Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๖. มหาโควินฺทสุตฺตํ
6. Mahāgovindasuttaṃ
๒๙๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ อถ โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพปุโตฺต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฎํ ปพฺพตํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ปญฺจสิโข คนฺธพฺพปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยํ โข เม, ภเนฺต, เทวานํ ตาวติํสานํ สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ, อาโรเจมิ ตํ ภควโต’’ติฯ ‘‘อาโรเจหิ เม ตฺวํ, ปญฺจสิขา’’ติ ภควา อโวจฯ
293. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati gijjhakūṭe pabbate. Atha kho pañcasikho gandhabbaputto abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ gijjhakūṭaṃ pabbataṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho pañcasikho gandhabbaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yaṃ kho me, bhante, devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ, ārocemi taṃ bhagavato’’ti. ‘‘Ārocehi me tvaṃ, pañcasikhā’’ti bhagavā avoca.
เทวสภา
Devasabhā
๒๙๔. ‘‘ปุริมานิ, ภเนฺต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปวารณาย ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา เกวลกปฺปา จ เทวา ตาวติํสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา; มหตี จ ทิพฺพปริสา สมนฺตโต นิสินฺนา โหนฺติ, จตฺตาโร จ มหาราชาโน จตุทฺทิสา นิสินฺนา โหนฺติ; ปุรตฺถิมาย ทิสาย ธตรโฎฺฐ มหาราชา ปจฺฉิมาภิมุโข นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; ทกฺขิณาย ทิสาย วิรูฬฺหโก มหาราชา อุตฺตราภิมุโข นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; ปจฺฉิมาย ทิสาย วิรูปโกฺข มหาราชา ปุรตฺถาภิมุโข นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; อุตฺตราย ทิสาย เวสฺสวโณ มหาราชา ทกฺขิณาภิมุโข นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวาฯ ยทา ภเนฺต, เกวลกปฺปา จ เทวา ตาวติํสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา, มหตี จ ทิพฺพปริสา สมนฺตโต นิสินฺนา โหนฺติ, จตฺตาโร จ มหาราชาโน จตุทฺทิสา นิสินฺนา โหนฺติ, อิทํ เนสํ โหติ อาสนสฺมิํ; อถ ปจฺฉา อมฺหากํ อาสนํ โหติฯ
294. ‘‘Purimāni, bhante, divasāni purimatarāni tadahuposathe pannarase pavāraṇāya puṇṇāya puṇṇamāya rattiyā kevalakappā ca devā tāvatiṃsā sudhammāyaṃ sabhāyaṃ sannisinnā honti sannipatitā; mahatī ca dibbaparisā samantato nisinnā honti, cattāro ca mahārājāno catuddisā nisinnā honti; puratthimāya disāya dhataraṭṭho mahārājā pacchimābhimukho nisinno hoti deve purakkhatvā; dakkhiṇāya disāya virūḷhako mahārājā uttarābhimukho nisinno hoti deve purakkhatvā; pacchimāya disāya virūpakkho mahārājā puratthābhimukho nisinno hoti deve purakkhatvā; uttarāya disāya vessavaṇo mahārājā dakkhiṇābhimukho nisinno hoti deve purakkhatvā. Yadā bhante, kevalakappā ca devā tāvatiṃsā sudhammāyaṃ sabhāyaṃ sannisinnā honti sannipatitā, mahatī ca dibbaparisā samantato nisinnā honti, cattāro ca mahārājāno catuddisā nisinnā honti, idaṃ nesaṃ hoti āsanasmiṃ; atha pacchā amhākaṃ āsanaṃ hoti.
‘‘เย เต, ภเนฺต, เทวา ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา อธุนูปปนฺนา ตาวติํสกายํ, เต อเญฺญ เทเว อติโรจนฺติ วเณฺณน เจว ยสสา จฯ เตน สุทํ, ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา; ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายา’ติฯ
‘‘Ye te, bhante, devā bhagavati brahmacariyaṃ caritvā adhunūpapannā tāvatiṃsakāyaṃ, te aññe deve atirocanti vaṇṇena ceva yasasā ca. Tena sudaṃ, bhante, devā tāvatiṃsā attamanā honti pamuditā pītisomanassajātā; ‘dibbā vata, bho, kāyā paripūrenti, hāyanti asurakāyā’ti.
๒๙๕. ‘‘อถ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทวานํ ตาวติํสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –
295. ‘‘Atha kho, bhante, sakko devānamindo devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sampasādaṃ viditvā imāhi gāthāhi anumodi –
‘โมทนฺติ วต โภ เทวา, ตาวติํสา สหินฺทกา;
‘Modanti vata bho devā, tāvatiṃsā sahindakā;
ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํฯ
Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammataṃ.
นเว เทเว จ ปสฺสนฺตา, วณฺณวเนฺต ยสสฺสิเน;
Nave deve ca passantā, vaṇṇavante yasassine;
สุคตสฺมิํ พฺรหฺมจริยํ, จริตฺวาน อิธาคเตฯ
Sugatasmiṃ brahmacariyaṃ, caritvāna idhāgate.
เต อเญฺญ อติโรจนฺติ, วเณฺณน ยสสายุนา;
Te aññe atirocanti, vaṇṇena yasasāyunā;
สาวกา ภูริปญฺญสฺส, วิเสสูปคตา อิธฯ
Sāvakā bhūripaññassa, visesūpagatā idha.
อิทํ ทิสฺวาน นนฺทนฺติ, ตาวติํสา สหินฺทกา;
Idaṃ disvāna nandanti, tāvatiṃsā sahindakā;
ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’นฺติฯ
Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammata’nti.
‘‘เตน สุทํ , ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา ภิโยฺยโส มตฺตาย อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา; ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายา’’’ติฯ
‘‘Tena sudaṃ , bhante, devā tāvatiṃsā bhiyyoso mattāya attamanā honti pamuditā pītisomanassajātā; ‘dibbā vata, bho, kāyā paripūrenti, hāyanti asurakāyā’’’ti.
อฎฺฐ ยถาภุจฺจวณฺณา
Aṭṭha yathābhuccavaṇṇā
๒๙๖. ‘‘อถ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทวานํ ตาวติํสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ – ‘อิเจฺฉยฺยาถ โน ตุเมฺห, มาริสา, ตสฺส ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ โสตุ’นฺติ? ‘อิจฺฉาม มยํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ โสตุ’นฺติฯ อถ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทวานํ ตาวติํสานํ ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ปยิรุทาหาสิ – ‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา? ยาวญฺจ โส ภควา พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺน พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวํ พหุชนหิตาย ปฎิปนฺนํ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
296. ‘‘Atha kho, bhante, sakko devānamindo devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sampasādaṃ viditvā deve tāvatiṃse āmantesi – ‘iccheyyātha no tumhe, mārisā, tassa bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe sotu’nti? ‘Icchāma mayaṃ, mārisa, tassa bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe sotu’nti. Atha kho, bhante, sakko devānamindo devānaṃ tāvatiṃsānaṃ bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe payirudāhāsi – ‘taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā? Yāvañca so bhagavā bahujanahitāya paṭipanno bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Evaṃ bahujanahitāya paṭipannaṃ bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘สฺวากฺขาโต โข ปน เตน ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหิฯ เอวํ โอปเนยฺยิกสฺส ธมฺมสฺส เทเสตารํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Svākkhāto kho pana tena bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhi. Evaṃ opaneyyikassa dhammassa desetāraṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘อิทํ กุสลนฺติ โข ปน เตน ภควตา สุปญฺญตฺตํ, อิทํ อกุสลนฺติ สุปญฺญตฺตํฯ อิทํ สาวชฺชํ อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หีนํ อิทํ ปณีตํ, อิทํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคนฺติ สุปญฺญตฺตํฯ เอวํ กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชเสวิตพฺพาเสวิตพฺพหีน-ปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคานํ ธมฺมานํ ปญฺญเปตารํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Idaṃ kusalanti kho pana tena bhagavatā supaññattaṃ, idaṃ akusalanti supaññattaṃ. Idaṃ sāvajjaṃ idaṃ anavajjaṃ, idaṃ sevitabbaṃ idaṃ na sevitabbaṃ, idaṃ hīnaṃ idaṃ paṇītaṃ, idaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāganti supaññattaṃ. Evaṃ kusalākusalasāvajjānavajjasevitabbāsevitabbahīna-paṇītakaṇhasukkasappaṭibhāgānaṃ dhammānaṃ paññapetāraṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘สุปญฺญตฺตา โข ปน เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฎิปทา, สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฎิปทา จฯ เสยฺยถาปิ นาม คโงฺคทกํ ยมุโนทเกน สํสนฺทติ สเมติ, เอวเมว สุปญฺญตฺตา เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฎิปทา, สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฎิปทา จฯ เอวํ นิพฺพานคามินิยา ปฎิปทาย ปญฺญเปตารํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Supaññattā kho pana tena bhagavatā sāvakānaṃ nibbānagāminī paṭipadā, saṃsandati nibbānañca paṭipadā ca. Seyyathāpi nāma gaṅgodakaṃ yamunodakena saṃsandati sameti, evameva supaññattā tena bhagavatā sāvakānaṃ nibbānagāminī paṭipadā, saṃsandati nibbānañca paṭipadā ca. Evaṃ nibbānagāminiyā paṭipadāya paññapetāraṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘อภินิปฺผโนฺน 1 โข ปน ตสฺส ภควโต ลาโภ อภินิปฺผโนฺน สิโลโก, ยาว มเญฺญ ขตฺติยา สมฺปิยายมานรูปา วิหรนฺติ, วิคตมโท โข ปน โส ภควา อาหารํ อาหาเรติฯ เอวํ วิคตมทํ อาหารํ อาหรยมานํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Abhinipphanno 2 kho pana tassa bhagavato lābho abhinipphanno siloko, yāva maññe khattiyā sampiyāyamānarūpā viharanti, vigatamado kho pana so bhagavā āhāraṃ āhāreti. Evaṃ vigatamadaṃ āhāraṃ āharayamānaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘ลทฺธสหาโย โข ปน โส ภควา เสขานเญฺจว ปฎิปนฺนานํ ขีณาสวานญฺจ วุสิตวตํฯ เต ภควา อปนุชฺช เอการามตํ อนุยุโตฺต วิหรติฯ เอวํ เอการามตํ อนุยุตฺตํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Laddhasahāyo kho pana so bhagavā sekhānañceva paṭipannānaṃ khīṇāsavānañca vusitavataṃ. Te bhagavā apanujja ekārāmataṃ anuyutto viharati. Evaṃ ekārāmataṃ anuyuttaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘ยถาวาที โข ปน โส ภควา ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที, อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ เอวํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Yathāvādī kho pana so bhagavā tathākārī, yathākārī tathāvādī, iti yathāvādī tathākārī, yathākārī tathāvādī. Evaṃ dhammānudhammappaṭipannaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘ติณฺณวิจิกิโจฺฉ โข ปน โส ภควา วิคตกถํกโถ ปริโยสิตสงฺกโปฺป อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํฯ เอวํ ติณฺณวิจิกิจฺฉํ วิคตกถํกถํ ปริโยสิตสงฺกปฺปํ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตา’ติฯ
‘‘Tiṇṇavicikiccho kho pana so bhagavā vigatakathaṃkatho pariyositasaṅkappo ajjhāsayaṃ ādibrahmacariyaṃ. Evaṃ tiṇṇavicikicchaṃ vigatakathaṃkathaṃ pariyositasaṅkappaṃ ajjhāsayaṃ ādibrahmacariyaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā’ti.
๒๙๗. ‘‘อิเม โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทวานํ ตาวติํสานํ ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ปยิรุทาหาสิฯ เตน สุทํ, ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา ภิโยฺยโส มตฺตาย อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ สุตฺวาฯ ตตฺร, ภเนฺต, เอกเจฺจ เทวา เอวมาหํสุ – ‘อโห วต, มาริสา, จตฺตาโร สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปเชฺชยฺยุํ ธมฺมญฺจ เทเสยฺยุํ ยถริว ภควาฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ เอกเจฺจ เทวา เอวมาหํสุ – ‘ติฎฺฐนฺตุ, มาริสา, จตฺตาโร สมฺมาสมฺพุทฺธา, อโห วต, มาริสา, ตโย สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปเชฺชยฺยุํ ธมฺมญฺจ เทเสยฺยุํ ยถริว ภควาฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ เอกเจฺจ เทวา เอวมาหํสุ – ‘ติฎฺฐนฺตุ, มาริสา, ตโย สมฺมาสมฺพุทฺธา, อโห วต, มาริสา, เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปเชฺชยฺยุํ ธมฺมญฺจ เทเสยฺยุํ ยถริว ภควาฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ
297. ‘‘Ime kho, bhante, sakko devānamindo devānaṃ tāvatiṃsānaṃ bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe payirudāhāsi. Tena sudaṃ, bhante, devā tāvatiṃsā bhiyyoso mattāya attamanā honti pamuditā pītisomanassajātā bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe sutvā. Tatra, bhante, ekacce devā evamāhaṃsu – ‘aho vata, mārisā, cattāro sammāsambuddhā loke uppajjeyyuṃ dhammañca deseyyuṃ yathariva bhagavā. Tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti. Ekacce devā evamāhaṃsu – ‘tiṭṭhantu, mārisā, cattāro sammāsambuddhā, aho vata, mārisā, tayo sammāsambuddhā loke uppajjeyyuṃ dhammañca deseyyuṃ yathariva bhagavā. Tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti. Ekacce devā evamāhaṃsu – ‘tiṭṭhantu, mārisā, tayo sammāsambuddhā, aho vata, mārisā, dve sammāsambuddhā loke uppajjeyyuṃ dhammañca deseyyuṃ yathariva bhagavā. Tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti.
๒๙๘. ‘‘เอวํ วุเตฺต , ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทเว ตาวติํเส เอตทโวจ – ‘อฎฺฐานํ โข เอตํ, มาริสา, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ อโห วต, มาริสา, โส ภควา อปฺปาพาโธ อปฺปาตโงฺก จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติเฎฺฐยฺยฯ ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ อถ โข, ภเนฺต, เยนเตฺถน เทวา ตาวติํสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา, ตํ อตฺถํ จินฺตยิตฺวา ตํ อตฺถํ มนฺตยิตฺวา วุตฺตวจนาปิ ตํ จตฺตาโร มหาราชาโน ตสฺมิํ อเตฺถ โหนฺติฯ ปจฺจานุสิฎฺฐวจนาปิ ตํ จตฺตาโร มหาราชาโน ตสฺมิํ อเตฺถ โหนฺติ, สเกสุ สเกสุ อาสเนสุ ฐิตา อวิปกฺกนฺตาฯ
298. ‘‘Evaṃ vutte , bhante, sakko devānamindo deve tāvatiṃse etadavoca – ‘aṭṭhānaṃ kho etaṃ, mārisā, anavakāso, yaṃ ekissā lokadhātuyā dve arahanto sammāsambuddhā apubbaṃ acarimaṃ uppajjeyyuṃ, netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Aho vata, mārisā, so bhagavā appābādho appātaṅko ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭheyya. Tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti. Atha kho, bhante, yenatthena devā tāvatiṃsā sudhammāyaṃ sabhāyaṃ sannisinnā honti sannipatitā, taṃ atthaṃ cintayitvā taṃ atthaṃ mantayitvā vuttavacanāpi taṃ cattāro mahārājāno tasmiṃ atthe honti. Paccānusiṭṭhavacanāpi taṃ cattāro mahārājāno tasmiṃ atthe honti, sakesu sakesu āsanesu ṭhitā avipakkantā.
เต วุตฺตวากฺยา ราชาโน, ปฎิคฺคยฺหานุสาสนิํ;
Te vuttavākyā rājāno, paṭiggayhānusāsaniṃ;
วิปฺปสนฺนมนา สนฺตา, อฎฺฐํสุ สมฺหิ อาสเนติฯ
Vippasannamanā santā, aṭṭhaṃsu samhi āsaneti.
๒๙๙. ‘‘อถ โข, ภเนฺต, อุตฺตราย ทิสาย อุฬาโร อาโลโก สญฺชายิ, โอภาโส ปาตุรโหสิ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ อถ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ – ‘ยถา โข, มาริสา, นิมิตฺตานิ ทิสฺสนฺติ, อุฬาโร อาโลโก สญฺชายติ, โอภาโส ปาตุภวติ , พฺรหฺมา ปาตุภวิสฺสติ; พฺรหฺมุโน เหตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปาตุภาวาย, ยทิทํ อาโลโก สญฺชายติ โอภาโส ปาตุภวตีติฯ
299. ‘‘Atha kho, bhante, uttarāya disāya uḷāro āloko sañjāyi, obhāso pāturahosi atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Atha kho, bhante, sakko devānamindo deve tāvatiṃse āmantesi – ‘yathā kho, mārisā, nimittāni dissanti, uḷāro āloko sañjāyati, obhāso pātubhavati , brahmā pātubhavissati; brahmuno hetaṃ pubbanimittaṃ pātubhāvāya, yadidaṃ āloko sañjāyati obhāso pātubhavatīti.
‘ยถา นิมิตฺตา ทิสฺสนฺติ, พฺรหฺมา ปาตุภวิสฺสติ;
‘Yathā nimittā dissanti, brahmā pātubhavissati;
พฺรหฺมุโน เหตํ นิมิตฺตํ, โอภาโส วิปุโล มหา’ติฯ
Brahmuno hetaṃ nimittaṃ, obhāso vipulo mahā’ti.
สนงฺกุมารกถา
Sanaṅkumārakathā
๓๐๐. ‘‘อถ โข, ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา ยถาสเกสุ อาสเนสุ นิสีทิํสุ – ‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา’ติฯ จตฺตาโรปิ มหาราชาโน ยถาสเกสุ อาสเนสุ นิสีทิํสุ – ‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา’ติฯ อิทํ สุตฺวา เทวา ตาวติํสา เอกคฺคา สมาปชฺชิํสุ – ‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา’ติฯ
300. ‘‘Atha kho, bhante, devā tāvatiṃsā yathāsakesu āsanesu nisīdiṃsu – ‘obhāsametaṃ ñassāma, yaṃvipāko bhavissati, sacchikatvāva naṃ gamissāmā’ti. Cattāropi mahārājāno yathāsakesu āsanesu nisīdiṃsu – ‘obhāsametaṃ ñassāma, yaṃvipāko bhavissati, sacchikatvāva naṃ gamissāmā’ti. Idaṃ sutvā devā tāvatiṃsā ekaggā samāpajjiṃsu – ‘obhāsametaṃ ñassāma, yaṃvipāko bhavissati, sacchikatvāva naṃ gamissāmā’ti.
‘‘ยทา, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ, โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา ปาตุภวติฯ โย โข ปน, ภเนฺต, พฺรหฺมุโน ปกติวโณฺณ, อนภิสมฺภวนีโย โส เทวานํ ตาวติํสานํ จกฺขุปถสฺมิํฯ ยทา, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ, โส อเญฺญ เทเว อติโรจติ วเณฺณน เจว ยสสา จฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, โสวโณฺณ วิคฺคโห มานุสํ วิคฺคหํ อติโรจติ, เอวเมว โข, ภเนฺต, ยทา พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ, โส อเญฺญ เทเว อติโรจติ วเณฺณน เจว ยสสา จฯ ยทา, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ, น ตสฺสํ ปริสายํ โกจิ เทโว อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตติฯ สเพฺพว ตุณฺหีภูตา ปญฺชลิกา ปลฺลเงฺกน นิสีทนฺติ – ‘ยสฺสทานิ เทวสฺส ปลฺลงฺกํ อิจฺฉิสฺสติ พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร, ตสฺส เทวสฺส ปลฺลเงฺก นิสีทิสฺสตี’ติฯ ยสฺส โข ปน, ภเนฺต, เทวสฺส พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปลฺลเงฺก นิสีทติ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว เวทปฎิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว โสมนสฺสปฎิลาภํ ฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต อธุนาภิสิโตฺต รเชฺชน, อุฬารํ โส ลภติ เวทปฎิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ โสมนสฺสปฎิลาภํ, เอวเมว โข, ภเนฺต, ยสฺส เทวสฺส พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปลฺลเงฺก นิสีทติ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว เวทปฎิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว โสมนสฺสปฎิลาภํฯ อถ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา อนฺตรหิโต อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –
‘‘Yadā, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati, oḷārikaṃ attabhāvaṃ abhinimminitvā pātubhavati. Yo kho pana, bhante, brahmuno pakativaṇṇo, anabhisambhavanīyo so devānaṃ tāvatiṃsānaṃ cakkhupathasmiṃ. Yadā, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati, so aññe deve atirocati vaṇṇena ceva yasasā ca. Seyyathāpi, bhante, sovaṇṇo viggaho mānusaṃ viggahaṃ atirocati, evameva kho, bhante, yadā brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati, so aññe deve atirocati vaṇṇena ceva yasasā ca. Yadā, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati, na tassaṃ parisāyaṃ koci devo abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimanteti. Sabbeva tuṇhībhūtā pañjalikā pallaṅkena nisīdanti – ‘yassadāni devassa pallaṅkaṃ icchissati brahmā sanaṅkumāro, tassa devassa pallaṅke nisīdissatī’ti. Yassa kho pana, bhante, devassa brahmā sanaṅkumāro pallaṅke nisīdati, uḷāraṃ so labhati devo vedapaṭilābhaṃ, uḷāraṃ so labhati devo somanassapaṭilābhaṃ . Seyyathāpi, bhante, rājā khattiyo muddhāvasitto adhunābhisitto rajjena, uḷāraṃ so labhati vedapaṭilābhaṃ, uḷāraṃ so labhati somanassapaṭilābhaṃ, evameva kho, bhante, yassa devassa brahmā sanaṅkumāro pallaṅke nisīdati, uḷāraṃ so labhati devo vedapaṭilābhaṃ, uḷāraṃ so labhati devo somanassapaṭilābhaṃ. Atha, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sampasādaṃ viditvā antarahito imāhi gāthāhi anumodi –
‘โมทนฺติ วต โภ เทวา, ตาวติํสา สหินฺทกา;
‘Modanti vata bho devā, tāvatiṃsā sahindakā;
ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํฯ
Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammataṃ.
‘นเว เทเว จ ปสฺสนฺตา, วณฺณวเนฺต ยสสฺสิเน;
‘Nave deve ca passantā, vaṇṇavante yasassine;
สุคตสฺมิํ พฺรหฺมจริยํ, จริตฺวาน อิธาคเตฯ
Sugatasmiṃ brahmacariyaṃ, caritvāna idhāgate.
‘เต อเญฺญ อติโรจนฺติ, วเณฺณน ยสสายุนา;
‘Te aññe atirocanti, vaṇṇena yasasāyunā;
สาวกา ภูริปญฺญสฺส, วิเสสูปคตา อิธฯ
Sāvakā bhūripaññassa, visesūpagatā idha.
‘อิทํ ทิสฺวาน นนฺทนฺติ, ตาวติํสา สหินฺทกา;
‘Idaṃ disvāna nandanti, tāvatiṃsā sahindakā;
ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’นฺติฯ
Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammata’nti.
๓๐๑. ‘‘อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร อภาสิตฺถฯ อิมมตฺถํ, ภเนฺต , พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภาสโต อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโต สโร โหติ วิสฺสโฎฺฐ จ วิเญฺญโยฺย จ มญฺชุ จ สวนีโย จ พินฺทุ จ อวิสารี จ คมฺภีโร จ นินฺนาที จฯ ยถาปริสํ โข ปน, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร สเรน วิญฺญาเปติ, น จสฺส พหิทฺธา ปริสาย โฆโส นิจฺฉรติฯ ยสฺส โข ปน, ภเนฺต, เอวํ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโต สโร โหติ, โส วุจฺจติ ‘พฺรหฺมสฺสโร’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ เอตทโวจุํ – ‘สาธุ, มหาพฺรเหฺม, เอตเทว มยํ สงฺขาย โมทาม; อตฺถิ จ สเกฺกน เทวานมิเนฺทน ตสฺส ภควโต อฎฺฐ ยถาภุจฺจา วณฺณา ภาสิตา; เต จ มยํ สงฺขาย โมทามา’ติฯ
301. ‘‘Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro abhāsittha. Imamatthaṃ, bhante , brahmuno sanaṅkumārassa bhāsato aṭṭhaṅgasamannāgato saro hoti vissaṭṭho ca viññeyyo ca mañju ca savanīyo ca bindu ca avisārī ca gambhīro ca ninnādī ca. Yathāparisaṃ kho pana, bhante, brahmā sanaṅkumāro sarena viññāpeti, na cassa bahiddhā parisāya ghoso niccharati. Yassa kho pana, bhante, evaṃ aṭṭhaṅgasamannāgato saro hoti, so vuccati ‘brahmassaro’ti. Atha kho, bhante, devā tāvatiṃsā brahmānaṃ sanaṅkumāraṃ etadavocuṃ – ‘sādhu, mahābrahme, etadeva mayaṃ saṅkhāya modāma; atthi ca sakkena devānamindena tassa bhagavato aṭṭha yathābhuccā vaṇṇā bhāsitā; te ca mayaṃ saṅkhāya modāmā’ti.
อฎฺฐ ยถาภุจฺจวณฺณา
Aṭṭha yathābhuccavaṇṇā
๓๐๒. ‘‘อถ , ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘สาธุ, เทวานมินฺท, มยมฺปิ ตสฺส ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ สุเณยฺยามา’ติฯ ‘เอวํ มหาพฺรเหฺม’ติ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ปยิรุทาหาสิฯ
302. ‘‘Atha , bhante, brahmā sanaṅkumāro sakkaṃ devānamindaṃ etadavoca – ‘sādhu, devānaminda, mayampi tassa bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe suṇeyyāmā’ti. ‘Evaṃ mahābrahme’ti kho, bhante, sakko devānamindo brahmuno sanaṅkumārassa bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe payirudāhāsi.
‘‘ตํ กิํ มญฺญติ, ภวํ มหาพฺรหฺมา? ยาวญฺจ โส ภควา พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺน พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวํ พหุชนหิตาย ปฎิปนฺนํ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññati, bhavaṃ mahābrahmā? Yāvañca so bhagavā bahujanahitāya paṭipanno bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Evaṃ bahujanahitāya paṭipannaṃ bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘สฺวากฺขาโต โข ปน เตน ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหิฯ เอวํ โอปเนยฺยิกสฺส ธมฺมสฺส เทเสตารํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Svākkhāto kho pana tena bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhi. Evaṃ opaneyyikassa dhammassa desetāraṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘อิทํ กุสล’นฺติ โข ปน เตน ภควตา สุปญฺญตฺตํ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ สุปญฺญตฺตํ, ‘อิทํ สาวชฺชํ อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หีนํ อิทํ ปณีตํ, อิทํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาค’นฺติ สุปญฺญตฺตํฯ เอวํ กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชเสวิตพฺพาเสวิตพฺพหีนปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคานํ ธมฺมานํ ปญฺญาเปตารํฯ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Idaṃ kusala’nti kho pana tena bhagavatā supaññattaṃ, ‘idaṃ akusala’nti supaññattaṃ, ‘idaṃ sāvajjaṃ idaṃ anavajjaṃ, idaṃ sevitabbaṃ idaṃ na sevitabbaṃ, idaṃ hīnaṃ idaṃ paṇītaṃ, idaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāga’nti supaññattaṃ. Evaṃ kusalākusalasāvajjānavajjasevitabbāsevitabbahīnapaṇītakaṇhasukkasappaṭibhāgānaṃ dhammānaṃ paññāpetāraṃ. Imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘สุปญฺญตฺตา โข ปน เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฎิปทา สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฎิปทา จฯ เสยฺยถาปิ นาม คโงฺคทกํ ยมุโนทเกน สํสนฺทติ สเมติ, เอวเมว สุปญฺญตฺตา เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฎิปทา สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฎิปทา จฯ เอวํ นิพฺพานคามินิยา ปฎิปทาย ปญฺญาเปตารํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Supaññattā kho pana tena bhagavatā sāvakānaṃ nibbānagāminī paṭipadā saṃsandati nibbānañca paṭipadā ca. Seyyathāpi nāma gaṅgodakaṃ yamunodakena saṃsandati sameti, evameva supaññattā tena bhagavatā sāvakānaṃ nibbānagāminī paṭipadā saṃsandati nibbānañca paṭipadā ca. Evaṃ nibbānagāminiyā paṭipadāya paññāpetāraṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘อภินิปฺผโนฺน โข ปน ตสฺส ภควโต ลาโภ อภินิปฺผโนฺน สิโลโก, ยาว มเญฺญ ขตฺติยา สมฺปิยายมานรูปา วิหรนฺติฯ วิคตมโท โข ปน โส ภควา อาหารํ อาหาเรติฯ เอวํ วิคตมทํ อาหารํ อาหรยมานํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Abhinipphanno kho pana tassa bhagavato lābho abhinipphanno siloko, yāva maññe khattiyā sampiyāyamānarūpā viharanti. Vigatamado kho pana so bhagavā āhāraṃ āhāreti. Evaṃ vigatamadaṃ āhāraṃ āharayamānaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘ลทฺธสหาโย โข ปน โส ภควา เสขานเญฺจว ปฎิปนฺนานํ ขีณาสวานญฺจ วุสิตวตํ, เต ภควา อปนุชฺช เอการามตํ อนุยุโตฺต วิหรติฯ เอวํ เอการามตํ อนุยุตฺตํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Laddhasahāyo kho pana so bhagavā sekhānañceva paṭipannānaṃ khīṇāsavānañca vusitavataṃ, te bhagavā apanujja ekārāmataṃ anuyutto viharati. Evaṃ ekārāmataṃ anuyuttaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘ยถาวาที โข ปน โส ภควา ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที; อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ เอวํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปฺปนฺนํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตาฯ
‘‘Yathāvādī kho pana so bhagavā tathākārī, yathākārī tathāvādī; iti yathāvādī tathākārī, yathākārī tathāvādī. Evaṃ dhammānudhammappaṭippannaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā.
‘‘ติณฺณวิจิกิโจฺฉ โข ปน โส ภควา วิคตกถํกโถ ปริโยสิตสงฺกโปฺป อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํ ฯ เอวํ ติณฺณวิจิกิจฺฉํ วิคตกถํกถํ ปริโยสิตสงฺกปฺปํ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํฯ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหิ, อญฺญตฺร เตน ภควตา’ติฯ
‘‘Tiṇṇavicikiccho kho pana so bhagavā vigatakathaṃkatho pariyositasaṅkappo ajjhāsayaṃ ādibrahmacariyaṃ . Evaṃ tiṇṇavicikicchaṃ vigatakathaṃkathaṃ pariyositasaṅkappaṃ ajjhāsayaṃ ādibrahmacariyaṃ. Imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahi, aññatra tena bhagavatā’ti.
๓๐๓. ‘‘อิเม โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ปยิรุทาหาสิฯ เตน สุทํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร อตฺตมโน โหติ ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ สุตฺวาฯ อถ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา กุมารวณฺณี หุตฺวา ปญฺจสิโข เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุรโหสิ ฯ โส เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิเกฺข ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, พลวา ปุริโส สุปจฺจตฺถเต วา ปลฺลเงฺก สเม วา ภูมิภาเค ปลฺลเงฺกน นิสีเทยฺย, เอวเมว โข, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิเกฺข ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ –
303. ‘‘Ime kho, bhante, sakko devānamindo brahmuno sanaṅkumārassa bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe payirudāhāsi. Tena sudaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro attamano hoti pamudito pītisomanassajāto bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe sutvā. Atha, bhante, brahmā sanaṅkumāro oḷārikaṃ attabhāvaṃ abhinimminitvā kumāravaṇṇī hutvā pañcasikho devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pāturahosi . So vehāsaṃ abbhuggantvā ākāse antalikkhe pallaṅkena nisīdi. Seyyathāpi, bhante, balavā puriso supaccatthate vā pallaṅke same vā bhūmibhāge pallaṅkena nisīdeyya, evameva kho, bhante, brahmā sanaṅkumāro vehāsaṃ abbhuggantvā ākāse antalikkhe pallaṅkena nisīditvā deve tāvatiṃse āmantesi –
โควินฺทพฺราหฺมณวตฺถุ
Govindabrāhmaṇavatthu
๓๐๔. ‘‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา, ยาว ทีฆรตฺตํ มหาปโญฺญว โส ภควา อโหสิฯ ภูตปุพฺพํ, โภ, ราชา ทิสมฺปติ นาม อโหสิฯ ทิสมฺปติสฺส รโญฺญ โควิโนฺท นาม พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต อโหสิฯ ทิสมฺปติสฺส รโญฺญ เรณุ นาม กุมาโร ปุโตฺต อโหสิฯ โควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส โชติปาโล นาม มาณโว ปุโตฺต อโหสิฯ อิติ เรณุ จ ราชปุโตฺต โชติปาโล จ มาณโว อเญฺญ จ ฉ ขตฺติยา อิเจฺจเต อฎฺฐ สหายา อเหสุํฯ อถ โข, โภ, อโหรตฺตานํ อจฺจเยน โควิโนฺท พฺราหฺมโณ กาลมกาสิฯ โควิเนฺท พฺราหฺมเณ กาลงฺกเต ราชา ทิสมฺปติ ปริเทเวสิ – ‘‘ยสฺมิํ วต, โภ, มยํ สมเย โควิเนฺท พฺราหฺมเณ สพฺพกิจฺจานิ สมฺมา โวสฺสชฺชิตฺวา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรม, ตสฺมิํ โน สมเย โควิโนฺท พฺราหฺมโณ กาลงฺกโต’’ติฯ เอวํ วุเตฺต โภ เรณุ ราชปุโตฺต ราชานํ ทิสมฺปติํ เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตฺวํ, เทว, โควิเนฺท พฺราหฺมเณ กาลงฺกเต อติพาฬฺหํ ปริเทเวสิฯ อตฺถิ, เทว, โควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส โชติปาโล นาม มาณโว ปุโตฺต ปณฺฑิตตโร เจว ปิตรา, อลมตฺถทสตโร เจว ปิตรา; เยปิสฺส ปิตา อเตฺถ อนุสาสิ, เตปิ โชติปาลเสฺสว มาณวสฺส อนุสาสนิยา’’ติฯ ‘‘เอวํ กุมารา’’ติ? ‘‘เอวํ เทวา’’ติฯ
304. ‘‘Taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā, yāva dīgharattaṃ mahāpaññova so bhagavā ahosi. Bhūtapubbaṃ, bho, rājā disampati nāma ahosi. Disampatissa rañño govindo nāma brāhmaṇo purohito ahosi. Disampatissa rañño reṇu nāma kumāro putto ahosi. Govindassa brāhmaṇassa jotipālo nāma māṇavo putto ahosi. Iti reṇu ca rājaputto jotipālo ca māṇavo aññe ca cha khattiyā iccete aṭṭha sahāyā ahesuṃ. Atha kho, bho, ahorattānaṃ accayena govindo brāhmaṇo kālamakāsi. Govinde brāhmaṇe kālaṅkate rājā disampati paridevesi – ‘‘yasmiṃ vata, bho, mayaṃ samaye govinde brāhmaṇe sabbakiccāni sammā vossajjitvā pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricārema, tasmiṃ no samaye govindo brāhmaṇo kālaṅkato’’ti. Evaṃ vutte bho reṇu rājaputto rājānaṃ disampatiṃ etadavoca – ‘‘mā kho tvaṃ, deva, govinde brāhmaṇe kālaṅkate atibāḷhaṃ paridevesi. Atthi, deva, govindassa brāhmaṇassa jotipālo nāma māṇavo putto paṇḍitataro ceva pitarā, alamatthadasataro ceva pitarā; yepissa pitā atthe anusāsi, tepi jotipālasseva māṇavassa anusāsaniyā’’ti. ‘‘Evaṃ kumārā’’ti? ‘‘Evaṃ devā’’ti.
มหาโควินฺทวตฺถุ
Mahāgovindavatthu
๓๐๕. ‘‘อถ โข, โภ, ราชา ทิสมฺปติ อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, เยน โชติปาโล นาม มาณโว เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา โชติปาลํ มาณวํ เอวํ วเทหิ – ‘ภวมตฺถุ ภวนฺตํ โชติปาลํ, ราชา ทิสมฺปติ ภวนฺตํ โชติปาลํ มาณวํ อามนฺตยติ, ราชา ทิสมฺปติ โภโต โชติปาลสฺส มาณวสฺส ทสฺสนกาโม’’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, โภ, โส ปุริโส ทิสมฺปติสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา เยน โชติปาโล มาณโว เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โชติปาลํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘ภวมตฺถุ ภวนฺตํ โชติปาลํ, ราชา ทิสมฺปติ ภวนฺตํ โชติปาลํ มาณวํ อามนฺตยติ , ราชา ทิสมฺปติ โภโต โชติปาลสฺส มาณวสฺส ทสฺสนกาโม’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โภ โชติปาโล มาณโว ตสฺส ปุริสสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน ราชา ทิสมฺปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ทิสมฺปตินา รญฺญา สทฺธิํ สโมฺมทิ; สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข, โภ, โชติปาลํ มาณวํ ราชา ทิสมฺปติ เอตทโวจ – ‘‘อนุสาสตุ โน ภวํ โชติปาโล, มา โน ภวํ โชติปาโล อนุสาสนิยา ปจฺจพฺยาหาสิฯ เปตฺติเก ตํ ฐาเน ฐเปสฺสามิ, โควินฺทิเย อภิสิญฺจิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข, โภ, โส โชติปาโล มาณโว ทิสมฺปติสฺส รโญฺญ ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข, โภ, ราชา ทิสมฺปติ โชติปาลํ มาณวํ โควินฺทิเย อภิสิญฺจิ, ตํ เปตฺติเก ฐาเน ฐเปสิฯ อภิสิโตฺต โชติปาโล มาณโว โควินฺทิเย เปตฺติเก ฐาเน ฐปิโต เยปิสฺส ปิตา อเตฺถ อนุสาสิ เตปิ อเตฺถ อนุสาสติ, เยปิสฺส ปิตา อเตฺถ นานุสาสิ, เตปิ อเตฺถ อนุสาสติ; เยปิสฺส ปิตา กมฺมเนฺต อภิสโมฺภสิ, เตปิ กมฺมเนฺต อภิสโมฺภติ, เยปิสฺส ปิตา กมฺมเนฺต นาภิสโมฺภสิ, เตปิ กมฺมเนฺต อภิสโมฺภติฯ ตเมนํ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘‘โควิโนฺท วต, โภ, พฺราหฺมโณ, มหาโควิโนฺท วต, โภ, พฺราหฺมโณ’’ติฯ อิมินา โข เอวํ, โภ, ปริยาเยน โชติปาลสฺส มาณวสฺส โควิโนฺท มหาโควิโนฺทเตฺวว สมญฺญา อุทปาทิฯ
305. ‘‘Atha kho, bho, rājā disampati aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, ambho purisa, yena jotipālo nāma māṇavo tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā jotipālaṃ māṇavaṃ evaṃ vadehi – ‘bhavamatthu bhavantaṃ jotipālaṃ, rājā disampati bhavantaṃ jotipālaṃ māṇavaṃ āmantayati, rājā disampati bhoto jotipālassa māṇavassa dassanakāmo’’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho, bho, so puriso disampatissa rañño paṭissutvā yena jotipālo māṇavo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā jotipālaṃ māṇavaṃ etadavoca – ‘‘bhavamatthu bhavantaṃ jotipālaṃ, rājā disampati bhavantaṃ jotipālaṃ māṇavaṃ āmantayati , rājā disampati bhoto jotipālassa māṇavassa dassanakāmo’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho bho jotipālo māṇavo tassa purisassa paṭissutvā yena rājā disampati tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā disampatinā raññā saddhiṃ sammodi; sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho, bho, jotipālaṃ māṇavaṃ rājā disampati etadavoca – ‘‘anusāsatu no bhavaṃ jotipālo, mā no bhavaṃ jotipālo anusāsaniyā paccabyāhāsi. Pettike taṃ ṭhāne ṭhapessāmi, govindiye abhisiñcissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho, bho, so jotipālo māṇavo disampatissa rañño paccassosi. Atha kho, bho, rājā disampati jotipālaṃ māṇavaṃ govindiye abhisiñci, taṃ pettike ṭhāne ṭhapesi. Abhisitto jotipālo māṇavo govindiye pettike ṭhāne ṭhapito yepissa pitā atthe anusāsi tepi atthe anusāsati, yepissa pitā atthe nānusāsi, tepi atthe anusāsati; yepissa pitā kammante abhisambhosi, tepi kammante abhisambhoti, yepissa pitā kammante nābhisambhosi, tepi kammante abhisambhoti. Tamenaṃ manussā evamāhaṃsu – ‘‘govindo vata, bho, brāhmaṇo, mahāgovindo vata, bho, brāhmaṇo’’ti. Iminā kho evaṃ, bho, pariyāyena jotipālassa māṇavassa govindo mahāgovindotveva samaññā udapādi.
รชฺชสํวิภชนํ
Rajjasaṃvibhajanaṃ
๓๐๖. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ – ‘‘ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา ชิโณฺณ วุโทฺธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต, โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตํ? ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ทิสมฺปติมฺหิ รเญฺญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร เรณุํ ราชปุตฺตํ รเชฺช อภิสิเญฺจยฺยุํฯ อายนฺตุ, โภโนฺต, เยน เรณุ ราชปุโตฺต เตนุปสงฺกมถ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชปุตฺตํ เอวํ วเทถ – ‘‘มยํ โข โภโต เรณุสฺส สหายา ปิยา มนาปา อปฺปฎิกูลา, ยํสุโข ภวํ ตํสุขา มยํ, ยํทุโกฺข ภวํ ตํทุกฺขา มยํฯ ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา ชิโณฺณ วุโทฺธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต, โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตํ? ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ทิสมฺปติมฺหิ รเญฺญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร ภวนฺตํ เรณุํ รเชฺช อภิสิเญฺจยฺยุํฯ สเจ ภวํ เรณุ รชฺชํ ลเภถ, สํวิภเชถ โน รเชฺชนา’’ติฯ ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน เรณุ ราชปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มยํ โข โภโต เรณุสฺส สหายา ปิยา มนาปา อปฺปฎิกูลา ; ยํสุโข ภวํ ตํสุขา มยํ, ยํทุโกฺข ภวํ ตํทุกฺขา มยํฯ ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา ชิโณฺณ วุโทฺธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต, โก นุ โข ปน โภ ชานาติ ชีวิตํ? ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ทิสมฺปติมฺหิ รเญฺญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร ภวนฺตํ เรณุํ รเชฺช อภิสิเญฺจยฺยุํฯ สเจ ภวํ เรณุ รชฺชํ ลเภถ, สํวิภเชถ โน รเชฺชนา’’ติฯ ‘‘โก นุ โข, โภ, อโญฺญ มม วิชิเต สุโข ภเวถ 3, อญฺญตฺร ภวเนฺตภิ? สจาหํ, โภ, รชฺชํ ลภิสฺสามิ, สํวิภชิสฺสามิ โว รเชฺชนา’’’ติฯ
306. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena te cha khattiyā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te cha khattiye etadavoca – ‘‘disampati kho, bho, rājā jiṇṇo vuddho mahallako addhagato vayoanuppatto, ko nu kho pana, bho, jānāti jīvitaṃ? Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ disampatimhi raññe kālaṅkate rājakattāro reṇuṃ rājaputtaṃ rajje abhisiñceyyuṃ. Āyantu, bhonto, yena reṇu rājaputto tenupasaṅkamatha; upasaṅkamitvā reṇuṃ rājaputtaṃ evaṃ vadetha – ‘‘mayaṃ kho bhoto reṇussa sahāyā piyā manāpā appaṭikūlā, yaṃsukho bhavaṃ taṃsukhā mayaṃ, yaṃdukkho bhavaṃ taṃdukkhā mayaṃ. Disampati kho, bho, rājā jiṇṇo vuddho mahallako addhagato vayoanuppatto, ko nu kho pana, bho, jānāti jīvitaṃ? Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ disampatimhi raññe kālaṅkate rājakattāro bhavantaṃ reṇuṃ rajje abhisiñceyyuṃ. Sace bhavaṃ reṇu rajjaṃ labhetha, saṃvibhajetha no rajjenā’’ti. ‘‘Evaṃ bho’’ti kho, bho, te cha khattiyā mahāgovindassa brāhmaṇassa paṭissutvā yena reṇu rājaputto tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā reṇuṃ rājaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘mayaṃ kho bhoto reṇussa sahāyā piyā manāpā appaṭikūlā ; yaṃsukho bhavaṃ taṃsukhā mayaṃ, yaṃdukkho bhavaṃ taṃdukkhā mayaṃ. Disampati kho, bho, rājā jiṇṇo vuddho mahallako addhagato vayoanuppatto, ko nu kho pana bho jānāti jīvitaṃ? Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ disampatimhi raññe kālaṅkate rājakattāro bhavantaṃ reṇuṃ rajje abhisiñceyyuṃ. Sace bhavaṃ reṇu rajjaṃ labhetha, saṃvibhajetha no rajjenā’’ti. ‘‘Ko nu kho, bho, añño mama vijite sukho bhavetha 4, aññatra bhavantebhi? Sacāhaṃ, bho, rajjaṃ labhissāmi, saṃvibhajissāmi vo rajjenā’’’ti.
๓๐๗. ‘‘อถ โข, โภ, อโหรตฺตานํ อจฺจเยน ราชา ทิสมฺปติ กาลมกาสิฯ ทิสมฺปติมฺหิ รเญฺญ กาลงฺกเต ราชกตฺตาโร เรณุํ ราชปุตฺตํ รเชฺช อภิสิญฺจิํสุฯ อภิสิโตฺต เรณุ รเชฺชน ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ – ‘‘ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา กาลงฺกโตฯ อภิสิโตฺต เรณุ รเชฺชน ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ, มทนียา กามา? อายนฺตุ, โภโนฺต, เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมถ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอวํ วเทถ – ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา กาลงฺกโต, อภิสิโตฺต ภวํ เรณุ รเชฺชน, สรติ ภวํ ตํ วจน’’’นฺติ?
307. ‘‘Atha kho, bho, ahorattānaṃ accayena rājā disampati kālamakāsi. Disampatimhi raññe kālaṅkate rājakattāro reṇuṃ rājaputtaṃ rajje abhisiñciṃsu. Abhisitto reṇu rajjena pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti. Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena te cha khattiyā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te cha khattiye etadavoca – ‘‘disampati kho, bho, rājā kālaṅkato. Abhisitto reṇu rajjena pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti. Ko nu kho pana, bho, jānāti, madanīyā kāmā? Āyantu, bhonto, yena reṇu rājā tenupasaṅkamatha; upasaṅkamitvā reṇuṃ rājānaṃ evaṃ vadetha – disampati kho, bho, rājā kālaṅkato, abhisitto bhavaṃ reṇu rajjena, sarati bhavaṃ taṃ vacana’’’nti?
๓๐๘. ‘‘‘เอวํ , โภ’’ติ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอตทโวจุํ – ‘‘ทิสมฺปติ โข, โภ, ราชา กาลงฺกโต, อภิสิโตฺต ภวํ เรณุ รเชฺชน, สรติ ภวํ ตํ วจน’’นฺติ? ‘‘สรามหํ, โภ, ตํ วจนํ 5ฯ โก นุ โข, โภ, ปโหติ อิมํ มหาปถวิํ อุตฺตเรน อายตํ ทกฺขิเณน สกฎมุขํ สตฺตธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิตุ’’นฺติ? ‘‘โก นุ โข, โภ, อโญฺญ ปโหติ, อญฺญตฺร มหาโควิเนฺทน พฺราหฺมเณนา’’ติ? อถ โข, โภ, เรณุ ราชา อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, เยน มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เอวํ วเทหิ – ‘ราชา ตํ, ภเนฺต, เรณุ อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ เทวา’’ติ โข, โภ, โส ปุริโส เรณุสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา เยน มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา ตํ, ภเนฺต, เรณุ อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ ตสฺส ปุริสสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุนา รญฺญา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข, โภ, มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เรณุ ราชา เอตทโวจ – ‘‘เอตุ, ภวํ โควิโนฺท, อิมํ มหาปถวิํ อุตฺตเรน อายตํ ทกฺขิเณน สกฎมุขํ สตฺตธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชตู’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เรณุสฺส รโญฺญ ปฎิสฺสุตฺวา อิมํ มหาปถวิํ อุตฺตเรน อายตํ ทกฺขิเณน สกฎมุขํ สตฺตธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิฯ สพฺพานิ สกฎมุขานิ ปฎฺฐเปสิ 6ฯ ตตฺร สุทํ มเชฺฌ เรณุสฺส รโญฺญ ชนปโท โหติฯ
308. ‘‘‘Evaṃ , bho’’ti kho, bho, te cha khattiyā mahāgovindassa brāhmaṇassa paṭissutvā yena reṇu rājā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā reṇuṃ rājānaṃ etadavocuṃ – ‘‘disampati kho, bho, rājā kālaṅkato, abhisitto bhavaṃ reṇu rajjena, sarati bhavaṃ taṃ vacana’’nti? ‘‘Sarāmahaṃ, bho, taṃ vacanaṃ 7. Ko nu kho, bho, pahoti imaṃ mahāpathaviṃ uttarena āyataṃ dakkhiṇena sakaṭamukhaṃ sattadhā samaṃ suvibhattaṃ vibhajitu’’nti? ‘‘Ko nu kho, bho, añño pahoti, aññatra mahāgovindena brāhmaṇenā’’ti? Atha kho, bho, reṇu rājā aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, ambho purisa, yena mahāgovindo brāhmaṇo tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ evaṃ vadehi – ‘rājā taṃ, bhante, reṇu āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ devā’’ti kho, bho, so puriso reṇussa rañño paṭissutvā yena mahāgovindo brāhmaṇo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘‘rājā taṃ, bhante, reṇu āmantetī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo tassa purisassa paṭissutvā yena reṇu rājā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā reṇunā raññā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho, bho, mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ reṇu rājā etadavoca – ‘‘etu, bhavaṃ govindo, imaṃ mahāpathaviṃ uttarena āyataṃ dakkhiṇena sakaṭamukhaṃ sattadhā samaṃ suvibhattaṃ vibhajatū’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho mahāgovindo brāhmaṇo reṇussa rañño paṭissutvā imaṃ mahāpathaviṃ uttarena āyataṃ dakkhiṇena sakaṭamukhaṃ sattadhā samaṃ suvibhattaṃ vibhaji. Sabbāni sakaṭamukhāni paṭṭhapesi 8. Tatra sudaṃ majjhe reṇussa rañño janapado hoti.
มิถิลา จ วิเทหานํ, จมฺปา อเงฺคสุ มาปิตา;
Mithilā ca videhānaṃ, campā aṅgesu māpitā;
พาราณสี จ กาสีนํ, เอเต โควินฺทมาปิตาติฯ
Bārāṇasī ca kāsīnaṃ, ete govindamāpitāti.
๓๑๐. ‘‘อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา ยถาสเกน ลาเภน อตฺตมนา อเหสุํ ปริปุณฺณสงฺกปฺปา – ‘‘ยํ วต โน อโหสิ อิจฺฉิตํ, ยํ อากงฺขิตํ, ยํ อธิเปฺปตํ, ยํ อภิปตฺถิตํ, ตํ โน ลทฺธ’’นฺติฯ
310. ‘‘Atha kho, bho, te cha khattiyā yathāsakena lābhena attamanā ahesuṃ paripuṇṇasaṅkappā – ‘‘yaṃ vata no ahosi icchitaṃ, yaṃ ākaṅkhitaṃ, yaṃ adhippetaṃ, yaṃ abhipatthitaṃ, taṃ no laddha’’nti.
‘‘สตฺตภู พฺรหฺมทโตฺต จ, เวสฺสภู ภรโต สห;
‘‘Sattabhū brahmadatto ca, vessabhū bharato saha;
เรณุ เทฺว ธตรฎฺฐา จ, ตทาสุํ สตฺต ภารธา’ติฯ
Reṇu dve dhataraṭṭhā ca, tadāsuṃ satta bhāradhā’ti.
ปฐมภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Paṭhamabhāṇavāro niṭṭhito.
กิตฺติสทฺทอพฺภุคฺคมนํ
Kittisaddaabbhuggamanaṃ
๓๑๑. ‘‘อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา เยน มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยถา โข ภวํ โควิโนฺท เรณุสฺส รโญฺญ สหาโย ปิโย มนาโป อปฺปฎิกูโลฯ เอวเมว โข ภวํ โควิโนฺท อมฺหากมฺปิ สหาโย ปิโย มนาโป อปฺปฎิกูโล, อนุสาสตุ โน ภวํ โควิโนฺท; มา โน ภวํ โควิโนฺท อนุสาสนิยา ปจฺจพฺยาหาสี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เตสํ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ สตฺต จ ราชาโน ขตฺติเย มุทฺธาวสิเตฺต รเชฺช 13 อนุสาสิ, สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ มเนฺต วาเจสิฯ
311. ‘‘Atha kho, bho, te cha khattiyā yena mahāgovindo brāhmaṇo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ etadavocuṃ – ‘‘yathā kho bhavaṃ govindo reṇussa rañño sahāyo piyo manāpo appaṭikūlo. Evameva kho bhavaṃ govindo amhākampi sahāyo piyo manāpo appaṭikūlo, anusāsatu no bhavaṃ govindo; mā no bhavaṃ govindo anusāsaniyā paccabyāhāsī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho mahāgovindo brāhmaṇo tesaṃ channaṃ khattiyānaṃ paccassosi. Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo satta ca rājāno khattiye muddhāvasitte rajje 14 anusāsi, satta ca brāhmaṇamahāsāle satta ca nhātakasatāni mante vācesi.
๓๑๒. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส อปเรน สมเยน เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉิ 15 – ‘‘สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ สลฺลปติ มเนฺตตี’’ติฯ อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มยฺหํ โข เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ สลฺลปติ มเนฺตตี’ติฯ น โข ปนาหํ พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากเจฺฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ , น พฺรหฺมุนา มเนฺตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มเนฺตตี’ติฯ ยํนูนาหํ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลีเยยฺยํ, กรุณํ ฌานํ ฌาเยยฺย’’นฺติฯ
312. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindassa brāhmaṇassa aparena samayena evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggacchi 16 – ‘‘sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmānaṃ passati, sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmunā sākaccheti sallapati mantetī’’ti. Atha kho, bho, mahāgovindassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘mayhaṃ kho evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmānaṃ passati, sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmunā sākaccheti sallapati mantetī’ti. Na kho panāhaṃ brahmānaṃ passāmi, na brahmunā sākacchemi, na brahmunā sallapāmi , na brahmunā mantemi. Sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo vassike cattāro māse paṭisallīyati, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyati, so brahmānaṃ passati brahmunā sākaccheti brahmunā sallapati brahmunā mantetī’ti. Yaṃnūnāhaṃ vassike cattāro māse paṭisallīyeyyaṃ, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyeyya’’nti.
๓๑๓. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ โข, โภ, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ สลฺลปติ มเนฺตตี’ติฯ น โข ปนาหํ, โภ, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากเจฺฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มเนฺตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มเนฺตตี’ติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ; นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ภวํ โควิโนฺท กาลํ มญฺญตี’’ติฯ
313. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena reṇu rājā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā reṇuṃ rājānaṃ etadavoca – ‘‘mayhaṃ kho, bho, evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmānaṃ passati, sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmunā sākaccheti sallapati mantetī’ti. Na kho panāhaṃ, bho, brahmānaṃ passāmi, na brahmunā sākacchemi, na brahmunā sallapāmi, na brahmunā mantemi. Sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo vassike cattāro māse paṭisallīyati, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyati, so brahmānaṃ passati, brahmunā sākaccheti brahmunā sallapati brahmunā mantetī’ti. Icchāmahaṃ, bho, vassike cattāro māse paṭisallīyituṃ, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyituṃ; namhi kenaci upasaṅkamitabbo aññatra ekena bhattābhihārenā’’ti. ‘‘Yassadāni bhavaṃ govindo kālaṃ maññatī’’ti.
๓๑๔. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ โข, โภ, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ สลฺลปติ มเนฺตตี’ติฯ น โข ปนาหํ, โภ, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากเจฺฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มเนฺตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ, ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มเนฺตตี’ติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ; นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ภวํ โควิโนฺท กาลํ มญฺญตี’’’ติฯ
314. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena te cha khattiyā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te cha khattiye etadavoca – ‘‘mayhaṃ kho, bho, evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmānaṃ passati, sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmunā sākaccheti sallapati mantetī’ti. Na kho panāhaṃ, bho, brahmānaṃ passāmi, na brahmunā sākacchemi, na brahmunā sallapāmi, na brahmunā mantemi. Sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ, ‘yo vassike cattāro māse paṭisallīyati, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyati, so brahmānaṃ passati brahmunā sākaccheti brahmunā sallapati brahmunā mantetī’ti. Icchāmahaṃ, bho, vassike cattāro māse paṭisallīyituṃ, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyituṃ; namhi kenaci upasaṅkamitabbo aññatra ekena bhattābhihārenā’’ti. ‘‘Yassadāni bhavaṃ govindo kālaṃ maññatī’’’ti.
๓๑๕. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาลา สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ โข, โภ, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ สลฺลปติ มเนฺตตี’ติฯ น โข ปนาหํ, โภ, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากเจฺฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มเนฺตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ, พฺรหฺมุนา สลฺลปติ, พฺรหฺมุนา มเนฺตตี’ติฯ เตน หิ, โภ, ยถาสุเต ยถาปริยเตฺต มเนฺต วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรถ, อญฺญมญฺญญฺจ มเนฺต วาเจถ; อิจฺฉามหํ, โภ, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ; นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา’’ติฯ ‘‘ยสฺส ทานิ ภวํ โควิโนฺท กาลํ มญฺญตี’’ติฯ
315. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena te satta ca brāhmaṇamahāsālā satta ca nhātakasatāni tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te satta ca brāhmaṇamahāsāle satta ca nhātakasatāni etadavoca – ‘‘mayhaṃ kho, bho, evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmānaṃ passati, sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmunā sākaccheti sallapati mantetī’ti. Na kho panāhaṃ, bho, brahmānaṃ passāmi, na brahmunā sākacchemi, na brahmunā sallapāmi, na brahmunā mantemi. Sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo vassike cattāro māse paṭisallīyati, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyati, so brahmānaṃ passati, brahmunā sākaccheti, brahmunā sallapati, brahmunā mantetī’ti. Tena hi, bho, yathāsute yathāpariyatte mante vitthārena sajjhāyaṃ karotha, aññamaññañca mante vācetha; icchāmahaṃ, bho, vassike cattāro māse paṭisallīyituṃ, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyituṃ; namhi kenaci upasaṅkamitabbo aññatra ekena bhattābhihārenā’’ti. ‘‘Yassa dāni bhavaṃ govindo kālaṃ maññatī’’ti.
๓๑๖. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ โข, โภตี, เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ สลฺลปติ มเนฺตตี’ติฯ น โข ปนาหํ, โภตี, พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากเจฺฉมิ, น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ, น พฺรหฺมุนา มเนฺตมิฯ สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ, พฺรหฺมุนา สลฺลปติ, พฺรหฺมุนา มเนฺตตีติ, อิจฺฉามหํ, โภตี, วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียิตุํ, กรุณํ ฌานํ ฌายิตุํ; นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนา’’ติฯ ‘‘ยสฺส ทานิ ภวํ โควิโนฺท กาลํ มญฺญตี’’’ติฯ
316. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena cattārīsā bhariyā sādisiyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā cattārīsā bhariyā sādisiyo etadavoca – ‘‘mayhaṃ kho, bhotī, evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmānaṃ passati, sakkhi mahāgovindo brāhmaṇo brahmunā sākaccheti sallapati mantetī’ti. Na kho panāhaṃ, bhotī, brahmānaṃ passāmi, na brahmunā sākacchemi, na brahmunā sallapāmi, na brahmunā mantemi. Sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ ‘yo vassike cattāro māse paṭisallīyati, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyati, so brahmānaṃ passati, brahmunā sākaccheti, brahmunā sallapati, brahmunā mantetīti, icchāmahaṃ, bhotī, vassike cattāro māse paṭisallīyituṃ, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyituṃ; namhi kenaci upasaṅkamitabbo aññatra ekena bhattābhihārenā’’ti. ‘‘Yassa dāni bhavaṃ govindo kālaṃ maññatī’’’ti.
๓๑๗. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ ปุรตฺถิเมน นครสฺส นวํ สนฺธาคารํ การาเปตฺวา วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียิ, กรุณํ ฌานํ ฌายิ; นาสฺสุธ โกจิ อุปสงฺกมติ 17 อญฺญตฺร เอเกน ภตฺตาภิหาเรนฯ อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อหุเทว อุกฺกณฺฐนา อหุ ปริตสฺสนา – ‘‘สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘โย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลียติ, กรุณํ ฌานํ ฌายติ, โส พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, พฺรหฺมุนา สากเจฺฉติ พฺรหฺมุนา สลฺลปติ พฺรหฺมุนา มเนฺตตี’ติฯ น โข ปนาหํ พฺรหฺมานํ ปสฺสามิ, น พฺรหฺมุนา สากเจฺฉมิ น พฺรหฺมุนา สลฺลปามิ น พฺรหฺมุนา มเนฺตมี’’’ติฯ
317. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo puratthimena nagarassa navaṃ sandhāgāraṃ kārāpetvā vassike cattāro māse paṭisallīyi, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyi; nāssudha koci upasaṅkamati 18 aññatra ekena bhattābhihārena. Atha kho, bho, mahāgovindassa brāhmaṇassa catunnaṃ māsānaṃ accayena ahudeva ukkaṇṭhanā ahu paritassanā – ‘‘sutaṃ kho pana metaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo vassike cattāro māse paṭisallīyati, karuṇaṃ jhānaṃ jhāyati, so brahmānaṃ passati, brahmunā sākaccheti brahmunā sallapati brahmunā mantetī’ti. Na kho panāhaṃ brahmānaṃ passāmi, na brahmunā sākacchemi na brahmunā sallapāmi na brahmunā mantemī’’’ti.
พฺรหฺมุนา สากจฺฉา
Brahmunā sākacchā
๓๑๘. ‘‘อถ โข, โภ, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว, พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิฯ อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส อหุเทว ภยํ อหุ ฉมฺภิตตฺตํ อหุ โลมหํโส ยถา ตํ อทิฎฺฐปุพฺพํ รูปํ ทิสฺวาฯ อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ ภีโต สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
318. ‘‘Atha kho, bho, brahmā sanaṅkumāro mahāgovindassa brāhmaṇassa cetasā cetoparivitakkamaññāya seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva, brahmaloke antarahito mahāgovindassa brāhmaṇassa sammukhe pāturahosi. Atha kho, bho, mahāgovindassa brāhmaṇassa ahudeva bhayaṃ ahu chambhitattaṃ ahu lomahaṃso yathā taṃ adiṭṭhapubbaṃ rūpaṃ disvā. Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo bhīto saṃviggo lomahaṭṭhajāto brahmānaṃ sanaṅkumāraṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘‘วณฺณวา ยสวา สิริมา, โก นุ ตฺวมสิ มาริส;
‘‘‘Vaṇṇavā yasavā sirimā, ko nu tvamasi mārisa;
อชานนฺตา ตํ ปุจฺฉาม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติฯ
Ajānantā taṃ pucchāma, kathaṃ jānemu taṃ maya’’nti.
สเพฺพ ชานนฺติ มํ เทวา, เอวํ โควินฺท ชานหิ’’ฯ
Sabbe jānanti maṃ devā, evaṃ govinda jānahi’’.
อเคฺฆ ภวนฺตํ ปุจฺฉาม, อคฺฆํ กุรุตุ โน ภวํ’’ฯ
Agghe bhavantaṃ pucchāma, agghaṃ kurutu no bhavaṃ’’.
‘‘ปฎิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ ตฺวํ โควินฺท ภาสสิ;
‘‘Paṭiggaṇhāma te agghaṃ, yaṃ tvaṃ govinda bhāsasi;
ทิฎฺฐธมฺมหิตตฺถาย, สมฺปราย สุขาย จ;
Diṭṭhadhammahitatthāya, samparāya sukhāya ca;
กตาวกาโส ปุจฺฉสฺสุ, ยํ กิญฺจิ อภิปตฺถิต’’นฺติฯ
Katāvakāso pucchassu, yaṃ kiñci abhipatthita’’nti.
๓๑๙. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ พฺรหฺมุนา สนงฺกุมาเรนฯ กิํ นุ โข อหํ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ ปุเจฺฉยฺยํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ วา อตฺถํ สมฺปรายิกํ วา’ติ? อถ โข, โภ, มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘กุสโล โข อหํ ทิฎฺฐธมฺมิกานํ อตฺถานํ, อเญฺญปิ มํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ อตฺถํ ปุจฺฉนฺติฯ ยํนูนาหํ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ สมฺปรายิกเญฺญว อตฺถํ ปุเจฺฉยฺย’นฺติฯ อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
319. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘katāvakāso khomhi brahmunā sanaṅkumārena. Kiṃ nu kho ahaṃ brahmānaṃ sanaṅkumāraṃ puccheyyaṃ diṭṭhadhammikaṃ vā atthaṃ samparāyikaṃ vā’ti? Atha kho, bho, mahāgovindassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘kusalo kho ahaṃ diṭṭhadhammikānaṃ atthānaṃ, aññepi maṃ diṭṭhadhammikaṃ atthaṃ pucchanti. Yaṃnūnāhaṃ brahmānaṃ sanaṅkumāraṃ samparāyikaññeva atthaṃ puccheyya’nti. Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo brahmānaṃ sanaṅkumāraṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘ปุจฺฉามิ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ,
‘‘Pucchāmi brahmānaṃ sanaṅkumāraṃ,
กงฺขี อกงฺขิํ ปรเวทิเยสุ;
Kaṅkhī akaṅkhiṃ paravediyesu;
กตฺถฎฺฐิโต กิมฺหิ จ สิกฺขมาโน,
Katthaṭṭhito kimhi ca sikkhamāno,
ปโปฺปติ มโจฺจ อมตํ พฺรหฺมโลก’’นฺติฯ
Pappoti macco amataṃ brahmaloka’’nti.
‘‘หิตฺวา มมตฺตํ มนุเชสุ พฺรเหฺม,
‘‘Hitvā mamattaṃ manujesu brahme,
นิรามคโนฺธ วิรโต เมถุนสฺมา,
Nirāmagandho virato methunasmā,
เอตฺถฎฺฐิโต เอตฺถ จ สิกฺขมาโน;
Etthaṭṭhito ettha ca sikkhamāno;
ปโปฺปติ มโจฺจ อมตํ พฺรหฺมโลก’’นฺติฯ
Pappoti macco amataṃ brahmaloka’’nti.
๓๒๐. ‘‘หิตฺวา มมตฺต’นฺติ อหํ โภโต อาชานามิฯ อิเธกโจฺจ อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา ญาติปริวฎฺฎํ ปหาย มหนฺตํ วา ญาติปริวฎฺฎํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, ‘อิติ หิตฺวา มมตฺต’นฺติ อหํ โภโต อาชานามิฯ ‘เอโกทิภูโต’ติ อหํ โภโต อาชานามิฯ อิเธกโจฺจ วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํ, อิติ เอโกทิภูโต’ติ อหํ โภโต อาชานามิฯ ‘กรุเณธิมุโตฺต’ติ อหํ โภโต อาชานามิฯ อิเธกโจฺจ กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ กรุณาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ อิติ ‘กรุเณธิมุโตฺต’ติ อหํ โภโต อาชานามิฯ อามคเนฺธ จ โข อหํ โภโต ภาสมานสฺส น อาชานามิฯ
320. ‘‘Hitvā mamatta’nti ahaṃ bhoto ājānāmi. Idhekacco appaṃ vā bhogakkhandhaṃ pahāya mahantaṃ vā bhogakkhandhaṃ pahāya appaṃ vā ñātiparivaṭṭaṃ pahāya mahantaṃ vā ñātiparivaṭṭaṃ pahāya kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati, ‘iti hitvā mamatta’nti ahaṃ bhoto ājānāmi. ‘Ekodibhūto’ti ahaṃ bhoto ājānāmi. Idhekacco vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ, iti ekodibhūto’ti ahaṃ bhoto ājānāmi. ‘Karuṇedhimutto’ti ahaṃ bhoto ājānāmi. Idhekacco karuṇāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ. Iti uddhamadhotiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ karuṇāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati. Iti ‘karuṇedhimutto’ti ahaṃ bhoto ājānāmi. Āmagandhe ca kho ahaṃ bhoto bhāsamānassa na ājānāmi.
‘‘เก อามคนฺธา มนุเชสุ พฺรเหฺม,
‘‘Ke āmagandhā manujesu brahme,
เอเต อวิทฺวา อิธ พฺรูหิ ธีร;
Ete avidvā idha brūhi dhīra;
อาปายิกา นิวุตพฺรหฺมโลกา’’ติฯ
Āpāyikā nivutabrahmalokā’’ti.
‘‘โกโธ โมสวชฺชํ นิกติ จ ทุโพฺภ,
‘‘Kodho mosavajjaṃ nikati ca dubbho,
กทริยตา อติมาโน อุสูยา;
Kadariyatā atimāno usūyā;
อิจฺฉา วิวิจฺฉา ปรเหฐนา จ,
Icchā vivicchā paraheṭhanā ca,
โลโภ จ โทโส จ มโท จ โมโห;
Lobho ca doso ca mado ca moho;
เอเตสุ ยุตฺตา อนิรามคนฺธา,
Etesu yuttā anirāmagandhā,
อาปายิกา นิวุตพฺรหฺมโลกา’’ติฯ
Āpāyikā nivutabrahmalokā’’ti.
‘‘ยถา โข อหํ โภโต อามคเนฺธ ภาสมานสฺส อาชานามิฯ เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ภวํ โควิโนฺท กาลํ มญฺญตี’’ติฯ
‘‘Yathā kho ahaṃ bhoto āmagandhe bhāsamānassa ājānāmi. Te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā. Pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti. ‘‘Yassadāni bhavaṃ govindo kālaṃ maññatī’’ti.
เรณุราชอามนฺตนา
Reṇurājaāmantanā
๓๒๑. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เรณุํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘อญฺญํ ทานิ ภวํ ปุโรหิตํ ปริเยสตุ, โย โภโต รชฺชํ อนุสาสิสฺสติฯ อิจฺฉามหํ, โภ , อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ
321. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena reṇu rājā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā reṇuṃ rājānaṃ etadavoca – ‘‘aññaṃ dāni bhavaṃ purohitaṃ pariyesatu, yo bhoto rajjaṃ anusāsissati. Icchāmahaṃ, bho , agārasmā anagāriyaṃ pabbajituṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā. Pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti.
‘‘อามนฺตยามิ ราชานํ, เรณุํ ภูมิปติํ อหํ;
‘‘Āmantayāmi rājānaṃ, reṇuṃ bhūmipatiṃ ahaṃ;
ตฺวํ ปชานสฺสุ รเชฺชน, นาหํ โปโรหิเจฺจ รเม’’ฯ
Tvaṃ pajānassu rajjena, nāhaṃ porohicce rame’’.
‘‘สเจ เต อูนํ กาเมหิ, อหํ ปริปูรยามิ เต;
‘‘Sace te ūnaṃ kāmehi, ahaṃ paripūrayāmi te;
โย ตํ หิํสติ วาเรมิ, ภูมิเสนาปติ อหํ;
Yo taṃ hiṃsati vāremi, bhūmisenāpati ahaṃ;
‘‘นมตฺถิ อูนํ กาเมหิ, หิํสิตา เม น วิชฺชติ;
‘‘Namatthi ūnaṃ kāmehi, hiṃsitā me na vijjati;
อมนุสฺสวโจ สุตฺวา, ตสฺมาหํ น คเห รเม’’ฯ
Amanussavaco sutvā, tasmāhaṃ na gahe rame’’.
‘‘อมนุโสฺส กถํวโณฺณ, กิํ เต อตฺถํ อภาสถ;
‘‘Amanusso kathaṃvaṇṇo, kiṃ te atthaṃ abhāsatha;
ยญฺจ สุตฺวา ชหาสิ โน, เคเห อเมฺห จ เกวลี’’ฯ
Yañca sutvā jahāsi no, gehe amhe ca kevalī’’.
‘‘อุปวุตฺถสฺส เม ปุเพฺพ, ยิฎฺฐุกามสฺส เม สโต;
‘‘Upavutthassa me pubbe, yiṭṭhukāmassa me sato;
อคฺคิ ปชฺชลิโต อาสิ, กุสปตฺตปริตฺถโต’’ฯ
Aggi pajjalito āsi, kusapattaparitthato’’.
‘‘ตโต เม พฺรหฺมา ปาตุรหุ, พฺรหฺมโลกา สนนฺตโน;
‘‘Tato me brahmā pāturahu, brahmalokā sanantano;
โส เม ปญฺหํ วิยากาสิ, ตํ สุตฺวา น คเห รเม’’ฯ
So me pañhaṃ viyākāsi, taṃ sutvā na gahe rame’’.
‘‘สทฺทหามิ อหํ โภโต, ยํ ตฺวํ โควินฺท ภาสสิ;
‘‘Saddahāmi ahaṃ bhoto, yaṃ tvaṃ govinda bhāsasi;
อมนุสฺสวโจ สุตฺวา, กถํ วเตฺตถ อญฺญถาฯ
Amanussavaco sutvā, kathaṃ vattetha aññathā.
‘‘เต ตํ อนุวตฺติสฺสาม, สตฺถา โควินฺท โน ภวํ;
‘‘Te taṃ anuvattissāma, satthā govinda no bhavaṃ;
มณิ ยถา เวฬุริโย, อกาโจ วิมโล สุโภ;
Maṇi yathā veḷuriyo, akāco vimalo subho;
เอวํ สุทฺธา จริสฺสาม, โควินฺทสฺสานุสาสเน’’ติฯ
Evaṃ suddhā carissāma, govindassānusāsane’’ti.
‘‘‘สเจ ภวํ โควิโนฺท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามฯ อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘‘Sace bhavaṃ govindo agārasmā anagāriyaṃ pabbajissati, mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma. Atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti.
ฉ ขตฺติยอามนฺตนา
Cha khattiyaāmantanā
๓๒๒. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ฉ ขตฺติเย เอตทโวจ – ‘‘อญฺญํ ทานิ ภวโนฺต ปุโรหิตํ ปริเยสนฺตุ, โย ภวนฺตานํ รเชฺช อนุสาสิสฺสติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจิเนฺตสุํ – ‘‘อิเม โข พฺราหฺมณา นาม ธนลุทฺธา; ยํนูน มยํ มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ ธเนน สิเกฺขยฺยามา’’ติฯ เต มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘สํวิชฺชติ โข, โภ, อิเมสุ สตฺตสุ รเชฺชสุ ปหูตํ สาปเตยฺยํ, ตโต โภโต ยาวตเกน อโตฺถ, ตาวตกํ อาหรียต’’นฺติฯ ‘‘อลํ, โภ, มมปิทํ ปหูตํ สาปเตยฺยํ ภวนฺตานํเยว วาหสาฯ ตมหํ สพฺพํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ อถ โข, โภ, เต ฉ ขตฺติยา เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจิเนฺตสุํ – ‘‘อิเม โข พฺราหฺมณา นาม อิตฺถิลุทฺธา; ยํนูน มยํ มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อิตฺถีหิ สิเกฺขยฺยามา’’ติฯ เต มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, โภ, อิเมสุ สตฺตสุ รเชฺชสุ ปหูตา อิตฺถิโย, ตโต โภโต ยาวติกาหิ อโตฺถ, ตาวติกา อานียต’’นฺติฯ ‘‘อลํ, โภ, มมปิมา 31 จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโยฯ ตาปาหํ สพฺพา ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยนฺติ’’ฯ
322. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena te cha khattiyā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te cha khattiye etadavoca – ‘‘aññaṃ dāni bhavanto purohitaṃ pariyesantu, yo bhavantānaṃ rajje anusāsissati. Icchāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriyaṃ pabbajituṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā. Pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti. Atha kho, bho, te cha khattiyā ekamantaṃ apakkamma evaṃ samacintesuṃ – ‘‘ime kho brāhmaṇā nāma dhanaluddhā; yaṃnūna mayaṃ mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ dhanena sikkheyyāmā’’ti. Te mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘‘saṃvijjati kho, bho, imesu sattasu rajjesu pahūtaṃ sāpateyyaṃ, tato bhoto yāvatakena attho, tāvatakaṃ āharīyata’’nti. ‘‘Alaṃ, bho, mamapidaṃ pahūtaṃ sāpateyyaṃ bhavantānaṃyeva vāhasā. Tamahaṃ sabbaṃ pahāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāmi. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā, pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti. Atha kho, bho, te cha khattiyā ekamantaṃ apakkamma evaṃ samacintesuṃ – ‘‘ime kho brāhmaṇā nāma itthiluddhā; yaṃnūna mayaṃ mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ itthīhi sikkheyyāmā’’ti. Te mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘‘saṃvijjanti kho, bho, imesu sattasu rajjesu pahūtā itthiyo, tato bhoto yāvatikāhi attho, tāvatikā ānīyata’’nti. ‘‘Alaṃ, bho, mamapimā 32 cattārīsā bhariyā sādisiyo. Tāpāhaṃ sabbā pahāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāmi. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā, pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriyanti’’.
๓๒๓. ‘‘สเจ ภวํ โควิโนฺท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตีติฯ
323. ‘‘Sace bhavaṃ govindo agārasmā anagāriyaṃ pabbajissati, mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatīti.
‘‘สเจ ชหถ กามานิ, ยตฺถ สโตฺต ปุถุชฺชโน;
‘‘Sace jahatha kāmāni, yattha satto puthujjano;
อารมฺภโวฺห ทฬฺหา โหถ, ขนฺติพลสมาหิตาฯ
Ārambhavho daḷhā hotha, khantibalasamāhitā.
‘‘เอส มโคฺค อุชุมโคฺค, เอส มโคฺค อนุตฺตโร;
‘‘Esa maggo ujumaggo, esa maggo anuttaro;
สทฺธโมฺม สพฺภิ รกฺขิโต, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาติฯ
Saddhammo sabbhi rakkhito, brahmalokūpapattiyāti.
‘‘เตน หิ ภวํ โควิโนฺท สตฺต วสฺสานิ อาคเมตุฯ สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Tena hi bhavaṃ govindo satta vassāni āgametu. Sattannaṃ vassānaṃ accayena mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti.
‘‘‘อติจิรํ โข, โภ, สตฺต วสฺสานิ, นาหํ สโกฺกมิ, ภวเนฺต, สตฺต วสฺสานิ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํ! คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ 33 โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ภวํ โควิโนฺท ฉพฺพสฺสานิ อาคเมตุ…เป.… ปญฺจ วสฺสานิ อาคเมตุ… จตฺตาริ วสฺสานิ อาคเมตุ… ตีณิ วสฺสานิ อาคเมตุ… เทฺว วสฺสานิ อาคเมตุ… เอกํ วสฺสํ อาคเมตุ, เอกสฺส วสฺสสฺส อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘‘Aticiraṃ kho, bho, satta vassāni, nāhaṃ sakkomi, bhavante, satta vassāni āgametuṃ. Ko nu kho pana, bho, jānāti jīvitānaṃ! Gamanīyo samparāyo, mantāyaṃ 34 boddhabbaṃ, kattabbaṃ kusalaṃ, caritabbaṃ brahmacariyaṃ, natthi jātassa amaraṇaṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā, pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’’nti. ‘‘Tena hi bhavaṃ govindo chabbassāni āgametu…pe… pañca vassāni āgametu… cattāri vassāni āgametu… tīṇi vassāni āgametu… dve vassāni āgametu… ekaṃ vassaṃ āgametu, ekassa vassassa accayena mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti.
‘‘‘อติจิรํ โข, โภ, เอกํ วสฺสํ, นาหํ สโกฺกมิ ภวเนฺต เอกํ วสฺสํ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํ! คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ , จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ภวํ โควิโนฺท สตฺต มาสานิ อาคเมตุ, สตฺตนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘‘Aticiraṃ kho, bho, ekaṃ vassaṃ, nāhaṃ sakkomi bhavante ekaṃ vassaṃ āgametuṃ. Ko nu kho pana, bho, jānāti jīvitānaṃ! Gamanīyo samparāyo, mantāyaṃ boddhabbaṃ, kattabbaṃ kusalaṃ , caritabbaṃ brahmacariyaṃ, natthi jātassa amaraṇaṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā, pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti. ‘‘Tena hi bhavaṃ govindo satta māsāni āgametu, sattannaṃ māsānaṃ accayena mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti.
‘‘‘อติจิรํ โข, โภ, สตฺต มาสานิ, นาหํ สโกฺกมิ ภวเนฺต สตฺต มาสานิ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํฯ คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ , กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ
‘‘‘Aticiraṃ kho, bho, satta māsāni, nāhaṃ sakkomi bhavante satta māsāni āgametuṃ. Ko nu kho pana, bho, jānāti jīvitānaṃ. Gamanīyo samparāyo, mantāyaṃ boddhabbaṃ , kattabbaṃ kusalaṃ, caritabbaṃ brahmacariyaṃ, natthi jātassa amaraṇaṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā, pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti.
‘‘‘เตน หิ ภวํ โควิโนฺท ฉ มาสานิ อาคเมตุ…เป.… ปญฺจ มาสานิ อาคเมตุ… จตฺตาริ มาสานิ อาคเมตุ… ตีณิ มาสานิ อาคเมตุ… เทฺว มาสานิ อาคเมตุ… เอกํ มาสํ อาคเมตุ… อทฺธมาสํ อาคเมตุ, อทฺธมาสสฺส อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘‘Tena hi bhavaṃ govindo cha māsāni āgametu…pe… pañca māsāni āgametu… cattāri māsāni āgametu… tīṇi māsāni āgametu… dve māsāni āgametu… ekaṃ māsaṃ āgametu… addhamāsaṃ āgametu, addhamāsassa accayena mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti.
‘‘‘อติจิรํ โข, โภ, อทฺธมาโส, นาหํ สโกฺกมิ ภวเนฺต อทฺธมาสํ อาคเมตุํฯ โก นุ โข ปน, โภ, ชานาติ ชีวิตานํ! คมนีโย สมฺปราโย, มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ภวํ โควิโนฺท สตฺตาหํ อาคเมตุ, ยาว มยํ สเก ปุตฺตภาตโร รเชฺชน 35 อนุสาสิสฺสาม, สตฺตาหสฺส อจฺจเยน มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘น จิรํ โข, โภ, สตฺตาหํ, อาคเมสฺสามหํ ภวเนฺต สตฺตาห’’นฺติฯ
‘‘‘Aticiraṃ kho, bho, addhamāso, nāhaṃ sakkomi bhavante addhamāsaṃ āgametuṃ. Ko nu kho pana, bho, jānāti jīvitānaṃ! Gamanīyo samparāyo, mantāyaṃ boddhabbaṃ, kattabbaṃ kusalaṃ, caritabbaṃ brahmacariyaṃ, natthi jātassa amaraṇaṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā, pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti. ‘‘Tena hi bhavaṃ govindo sattāhaṃ āgametu, yāva mayaṃ sake puttabhātaro rajjena 36 anusāsissāma, sattāhassa accayena mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti. ‘‘Na ciraṃ kho, bho, sattāhaṃ, āgamessāmahaṃ bhavante sattāha’’nti.
พฺราหฺมณมหาสาลาทีนํ อามนฺตนา
Brāhmaṇamahāsālādīnaṃ āmantanā
๓๒๔. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาลา สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ เอตทโวจ – ‘‘อญฺญํ ทานิ ภวโนฺต อาจริยํ ปริเยสนฺตุ, โย ภวนฺตานํ มเนฺต วาเจสฺสติฯ อิจฺฉามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺสฯ เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตา, ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ ‘‘มา ภวํ โควิโนฺท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ ปพฺพชฺชา, โภ, อเปฺปสกฺขา จ อปฺปลาภา จ; พฺรหฺมญฺญํ มเหสกฺขญฺจ มหาลาภญฺจา’’ติฯ ‘‘มา ภวโนฺต เอวํ อวจุตฺถ – ‘‘ปพฺพชฺชา อเปฺปสกฺขา จ อปฺปลาภา จ, พฺรหฺมญฺญํ มเหสกฺขญฺจ มหาลาภญฺจา’’ติฯ โก นุ โข, โภ, อญฺญตฺร มยา มเหสกฺขตโร วา มหาลาภตโร วา! อหญฺหิ, โภ, เอตรหิ ราชาว รญฺญํ พฺรหฺมาว พฺราหฺมณานํ 37 เทวตาว คหปติกานํฯ ตมหํ สพฺพํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภ, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ ‘‘สเจ ภวํ โควิโนฺท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ
324. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena te satta ca brāhmaṇamahāsālā satta ca nhātakasatāni tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te satta ca brāhmaṇamahāsāle satta ca nhātakasatāni etadavoca – ‘‘aññaṃ dāni bhavanto ācariyaṃ pariyesantu, yo bhavantānaṃ mante vācessati. Icchāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriyaṃ pabbajituṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa. Te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā, pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti. ‘‘Mā bhavaṃ govindo agārasmā anagāriyaṃ pabbaji. Pabbajjā, bho, appesakkhā ca appalābhā ca; brahmaññaṃ mahesakkhañca mahālābhañcā’’ti. ‘‘Mā bhavanto evaṃ avacuttha – ‘‘pabbajjā appesakkhā ca appalābhā ca, brahmaññaṃ mahesakkhañca mahālābhañcā’’ti. Ko nu kho, bho, aññatra mayā mahesakkhataro vā mahālābhataro vā! Ahañhi, bho, etarahi rājāva raññaṃ brahmāva brāhmaṇānaṃ 38 devatāva gahapatikānaṃ. Tamahaṃ sabbaṃ pahāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāmi. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā. Pabbajissāmahaṃ, bho, agārasmā anagāriya’’nti. ‘‘Sace bhavaṃ govindo agārasmā anagāriyaṃ pabbajissati, mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti.
ภริยานํ อามนฺตนา
Bhariyānaṃ āmantanā
๓๒๕. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ เยน จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโย เอตทโวจ – ‘‘ยา โภตีนํ อิจฺฉติ, สกานิ วา ญาติกุลานิ คจฺฉตุ อญฺญํ วา ภตฺตารํ ปริเยสตุฯ อิจฺฉามหํ, โภตี, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ยถา โข ปน เม สุตํ พฺรหฺมุโน อามคเนฺธ ภาสมานสฺส, เต น สุนิมฺมทยา อคารํ อชฺฌาวสตาฯ ปพฺพชิสฺสามหํ, โภตี, อคารสฺมา อนคาริย’’นฺติฯ ‘‘ตฺวเญฺญว โน ญาติ ญาติกามานํ, ตฺวํ ปน ภตฺตา ภตฺตุกามานํฯ สเจ ภวํ โควิโนฺท อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, มยมฺปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสาม, อถ ยา เต คติ, สา โน คติ ภวิสฺสตี’’ติฯ
325. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo yena cattārīsā bhariyā sādisiyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā cattārīsā bhariyā sādisiyo etadavoca – ‘‘yā bhotīnaṃ icchati, sakāni vā ñātikulāni gacchatu aññaṃ vā bhattāraṃ pariyesatu. Icchāmahaṃ, bhotī, agārasmā anagāriyaṃ pabbajituṃ. Yathā kho pana me sutaṃ brahmuno āmagandhe bhāsamānassa, te na sunimmadayā agāraṃ ajjhāvasatā. Pabbajissāmahaṃ, bhotī, agārasmā anagāriya’’nti. ‘‘Tvaññeva no ñāti ñātikāmānaṃ, tvaṃ pana bhattā bhattukāmānaṃ. Sace bhavaṃ govindo agārasmā anagāriyaṃ pabbajissati, mayampi agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāma, atha yā te gati, sā no gati bhavissatī’’ti.
มหาโควินฺทปพฺพชฺชา
Mahāgovindapabbajjā
๓๒๖. ‘‘อถ โข, โภ, มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ ปพฺพชิตํ ปน มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ สตฺต จ ราชาโน ขตฺติยา มุทฺธาวสิตฺตา สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาลา สตฺต จ นฺหาตกสตานิ จตฺตารีสา จ ภริยา สาทิสิโย อเนกานิ จ ขตฺติยสหสฺสานิ อเนกานิ จ พฺราหฺมณสหสฺสานิ อเนกานิ จ คหปติสหสฺสานิ อเนเกหิ จ อิตฺถาคาเรหิ อิตฺถิโย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา มหาโควินฺทํ พฺราหฺมณํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชิํสุฯ ตาย สุทํ, โภ, ปริสาย ปริวุโต มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ คามนิคมราชธานีสุ จาริกํ จรติฯ ยํ โข ปน, โภ, เตน สมเยน มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ คามํ วา นิคมํ วา อุปสงฺกมติ, ตตฺถ ราชาว โหติ รญฺญํ, พฺรหฺมาว พฺราหฺมณานํ, เทวตาว คหปติกานํฯ เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ขิปนฺติ วา อุปกฺขลนฺติ วา เต เอวมาหํสุ – ‘‘นมตฺถุ มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส, นมตฺถุ สตฺต ปุโรหิตสฺสา’’’ติฯ
326. ‘‘Atha kho, bho, mahāgovindo brāhmaṇo tassa sattāhassa accayena kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbaji. Pabbajitaṃ pana mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ satta ca rājāno khattiyā muddhāvasittā satta ca brāhmaṇamahāsālā satta ca nhātakasatāni cattārīsā ca bhariyā sādisiyo anekāni ca khattiyasahassāni anekāni ca brāhmaṇasahassāni anekāni ca gahapatisahassāni anekehi ca itthāgārehi itthiyo kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā mahāgovindaṃ brāhmaṇaṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajitaṃ anupabbajiṃsu. Tāya sudaṃ, bho, parisāya parivuto mahāgovindo brāhmaṇo gāmanigamarājadhānīsu cārikaṃ carati. Yaṃ kho pana, bho, tena samayena mahāgovindo brāhmaṇo gāmaṃ vā nigamaṃ vā upasaṅkamati, tattha rājāva hoti raññaṃ, brahmāva brāhmaṇānaṃ, devatāva gahapatikānaṃ. Tena kho pana samayena manussā khipanti vā upakkhalanti vā te evamāhaṃsu – ‘‘namatthu mahāgovindassa brāhmaṇassa, namatthu satta purohitassā’’’ti.
๓๒๗. ‘‘มหาโควิโนฺท, โภ, พฺราหฺมโณ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหาสิฯ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา…เป.… อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหาสิ สาวกานญฺจ พฺรหฺมโลกสหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสิฯ
327. ‘‘Mahāgovindo, bho, brāhmaṇo mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā vihāsi, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā vihāsi. Karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā…pe… abyāpajjena pharitvā vihāsi sāvakānañca brahmalokasahabyatāya maggaṃ desesi.
๓๒๘. ‘‘เย โข ปน, โภ, เตน สมเยน มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส สาวกา สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานิํสุฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชิํสุฯ เย น สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานิํสุ, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อเปฺปกเจฺจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ; อเปฺปกเจฺจ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ตุสิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ยามานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ตาวติํสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ; อเปฺปกเจฺจ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิํสุ; เย สพฺพนิหีนํ กายํ ปริปูเรสุํ เต คนฺธพฺพกายํ ปริปูเรสุํฯ อิติ โข, โภ 39, สเพฺพสํเยว เตสํ กุลปุตฺตานํ อโมฆา ปพฺพชฺชา อโหสิ อวญฺฌา สผลา สอุทฺรยา’’’ติฯ
328. ‘‘Ye kho pana, bho, tena samayena mahāgovindassa brāhmaṇassa sāvakā sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājāniṃsu. Te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ brahmalokaṃ upapajjiṃsu. Ye na sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājāniṃsu, te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā appekacce paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu; appekacce nimmānaratīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu; appekacce tusitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu; appekacce yāmānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu; appekacce tāvatiṃsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu; appekacce cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjiṃsu; ye sabbanihīnaṃ kāyaṃ paripūresuṃ te gandhabbakāyaṃ paripūresuṃ. Iti kho, bho 40, sabbesaṃyeva tesaṃ kulaputtānaṃ amoghā pabbajjā ahosi avañjhā saphalā saudrayā’’’ti.
๓๒๙. ‘‘สรติ ตํ ภควา’’ติ? ‘‘สรามหํ, ปญฺจสิขฯ อหํ เตน สมเยน มหาโควิโนฺท พฺราหฺมโณ อโหสิํฯ อหํ เตสํ สาวกานํ พฺรหฺมโลกสหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสิํฯ ตํ โข ปน เม, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาฯ
329. ‘‘Sarati taṃ bhagavā’’ti? ‘‘Sarāmahaṃ, pañcasikha. Ahaṃ tena samayena mahāgovindo brāhmaṇo ahosiṃ. Ahaṃ tesaṃ sāvakānaṃ brahmalokasahabyatāya maggaṃ desesiṃ. Taṃ kho pana me, pañcasikha, brahmacariyaṃ na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati, yāvadeva brahmalokūpapattiyā.
อิทํ โข ปน เม, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ กตมญฺจ ตํ, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิฯ อิทํ โข ตํ, ปญฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ
Idaṃ kho pana me, pañcasikha, brahmacariyaṃ ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati. Katamañca taṃ, pañcasikha, brahmacariyaṃ ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati sammāsamādhi. Idaṃ kho taṃ, pañcasikha, brahmacariyaṃ ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati.
๓๓๐. ‘‘เย โข ปน เม, ปญฺจสิข, สาวกา สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, เต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ; เย น สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, เต ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา โหนฺติ ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ เย น สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, อเปฺปกเจฺจ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน โหนฺติ สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ 41ฯ เย น สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานนฺติ, อเปฺปกเจฺจ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา โหนฺติ อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณาฯ อิติ โข, ปญฺจสิข, สเพฺพสํเยว อิเมสํ กุลปุตฺตานํ อโมฆา ปพฺพชฺชา 42 อวญฺฌา สผลา สอุทฺรยา’’ติฯ
330. ‘‘Ye kho pana me, pañcasikha, sāvakā sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājānanti, te āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharanti; ye na sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājānanti, te pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā honti tattha parinibbāyino anāvattidhammā tasmā lokā. Ye na sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājānanti, appekacce tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmino honti sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissanti 43. Ye na sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājānanti, appekacce tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā honti avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā. Iti kho, pañcasikha, sabbesaṃyeva imesaṃ kulaputtānaṃ amoghā pabbajjā 44 avañjhā saphalā saudrayā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน ปญฺจสิโข คนฺธพฺพปุโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano pañcasikho gandhabbaputto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tatthevantaradhāyīti.
มหาโควินฺทสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Mahāgovindasuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahāgovindasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๖. มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahāgovindasuttavaṇṇanā