเจเต อฏฺฐ สหายา อเหสุํฯ

    Once upon a time, there was a king named Disampati. He had a brahmin high priest named the Steward. Disampati’s son was the prince named Reṇu, while the Steward’s son was the student named Jotipāla. There were Reṇu the prince, Jotipāla the student, and six other aristocrats; these eight became friends.

    อถ โข, โภ, อโหรตฺตานํ อจฺจเยน โควินฺโท พฺราหฺมโณ กาลมกาสิฯ โควินฺเท พฺราหฺมเณ กาลงฺกเต ราชา ทิสมฺปติ ปริเทเวสิ: “ยสฺมึ วต, โภ, มยํ สมเย โควินฺเท พฺราหฺมเณ สพฺพกิจฺจานิ สมฺมา โวสฺสชฺชิตฺวา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรม, ตสฺมึ โน สมเย โควินฺโท พฺราหฺมโณ กาลงฺกโต”ติฯ

    In due course the brahmin Steward passed away. At his passing, King Disampati lamented, “At a time when I have relinquished all my duties to the brahmin Steward and amuse myself, supplied and provided with the five kinds of sensual stimulation, he passes away!”

    เอวํ วุตฺเต, โภ, เรณุ ราชปุตฺโต ราชานํ ทิสมฺปตึ เอตทโวจ: “มา โข ตฺวํ, เทว, โควินฺเท พฺราหฺมเณ กาลงฺกเต อติพาฬฺหํ ปริเทเวสิฯ อตฺถิ, เทว, โควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส โชติปาโล นาม มาณโว ปุตฺโต ปณฺฑิตตโร เจว ปิตรา, อลมตฺถทสตโร เจว ปิตรา; เยปิสฺส ปิตา อตฺเถ อนุสาสิ, เตปิ โชติปาลเสฺสว มาณวสฺส อนุสาสนิยา”ติฯ

    When he said this, Prince Reṇu said to him, “Sire, don’t lament too much at the Steward’s passing. He has a son named Jotipāla, who is even more astute and expert than his father. He should manage the affairs that were managed by his father.”

    “เอวํ, กุมารา”ติ?

    “Is that so, my prince?”

    “เอวํ, เทวา”ติฯ

    “That is so, sire.”

    ๖ฯ มหาโควินฺทวตฺถุ

    6. The Story of the Great Steward

    อถ โข, โภ, ราชา ทิสมฺปติ อญฺญตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ: “เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยน โชติปาโล มาณโว เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา โชติปาลํ มาณวํ เอวํ วเทหิ: ‘ภวมตฺถุ ภวนฺตํ โชติปาลํ, ราชา ทิสมฺปติ ภวนฺตํ โชติปาลํ มาณวํ อามนฺตยติ, ราชา ทิสมฺปติ โภโต โชติปาลสฺส มาณวสฺส ทสฺสนกาโม'”ติฯ

    So King Disampati addressed one of his men, “Please, mister, go to the student Jotipāla, and say to him, ‘Best wishes, Jotipāla! You are summoned by King Disampati; he wants to see you.’”

    “เอวํ, เทวา”ติ โข, โภ, โส ปุริโส ทิสมฺปติสฺส รญฺโญ ปฏิสฺสุตฺวา เยน โชติปาโล มาณโว เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โชติปาลํ มาณวํ เอตทโวจ: “ภวมตฺถุ ภวนฺตํ โชติปาลํ, ราชา ทิสมฺปติ ภวนฺตํ โชติปาลํ มาณวํ อามนฺตยติ, ราชา ทิสมฺปติ โภโต โชติปาลสฺส มาณวสฺส ทสฺสนกาโม”ติฯ “เอวํ, โภ”ติ โข, โภ, โชติปาโล มาณโว ตสฺส ปุริสสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ราชา ทิสมฺปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ทิสมฺปตินา รญฺญา สทฺธึ สมฺโมทิ;

    “Yes, Your Majesty,” replied that man, and did as he was asked. Then Jotipāla went to the king and exchanged greetings with him.

    สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข, โภ, โชติปาลํ มาณวํ ราชา ทิสมฺปติ เอตทโวจ: “อนุสาสตุ โน ภวํ โชติปาโล, มา โน ภวํ โชติปาโล อนุสาสนิยา ปจฺจพฺยาหาสิฯ เปตฺติเก ตํ ฐาเน ฐเปสฺสามิ, โควินฺทิเย อภิสิญฺจิสฺสามี”ติฯ

    When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side, and the king said to him, “May you, Jotipāla, manage my affairs—please don’t turn me down! I shall appoint you to your father’s position, and anoint you as Steward.”

    “เอวํ, โภ”ติ โข, โภ, โส โชติปาโล มาณโว ทิสมฺปติสฺส รญฺโญ ปจฺจโสฺสสิฯ

    “Yes, sir,” replied Jotipāla.

    อถ โข, โภ, ราชา ทิสมฺปติ โชติปาลํ มาณวํ โควินฺทิเย อภิสิญฺจิ, ตํ เปตฺติเก ฐาเน ฐเปสิฯ อภิสิตฺโต โชติปาโล มาณโว โควินฺทิเย เปตฺติเก ฐาเน ฐปิโต เยปิสฺส ปิตา อตฺเถ อนุสาสิ เตปิ อตฺเถ อนุสาสติ, เยปิสฺส ปิตา อตฺเถ นานุสาสิ เตปิ อตฺเถ อนุสาสติ; เยปิสฺส ปิตา กมฺมนฺเต อภิสมฺโภสิ เตปิ กมฺมนฺเต อภิสมฺโภติ, เยปิสฺส ปิตา กมฺมนฺเต นาภิสมฺโภสิ เตปิ กมฺมนฺเต อภิสมฺโภติฯ ตเมนํ มนุสฺสา เอวมาหํสุ: “โควินฺโท วต, โภ, พฺราหฺมโณ, มหาโควินฺโท วต, โภ, พฺราหฺมโณ”ติฯ อิมินา โข เอวํ, โภ, ปริยาเยน โชติปาลสฺส มาณวสฺส โควินฺโท มหาโควินฺโทเตฺวว สมญฺญา อุทปาทิฯ

    So the king anointed him as Steward and appointed him to his father’s position. After his appointment, the Steward Jotipāla managed both the affairs that his father had managed, and other affairs that his father had not managed. He organized both the works that his father had organized, and other works that his father had not organized. When people noticed this they said, “The brahmin is indeed a Steward, a Great Steward!” And that’s how the student Jotipāla came to be known as the Great Steward.

    ๖ฯ๑ฯ รชฺชสํวิภชน

    6.1. Dividing the Realm

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ: “ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา ชิณฺโณ วุทฺโธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตํ? ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ทิสมฺปติมฺหิ รญฺเญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร เรณุํ ราชปุตฺตํ รชฺเช อภิสิญฺเจยฺยุํฯ อายนฺตุ, โภนฺโต, เยน เรณุ ราชปุตฺโต เตนุปสงฺกมถ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชปุตฺตํ เอวํ วเทถ: ‘มยํ โข โภโต เรณุสฺส สหายา ปิยา มนาปา อปฺปฏิกูลา, ยํสุโข ภวํ ตํสุขา มยํ, ยํทุกฺโข ภวํ ตํทุกฺขา มยํฯ ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา ชิณฺโณ วุทฺโธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตํ? ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ทิสมฺปติมฺหิ รญฺเญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร ภวนฺตํ เรณุํ รชฺเช อภิสิญฺเจยฺยุํฯ สเจ ภวํ เรณุ รชฺชํ ลเภถ, สํวิภเชถ โน รชฺเชนา'”ติฯ

    Then the Great Steward went to the six aristocrats and said, “King Disampati is old, elderly and senior, advanced in years, and has reached the final stage of life. Who knows how long he has to live? It’s likely that when he passes away the king-makers will anoint Prince Reṇu as king. Come, sirs, go to Prince Reṇu and say, ‘Prince Reṇu, we are your friends, dear, beloved, and cherished. We have shared your joys and sorrows. King Disampati is old, elderly and senior, advanced in years, and has reached the final stage of life. Who knows how long he has to live? It’s likely that when he passes away the king-makers will anoint you as king. If you should gain kingship, share it with us.’”

    “เอวํ, โภ”ติ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน เรณุ ราชปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “มยํ โข โภโต เรณุสฺส สหายา ปิยา มนาปา อปฺปฏิกูลา; ยํสุโข ภวํ ตํสุขา มยํ, ยํทุกฺโข ภวํ ตํทุกฺขา มยํฯ ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา ชิณฺโณ วุทฺโธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, โก นุ โข ปน โภ ชานาติ ชีวิตํ? ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ทิสมฺปติมฺหิ รญฺเญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร ภวนฺตํ เรณุํ รชฺเช อภิสิญฺเจยฺยุํฯ สเจ ภวํ เรณุ รชฺชํ ลเภถ, สํวิภเชถ โน รชฺเชนา”ติฯ

    “Yes, sir,” replied the six aristocrats. They went to Prince Reṇu and put the proposal to him.

    “โก นุ โข, โภ, อญฺโญ มม วิชิเต สุโข ภเวถ, อญฺญตฺร ภวนฺเตภิ? สจาหํ, โภ, รชฺชํ ลภิสฺสามิ, สํวิภชิสฺสามิ โว รชฺเชนา”ติฯ

    The prince replied, “Who else, sirs, in my realm ought to prosper if not you? If I gain kingship, I will share it with you all.”

    อถ โข, โภ, อโหรตฺตานํ อจฺจเยน ราชา ทิสมฺปติ กาลมกาสิฯ ทิสมฺปติมฺหิ รญฺเญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร เรณุํ ราชปุตฺตํ รชฺเช อภิสิญฺจึสุฯ อภิสิตฺโต เรณุ รชฺเชน ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ

    In due course King Disampati passed away. At his passing, the king-makers anointed Prince Reṇu as king. But after being anointed, King Reṇu amused himself, supplied and provided with the five kinds of sensual stimulation.

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ: “ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา กาลงฺกโตฯ อภิสิตฺโต เรณุ รชฺเชน ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ, มทนียา กามา? อายนฺตุ, โภนฺโต, เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมถ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอวํ วเทถ: ‘ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา กาลงฺกโต, อภิสิตฺโต ภวํ เรณุ รชฺเชน, สรติ ภวํ ตํ วจนนฺ'”ติ?

    Then the Great Steward went to the six aristocrats and said, “King Disampati has passed away. But after being anointed, King Reṇu amused himself, supplied and provided with the five kinds of sensual stimulation. Who knows the intoxicating power of sensual pleasures? Come, sirs, go to Prince Reṇu and say, ‘Sir, King Disampati has passed away, and you have been anointed as king. Do you remember what you said?’”

    “เอวํ, โภ”ติ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอตทโวจุํ: “ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา กาลงฺกโต, อภิสิตฺโต ภวํ เรณุ รชฺเชน, สรติ ภวํ ตํ วจนนฺ”ติ?

    “Yes, sir,” replied the six aristocrats. They went to King Reṇu and said, “Sir, King Disampati has passed away, and you have been anointed as king. Do you remember what you said?”

    “สรามหํ, โภ, ตํ วจนํฯ โก นุ โข, โภ, ปโหติ อิมํ มหาปถวึ อุตฺตเรน อายตํ ทกฺขิเณน สกฏมุขํ สตฺตธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิตุนฺ”ติ?

    “I remember, sirs. Who is able to neatly divide into seven equal parts this great land, so broad in the north and narrow as the front of a cart in the south?”

    “โก นุ โข, โภ, อญฺโญ ปโหติ, อญฺญตฺร มหาโควินฺเทน พฺราหฺมเณนา”ติ?

    “Who else, sir, if not the Great Steward?”

    อถ โข, โภ, เรณุ ราชา อญฺญตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ: “เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยน มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เอวํ วเทหิ: ‘ราชา ตํ, ภนฺเต, เรณุ อามนฺเตตี'”ติฯ

    So King Reṇu addressed one of his men, “Please, mister, go to the brahmin Great Steward and say that King Reṇu summons him.”

    “เอวํ, เทวา”ติ โข, โภ, โส ปุริโส เรณุสฺส รญฺโญ ปฏิสฺสุตฺวา เยน มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ: “ราชา ตํ, ภนฺเต, เรณุ อามนฺเตตี”ติฯ “เอวํ, โภ”ติ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ ตสฺส ปุริสสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุนา รญฺญา สทฺธึ สมฺโมทิฯ

    “Yes, Your Majesty,” replied that man, and did as he was asked. Then the Great Steward went to the king and exchanged greetings with him.

    สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข, โภ, มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เรณุ ราชา เอตทโวจ: “เอตุ, ภวํ โควินฺโท อิมํ มหาปถวึ อุตฺตเรน อายตํ ทกฺขิเณน สกฏมุขํ สตฺตธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชตู”ติฯ

    When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side, and the king said to him, “Come, let the good Steward neatly divide into seven equal parts this great land, so broad in the north and narrow as the front of a cart in the south.”

    “เอวํ, โภ”ติ โข โภ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เรณุสฺส รญฺโญ ปฏิสฺสุตฺวา อิมํ มหาปถวึ อุตฺตเรน อายตํ ทกฺขิเณน สกฏมุขํ สตฺตธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิฯ สพฺพานิ สกฏมุขานิ ปฏฺฐเปสิฯ ตตฺร สุทํ มชฺเฌ เรณุสฺส รญฺโญ ชนปโท โหติฯ

    “Yes, sir,” replied the Great Steward, and did as he was asked. All were arranged like the fronts of carts, and right in the middle was King Reṇu’s nation.

    ทนฺตปุรํ กลิงฺคานํ, อสฺสกานญฺจ โปตนํ; มเหสยํ อวนฺตีนํ, โสวีรานญฺจ โรรุกํฯ

    Dantapura for the Kaliṅgas; Potana for the Assakas; Māhissatī for the Avantis; Roruka for the Sovīras;

    มิถิลา จ วิเทหานํ, จมฺปา องฺเคสุ มาปิตา; พาราณสี จ กาสีนํ, เอเต โควินฺทมาปิตาติฯ

    Mithilā for the Videhas; Campā was laid out for the Aṅgas; and Varanasi for the Kāsis: these were laid out by the Steward.

    อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา ยถาสเกน ลาเภน อตฺตมนา อเหสุํ ปริปุณฺณสงฺกปฺปา: “ยํ วต โน อโหสิ อิจฺฉิตํ, ยํ อากงฺขิตํ, ยํ อธิปฺเปตํ, ยํ อภิปตฺถิตํ, ตํ โน ลทฺธนฺ”ติฯ

    Then those six aristocrats were delighted with their respective gains, having achieved all they wished for, “We have received exactly what we wanted, what we wished for, what we desired, what we yearned for.”

    สตฺตภู พฺรหฺมทตฺโต จ, เวสฺสภู ภรโต สห; เรณุ เทฺว ธตรฏฺฐา จ, ตทาสุํ สตฺต ภารธาติฯ

    Sattabhū and Brahmadatta, Vessabhū and Bharata, Reṇu and the two Dhataraṭṭhas: these were the seven Bhāratas.

    ปฐมภาณวาโร นิฏฺฐิโตฯ

    The first recitation section is finished.

    ๖ฯ๒ฯ กิตฺติสทฺทอพฺภุคฺคมน

    6.2. A Good Reputation

    อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา เยน มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ: “ยถา โข ภวํ โควินฺโท เรณุสฺส รญฺโญ สหาโย ปิโย มนาโป อปฺปฏิกูโลฯ เอวเมว โข ภวํ โควินฺโท อมฺหากมฺปิ สหาโย ปิโย มนาโป อปฺปฏิกูโล, อนุสาสตุ โน ภวํ โควินฺโท; มา โน ภวํ โควินฺโท อนุสาสนิยา ปจฺจพฺยาหาสี”ติฯ

    Then the six aristocrats approached the Great Steward and said, “Steward, just as you are King Reṇu’s friend, dear, beloved, and cherished, you are also our friend. Would you manage our affairs? Please don’t turn us down!”

    “เอวํ, โภ”ติ โข มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เตสํ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ สตฺต จ ราชาโน ขตฺติเย มุทฺธาวสิตฺเต รชฺเช อนุสาสิ, สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ มนฺเต วาเจสิฯ

    “Yes, sirs,” replied the Great Steward. Then the Great Steward managed the realms of the seven kings. And he taught seven well-to-do brahmins, and seven hundred bathed initiates to recite the hymns.

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส อปเรน สมเยน เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ: “สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี”ติฯ

    After some time he got this good reputation, “The Great Steward sees Brahmā in person! The Great Steward discusses, converses, and consults with Brahmā in person!”

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ: “มยฺหํ โข เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี'ติฯ น โข ปนาหํ พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากจฺเฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มนฺเตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ: ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มนฺเตตี'ติฯ ยนฺนูนาหํ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลีเยยฺยํ, กรุณํ ฌานํ ฌาเยยฺยนฺ”ติฯ

    The Great Steward thought, “I have the reputation of seeing Brahmā in person, and discussing with him in person. But I don’t. I have heard that brahmins of the past who were elderly and senior, the teachers of teachers, said: ‘Whoever goes on retreat for the four months of the rainy season and practices the jhāna on compassion sees Brahmā and discusses with him.’ Why don’t I do that?”

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอตทโวจ: “มยฺหํ โข, โภ, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี'ติฯ น โข ปนาหํ, โภ, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากจฺเฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มนฺเตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ: ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มนฺเตตี'ติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ; นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตพฺโพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา”ติฯ

    So the Great Steward went to King Reṇu and told him of the situation, saying, “Sir, I wish to go on retreat for the four months of the rainy season and practice the jhāna on compassion. No one should approach me, except for the one who brings my meal.”

    “ยสฺสทานิ ภวํ โควินฺโท กาลํ มญฺญตี”ติฯ

    “Please do so, Steward, at your convenience.”

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ: “มยฺหํ โข, โภ, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี'ติฯ น โข ปนาหํ, โภ, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากจฺเฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มนฺเตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ, ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มนฺเตตี'ติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ; นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตพฺโพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา”ติฯ “ยสฺสทานิ ภวํ โควินฺโท กาลํ มญฺญตี”ติฯ

    Then the Great Steward went to the six aristocrats to put the same proposal, and received the same reply.

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาลา สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เอตทโวจ: “มยฺหํ โข, โภ, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี'ติฯ น โข ปนาหํ, โภ, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากจฺเฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มนฺเตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ: ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ, พฺรหฺมุนา สลฺลปติ, พฺรหฺมุนา มนฺเตตี'ติฯ เตน หิ, โภ, ยถาสุเต ยถาปริยตฺเต มนฺเต วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรถ, อญฺญมญฺญญฺจ มนฺเต วาเจถ; อิจฺฉามหํ, โภ, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ;

    He also went to the seven well-to-do brahmins and seven hundred bathed initiates and put to them the same proposal, adding, “Sirs, recite the hymns in detail as you have learned and memorized them, and teach each other how to recite.”

    นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตพฺโพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา”ติฯ “ยสฺสทานิ ภวํ โควินฺโท กาลํ มญฺญตี”ติฯ

    And they too said, “Please do so, Steward, at your convenience.”

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เอตทโวจ: “มยฺหํ โข, โภตี, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี'ติฯ น โข ปนาหํ, โภตี, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากจฺเฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มนฺเตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ, พฺรหฺมุนา สลฺลปติ, พฺรหฺมุนา มนฺเตตี'ติ, อิจฺฉามหํ, โภตี, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ; นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตพฺโพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา”ติฯ “ยสฺสทานิ ภวํ โควินฺโท กาลํ มญฺญตี”ติฯ

    Then the Great Steward went to his forty equal wives to put the same proposal to them, and received the same reply.

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ ปุรตฺถิเมน นครสฺส นวํ สนฺธาคารํ การาเปตฺวา วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียิ, กรุณํ ฌานํ ฌายิ; นาสฺสุธ โกจิ อุปสงฺกมติ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนฯ

    Then the Great Steward had a new meeting hall built to the east of his citadel, where he went on retreat for the four months of the rainy season and practiced the jhāna on compassion. And no one approached him except the one who brought him meals.

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อหุเทว อุกฺกณฺฐนา อหุ ปริตสฺสนา: “สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ: ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฏิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มนฺเตตี'ติฯ น โข ปนาหํ พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากจฺเฉมิ น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ น พฺรหฺมุนา มนฺเตมี”ติฯ

    But then, when the four months had passed, the Great Steward became dissatisfied and anxious, “I have heard that brahmins of the past said that whoever goes on retreat for the four months of the rainy season and practices the jhāna on compassion sees Brahmā and discusses with him. But I neither see Brahmā nor discuss with him.”

    ๖ฯ๓ฯ พฺรหฺมุนาสากจฺฉา

    6.3. A Discussion With Brahmā

    อถ โข, โภ, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย—เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิญฺเชยฺย; เอวเมว—พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิฯ อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส อหุเทว ภยํ อหุ ฉมฺภิตตฺตํ อหุ โลมหํโส ยถา ตํ อทิฏฺฐปุพฺพํ รูปํ ทิสฺวาฯ อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ ภีโต สํวิคฺโค โลมหฏฺฐชาโต พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ คาถาย อชฺฌภาสิ:

    And then Brahmā Sanaṅkumāra, knowing what the Great Steward was thinking, as easily as a strong person would extend or contract their arm, vanished from the Brahmā realm and reappeared in the Great Steward’s presence. At that, the Great Steward became frightened, scared, his hair standing on end, as he had never seen such a sight before. So he addressed Brahmā Sanaṅkumāra in verse:

    “วณฺณวา ยสวา สิริมา, โก นุ ตฺวมสิ มาริส; อชานนฺตา ตํ ปุจฺฉาม, กถํ ชาเนมุ ตํ มยนฺ”ติฯ

    “Who might you be, sir, so beautiful, glorious, majestic? Not knowing, I ask—how am I to know who you are?”

    “มํ เว กุมารํ ชานนฺติ, พฺรหฺมโลเก สนนฺตนํ; สพฺเพ ชานนฺติ มํ เทวา, เอวํ โควินฺท ชานหิ”ฯ

    “In the Brahmā realm they know me as ‘The Eternal Youth’. All the gods know me thus, and so you should know me, Steward.”

    “อาสนํ อุทกํ ปชฺชํ, มธุสากญฺจ พฺรหฺมุโน; อคฺเฆ ภวนฺตํ ปุจฺฉาม, อคฺฆํ กุรุตุ โน ภวํ”ฯ

    “A Brahmā deserves a seat and water, foot-salve, and sweet cakes. Sir, I ask you to please accept these gifts of hospitality.”

    “ปฏิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ ตฺวํ โควินฺท ภาสสิ; ทิฏฺฐธมฺมหิตตฺถาย, สมฺปราย สุขาย จ; กตาวกาโส ปุจฺฉสฺสุ, ยํ กิญฺจิ อภิปตฺถิตนฺ”ติฯ

    “I accept the gifts of hospitality of which you speak. I grant you the opportunity to ask whatever you desire—about welfare and benefit in this life, or happiness in lives to come.”

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ: “กตาวกาโส โขมฺหิ พฺรหฺมุนา สนงฺกุมาเรนฯ กึ นุ โข อหํ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ ปุจฺเฉยฺยํ ทิฏฺฐธมฺมิกํ วา อตฺถํ สมฺปรายิกํ วา”ติ?

    Then the Great Steward thought, “Brahmā Sanaṅkumāra has granted me an opportunity. Should I ask him about what is beneficial for this life or lives to come?”

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ: “กุสโล โข อหํ ทิฏฺฐธมฺมิกานํ อตฺถานํ, อญฺเญปิ มํ ทิฏฺฐธมฺมิกํ อตฺถํ ปุจฺฉนฺติฯ ยนฺนูนาหํ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ สมฺปรายิกญฺเญว อตฺถํ ปุจฺเฉยฺยนฺ”ติฯ อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ คาถาย อชฺฌภาสิ:

    Then he thought, “I’m a skilled in what is beneficial for this life, and others even ask me about it. Why don’t I ask Brahmā about the benefit that specifically applies to lives to come?” So he addressed Brahmā Sanaṅkumāra in verse:

    “ปุจฺฉามิ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ, กงฺขี อกงฺขึ ปรเวทิเยสุ; กตฺถฏฺฐิโต กิมฺหิ จ สิกฺขมาโน, ปปฺโปติ มจฺโจ อมตํ พฺรหฺมโลกนฺ”ติฯ

    “I’m in doubt, so I ask Brahmā—who is free of doubt—about things one may learn from another. Standing on what, training in what may a mortal reach the deathless Brahmā realm?”

    “หิตฺวา มมตฺตํ มนุเชสุ พฺรเหฺม, เอโกทิภูโต กรุเณธิมุตฺโต; นิรามคนฺโธ วิรโต เมถุนสฺมา, เอตฺถฏฺฐิโต เอตฺถ จ สิกฺขมาโน; ปปฺโปติ มจฺโจ อมตํ พฺรหฺมโลกนฺ”ติฯ

    “He among men, O brahmin, has given up possessiveness, at one, compassionate, free of putrefaction, and refraining from sex. Standing on that, training in that a mortal may reach the deathless Brahmā realm.”

    “‘หิตฺวา มมตฺตนฺ'ติ อหํ, โภโต, อาชานามิฯ อิเธกจฺโจ อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา ญาติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา ญาติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อิติ ‘หิตฺวา มมตฺตนฺ'ติ อหํ, โภโต, อาชานามิฯ

    “Sir, I understand what ‘giving up possessiveness’ means. It’s when someone gives up a large or small fortune, and a large or small family circle. They shave off hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness. That’s how I understand ‘giving up possessiveness’.

    ‘เอโกทิภูโต'ติ อหํ, โภโต, อาชานามิฯ อิเธกจฺโจ วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุญฺชํ, อิติ ‘เอโกทิภูโต'ติ อหํ, โภโต, อาชานามิฯ

    Sir, I understand what ‘at one’ means. It’s when someone frequents a secluded lodging—a wilderness, the root of a tree, a hill, a ravine, a mountain cave, a charnel ground, a forest, the open air, a heap of straw. That’s how I understand ‘at one’.

    ‘กรุเณธิมุตฺโต'ติ อหํ, โภโต, อาชานามิฯ อิเธกจฺโจ กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ กรุณาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ อิติ ‘กรุเณธิมุตฺโต'ติ อหํ, โภโต, อาชานามิฯ

    Sir, I understand what ‘compassionate’ means. It’s when someone meditates spreading a heart full of compassion to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of compassion to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. That’s how I understand ‘compassionate’.

    อามคนฺเธ จ โข อหํ, โภโต, ภาสมานสฺส น อาชานามิฯ

    But I don’t understand what you say about putrefaction.

    เก อามคนฺธา มนุเชสุ พฺรเหฺม, เอเต อวิทฺวา อิธ พฺรูหิ ธีร; เกนาวฏา วาติ ปชา กุรุตุ, อาปายิกา นิวุตพฺรหฺมโลกา”ติฯ

    What among men, O Brahmā, is putrefaction? I don’t understand, so tell me, wise one: wrapped in what do people stink, headed for hell, shut out of the Brahmā realm?”

    “โกโธ โมสวชฺชํ นิกติ จ ทุพฺโภ, กทริยตา อติมาโน อุสูยา; อิจฺฉา วิวิจฺฉา ปรเหฐนา จ, โลโภ จ โทโส จ มโท จ โมโห; เอเตสุ ยุตฺตา อนิรามคนฺธา, อาปายิกา นิวุตพฺรหฺมโลกา”ติฯ

    “Anger, lies, fraud, and deceit, miserliness, vanity, jealousy, desire, stinginess, harassing others, greed, hate, vanity, and delusion—those bound to such things are not devoid of putrefaction; they’re headed for hell, shut out of the Brahmā realm.”

    “ยถา โข อหํ, โภโต, อามคนฺเธ ภาสมานสฺส อาชานามิฯ เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    “As I understand what you say about putrefaction, it’s not easy to quell while living at home. I shall go forth from the lay life to homelessness!”

    “ยสฺสทานิ ภวํ โควินฺโท กาลํ มญฺญตี”ติฯ

    “Please do so, Steward, at your convenience.”

    ๖ฯ๔ฯ เรณุราชอามนฺตนา

    6.4. Informing King Reṇu

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอตทโวจ: “อญฺญํ ทานิ ภวํ ปุโรหิตํ ปริเยสตุ, โย โภโต รชฺชํ อนุสาสิสฺสติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    So the Great Steward went to King Reṇu and said, “Sir, please now find another high priest to manage the affairs of state for you. I wish to go forth from the lay life to homelessness. As I understand what Brahmā says about putrefaction, it’s not easy to quell while living at home. I shall go forth from the lay life to homelessness.

    “อามนฺตยามิ ราชานํ, เรณุํ ภูมิปตึ อหํ; ตฺวํ ปชานสฺสุ รชฺเชน, นาหํ โปโรหิจฺเจ รเม”ฯ

    I announce to King Reṇu, the lord of the land: you must learn how to rule, for I no longer care for my ministry.”

    “สเจ เต อูนํ กาเมหิ, อหํ ปริปูรยามิ เต; โย ตํ หึสติ วาเรมิ, ภูมิเสนาปติ อหํ; ตุวํ ปิตา อหํ ปุตฺโต, มา โน โควินฺท ปาชหิ”ฯ

    “If you’re lacking any pleasures, I’ll supply them for you. I’ll protect you from any harm, for I command the nation’s army. You are my father, I am your son! O Steward, please don’t leave!”

    “นมตฺถิ อูนํ กาเมหิ, หึสิตา เม น วิชฺชติ; อมนุสฺสวโจ สุตฺวา, ตสฺมาหํ น คเห รเม”ฯ

    “I’m lacking no pleasures, and no-one is harming me. I’ve heard a non-human voice, so I no longer care for lay life.”

    “อมนุโสฺส กถํวณฺโณ, กึ เต อตฺถํ อภาสถ; ยญฺจ สุตฺวา ชหาสิ โน, เคเห อเมฺห จ เกวลี”ฯ

    “What was that non-human like? What did he say to you, hearing which you would abandon our house and all our people?”

    “อุปวุตฺถสฺส เม ปุพฺเพ, ยิฏฺฐุกามสฺส เม สโต; อคฺคิ ปชฺชลิโต อาสิ, กุสปตฺตปริตฺถโตฯ

    “Before entering this retreat, I only liked to sacrifice. I kindled the sacred flame, strewn about with kusa grass.

    ตโต เม พฺรหฺมา ปาตุรหุ, พฺรหฺมโลกา สนนฺตโน; โส เม ปญฺหํ วิยากาสิ, ตํ สุตฺวา น คเห รเม”ฯ

    But then Brahmā the Eternal Youth appeared to me from the Brahmā realm. He answered my question, hearing which I no longer care for lay life.”

    “สทฺทหามิ อหํ โภโต, ยํ ตฺวํ โควินฺท ภาสสิ; อมนุสฺสวโจ สุตฺวา, กถํ วตฺเตถ อญฺญถาฯ

    “I have faith, O Steward, in that of which you speak. Having heard a non-human voice, what else could you do?

    เต ตํ อนุวตฺติสฺสาม, สตฺถา โควินฺท โน ภวํ; มณิ ยถา เวฬุริโย, อกาโจ วิมโล สุโภ; เอวํ สุทฺธา จริสฺสาม, โควินฺทสฺสานุสาสเนติฯ

    We will follow your example, Steward, be my Teacher! Like a gem of beryl—flawless, immaculate, beautiful—that’s how pure we shall live, in the Steward’s dispensation.

    สเจ ภวํ โควินฺโท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามฯ อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ

    If the Steward is going forth from the lay life to homelessness, we shall do so too. Your destiny shall be ours.”

    ๖ฯ๕ฯ ฉขตฺติยอามนฺตนา

    6.5. Informing the Six Aristocrats

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ: “อญฺญํ ทานิ ภวนฺโต ปุโรหิตํ ปริเยสนฺตุ, โย ภวนฺตานํ รชฺเช อนุสาสิสฺสติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    Then the Great Steward went to the six aristocrats and said, “Sirs, please now find another high priest to manage the affairs of state for you. I wish to go forth from the lay life to homelessness. As I understand what Brahmā says about putrefaction, it’s not easy to quell while living at home. I shall go forth from the lay life to homelessness!”

    อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ: “อิเม โข พฺราหฺมณา นาม ธนลุทฺธา; ยนฺนูน มยํ มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ ธเนน สิกฺเขยฺยามา”ติฯ

    Then the six aristocrats withdrew to one side and thought up a plan, “These brahmins are greedy for wealth. Why don’t we try to persuade him with wealth?”

    เต มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ: “สํวิชฺชติ โข, โภ, อิเมสุ สตฺตสุ รชฺเชสุ ปหูตํ สาปเตยฺยํ, ตโต โภโต ยาวตเกน อตฺโถ, ตาวตกํ อาหรียตนฺ”ติฯ

    They returned to the Great Steward and said, “In these seven kingdoms there is abundant wealth. We’ll get you as much as you want.”

    “อลํ, โภ, มมปิทํ ปหูตํ สาปเตยฺยํ ภวนฺตานํเยว วาหสาฯ ตมหํ สพฺพํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    “Enough, sirs. I already have abundant wealth, owing to my lords. Giving up all that, I shall go forth.”

    อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ: “อิเม โข พฺราหฺมณา นาม อิตฺถิลุทฺธา; ยนฺนูน มยํ มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อิตฺถีหิ สิกฺเขยฺยามา”ติฯ

    Then the six aristocrats withdrew to one side and thought up a plan, “These brahmins are greedy for women. Why don’t we try to persuade him with women?”

    เต มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ: “สํวิชฺชนฺติ โข, โภ, อิเมสุ สตฺตสุ รชฺเชสุ ปหูตา อิตฺถิโย, ตโต โภโต ยาวติกาหิ อตฺโถ, ตาวติกา อานียตนฺ”ติฯ

    They returned to the Great Steward and said, “In these seven kingdoms there are many women. We’ll get you as many as you want.”

    “อลํ, โภ, มมปิมา จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโยฯ ตาปาหํ สพฺพา ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺติ”ฯ

    “Enough, sirs. I already have forty equal wives. Giving up all them, I shall go forth.”

    “สเจ ภวํ โควินฺโท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ

    “If the Steward is going forth from the lay life to homelessness, we shall do so too. Your destiny shall be ours.”

    “สเจ ชหถ กามานิ, ยตฺถ สตฺโต ปุถุชฺชโน; อารมฺภโวฺห ทฬฺหา โหถ, ขนฺตีพลสมาหิตาฯ

    “If you all give up sensual pleasures, to which ordinary people are attached, exert yourselves, being strong, and possessing the power of patience.

    เอส มคฺโค อุชุมคฺโค, เอส มคฺโค อนุตฺตโร; สทฺธมฺโม สพฺภิ รกฺขิโต, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา”ติฯ

    This path is the straight path, this path is supreme. Guarded by the good, the true teaching leads to rebirth in the Brahmā realm.”

    “เตน หิ ภวํ โควินฺโท สตฺต วสฺสานิ อาคเมตุฯ สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ

    “Well then, sir, please wait for seven years. When seven years have passed, we shall go forth with you. Your destiny shall be ours.”

    “อติจิรํ โข, โภ, สตฺต วสฺสานิ, นาหํ สกฺโกมิ, ภวนฺเต, สตฺต วสฺสานิ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํฯ คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    “Seven years is too long, sirs. I cannot wait that long. Who knows what will happen to the living? We are heading to the next life. We must be thoughtful and wake up! We must do what’s good and lead the spiritual life, for no-one born can escape death. I shall go forth.”

    “เตน หิ ภวํ โควินฺโท ฉพฺพสฺสานิ อาคเมตุ …เป… ปญฺจ วสฺสานิ อาคเมตุ … จตฺตาริ วสฺสานิ อาคเมตุ … ตีณิ วสฺสานิ อาคเมตุ … เทฺว วสฺสานิ อาคเมตุ … เอกํ วสฺสํ อาคเมตุ, เอกสฺส วสฺสสฺส อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ “อติจิรํ โข, โภ, เอกํ วสฺสํ, นาหํ สกฺโกมิ ภวนฺเต เอกํ วสฺสํ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํฯ คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ “เตน หิ ภวํ โควินฺโท สตฺต มาสานิ อาคเมตุ, สตฺตนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ “อติจิรํ โข, โภ, สตฺต มาสานิ, นาหํ สกฺโกมิ ภวนฺเต สตฺต มาสานิ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํฯ คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ “เตน หิ ภวํ โควินฺโท ฉ มาสานิ อาคเมตุ …เป… ปญฺจ มาสานิ อาคเมตุ … จตฺตาริ มาสานิ อาคเมตุ … ตีณิ มาสานิ อาคเมตุ … เทฺว มาสานิ อาคเมตุ … เอกํ มาสํ อาคเมตุ … อทฺธมาสํ อาคเมตุ, อทฺธมาสสฺส อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ

    “Well then, sir, please wait for six years, five years, four years, three years, two years, one year, seven months, six months, five months, four months, three months, two months, one month, or even a fortnight. When a fortnight has passed, we shall go forth. Your destiny shall be ours.”

    “อติจิรํ โข, โภ, อทฺธมาโส, นาหํ สกฺโกมิ ภวนฺเต อทฺธมาสํ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํฯ คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    “A fortnight is too long, sirs. I cannot wait that long. Who knows what will happen to the living? We are heading to the next life. We must be thoughtful and wake up! We must do what’s good and lead the spiritual life, for no-one born can escape death. As I understand what Brahmā says about putrefaction, it’s not easy to quell while living at home. I shall go forth from the lay life to homelessness.”

    “เตน หิ ภวํ โควินฺโท สตฺตาหํ อาคเมตุ, ยาว มยํ สเก ปุตฺตภาตโร รชฺเชน อนุสาสิสฺสาม, สตฺตาหสฺส อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ

    “Well then, sir, please wait for a week, so that we can instruct our sons and brothers in kingship. When a week has passed, we shall go forth. Your destiny shall be ours.”

    “น จิรํ โข, โภ, สตฺตาหํ, อาคเมสฺสามหํ ภวนฺเต สตฺตาหนฺ”ติฯ

    “A week is not too long, sirs. I will wait that long.”

    ๖ฯ๖ฯ พฺราหฺมณมหาสาลาทีนํอามนฺตนา

    6.6. Informing the Brahmins

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาลา สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เอตทโวจ: “อญฺญํ ทานิ ภวนฺโต อาจริยํ ปริเยสนฺตุ, โย ภวนฺตานํ มนฺเต วาเจสฺสติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺสฯ เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    Then the Great Steward also went to the seven well-to-do brahmins and seven hundred bathed initiates and said, “Sirs, please now find another teacher to teach you to recite the hymns. I wish to go forth from the lay life to homelessness. As I understand what Brahmā says about putrefaction, it’s not easy to quell while living at home. I shall go forth from the lay life to homelessness.”

    “มา ภวํ โควินฺโท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ ปพฺพชฺชา, โภ, อปฺเปสกฺขา จ อปฺปลาภา จ; พฺรหฺมญฺญํ มเหสกฺขญฺจ มหาลาภญฺจา”ติฯ

    “Please don’t go forth from the lay life to homelessness! The life of one gone forth is of little influence or profit, whereas the life of a brahmin is of great influence and profit.”

    “มา ภวนฺโต เอวํ อวจุตฺถ: ‘ปพฺพชฺชา อปฺเปสกฺขา จ อปฺปลาภา จ, พฺรหฺมญฺญํ มเหสกฺขญฺจ มหาลาภญฺจา'ติฯ โก นุ โข, โภ, อญฺญตฺร มยา มเหสกฺขตโร วา มหาลาภตโร วาฯ อหญฺหิ, โภ, เอตรหิ ราชาว รญฺญํ พฺรหฺมาว พฺราหฺมณานํ เทวตาว คหปติกานํฯ ตมหํ สพฺพํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    “Please, sirs, don’t say that. Who has greater influence and profit than myself? For now I am like a king to kings, like Brahmā to brahmins, like a deity to householders. Giving up all that, I shall go forth. As I understand what Brahmā says about putrefaction, it’s not easy to quell while living at home. I shall go forth from the lay life to homelessness.”

    “สเจ ภวํ โควินฺโท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ

    “If the Steward is going forth from the lay life to homelessness, we shall do so too. Your destiny shall be ours.”

    ๖ฯ๗ฯ ภริยานํอามนฺตนา

    6.7. Informing the Wives

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ เยน จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เอตทโวจ: “ยา โภตีนํ อิจฺฉติ, สกานิ วา ญาติกุลานิ คจฺฉตุ อญฺญํ วา ภตฺตารํ ปริเยสตุฯ อิจฺฉามหํ, โภตี, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคนฺเธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภตี, อคารสฺมา อนคาริยนฺ”ติฯ

    Then the Great Steward went to his forty equal wives and said, “Ladies, please do whatever you wish, whether returning to your own families, or finding another husband. I wish to go forth from the lay life to homelessness. As I understand what Brahmā says about putrefaction, it’s not easy to quell while living at home. I shall go forth from the lay life to homelessness.”

    “ตฺวญฺเญว โน ญาติ ญาติกามานํ, ตฺวํ ปน ภตฺตา ภตฺตุกามานํฯ สเจ ภวํ โควินฺโท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี”ติฯ

    “You are the only family we want! You are the only husband we want! If you are going forth from the lay life to homelessness, we shall do so too. Your destiny shall be ours.”

    ๖ฯ๘ฯ มหาโควินฺทปพฺพชฺชา

    6.8. The Great Steward Goes Forth

    อถ โข, โภ, มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ ปพฺพชิตํ ปน มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ สตฺต จ ราชาโน ขตฺติยา มุทฺธาวสิตฺตา สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาลา สตฺต จ นฺหาตกสตานิ จตฺตารีสา จ ภริยา สาทิสิโย อเนกานิ จ ขตฺติยสหสฺสานิ อเนกานิ จ พฺราหฺมณสหสฺสานิ อเนกานิ จ คหปติสหสฺสานิ อเนเกหิ จ อิตฺถาคาเรหิ อิตฺถิโย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชึสุฯ

    When a week had passed, the Great Steward shaved off his hair and beard, dressed in ocher robes, and went forth from the lay life to homelessness. And when he had gone forth, the seven anointed aristocrat kings, the seven brahmins with seven hundred initiates, the forty equal wives, and many thousands of aristocrats, brahmins, householders, and many harem women shaved off their hair and beards, dressed in ocher robes, and went forth from the lay life to homelessness.

    ตาย สุทํ, โภ, ปริสาย ปริวุโต มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ คามนิคมราชธานีสุ จาริกํ จรติฯ ยํ โข ปน, โภ, เตน สมเยน มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ คามํ วา นิคมํ วา อุปสงฺกมติ, ตตฺถ ราชาว โหติ รญฺญํ, พฺรหฺมาว พฺราหฺมณานํ, เทวตาว คหปติกานํฯ เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ขิปนฺติ วา อุปกฺขลนฺติ วาฯ เต เอวมาหํสุ: “นมตฺถุ มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส, นมตฺถุ สตฺต ปุโรหิตสฺสา”ติฯ

    Escorted by that assembly, the Great Steward wandered on tour among the villages, towns, and capital cities. And at that time, whenever he arrived at a village or town, he was like a king to kings, like Brahmā to brahmins, like a deity to householders. And whenever people sneezed or tripped over they’d say: “Homage to the Great Steward! Homage to the high priest for the seven!”

    มหาโควินฺโท, โภ, พฺราหฺมโณ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหาสิฯ กรุณาสหคเตน เจตสา …เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา …เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา …เป… อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหาสิฯ สาวกานญฺจ พฺรหฺมโลกสหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสิฯ

    And the Great Steward meditated spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, he spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. He meditated spreading a heart full of compassion … rejoicing … equanimity to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, he spread a heart full of equanimity to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. And he taught his disciples the path to rebirth in the company of Brahmā.

    เย โข ปน, โภ, เตน สมเยน มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส สาวกา สพฺเพนสพฺพํ สาสนํ อาชานึสุฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชึสุฯ เย น สพฺเพนสพฺพํ สาสนํ อาชานึสุ, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ; อปฺเปกจฺเจ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ; อปฺเปกจฺเจ ตุสิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ; อปฺเปกจฺเจ ยามานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ; อปฺเปกจฺเจ ตาวตึสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ; อปฺเปกจฺเจ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ; เย สพฺพนิหีนํ กายํ ปริปูเรสุํ เต คนฺธพฺพกายํ ปริปูเรสุํฯ

    Those of his disciples who completely understood the Great Steward’s instructions, at the breaking up of the body, after death, were reborn in the Brahmā realm. Of those disciples who only partly understood the Great Steward’s instructions, some were reborn in the company of the Gods Who Control the Creations of Others, while some were reborn in the company of the Gods Who Love to Create, or the Joyful Gods, or the Gods of Yama, or the Gods of the Thirty-Three, or the Gods of the Four Great Kings. And at the very least they swelled the hosts of the centaurs.

    อิติ โข, โภ, สพฺเพสํเยว เตสํ กุลปุตฺตานํ อโมฆา ปพฺพชฺชา อโหสิ อวญฺฌา สผลา เสาทฺรยา'ติฯ

    And so the going forth of all those gentlemen was not in vain, was not wasted, but was fruitful and fertile.’

    สรติ ตํ ภควา”ติ?

    Do you remember this, Blessed One?”

    “สรามหํ, ปญฺจสิขฯ อหํ เตน สมเยน มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ อโหสึฯ อหํ เตสํ สาวกานํ พฺรหฺมโลกสหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสึฯ ตํ โข ปน เม, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาฯ

    “I remember, Pañcasikha. I myself was the brahmin Great Steward at that time. And I taught those disciples the path to rebirth in the company of Brahmā. But that spiritual path of mine doesn’t lead to disillusionment, dispassion, cessation, peace, insight, awakening, and Nibbana. It only leads as far as rebirth in the Brahmā realm.

    อิทํ โข ปน เม, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ กตมญฺจ ตํ, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฏฺฐงฺคิโก มคฺโคฯ เสยฺยถิทํ—สมฺมาทิฏฺฐิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิฯ อิทํ โข ตํ, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ

    But this spiritual path does lead to disillusionment, dispassion, cessation, peace, insight, awakening, and Nibbana. And what is the spiritual path that leads to Nibbana? It is simply this noble eightfold path, that is: right view, right thought, right speech, right action, right livelihood, right effort, right mindfulness, and right immersion. This is the spiritual path that leads to disillusionment, dispassion, cessation, peace, insight, awakening, and Nibbana.

    เย โข ปน เม, ปญฺจสิข, สาวกา สพฺเพนสพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, เต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ;

    Those of my disciples who completely understand my instructions realize the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life. And they live having realized it with their own insight due to the ending of defilements.

    เย น สพฺเพนสพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, เต ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา โหนฺติ ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ

    Of those disciples who only partly understand my instructions, some, with the ending of the five lower fetters, become reborn spontaneously. They are extinguished there, and are not liable to return from that world.

    เย น สพฺเพนสพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, อปฺเปกจฺเจ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน โหนฺติ สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติฯ

    Some, with the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion, become once-returners. They come back to this world once only, then make an end of suffering.

    เย น สพฺเพนสพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, อปฺเปกจฺเจ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา โหนฺติ อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณาฯ

    And some, with the ending of three fetters, become stream-enterers, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.

    อิติ โข, ปญฺจสิข, สพฺเพสํเยว อิเมสํ กุลปุตฺตานํ อโมฆา ปพฺพชฺชา อวญฺฌา สผลา เสาทฺรยา”ติฯ

    And so the going forth of all those gentlemen was not in vain, was not wasted, but was fruitful and fertile.”

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน ปญฺจสิโข คนฺธพฺพปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติฯ

    That is what the Buddha said. Delighted, the centaur Pañcasikha approved and agreed with what the Buddha said. He bowed and respectfully circled the Buddha, keeping him on his right, before vanishing right there.

    มหาโควินฺทสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ฉฏฺฐํฯ





    The authoritative text of the Dīgha Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact